รักนี้มีแค่...'นายซุปเปอร์สตาร์' ตอนที่ 27
รายการ ‘รักลับๆของคุณพ่อซุปเปอร์สตาร์’ ได้ถ่ายทอดออกไปแล้วสองตอนด้วยกันซึ่งตอนแรก
เป็นตอนที่ย้อนอดีตไปในช่วงก่อนที่จงอินและเซฮุนก่อนที่จะมาเป็นเด็กฝึกจนถึงช่วงที่ทั้งสองคนเจอ
กันครั้งแรกโดยใช้เด็กฝึกของบริษัทที่กำลังจะได้เป็นศิลปินในเร็วๆนี้สองคนที่มาแสดงเป็นจงอินและ
เซฮุนนั่นก็คือแทมกับคีย์ซึ่งแทมรับบทบาทเป็นจงอินส่วนคีย์ก็รับบทบาทเป็นเซฮุนซึ่งตอนแรกนี้ผู้ที่
เขียนบทถ่ายทอดเรื่องราวทั้งหมดก็คือจงอินและจงอินก็เป็นก็ยังคงเป็นคนกำกับด้วยตัวเองเลยเพราะ
ตั้งใจที่จะให้เหมือนเรื่องจริงให้มากที่สุด
ส่วนตอนที่สองนั้นเป็นช่วงที่ทั้งคู่ได้เป็นบัดดี้ในการฝึกและตกลงคบหาดูใจกันในฐานะคนรักจน
ถึงช่วงชีวิตที่หักเหของจงอินที่ต้องสูญเสียครอบครัวที่ประกอบไปด้วยพ่อ แม่และพี่สาว ทั้งหมดไปกับ
อุบัติเหตุจนทำให้จงอินเสียใจจนแทบจะเสียคนและท้อแท้จนล้มเลิกความตั้งใจและเลือกที่จะโยนความฝัน
ทิ้งไปอย่างไม่ลังเล ทำตัวเหลวไหล โดดซ้อมไม่ไปโรงเรียนหมกตัวอยู่แต่ในบ้านในห้องมืดๆของตัวเองโดย
ไม่ทำอะไรเลยแม้แต่จะกินข้าว แต่ก็เป็นเพราะเซฮุนที่คอยพูดคอยปลอบ คอยดูแล ห่วงใยและให้กำลังใจจน
ทำให้จงอินลุกขึ้นมาสู้ได้อีกครั้งนึง
ตอนที่สามที่กำลังจะถ่ายทอดในสัปดาห์หน้านี้เป็นตอนสุดท้ายในการย้อนอดีตนั้นก็ถือเป็นจุดเปลี่ยน
ที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตของทั้งสองคนเลย ก็คือวันที่ประธานโอเรียกจงอินเข้าไปคุยถึงเรื่องการเดบิวต์เป็นศิลปิน
เต็มตัวพร้อมๆกับการที่เซฮุนได้รับรู้ว่ามีอีกหนึ่งชีวิตที่อาศัยอยู่ในท้องของเขาในตอนนี้และเป็นหนึ่งชีวิต
เล็กๆที่กำเนิดขึ้นจากความรักของเขาทั้งสองคน ทำให้เซฮุนเลือกที่จะเสียสละโยนความฝันของตัวเองทิ้งไป
เพื่อที่จะรักษาชีวิตเล็กๆที่เป็นผลผลิตของความรักของเขาทั้งสองคนไว้และเลือกยอมที่จะเสียใจและยอมที่
จะเป็นคนใจร้ายผิดคำสัญญาที่เคยให้ไว้แก่จงอินและหอบความเสียใจพร้อมกับลูกในท้องหนีจงอินไปอยู่
ต่างประเทศเพื่อที่จะให้จงอินได้ทำในสิ่งที่รักสิ่งที่ฝันให้เป็นความจริงอย่างที่จงอินได้หวังไว้ โดยที่จงอิน
ไม่เคยได้รู้เลยว่าเซฮุนตั้งท้องลูกของตัวเองและไม่เคยรู้เลยว่าแท้จริงนั้นเซฮุนคือลูกชายคนเล็กของประธาน
โอเจ้าของบริษัทต้นสังกัดของเขาเอง จนถึงวันที่จงอินได้พบเจอเซฮุนอีกครั้งพร้อมกับลูกชายของเขาทั้งสอง
คนนั่นก็คือจีซอง(ในส่วนนี้ประธานโอและจุนมยอนสั่งให้เอาเหตุการณ์จริงที่กล้องวงจรปิดในวันนั้นเข้า
มาตัดต่อแทรกลงไปในเทปนี้ด้วยเพื่อเป็นการยืนยันให้คนดูได้เห็นว่าเรื่องทั้งหมดคือเรื่องจริงที่ไม่ได้
เฟคขึ้นมาเองแต่อย่างใด)และมีฉากที่จงอินต้องพิสูจน์ตัวเองกับประธานโอด้วยจนถึงวันที่สามคน
พ่อแม่ลูกได้อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตากันเป็นครอบได้จนถึงทุกวันนี้ในที่สุด
และตั้งแต่ตอนที่สี่เป็นต้นไปนั้นก็จะเป็นช่วงเวลาปัจจุบันถ่ายทำโดยการซ่อนกล้องไว้ภายในบ้าน
ของครอบครัวคุณพ่อซุปตาร์คิมไคในทุกๆมุมทุกๆจุดจะเว้นก็แต่ในห้องน้ำเท่านั้นซึ่งแน่นอนว่า
ห้องนอนของคุณพ่อซุปตาร์นั้นมีกล้องซ่อนไว้อย่างแน่นอน(ซึ่งตอนนี้กล้องหลายสิบตัวก็ถูกซ่อนไว้
ในที่ต่างๆภายในบ้านเรียบร้อยแล้วโดยมีมินซอกเป็นผู้คอยดูแลคอยอำนวยสะดวกแก่ทีมงาน)
ส่วนเวลาที่ครอบครัวคุณพ่อซุปตาร์ออกไปข้างนอกหรือมีกิจกรรมข้างนอกนั้นก็จะมีตากล้องและ
ทีมงานตามแอบถ่ายอยู่ตลอดเวลา(โดยมีผู้รู้เห็นเป็นใจคอยส่งข่าวและพิกัดปลายทางให้แก่ทีมงานนั้น
ก็คือคุณพ่อซุปตาร์นั่นเอง)
'รักลับๆของคุณพ่อซุปเปอร์สตาร์' ตอนที่สี่เริ่ม!!!
.
.
.
.
“ป๊ะป๋า หม่าม๊า อยู่ไหนนนนนนนนนน” เวลาเช้าวันใหม่ของบ้านคุณพ่อซุปตาร์ก็เริ่มขึ้นด้วย
เสียงเรียกหาป๊ะป๋าของลูกชายคนโตของบ้านนี้เหมือนกับทุกๆวันที่เจ้าตัวตื่นมาแล้วไม่เจอใคร
“ป๊ะป๋ากับหม่าม๊าอยู่นี่ครับลูก” จงอินพูดบอกพลางโบกมือเรียกลูกชายสุดที่รักที่กำลังเดินลาก
หมอนเน่าเดินลงบันไดมาจากชั้นบนด้วยหน้ายุ่งๆหัวฟูๆเพราะเจ้าตัวพึ่งจะตื่นนอนมา พอเดินมาถึง
บริเวณห้องนั่งเล่นใหญ่ที่จงอินกับเซฮุนกำลังนั่งคุยนั่งเล่นดูวิวแม่น้ำตอนเช้าอย่างสบายๆอยู่ จีซอง
ก็ปีนขึ้นไปบนโซฟาแล้วทิ้งตัวลงนอนคว่ำทับตักจงอินโดยที่มีเพียงส่วนหัวเท่านั้นที่ยื่นไปบนตัก
เซฮุนและหันหน้าซุกลงกับท้องกลมของหม่าม๊าเซฮุน
“อ้อนเอาอะไรแต่เช้าครับลูกชาย” จงอินตบก้นจีซองเบาๆเป็นการแหย่พร้อมกับเอ่ยแซวเมื่อเห็นท่าทาง
อ้อนๆของลูกชายตัวเองที่มาถึงก็ไม่ยอมพูดยอมจาแต่กลับปีนขึ้นมานอนบนตักของตัวเองและเซฮุนแทน
“งื้อออ….ลูกคิดถึงน้องเล็กๆเมื่อคืนลูกไม่ได้ฝันดีน้องเล็กๆเลยอ่า มอนิ่งคิสน้าน้องเล็กๆ” จีซอง
เงยหน้าขึ้นตอบจงอิน ก่อนที่จะหันไปมุดและจุ๊บท้องป่องๆอายุครรภ์หกเดือนครึ่งของเซฮุนก่อนที่
จะพูดงุ้งงิ้งคุยทักทายอยู่กับน้องเล็กๆของเจ้าตัวโดยที่ไม่ได้สนในป๊ะป๋าหรือหม่าม๊าของตัวเองอีกเลย
ช่วงหลังๆมานี้ จีซองเปลี่ยนไปหลายๆอย่าง อย่างแรกเลยคือ จีซองติดจงอินมากกว่าเซฮุนไม่ว่าจะ
ไปไหนจะทำอะไรหรือต้องการอะไรจีซองก็จะเรียกหาจงอินเป็นคนแรกเสมอช่วงแรกๆเซฮุนก็
น้อยใจเหมือนกันนั่นแหละที่จีซองเหมือนจะให้ความสำคัญจงอินมากกว่าตัวเองและจงอินคงจะรู้
ว่าเซฮุนนั้นเรื่อมน้อยใจลูกเลยเอ่ยปากถามจีซองแทนเซฮุนเองเลย และคำตอบที่จีซองตอบมานั้น
มันทำให้เซฮุนและจงอินยิ่งรักยิ่งหลงลูกชายเข้าไปอีกเพราะจีซองบอกว่า ‘ลูกไม่อยากให้หม่าม๊าเหนื่อย
กับลูกเพิ่มฮับ แค่หม่าม๊าแบกน้องไว้ในท้อง หม่าม๊าก็เหนื่อยแย่แล้ว ลูกก็เลยมาดื้อกับป๊ะป๋าแทนฮับ’
และคำตอบของจีซองก็เล่นเอาทั้งป๊ะป๋าและหม่าม๊าหัวเราะกันจนน้ำตาไหลกันเลยทีเดียว
“ป๊ะป๋า หม่าม๊า ลูกอยากไปทะเล” จีซองเปลี่ยนมาเป็นนอนหงายแทนโดยทั้งตัวอยู่ที่จงอินและมีเพียง
หัวกลมๆเท่านั้นที่หนุนตักนุ่มของเซฮุน ก่อนที่จะพูดออกมาพลางมองหน้าเซฮุนกับจงอินแบบอ้อนๆ
“หืม…จีซองก็ถามป๊ะป๋าสิครับว่าจะว่างพาเราสองคนไปไปทะเลหรือป่าว ถ้าป๊ะป๋าว่างที่จะพาไปได้
หม่าม๊าก็โอเคครับ” เซฮุนบอกพร้อมกับลูบหัวกลมๆของลูกชายอย่างเอ็นดู พอมานั่งดูนั่งมองจีซอง
แบบใกล้ๆชัดๆอย่างนี้แล้วก็รู้สึกว่าปีนี้จีซองจะตัวโตขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย แถมยิ่งโตก็ยิ่งเหมือนจงอิน
มากขึ้นไปอีกเหมือนกับว่าตอนนี้เขานั้นนั่งมองจงอินย่อส่วนอย่างไงอย่างนั้น
“ป๊ะป๋าาาาาาาาาาาาา” เมื่อได้ยินเซฮุนบอกแบบนั้นจีซองก็จับแขนจงอินแล้วดึงตัวเองขึ้นไปนั่ง
ค่อมตักกอดคอซบหน้าลงกับไหล่หน้าของจงอินเพื่ออ้อนต่อทันที
“นายจะไปได้หรอเซฮุน” จงอินไม่ได้พูดอะไรกับจีซองแต่กลับหันไปถามเซฮุนแทนซะอย่างนั้น
พร้อมกับมองไปตรงท้องนูนๆของเซฮุนให้เซฮุนได้รู้ด้วยว่าเขาหมายถึงอะไร
“ได้สิ โน่นเจ็ดแปดเดือนนั่นแหละถึงจะห้ามเดินทางไกลๆนะ แต่จะว่าไปนะตอนที่ท้องจีซองอะนะ
ฉันยังไปตะลอนเที่ยวกับพี่จุนจนถึงแปดเดือนครึ่งเลยนะ นี่พึ่งจะหกเดือนครึ่งเองสบายมากและอีกอย่าง
ช่วงนี้ฉันเหมือนกับไม่ค่อยได้ทำหน้าที่แม่ที่ดีของจีซองสักเท่าไหร่เลยด้วย” เซฮุนพูดบอกแบบติดตลก
เมื่อนึกไปถึงตอนตัวเองนั้นอุ้มท้องจีซองอยู่ตอนนั้นน่ะนะจุนมยอนพาเขาตะลอนเที่ยวไปทั่วจนเกือบจะ
ถึงวันคลอดเลยทีเดียวเชียว นี่ยังดีนะที่คุณนายคิมแม่ของเขาเดินทางไปหาซะก่อนไม่อย่างนั้นมีหวัง
เขาอาจจะคลอดจีซองที่สถานที่เที่ยวที่ไหนสักแห่งในอเมริกาแทนโรงพยาบาลก็เป็นได้ ก่อนที่จะเปลี่ยน
มาพูดด้วยเสียงที่ไม่ดังนักเมื่อนึกถึงช่วงหลังๆตั้งแต่ที่เขารู้ตัวว่าตั้งท้องมานี่เขาแทบจะไม่ได้ดูแลจีซอง
อย่างจริงๆจังๆตามที่ควรจะเป็นเลย ทั้งๆที่มันเป็นหน้าที่และสิ่งที่เขาควรจะทำเองแท้ๆกลับกลายเป็น
จงอินเสียอีกที่ต้องมาทำทั้งงานนอกบ้านในบ้านแถมยังหอบจีซองติดไปทำงานด้วยกันอีก
“อย่าคิดมากน่า นายทำทุกอย่างได้ดีที่สุดแล้ว ลูกเองก็ไม่ได้น้อยใจอะไรนี่หนำซ้ำยังเข้าอกเข้าใจ
นายดีมากกว่าฉันที่เป็นคนทำให้นายลำบากเสียอีก” จงอินลูบหลังเซฮุนเบาเพื่อเป็นการปลอบเพราะ
พอจะรู้และเข้าใจว่าเซฮุนรู้สึกอย่างไร ทั้งยังไม่วายพูดแซวเซฮุนในประโยคสุท้าย ว่าเป็นตัวเขาเอง
นั่นแหละที่ทำให้เซฮุนต้องลำบากอุ้มท้องลูกคนเล็กของเขาสองคนเสียอีก งานนี้เล่นเอาคุณหม่าม๊า
หน้าแดงหูแดงไปหมดเพราะความเขินอายเล่นซะอย่างนั้นไป
“แล้วทำไมอยู่ดีๆพี่จีซองถึงอยากไปทะเลล่ะครับลูก” เมื่อพอใจกับท่าทางเขินอายของภรรยาแล้ว
จงอินก็หันมาถามลูกชายแทน
“โบมีไปเที่ยวทะเลมาฮะแล้วโบมีก็บอกว่าที่ทะเลมีปูตัวเล็กๆเต็มไปหมดเลยแล้วก็ได้เล่นน้ำกับ
สร้างปราสาททรายสวยๆด้วย จีซองอยากไปบ้างอ่ะป๊ะป๋า ไปนะๆ ป๊ะป๋าพาจีซองกับหม่าม๊าแล้วก็
น้องเล็กๆไปเที่ยวทะเลนะฮะป๊ะป๋า นะๆ ป๊ะป๋าน้าาาาาา” จีซองบอกถึงเหตุผลที่ตัวเองอยากจะไป
ทะเลให้จงอินและเซฮุนได้รู้และโบมีที่เจ้าตัวพูดถึงนี่ก็คือเพื่อนสนิทในคลาสบัลเล่ต์ที่เจ้าตัวขอให้
จงอินพาไปสมัครเรียนนั่นเอง
…..ก็โบมีบอกว่าได้ไปทะเลสวยๆได้ว่ายน้ำต๋อมแต๋มและก็ได้วิ่งไล่จับคุณปูตัวเล็กๆนี่ จีซองก็
อยากจับจะวิ่งไล่คุณปูเหมือนกันนะ!!!.....
“แล้วถ้าป๊ะป๋าว่างแต่ไม่อยากพาพี่จีซองไปล่ะ” จงอินถามจีซองออกไปเหมือนกับว่าจะไม่พาจีซอง
ไปตามที่เจ้าตัวอ้อนขอ และนั่นก็ทำให้เซฮุนแทบอยากจะหายตัวไปจากตรงนี้ทันทีเสียจริง ถ้าถามว่าทำไม
นะหรือ? ก็จะอะไรซะอีกนอกเสียจากว่าสงครามน้ำลายของสองพ่อลูกกำลังจะเริ่มนะสิ! แม้ว่าช่วงหลังๆ
มานี่จงอินกับจีซองจะรักกันมากขนาดไหนก็ตาม แต่ทั้งสองคนก็ยังไม่วายที่จะทะเลาะหรือหาเรื่องเถียงกัน
ได้ทุกวันอยู่ดีและกรรมการห้ามจะเป็นใครได้ล่ะ นอกเสียจากโอเซฮุนคนนี้ไง!!
…..ก็นะคนพ่อก็ชอบแหย่ คนลูกก็ช่างยุขึ้นซะจริงๆ…..
“ลูกก็ให้ลุงจุนกับอายอลลี่พาไปก็ได้ ไม่ง้อป๊ะป๋าหรอก เชอะ!!” จีซองผละออกจากการกอดและ
ลุกออกจากตักของจงอินลงไปยืนอยู่ข้างหน้าตรงกลางระหว่าจงอินและเซฮุนก่อนที่จะกอดอกเชิดหน้า
ตอบจงอินอย่างงอนๆเพราะเข้าใจว่าจงอินตั้งใจจะไม่พาตัวเองไปเที่ยวตามที่ขอ
“เห?…ลุงจุนน่ะป๊ะป๋าพอจะเข้าใจนะ แต่อายอลลี่นี่เขาเป็นใครหรอลูก” เพราะชื่อแปลกออกจากปาก
ของลูกชายทำเอาจงอินลืมที่ความตั้งใจที่จะแหย่จีซองเลยทีเดียว ก่อนที่จะถามออกไปเพราะความสงสัย
“อายอลลี่ที่เป็นแฟนกับลุงจุนไงฮะ! คนที่หล่อๆแล้วก็เป็นนักร้องเหมือนป๊ะป๋าอ่ะ!!” เพราะความงอน
และอารมณ์ที่อยากจะเถียงให้ชนะป๊ะป๋า เลยคิดจะเอาอีกคนมาเกทับเหมือนกับว่าถึงจะไม่มีป๊ะป๋าแต่จีซอง
ก็มีคนพาไปนะ เลยทำเอาลูกหมูจีซองเผลอหลุดปากพูดความลับของลุงจุนออกมาทั้งๆที่ตัวเองทำสัญญา
ลูกผู้ชายไว้กับจุนมยอนอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะแล้วแท้ๆ
“หืม…อายอลลี่ของลูกนี่ใช่นักร้องที่ชื่อปาร์คชานยอลหรือป่าวครับ” จงอินหันไปมองเซฮุนพลางเลิกคิ้ว
ถามความเห็นก่อนที่จะได้รับคำตอบเป็นการส่ายหน้าว่าเขาก็ไม่รู้เหมือนกัน เลยหันมาถามจีซองต่อ
“ใช่ฮะ! อายอลลี่คนนั้นแหละเป็นแฟ…อุ๊บ!! (0x0)” จีซองยังคงเผลอตอบเสียงดังไปด้วยความมั่นใจ
ก่อนที่จะรีบยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองไว้เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเผลอหลุดความลับของลุงจุนสุดที่รักออกไป
“หึๆ จะปิดปากตัวเองตอนนี้ให้แน่นแค่ไหนก็ไม่ทันแล้วลูกหมูเอ้ย! ป๊ะป๋ารู้เรื่องหมดแล้ว” จงอินบอก
นึกขำท่าทางของลูกชายสุดที่รักตอนนี้ ถ้าให้เดานะไอ่ท่าทางของจีซองตอนนี้น่ะเขาคิดว่าเจ้าตัวคงจะไป
สัญญาหรือลับปากอะไรไว้กับจุนมยอนสักอย่างนี่แหละและถ้าเขาไม่เข้าใจอะไรผิดไปจากคำพูดที่หลุดมา
จากปากของจีซองก็คงจะเป็นความลับที่ว่าจุนมยอนกับปาร์คชานยอลอาจจะตกลงคบหากันก็เป็นไปได้
….งื้อออออออ.…จีซองผิดสัญญาแล้วทำยังไงดีอ่าาาาาาาา....
“เป็นอะไรทำไมถึงทำหน้ายุ่งอย่างนั้นครับลูก” เซฮุนถามขึ้นเมื่อเห็นจีซองหน้านิ่วคิ้วขมวด
เหมือนกับจะร้องไห้ให้ได้ซะยังไงยังงั้น
“ก็จีซองทำผิดสัญญาลูกผู้ชายกับลุงแล้วก็อายอลลี่นี่ฮะ” จีซองตอบเซฮุนออกไปด้วยเสียงเบาหวิว
“หือ…สัญญาเรื่องอะไรล่ะครับ บอกหม่าม๊าหน่อยได้ไหม” เซฮุนพูดตะล่อมถามด้วยเสียงอ่อนโยน
อย่างคนใจดี เพราะคิดว่าถ้าพูดด้วยแบบปกติจีซองคงจะไม่ยอมบอกแน่ๆ
“มานี่มาจีซองเดี๋ยวป๊ะป๋าจะกอดแบ่งพลังความกล้าให้ลูกเอง” เมื่อเห็นว่าจีซองยังคงลังเลเหมือน
กำลังตัดสินใจว่าจะบอกเซฮุนดีหรือป่าว จงอินเลยเรียกจีซองพร้อมกับกางมือออกทั้งสองข้างเพื่อให้
จีซองเข้ามากอดอย่างทุกที่และใช้ภาษาพูดเด็กๆเป็นการหลอกล่อให้จีซองตัดสินใจพูด
“ก็..ก็วันนั้น วันที่ลุงจุนมารับจีซองไปกินสเต็กอ่ะหม่าม๊า ที่ร้านมีอายอลลี่อยู่ด้วยแล้วอายอลลี่ก็
บอกกับจีซองว่าอายอลลี่กับลุงจุนเป็นแฟนกันอ่ะ แล้วพอกินสเต็กกันเสร็จลุงจุนก็ให้ลูกทำสัญญา
ลูกผู้ชายกับลุงจุนก่อนว่าจะไม่บอกหม่าม๊า ป๊ะป๋า แล้วก็คุณตาคุณยายด้วยว่าลุงจุนกับอายอลลี่เป็น
แฟนกันและก็ไม่ให้บอกด้วยว่าลุงจุนกับอายอลลี่พาจีซองไปเที่ยว ไปซื้อของเล่น ไปกินขนมมา
หลายครั้งแล้ว แล้วลุงจุนกับอายอลลี่จะซื้อกีตาร์อย่างที่ลูกอยากได้แถมซื้อคอร์สเรียนกีตาร์ให้ลูก
ด้วยอ่ะ แต่ถ้าลูกผิดสัญญาลุงจุนจะยึดกีตาร์คืน แล้วลูกก็ผิดสัญญาให้ป๊ะป๋ากับหม่าม๊ารู้แล้วลูกจะ
ทำไงดีอ่า งื้ออออ…..ลูกไม่อยากโดนลุงจุนยึดกีตาร์น้าาาาาาาา” เมื่อได้ยินจงอินบอกอย่างนั้นจีซอง
ก็โผเข้ากอดจงอินเต็มแรงก่อนที่จะค่อยๆพูดค่อยๆเล่าเรื่องราวทั้งหมดออกมาให้จงอินและเซฮุนฟัง
“โอ๋ๆ กีตาร์จีซองไม่โดนยึดหรอกลูก ป๊ะป๋ากับหม่าม๊าสัญญาว่าจะไม่บอกให้ใครรู้แล้วก็ไม่บอก
ให้ลุงจุนรู้ด้วยว่าป๊ะป๋ากับหม่าม๊ารู้ความลับของลุงจุนกับจีซองแล้ว มันจะเป็นความลับของเราสามคน
ดีไหมครับลูก” แม้ว่าใจจริงอยากจะเอาเรื่องนี้ไว้แหย่ลูกชายก็เถอะแต่พอเห็นหน้าที่พร้อมจะร้องไห้
ทุกเมื่อของจีซองแล้วจงอินทำไม่ลงจริงๆอีกทั้งช่วงหลังๆตั้งแต่จุนมยอนซื้อกีตาร์ให้มานี้จีซองก็เหมือน
จะโตขึ้นกว่าเดิมมากเพราะเจ้าตัวไปเรียนคอร์สที่เรียนกีตาร์ที่จุนมยอนซื้อให้นั่นแหละกลับมาบ้านก็มา
หัดเล่นหัดซ้อมด้วยตัวเองต่ออีก อีกทั้งช่วงนี้จีซองก็ขยันทั้งเรียนร้องเพลงเรียนเต้นแทบจะทุกแนว
ยกเว้นก็แต่เรื่องเรียนหนังสือปกติเท่านั้นแหละที่เจ้าตัวเหมือนจะไม่ชอบและไม่ค่อยกระตือลือล้น
สนใจสักเท่าไหร่ และเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นที่ไม่สนิทหรือเวลาอยู่ข้างนอกบ้านจีซองก็จะวางตัว
เหมือนกับเป็นเด็กอายุซักประมาณสิบสองสิบสามซะอย่างนั้น จะมีก็แต่อยู่กับเขาและเซฮุนหรือ
คนในครอบครัวนี่แหละที่เจ้าตัวถึงจะอ้อนบ้างงองแงบ้างทำตัวเหมือนเด็กที่กำลังจะครบห้าขวบปกติ
ธรรมดาๆได้ อ่อ! แล้วมีอีกอย่างที่เปลี่ยนไปให้เห็นได้อย่างชัดเจนคือจีซองตัวสูงใหญ่กว่าเด็กรุ่นๆเดียวกัน
มากอยู่เหมือนกัน
“จริงหรอฮะ!” จีซองถามด้วยเสียงดีใจ
“จริงสิครับ ป๊ะป๋าเคยโกหกลูกหรอ?” จงอินบอกพร้อมกับถามจีซองกลับไปบ้าง
“เย้ๆ ลูกรักป๊ะป๋าที่สุดเลยฮะ” จีซองตะโกนบอกเสียงดังพร้อมกับจุ๊บรัวๆที่ริมฝีปากของจงอินเร็วๆ
“แต่เราจะไปแค่ใกล้ๆนะจีซองเพราะหม่าม๊าและน้องนั่งรถไกลๆไม่ได้ เอาไว้หม่าม๊าคลอดน้องแล้ว
ป๊ะป๋าจะพาขึ้นเครื่องบินไปที่ไกลๆสวยๆตกลงไหมครับ”
“ตกลงฮะ!!!”
“ถ้าตกลงก็ขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวได้แล้วครับ เราจะต้องพาหม่าม๊าไปให้ป้าหมอคยูตรวจดูน้องก่อนนะ
ป๊ะป๋าถึงจะพาเราไปเที่ยวทะเลน่ะ” จงอินพูดบอกออกมาเมื่อมองดูเวลาในนาฬิกาดิจิตอลที่ติดอยู่บนข้าง
ผนังบ้านพลางคิดคำนวณเวลาและวางแผนกำหนดการที่จะพาลูกชายไปเที่ยวทะเลด้วย
“ครับผม!!!” จีซองทำท่าทางตะเบ๊ะเหมือนพวกตำรวจทหารก่อนที่จะวิ่งขึ้นบันได้ไปบนห้องตัวเอง
ด้วยความเร็วแสง
“ฮึๆ/ฮ่าๆ” ท่าทางกระตือรือร้นตื่นเต้นเกินความจำของลูกชายคนโตที่แสดงออกมาอย่างน่ารักสมวัย
ทำเอาคนเป็นพ่อแม่หันมองหน้ากันก่อนที่จะระเบิดหัวเราะออกมาพร้อมกันอย่างช่วยไม่ได้
“นายว่าลูกเปลี่ยนไปเยอะกว่าเดินมากไหม” เซฮุนถามขึ้นเมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“อืม..ตัวโตขึ้นมั้ง” จงอินตอบอย่างไม่แน่ใจเพราะว่าเขาตัวติดกับจีซองแทบจะตลอดเวลาเลยสังเกต
ความเปลี่ยนแปลงไม่ได้มากนักเพราะความเคยชินเลยทำให้ดูไม่ค่อยรู้เรื่อง
“แต่ลูกพูดชัดขึ้นแถมยังไม่ติดสำเนียงภาษาอังกฤษแล้วด้วย” เซฮุนบอกในสิ่งที่ตัวเองสังเกตจากการ
พูดคุยด้วยกันเมื่อกี้นี้
“นั่นสินะ พวกครูสอนเต้นสอนร้องเพลงที่เขามีลูกในบริษัทเขาเคยแนะนำให้ฉันพาลูกไปตรวจทดสอบ
พวกไอคิวอีคิวที่โรงพยาบาลด้วยนะ เพราะเขาบอกว่าลูกเราฉลาดและสามารถเรียนรู้อะไรได้เร็วกว่าเด็กโต
ในคลาสเสียอีกนะ” จงอินบอกในสิ่งที่พวกพนักงานรุ่นพี่ที่สนิทกันในบริษัทเคยบอกเคยเล่าถึงพัฒนาการ
การเรียนรู้ที่เกินอายุเกินวัยของลูกชายของเขาด้วยความหวังดี แต่เขาก็มัวแต่ยุ่งเรื่องงานเรื่องข่าวจนหลงลืม
ไปแล้วก็พึ่งมานึกได้ก็ตอนที่เซฮุนทักขึ้นมาเนี่ยแหละ
“ลูกเรามีอะไรผิดแปลกจากเด็กปกติไปหรอ?” เซฮุนถามด้วยความกังวลเพราะเป็นห่วงลูกชาย
“เฮ้ๆ อย่าคิดมากซิ มันไม่มีอะไรหรอก นายก็เห็นอยู่ว่าลูกเราปกติแค่เป็นเด็กที่กินเก่งกับฉลาดเกินกว่า
เด็กวัยเดียวกันไปหน่อยก็เท่านั้น” จงอินบอกให้เซฮุนสบายใจเพราะตั้งแต่เซฮุนตั้งท้องมาจนจะคลอดอยู่
อีกเดือนสองเดือนข้างหน้านี่แล้วยังไม่เลิกคิดมากหรือหวั่นไหวง่ายเสียที
“แต่…”
“เอาอย่างนี้นะ ถ้านายไม่สบายใจเราก็พาลูกไปตรวจวันนี้พร้อมๆกับนายเลยโอเคมั้ย?” จงอินพูดขัด
ขึ้นทันทีไม่ปล่อยให้เซฮุนได้เถียงหรือแย้งอะไรอีกเลย
“ก็ได้” เซฮุนตอบตกลงเมื่อเห็นสายตาจริงจังติดไปทางดุของจงอิน
.
.
.
.
.
“เอาล่ะถึงเวลาที่เราจะได้ดูตัวเล็กกันอีกแล้ว” คยูฮยอนหมอประจำตัวของเซฮุนพูดขึ้นหลังจากที่
ตรวจสุขภาพทั่วไปของเซฮุนเสร็จแล้ว อ่อ! จีซองด้วยก่อนหน้านี้จงอินและเซฮุนไปตรวจพัฒนาการ
ทางด้านร่างกาย สมองและจิตใจเป็นที่เรียบร้อยแล้วผลคือปกติทุกอย่างไอ่ที่ตัวโตนี่ก็เพราะเจ้าตัวนั้น
กินเก่งก็เลยตัวโตมากกว่าเด็กรุ่นเดียวกันมากไปหน่อยแต่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ปกติทั่วไปส่วนพัฒนาการ
ทางด้านจิตใจของจีซองก็ออกมาดีมากไม่ผิดปกติอะไรแค่ลูกชายของเขามีความฉลาดทางด้านจิตใจ
และสติปัญญาสูงมากๆ มากจนเกือบจะแตะขอบเด็กอัจฉริยะก็เท่านั้นเองไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงเพียง
แค่เขาต้องการอยากจะเรียนรู้อะไรก็แค่คอยสนับสนุนเขาก็เท่านั้นเอง
“อ่าทุกอย่างปกตินะ แต่เจ้าตัวเล็กไม่ยอมให้เราเห็นเพศกันอีกแล้วล่ะ ไหนจีซองลองคุยกับน้อง
หน่อยสิลูก ป้ามองไม่เห็นเลยว่าน้องเป็นเจ้าชายหรือเจ้าหญิง” ป้าหมอคยูของเจ้าลูกหมูบอกกับพี่ชาย
ตัวแสบให้เคลียร์กับของเล็กๆของตัวเองให้หน่อยเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเซฮุนชอบเมาส์อยู่บ่อยๆว่าเจ้าตัวเล็ก
เขาเชื่อฟังพี่ชายมากกว่าพ่อแม่
“น้องเล็กๆนี่พี่จีซองสุดหล่อในโลกหล้าน้า ตัวเองบอกพี่ชายหน่อยสิว่าตัวเองเป็นผู้หญิงสวยๆหรือ
เป็นผู้ชายหล่อๆเหมือนพี่อ่ะ” จีซองบอกพร้อมกับใช้นิ้วเคาะเบาๆเพื่อคุยสื่อสารกับน้องตัวเองเหมือนกับ
ที่ผ่านมา
“ไหนจีซองลองพูดอีกทีซิครับเมื่อกี้น้องขยับแล้วแต่ยังไม่ยอมให้ป้าหมอคยูเห็นเลย” หมอคยูลูบหัว
หลานชายเบาๆก่อนจะบอกให้จีซองคุยกับน้องใหม่อีกครั้งเพราะว่าเมื่อกี้ตัวเล็กในท้องของเซฮุนขยับตัว
นิดๆเมื่อได้ยินเสียงของพี่ชายอย่างจีซองแต่ก็ไม่มากพอที่จะให้เห็นเพศในเมื่อเจ้าตัวยังคงนอนหนีบขา
เหมือนเดิม
“น้องเล็กๆบอกพี่จีซองหน่อยซิว่าตัวเองมีปีกาจูเหมือนพี่จีซองหรือมีจิ๊มิโก๊ะอย่างที่ลุงจุนบอกอ่า”
คราวนี้พี่จีซองถามโดยใช้คำพูดที่ลุงจุนสุดที่รักสอนมาถามน้องเล็กๆของตัวเองแทนแต่เหมือนกับว่า
น้องเล็กๆในท้องหม่าม๊าเซฮุนดูจะไม่ค่อยพอใจในคำถามนี้ของพี่ชายสักเท่าไหร่เพราะทันทีที่จีซอง
พูดจบเจ้าตัวเล็กก็หันหลังหนีเสียงพี่ชายทันที เลยทำให้ภาพบนจออัลตร้าซาวด์นั้นมีเห็นเพียงข้างหลัง
ทารกน้อยในครรภ์เท่านั้นเอง
“ฮ่าๆ/ฮึๆ/คึๆ” ผู้ใหญ่ทั้งสามคนระเบิดหัวเราะออกมาทันทีเมื่อได้ฟังประโยคคำถามของพี่ชายและ
ได้เห็นท่าทางที่คนเป็นน้องแสดงออกมาผ่านทางจอภาพเพราะดูเหมือนงานนี้น้องเล็กๆของพี่จีซอง
จะงอนที่ชายเข้าให้แล้ว
“ฮึๆสงสัยต้องเอาไว้ไปลุ้นกันตอนคลอดแล้วหละ อ่อ! ที่จะไปเที่ยวกันน่ะไปได้นะแต่อย่าโลดโผน
เหมือนตอนอยู่อเมริกานะ ขับรถระวังๆหน่อยนะครับคุณจงอิน” หมอคยูฮยอนพูดบอกกับเซฮุนทั้งๆที่
ยังไม่สามารถหยุดขำได้ ก่อนที่จะหันไปย้ำกับจงอินอีกครั้งเรื่องความปลอดภัย
“ผมจะระวังที่สุดเลยครับหมอคยูไม่ห่วง ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
“ผมไปก่อนนะฮะพี่หมอคยู”
“แล้วหลานจะเอาคุณปูมาฝากนะฮะป้าหมอคยู”
หลังจากที่ล่ำลากันหมอคยูและจัดการรับยาบำรุงและใบนัดครั้งต่อไปของเซฮุนเรียบร้อยกันเสร็จแล้ว
ทั้งสามคนพ่อแม่ลูกก็มุ่งหน้าไปทะเลที่ไม่ไกลจากโซลมากนักและแน่นอนว่าต้องเป็นชายหาดที่เงียบสงบ
และก็เป็นส่วนตัวด้วยเพราะงานนี้ก็เหมือนกับว่าจงอินพาครอบครัวหนีความวุ่นวายในเมืองหลวงมาพักผ่อน
ชาร์ตพลังให้เต็มที่เสียก่อน ที่จะกลับไปเผชิญกับปัญหาใหญ่ที่รอคอยเขาอยู่ในวันข้างหน้าได้อย่างเต็มที่
...
กลับมาแล้วค่ะ มี่หายไปสงบจิตสงบใจอยู่กะเฮียที่โน่นมาค่ะ
หลังจากที่แทบบ้าเมื่อตัดเฝือกออกแล้วปรากฎว่าข้อศอกที่แตกของมี่ติดค่ะ
และลุงหมอบอกว่าไม่สามารถเหยียดตรงได้อีกแล้วและขอเวลารักษาให้มันคลายตัว
อีกสองปีแต่ก็ไม่สามารถบอกได้ว่าจะยืดได้ซักแค่ไหนเหมือนกันแต่ที่แน่นอนเลยคือ
มี่จะต้องทนปวดและทรมาณอย่างนี้ตลอดชีวิตเลยหล่ะ ช่างมันๆมันผ่านมาแล้วเน๊อะ
ขอโทษด้วยนะคะที่ปล่อยให้ทุกคนรอนาน
และช่วงนี้มี่ไม่สามารถกำหนดเวลาอัพนิยายได้เนื่องจากติสแตก
ติสแตกซะจนสติแตกแทบคลั่งจนคนที่นี่ทนไม่ไหวให้เฮียมาลากมี่ไปอยู่ที่โน่นด้วย
แต่มีก็กลับมาเข้ากรงทองเหมือนเดิมแล้วล่ะค่ะไม่ต้องห่วง
ยังไงก็ขอขอโทษไว้ล่วงหน้าเลยแล้วกันนะคะเผื่อมี่เกิดติสแตกขึ้นมาอีก
แต่ยังไงมีก็ยืนยันคำเดิมค่ะว่านิยายของมี่จะจบทุกเรื่อง
เจอกันตอนหน้าค่ะ
คิดถึงทุกคนมากๆเลยนะคะ