ถ้าจะเปลี่ยนที่เรียน เพราะปัจจัยด้านการเงิน
ทำไมไม่ลองขอทุน กยส. ดูล่ะ หรือว่าเคยลองแล้ว?
สมัยนี้การแข่งขันด้านแรงงานสูงมาก ยิ่งจบช้า ยิ่งเสียโอกาส
เดี๋ยวนี้จบปริญญาตรีอาจหางานไม่ได้ หรือได้งานต่ำกว่าวุฒิการศึกษา
ถ้าไม่มีประสบการณ์หรือความสามารถพิเศษ
เช่น ภาษาอังกฤษ ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ MS Offices ฯลฯ
ระบบการศึกษาบ้านเรายังยึดติดกับค่านิยมเรื่องปริญญาบัตร
มุ่งเน้นให้คนจบออกมาแล้วไปทำงานเป็นลูกจ้าง มากกว่าเป็นเจ้าของกิจการ
ขณะที่ประเทศอื่น ๆ ในอาเซียน เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย ฯลฯ เขาล้ำหน้าเราไปหลายช่วงตัวแล้ว
เขามุ่งเน้นให้คนของเขาออกมาทำธุรกิจ เพื่อพัฒนาและส่งเสริมเศรษฐกิจให้กับประเทศ
ยิ่งอีก 2 ปีข้างหน้า เราจะเปิดเสรีทางการค้ากับประเทศอื่นในอาเซียน
ซึ่งจะทำให้คนในประเทศอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ สามารถทำงานที่ไหนก็ได้ในกลุ่มประเทศอาเซียน
โดยไม่ต้องมีใบอนุญาตทำงาน เมื่อเป็นดังนี้ ก็จะเกิดการไหลของแรงงานฝีมือดีไปยังประเทศต่าง ๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทย เพราะข้อได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ที่ตั้งอยู่ตรงกลางประเทศอื่น ๆ
และค่าครองชีพที่ไม่สูงมาก รวมถึงวัฒนธรรมขนบธรรมเนียมของไทยที่เปิดกว้างกับคนทุกเชื้อชาติ ศาสนา
แต่บ้านเรายังขาดการเตรียมความพร้อมให้กับคนของเรา ยังไม่รู้ว่า จะปรับหลักสูตรอะไร อย่างไรบ้าง?
ขณะที่ประเทศอื่นเขาวางแผนกันไปแล้วเมื่อ 10 ปีก่อน
นักศึกษาไทยกว่า 60% ทักษะด้านภาษาอ่อนถึงอ่อนมาก แถมยังไม่ค่อยสนใจหรือตื่นตัวเท่าที่ควร
เรียกว่า ถ้าเลี่ยงได้ กรูก็เลี่ยงที่จะใช้ภาษาอังกฤษ เพราะขาดความมั่นใจในตัวเอง
หรือไม่ก็อ้างเพื่อปลอบใจตัวเองว่า มันไม่ใช่ภาษาแม่ บ้านเราไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของชาติอื่น บลา ๆ ๆ
แม้แต่ภาษาไทย ยังเขียนผิดเขียนถูก ยังใช้คำ ใช้สรรพนามไม่ค่อยถูก
แล้วเราจะไปสู้คนชาติอื่นได้อย่างไร
ขณะที่เวียดนามเขาประกาศปักธงการศึกษาบ้านเขาไปแล้วว่า
เขาจะต้องพัฒนาการศึกษาเด็กของเขาให้เหนือกว่าเรา
ตอนนี้เขาปรับหลักสูตรให้มีเนื้อหาสอดคล้องกับหลักสูตรสากลมากขึ้น
ทั้งด้านการใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันและทักษะการทำงานอื่น ๆ
อย่าลืมว่า เวียดนามเคยเป็นอาณานิคมฝรั่งเศสมาก่อน เพราะฉะนั้นเขาได้เปรียบเรื่องภาษาฝรั่งเศส
ถ้าเพิ่มภาษาอังกฤษเข้าไปอีก คิดดูว่า ถ้าเราเป็นนายจ้าง ต้องการจะจ้างคน เราจะจ้างคนชาติไหน?
คิดแล้วก็เครียด เป็นห่วงเด็กไทยจริง ๆ