{Mpreg} it's you รักนี้มีแค่...'นายซุปเปอร์สตาร์' **จบแล้ว**
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: {Mpreg} it's you รักนี้มีแค่...'นายซุปเปอร์สตาร์' **จบแล้ว**  (อ่าน 93353 ครั้ง)

ออฟไลน์ ขนมโก๋

  • เป็ดหัวเน่า
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-0
เป็นครอบครัวที่น่ารักมาก อบอุ่นหัวใจฝุดๆ

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
พึ่งมาอ่านจร้าาาา
ชอบจีซองมากๆเลย น่าร๊ากกกกกก
ไม่รุตอนหน้ายายบรรณาธิการที่ไคปฏิเสธไปจะมาโวยวายไหมน๊าาาาา

ออฟไลน์ เขียนสือ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
    • เขียน'สือ
รักนี้มีแค่...'นายซุปเปอร์สตาร์' ตอนที่ 24

 

 

 

 

 

Tru…Tru…Tru…

 

       เสียงโทรศัพท์เครื่องหรูที่วางอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียงส่งเสียงแผดร้องรบกวนการนอนของเจ้าของห้อง

ทั้งสองคนขึ้นกลางดึก

“อื้อ…จงอินๆ…จงอินเสียงโทรศัพท์นายดัง” แล้วก็เป็นหม่าม๊าเซฮุนคนสวยที่รู้สึกตัวเป็นคนแรก ก่อนที่

จะงัวเงียปลุกพ่อหมีขี้เซาเมื่อเห็นว่าเป็นโทรศัพท์ของจงอินที่ดังอยู่ในขณะนี้

“อือ…ขออีกสิบนาทีนะคุณกระต่าย” จงอินงืมงำขอเลื่อนเวลาตื่นทั้งๆที่ยังไม่ลืมตา เพราะคิดว่าเซฮุนปลุก

ตัวเองเหมือนกับทุกๆเช้าที่ตนต้องไปทำงาน

“ไม่ได้นะจงอิน ตื่นขึ้นมารับโทรศัพท์ก่อนแล้วค่อยนอนต่อ โทรศัพท์นายดังหลายครั้งแล้วนะ” เซฮุนบอก

พร้อมกับออกแรงเขย่าร่างหมีของป๊ะป๋าขี้เซาแรงขึ้นกว่าตอนแรกขึ้นอีก เมื่อจงอินยังคงไม่ยอมตื่นแถมยัง

ขอต่อเวลานอนเพิ่มขึ้นอีกต่างหาก

“อีกนิดนะที่รัก” จงอินก็ยังคงไม่ยอมตื่นเหมือนเดิมแถมยังมุดหน้าหนีการปลุกของเซฮุนด้วยการเอาหัวไป

ซุกอยู่ใต้หมอนซะงั้น ซึ่งแตกต่างกับเซฮุนนักเพราะตอนนี้เซฮุนรู้สึกตื่นเต็มตาแล้วแหละ เพราะอาการงองแง

ไม่ยอมตื่นนอนเป็นเด็กๆของจงอินนี่แหละ

“ถ้านายยังไม่ยอมตื่นอีก ฉันจะพาลูกหนีไปอยู่บ้านใหญ่แล้วปล่อยให้นอนที่นี่คนเดียวซักเดือนนึงดีมั้ย”

ครั้งนี้เซฮุนพูดบอกจงอินเบาๆและไม่ได้เขย่าตัวจงอินเหมือนที่แล้วๆมาแต่อย่างใด แต่กลับทำให้จงอิน

ตื่นและลุกขึ้นมานั่งแบบมึนๆได้อย่างไม่น่าเชื่อ

“ตื่นแล้วๆแค่นี้ไม่เห็นจะต้องขู่กันเลย” จงอินบ่นพึมพำกับตัวเองทั้งๆที่ยังไม่ได้ลืมตา

“ตื่นแล้วก็ไปดูโทรศัพท์ได้แล้วครับป๊ะป๋า มันดังขึ้นหลายครั้งแล้ว คนที่โทรมาเค้าอาจจะมีเรื่องสำคัญ”

เซฮุนพูดพลางส่ายหัวเมื่อมองดูจงอินที่ลุกขึ้นมานั่งอย่างมึนๆ  ไม่เหลือคราบคุณซุปเปอร์สตาร์คนดังเลย

ที่เซฮุนเห็นอยู่ตรงหน้าตอนนี้นั้นก็มีแต่พ่อหมีตัวโตๆที่นั่งหน้ายุ่งหัวฟูอยู่บนเตียงนอนก็เท่านั้นแหละ

แต่ยังไม่ทันที่จงอินจะตั้งตัวหรือเซฮุนจะได้พูดอะไรต่อนั้นเสียงโทรศัพท์ของจงอินก็ดังขึ้นมาอีก

 

Tru…Tru…Tru…

 

“ฮัลโหลครับ” จงอินกรอกเสียงรับโทรศัพท์ลงไปทั้งๆที่ยังสลึมสลือเมื่อโทรศัพท์นั้นส่งเสียงดังขึ้นอีกครั้ง

(“เกิดเรื่องใหญ่แล้วไค”) เสียงมินซอกผู้จัดการส่วนตัวของจงอินตอบกลับมาอย่างร้อนรน

“มีอะไรครับ ค่อยๆพูดสิพี่” จงอินบอกกลับเมื่อได้ยินเสียงสั่นๆเหมือนจะร้องไห้ของมินซอก

(“ข่าว!! มีข่าวของนายออกมาทางอินเตอร์เน็ตเต็มเลย”) มินซอกละล่ำระลักบอก

“ข่าวอะไรอ่ะ ทำไมพี่ถึงต้องทำเสียงตกใจขนาดนี้” จงอินถามด้วยความสงสัย

(“ข่าวของนายกับเซฮุนและก็เรื่องที่นายซุกจีซอง เอาอย่างนี้นะไคพี่จะส่งไปให้นายดูทางอีเมล และนายก็

หาดูทางอินเตอร์เน็ตเพิ่มเอา แค่นี้ก่อนนะพี่โดนคณะกรรมการบริษัทเรียกแล้ว ได้เรื่องยังไงพี่จะโทรบอก”) 

พูดจบมินซอกก็วางสายไปทันที ถ้าจงอินเดาไม่ผิด คิดว่าตอนนี้มินซอกต้องอยู่ที่บริษัทแน่นอนเพราะเมื่อกี้

เหมือนได้เสียงพูดคุยของหลายๆคนดังแทรกเข้ามาทางโทรศัพท์ หลังจากมินซอกวางสายได้ไม่นานก็มีเสียง

เตือนอีเมลดังแจ้งเตือนขึ้นมา

 

 

**หลุด!!! ซุปเปอร์สตาร์อักษรย่อ ‘K’ แอบซุกลูกซุกเมีย**





       เป็นเรื่องแล้ว!!! เมื่อมีภาพหลุดของซุปเปอร์สตาร์คนดังเจ้าของผิวสีน้ำผึ้งขยี้ใจสาวกับหนุ่มหน้าหวาน

และเด็กผู้ชายน่ารักออกมา จากแหล่งข่าวที่มาของภาพได้ระบุไว้ชัดเจนว่าหนุ่มหน้าหวานและเด็กน้อยใน

ภาพดังกล่าวนั้นคือ ‘ภรรยาและลูก’ ซุปเปอร์สตาร์คนดังอักษรย่อตัว ‘K’ งานนี้คุณซุปตาร์ที่ว่านี่จะเป็นใคร

จะเป็นไอดอลหรือศิลปินคนไหน จะชัวร์หรือมั่วก็ต้องตัดสินกันจากภาพข้างล่างแล้วหล่ะค่ะ

 

 

**หลุด!!! ภาพซุปเปอร์สตาร์คนดังสวีตหวานหนุ่มหน้าหวานกลางสวนสนุก**



 

**หลุด!! ภาพซุป’ตาร์ผิวสีเข้มเดทหนุ่มน้อยหน้าหวานในคาเฟ่ใจกลางเมือง**



 

**หลุด!! ภาพศิลปินชายอักษรย่อตัว ‘K’ จูงมือหนุ่มหน้าหวานในที่สาธารณะโดยไม่สนสายตาใคร**



 

       จงอินเลื่อนอ่านหัวข้อข่าวและรูปภาพที่มีทั้งตัวเขา เซฮุนและจีซองในอิริยาบถต่างๆในที่สาธารณะ

ไม่ว่าจะเป็นสวนสนุกที่เขาพาเซฮุนและจีซองไปเที่ยวด้วยกันครั้งแรกในแบบครอบครัว หรือตอนที่เขา

พาเซฮุนไปเดินเล่นสูดอากาสที่สวนสาธารณะริมแม่น้ำใกล้บ้านหลังกลับมาจากโรงพยาบาลตอนที่รู้ว่า

เซฮุนนั้นตั้งท้องเจ้าตัวเล็กอีกคนหรือแม้กระทั้งตอนที่เขาพาจีซองไปเที่ยวสวนสัตว์เมื่อวันหยุดที่ผ่านมา

ก็มี รูปทั้งหมดล้วนแต่เป็นรูปที่แอบถ่ายทั้งนั้น บางรูปนั้นมันเป็นช่วงเวลาก่อนหน้าที่เขาพาจีซองไป

ทำงานด้วยในกองถ่ายมิวสิควีดีโอนั่นเสียด้วยซ้ำ

 

“ตกลงใครโทรมาน่ะจงอิน” เสียงของเซฮุนถามขึ้นในขณะที่เจ้าตัวกำลังเดินออกมาจากห้องน้ำ ทำให้จงอิน

รู้สึกตัวและรีบปิดหน้าข่าวและล็อคโทรศัพท์เก็บวางไว้ที่เดิมทันที

“พี่หมินอ่ะ เขาโทรมาคอนเฟิร์มงานพรุ่งนี้น่ะไม่มีอะไรหรอก” จงอินบอกในขณะที่ลุกขึ้นไปช่วยพยุงเซฮุน

เดินมาที่เตียงอย่างระวัง

“คอนเฟิร์มงานตอนตีสองครึ่งเนี่ยนะ!!” เซฮุนถามแบบไม่อยากจะเชื่อ

“อืม พอดีพี่หมินเขาแวะเข้าไปเช็คงานกับพี่จงแดที่บริษัทต่ออ่ะ ถึงโทรมาตอนนี้ นอนๆ นอนต่อกันเถอะ

ฉันง่วงจะแย่อยู่แล้ว” จงอินตอบไปตามน้ำก่อนจะตีเนียนประคองเซฮุนให้นอนพร้อมตนและทำทีเป็นหาว

แสดงให้เห็นว่าตัวเองนั้นง่วงอย่างที่บอกจริงๆ

.

.

.

Tru…Tru…Tru

 

       เสียงโทรศัพท์ของจงอินดังขึ้นอีกครั้งในเวลารุ่งเช้า แต่คราวนี้กลายเป็นจงอินที่รู้สึกตัวตื่นก่อน

ไม่สิ ต้องบอกว่าจงอินนั้นยังไม่ทันได้นอนเลยต่างหาก

“แปปนึงนะพี่” จงอินรีบคว้าโทรศัพท์มากดรับสายและพูดกรอกเสียงเบาๆบอกมินซอกลงไป ก่อนที่เซฮุน

จะรู้สึกตัวตื่นและค่อยๆลุกขึ้นจากเตียงนอนอย่างเงียบๆเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนการนอนของเซฮุน

“ไคได้ยินพี่หรือป่าว” มินซอกถามกลับเมื่อเห็นว่าจงอินรับสายและเงียบหายไป

“ได้ยินครับ ทางนั้นว่าไงบ้างพี่” จงอินถามในขณะที่เดินลงบันไดไปชั้นหนึ่งของบ้าน

“พวกฝ่ายบริหารโวยวายกันใหญ่เลยเมื่อเห็นภาพและรู้ข่าวถึงกับเรียกประชุมด่วนตอนตีสองเลยอ่ะ

แล้วพอรู้ว่าเมียนายเป็นลูกชายคนเล็กของท่านประธานด้วยนี่ยิ่งบ้ากันไปใหญ่ กล่าวหาว่าท่านประธาน

ปิดบังบ้างหล่ะ จะจับนายบ้างหล่ะ หลอกใช้นายบ้างหล่ะ ถึงกับจะรวมหุ้นที่ท่านประธานกระจายขาย

เมื่อช่วงที่ท่านเจอพิษเศรษฐกิจเพื่อถอนท่านประธานออกจากการเป็นประธานบริษัทด้วยหล่ะ แต่ตัว

ท่านประธารเองก็มีหุ้นเหลืออยู่ห้าสิบเปอร์เซ็นไงเลยเป็นเรื่องเป็นราวถกเถียงกันใหญ่โตเลยตอนนี้

นี่พี่ก็โดนไล่ออกมาเพราะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนั้น แต่ช่วงสายพวกนั้นจะให้นายมาที่บริษัทนะ

นายจะมาเองหรือจะให้พี่ไปรับ” มินซอกเล่ารายละเอียดทั้งหมดที่ตัวเองรับรู้มาให้จงอินฟัง

“เรื่องของผมมันไม่น่าจะไปเกี่ยวกับการถอนท่านประธานหรือผู้ถือหุ้นอะไรนั่นเลยนะพี่” จงอินบอก

ก่อนที่จะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาในห้องนั่งเล่นใหญ่ที่สามารถมองออกไปเห็นวิวแม่น้ำและพระอาทิตย์

กำลังจะขึ้นอยู่ตอนนี้ มันจะเป็นภาพที่สวยและน่าจดจำมากถ้าจงอินได้เห็นในวันปกติที่ไม่ได้มีปัญหา

มากมายวุ่นวายรออยู่อย่างวันนี้

“คืออย่างนี้นะจงอิน ก่อนหน้านี้พี่เคยได้ยินพวกพนักงานออฟฟิตในบริษัทซุบซิบกันเรื่องที่กรรมการมุน

พยายามหาทางรวมหุ้นกับผู้ถือหุ้นคนอื่นๆเพื่อถอนท่านประธานออกและขึ้นแท่นเป็นประธารเองน่ะ”

 มินซอกขึ้นมานั่งบนรถตัวเองก่อนที่จะเล่าในสิ่งที่ตัวเองได้รู้มาโดยความบังเอิญตอนไปเข้าห้องน้ำใน

ส่วนออฟฟิตของบริษัท

“ถ้าเขาตั้งใจทำอย่างนั้นจริงๆ เขาก็ควรที่จะทำตั้งนานแล้วไม่ใช่หรือพี่ ไม่ใช่มาเริ่มตอนที่มีข่าวผมอย่างนี้”

จงอินถามความเป็นไปได้ เพราะกรรมการมุนที่เขารู้จักนั้นก็ดูเป็นคนดีและเป็นฝ่ายสนับสนุนประธารโอ

อยู่ตลอดไม่ว่าประธานโอจะเสนอหรือคิดจะทำอะไร

“ก็เพราะว่าหุ้นเขามีไม่พอที่จะสามารถขึ้นเป็นประธานได้ไงหล่ะ กฎผู้ถือหุ้นของบริษัทถ้ามีหุ้นอยู่ไม่ถึง

สามสิบเปอร์เซ็นก็ไม่สามารถขึ้นเป็นประธานได้และกรรมการมุนมีหุ้นอยู่ในมือเพียงแค่สิบแปดเปอร์เซ็น

ส่วนหุ้นที่เหลือก็กระจายไปอยู่กับกรรมการคนอื่นๆ” มินซอกพูดต่อ

“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เห็นต้องกลัวอะไรเลยนี่พี่ในเมื่อท่านประธานมีหุ้นตั้งห้าสิบเปอร์เซ็น” จงอินบอก

“น้อยไปสิ! ตอนนี้กรรมการคนอื่นกำลังจะขายหุ้นต่อให้กรรมการมุนเพื่อจะให้กรรมการมุนได้ขึ้นแท่น

ประธานแทนพ่อตานายไงคิมไค ถึงประธานโอจะมีหุ้นถึงห้าสิบเปอร์เซ็นแต่ถ้ากรรมการคนอื่นลงชื่อ

ถอดถอนประธานและลงชื่อแต่งตั้งให้กรรมการคนใดคนนึงที่มีหุ้นถึงสามสิบเปอร์เซ็นขึ้นแทนได้น่ะ

นอกเสียจากประธานโอจะหาหุ้นมาเพิ่มให้ถึงเจ็ดสิบเปอร์เซ็นเท่านั้นแหละถึงจะมีสิทธิขาดในการเป็น

ประธานบริษัทแต่เพียงผู้เดียวเหมือนกับเมื่อก่อน” มินซอกอธิบายให้จงอินฟังต่อ เพราะตัวมินซอกเองนั้น

เป็นพนักงานคนแรกๆในที่นี่ตั้งแต่พึ่งเริ่มต่อตั้งบริษัทขึ้นมาเสียด้วยซ้ำถึงได้พอรู้ในเรื่องพวกนี้อยู่บ้าง

“แค่มีหุ้นเพิ่มอีกยี่สิบเปอร์เซ็นประธานโอก็จะมีสิทธิขาดและไม่โดนถอนออกจากการเป็นประธานใช่มั้ยพี่”

จงอินถามต่อเมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

“ใช่น่ะสิ แต่ใช่ว่าจะหาหรือขอซื้อคืนจากใครมาได้ง่ายๆในเมื่อกรรมการพวกนั้นรวมหัวกันเสียขนาดนี้

 พูดไปก็น่าสงสารประธานโอเน๊าะพี่เคยยินมาว่าประธานโอน่ะสร้างบริษัทนี้มาด้วยตัวเองอย่างยากลำบาก

แต่เพราะท่านรักดนตรีและเสียงเพลงมาก ถึงล้มแล้วล้มอีกแต่ท่านก็ยังกัดฟันทนสู้และสร้างมาให้ใหญ่โต

และมีชื่อเสียงมากถึงขนาดนี้ ถ้าจะต้องยกให้คนอื่นดูแลโดยที่ตัวเองทำได้เพียงแค่นั่งมองนั้นน่าเศร้าใจ

มากเลยนะ” มินซอกบอกพลางนึกถึงสมัยก่อนช่วงที่ตนตัดสินใจมาสมัครงานที่นี่ตั้งแต่ยังเป็นบริษัทเล็กๆ

ที่ตัวอาคารมีเพียงแค่สามชั้นเท่านั้น ความจริงแล้วมินซอกจะไปสมัครงานอีกบริษัทนึงที่ตอนนี้เป็นคู่แข่ง

ของที่นี่ต่างหากแต่เพราะมินซอกมาเจอประธานโอกำลังนั่งรับสมัครพนักงานด้วยตัวเองอยู่หน้าบริษัท

แห่งนี้ด้วยรอยยิ้มและความเป็นกันเองไม่มีแบ่งแยกชนชั้นอย่างที่อื่นมินซอกก็เลยลองสมัครงานที่นี่ดู

ถึงแม้ว่าค่าตอบแทนจะน้อยกว่าที่อื่นเกือบครึ่งก็เถอะแต่เพราะยังไงตัวเองก็ไม่เดือดร้อนเรื่องอะไรอยู่แล้ว

เพราะที่บ้านมินซอกเองนั้นก็มีกิจการเป็นของตัวเองเหมือนกันเพียงแต่ตัวเองนั้นต้องการประสบการณ์

ใหม่ๆเท่านั้นเอง

“ผมรู้ครับพี่เพราะเซฮุนก็เคยพูดแบบนั้นเหมือนกัน แค่นี้ก่อนนะพี่ ยังไงตอนสายพี่ก็มารับผมหน่อยแล้วกัน”

จงอินพูดก่อนที่จะวางสายโดยที่มินซอกยังไม่ทันได้ตอบอะไรกลับมาก่อนที่จะลุกเดินกลับขึ้นไปบน

ห้องนอนอีกครั้งนึงเพื่อหาในสิ่งที่ตนต้องการ

.

.

.

       จงอินเดินกลับเข้ามาในห้องนอนของตนเองอีกครั้งก็เห็นเซฮุนที่อาบน้ำเปลี่ยนชุดเป็นที่เรียบแล้วกำลัง

จัดเก็บที่นอนอยู่เหมือนปกติในทุกๆเช้า

“มอร์นิ่งคุณหมี ไปไหนมาแต่เช้าอ่ะ ทุกทีไม่ปลุกก็ไม่ตื่น ไหงวันนี้ตื่นแต่เช้าได้เนี่ย” เซฮุนเอ่ยทักทายเมื่อ

เห็นว่าจงอินเปิดประตูเข้ามาในห้องก่อนที่จะพูดล้อเรื่องที่จงอินเป็นจอมขี้เซา

     จุ๊บ!!

“มอนิ่งคิสครับคุณกระต่ายที่รัก ฉันนอนไม่หลับอ่ะเลยจะลงไปเปิดทีวีดูข่าวแต่สัญญาณกลับล่มดูไม่ได้

เสียอย่างนั้น” จงอินจุ๊บเบาๆที่ริมฝีบากบางของเซฮุนเหมือนปกติทุกเช้า ก่อนที่จะพูดโกหกเรื่องสัญญาณ

โทรทัศน์ล่มเพื่อกันไม่ให้เซฮุนได้รู้ได้เห็นข่าวในตอนนี้ เพราะเขาเองนั้นก็ยังไม่รู้เลยว่าจะมีข่าวอะไร

เรื่องไหนบ้างเกี่ยวกับพวกเขาและกลัวเซฮุนรู้สึกแย่ถ้าข่าวเขียนไปทางที่ประธานโอเสียหายเพราะเซฮุน

นั้นรักและแคร์ประธารโอมากเลยเหมือนกับไม่อยากทำให้ประธานโอเดือดร้อนหรือเสียใจเพราะตัวเองอีก

เพราะเซฮุนคิดฝังใจว่าประธานโอเสียใจและผิดหวังในตัวเองมากในเรื่องที่มีจีซองในตอนนั้น

“อ่าว! ทำไมอ่ะเมื่อคืนฝนก็ไม่ตกนี่” เซฮุนถามอย่างสงสัย

“เห็นพวกแม่บ้านบอกว่ามีอุบัติเหตุรถชนเสาส่งสัญญาณหลักล้มน่ะเลยดูไม่ได้ สงสัยคงจะต้องใช้เวลา

ซ่อมทั้งวันเลยอ่ะ ยังไงนายอยู่บ้านก็เปิดการ์ตูนหรือหนังดูกับลูกไปก่อนนะ ฉันเสร็จงานแล้วจะมารับ

พาไปดูเจ้าตัวเล็กกันวันนี้วันหมอนัดนะนายลืมรึป่าวเนี่ย” จงอินบอกในสิ่งที่เขานั้นได้นัดแนะกับแม่บ้าน

ที่ตัวเองจ้างมาให้อยู่กับเซฮุนแบบเช้าไปเย็นกลับแล้วและสั่งให้ทิ้งหนังสือพิมพ์และนิตยาสารของวันนี้

ทั้งหมด ส่วนตัวเองก็จัดการดึงสัญญาณโทรทัศน์และสัญญาณอินเตอร์เน็ตออกทั้งหมดแล้วก่อนที่จะ

ขึ้นมาบนห้องนอน

“ไม่ลืมหรอก นายน่ะไปอาบน้ำได้แล้วนะจงอินจะไปทำงานไม่ใช่หรอ เดี๋ยวฉันจะลงไปทำข้าวเช้ารอ

อ่อ! ฝากปลุกจีซองด้วยนะจงอินจัดการลูกแทนฉันหน่อยนะวันนี้ เจ้าตัวเล็กนี่ดื้นสเต็ปเทพแต่เช้ากว่า

จะหยุดฉันนี่จุกไปหมด” เซฮุนบอกพร้อมกับลูบท้องให้จงอินดูไปด้วย เพราะว่าวันนี้น้องเล็กๆของพี่จีซอง

คึกโชว์สเต็ปเทพเตะท้องปลุกหม่าม๊าเซฮุนแบบรัวๆ จนเซฮุนนั้นจุกไปหมด

     จุ๊บ!!

“มอนิ่งครับตัวเล็ก อย่าแกล้งหม่าม๊านักซิครับหม่าม๊าเจ็บน้า” จงอินจุ๊บเบาๆที่ท้องนูนๆของเซฮุนเพื่อทักทาย

เจ้าตัวเล็กในท้องของเซฮุนเหมือนทุกๆเช้าๆ คราวนี้ภารกิจจุ๊บๆแห่งชาติของครอบครัวคุณซุปตาร์ก็เหลือแค่

คนต้นคิดภารกิจนี้อย่างคิมจีซองเจ้าลูกหมูของป๊ะป๋าจงอินนั้นเอง

.

.

.

แอ๊ดดดด…..

       พอเดินประคองเซฮุนลงบันไดไปส่งข้างล่างเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น จงอินก็เดินตรงมาปลุกลูกชายที่ห้อง

ของเจ้าตัวเขาเลยทันที พอเปิดประตูไปได้จงอินก็ได้แต่ส่ายหัวแบบขำๆเมื่อเห็นลูกหมูนอนกลับหัวกลับหาง

ตัวไปทางผ้าห่มไปทาง หมอนรูปการ์ตูนตัวโปรดก็กระเด็นลงมาอยู่พื้นข้างเตียง สิ่งเหล่านี้บ่งบอกมากว่า

ลูกชายเขานั้นเป็นเด็กที่นอนเรียบร้อย(?)ขนาดไหน

“จีซองครับตื่นได้แล้วนะ” จงอินนั่งลงพื้นข้างเตียงและค่อยๆเขย่าปลุกจีซองแบบเบาๆ

“คร่อกกก…ฟี้” แต่สิ่งที่จงอินได้กลับมานั้นมีเพียงเสียงกรนของลูกชายสุดที่รักเท่านั้น

     จุ๊บ…ฟอด…ฟอด

“เช้าแล้วนะจีซอง ตื่นได้แล้วลูก” ครั้งนี้จงอินลุกขึ้นนั่งบนที่นอนจีซองก่อนที่จะอุ้มเจ้าตัวขึ้นมา

ทั้งจุ๊บปากทั้งหอมแก้มย้วยๆทั้งสองข้างเพื่อเป็นการปลุก

“คร่อกกก…ฟี้” และสิ่งที่จีซองตอบกลับมาก็มีเพียงแค่เสียงกรนเหมือนเดิม เมื่อปลุกดีๆไม่ยอมตื่นจงอิน

ก็เลยต้องหาตัวช่วย เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้วจงอินก็ปล่อยตัวจีซองลงไปเหมือนเดิมก่อนที่ตัวเองนั้นจะเดิน

หายออกไปจากห้องโดยใช้เวลาไม่นานนักก็เดินกลับเข้ามาอีกครั้ง

“หึๆ จีซองครับจีซอง หนูต้องการสิ่งนี้มั้ยลูก” จงอินก้มลงกระชิบข้างหูจีซองพรางจับสิ่งที่ไปเอามาโบก

ไปมาใกล้ๆจมูกจีซอง

“งืมๆ….แจ๊บๆ” และแล้วลูกหมูขี้เซาของป๊ะป๋าจงอินก็เริ่มมีปฏิกิริยาตอบสนองจงอินกลับมา

“ตื่นได้แล้วนะจีซอง ถ้าไม่ตื่นป๊ะป๋าจัดการไอ่เจ้านี้หมดไม่เหลือแน่ๆ” จงอินพูดบอกพร้อมกับพยายาม

กลั้นขำ เมื่อเห็นจีซองทำหน้ายุ่งทั้งๆที่ยังไม่ทันได้ลืมตา

“อย่าน้าาาาาาา…..ไก่ทอดของลูกกกกก…….”

“ฮ่าๆๆๆๆๆๆ” จงอินหลุดขำออกมาเสียงดังเมื่อเห็นจีซองลุกขึ้นมานั่งตะโกนเสียงดังทั้งๆที่ยังคงหลับตาอยู่

ใช่แล้วล่ะสิ่งที่จงอินไปเอามาเป็นอุปกรณ์ในการปลุกลูกชายนั้นคือไก่ทอดฝีมือหม่าม๊าเซฮุนที่จัดอยู่ในหมวด

อาหารที่มีอิทธิพลต่อกระเพาะของเจ้าลูกหมูจีซองในอันดับต้นๆ

“งื้อออ….ป๊ะป๋าลูกอยากกินไก่ทอดอ่าาาาาา” จีซองบอกพร้อมกับลืมตามองจงอินอย่างงัวเงีย

“ยังกินไม่ได้ครับ หม่าม๊าบอกมาว่าให้จีซองต้องอาบน้ำกับป๊ะป๋าก่อนถึงจะกินได้” จงอินเอาเซฮุนมาอ้าง

เพื่อที่จะให้จีซองยอมอาบน้ำกับตัวเองอย่างไม่งองแงเพราะสำหรับพ่อหมีและลูกหมูนั้นหม่าม๊าเซฮุน

คือสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวที่สุดในโลก

.

.

.

“จีซองครับอย่าลืมที่เราสัญญากันไว้นะ” จงอินพูดย้ำในสิ่งที่ได้ทำสัญญากับไว้จีซองตอนที่กำลังอาบน้ำกัน

ในขณะที่เดินจูงมือจีซองเดินลงบันไดเพื่อไปทานมื้อเช้า

“ฮับผม!!” จีซองเอามือที่ไม่ได้จับกับจงอินและถือไก่ทอดอยู่นั้นขึ้นมาทำท่าตะเบ๊ะแบบทหารว่ารับทราบ

“ว่าไงครับลูกชายถึงกับต้องใช้ไก่ทอดปลุกเลยหรอฮึ!” เซฮุนที่กำลังจัดโต๊ะอาหารเอ่ยทักขึ้นเมื่อเห็นสองพ่อ

ลูกเดินจูงมือกันลงบันไดมาและเห็นว่ามืออีกข้างของลูกชายนั้นถือไก่ทอดลงมาด้วย

“งื้ออออ…หม่าม๊าอ่ะ” จีซองทำหน้ากระเง้ากระงอดใส่เซฮุนเพราะรู้ว่าหม่าม๊านั้นแซวตัวเอง

   

      ปิ๊นนน….ปิ๊นนน

“เสียงรถพี่หมินมาแล้ว คงไม่ได้กินข้าวเช้าด้วยแล้วแหละ อย่าดื้อกับหม่าม๊าแล้วก็อย่าลืมสัญญาของเรา

นะครับลูก ป๊ะป๋ารักจีซองน้า ฉันไปทำงานก่อนนะเซฮุนดูแลตัวเองด้วย” จงอินบอกพร้อมกับขยี้หัว

จีซองเบาๆและหันไปพูดกลับเซฮุนก่อนที่จะกระชับกระเป๋าสะพายที่จะพกติดตัวไปด้วยไว้แน่นและ

ก้าวเดินออกจากบ้านอย่างมั่นคงและแน่วแน่

 

 ...

อีกไม่กี่ตอนเรื่องนี้จะจบแล้วนะคะ

บทสรุปจะเป็นยังไงก็มาช่วยกันลุ้นด้วยนะคะ

อ่อ!!! อย่าลืมมินอากันไปซะก่อนนะคะ

ช่วยกันเม้นต์ ช่วยกันโหวตให้ลูกหมูเป็นการส่งท้ายหน่อยนะคะ

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
คุณป๋าสู้ๆ ต้องมีคนไม่หวังดีปล่อยข่าวแน่ๆ

ปกติเม้นในธัญวลัย วันนี้เห็นในเล้าก่อน
รอตอนต่อไปน้าาา

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
 :z6:ไอ้พวกอยากได้ไม่มีสุด

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
เราเดาว่า จงอินมีหุ้นบริษัทในมืออย่างน้อยก็ 20% นะ

ออฟไลน์ monoo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1957
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4

ออฟไลน์ nunnuns

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1972
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
ห๊าาาา  ทำไมจะจบเร็วจัง ฮือออออ ไม่น้าาาาาตัวเองงง

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
มินอาเป็นคนปล่อยข่าวไหมคะ ทางฝ่ายกรรมมุนเลยได้โอกาสดำเนินการตามแผนที่วางเอาไว้พอดิบพอดี..

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
สู้ๆนะ จงอิน เพื่อลูก(สอง)และเมียที่รออยู่ที่บ้าน 555
บอกความจริงนักข่าวไปเบย ^0^//

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ เขียนสือ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
    • เขียน'สือ
รักนี้มีแค่...'นายซุปเปอร์สตาร์' ตอนที่ 25

 

 

 

       ตอนนี้จงอินและซิ่วหมินนั้นนั่งรออยู่หน้าห้องประชุมใหญ่ของบริษัท ซึ่งกว่าจะเข้ามาภายในตึกนั้น

ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย เพราะตอนนี้บริเวรหน้าบริษัทนั้นเต็มไปด้วยกองทัพนักข่าวและกองทัพแฟนคลับของ

ซุปเปอร์สตาร์คนดังอย่างคิมไคที่มีข่าวฉาวข่าวใหญ่และภาพหลุดออกมาอยู่ในขณะนี้ แต่ที่ต้องมานั่งรอ

อยู่อย่างนี้ก็เพราะว่าพวกข้างในยังเถียงกันไม่เสร็จเลยไม่ยอมให้เขาเข้าไปไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรที่จะต้องคุย

กันนักหนาเห็นคนแถวๆนี้บอกว่าพวกคณะกรรมการบริหารเข้าไปคุยกันตั้งแต่ตีสองจนตอนนี้สิบโมเช้า

แล้วยังไม่มีใครเดินออกมาจากห้องกันซักคน

“นั่นนายจะไปไหนน่ะไค” ซิ่วหมินถามขึ้นเมื่อเห็นจงอินเดินไปทางประตูทางเข้าห้องประชุม

“ผมไม่รอแล้วพี่ ในเมื่อมันเป็นเรื่องของผม ผมก็มีสิทธิ์ที่จะไก้รับรู้ด้วยสิ” พูดจบจงอินก็เคาะประตูตาม

มารยาทสองสามครั้งก่อนจะผลักประตูเดินเข้าไปในห้องประชุม

“ใครอนุญาติให้นายเข้ามาคิมไคไม่เห็นหรือไงว่าคณะกรรมการบริหารอย่างพวกฉันประชุมกันอยู่”

กรรมการมุนพูดบอกและมองจงอินอย่างไม่พอใจเมื่อเห็นว่าเป็นจงอินที่เปิดประตูเข้ามา

“เห็นครับแต่ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของผม ผมก็มีสิทธิ์ที่จะรับรู้เหมือนกัน” จงอินบอกเสียงเรียบและ

ไล่มองคณะกรรมการบริหารทีละคนๆจนหยุดอยู่ที่ประธานโอเป็นคนสุดท้ายซึ่งตอนนี้สีหน้าของ

ประธานโอเองก็ไม่ค่อยสู้ดีนัก

“นี่มันเรื่องภายในบอร์ดบริหาร คนที่เป็นแค่ศิลปินอย่างนายไม่มีสิทธิ์ที่จะรับรู้ ออกไปซะ!! ส่วนเรื่อง

ข่าวของนายนั้นเราจะได้คุยกันแน่นอนเมื่อเสร็จปัญหาตรงนี้” กรรมการอีกคนนึ้งพูดขึ้นมาพร้อม

กับเหล่ตามองจงอินกับประธานโอด้วยสายตาดูถูกดูแคลน

“อ่อ! หรอครับ? ถ้าอย่างนั้นแล้วผมยิ่งสมควรที่จะอยู่คุยด้วยเลยนะครับถ้าเป็นเรื่องนี้” จงอินพูดบอก

เสียงใสเหมือนกับว่าตอนนี้ตนเองนั้นอารมณ์ดีเสียเต็มประดา

“หมายความว่ายังไง!!” กรรมการคนเดิมถามต่อด้วยเสียงกระชาก

“ก็เพราะผมคือหนึ่งในคณะกรรมการบริหารไงครับและหุ้นในส่วนที่ผมถือสิทธิ์อยู่นั้นมีอยู่ทั้งหมด

ยี่สิบเปอร์เซ็น” จงอินพูดต่อพร้อมกับหยิบใบสัญญาซื้อขายหุ้นบริษัทออกมาจากกระเป๋าสะพายที่พก

ติดตัวมาให้ทุกคนที่อยู่ในห้องดู ซึ่งสิ่งที่จงอินพูดและหลักฐานที่โชว์ให้ทุกคนได้เห็นนั้นทำเอาบุคคล

ที่อยู่ในห้องนั้นทั้งหมดนั้นตกใจอ้าปากค้างไปตามๆกันไม่เว้นแม้แต่ประธานโอซึ่งมีฐานะเป็นพ่อตา

และซิ่วหมินที่เป็นคนคอยดูและจงอินมาตั้งแต่ก่อนเดบิวต์

“นายไปเอามันมาจากไหนน่ะจงอิน” ประธานโอเอ่ยถามออกมาเป็นคนแรก

“ท่านรองปาร์คไงครับที่เป็นคนขายต่อหุ้นนี้มาให้ผม” จงอินตอบแบบสบายๆเหมือนคุยเรื่องทั่วไป

ไม่ได้เครียดหรือกดดันอะไรซึ่งแตกต่างจากกรรมการคนอื่นๆที่เริ่มจะกระสับกระส่ายเพราะสิ่งที่

รวมหัวลงขันกันวางแผนคว่ำบาตรแบนประธานโอนั้นเหลือความเป็นไปได้ริบหรี่เหลือเกิน

“ไม่จริง!! เป็นไปไม่ได้!! ถ้ามีการซื้อขายหุ้นพวกฉันก็จะต้องรับรู้และเซ็นรับรองด้วยสิ!! หรือหุ้นที่นาย

เอามาอ้างนั้นเป็นของปลอม!! // ใช่ๆต้องเป็นของปลอมแนๆ” เสียงพวกคณะกรรมการเริ่มโวยและหา

ข้ออ้างต่างๆมาโวยใส่จงอิน

“จริงหรือปลอมก็ลองตรวจดูได้เลยครับ ว่ามันมีลายเซ็นของพวกคุณและชื่อของผมระบุอยู่ในสัญญา

หรือเปล่า เชิญเลยครับ อ่อ!! เผื่อจะไม่รู้ว่าชื่อจริงๆของผมนั้นคือคิมจงอิน นี่ครับบัตรประชาชน เดี๋ยว

จะหาว่าผมมโนมั่วนิ่มกันซะอีก” จงอินพูดบอกพร้อมกับยื่นใบสัญญาการถือหุ้นและบัตรประชาชน

ของตัวเองส่งให้พวกคณะกรรมการบริหารดู

“ของจริง//ของจริงนี่//ของจริง” คณะกรรมการทั้งสามคนพูดออกมาเป็นเสียงเดียวกันเมื่อเห็นหลักฐาน

ลายเซ็นของตัวเองระบุอยู่ในใบสัญญาการถือหุ้นของจงอินและเห็นชื่อของจงอินระบุอยู่ในช่องเจ้า

ของผู้ถือหุ้นอยู่ในนั้นจริงๆด้วย

“ทีนี้ผมก็สามารถอยู่ร่วมประชุมด้วยได้แล้วนะครับ ขอของๆผมคืนด้วยนะครับ แล้วก็เชิญพูเรื่องที่คุยค้าง

กันต่อได้เลยครับ เชิญ!!” จงอินกระตุกยิ้มมุมปากอย่างพอใจเมื่อเห็นสีหน้าที่กรรมการแต่ละคนแสดงออกมา

“ถึงจะมีผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นมายังไงก็แล้วแต่ พวกเรายังคงยืนยันคำเดิมที่จะปลดประธานโออกจาการเป็น

ประธานและแต่งตั้งกรรมการมุนขึ้นเป็นประธานบริษัทนี้แทน ยังไงสามเสียงก็ชนะสองเสียงและพวกผม

จะไม่ยอมลงชื่อให้แน่ๆถ้าลูกเขยของคุณคิดจะยกหุ้นให้คุณเพื่อที่จะให้คุณเป็นประธานต่อไป” กรรมการ

คนเดิมที่ถือข้างสนับสนุนกรรมการมุนพูดดักทางขึ้นมาหนำซ้ำยังเน้นตรงคำที่ว่าจงอินมีฐานะเป็นลูกเขย

ของประธานโอด้วยน้ำเสียงเยาะๆ

“ในเมื่อผมยกหุ้นให้พ่อตาตัวเองไม่ได้ แล้วพวกคุณจะทำยังไงหรือครับ ถ้าคุยกันไม่รู้เรื่องอย่างนี้ต่อให้

นั่งถ่างตาคุยกันทั้งวันทั้งคืนก็ไม่ได้บทสรุปหรอกครับในเมื่อน้ำหนักความที่เราแย้งกันอยู่มีค่าเท่ากัน

หรือถ้าพวกคุณยอมไม่ได้จริงๆที่พ่อตาของผมจะยังคงดำรงตำแหน่งประธานบริษัทนี้เหมือนเดิมพวกคุณ

ก็ขายหุ้นที่มีครอบครองอยู่ในมือตัวเองเสียซิครับ และไม่ต้องห่วงว่าจะไม่มีใครซื้อหรือขายแล้วจะขาดทุน

เพราะผมยินดีที่จะรับซื้อทั้งหมดสามสิบเปอร์เซ็นที่พวกคุณมีอยู่ด้วยราคามากกว่าตอนที่พวกคุณซื้อมา

เสียอีก เพราะผมกำลังหาของขวัญวันเกิดครบห้าขวบให้ลูกชายอยู่พอดีเลยและผมก็คิดว่าหุ้นจำนวน

สามสิบเปอร์เซ็นของHK Entertainment บริษัทที่คุณตาของเค้าก่อตั้งขึ้นมาจากความรักและความยาก

ลำบากเนี่ยมันจะเป็นของขวัญวันเกิดที่พิเศษที่สุดเลย และอีกอย่างนะครับบริษัทนี้จะได้เป็นเพียงกิจการ

ภายในครอบครัวโดยไม่มีคนนอกมาปะปนและมาคอยนั่งชี้นิ้วสั่งๆรอวันรับเงินเดินเงินปันผลอย่างเดียว

พวกคุณว่าความคิดผมดีมั้ยครับ?” จงอินตั้งศอกกับโต๊ะและประสานทั้งสองข้างรองคางตัวเองก่อนที่จะ

พูดบอกด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอย่างสบายๆเหมือนไม่มีอะไรแต่สำหรับกรรมการบริหารทั้งสามคนนั้นได้เห็น

นั้นก็ดูรู้ว่าจงอินตั้งใจจะกวนประสาทและพูดแดกดันพวกตน

“อย่ามาอวดดีแถวนี้นะคิมไค!!!” กรรมการมุนตะหวาดออกมาเสียงดังด้วยความไม่พอใจ

“นายมันก็แค่ไอ้เด็กที่ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมที่หวังรวยทางรัด ที่จับลูกประธานโอแลกกับการที่ได้

จะเป็นนักร้องเท่านั้นแหละ!!!” กรรมการอีกคนก็พูดดูถูกจงอินต่อจากกรรมการมุนทันที

“ใช่ๆนายจะเอาเงินที่ไหนมาซื้อหุ้นทั้งหมดได้กะอีแค่นักร้องกระจอกๆ หรือนายจะปะเหลาะเกาะขา

ขอเงินพ่อตานายอย่างนั้นหรอ อะโธ่!!!” กรรมการคนสุดท้ายพูดถากถางดูถูกดูแคลนจงอินและประธานโอ

อย่างเย้ยๆเพราะคิดว่าจงอินนั้นคงไม่มีปัญญาทำได้อย่างที่พูดหรอ

“มันจะมากไปแล้วนะพวกคุณ!!! ผมทำงานและบริหารด้วยความบริสุทธิ์และซื่อตรงไม่เคยทำอะไรอย่าง

ที่พวกคุณกล่าวหามา ถ้าเราตกลงกันไม่ได้จริงๆก็เชิญพวกคุณขายหุ้นในมือทิ้งอย่างที่คิมไคบอกได้เลย

ถ้าเค้าไม่ซื้ออย่างที่พูดจริงๆผมจะซื้อเอง!!!!” ประธานโอหน้าตึงทันทีที่พวกกรรมการบริหารทั้งสามคน

กล่าวหาตนและจงอินอย่างดูถูกดูแคลน ตัวเขาเองนั้นทุ่มเททั้งชีวิตลงทุนทั้งแรงกายแรงใจเพื่อสร้างบริษัท

นี้มาอย่างยากลำบากไม่เคยมีซักครั้งที่คิดจะขอความช่วยเหลือจากใครแม้จะล้มลุกคลุกคลานสักแค่ไหน

ก็ตามเพราะฉะนั้นอย่าหวังเลยว่าเรื่องเล็กน้อยอย่างเรื่องปั้นศิลปินในสังกัดจะต้องลงทุนเอาลูกชายหัวแก้ว

หัวแหวนอย่างโอเซฮุนมาหลอกล่อหรือต่อรองในเมื่อตัวเค้าเองนั้นก็หวังจะให้ลูกชายเป็นศิลปินเหมือนกัน

ขนาดตอนที่เซฮุนมาเป็นเด็กฝึกที่บริษัทยังต้องทำทุกๆอย่างเหมือนกับเด็กฝึกทั่วไปเลย ไม่สิ ต้องบอกว่า

เค้านั้นกดดันเซฮุนมากกว่าเด็กฝึกคนอื่นๆด้วยซ้ำเพราะครั้งแรกที่เซฮุนมาฝึกเค้าก็ส่งไปเป็นบัดดี้กับไค

ที่เป็นตัวเต็งและเป็นเด็กฝึกที่เก่งที่สุดในตอนนั้นเพื่อเป็นการกระตุ้นเซฮุนและกดดันให้เซฮุนนั้นทำให้

ได้ดีเหมือนไคทั้งๆที่ระยะเวลาฝึกนั้นห่างกันหลายปี ส่วนเรื่องที่ไคกับเซฮุนนั้นครบกันเค้าไม่เคยได้รู้เลย

ถ้าวันนั้นเซฮุนยอมบอกเค้าซักนิดว่าไคเป็นพ่อของจีซอง เค้านั้นจะล้มเลิกโปรเจ็กต์ที่จะปั้นไคทันทีแม้จะ

ต้องเสียหายหรือศูนย์เงินที่ลงทุนไปแล้วนั้นมากมายสักแค่ไหน ถึงแม้ตอนนี้เค้าจะปล่อยให้ไค เซฮุนและ

จีซองได้อยู่ด้วยกันแต่ใช่ว่าเค้าจะชอบใจที่ได้ไคเป็นลูกเขย เขาไม่ต้องการเลยไม่ต้องการที่จะได้คิมไค

ซุปเปอร์สตาร์คนดังมาเป็นลูกเขยเลย เพราะเค้ากลัวจะมีปัญหาตามมามากมายอย่างตอนนี้นี่ไง แต่เพราะ

ความสุขของลูกและหลานไงเค้าถึงยอม ถึงแม้จะยังคงตึงๆใส่คิมไคอยู่จนถึงทุกวันนี้ก็เถอะ ตอนนี้เค้านั้น

รู้สึกแย่จริงๆเสียความรู้สึกมากๆที่โดนดูถูกอย่างนี้จากคนที่เปรียบเสมือนเพื่อนในความคิดของเค้า แต่แรก

นั้นเค้าพยามจะประณีประนอมให้มากที่สุดสำหรับเรื่องนี้แต่ตอนนี้คงไม่แล้วหล่ะ

“ผมจะซื้อหุ้นทั้งหมดเพื่อเป็นของขวัญวันเกิดให้จีซองจริงๆครับ และพวกคุณก็ไม่ต้องกังวลว่าผมจะ

ไม่มีปัญญาซื้อหุ้นของพวกคุณ บางทีเงินที่พวกคุณสามคนมีอยู่ตอนนี้รวมกันอาจมีไม่ถึงครึ่งที่ผมมีอยู่

ก็ได้นะครับ อืม..พี่หมินครับช่วยบอกพวกเค้าหน่อยได้ไหมครับว่าเงินจากการทำงานในปีที่แล้วของผม

ได้เท่าไหร่กันเอาแค่เฉพาะปีที่แล้วก็พอนะครับ อ่ะ!! ไม่เอาดีกว่าเดี๋ยวพวกเค้าตกใจ อืม..เอาเป็นของ

หกเดือนแรกนี้ดีกว่าครับพี่เพราะผมรับงานมันน้อยที่สุดแถมหยุดงานไปตั้งสองเดือนแน่ะ” จงอินบอก

กับประธานโอและกรรมการทั้งสามคนก่อนที่จะหันไปถามมินซอกที่ยืนขาแข็งอยู่ข้างๆจงอินเพราะ

ไม่กล้าขยับตัวไปไหน

“อะ…เอ่อ..แค่ค่าตัวโฆษณาของครึ่งปีนี้ได้ไหมอ่ะไค พี่จำได้แค่ค่าโฆษณาอ่ะ” มินซอกบอกอย่างตะกุก

ตะกักเพราะตัวเค้าเองจำได้แค่ค่าตัวโฆษณาของจงอินครึ่งปีแรกที่ผ่านมาเท่านั้นเพราะพึ่งจะไปเซ็นรับและ

โอนเข้าบัญชีที่จงอินแจ้งเปลี่ยนไว้เมื่อสองวันที่ผ่านมาเอง จะให้เค้ามานั่งจำรายได้ของจงอินทั้งหมดคงจะ

ไม่ไหวหรอกเพราะช่วงที่จงอินยังไม่เจอเซฮุนและจีซองนั้นจงอินทำงานแทบจะยี่สิบสี่ชั่วโมงมีเวลานอน

ก็แค่ตอนที่นั่งรถเปลี่นสถานที่ทำงานเท่านั้นแหละและเค้าคิดว่าแค่เงินค่าโฆษณาของจงอินครึ่งปีแรกนี้ก็คง

จะพอทำให้คณะบริหารตกใจแน่นอน เพราะตอนช่วงปีแรกๆในการทำงานของจงอินนั้นเค้าเองก็ตกใจใน

จำนวนรายได้ของจงอินเหมือนกันแหละ แต่ก็คิดว่ามันสมเหตุสมผลนะในเมื่อจงอินทำงานหนักถึงขนาด

นั้น แถมยังอดคิดไม่ได้เลยว่าจงอินได้ขนาดนี้แล้วส่วนของบริษัทที่หักไปจะได้ขนาดไหน

“แค่นั้นก็ได้ครับ เพราะแค่นั้นก็คงพอที่ซื้อหุ้นได้นะผมว่า” จงอินพยักหน้าบอกพลางส่งซิกอะไรบางอย่าง

ไปให้ผู้จัดการส่วนตัวคนเก่งซึ่งมินซอกได้เห็นก็พอจะรู้ว่าศิลปินในความดูแลคนที่เปรียบเสมือนน้องชาย

คนนี้ต้องการอะไร

“รายได้ค่าโฆษณาของคิมไคในครึ่งปีแรกนี้มีไม่มากหรอกครับเพราะไคเค้าพักร้อนไปตั้งสองเดือนเลย

มีเวลาทำงานแค่สี่เดือนเองครับรายได้ทั้งหมดก็เลยได้แค่ 1,691,474.25 USD หรือประมาณ 2,000 ล้านวอน

เท่านั้นเองน่ะครับ” มินซอกล้วงมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงตัวเองก่อนจะกดๆจิ้มๆพอได้รู้สิ่งที่ต้องการ

แล้วก็พูดบอกออกไปด้วยเสียงดังฟังชัดให้ทุกคนที่อยู่ในห้องได้ฟัง พรางหันไปมองจงอินที่ยกนิ้วโป้งให้

ด้วยความชอบใจ

“เท่านี้ก็คงจะพอที่จะซื้อหุ้นของพวกคุณนะครับ อ่อ! อย่าลืมนะครับว่านี่เป็นเพียงรายได้จากค่าโฆษณายัง

ไม่ได้นับรวมกับราได้ส่วนอื่นหรือแม้แต่เงินปันที่ได้จากหุ้นจำนวนยี่สิบเปอร์เซ็นในส่วนของผมด้วยนะ

ครับเนี่ย เอาไงครับจะขายไม่ขายหรือจะเอายังไง ถ้าขายให้ผมพร้อมที่จะรับซื้อพร้อมทั้งเซ็นเช็คเงินสด

ให้พวกคุณทันทีที่นี่ตอนนี้และนาทีนี้ด้วยราคาที่พวกคุณพอใจ รับรองว่าเช็คผมไม่เด้งแน่นอน แต่ถ้า

พวกคุณไม่ยอมและเอาไปขายที่อื่นผมก็ไม่รับประกันหรอกนะว่าจะได้ราคานี้หรือป่าวแต่ถ้าอย่างนั้น

ก็ดีเหมือนกันเพราะผมจะได้เสียเงินที่น้อยกว่าที่คิด เพราะไม่ว่าพวกคุณจะไปขายให้ใครที่ไหนผมก็จะ

ไปตามซื้อมาเป็นของผมอยู่ดี ว่าไง? เอาไงครับ? เวลาผมเป็นเงินเป็นทองนะครับ” จงอินพูดพร้อมกับ

เอนหลังพิงพนักพิงเก้าอี้กอดอกไขว่ห้างอย่างวางมาด ทำเอามินซอกต้องยืนกลั้นขำแทบตายเมื่อ

เห็นจงอินในรูปแบบนี้เพราะปกติจงอินจะเป็นคนที่เจียมตัวตลอด ไม่เคยหลงแสงสีหรือแม้แต่

คิดว่าตัวเองเด่นดังกว่าคนอื่นเค้า ไม่เคยใช้สายตาคมนั่นมองเหยียดใครอย่างตอนนี้ อยู่ง่ายกินง่าย

กว่าศิลปินบางคนที่ดังไม่เท่าจงอินแต่เรื่องเยอะเรื่องมากแถมยังหัวสูงเสียอีกด้วย แต่จงอินที่เค้า

เห็นมาตลอดเวลาก็เป็นเพียงแค่เด็กน้อยที่ชอบเป็นหมีง่วงชอบนอน ชอบกินไก่ทอด และจะติด

เพอร์เฟคติดดูดีเฉพาะเวลาทำงานเท่านั้นแหละ แต่ครั้งนี้ที่แสดงท่าทางออกมาอย่างนี้ก็เพราะว่า

คงเหลืออดจริงๆ

“แล้วถ้าพวกฉันไม่ขายและยืนยันที่จะปลดประธานโอเหมือนเดิมล่ะนายจะทำยังไง” กรรมการมุน

พูดขึ้นมาหลังจากที่ฟังจงอินและปรึกษากับกรรมการอีกสองคนที่เหลือเบาๆ

“ก็ไม่ทำยังไงหรอกครับเพราะผมคงจะไม่มีสิทธิมากพอที่จะตัดสินใจอะไร แต่ผมคงจะหาทนาย

ที่เก่งๆดีๆสักคนมาเป็นที่ปรึกษาและช่วยหาทางซื้อหุ้นคืนจากพวกคุณและหาจ้างนักบัญชีเก่งๆสัก

ชุดนึงมาตรวจดูรายได้ย้อนหลังของบริษัทสักหกเจ็ดปีตามที่รองปาร์คได้เคยเล่าเรื่องบางอย่างให้

ผมได้ฟังก่อนที่จะขายหุ้นมาให้ผมแทน ในฐานะหนึ่งในกรรมการบริหารที่ดีที่ควรจะเป็นไงครับ”

จงอินยกคิ้วขึ้นข้างนึงอย่างกวนๆเมื่อได้ยินสิ่งที่ประธานมุนถามก่อนที่ตอบกลับไปอย่างเป็นต่อเมื่อนึก

ถึงสิ่งที่รองปาร์คคนที่ขายหุ้นต่อมาให้ว่ารองปาร์คนั้นเคยเล่าเรื่องบางอย่างที่เกี่ยวกับการเงินการบริหาร

ของกรรมการทั้งสามคนให้ฟังก่อนที่จะขายหุ้นต่อให้จงอินอีกทีได้ขึ้นมา

“นายหมายความว่ายังไงคิมไค” ประธานโอที่นั่งสะกดอารมณ์ตัวเองและนั่งฟังอย่างเงียบๆอยู่นานแล้วนั้น

ถามจงอินขึ้นมาเมื่อจงอินพูดในสิ่งที่เค้าเองไม่ค่อยเข้าใจนัก

“เอาไว้คุยกันที่บ้านเป็นการส่วนตัวนะครับท่านเพราะมันเป็นเรื่องของภายในไม่สมควรที่จะให้บุคคลที่

กำลังจะเป็นคนภายนอกนั้นรับรู้หรอกครับ” จงอินตอบและพยามที่จะส่งสายตาให้ประธานโอเข้าใจและ

ยอมเอออไหลตามน้ำกับการตัดสินใจของเค้าไปก่อน

“อืม” ประธานโอตอบรับกลับมาสั้นๆอย่างง่ายดายและรอดูการกระทำการตัดสินใจของจงอินต่อไป

“ตกลงกันได้หรือยังครับว่าจะเอายังไง? เวลาของผมเป็นเงินเป็นทองนะครับ!!” จงอินกดดันกรรมการ

ทั้งสามคนด้วยสายตา

“พวกเราจะขายให้!! เพราะไม่อยากอยู่ร่วมหุ้นกับพวกมือสมัครเล่นอย่างพวกคุณในบริษัทกระจอกๆ

อย่างนี้อีกต่อไปแล้ว!!!” กรรมการมุนเชิดหน้าพูดดูถูกประธานโอและจงอินอย่างกระแทกกระทั้น

อย่างไม่พอใจ เพราะความจริงนั้นพวกเค้าวางแผนกันล้มประธานโอมานานมากแล้วแต่ไม่มีโอกาส

จนมีข่าวของจงอินออกมาและพอรู้ว่าภรรยาของจงอินเป็นใครนั้นพวกเค้าก็สบโอกาสใช้ช่องโหว่

ตรงนี้เข้ามาตีกรอบกดดันประธานโอและพยามพูดใส่ร้ายให้มันเป็นความผิดของประธานโอทั้งหมด

และมันก็จะเป็นอย่างที่พวกเค้าต้องการถ้าไม่มีคิมไคเดินเข้ามาเพราะก่อนหน้านั้นประธานโอเริ่มมี

สีหน้าไม่ดีและหาทางแก้ตัวไม่ได้อยู่แล้วเมื่อโดนพวกเค้าทั้งสามคนต้อนจนจนมุม แต่คำพูดที่เหมือน

กับบอกเล่าเรื่องทั่วไปของคิมใครในครั้งสุดท้ายนี่แหละที่ทำให้พวกเขากลัวเพราะว่าพวกเขานั้นมีความ

ผิดติดตัวอยู่พอได้ฟังจงอินพูดทำนองนั้นก็เลยกลายเป็นวัวสันหลังหวะจนต้องยอมอย่างที่เห็นไม่อย่างนั้น

จะต้องเสียมากกว่าที่กำลังจะได้ในตอนนี้อย่างแน่นอนถ้าคิมไคทำอย่างที่พูดออกมาจริงๆ

“อืม…ก็ดี…ขอบคุณนะครับที่ยอมขายหุ้นให้ผมบริษัทนี้จะได้เป็นกิจการของครอบครัวและบริหารอย่าง

ครอบครัวเหมือนเดิมจริงๆเสียที ไม่ใช่บริหารงานโดยการทำงานบนหลังคนอยู่กินอย่างสุขสบายโดยที่ไม่

ต้องลงทุนลงแรงหรือทำอะไรเลยและมองเห็นศิลปินในสังกัดเป็นเพียงแค่หุ่นยนต์รับใช้ที่คอยรับคำสั่ง

ให้ล่าเนื้อมาถวายฝูงไฮยีน่าอย่างนี้ไงครับ” จงอินพูดนิ่งๆอย่างยิ้มเยาะเมื่อนึกถึงสิ่งที่รุ่นน้องในค่ายที่เป็น

เด็กปั้นที่เป็นสิทธิขาดของกรรมการสามคนนี้เคยโอดครวญให้ฟัง

“มันจะมากไปแล้วนะคิมไค!!!” กรรมการมุนลุกขึ้นชี้หน้าและตะคอกจงอินอย่างโกรธจัด

“พรุ่งนี้ที่ห้องนี้ตอนสิบโมงเช้าช่วยนำเอกสารสัญญามาให้ครบถ้วนเรียบร้อยด้วยนะครับ ผมเองก็จะ

มาพร้อมกับทนายของบริษัทและเงินสดตามจำนวนที่เราได้ตกลงกันนะครับ หมดธุระของพวกคุณแล้ว

เชิญ!! ออกไปได้เลยครับเพราะเรื่องที่จะประชุมต่อไปนี้ไม่อนุญาติให้คนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องได้รับรู้!!”   

จงอินไม่ได้สนใจคำพูดและท่าทางที่ไม่พอใจอย่างมากของกรรมการมุนแต่อย่างใด แถมยังไล่โดยใช้

คำพูดและสายตาทำนองเดียวกันกับที่กรรมการมุนใช้พูดและมองเหมือนกับตอนแรกที่จงอินเดินเปิด

ประตูเข้ามาในห้องประชุมแห่งนี้

“แล้วพวกฉันจะนั่งนับวันรอดูความพินาศของพวกนายและค่ายเพลงเฮงซวยนี่!!!!” กรรมการมุนตวาด

เสียงดังอีกครั้งก่อนที่จะพาพักพวกอีกสองคนเดินกระแทกเท้าปึงปังออกไปด้วยความไม่พอใจ
.
.
.
.
.
{มีต่ออีกข้างล่างอีกนิดค่ะ}

ออฟไลน์ เขียนสือ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
    • เขียน'สือ
     ปึง!!!!!!!!!! 

 

“เอ่อ..ผมต้องออกไปด้วยหรือเปล่าครับท่านประธาน” ซิ่วหมินถามขึ้นเมื่อสิ้นเสียปิดประตูอย่างแรง

หลังจากที่กรรมการทั้งสามคนเดินออกไป

“ไม่ต้องหรอก อย่างไงนายก็เป็นผู้จัดการของคิมไค เดี๋ยวเราจะคุยเรื่องข่าวที่เกิดขึ้นตอนนี้ด้วยเลย

 เลขาจองช่วยจัดการเรียกหัวหน้าฝ่ายทุกฝ่ายมาประชุมเรื่องข่าวของคิมไคที่ห้องนี้ในอีกสามสิบนาที

ข้างหน้านี้ด้วย” ประธานโอบอกกับมินซอกก่อนที่จะหันไปสั่งงานกับเลขาตัวเองที่นั่งอยู่ข้างๆ

“ครับ//ค่ะ” มินซอกและเลขาสาวพูดตอบรับพร้อมกัน ก่อนที่มินซอกจะนั่งลงเก้าอี้ว่างข้างๆจงอิน

ส่วนเลขาสาวของประธานโอนั้นเดินออกไปจากห้องประชุมเพื่อที่จะไปทำตามคำสั่งของประธานโอ

“ทั้งหมดนี่มันหมายความว่ายังไงไค นายไปรู้เรื่องอะไรมาและนายถือสิทธิครองหุ้นยี่สิบเปอร์เซ็นนี้

มาตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมฉันถึงไม่รู้” ประธานโอพูดขึ้นทันทีที่เลขาสาวออกไป ตอนนี้ทั้งห้องประชุมใหญ่

แห่งนี้ก็เหลือเพียงประธานโอ จงอินและมินซอกเท่านั้น

“ตอนนั้นผมเพิ่งเดบิวต์ได้แค่สองปีเองครับ ก่อนที่รองปาร์คจะลาออกไปจากบริษัทเขาก็เข้าไปคุยกับผม

ที่ห้องซ้อมตอนที่ผมมกำลังซ้อมเต้นอยู่น่ะครับและรองปาร์คก็เสนอขายหุ้นทั้งหมดที่เขามีให้กับผมเอง

โดยที่เขาบอกว่าตอนนั้นเขาเดือดร้อนและจำเป็นต้องใช้เงินแต่ไม่อยากขายหุ้นให้กับกรรมการทั้งสามคน

เพราะเขาไม่อยากให้บริษัทนี้ต้องมลายหายไปเพราะโดนยักยอกโกงกินจากคนเห็นแก่ตัวเพราะเข้าก็รัก

และผูกพันกับบริษัทนี้มากเหมือนกับที่นี่เป็นบ้านของเขาเอง” จงอินเริ่มพูดออกมาให้ประธานโอได้ฟัง

“แล้วทำไมเขาถึงไม่มาพูดคุยหรือปรึกษากับฉันเองแทนที่จะเป็นนายล่ะ” ประธานโอถามด้วยความสงสัย

“ผมก็ถามเขากลับไปแบบนั้นเหมือนกัน แต่เขาบอกว่าเขาไปคุยกับท่านแล้วและตอนนั้นท่านก็บอกกับ

รองปาร์คว่าตัวท่านเองก็เดือดร้อนเหมือนกันเลยไม่สามารถช่วยรองปาร์คได้ เขาก็เลยตัดสินใจมาเสนอ

ขายหุ้นให้กับผมแทนเพราะคิดว่าผมคงจะผูกพันกับบริษัทนี้เหมือนกันกับเขาเพราะผมอยู่ที่นี่มานาน

อีกทั้งตอนนั้นผมเองก็พอจะมีกำลังทรัพย์มากพอที่จะซื้อหุ้นต่อจากเขาในราคาที่ไม่สูงมากนัก ถ้าเกิด

ท่านไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูดออกไปท่านเองก็ลองคิดดูดีๆซิครับว่ารองปาร์คนั้นเคยเข้าไปปรึกษากับท่าน

ก่อนที่จะมาเสนอขายให้ผมหรือป่าว” จงอินพูดพลางบอกให้ประธานโอคิดตามในสิ่งที่ตนพูดถึงสิ่งที่

ประธานโออาจจะหลงลืมไปชั่วขณะ

“อืม…ฉันเข้าใจแล้ว ตอนนั้นฉันไม่พร้อมที่จะช่วยใครหรือคิดเรื่องอะไรจริงๆนั่นแหละ” ประธานโอบอก

หลังจากที่พยายานึกย้อนกลับไปว่ารองปาร์คนั้นได้มาคุยกับตนก่อนหรือป่าวและก็เป็นอย่างที่จงอินบอก

จริงๆเมื่อนึกขึ้นได้ อาจจะเป็นเพราะช่วงนั้นมีหลายๆเรื่อง หลายๆปัญหาที่ประเดประดังเข้ามารุมเร้าเข้ามา

เลยทำให้ตัวเองนั้นได้หลงลืมไป

“เป็นเพราะเรื่องที่ท่านตรวจพบว่าตัวเองเป็นโรคหัวใจหรือป่าวครับถึงสามารถทำให้ท่านปล่อยปละละเลย

เรื่องสำคัญที่เกี่ยวกับบริษัทที่ตัวเองรักอย่างนี้น่ะครับ” จงอินถามขึ้นด้วยเสียงที่เรียบนิ่งและมองประธานโอ

อย่างคาดคั้นแต่ไม่ได้ก้าวร้าวแต่อย่างใด

“นี่ นี่นาย นายรู้” ประธารโอถามอย่างตะกุกตะกักด้วยความตกใจ เมื่อจงอินพูดในสิ่งที่เขานั้นพยายามปิดบัง

ไม่อยากให้ใครรู้และไม่เคยมีใครได้รู้แม้แต่ภรรยาคู่ทุกคู่ยากอย่างคุณนายคิมก็ตามเพราะเขาไม่อยากให้ใคร

เป็นห่วงโดยเฉพาะโอเซฮุนลูกชายสุดที่รักและเขาสามารถพูดได้อย่างเต็มปากเลยว่าเข้ารักเซฮุนมากที่สุด

ถึงแม้ว่าจะมีจีซองเป็นหลานแล้วก็ตามแต่ยังไงเขาก็ยังรักเซฮุนมาที่สุด รัก รักมากกว่าคุณนายคิม รักมากกว่า

จุนมยอน ไม่ใช่ว่าเค้าไม่รักจุนมยอนเขาก็รักเหมือนกันเพราะจุนมยอนก็เป็นลูกของเขา แต่เพราะตัวเขานั้น

ผูกพันกับเซฮุนมากกว่าใครๆ เลี้ยงเซฮุนมาด้วยตัวเองตั้งแต่เกิดเพราะช่วงที่เซฮุนเกิดมาคุณนายคิมต้องไป

ช่วยงานกิจการทางบ้านของเธอเองและเอาจุนมยอนไปด้วย และจำเป็นที่จะต้องทิ้งเซฮุนไว้ให้ประธานโอ

เลี้ยงเพราะว่าที่ๆคุณนายคิมไปนั้นมันไม่พร้อมและไม่เหมาะกับเด็กอ่อนเลยทำให้ประธานโอต้องเป็นพ่อ

ลูกอ่อนตัวติดกับเซฮุนตลอดเวลา ครั้นจะให้จ้างพี่เลี้ยงก็ไม่ไหวและไม่ไว้ใจใคร บริษัทนี้เปิดมาพร้อมกับ

การเกิดของเซฮุน ช่วงแรกๆนั้นบริษัทนี้เล็กมากแม้แต่ตำแหน่งแม่บ้านยังไม่มีใครกล้ามาสมัครเลย เลยทำ

ให้ประธานโอต้องเริ่มงานตั้งแต่ตอนเช้ามืดด้วยตำแหน่งพ่อบ้านกวาดถูบริษัทตัวเองโดยที่มีเซฮุนอยู่ใน

ห่อผ้าคาดไว้กับหลังตัวเอง สายหน่อยก็ไปนั่งรับสมัครพนักงานรับสมัครเด็กฝึกพร้อมกับที่กล่อมเซฮุนนอน

ตกเย็นก็ขึ้นไปแต่งเพลงบนห้องอัดพร้อมกับเสียงอ้อแอ้ของเซฮุน พอเซฮุนโตขึ้นหน่อยก็สอนเซฮุนร้องเพลง

ด้วยตัวเอง สอนเซฮุนเต้นด้วยตัวเอง ยิ่งเห็นเซฮุนชอบและสนุกไปกับสิ่งที่เขายิ่งมีความสุขและยังจำสิ่งที่

เซฮุนพูดกับเขาในตอนที่เซฮุนมีอายุเพียงแปดขวบได้เป็นอย่างดี

‘ฮุนจะเป็นนักร้องที่ดี เต้นเก่งๆอย่างคุณพ่อฮะ’ และนั่นทำให้เขายิ่งรักและภูมิใจในตัวลูกชายคนนี้มาก

จนเกิดเรื่องที่เซฮุนตั้งท้องจีซองนั่นแหละถึงทำให้เขาปั้นปึ่งใส่เซฮุนและไม่พูดคุยกันได้อย่างสนิทใจ

เหมือนอย่างเมื่อก่อน จะว่าเขาเป็นคนยึดติดก็ได้แต่ที่เขาเป็นอย่างนี้ก็เพราะว่าเขาหวังมากเกินไปและ

ไม่ยอมปล่อยวางว่ามันเป็นเพียงคำพูดที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา แต่เชื่อเถอะว่าโอเซฮุนคือ

คนที่เขาให้ความสำคัญและห่วงความรู้สึกของเจ้าตัวมากกว่าใครๆทั้งหมด เลยไม่ยอมบอกเรื่องที่

ตัวเองเป็นโรคหัวใจให้ใครรู้เพราะกลัวว่าถ้าเซฮุนรู้แล้วจะโทษว่าเป็นความผิดตัวเองอีก ทั้งๆที่มันไม่ใช่

เพราะว่าเซฮุนเป็นคนคิดมาก ยิ่งตอนนี้เซฮุนกำลังตั้งท้องหลานอีกคนอยู่ยิ่งบอกไม่ได้เด็ดขาด

“ครับผมทราบมาได้ซักพักแล้ว เพราะผมบังเอิญไปเจอกระปุกยาของท่านตกอยู่ในตระกร้าของเล่น

จีซอง แต่ผมไม่รู้หรอกนะครับว่ามันไปตกอยู่ในนั้นได้ยังไง ผมอยากจะคุยเรื่องนี้กับท่านหลายครั้งแล้ว

แต่ก็ไม่มีโอกาสที่จะได้อยู่คุยกับท่านตามลำพังเสียที” จงอินพูดบอก

 

“อย่าบอกใครได้ไหม อย่าบอกได้หรือป่าว ถือว่าฉันขอร้อง” ประธานโอพูดบอกด้วยเสียงที่อ่อนแรง

“เพราะอะไรหรือครับ ทำไมท่านถึงไม่ยอมบอกใคร พวกเราทุกคนเป็นห่วงท่านมากนะครับ ไม่ว่าจะ

เป็นคุณแม่ พี่จุน จีซอง เซฮุนหรือแม้แต่ผมเองก็รักและเป็นห่วงท่านเหมือนพ่อคนนึงถึงแม้ว่าท่านจะ

ไม่ยอมรับก็เถอะ” จงอินบอกเสียงดังก่อนจะเบาลงเมื่อพูดถึงความสัมพันธ์ของตนและประธานโอ

“ก็เพราะฉันไม่อยากให้ใครเป็นห่วฉันอย่างที่นายเป็นนี่ไงโดยเฉพาะเซฮุน นายเป็นสามีเซฮุนายก็รู้นี่ว่า

เมียนายเป็นคนยังไง เซฮุนจะต้องโทษตัวเองแน่ๆถ้ารู้ว่าฉันป่วยเป็นอะไรถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ความผิดของ

เจ้าตัวก็ตาม ขอร้องเถอะไคถ้านายบอกว่ารักและเคารพฉันเหมือนพ่อตัวเองจริงๆ อย่าบอกเรื่องนี้ให้

คนอื่นรู้เลยนะ” ประธานโอพูดพลางขอร้อง

“ผมจะไม่บอกใครตามที่ท่านขอร้องก็ได้ครับ แต่ผมขอท่านกลับบ้างได้หรือป่าวครับ ถ้าผมจะขอให้ท่าน

เข้ารับการรักษาอย่างจริงจังได้ไหมครับ ผมรู้มาว่าท่านไม่ยอมเข้ารับการผ่าตัดทั้งๆที่มันเป็นทางเดียว

ที่สามารถทำให้ท่านดีขึ้น ท่านไม่อยากอยู่ถึงวันที่เห็นจีซองได้เติบโตและประสบผลสำเร็จในการเป็น

ศิลปินตามที่เจ้าตัวเขาบอกว่าจะเป็นนักร้องเพื่อคุณตาของเขาหรอครับ ท่านไม่อยากเห็นวันที่จีซองได้

รางวันนักร้องยอดเยี่ยมและตะโกนอยู่บนเวที่ว่าคุณตาครับจีซองทำได้แล้วครับ ท่านไม่อยากเห็นหรอครับ

ตอนนี้จีซองสีขวบกว่าๆยังไม่เต็มห้าขวบเลยจีซองก็เริ่มขอเซฮุนให้พาไปเข้าคอร์สเรียนเต้นเรียนร้องเพลง

พอผมมาซ้อมที่บริษัทจีซองก็ตามมาด้วยและขอให้ผมสอนเขาด้วย แต่พอผมหรือเซฮุนถามว่าจีซองอยาก

เป็นนักร้องหรอ?‘จีซองก็บอกว่าป่าวฮะ แต่จีซองจะเป็นนักร้องเพื่อคุณตาเพราะคุณตาบอกว่าคุณตาเคย

อยากเป็นนักร้องแต่ก็ไม่ได้เป็นจีซองก็เลยจะเป็นนักร้องแทนคุณตาเอง’ นั่นคือทั้งหมดที่ออกมาจากปาก

ของจีซองเองจริงๆนะครับถ้าท่านไม่เชื่อถามพี่เลย์ก็ได้ครับว่าพี่เลย์เคยสอนจีซองเต้นและเคยได้ยินจีซอง

พูดแบบนั้นหรือป่าวเพราะพี่เลย์เองก็เคยถามแบบที่ผมและเซฮุนถามเหมือนกัน เมื่อรู้อย่างนี้แล้วท่านจะ

ใจอ่อนยอมรักษาตัวเองตามที่ผมบอกหรือป่าว ท่านจะทำลายความหวังความตั้งใจของหลานชายท่านเอง

หรือครับในเมื่อตัวท่านเองก็รู้ว่าความรู้สึกนั้นมันแย่แค่ไหน หรือถ้าไม่คิดว่าทำเพื่อตัวเองหรือจีซองก็คิด

เสียว่าทำเพื่อโอเซฮุนคนที่ท่านรักมากที่สุดเถอะนะครับ ผมขอร้อง” จงอินพูดจบก็ลุกขึ้นไปนั่งคุกเข่า

ขอร้องอยู่ตรงหน้าประธานโอ

“เฮ้อ!! นายนี่มันจริงๆเลยนะคิมไค นายคิดว่านายเป็นลูกเขยฉันแล้วจะพูดหรือบังคับอะไรฉันก็ได้อย่าง

นั้นหรือ” ประธานโอเอ่ยออกมาเสียงนิ่ง

“ผมไม่ได้คิดอย่างนั้นนะครับ!!” จงอินเถียงขึ้นทันทีเมื่อคิดว่าประธานโอกำลังเข้าใจความหวังดีของ

ตัวเองผิดไป

“ก็ได้ๆ ฉันยอมเข้ารับการผ่าตัดก็ได้ แต่ฉันยอมทำเพื่อลูกชายกับหลานของฉันหรอกนะไม่ได้ยอมเพราะ

คำพูดขอร้องของนาย อย่าเข้าใจผิดไปเสียล่ะคิมไค และก็อย่าลืมด้วยที่นายสัญญาว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับ

ใครเป็นอันขาด และก็ลุกไปนั่งที่นายได้แล้วจะถึงเวลาประชุมเรื่องข่าวของนายละ” ประธานโอบอก

พลางเบือนหน้าหันหนีไปอีกทางที่เป็นทิศตรงข้ามกับจงอิน

“ครับๆ ผมจะจำไว้ให้ขึ้นใจครับคุณพ่อตา” จงอินลุกจากพื้นขึ้นไปนั่งที่ตนเองเหมือนเดิมก่อนที่จะพูดแซว

ประธานโอเมื่อแอบเห็นว่าหูและหน้าของประโอนั้นแอบแดงน้อยๆเหมือนกับเขินหรืออายอะไรสักอย่าง

...

ตอนนี้ให้พ่อตากับลูกเขยเค้ายอมรับกันอย่างจริงๆจังๆเสียหน่อย

หลังจากที่ปั้นปึ่งกันมานานทั้งๆที่เหมือนจะยอมรับแล้วแต่ก็ไม่

พรุ่งนี้เรามาลุ้นกันดีกว่าค่ะว่าจะมีปัญหาอะไรอีกบ้างที่รอคุณป๋าซุปตาร์อยู่

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
จะกี่ปัญหาก็ไม่หวั่น เพราะจงอินเองก็พร้อมสู้เสมออยู่แล้วล่ะเนอะ ^__________^

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
เป็นอย่างที่คิดจงอินมีหุ้นบริษัท 20% จริงๆ

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
เพิ่งจะได้เข้ามาอ่านเอาตอนใกล้จบ  :katai5:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ s.mosis

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-4
เปิดเผยไปเลยแฟนคลับน่าจะเข้าใจได้นะ ร้านขนมจะได้ดังๆ เพราะแฟนคลับไปนั่งกินกันเยอะๆ

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
เดี๋ยวไปโบกป้ายไฟให้กำลังใจหน้าบริษัทเลยค่ะ!!!!
คิมไคสู้ๆ

ออฟไลน์ ChiOln

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2475
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-3
หล่อมาก ๆ พระเอกคิมไค สู้เพื่อลูกเมีย

ออฟไลน์ เขียนสือ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
    • เขียน'สือ
รักนี้มีแค่...'นายซุปเปอร์สตาร์' ตอนที่ 26

 

 

 

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

 

     “ขออนุญาตค่ะท่านประธาน ตอนนี้หัวหน้าฝ่ายทุกท่านมาคบทุกแผนกหมดแล้ว” เสียงของเลขาสาว

ดังขึ้นมาพร้อมกับเจ้าตัวที่เปิดประตูเข้ามา

 

     “อืม ให้ทุกคนเข้ามาได้เลย” ประธานโอตอบรับเบาๆก่อนที่หัวหน้าฝ่ายแต่ละฝ่ายภายในบริษัทจะทยอย

เดินเข้ามาในห้องประชุมและนั่งประจำที่ตนเองทีละคน ส่วนไคกับมินซอกนั้นก็ต้องย้ายไปนั่งตรงหัวโต๊ะ

ข้างประธานโอเพราะเรื่องที่จะประชุมกันต่อไปนี้คือเรื่องข่าวของจงอินที่หลุดออกมา

 

     “เอาล่ะ! เรามาเริ่มกันเลย ก็อย่างที่รู้ๆกันนะว่าเมื่อกลางดึกที่ผ่านมานั้นมีข่าวของคิมไคเรื่องที่มีลูก

และภรรยาแล้วหลุดออกมา และมันก็เป็นเรื่องจริงที่ว่าคิมไคนั้นมีลูกและภรรยาแล้วไม่ใช่เพียงแค่

ข่าวลืออย่างที่ผ่านๆมา ผมเลยอยากจะขอความคิดเห็นจากพวกคุณ ใครมีความคิดอะไรดีๆที่พอจะเสนอ

ผมบ้างไหม เพราะคิมไคต้องการจะแถลงข่าวยอมรับว่าเป็นเรื่องจริงทั้งหมดไม่คิดที่จะปฏิเสธแต่อย่างใด

อย่างน้อยๆสิ่งที่ผมต้องการก็คือหนทางที่จะทำให้คิมไคและครอบครัวหรือทางบริษัทของเราได้รับความ

เสียหายและผลกระทบให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้” ประธานโอเปิดประเด็นขึ้นทันทีเมื่อเห็นว่าทุกคนใน

ห้องประชุมพร้อมกันหมดแล้ว

 

     “ผมขอถามได้ไหมครับ” หัวหน้าฝ่ายการสอนการแสดงที่เป็นลูกครึ่งยกมือถามขึ้น

 

     “ถามมาได้เลยเจอา” ประธานโอเอ่ยอนุญาต

 

     “ที่เขาบอกว่าภรรยาของคิมไคคือลูกชายคนเล็กของท่านจริงหรือป่าวครับ” คำถามที่เจอาถามขึ้น

เรียกเสียงฮือฮาจากคนในห้องประชุมได้เป็นอย่างมาก เพราะบางคนก็ยังไม่รู้หรือคนที่รู้ก็ไม่คิดว่าจะ

มีใครกล้าถามออกมาตรงๆอย่างนี้

 

     “อืม ก็อย่างที่คุณพูดมานั้นแหละ แต่ผมไม่รู้หรอกนะว่าสิ่งที่คุณรู้หรือได้ยินมามันจะเป็นความจริง

มากน้อยแค่ไหน เพราะฉะนั้นผมจะอธิบายให้พวกคุณทุกคนฟังพร้อมๆกันทีเดียวครั้งเดียวตกลงไหม”

ประธานโอพูดออกมาเมื่อคิดว่าคนที่รู้นั้นอาจจะรู้มาจากไหนสักที่แต่ก็ไม่รู้ว่าจริงเท็จแค่ไหน ใส่สีตีไข่

ไปมากแค่ไหน เลยตัดสินใจที่จะบอกความจริงให้ทุกคนฟัง

 

     “ครับ/ค่ะ” ทุกคนตอบรับพร้อมกันอย่างพร้อมเพียงเพราะความอยากรู้

 

     “ลูกชายคนเล็กของผมคือภรรยาของคิมไคนั้นคือเรื่องจริง คิมไคเป็นลูกเขยผมนั่นก็จริง แต่เค้าทั้ง

สองคนคบกันรักกันตั้งแต่ตอนที่เป็นเด็กฝึกอยู่ด้วยกันที่นี่และตอนนั้นยังไม่มีใครรู้ว่าโอเซฮุนคือ

ลูกชายคนเล็กของผมแม้แต่คิมไคเองก็ตาม ที่ฉันพูดมาทั้งหมดนี่คือความจริงใช่มั้ยเลย์ ใช่มั้ยมินซอก

ใช่มั้ยจงแดเพราะพวกนายทั้งสามคนคือคนดูแลและที่สนิทกับไคและเซฮุนที่สุด พวกนายรู้ใช่มั้ยว่า

พวกเค้าพักอยู่หอพักเด็กฝึกด้วยกัน รู้ใช่มั้ยว่าพวกเค้าทั้งสองคนคบกันโดยที่พ่อแท้ๆควบด้วยตำแหน่ง

ประธานบริษัทอย่างฉันเนี่ยไม่เคยได้รู้เลยว่าลูกชายแท้ๆกับเด็กในสังกัดที่กำลังจะปั้นขึ้นมานั้นมี

ความสัมพันธ์กันไปขนาดไหน ที่ฉันพูดออกมาเนี่ยจริงหรือป่าว เลย์ มินซอก จงแด” ประธานโอพูด

ออกมาพร้อมกับถามบุคคลทั้งสามอย่างมินซอกและจงแดที่เป็นคนดูแลจงอินและเซฮุนในตอนนั้น

และเลย์ที่เป็นครูสอนเต้นที่สนิทและรู้แทบจะทุกเรื่องของจงอินและเซฮุน และแน่นอนว่าทั้งสามคน

นั้นรับรู้มาตลอดว่าเด็กในความดูแลทั้งสองคนคบอยู่ในสถานะไหนแต่ก็ไม่มีใครพูดห้ามหรือว่าแต่

อย่างใดเพราะทั้งจงอินและเซฮุนนั้นช่วยกันผลักดันกันและกันให้ได้ดีและพัฒนาฝีมือขึ้นอยู่ทุกวัน

โดยที่ไม่เคยพากันเบี้ยวซ้อมหรือพากันเกเรแต่อย่างใด

 

     “จริงครับ/จริงครับ/จริงครับ” มินซอก จงแดและเลย์ตอบออกมาอย่างพร้อมเพียงกัน

 

     “แล้วหลังจากนั้นท่านก็ไม่รู้หรอครับถึงได้ปล่อยให้คิมไคได้เดบิวต์ออกมาจนถึงทุกวันนี้”

หนึ่งในผู้ร่วมประชุมคนนึงยกมือถามขึ้นอย่างกล้าๆกลัวๆเพราะตอนนี้สีหน้าของประธานโอนั้นไม่ดีเลย

 

      “คุณคิดว่าถ้าตอนนั้นผมรู้แล้วผมจะปล่อยให้ไคออกมาเป็นคิมไคอย่างทุกวันนี้หรอ หรือคิดว่าผมจะ

หลอกหาผลประโยชน์จากลูกเขย ถ้าพวกคุณคิดอย่างนั้นผมบอกไว้เลยว่าไม่มีทาง ต่อให้สิบปีจะมีซักคน

ที่เป็นเด็กที่เพียบพร้อมทั้งพรสวรรค์พรแสวงอย่างคิมไค คนอย่างผมก็พร้อมที่จะโยนโปรเจคร้อยล้านนั่น

ทิ้งทันทีถ้าหากมันจะต้องมาแลกกับความเดือดร้อนของลูกและหลานผมอย่างนี้  แต่เพราะว่าผมมารู้เรื่องนี้

เอาเสียตอนที่สายไปและไม่สามารถกลับไปแก้ไขได้แล้วยังไงล่ะผมถึงต้องปล่อยผ่านทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น

อย่างทุกวันนี้ เอาล่ะผมเล่าให้พวกคุณฟังได้เท่านี้เพราะมันเป็นเรื่องภายในครอบครัว ใครมีอะไรจะเสนอ

ผมไหมครับ” ประธานโอพูดเสียงแข็งเมื่อเผลอนึกไปถึงวันที่เขารู้ว่าเซฮุนท้องซึ่งเป็นวันเดียวกับที่เขาเรียก

จงอินเข้าไปคุยเรื่องการเดบิวต์เป็นศิลปินของเจ้าตัวพลางคิดไปว่าอาจจะเป็นเพราะความผิดของเขาเองก็ได้

ที่ทำให้ลูกต้องเสียใจ ทำให้หลานต้องกำพร้าพ่อ ทำให้สามีภรรยาเค้าต้องแยกจากกันถึงแม้จะแค่ในช่วง

เวลาเพียงแค่ไม่กี่ปีก็ตาม

 

     “ทำเรียลลิตี้การเป็นอยู่ของครอบครัวไคสิครับ” และก็เป็นเลย์ที่เสนอออกมาหลังจากที่ทุกคนนั่งจมอยู่

กับความคิดของตัวเองหลังจากที่ประธานโอพูดจบไปเมื่อสักครู่ใหญ่ๆ

 

     “เรียลลิตี้เนี่ยนะ?” ประธานโอถามเลย์กลับ

 

     “ครับ! เรียลลิตี้  แบบประมาณว่าไปติดกล้องไว้ที่บ้านของไคเพื่อดูความเป็นอยู่ของครอบครัวไค

ให้แฟนคลับหรือคนดูทางบ้านได้เห็นในอีกมุมนึงที่ต่างออกไปของคิมไค ได้เห็นคิมไคในบทบาทของ

สามีที่ดีและคุณพ่อที่อบอุ่นและน่ารักอะไรประมาณนี้แหละครับและถ่ายทอดออกไปก่อนทางโทรทัศน์

สักช่อง เอาเป็นช่องที่มีคนดูแบบทุกเพศทุกวัยและช่วงเวลาที่คนในครอบครัวอยู่กันพร้อมๆหน้าด้วยนะ

ครับ โดยที่ไคยังไม่ต้องจัดแถลงข่าวอะไรออกไป” เลย์อธิบายเพิ่มให้ประธานโอและทุกคนที่อยู่ในห้อง

ประชุมนี้ได้เข้าใจ

 

     “นายจะบอกว่าให้ประชาชนได้รับรู้ความจริงเองและให้พวกเค้าได้ตัดสินใจเองว่าไคถูกผิดอย่างไร

อย่างนั้นหรอเลย์” คำถามนี้ออกมาจากรองจุนมยอนโปรดิวเซอร์คนเก่งของบริษัทหรือก็คือลุงจุนของ

ลูกหมูจีซองนั่นเองแต่ที่ไม่ได้เข้ามาประชุมคณะกรรมการผู้ถือหุ้นในตอนแลกก็เพราะว่าจุนมยอนไม่มี

หุ้นส่วนอยู่ในบริษัทแต่อย่างใดเป็นเพียงพนักงานที่ดำรงกำแหน่งรองประธานกรรมการเท่านั้นเอง

 

     “ใช่แล้วครับท่านรอง เราจะใช้ความเป็นธรรมชาติของไคและครอบครัวนี่แหละเป็นตัวยืนยันกับ

แฟนคลับและคนดูทั่วไปให้รู้ว่า ถึงแม้ว่าไคจะมีลูกและภรรยามีครอบครัวเป็นของตัวเอง แต่คิมไค

ก็จะยังคงเป็นคิมไคที่เป็นซุปเปอร์สตาร์คนเดิมเพียงแค่มีบทบาทหน้าที่ของการเป็นสามีและพ่อที่ดี

ในชีวิตเพิ่มขึ้นมาเท่านั้นเอง อย่างอื่นก็ยังคงเหมือนเดิม ร้องเพลงได้ รับงานแสดงได้หรือแม้แต่จะ

จัดเวิลด์ทัวร์คอนเสิร์ตเหมือนครั้งที่ผ่านมาก็ได้เหมือนกัน” เลย์อธิบายต่อในสิ่งที่ตนคิดว่าน่าจะเป็น

     “แล้วถ้ามันไม่เป็นอย่างที่คุณคิดล่ะเราควรที่จะทำยังไงต่อไป” จุนมยอนถามต่ออีก

 

     “ถึงช่วงแรกอาจจะยังติดขัดและได้ผลลบมากกว่าผลบวกไปบ้างเพราะคนดูยังคงมีอคติและไม่ค่อย

ยอมรับเสียเท่าไหร่ แต่เชื่อเถอะว่าถึงเขาจะมีอคติมากแค่ไหนเขาก็ยังคงเปิดดูอยู่ต่อไปเพราะมีคิมไค

ศิลปินที่เค้าช้าเค้ารักยังไงล่ะครับ แต่พอเค้าได้เห็นความดีของเซฮุนและความน่ารักของจีซองพวกเค้า

ก็จะเปลี่ยนความคิดกันไปเอง หรือว่าคุณไม่มั่นใจในตัวจีซองหรอครับ? แต่ผมมั่นใจนะว่าลองใครได้

เห็นหรือได้ดูจีซองเป็นอันต้องตกหลุมรักทุกคน ขนาดผมไม่ชอบเด็กไม่ซิ ต้องบอกว่าผมเคยเกลียดเด็ก

ยังหลงรักจีซองหลานชายสุดที่รักของคุณเลยนะครับรองจุนมยอน ไม่แน่นะครับพอจบเรียลลิตี้นี้เราอาจ

จะได้ดาราหรือนักร้องเด็กในสังกัดเพิ่มขึ้นมาอีกคนก็ได้นะครับ” เลย์พูดบอกพลางยักคิ้วส่งไปให้จุนมยอน

อย่างกวนๆโดยที่ไม่ได้กลัวจุนมยอนอย่างที่พนักงานในบริษัทกลัวกันเลยเพราะเลย์กับจุนมยอนนั้นคือเพื่อน

ที่เรียนมาด้วยกันตั้งแต่ประถมเลยยังไงล่ะ

 

     “เอาซิ! ฉันชอบความคิดนี้ของนายนะเลย์ คนอื่นว่ายังไงบ้าง เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยยังไงก็ค้านหรือ

เสนอความคิดเห็นได้เต็มที่เลย” ประธานโอถามความเห็นจากผู้ร่วมประชุมทุกคน

 

     “ฉันเห็นด้วยกับเลย์นะคะ/ใช่ๆผมก็เห็นด้วย/ถึงจะเสี่ยงแต่ก็คุ้มนะครับ” ทุกคนพูดออกมาทำนองเดียวกัน

ว่าเห็นด้วยในความคิดของเลย์ถึงแม้ว่ามันอาจจะเสี่ยงไปหน่อยเพราะว่าเหมือนกับการซื้อใจของคนดู

 

     “ถ้าอย่างนั้นเรามาเริ่มวางแผนโปรเจคนี้กันเลย ว่าแต่เราจะเรียกโปรเจคนี้ว่าอะไรกันดี” ประธานโอถาม

ออกมาหลังจากที่ความคิดของทุกคนไปในทางเดียวกัน

 

     “รักลับๆของคุณพ่อซุปเปอร์สตาร์” มินซอกเผลอพึมพาออกมาเบาๆกับตัวเองแบบไม่ได้ตั้งใจ แต่ก็ทำ

ให้หลายคนในห้องประชุมแห่งนี้ได้ยินและหันมองมินซอกด้วยความพร้อมเพียงกัน

 

     “เมื่อกี้นายพูดว่าอะไรนะมินซอก ฉันได้ยินไม่ค่อยชัด” ประธานโอหันไปถามมินซอกทันจนเจ้าตัวสดุ้ง

เพราะมัวแต่นั่งจมอยู่แต่กับความคิดตัวเองเลยไม่ทันได้รู้ตัวว่าตอนนี้นั้นตัวเองเป็นที่สนใจขนาดไหน

 

     “อุ๊ย!! ตกใจหมดเลย  เมื่อกี้ท่านประธานถามผมว่าอะไรนะครับ” มินซอกที่เงยหน้าขึ้นมาถามประธานโอ

ต้องสดุ้งตกใจเพราะตอนนี้คนทั้งห้องประชุมจ้องมองเขาเป็นตาเดียวกันเลย

     “ฉันถามว่าเมื่อกี้นายพูดว่าอะไรนะ” ประธานโอถามย้ำอีกครั้ง

 

     “เอ่อ ‘รักลับๆของคุณพ่อซุปเปอร์สตาร์’ ครับ” มินซอกพูดบอกอย่างไม่เต็มเสียงนัก ก็นะตั้งแต่

ทำงานมามินซอกคนนี้เคยเสนออะไรกับเค้าซะที่ไหนมีแต่รับฟังแล้วก็ทำตามเท่านั้นเอง มันก็ต้อง

มีเขินๆกันบ้างแหละน่า

 

     “ก็ดีนะครับท่านประธาน ผมว่าเราเริ่มเทปแรกของโปรเจคนี้ด้วยการย้อนวันวานช่วงสำคัญๆของ

คิมไคและภรรยาตั้งแต่ตอนที่ยังคงเป็นเด็กฝึกที่นี่จนเกิดเรื่องราวนาทีที่ผลิกผันชีวิตของทั้งสองคน

ดีไหมครับ นอกจากคนดูจะได้รู้ความจริงด้วยตัวเองแล้ว ยังอาจจะทำให้คนดูเลิกต่อต้านยอมรับได้

เร็วขึ้นกว่าเดิมเพราะว่าสงสารและเห็นใจทั้งสองคน พวกเขาจะได้หยุดด่าว่าเซฮุนเสียๆหายๆสักที

พวกเขาจะได้รู้สักทีว่าถ้าไม่ใช่เพราะการเสียสละของเซฮุนในวันนั้นก็คงจะไม่มีคิมไคคนที่พวกรัก

ในวันนี้อย่างแน่นอน” จุนมยอนเสนอความคิดของตัวเองด้วยน้ำเสียงแข็งๆเมื่อนึกไปถึงผลตอบรับ

ของข่าวที่ออกมา ที่เขาได้เข้าไปดูความคิดเห็นใต้เนื้อหาข่าวในอินเตอร์เน็ตนั้น ส่วนมากนั้นมีแต่

คนด่าเซฮุนอย่างเสียๆหายๆ ว่าว่าเซฮุนมาหลอกมั่งล่ะ จีซองไม่ใช่ลูกของไคเป็นลูกของคนอื่นที่เซฮุน

เอามาหลอกโมเมให้ไคเป็นพ่อบ้างล่ะ มันน่าโมโหนักหลอกบ้าหลอกบออะไรกัน ก็เห็นๆกันอยู่ว่าจีซอง

นั้นหน้าถอดบล็อกเดียวกันมาซะขนาดนั้นถ้าพูดว่าไม่ใช่ลูกเซฮุนนี่น่าเชื่อกว่ามั้ย โธ่!! นึกแล้วโมโห

 

    “แต่มันจำเป็นที่จะต้องเล่าเรื่องภายในครอบครัวให้คนอื่นรู้ขนาดนั้น และอีกอย่างนะครับตอนนี้เซฮุน

ก็ท้องลูกคนเล็กผมได้หกเดือนแล้วนะครับท้องก็โตมากเกินกว่าที่จะไปย้อนวันวานแล้วนะครับ” จงอินที่

นั่งฟังอยู่เงียบๆมานานก็แย้งขึ้นมาเพราะคิดว่าเรื่องแบบนี้มันไม่เหมาะสักเท่าไหร่ที่จะให้คนอื่นได้รับรู้

และอีกอย่างคือถ้าจำเป็นต้องให้คนอื่นได้รับรู้จริงๆแล้วจะทำอย่างไรในเมื่อตอนนี้เซฮุนนั้นท้องโตเสีย

ขนาดนั้นเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมาแสดงบทบาทสมมุติเหมือนเมื่อตอนเป็นเด็กฝึก

 

     “ได้สิไค เทปแรกที่เราจะปล่อยออกไปให้คนดูได้ดูจะเป็นเพียงการแสดงบทบาทสมมุติโดยอ้างอิง

จากชีวิตจริงของนายและเซฮุนในตอนนั้นโดยใช้เด็กฝึกในค่ายที่เรามีอยู่ตอนนี้นี่แหละ เห็นไหมแค่นี้

ก็ไม่มีปัญหาแล้ว แถมยังได้โปรโมทเด็กในสังกัดเพิ่มอีกด้วย งานนี้เรียกได้ว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกตั้ง

หลายตัว คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม” จุนมยอนอธิบายรายละเอียดเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม

 

     “ฉันชอบความคิดนี้ของรองจุนนะ แล้วคนอื่นล่ะว่าไง มีใครจะคัดค้านอะไรอีกไหม ถ้าฉันจะเริ่ม

โปรเจค‘รักลับๆของคุณพ่อซุปเปอร์สตาร์’ นี้เลยน่ะ” ประธานโอถามขึ้นอีกครั้งเมื่อได้ข้อเสนอที่

พอใจ และก็เป็นอย่างที่คาดเอาไว้ว่าไม่มีใครค้านอะไรอีก หลังจากนั้นทุกฝ่ายก็ร่วมกันหาลือและ

เสนอความคิดเห็นกันอย่างจริงจังจนได้ผลสรุปที่ทุกคนต่างพอใจ และมีแผนการที่จะเริ่มถ่ายทอด

เทปแรกของโปรเจค ‘รักลับๆของคุณพ่อซุปเปอร์สตาร์’ ในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้าโดยมีคิมไคเป็น

คนเขียนบทและควบคุมการกำกับในเทปแรกนี้ด้วยตัวเองและจะเริ่มเข้าติดตั้งกล้องในบ้านของ

ซุปเปอร์สตาร์คิมไคในวันพรุ่งนี้และจะมีช่างกล้องของบริษัทติดตามไปแอบถ่ายด้วยเมื่อครอบครัว

คุณซุปเปอร์สตาร์มีกิจกรรมนอกบ้าน เรียกได้ว่าอยู่ในสายตาคนดูตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยแล้วกัน โดยงาน

นี้มีเพียงแค่คนในห้องประชุมในที่นี่เท่านั้น นั่นเท่ากับว่าหม่าม๊าเซฮุนและลูกหมูจีซองจะไม่มีทางรู้แน่ๆ

เพราะงานนี้จะไม่มีการจัดฉากหรือส่งมอบภารกิจใดๆนอกเสียจากชีวิตประจำวันของครอบครัวคุณ

ซุปเปอร์สตาร์คนดังเท่านั้น โปรเจคนี้คือเรียลลิตี้อย่างแท้จริง!!!

.

.

.

.

.

       เสียงรองเท้าหนังกระทบพื้นดังขึ้นตามจังหวะการก้าวเดินของเจ้าของ เรียกความสนใจจากเลขาสาว

ทั้งสองคนที่นั่งอยู่คนละฝากฝั่งประจำหน้าห้องของเจ้านายตัวเองตัวเองต้องเงยหน้าขึ้นมองผู้ที่มาเยือน

ถึงชั้นบนสุดของ HK Entertainment แห่งนี้ที่มีเพียงสองห้องคือประธานบริษัทและรองประธานบริษัท

เท่านั้น แล้วงานนี้ชายหนุ่มสุดหล่อแว่นดำที่แต่งตัวเต็มยศด้วยชุดสูทแบบไม่เป็นทางการที่แสนดึงดูดใจ

เพราะรูปร่างของคนสวมใส่ที่เดินมาพร้อมกับทิวลิปช่อโตในมือนี้ต้องการที่จะมาพบใครกันระหว่าง

ท่านประธานกับท่านรองประธานที่มีอยู่สองคนในชั้นบนสุดนี้     

 

     “เอ่อ…ผมจะมาขอพบคุณคิมจุนมยอนน่ะครับไม่ทราบว่าเขาอยู่ห้องไหน” และไม่ต้องเสียเวลาเดา

กันมากมายเมื่อแขกผู้มาเยือนแสดงเจตจำนงว่าต้องการพบใคร

 

     “ท่านรองจุนมยอนอยู่ห้องนี้ค่ะ” เลขาสาวประจำห้องของจุนมยอนเป็นคนพูดบอกเมื่อรู้แล้วว่าแขก

สุดหล่อคนนี้มาพบเจ้านายของเธอ

 

     “ผมขอเข้าไปพบเขาได้ไหมครับ เขาว่างหรือป่าว” เขาถามเธออีกครั้งด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยเสน่ห์

 

     “ท่านรองให้คุณเข้าพบได้เลยค่ะ” เลขาสาวบอกทันทีที่วางสายโทรศัพท์หลังจากโทรเข้าไปแจ้งให้

เจ้านายได้ทราบว่ามีแขกขอเข้าพบ

 

     “ขอบคุณมากๆนะครับคุณเลขาคนสวย” ก่อนที่จะเปิดประตูเข้าไปพบเจ้าของห้องแขกสุดหล่อก็ไม่ลืม

ที่จะหันมาขอบคุณเลขาสาวหน้าห้องทั้งสองคนโดยการดึงแว่นกันแดดที่ใส่มาลงนิดหน่อยและยักคิ้วแบบ

เท่ๆอย่างที่เจ้าตัวชอบทำส่งให้เลขาสาวทั้งสองคน

 

     “กรี๊ดดด…นั่นมันๆ/กรี๊ดดด…ปาร์คชานยอลนี่ อ๊ายยยย >//<” พอได้รู้ว่าแขกผู้มาเยือนคือใครก็ทำเอาเลขา

สาวหน้าห้องทั้งสองคนแทบจะสติแตกเมื่อเห็นแร๊พเปอร์สุดหล่อกับตาตัวเองแบบใกล้ๆ

.

.

.

.

     “ใจคอคุณจะไม่เงยหน้าขึ้นมารับแขกหน่อยหรอครับที่รัก” ชานยอลเอ่ยทักแบบเย้าๆเมื่อเห็นว่าเจ้าของ

ห้องก้มหน้าก้มตาอยู่กับเอกสารบนโต๊ะทำงานโดยที่ไม่ได้สนใจเลยว่าตัวเองนั้นเข้ามาแล้ว

 

     “นี่..นาย..นายมาได้ยังไงน่ะ…ใครให้นายเข้ามาในนี้…แล้วยามหน้าบริษัทปล่อยให้นายที่เป็นศิลปิน

ของบริษัทคู่แข่งอย่างนี้ได้ยังไง แล้วๆ” จุนมยอนรัวคำถามใส่ทันทีเมื่อเห็นว่าแขกผู้มาเยือนคือใคร

 

     “ใจเย็นๆสิครับที่รัก เอาทีละคำถามสิ ถามรัวแบบนี้ผมตอบไม่ทันนะ! เอาคำถามแรกเลยก็แล้วกันที่

ถามว่าผมมายังไง ผมขับรถมาครับเสร็จงานอีเวนท์ผมก็ตรงมาหาที่รักเลยนะเนี่ย พอถึงหน้าตึกบริษัทคุณ

ผมก็บอกยามข้างล่างว่าผมมาพบรองจุนมยอนแฟนของผม เขาก็ให้ผมเข้ามาเลย และคุณก็เป็นคนอนุญาต

เลขาหน้าห้องให้ผมเข้ามานี่แหละครับที่รัก” ชานยอลพูดบอกเหมือนเรื่องปกติธรรมดาพลางนั่งลงเก้าอี้

ตรงหน้าโต๊ะทำงานของจุนมยอนโดยที่เจ้าของยังไม่ทันที่จะได้อนุญาต

 

     “ที่รง ที่รักอะไร อย่ามาพูดพล่อยๆนะไอ่นักร้องหูกางหน้าหม้อ!! ฉันไม่ใช่ที่รักของนายมาทางไหนก็

กลับไปทางนั้นเลยที่นี่ไม่ต้อนรับคู่แข่งอย่างนาย” จุนมยอนแหวใส่ทันทีที่ชานยอนเรียกตัวเองว่าที่รัก

และพูดเหมือนว่าเค้าทั้งสองคนคบกัน ในใจก็นึกโทษโกรธตัวเองที่ไม่ยอมถามเลขาหน้าห้องให้ละเอียด

เสียก่อนที่อนุญาตให้ชานยอนเข้ามาในห้องทำงานตนได้ง่ายๆ

 

     “เอาน่า..ถึงตอนนี้จะไม่ใช่แต่อีกไม่นานเราจะได้เป็นแฟนกันจริงๆแน่นอนเชื่อผมสิ หัดเรียกไว้ก่อน

ให้ชินปากก็ไม่เสียหายอะไรหรอกนะครับ และที่ผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อจะมาหาความลับอะไรของบริษัท

คุณหรอกไม่ต้องกังวลไป ผมมาที่นี่ในฐานะปาร์คชานยอลคนธรรมดาๆไม่ใช่แร๊พเปอร์ปาร์คชานยอล

ซะหน่อย และที่สำคัญ ‘ผม จะ มา จีบ คุณ’ อย่างจริงจังตามที่คุณต้องการไงครับที่รัก” ชานยอนพูดบอก

แบบสบายๆก่อนที่จะลุกขึ้นใช้แขนเท้าโต๊ะทำงานของจุนมยอนพลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆจุนมยอนและ

พูดเน้นทีละคำในสิ่งที่ตัวเองตั้งใจมาในวันนี้

 

     “เอาหน้าหม้อๆหูกางๆของนายออกไปไกลๆฉันเลยนะไอ้บ้า!!!” จุนมยอนตะโกนใส่ชานยอนพร้อม

กับพยายามใช้สองมือผลักหน้าชานยอลให้ออกห่างจากหน้าตัวเอง

 

     “นี่คุณจะเลิกงานหรือยังอ่ะ นี่มันก็เย็นมากแล้วนะ ผมหิวข้าวแล้วอ่ะ เราไปทานข้าวกันเถอะ ผมเลี้ยงเอง

นี่ตั้งแต่เช้าผมยังไม่ได้ทานอะไรเลยนะ เลิกงานก็ตรงมาหาคุณเลย คุณไปทานข้าวกับผมเถอะนะ” ชานยอล

ถอยออกมานั่งเก้าอี้ที่เดิมเหมือนกับตอนแลก ก่อนที่จะเปลี่ยนเรื่องคุยและตีเนียนชวนจุนมยอนไปทานข้าว

ด้วยซะงั้น ทำเอาจุนมยอนมึนไปเลยเพราะตามความคิดของชานยอลไม่ทัน

 

     “ไม่!! มาทางไหนก็กลับไปทางนั้นเลยนะไอ่นักร้องหูกลาง ฉันไม่มีเวลาว่างไปกินข้าวกับนายหรอก

หรือต่อให้มีเวลาฉันก็ไม่ไปกับคนหน้าหม้อ โลเล เจ้าชู้ หลายใจ นายแน่นอน!!” จุมยอนหลุดตะหวาดใส่

ชานยอลเมื่อนึกถึงเรื่องราวระหว่างเค้าทั้งสองคนที่ก่อนหน้านี้ไม่นาน

 

     “เรื่องนั้นมันไม่มีอะไรจริงๆนะจุนมยอน ทำไมคุณไม่ให้โอกาสผมได้อธิบายบ้างล่ะ ผมบอกแล้วไง

ว่าผมจริงจังมากแค่ไหนเรื่องของเรา” ชานยอลพูดบอกเสียงอ่อนอย่างเหนื่อยใจ

 

      “ออกไป!! ออกไป!! ฉันบอกให้นายออกไปไงปาร์คชานยอล ออกไปจากห้องทำงานฉันเดี๋ยวนี้!!”

ไม่ว่าตอนนี้ชานยอลจะทำหน้าเศร้าได้หน้าสงสารแค่ไหนมันก็ไม่ได้มีความหมายเลยในสายตาของ

จุนมยอนเพราะความโกรธ ความเสียใจนั้นบังตาบังใจจุนมยอนไปหมดแล้ว

 

     “โอเคๆ วันนี้ผมกลับก่อนก็ได้ แต่ผมจะมาหาคุณอีกอย่างแน่นอนและผมก็ยืนยันคำเดิม ว่าผมจริงจัง

มากในเรื่องของเราสองคน วันนี้คุณอาจจะยังไม่อยากเห็นหน้าผมสักเท่าไหร่หรือต่อให้ผมต้องง้อคุณอยู่

อย่างนี้ไปนานซักแค่ไหนผมก็จะไม่ยอมแพ้ ผมกลับก่อนล่ะ ดอกไม้นี่ผมตั้งใจเอามันมาให้คุณ คุณจะขว้าง

มันทิ้งหรือจะทำยังก็เรื่องของคุณเพราะมันเป็นของคุณ อย่ามันแต่ทำงานจนลืมเวลาทานข้าวนะจุนมยอน

ผมเป็นห่วง ดูแลตัวเองด้วยนะ ผมรักคุณนะครับที่รัก” ชานยอลพูดอย่างยอมแพ้เมื่อเห็นว่าฝืนดื้อดึงไปก็

พาลจะทะเลาะกันไปให้หนักกว่าเดิมซะอีก พลางยื่นทิวลิปช่อโตที่ตั้งใจเอามาให้อีกฝ่ายตั้งแต่แรกยื่นให้

จุนมยอนไปแต่จุนมยอนไม่ยอมรับชานยอลก็ได้แต่ถอนใจและวางช่อทิวลิปไว้ตรงหน้าจุนมยอนแทนก่อน

ที่จะพูดออกมาอีกสองสามประโยคที่ออกมาจากความรู้สึกข้างในจริงๆให้จุนมยอนฟังและเดินหันหลัง

ออกจากห้องทำงานของจุนมยอนไป

 

  ปึงงง

 

     จุนมยอนเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารหลังจากที่แกล้งทำเป็นก้มหน้าก้มตาสนใจอยู่นานเมื่อได้ยินเสียง

ปิดประตูดังขึ้นหลังจากปาร์คชานยอลออกไป ความจริงแล้วสมาธิของจุนมยอนไม่ได้จดจ่ออยู่กับเอกสาร

อย่างที่ตัวเองแสดงออกมาหรอก เพราะถึงแม้ว่าตาจะจ้องมองเอกสารงานที่วางอยู่ตรงหน้าแต่สมาธิทั้งหมด

ของจุนมยอนนั้นจดจ่อตั้งใจฟังอยู่กับคำพูดทุกคำพูดของปาร์คชานยอลทั้งนั้นแหละ

 

     “นายมันเป็นไอ่บ้าของแท้เลยปาร์คชานยอล ที่กล้าเดินเข้ามาในบริษัทคู่แข่งของตัวเองอย่างนี้ แล้วฉัน

จะสามารถเชื่อคำพูดของคนอย่างนายได้มากน้อยแค่ไหนกัน” จุนมยอนหยิบช่อทิวลิปที่วางอยู่ตรงหน้า

ขึ้นมาดูก่อนที่จะพูดบ่นกับตัวเองเบาๆ พลางนึกถึงเจ้าของทิวลิปช่อสวยนี้



...

ถ้ามีตัวอักษรแทรกหรือตัวอักษรกระโดดไปบ้างก็ขอโทษด้วยนะคะ

เพราะโน๊ตบุ๊คมี่มันเน่าและมี่อาจจะต้องหายไปสักสองสามวันเพราะเอาคอมไปซ่อม

ตอนที่26 นี้เลยสั้นไปหน่อย เอาไว้มี่จะชดเชยให้ในตอนหน้านะคะ

ใครที่รอคอยชานยอลและจุนมยอนมี่ก็เปิดตัวอย่างเป็นทางการให้แล้วนะคะ

เรื่องราวของสองคนนี้เป็นมายังไงก็เดาๆกันไปนะคะ

ขอบคุณคนอ่านที่น่ารักทุกคน ขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์

ถึงจะมีอุปสักซักแค่ไหนมี่ก็พยายามจะสู้ต่อไปค่ะ

ปล1.สิ้นเดือนนี้มี่ได้ถอดเฝือกแล้วนะคะ(ดีใจๆ)

ปล2. โปรดอย่าลืมมินอา

ปล3. ที่บอกว่าเรื่องนี้กำลังจะจบมี่แค่หยอก คึคึ (หลบรองเท้าคนอ่าน)

แล้วเจอกันค่ะ :mew1: :bye2:

 

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
โอ้!!!! คิดถึงซุปเปอร์แมนรีเทิร์นเลยยยยยยย
สู้ๆนะคะ รอตอนต่อไปเนาะ

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
รอชมเรียลลิตี้นะค้า~~

ส่วนมินอาเราจะจำเธอไว้ไม่ลืมแน่นอนค่า ><

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
อยากเห็นรายการแล้วซิ ตื่นเต้นๆ **คำที่มี ร และ ล

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ตื่นเต้นๆ อยากเห็นรายการแล้วซิ  ** คำที่มี ร และ ล ผิดบ่อยมากค่ะแบบสลับกันก็มี

ออฟไลน์ s.mosis

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-4

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
ตื่นเต้นกับรายการเรียลลิตี้

จุนกับปาร์คนี่ยังไงกันนะ

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
ดูแล้วงานนี้จีซอนได้เปิดตัวเป็นดาราเด็กดาวรุ่งคนใหม่แน่ๆ 55

ออฟไลน์ benzdekba

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 503
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2

ออฟไลน์ เขียนสือ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
    • เขียน'สือ
รักนี้มีแค่...'นายซุปเปอร์สตาร์' ตอนที่ 27

 

 

 

 

       รายการ ‘รักลับๆของคุณพ่อซุปเปอร์สตาร์’ ได้ถ่ายทอดออกไปแล้วสองตอนด้วยกันซึ่งตอนแรก

เป็นตอนที่ย้อนอดีตไปในช่วงก่อนที่จงอินและเซฮุนก่อนที่จะมาเป็นเด็กฝึกจนถึงช่วงที่ทั้งสองคนเจอ

กันครั้งแรกโดยใช้เด็กฝึกของบริษัทที่กำลังจะได้เป็นศิลปินในเร็วๆนี้สองคนที่มาแสดงเป็นจงอินและ

เซฮุนนั่นก็คือแทมกับคีย์ซึ่งแทมรับบทบาทเป็นจงอินส่วนคีย์ก็รับบทบาทเป็นเซฮุนซึ่งตอนแรกนี้ผู้ที่

เขียนบทถ่ายทอดเรื่องราวทั้งหมดก็คือจงอินและจงอินก็เป็นก็ยังคงเป็นคนกำกับด้วยตัวเองเลยเพราะ

ตั้งใจที่จะให้เหมือนเรื่องจริงให้มากที่สุด

 

       ส่วนตอนที่สองนั้นเป็นช่วงที่ทั้งคู่ได้เป็นบัดดี้ในการฝึกและตกลงคบหาดูใจกันในฐานะคนรักจน

ถึงช่วงชีวิตที่หักเหของจงอินที่ต้องสูญเสียครอบครัวที่ประกอบไปด้วยพ่อ แม่และพี่สาว ทั้งหมดไปกับ

อุบัติเหตุจนทำให้จงอินเสียใจจนแทบจะเสียคนและท้อแท้จนล้มเลิกความตั้งใจและเลือกที่จะโยนความฝัน

ทิ้งไปอย่างไม่ลังเล ทำตัวเหลวไหล โดดซ้อมไม่ไปโรงเรียนหมกตัวอยู่แต่ในบ้านในห้องมืดๆของตัวเองโดย

ไม่ทำอะไรเลยแม้แต่จะกินข้าว แต่ก็เป็นเพราะเซฮุนที่คอยพูดคอยปลอบ คอยดูแล ห่วงใยและให้กำลังใจจน

ทำให้จงอินลุกขึ้นมาสู้ได้อีกครั้งนึง

 

       ตอนที่สามที่กำลังจะถ่ายทอดในสัปดาห์หน้านี้เป็นตอนสุดท้ายในการย้อนอดีตนั้นก็ถือเป็นจุดเปลี่ยน

ที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตของทั้งสองคนเลย ก็คือวันที่ประธานโอเรียกจงอินเข้าไปคุยถึงเรื่องการเดบิวต์เป็นศิลปิน

เต็มตัวพร้อมๆกับการที่เซฮุนได้รับรู้ว่ามีอีกหนึ่งชีวิตที่อาศัยอยู่ในท้องของเขาในตอนนี้และเป็นหนึ่งชีวิต

เล็กๆที่กำเนิดขึ้นจากความรักของเขาทั้งสองคน ทำให้เซฮุนเลือกที่จะเสียสละโยนความฝันของตัวเองทิ้งไป

เพื่อที่จะรักษาชีวิตเล็กๆที่เป็นผลผลิตของความรักของเขาทั้งสองคนไว้และเลือกยอมที่จะเสียใจและยอมที่

จะเป็นคนใจร้ายผิดคำสัญญาที่เคยให้ไว้แก่จงอินและหอบความเสียใจพร้อมกับลูกในท้องหนีจงอินไปอยู่

ต่างประเทศเพื่อที่จะให้จงอินได้ทำในสิ่งที่รักสิ่งที่ฝันให้เป็นความจริงอย่างที่จงอินได้หวังไว้ โดยที่จงอิน

ไม่เคยได้รู้เลยว่าเซฮุนตั้งท้องลูกของตัวเองและไม่เคยรู้เลยว่าแท้จริงนั้นเซฮุนคือลูกชายคนเล็กของประธาน

โอเจ้าของบริษัทต้นสังกัดของเขาเอง จนถึงวันที่จงอินได้พบเจอเซฮุนอีกครั้งพร้อมกับลูกชายของเขาทั้งสอง

คนนั่นก็คือจีซอง(ในส่วนนี้ประธานโอและจุนมยอนสั่งให้เอาเหตุการณ์จริงที่กล้องวงจรปิดในวันนั้นเข้า

มาตัดต่อแทรกลงไปในเทปนี้ด้วยเพื่อเป็นการยืนยันให้คนดูได้เห็นว่าเรื่องทั้งหมดคือเรื่องจริงที่ไม่ได้

เฟคขึ้นมาเองแต่อย่างใด)และมีฉากที่จงอินต้องพิสูจน์ตัวเองกับประธานโอด้วยจนถึงวันที่สามคน

พ่อแม่ลูกได้อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตากันเป็นครอบได้จนถึงทุกวันนี้ในที่สุด

 

      และตั้งแต่ตอนที่สี่เป็นต้นไปนั้นก็จะเป็นช่วงเวลาปัจจุบันถ่ายทำโดยการซ่อนกล้องไว้ภายในบ้าน

ของครอบครัวคุณพ่อซุปตาร์คิมไคในทุกๆมุมทุกๆจุดจะเว้นก็แต่ในห้องน้ำเท่านั้นซึ่งแน่นอนว่า

ห้องนอนของคุณพ่อซุปตาร์นั้นมีกล้องซ่อนไว้อย่างแน่นอน(ซึ่งตอนนี้กล้องหลายสิบตัวก็ถูกซ่อนไว้

ในที่ต่างๆภายในบ้านเรียบร้อยแล้วโดยมีมินซอกเป็นผู้คอยดูแลคอยอำนวยสะดวกแก่ทีมงาน)

 ส่วนเวลาที่ครอบครัวคุณพ่อซุปตาร์ออกไปข้างนอกหรือมีกิจกรรมข้างนอกนั้นก็จะมีตากล้องและ

ทีมงานตามแอบถ่ายอยู่ตลอดเวลา(โดยมีผู้รู้เห็นเป็นใจคอยส่งข่าวและพิกัดปลายทางให้แก่ทีมงานนั้น

ก็คือคุณพ่อซุปตาร์นั่นเอง)

 

'รักลับๆของคุณพ่อซุปเปอร์สตาร์' ตอนที่สี่เริ่ม!!!

.

.

.

.

       “ป๊ะป๋า หม่าม๊า อยู่ไหนนนนนนนนนน” เวลาเช้าวันใหม่ของบ้านคุณพ่อซุปตาร์ก็เริ่มขึ้นด้วย

เสียงเรียกหาป๊ะป๋าของลูกชายคนโตของบ้านนี้เหมือนกับทุกๆวันที่เจ้าตัวตื่นมาแล้วไม่เจอใคร

 

     “ป๊ะป๋ากับหม่าม๊าอยู่นี่ครับลูก” จงอินพูดบอกพลางโบกมือเรียกลูกชายสุดที่รักที่กำลังเดินลาก

หมอนเน่าเดินลงบันไดมาจากชั้นบนด้วยหน้ายุ่งๆหัวฟูๆเพราะเจ้าตัวพึ่งจะตื่นนอนมา พอเดินมาถึง

บริเวณห้องนั่งเล่นใหญ่ที่จงอินกับเซฮุนกำลังนั่งคุยนั่งเล่นดูวิวแม่น้ำตอนเช้าอย่างสบายๆอยู่ จีซอง

ก็ปีนขึ้นไปบนโซฟาแล้วทิ้งตัวลงนอนคว่ำทับตักจงอินโดยที่มีเพียงส่วนหัวเท่านั้นที่ยื่นไปบนตัก

เซฮุนและหันหน้าซุกลงกับท้องกลมของหม่าม๊าเซฮุน

 

     “อ้อนเอาอะไรแต่เช้าครับลูกชาย” จงอินตบก้นจีซองเบาๆเป็นการแหย่พร้อมกับเอ่ยแซวเมื่อเห็นท่าทาง

อ้อนๆของลูกชายตัวเองที่มาถึงก็ไม่ยอมพูดยอมจาแต่กลับปีนขึ้นมานอนบนตักของตัวเองและเซฮุนแทน

 

     “งื้อออ….ลูกคิดถึงน้องเล็กๆเมื่อคืนลูกไม่ได้ฝันดีน้องเล็กๆเลยอ่า มอนิ่งคิสน้าน้องเล็กๆ” จีซอง

เงยหน้าขึ้นตอบจงอิน ก่อนที่จะหันไปมุดและจุ๊บท้องป่องๆอายุครรภ์หกเดือนครึ่งของเซฮุนก่อนที่

จะพูดงุ้งงิ้งคุยทักทายอยู่กับน้องเล็กๆของเจ้าตัวโดยที่ไม่ได้สนในป๊ะป๋าหรือหม่าม๊าของตัวเองอีกเลย

ช่วงหลังๆมานี้ จีซองเปลี่ยนไปหลายๆอย่าง อย่างแรกเลยคือ จีซองติดจงอินมากกว่าเซฮุนไม่ว่าจะ

ไปไหนจะทำอะไรหรือต้องการอะไรจีซองก็จะเรียกหาจงอินเป็นคนแรกเสมอช่วงแรกๆเซฮุนก็

น้อยใจเหมือนกันนั่นแหละที่จีซองเหมือนจะให้ความสำคัญจงอินมากกว่าตัวเองและจงอินคงจะรู้

ว่าเซฮุนนั้นเรื่อมน้อยใจลูกเลยเอ่ยปากถามจีซองแทนเซฮุนเองเลย และคำตอบที่จีซองตอบมานั้น

มันทำให้เซฮุนและจงอินยิ่งรักยิ่งหลงลูกชายเข้าไปอีกเพราะจีซองบอกว่า ‘ลูกไม่อยากให้หม่าม๊าเหนื่อย

กับลูกเพิ่มฮับ แค่หม่าม๊าแบกน้องไว้ในท้อง หม่าม๊าก็เหนื่อยแย่แล้ว ลูกก็เลยมาดื้อกับป๊ะป๋าแทนฮับ’

และคำตอบของจีซองก็เล่นเอาทั้งป๊ะป๋าและหม่าม๊าหัวเราะกันจนน้ำตาไหลกันเลยทีเดียว

 

     “ป๊ะป๋า หม่าม๊า ลูกอยากไปทะเล” จีซองเปลี่ยนมาเป็นนอนหงายแทนโดยทั้งตัวอยู่ที่จงอินและมีเพียง

หัวกลมๆเท่านั้นที่หนุนตักนุ่มของเซฮุน ก่อนที่จะพูดออกมาพลางมองหน้าเซฮุนกับจงอินแบบอ้อนๆ

 

     “หืม…จีซองก็ถามป๊ะป๋าสิครับว่าจะว่างพาเราสองคนไปไปทะเลหรือป่าว ถ้าป๊ะป๋าว่างที่จะพาไปได้

หม่าม๊าก็โอเคครับ” เซฮุนบอกพร้อมกับลูบหัวกลมๆของลูกชายอย่างเอ็นดู พอมานั่งดูนั่งมองจีซอง

แบบใกล้ๆชัดๆอย่างนี้แล้วก็รู้สึกว่าปีนี้จีซองจะตัวโตขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย แถมยิ่งโตก็ยิ่งเหมือนจงอิน

มากขึ้นไปอีกเหมือนกับว่าตอนนี้เขานั้นนั่งมองจงอินย่อส่วนอย่างไงอย่างนั้น

 

     “ป๊ะป๋าาาาาาาาาาาาา” เมื่อได้ยินเซฮุนบอกแบบนั้นจีซองก็จับแขนจงอินแล้วดึงตัวเองขึ้นไปนั่ง

ค่อมตักกอดคอซบหน้าลงกับไหล่หน้าของจงอินเพื่ออ้อนต่อทันที

 

     “นายจะไปได้หรอเซฮุน” จงอินไม่ได้พูดอะไรกับจีซองแต่กลับหันไปถามเซฮุนแทนซะอย่างนั้น

พร้อมกับมองไปตรงท้องนูนๆของเซฮุนให้เซฮุนได้รู้ด้วยว่าเขาหมายถึงอะไร

 

     “ได้สิ โน่นเจ็ดแปดเดือนนั่นแหละถึงจะห้ามเดินทางไกลๆนะ แต่จะว่าไปนะตอนที่ท้องจีซองอะนะ

ฉันยังไปตะลอนเที่ยวกับพี่จุนจนถึงแปดเดือนครึ่งเลยนะ นี่พึ่งจะหกเดือนครึ่งเองสบายมากและอีกอย่าง

ช่วงนี้ฉันเหมือนกับไม่ค่อยได้ทำหน้าที่แม่ที่ดีของจีซองสักเท่าไหร่เลยด้วย” เซฮุนพูดบอกแบบติดตลก

เมื่อนึกไปถึงตอนตัวเองนั้นอุ้มท้องจีซองอยู่ตอนนั้นน่ะนะจุนมยอนพาเขาตะลอนเที่ยวไปทั่วจนเกือบจะ

ถึงวันคลอดเลยทีเดียวเชียว นี่ยังดีนะที่คุณนายคิมแม่ของเขาเดินทางไปหาซะก่อนไม่อย่างนั้นมีหวัง

เขาอาจจะคลอดจีซองที่สถานที่เที่ยวที่ไหนสักแห่งในอเมริกาแทนโรงพยาบาลก็เป็นได้ ก่อนที่จะเปลี่ยน

มาพูดด้วยเสียงที่ไม่ดังนักเมื่อนึกถึงช่วงหลังๆตั้งแต่ที่เขารู้ตัวว่าตั้งท้องมานี่เขาแทบจะไม่ได้ดูแลจีซอง

อย่างจริงๆจังๆตามที่ควรจะเป็นเลย ทั้งๆที่มันเป็นหน้าที่และสิ่งที่เขาควรจะทำเองแท้ๆกลับกลายเป็น

จงอินเสียอีกที่ต้องมาทำทั้งงานนอกบ้านในบ้านแถมยังหอบจีซองติดไปทำงานด้วยกันอีก

 

     “อย่าคิดมากน่า นายทำทุกอย่างได้ดีที่สุดแล้ว ลูกเองก็ไม่ได้น้อยใจอะไรนี่หนำซ้ำยังเข้าอกเข้าใจ

นายดีมากกว่าฉันที่เป็นคนทำให้นายลำบากเสียอีก” จงอินลูบหลังเซฮุนเบาเพื่อเป็นการปลอบเพราะ

พอจะรู้และเข้าใจว่าเซฮุนรู้สึกอย่างไร ทั้งยังไม่วายพูดแซวเซฮุนในประโยคสุท้าย ว่าเป็นตัวเขาเอง

นั่นแหละที่ทำให้เซฮุนต้องลำบากอุ้มท้องลูกคนเล็กของเขาสองคนเสียอีก งานนี้เล่นเอาคุณหม่าม๊า

หน้าแดงหูแดงไปหมดเพราะความเขินอายเล่นซะอย่างนั้นไป

 

     “แล้วทำไมอยู่ดีๆพี่จีซองถึงอยากไปทะเลล่ะครับลูก” เมื่อพอใจกับท่าทางเขินอายของภรรยาแล้ว

จงอินก็หันมาถามลูกชายแทน

 

     “โบมีไปเที่ยวทะเลมาฮะแล้วโบมีก็บอกว่าที่ทะเลมีปูตัวเล็กๆเต็มไปหมดเลยแล้วก็ได้เล่นน้ำกับ

สร้างปราสาททรายสวยๆด้วย จีซองอยากไปบ้างอ่ะป๊ะป๋า ไปนะๆ ป๊ะป๋าพาจีซองกับหม่าม๊าแล้วก็

น้องเล็กๆไปเที่ยวทะเลนะฮะป๊ะป๋า นะๆ ป๊ะป๋าน้าาาาาา” จีซองบอกถึงเหตุผลที่ตัวเองอยากจะไป

ทะเลให้จงอินและเซฮุนได้รู้และโบมีที่เจ้าตัวพูดถึงนี่ก็คือเพื่อนสนิทในคลาสบัลเล่ต์ที่เจ้าตัวขอให้

จงอินพาไปสมัครเรียนนั่นเอง

 

     …..ก็โบมีบอกว่าได้ไปทะเลสวยๆได้ว่ายน้ำต๋อมแต๋มและก็ได้วิ่งไล่จับคุณปูตัวเล็กๆนี่ จีซองก็

อยากจับจะวิ่งไล่คุณปูเหมือนกันนะ!!!.....

 

     “แล้วถ้าป๊ะป๋าว่างแต่ไม่อยากพาพี่จีซองไปล่ะ” จงอินถามจีซองออกไปเหมือนกับว่าจะไม่พาจีซอง

ไปตามที่เจ้าตัวอ้อนขอ และนั่นก็ทำให้เซฮุนแทบอยากจะหายตัวไปจากตรงนี้ทันทีเสียจริง ถ้าถามว่าทำไม

นะหรือ? ก็จะอะไรซะอีกนอกเสียจากว่าสงครามน้ำลายของสองพ่อลูกกำลังจะเริ่มนะสิ! แม้ว่าช่วงหลังๆ

มานี่จงอินกับจีซองจะรักกันมากขนาดไหนก็ตาม แต่ทั้งสองคนก็ยังไม่วายที่จะทะเลาะหรือหาเรื่องเถียงกัน

ได้ทุกวันอยู่ดีและกรรมการห้ามจะเป็นใครได้ล่ะ นอกเสียจากโอเซฮุนคนนี้ไง!!

 

          …..ก็นะคนพ่อก็ชอบแหย่ คนลูกก็ช่างยุขึ้นซะจริงๆ…..

 

      “ลูกก็ให้ลุงจุนกับอายอลลี่พาไปก็ได้ ไม่ง้อป๊ะป๋าหรอก เชอะ!!” จีซองผละออกจากการกอดและ

ลุกออกจากตักของจงอินลงไปยืนอยู่ข้างหน้าตรงกลางระหว่าจงอินและเซฮุนก่อนที่จะกอดอกเชิดหน้า

ตอบจงอินอย่างงอนๆเพราะเข้าใจว่าจงอินตั้งใจจะไม่พาตัวเองไปเที่ยวตามที่ขอ

 

     “เห?…ลุงจุนน่ะป๊ะป๋าพอจะเข้าใจนะ แต่อายอลลี่นี่เขาเป็นใครหรอลูก” เพราะชื่อแปลกออกจากปาก

ของลูกชายทำเอาจงอินลืมที่ความตั้งใจที่จะแหย่จีซองเลยทีเดียว ก่อนที่จะถามออกไปเพราะความสงสัย

 

     “อายอลลี่ที่เป็นแฟนกับลุงจุนไงฮะ! คนที่หล่อๆแล้วก็เป็นนักร้องเหมือนป๊ะป๋าอ่ะ!!” เพราะความงอน

และอารมณ์ที่อยากจะเถียงให้ชนะป๊ะป๋า เลยคิดจะเอาอีกคนมาเกทับเหมือนกับว่าถึงจะไม่มีป๊ะป๋าแต่จีซอง

ก็มีคนพาไปนะ เลยทำเอาลูกหมูจีซองเผลอหลุดปากพูดความลับของลุงจุนออกมาทั้งๆที่ตัวเองทำสัญญา

ลูกผู้ชายไว้กับจุนมยอนอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะแล้วแท้ๆ

 

     “หืม…อายอลลี่ของลูกนี่ใช่นักร้องที่ชื่อปาร์คชานยอลหรือป่าวครับ” จงอินหันไปมองเซฮุนพลางเลิกคิ้ว

ถามความเห็นก่อนที่จะได้รับคำตอบเป็นการส่ายหน้าว่าเขาก็ไม่รู้เหมือนกัน เลยหันมาถามจีซองต่อ

 

     “ใช่ฮะ! อายอลลี่คนนั้นแหละเป็นแฟ…อุ๊บ!! (0x0)” จีซองยังคงเผลอตอบเสียงดังไปด้วยความมั่นใจ

ก่อนที่จะรีบยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองไว้เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเผลอหลุดความลับของลุงจุนสุดที่รักออกไป

 

      “หึๆ จะปิดปากตัวเองตอนนี้ให้แน่นแค่ไหนก็ไม่ทันแล้วลูกหมูเอ้ย! ป๊ะป๋ารู้เรื่องหมดแล้ว” จงอินบอก

นึกขำท่าทางของลูกชายสุดที่รักตอนนี้  ถ้าให้เดานะไอ่ท่าทางของจีซองตอนนี้น่ะเขาคิดว่าเจ้าตัวคงจะไป

สัญญาหรือลับปากอะไรไว้กับจุนมยอนสักอย่างนี่แหละและถ้าเขาไม่เข้าใจอะไรผิดไปจากคำพูดที่หลุดมา

จากปากของจีซองก็คงจะเป็นความลับที่ว่าจุนมยอนกับปาร์คชานยอลอาจจะตกลงคบหากันก็เป็นไปได้

 

 

        ….งื้อออออออ.…จีซองผิดสัญญาแล้วทำยังไงดีอ่าาาาาาาา....

 

 

     “เป็นอะไรทำไมถึงทำหน้ายุ่งอย่างนั้นครับลูก” เซฮุนถามขึ้นเมื่อเห็นจีซองหน้านิ่วคิ้วขมวด

เหมือนกับจะร้องไห้ให้ได้ซะยังไงยังงั้น

 

     “ก็จีซองทำผิดสัญญาลูกผู้ชายกับลุงแล้วก็อายอลลี่นี่ฮะ” จีซองตอบเซฮุนออกไปด้วยเสียงเบาหวิว

 

     “หือ…สัญญาเรื่องอะไรล่ะครับ บอกหม่าม๊าหน่อยได้ไหม” เซฮุนพูดตะล่อมถามด้วยเสียงอ่อนโยน

อย่างคนใจดี เพราะคิดว่าถ้าพูดด้วยแบบปกติจีซองคงจะไม่ยอมบอกแน่ๆ

 

     “มานี่มาจีซองเดี๋ยวป๊ะป๋าจะกอดแบ่งพลังความกล้าให้ลูกเอง” เมื่อเห็นว่าจีซองยังคงลังเลเหมือน

กำลังตัดสินใจว่าจะบอกเซฮุนดีหรือป่าว จงอินเลยเรียกจีซองพร้อมกับกางมือออกทั้งสองข้างเพื่อให้

จีซองเข้ามากอดอย่างทุกที่และใช้ภาษาพูดเด็กๆเป็นการหลอกล่อให้จีซองตัดสินใจพูด

 

     “ก็..ก็วันนั้น วันที่ลุงจุนมารับจีซองไปกินสเต็กอ่ะหม่าม๊า ที่ร้านมีอายอลลี่อยู่ด้วยแล้วอายอลลี่ก็

บอกกับจีซองว่าอายอลลี่กับลุงจุนเป็นแฟนกันอ่ะ แล้วพอกินสเต็กกันเสร็จลุงจุนก็ให้ลูกทำสัญญา

ลูกผู้ชายกับลุงจุนก่อนว่าจะไม่บอกหม่าม๊า ป๊ะป๋า แล้วก็คุณตาคุณยายด้วยว่าลุงจุนกับอายอลลี่เป็น

แฟนกันและก็ไม่ให้บอกด้วยว่าลุงจุนกับอายอลลี่พาจีซองไปเที่ยว ไปซื้อของเล่น ไปกินขนมมา

หลายครั้งแล้ว แล้วลุงจุนกับอายอลลี่จะซื้อกีตาร์อย่างที่ลูกอยากได้แถมซื้อคอร์สเรียนกีตาร์ให้ลูก

ด้วยอ่ะ แต่ถ้าลูกผิดสัญญาลุงจุนจะยึดกีตาร์คืน แล้วลูกก็ผิดสัญญาให้ป๊ะป๋ากับหม่าม๊ารู้แล้วลูกจะ

ทำไงดีอ่า งื้ออออ…..ลูกไม่อยากโดนลุงจุนยึดกีตาร์น้าาาาาาาา” เมื่อได้ยินจงอินบอกอย่างนั้นจีซอง

ก็โผเข้ากอดจงอินเต็มแรงก่อนที่จะค่อยๆพูดค่อยๆเล่าเรื่องราวทั้งหมดออกมาให้จงอินและเซฮุนฟัง

 

     “โอ๋ๆ กีตาร์จีซองไม่โดนยึดหรอกลูก ป๊ะป๋ากับหม่าม๊าสัญญาว่าจะไม่บอกให้ใครรู้แล้วก็ไม่บอก

ให้ลุงจุนรู้ด้วยว่าป๊ะป๋ากับหม่าม๊ารู้ความลับของลุงจุนกับจีซองแล้ว มันจะเป็นความลับของเราสามคน

ดีไหมครับลูก” แม้ว่าใจจริงอยากจะเอาเรื่องนี้ไว้แหย่ลูกชายก็เถอะแต่พอเห็นหน้าที่พร้อมจะร้องไห้

ทุกเมื่อของจีซองแล้วจงอินทำไม่ลงจริงๆอีกทั้งช่วงหลังๆตั้งแต่จุนมยอนซื้อกีตาร์ให้มานี้จีซองก็เหมือน

จะโตขึ้นกว่าเดิมมากเพราะเจ้าตัวไปเรียนคอร์สที่เรียนกีตาร์ที่จุนมยอนซื้อให้นั่นแหละกลับมาบ้านก็มา

หัดเล่นหัดซ้อมด้วยตัวเองต่ออีก อีกทั้งช่วงนี้จีซองก็ขยันทั้งเรียนร้องเพลงเรียนเต้นแทบจะทุกแนว

ยกเว้นก็แต่เรื่องเรียนหนังสือปกติเท่านั้นแหละที่เจ้าตัวเหมือนจะไม่ชอบและไม่ค่อยกระตือลือล้น

สนใจสักเท่าไหร่ และเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นที่ไม่สนิทหรือเวลาอยู่ข้างนอกบ้านจีซองก็จะวางตัว

เหมือนกับเป็นเด็กอายุซักประมาณสิบสองสิบสามซะอย่างนั้น จะมีก็แต่อยู่กับเขาและเซฮุนหรือ

คนในครอบครัวนี่แหละที่เจ้าตัวถึงจะอ้อนบ้างงองแงบ้างทำตัวเหมือนเด็กที่กำลังจะครบห้าขวบปกติ

ธรรมดาๆได้ อ่อ! แล้วมีอีกอย่างที่เปลี่ยนไปให้เห็นได้อย่างชัดเจนคือจีซองตัวสูงใหญ่กว่าเด็กรุ่นๆเดียวกัน

มากอยู่เหมือนกัน

 

     “จริงหรอฮะ!” จีซองถามด้วยเสียงดีใจ

 

     “จริงสิครับ ป๊ะป๋าเคยโกหกลูกหรอ?” จงอินบอกพร้อมกับถามจีซองกลับไปบ้าง

 

     “เย้ๆ ลูกรักป๊ะป๋าที่สุดเลยฮะ” จีซองตะโกนบอกเสียงดังพร้อมกับจุ๊บรัวๆที่ริมฝีปากของจงอินเร็วๆ

 

     “แต่เราจะไปแค่ใกล้ๆนะจีซองเพราะหม่าม๊าและน้องนั่งรถไกลๆไม่ได้ เอาไว้หม่าม๊าคลอดน้องแล้ว

ป๊ะป๋าจะพาขึ้นเครื่องบินไปที่ไกลๆสวยๆตกลงไหมครับ”

 

      “ตกลงฮะ!!!”

 

     “ถ้าตกลงก็ขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวได้แล้วครับ เราจะต้องพาหม่าม๊าไปให้ป้าหมอคยูตรวจดูน้องก่อนนะ

ป๊ะป๋าถึงจะพาเราไปเที่ยวทะเลน่ะ” จงอินพูดบอกออกมาเมื่อมองดูเวลาในนาฬิกาดิจิตอลที่ติดอยู่บนข้าง

ผนังบ้านพลางคิดคำนวณเวลาและวางแผนกำหนดการที่จะพาลูกชายไปเที่ยวทะเลด้วย

 

     “ครับผม!!!” จีซองทำท่าทางตะเบ๊ะเหมือนพวกตำรวจทหารก่อนที่จะวิ่งขึ้นบันได้ไปบนห้องตัวเอง

ด้วยความเร็วแสง

 

     “ฮึๆ/ฮ่าๆ” ท่าทางกระตือรือร้นตื่นเต้นเกินความจำของลูกชายคนโตที่แสดงออกมาอย่างน่ารักสมวัย

ทำเอาคนเป็นพ่อแม่หันมองหน้ากันก่อนที่จะระเบิดหัวเราะออกมาพร้อมกันอย่างช่วยไม่ได้

 

     “นายว่าลูกเปลี่ยนไปเยอะกว่าเดินมากไหม” เซฮุนถามขึ้นเมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

 

     “อืม..ตัวโตขึ้นมั้ง” จงอินตอบอย่างไม่แน่ใจเพราะว่าเขาตัวติดกับจีซองแทบจะตลอดเวลาเลยสังเกต

ความเปลี่ยนแปลงไม่ได้มากนักเพราะความเคยชินเลยทำให้ดูไม่ค่อยรู้เรื่อง

 

     “แต่ลูกพูดชัดขึ้นแถมยังไม่ติดสำเนียงภาษาอังกฤษแล้วด้วย” เซฮุนบอกในสิ่งที่ตัวเองสังเกตจากการ

พูดคุยด้วยกันเมื่อกี้นี้

 

     “นั่นสินะ พวกครูสอนเต้นสอนร้องเพลงที่เขามีลูกในบริษัทเขาเคยแนะนำให้ฉันพาลูกไปตรวจทดสอบ

พวกไอคิวอีคิวที่โรงพยาบาลด้วยนะ เพราะเขาบอกว่าลูกเราฉลาดและสามารถเรียนรู้อะไรได้เร็วกว่าเด็กโต

ในคลาสเสียอีกนะ” จงอินบอกในสิ่งที่พวกพนักงานรุ่นพี่ที่สนิทกันในบริษัทเคยบอกเคยเล่าถึงพัฒนาการ

การเรียนรู้ที่เกินอายุเกินวัยของลูกชายของเขาด้วยความหวังดี แต่เขาก็มัวแต่ยุ่งเรื่องงานเรื่องข่าวจนหลงลืม

ไปแล้วก็พึ่งมานึกได้ก็ตอนที่เซฮุนทักขึ้นมาเนี่ยแหละ

 

     “ลูกเรามีอะไรผิดแปลกจากเด็กปกติไปหรอ?” เซฮุนถามด้วยความกังวลเพราะเป็นห่วงลูกชาย

 

     “เฮ้ๆ อย่าคิดมากซิ มันไม่มีอะไรหรอก นายก็เห็นอยู่ว่าลูกเราปกติแค่เป็นเด็กที่กินเก่งกับฉลาดเกินกว่า

เด็กวัยเดียวกันไปหน่อยก็เท่านั้น” จงอินบอกให้เซฮุนสบายใจเพราะตั้งแต่เซฮุนตั้งท้องมาจนจะคลอดอยู่

อีกเดือนสองเดือนข้างหน้านี่แล้วยังไม่เลิกคิดมากหรือหวั่นไหวง่ายเสียที

 

     “แต่…”

 

     “เอาอย่างนี้นะ ถ้านายไม่สบายใจเราก็พาลูกไปตรวจวันนี้พร้อมๆกับนายเลยโอเคมั้ย?” จงอินพูดขัด

ขึ้นทันทีไม่ปล่อยให้เซฮุนได้เถียงหรือแย้งอะไรอีกเลย

 

     “ก็ได้” เซฮุนตอบตกลงเมื่อเห็นสายตาจริงจังติดไปทางดุของจงอิน

.

.

.

.

.

     “เอาล่ะถึงเวลาที่เราจะได้ดูตัวเล็กกันอีกแล้ว” คยูฮยอนหมอประจำตัวของเซฮุนพูดขึ้นหลังจากที่

ตรวจสุขภาพทั่วไปของเซฮุนเสร็จแล้ว อ่อ! จีซองด้วยก่อนหน้านี้จงอินและเซฮุนไปตรวจพัฒนาการ

ทางด้านร่างกาย สมองและจิตใจเป็นที่เรียบร้อยแล้วผลคือปกติทุกอย่างไอ่ที่ตัวโตนี่ก็เพราะเจ้าตัวนั้น

กินเก่งก็เลยตัวโตมากกว่าเด็กรุ่นเดียวกันมากไปหน่อยแต่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ปกติทั่วไปส่วนพัฒนาการ

ทางด้านจิตใจของจีซองก็ออกมาดีมากไม่ผิดปกติอะไรแค่ลูกชายของเขามีความฉลาดทางด้านจิตใจ

และสติปัญญาสูงมากๆ มากจนเกือบจะแตะขอบเด็กอัจฉริยะก็เท่านั้นเองไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงเพียง

แค่เขาต้องการอยากจะเรียนรู้อะไรก็แค่คอยสนับสนุนเขาก็เท่านั้นเอง

 

     “อ่าทุกอย่างปกตินะ แต่เจ้าตัวเล็กไม่ยอมให้เราเห็นเพศกันอีกแล้วล่ะ ไหนจีซองลองคุยกับน้อง

หน่อยสิลูก ป้ามองไม่เห็นเลยว่าน้องเป็นเจ้าชายหรือเจ้าหญิง” ป้าหมอคยูของเจ้าลูกหมูบอกกับพี่ชาย

ตัวแสบให้เคลียร์กับของเล็กๆของตัวเองให้หน่อยเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเซฮุนชอบเมาส์อยู่บ่อยๆว่าเจ้าตัวเล็ก

เขาเชื่อฟังพี่ชายมากกว่าพ่อแม่

 

     “น้องเล็กๆนี่พี่จีซองสุดหล่อในโลกหล้าน้า ตัวเองบอกพี่ชายหน่อยสิว่าตัวเองเป็นผู้หญิงสวยๆหรือ

เป็นผู้ชายหล่อๆเหมือนพี่อ่ะ” จีซองบอกพร้อมกับใช้นิ้วเคาะเบาๆเพื่อคุยสื่อสารกับน้องตัวเองเหมือนกับ

ที่ผ่านมา

 

     “ไหนจีซองลองพูดอีกทีซิครับเมื่อกี้น้องขยับแล้วแต่ยังไม่ยอมให้ป้าหมอคยูเห็นเลย” หมอคยูลูบหัว

หลานชายเบาๆก่อนจะบอกให้จีซองคุยกับน้องใหม่อีกครั้งเพราะว่าเมื่อกี้ตัวเล็กในท้องของเซฮุนขยับตัว

นิดๆเมื่อได้ยินเสียงของพี่ชายอย่างจีซองแต่ก็ไม่มากพอที่จะให้เห็นเพศในเมื่อเจ้าตัวยังคงนอนหนีบขา

เหมือนเดิม

 

     “น้องเล็กๆบอกพี่จีซองหน่อยซิว่าตัวเองมีปีกาจูเหมือนพี่จีซองหรือมีจิ๊มิโก๊ะอย่างที่ลุงจุนบอกอ่า”

คราวนี้พี่จีซองถามโดยใช้คำพูดที่ลุงจุนสุดที่รักสอนมาถามน้องเล็กๆของตัวเองแทนแต่เหมือนกับว่า

น้องเล็กๆในท้องหม่าม๊าเซฮุนดูจะไม่ค่อยพอใจในคำถามนี้ของพี่ชายสักเท่าไหร่เพราะทันทีที่จีซอง

พูดจบเจ้าตัวเล็กก็หันหลังหนีเสียงพี่ชายทันที เลยทำให้ภาพบนจออัลตร้าซาวด์นั้นมีเห็นเพียงข้างหลัง

ทารกน้อยในครรภ์เท่านั้นเอง

 

     “ฮ่าๆ/ฮึๆ/คึๆ” ผู้ใหญ่ทั้งสามคนระเบิดหัวเราะออกมาทันทีเมื่อได้ฟังประโยคคำถามของพี่ชายและ

ได้เห็นท่าทางที่คนเป็นน้องแสดงออกมาผ่านทางจอภาพเพราะดูเหมือนงานนี้น้องเล็กๆของพี่จีซอง

จะงอนที่ชายเข้าให้แล้ว

 

     “ฮึๆสงสัยต้องเอาไว้ไปลุ้นกันตอนคลอดแล้วหละ อ่อ! ที่จะไปเที่ยวกันน่ะไปได้นะแต่อย่าโลดโผน

เหมือนตอนอยู่อเมริกานะ ขับรถระวังๆหน่อยนะครับคุณจงอิน” หมอคยูฮยอนพูดบอกกับเซฮุนทั้งๆที่

ยังไม่สามารถหยุดขำได้ ก่อนที่จะหันไปย้ำกับจงอินอีกครั้งเรื่องความปลอดภัย

 

     “ผมจะระวังที่สุดเลยครับหมอคยูไม่ห่วง ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”

 

     “ผมไปก่อนนะฮะพี่หมอคยู”

 

     “แล้วหลานจะเอาคุณปูมาฝากนะฮะป้าหมอคยู”

 

     หลังจากที่ล่ำลากันหมอคยูและจัดการรับยาบำรุงและใบนัดครั้งต่อไปของเซฮุนเรียบร้อยกันเสร็จแล้ว

ทั้งสามคนพ่อแม่ลูกก็มุ่งหน้าไปทะเลที่ไม่ไกลจากโซลมากนักและแน่นอนว่าต้องเป็นชายหาดที่เงียบสงบ

และก็เป็นส่วนตัวด้วยเพราะงานนี้ก็เหมือนกับว่าจงอินพาครอบครัวหนีความวุ่นวายในเมืองหลวงมาพักผ่อน

ชาร์ตพลังให้เต็มที่เสียก่อน ที่จะกลับไปเผชิญกับปัญหาใหญ่ที่รอคอยเขาอยู่ในวันข้างหน้าได้อย่างเต็มที่





...

กลับมาแล้วค่ะ มี่หายไปสงบจิตสงบใจอยู่กะเฮียที่โน่นมาค่ะ

หลังจากที่แทบบ้าเมื่อตัดเฝือกออกแล้วปรากฎว่าข้อศอกที่แตกของมี่ติดค่ะ

และลุงหมอบอกว่าไม่สามารถเหยียดตรงได้อีกแล้วและขอเวลารักษาให้มันคลายตัว

อีกสองปีแต่ก็ไม่สามารถบอกได้ว่าจะยืดได้ซักแค่ไหนเหมือนกันแต่ที่แน่นอนเลยคือ

มี่จะต้องทนปวดและทรมาณอย่างนี้ตลอดชีวิตเลยหล่ะ ช่างมันๆมันผ่านมาแล้วเน๊อะ

ขอโทษด้วยนะคะที่ปล่อยให้ทุกคนรอนาน

และช่วงนี้มี่ไม่สามารถกำหนดเวลาอัพนิยายได้เนื่องจากติสแตก

ติสแตกซะจนสติแตกแทบคลั่งจนคนที่นี่ทนไม่ไหวให้เฮียมาลากมี่ไปอยู่ที่โน่นด้วย

แต่มีก็กลับมาเข้ากรงทองเหมือนเดิมแล้วล่ะค่ะไม่ต้องห่วง

ยังไงก็ขอขอโทษไว้ล่วงหน้าเลยแล้วกันนะคะเผื่อมี่เกิดติสแตกขึ้นมาอีก

แต่ยังไงมีก็ยืนยันคำเดิมค่ะว่านิยายของมี่จะจบทุกเรื่อง

เจอกันตอนหน้าค่ะ :bye2: คิดถึงทุกคนมากๆเลยนะคะ  :mew2::mew1:

 

 

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ใกล้จะได้เป็นพี่ชายแล้วน่ะ รอชมเรตติ้ง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด