1
ใจกลางความทรงจำ
ผมชอบความพอดี..
นั่นเป็นวลีที่ผมชอบพูดมากที่สุดรองจากคำว่าเหี้_
โธ่ มันต้องมีบ้างแหละที่จะต้องหลุดคำอุทานที่ใครก็ไม่รู้นิยามว่ามันเป็นคำหยาบ
ผมมักหงุดหงิดเสมอ เมื่อมีใครซักคนนึงทำอะไรหลุดกรอบ เป็นต้นว่า แซงคิว หรืออะไรก็ตาม มันจะยากซักแค่ไหนกับการทำตามกฎ ทำอะไรที่ไม่ล้นกว่าคนอื่น อาจจะเป็นเพราะผมเป็นลูกคนกลาง เห็นพี่ชายเรียกร้องน้อยไป มองน้องชายเรียกร้องเยอะเกิน แถมผมยังมีชื่อสุดตรงแด่วว่า “คนกลาง”
ไอ้เพื่อนตัวดีของผมอย่างไอ้โจ๊กมักจะเรียกผมว่าชายกลาง แต่ก็ดีกว่ามันเรียกผมว่ากลางคนล่ะมั้ง แต่ คน กับ ชาย มันจะสะกดคล้ายกันตรงไหนวะ
ตั้งแต่จำความได้ผมก็ทำหน้าที่คนกลางสำหรับพี่น้องมาโดยตลอด ผมพยายามรักษาระดับความพอดีของการใช้ชีวิตไว้ คำว่าคนกลางสำหรับผมมันน่าเบื่อสุดๆ ผมห้ามตัวเองไม่ให้ยุ่งเรื่องเกินพอดีของคนอื่น ผมจึงเรียนชั้นประถมได้อย่างมีความสุข
จนวันนึงที่ผมต้องทำหน้าที่ “คนกลาง” ที่โรงเรียนเป็นครั้งแรก
วันนั้นเป็นวันที่หนาวที่สุดของภาคเหนือ
ติ๊ง
Joker manyu ได้เพิ่มคุณเข้าร่วมกลุ่ม YT49
ส่วนบ่ายวันนี้ร้อนสุดๆ และไอ้โจ๊กได้ลากความทรงจำของผมไปสู่ชั้นประถมอีกครั้ง
เด็กชายตัวเล็ก ผมรองทรงยืนก้มหน้าอยู่กลางห้องเรียน มันใส่เสื้อกันหนาวมีฮู้ดสีแดงซึ่งตัดกับกางเกงนักเรียนชายสีน้ำเงินเป็นอย่างมาก แก้มย้วยๆ ของมันสั่นน้อยๆ คงเป็นเพราะมันขบริมฝีปากตัวเองไว้ ส่วนคนที่ยืนตรงข้ามสูงกว่ามากโข มันมีผิวสีแทนเพราะเป็นนักฟุตบอลของโรงเรียนแถมยังมีพรรคมีพวกหลายคน ลูกกระเดือกของเด็กชายตรงข้ามขยับขึ้นลงเมื่อตอนกลืนน้ำลาย นายคนนี้เป็นเด็กชายวัย 12 ที่แตกหนุ่มก่อนเพื่อนทั้งชั้นเรียน เพราะแบบนั้นจึงทำให้ไอ้ตัวเล็กที่ก้มหน้าก้มตาอยู่ฝั่งตรงข้ามกลายเป็นเด็กแคระไปเลย
“ไอ้เปามึงมันลูกแหง่ ทำอะไรก็ไม่เป็น ไม่ได้เรื่อง เดี๋ยวก็กลับบ้านร้องไห้ไปฟ้องพ่อกับพี่มึงอีก”
เด็กตัวสูงเริ่มเปิดศึก เจ้านี่มีชื่อว่าเกมส์ เด็กเฮี้ยวประจำ ป.6 มันเกเรแต่ก็ร้ายเอาเรื่องเพราะเป็นถึงนักฟุตบอลอนาคตไกล เตรียมเทรนกับสโมสรดังของประเทศ ส่วนไอ้เด็กเตี้ยข้างหน้า มันชื่อเปา ผอมแห้งแรงน้อย ไม่ค่อยมีปากมีเสียงกับใคร มันชอบเล่นคนเดียวบ้าง บางทีก็เผลอพูดคนเดียวก็มี
แต่เหตุที่ผมต้องให้มันยืนข้างหลังผมก็เพราะว่า เจ้านี่มันเหมือนน้องชายของผม ไม่เหมือนน้องชายของผมที่บ้านนะ ผมแค่รู้สึกว่ามันต้องมีใครดูแล ผมชอบดึงผมมันเล่น แล้วบอกว่าผมนุ่มเหมาะมือ ก่อนจะถามต่อไปอีกว่าใช้ยาสระผมยี่ห้ออะไร มันตอบกลับมาว่า “ตรานกกระปูดแดง” เสียงเป็ดของมันดูตลกดี การได้กวนมันให้หรี่ตามองด้วยความรำคาญเป็นเรื่องที่สนุกไปอีกแบบ
เหตุการณ์ตอนที่ผมอยู่ ป.5 คงเป็นจุดเปลี่ยนสำหรับผมและไอ้เปา ก็ตอนนั้นน่ะ...ไอ้นี่มันขี้โรคเผลออ้วกในห้อง ไอ้เกมส์ยี้เสียงหลง มาสเตอร์อภิรักษ์บอกให้เพื่อนในห้องช่วยเช็ดอ้วก แต่ไม่มีใครลุกมาซักคน ไอ้เปาก้มหน้าหงอยก่อนจะเดินไปหยิบไม้ถูพื้นตรงมุมทำความสะอาด ท่าทางเก้ๆ กังๆ มองดูแล้วคงจะทำอะไรไม่เป็น และผมไม่เข้าใจความคิดของคนมากนัก แต่พอเห็นแล้วก็สงสัยว่าทำไมไม่มีใครลุก ผมยืนขึ้นแล้วแย่งไม้ถูพื้นจากกมือไอ้เปามาเช็ด ตัวผอมขนาดนี้จะทำอะไรได้ จากนั้นเราก็เริ่มคุยกันมากขึ้น
หลายคนคงจะงงว่าทำไมหัวหน้าห้องอย่างคนกลางจะแปรพักตร์จากคนส่วนมากมาเล่นกับไอ้เปาที่ไม่มีใครคบ โดยเฉพาะไอ้เกมส์มันมองผมตาเขียวปั๊ดทุกครั้งที่ผมคุยกับไอ้เปา
ครั้งนี้ก็เหมือนกัน
“โดนไปกี่แผล” ผมถาม
“...” ไอ้เปาเงยหน้าขึ้นมามอง เม้มปากจนลักยิ้มแก้มขวาปรากฏเป็นร่อง มันเลิกแขนเสื้อมาให้ผมดูเเทนคำตอบ
“ทำไมมึงต้องยอมตลอดวะ คนเรามันเท่าเทียมนะเว้ย”
“...”
“เมื่อไหร่มึงจะสู้คนซักที” ผมทิ้งท้ายแล้วมองมันอย่างผิดหวัง ไอ้เปามันโดนแบบนี้ทุกอาทิตย์และทุกอาทิตย์ ไม่แผลตามตัวก็รองเท้าหาย แว่นตาว่ายน้ำหายบ้าง ผมเห็นมันโดนพ่อฟาดกับตา เพราะตอนนั้นของที่แพงสำหรับนักเรียนวัยประถมก็มีไม่กี่อย่างที่ต้องรักษาดีๆ
“ไอ้กลาง มึงอย่าเสือกได้มั้ยวะ”
ไอ้เกมส์กอดอกมองหน้าผม ชุดนักเรียนประถมดูเด็กไปเลยเมื่ออยู่บนตัวมัน ผมมองหน้าไอ้เปาที่กลับไปก้มหน้ากำหมัดเหมือนเดิม มันไม่เคยตอบโต้อะไรเลย เพื่อนคนอื่นที่มุงดูก็ไม่เบื่อที่จะดูทุกครั้ง
“มึงพอเถอะไอ้เกมส์ อีกไม่กี่เดือนก็จะแยกย้ายกันแล้วนะเว้ย”
“แล้วไงวะ ไอ้อ่อนนี่มันก็กวนตีน เสือกให้พ่อไปฟ้องมาสเตอร์ว่ากูขโมยของมันไป เหอะ บ้านกูมีปัญญาซื้อเองเถอะ ไม่จนเหมือนมัน”
มันคงแปลกใจที่คนอย่างไอ้กลางที่ไม่ชอบมีปัญหากับใคร ถึงกล้ามายืนจ้องหน้ามันท่ามกลางสายตาเพื่อนนับสิบ ในตอนนั้นผมพูดขึ้นอย่างสุดทน
“มึงเลิกแกล้งมันได้มั้ยวะ”
“ไม่เลิก แต่ถ้ากูเลิก...มึงต้องมาเป็นพวกกู”
ไอ้เกมส์พูดชัดถ้อยชัดคำ ผมมองไอ้เกมส์ก่อนจะหันไปมองไอ้เปา น้องชายของผม และการเป็นคนกลางของผมเริ่มเอนเอียงตั้งแต่นั้น อาจเป็นเพราะผมไม่อยากเห็นมันโดนแกล้งอีกแล้ว ไอ้เกมส์ยิ้มแสยะลูกกระจ๊อกของมันหัวเราะส่งเสียงครืนๆ ไปทั่วห้อง ผมกำลังก้าวเท้าออกจากกรอบ เพื่อช่วยเพื่อนที่ผมรักคนหนึ่ง
“ถ้ามึงเลิกแกล้งมัน กูจะอยู่กับมึง”
เสี้ยววินาทีนั้นไอ้เปากระตุกชายเสื้อกันหนาวของผมเหมือนกับว่ามันตกใจอย่างรุนแรง ผมกำลังทำให้มันเข้าสู่วังวนความโดดเดี่ยวเหมือนตอนที่มันย้ายโรงเรียนมาใหม่ๆ ไอ้เปา อดทนนะเว้ยอีกไม่กี่เดือน ผมตบบ่ามันเบาๆ พลางส่งสายตาให้หวังว่ามันจะเข้าใจสิ่งที่ผมทำ กูจะช่วยมึงเอง
แต่ในตอนนั้นผมไม่รู้ว่า.... บางทีมันอาจจะยอมโดนแกล้งตลอดไปแล้วเป็นเพื่อนกับผมเหมือนเดิมดีกว่าให้ผมกลายเป็นพวกไอ้เกมส์
ผมไม่รู้
พอคิดอะไรได้ มันก็หลังจากนั้นหลายปี
“ฮ่าๆๆ ไงล่ะไอ้อ่อน อยู่คนเดียวไปเถอะมึง”
รอบตัวผมอื้ออึงไปด้วยเสียงหัวเราะสะใจ นาทีนั้นผมได้แต่มองหน้ามันที่เอาแต่ก้มหน้า หลังจากนั้นไม่กี่อาทิตย์มันก็ย้ายโรงเรียน ย้ายไปไหนก็ไม่รู้ และเรื่องราวของไอ้นกกระปูดแดงก็ค่อยๆ เลือนหายไป
ติ๊ง
Joker manyuกดเข้าร่วมด้วยไอ้กลาง
เสียงแจ้งเตือนจากเฟซบุ๊กระชากผมกลับสู่โลกความจริงอีกครั้ง ตอนนี้เราอยู่ช่วงปิดเทอมเตรียมพร้อมเข้าสู่โลกมหาวิทยาลัย ผมกับไอ้โจ๊กเป็นคนเหนือ อยากท้าทายความแปลกใหม่ตัดสินใจเลือกแอดมิดชั่นที่กรุงเทพฯ อาทิตย์หน้าผมก็จะเดินทางไปหอพักกับไอ้โจ๊ก ส่วนข้าวของต่างๆ ผมส่งไปหอพักก่อนเรียบร้อยแล้ว เรามันชายแมนๆ ไม่มีของใช้อะไรมาก
Joker manyuกดยังงงงงง
Khonklang KP
แปปดิวะ
เออ กดละ
Joker manyuมึ้งงงง ไอ้เชี่ยย มึงส่องด่วน มึงจำอีเจี๊ยบได้มั้ยตอนนี้เป็นแฟนกับไอ้ไรไม่รู้ตัวดำๆ ตอนป. 6 อยู่ห้อง 5 ขนาดแยกกันไปเรียนคนละที่แล้วนะแม่งแบบพวกมึงนี่ไม่หาคนไกลๆ ตัวบ้างหรอวะ
ผมคุยกับมันเรื่องเพื่อนเก่าอีกสักพักนึงก่อนที่มันจะขอตัวไปทักทายสาวเพื่อนเก่า กลุ่มที่ไอ้โจ๊กลากผมเข้าร่วมคือกลุ่มโรงเรียนประถมที่แม่งคึกอะไรกันก็ไม่รู้ ผมลากสายตามองโพสต์ที่เพื่อนวัยเด็กทักทายกัน เฮ้ย ไอ้วินนี่หน้าเปลี่ยนมาก ไอ้เจก็สูงตอนเด็กโคตรเตี้ย ผมหัวเราะกับตัวเองอย่างบ้าคลั่ง แต่ในใจแอบหวังว่าอาจจะมีคนที่ผมกำลังคิดถึงอยู่ก็ได้
น้องชายนกกระปูดแดง
หลายๆ คนในกลุ่มหน้ามีเค้าเดิมแต่ถ้ามองแวบแรก ผมก็จำไม่ได้เหมือนกัน แน่ล่ะ เราแยกกันมาตั้ง 6 ปี แถมบางคนที่มาเรียนต่อมัธยมโรงเรียนเดียวกัน จากเคยสนิทกัน เดินผ่านก็แทบไม่ยิ้มให้กันแล้ว แต่ยังมีไอ้โจ๊กเนี่ยแหละตอนประถมมันอยู่ห้องท้าย พึ่งจะมาสนิทกันตอนเข้ามัธยม แล้วก็ติดหนึบผมจนน่ารำคาญ นึกถึงเพื่อนสมัยเด็ก ผมก็พยายามนึกหน้าไอ้นกกระปูดตอนโตแต่ก็นึกไม่ออกเพราะภาพในความทรงจำวัยเด็กจำได้แค่ภาพเด็กผอม แก้มตุ่ย ผมชี้โด่ขี้เด่ ท่าทางไม่มั่นใจในตัวเอง แถมชอบพึมพำอะไรคนเดียวอยู่เรื่อย
ติ๊ง
Games BAEUไอ้กลางป่ะ?
ใครวะ เสียงแจ้งเตือนจากแชทเด้งขึ้นมาแทรกเสียงเพลงป๊อปที่ผมเปิดไว้เบาๆ ผมคลิกเข้าไปดูหน้าโปรไฟล์นึกตั้งนานถึงร้องอ๋อ
Khonklang KP
เออกูกลางเอง มึงไอ้เกมส์ใช่มั้ย?
ไม่เจอกันนาน หน้าไม่เปลี่ยนเลยนะมึง
Games BAEUส่วนหน้ามึง กูก็จะเกือบไม่ได้ละ ไอ้โจ๊กบอกกูว่านี่เฟซมึง
Khonklang KP
แล้วนึกไงทักกูมาวะ
Games BAEUก็เปล่า นึกถึงเรื่องเก่าได้ไอ้สัด
Khonklang KP
เรื่องไรวะ ว่าแต่มึงเถอะ เป็นนักฟุตบอลแล้วอ่ะดิ
Games BAEUเออกูก็ไม่ได้มุ่งเรียนมาแต่แรกแล้วเนี้ย จบ ม.6 กูก็เข้าแคมป์เลย
Khonklang KP
สโมสรไรนะมึงอะ กูไม่ค่อยรู้เรื่องบอลไรกะเค้า ตีฮอนอย่างเดียว
555
Games BAEU555
ไอ้เชี่ย กูอยู่บีเออี ยูไนเต็ด
Khonklang KP
เฮ้ย เจ๋งว่ะ
แล้วผมก็คุยเรื่องเพื่อนคนอื่นอีกซักพัก น่าแปลกที่เรื่องราวบาดหมางสมัยเด็กจางหายไป ผ่านมา 6 ปี โตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาอีกนิด พวกผมก็คุยกันได้เหมือนเดิมเหมือนกับเรื่องเก่าๆ เป็นเพียงแค่ความทรงจำให้พอนึกถึงแล้วได้ยิ้มบ้าง
Games BAEUเออ ไอ้กลาง
Khonklang KP
ว่า
Games BAEUมึงจำไอ้เปาได้ป่ะ
... Games BAEU กำลังพิมพ์ ....
ไอ้เด็กน้อยนั่นน่ะหรอ...
“กลางงงงงงงง กลางงงงงงงง”
เฮือก! ผมสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงเรียกโคตรดังแหวกอากาศมาพร้อมกับเสียงวิ่งขึ้นบันไดตุ้บๆ ไอ้ตัวดีกระชากประตูห้องนอนผม แล้วยืนจังก้าจ้องผม
“อะไรน่ะเล็กเสียงดังทำไม”
“เล็กเรียกหลายครั้งแล้วกลาง”
“แล้วทำไมอะ มีอะไร”
“กลางลงไปข้างได้แล้ว เร็วๆๆๆ”
ไอ้เด็กนี้มันเอาแต่ใจเหลือเกินครับ ลูกคนเล็กของบ้านอายุ 16 ตัวโตอย่างกับตึก ออกกำลังกายเล่นบาสกับพี่ชายคนโตทุกวัน มีแต่ผมเนี่ยแหละ หยุดสูงมาสองปีแล้ว แต่ก็ไม่เตี้ยนะครับ
“...” ผมมองหน้ามันนิ่ง เล็กลากเก้าอี้คอมผมมาใกล้ประตู นิ้วที่กำลังจะพิมพ์ตอบเพื่อนยกค้างไว้อย่างนั้น
“กลางเล่นคอมมา 3 ชั่วโมงแล้ว ถึงตาเล็กเล่นบ้าง นัดกับเพื่อนไว้เล่นเกม”
“เล็ก แต่กลางใช้อยู่”
“ไม่ แม่บอกคนละ 3 ชั่วโมง ลงไปเลยโตรออยู่ จะพาไปซื้อมือถือ”
ผมลอบถอนหายใจก่อนจะปล่อยให้ไอ้เด็กชื่อเล็กเข้ามานั่งแทนผม หน้ามันบานเป็นกระด้ง กูว่านัดสาวคุยชัวร์ บ้านผมไม่ได้ฐานะร่ำรวยและมีลูกชายอายุไล่เลี่ยกันสามคน แม่มักจะมีกฎของบ้านไว้เสมอ เราต้องแบ่งกันตั้งแต่เด็ก ผมจะต้องเสียสละให้น้อง ยอมให้พี่เสมอ ส่วนเรื่องโทรศัพท์มือถือผมก็ไม่มีกับเค้าหรอกครับ ไม่รู้จะใช้ทำไม ผมทุ่มเทเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยเลยตั้งใจว่าจะไม่ใช้โทรศัพท์เด็ดขาดแถมบ้านยังใกล้โรงเรียนใจกลางเมืองอีก ผมเป็นคนติดบ้าน ไม่มีเหตุผลที่ผมต้องใช้มือถือเลยซักนิด แต่ตอนนี้จะต้องไปเรียนห่างพ่อห่างแม่ต้องมีซักหน่อยเผื่อเวลาคิดถึงกัน
ผมเดินลงมาข้างล่างเห็นโตกำลังนั่งดูโทรทัศน์กับพ่อแม่ พี่ชายผมเป็นคนสุขุม แต่จะกวนตีนเวลาอยู่กับผมและน้องเมื่ออยู่ตามลำพัง
“กลางมาพอดีเดี๋ยวพี่โตจะไปส่ง จะได้เลือกฟังก์ชั่นที่มันเอาไว้ใช้เรียนด้วย ไอ้แอพเอิ๊พอะไรนั่นน่ะ”
นั่นแหละครับ แม่ผมยังจะเก่งเรื่องเทคโนโลยีมากกว่าผมอีก แม่หันมาพูดเรื่องโทรศัพท์กับผมอีกสองสามคำ ผมตอบรับก่อนจะพุ่งไปนอนซบพุงพ่อ “พ่อ เล็กมันกวนกลาง”
“ฮะๆ เมื่อกี้ยังนั่งจ้ออยู่นี่อยู่เลย ไอ้เล็กนี่มันไอ้เล็กจริงๆ เลย ขี้หวงพี่”
“เกี่ยวอะไรกับหวงอะพ่อ มันจะไปคุยกับสาว”
“ก็วันหยุดทั้งทีกลางเล่นแต่คอม ไม่สนใจคุยกับน้อง เล็กมันเลยไปเรียกร้องความสนใจน่ะสิ”
แม่ตอบแทนพ่อ พ่อที่นั่งอยู่หัวเราะต่ำแต่พุงกระเพื่อมสั่นมาถึงหัวผม คุยกับพ่อแม่ได้ไม่นานก็ลุกมาเตรียมตัวไปซื้อมือถือ พี่โตแต่งหล่อหยิบกระเป๋าตังค์ โทรศัพท์ กุญแจรถก็พร้อมออกจากบ้าน
“ป่ะ ไปดูมือถือกัน อยากได้แบบไหนอะเรา”
ผมไม่นิยมอะไรหวือหวา เอาแค่ใช้ได้เป็นพอ เห็นไอ้โจ๊กติดมือถือเป็นบ้าเป็นหลังดีแล้วหงุดหงิด ดีที่ผมเคี่ยวเข็ญมันอ่านหนังสือ มันถึงได้ปล่อยมือถือบ้าง ไม่งั้นล่ะก็คะแนนเข้ามหาลัยเน่าแน่
“เอากลางๆ พอดีๆ”
“ฮ่าๆ ไอ้กลางเอ้ย”
พี่โตขยี้หัวผมด้วยความหมั่นไส้ สาวที่เดินผ่านมองตาค้างเป็นแถว พี่ชายผมเรียนเภสัชอยู่ที่นี่ครับจะขึ้นปี 4 แล้ว มีแต่ผมที่แหวกแนวไปเรียนกรุงเทพฯ พ่อแม่ไม่เท่าไหร่แต่ไอ้เล็กเนี่ยสิ บ่นเป็นหมีกินผึ้ง ส่วนพี่โตก็มองนิ่งๆ แต่ผมรู้ว่าในใจด่ากูแน่นอน
“แน่ใจนะอยู่ได้อ่ะ”
“แน่ดิ” ถามผมรอบที่ร้อยแล้วครับ พี่โตนี่ยิ่งกว่าพ่ออีกบางที ผมตอบไปทีแล้วพลิกดูโทรศัพท์กลางๆ ของผม
“ไม่ใช่เอาสาวมานอน รับผิดชอบเองนะ”
“กวนตีนละโต บอกตัวเองเหอะ”
“บอกทำไม ไม่เคย”
“ไม่เคยครั้งเดียวสิมึง”
“ขึ้นมึง ฟ้องไอ้เล็กแน่”
“เออ ไม่ต้องห่วงน่า กลางไม่ชอบความวุ่นวาย อยู่คนเดียวเงียบๆ พอ”
“พ่อคนกลัวเสียสมดุลชีวิต อะไรมากอะไรน้อยนี่ไม่ได้เชียว”
“อ่ะดิ ผมชอบพอดีๆ”
ใครจะไปคิดวะ ว่าชีวิตผมต้องเผชิญความล้นของอะไรบางอย่าง แล้วความล้นนี่ทำให้ผมเสียความพอดีไป...เอ่อ มากเลยทีเดียว
ติ๊ง
Games BAEUไอ้กลางหายไปไหนวะ
กูจะบอกว่ากูเจอไอ้เปาเมื่อตอนกีฬามัธยม เห็นมาด้อมๆ มองๆ แถวแสตนโรงเรียนมึงอะ
ตอนแรกก็ไม่คุ้นหรอก ให้ไอ้นิคไปถาม
นึกว่าใครทีไหน หล่อแทบจำไม่ได้
มึงตกใจแหง กูยังผงะ
แต่มันแปลกอยู่อย่างนึงเว้ย
ไอ้กลาง
ไอ้เชี่ยกลาง
อยู่ป่ะเนี่ยไอ้สัด
อ่านไม่ตอบอะไรของมึง
Khonklang KP
พี่ผมไปทำธุระครับ
ไอ้เด็กแสบจอมหวงพี่แสยะยิ้ม ไอ้นี่เองสินะที่ทำให้พี่เขาไม่สนใจ มัวแต่เล่นคอมพิวเตอร์อยู่ได้ เด็กปิศาจหางโผล่ เลื่อนมือขวาไปกดปุ่มนั้นอย่างไม่ลังเล
ลบการสนทนา
“เล็กทำไรกับเฟซบุ๊กพี่”
“เปล่าทำ”
“แล้วทำไมแชทพี่แม่งว่างงี้วะ”
“เล็กจะไปรู้หรอ ตอนจะเล่นเน็ตมันหลุดไปแปบนึง”
ไอ้เล็กพูดน้ำเสียงธรรมดาไม่มีสะดุด เนียนนัก “แล้วกลางหยุดพูดคำหยาบซักทีได้มั้ย มันระคายหู” เล็กกอดอกหรี่ตามองผม พร้อมกับเอานิ้วเขี่ยรูหู กวนตีนชิบ เดี๋ยวนะผมว่าสถานการณ์มันจะเปลี่ยนแล้ว
“เออ ขอโทษ” ผมว่าอย่างหงุดหงิด กูเนี่ยแหละเปลี่ยน
“ละจะคุยอะไรนักหนา เฟซบุ๊กเนี่ย ไอ้คนชื่อเกมส์อะไรนั่นอ่ะ”
ไหนมันบอกไม่ได้ทำอะไร แล้วรู้ได้ไงวะ “ไม่ได้นักหนา พึ่งเจอเฟซเพื่อนเก่า”
ขี้เกียจเถียงกับมัน เอาเป็นว่า ไอ้เล็กบ่นยาวเหยียด เป็นเสียงงึมงำอยู่ในลำคอ ผมมองหน้าจอคอมอีกครั้ง..เออ เดี๋ยวค่อยทักแชทไปคุยกับไอ้เกมส์ใหม่ละกัน ตอนนี้ขอจัดการไอ้เด็กปากดีซะหน่อย
“แม่!!!!!!” ไอ้ตัวดีแหกปากลั่น เมื่อผมลงโทษมันด้วยความหมั่นไส้ จุดอ่อนของเล็กคือห้ามกอด ถ้ากอดปุ๊บจะมีปฏิกิริยาทันที มันเคยบอกว่าความเกร็งมันแล่นพล่านไปถึงไขสันหลัง
“พี่โต!!!!!!!!!!! ช่วยเล็กด้วย กลางมันจะฆ่าเล็กกกกกกกก”
“อ๊ากกกกกกก ยอมแล้วๆๆๆๆ ปล๊อยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!!!!”
“คราวหลังอย่าแอบส่องของกลางอีกเข้าใจ๊ ไอ้น้อง”
“อ๊ากกกกกกกกกกกกก(เสียงสูง)”
โอ้ย หูจะแตก
“ไม่ลืมอะไรแล้วนะลูก”
“ครับแม่”
ค่ำนี้ครอบครัวผมเดินทางมาส่งผมที่อาเขต ส่วนไอ้โจ๊กนั่งน้ำตาซึมเหตุเพราะว่าแม่ติดธุระมาส่งไม่ได้ ไหนบอกแมนๆ ผมไหว้พ่อแม่อีกครั้ง พี่โตเดินมาตบไหล่เบาๆ พลางเหล่ไปที่ไอ้เล็กที่กำลังนั่งกดโทรศัพท์มือถือยิกๆ
“ไปละนะ”
“...”
“เล็กไปละนะ....” ไอ้เล็กเหลือบมองผมแวบนึง ตามันแดงๆ ครับ ส่วนผมก็ได้แต่หัวเราะเบาๆ กับอาการที่ใครก็ขัดใจพี่ไม่ได้
“อย่างอแงนะเล็กโตแล้ว ตั้งใจเรียน”
“เออน่า กลางก็ตอบไลน์ด้วยละกัน อย่าเงียบหายไม่งั้นตามถึงที่แน่”
“น้องหรือพ่อกูวะเนี่ย”
พี่โตยืนขำเงียบๆ “โชคดี ตั้งใจเรียนนะกลาง”
“ครับ”
เอาล่ะครับ ชีวิตมหาลัยของผมกำลังจะเริ่มขึ้น
....................................................