ตอนที่ 77 “We are…เราคือ…”
สามเดือนเหมือนสามวันเวลามันช่างผ่านไปไวจริงๆเลยว่าไหมครับเพราะอีกแค่สามวันก็จะเปิดเทอมแล้วแต่ผมกลับรู้สึกว่าตัวเองพึ่งจะออกค่ายอาสาเมื่อไม่กี่วันนี่เอง หลังจากจบค่ายพวกเราก็แยกย้ายไปใช้ชีวิตในช่วงปิดเทอมซึ่งภารกิจหลักของผมก็คือฝึกงานสานรัก ฮ่าๆ(อันหลังไม่ใช่ล่ะเพราะถ้าผมทำจริงอาจสิ้นอายุขัยได้ในพริบตาคู่ครัวรสดี บู่ววววว:P)
ผมเลือกฝึกงานที่เชียงใหม่เพราะจะได้ใช้เวลาช่วงปิดเทอมอยู่กับครับครัวหรรษาด้วย ที่ที่ผมฝึกเป็นบริษัทโฆษณาน่ะครับ ตอนแรกก็กังวลคิดไปสารพัดว่าจะทำได้ไหมงานจะเป็นยังไงแต่พอได้ลองทำจริงๆถึงได้รู้ว่ามันก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิดแถมยังสนุกด้วยเพราะเป็นงานที่ค่อนข้างอิสระ
และที่สำคัญพี่ๆที่ทำงานก็น่ารักผมได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆเยอะเลยแล้วก็ได้ประสบการณ์ชีวิตของคนทำงานว่ามันต่างกับตอนเรียนมากจริงๆ แถมวันสุดท้ายของการฝึกพวกพี่ๆเขายังจัดงานเลี้ยงส่งให้แล้วยังบอกด้วยว่าถ้าผมเรียนจบก็ให้มาทำงานที่นี่เขายินดีต้อนรับเสมอ^^ งานครีเอทีฟมันก็สนุกดีแต่ผมอยากเปิดแกลอรี่มากกว่า คึคึ
ส่วนไอ้คิวสหายรักของผมตอนแรกพี่ท่านเกิดเฮี้นยอะไรไม่รู้แม่งจะไปเป็นครูสอนศิลปะที่ยะลาเว้ย ทำเอาผมมึนไปสามวันผมบอกมันแล้วว่ามึงบ้ารึเปล่าอาจารย์ไม่ให้ไปแน่ๆแต่มันก็ไม่ฟัง พอมันยื่นเรื่องไปเท่านั้นแหละครับโดนอาจารย์ที่ดูแลเรื่องฝึกงานสวดยับเลย ฮ่าๆ
มันก็บ่นๆอยู่หลายวันแต่สุดท้ายไอ้คิวก็เลือกไปอยู่ในค่ายหนังยักษ์ใหญ่ค่ายหนึ่งในตำแหน่งฮิปๆอย่างผู้ช่วยอาร์ตไดเร็กเตอร์ หึ ตอนเริ่มกับตอนจบอย่างกับหนังคนละม้วน
ส่วนท่านชายเบียร์รายนั้นลอยลำมันฝึกไปตั้งแต่ตอนปีสองแล้วเพราะเกรดสะสมมันถึงที่จริงไอ้เบียร์มันต้องจบสามปีครึ่งพร้อมด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่งพ่วงเหรียญทองเก๋ๆ(ซึ่งไอ้ปันเคยบอกว่ามีแต่คนบ้าเท่านั้นแหละที่จะเรียนเอาเหรียญทอง เรียนหนังสือมันต้องได้หนังสือถ้าอยากได้เหรียญทองก็ไปแข่งโอลิมปิค เหอๆ)
แต่ที่คุณชายเบียร์มันไม่ยอมไปผุดไปเกิด เอ้ย ไม่ยอมจบผมก็ไม่รู้ว่ามันรอจบพร้อมพวกผมหรือรอส่งข้าวส่งน้ำเด็กโรงเรียนมัธยมแถวนี้กันแน่ ฮิ้ววววววววววว
ส่วนหมอฟัน(ดะ)ให้ตายเถอะกาก้ากูชอบฉายามึงจริงๆเชน ฮ่าๆ ไอ้เชนมันหายสาบสูญอีกแล้วครับต่อไปนี้ก็ไม่รู้จะได้เห็นหน้าไอ้เชนไหมเพราะมันขึ้นชั้นคลินิกไปอยู่โรงพยาบาลแล้วคร้าบบบบ เรียนหนักไหมคงไม่ต้องบอกรู้แค่ว่าเวลาหายใจมันก็แทบจะไม่มีแต่การที่ไอ้หมอเชนมันเรียนหนักขึ้น(มาก)ก็ไม่ได้มีแค่มันที่เหนื่อยนะครับแต่ยังมีอีกสองคนที่ลำบากไม่แพ้กันนั่นคือไอ้มิคกับไอ้แทน
สาเหตุก็คือว่าไอ้เชนมันหาคนไข้ไปทำแลปทำฟันอะไรของมันไม่รู้และพอดี๊พอดีว่าช่วงนี้ฟันคุดไอ้แทนขึ้น ไอ้เชนเลยตามล่าหาเหยื่อเอาตัวไอ้แทนไปเป็นคนไข้จำเป็น กร้ากกกกก ได้ข่าวว่าไอ้แทนกลายเป็นโรคหวาดผวาไอ้เชนไปเลย ส่วนคนที่มีความสุขเห็นจะเป็นหนุ่มถาปัดเพราะความทรมานของไอ้แทนถือเป็นความสุขขั้นสุดของไอ้ฟ่างครับ
ส่วนไอ้มิคมันเคยจัดฟันไงครับผมก็ไม่เห็นตอนมันใส่เหล็กหรอก เห็นแค่เวลามันใส่รีเทนเนอร์เพราะมันเอาออกตั้งแต่ตอนขึ้นปีสอง ด้วยเหตุนี้เชี่ยมิคเลยพลอยโดนหางเลขไปด้วยมันขึ้นสเตตัสด่าไอ้เชนทุกวันว่าฟันมันจะล่มก็เพราะมีเพื่อนเป็นหมอฟันนี่แหละ กร้ากก
ส่วนหนุ่มๆวิศวะขวัญใจใครหลายๆคนแต่ไม่ใช่ผม คึ
ภูมิฝึกกับบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่ค่อนข้างใหญ่อีกบริษัทของบ้านเราเลยละครับ มันเล่าให้ผมฟังว่างานหนักเหมือนกันต้องตากแดดแทบทุกวันแต่ภูมิก็ไม่เคยบ่นเลยนะแค่มีเรื่องที่ทำเอาผมฮาและสาแก่ใจเบาๆ
เพราะว่าไอ้บริษัทที่ภูมิไปฝึกน่ะเป็นธุรกิจของบ้านไอ้คลื่น กร้ากกกกกกกก ภูมิมันพึ่งจะมารู้หลังจากผ่านไปได้เดือนกว่าๆ ภูมิไม่เคยบ่นเรื่องงานแต่เรื่องนี้มันพูดอยู่สามวันสามคืนเต็มและหลังจากนั้นมันก็คงทำใจได้มั้งครับเพราะเห็นเงียบๆไป ฮ่าๆๆ
ช่วงปิดเทอมที่ผมอยู่เชียงใหม่รู้ไหมว่าภูมิมันบินจากกรุงเทพมาหาผมทุกครั้งที่มีวันหยุด ช่วงเดือนแรกแม่งมาทุกเสาร์อาทิตย์เลยเว้ยจนหนวดบอกว่า “ไอ้แมวแฟนมึงมันสติดีรึเปล่าวะ” พ่อก็ออกจะทึ่งกับความมานะพยายามของไอ้ภูมิส่วนแม่ผมน่ะเหรอ
“นี่ๆคนนี้ชื่อน้องภูมิเป็นลูกชายคนใหม่ของฉันเอง…… หล่อใช่ไหมล่ะ……. เธออิจฉาฉันล่ะสิ…. ต๊ายว่าไม่ได้นะพระเอกละครบางคนยังหล่อสู้ลูกภูมิไม่ได้…..รวยด้วยจะบอก….ฯลฯ”
คุณนายเธอแฮปปี้มากครับในจุดนี้ ชีวิตเป็นช่วงขาขึ้นสุดๆแม่ชอบเอาไอ้หล่อไปอวดชาวบ้านชาวช่องจนมันกลายเป็นขวัญใจสมาคมแม่บ้านตำรวจไปแล้วเรียบร้อย ไอ้หล่อมันก็ยิ่งได้ใจกลายเป็นเด็กขี้อ้อนไปซะงั้น แม่ครับน้องภูมิอย่างนั้นแม่ครับน้องภูมิอย่างนี้ ถุ๊ยๆๆๆๆ
แต่ว่าผมก็ดีใจนะที่ครอบครัวผมกับภูมิเข้ากันได้ดีจนบางครั้งผมก็อดคิดไม่ได้ว่าแม่งอาจจะดีเกินไปป่ะวะ เพราะอย่างหนวดเห็นแบบนั้นก็เถอะแต่ถ้าภูมิมาทีไรพ่อก็แอ๊บกลับบ้านเร็วตลอดทั้งที่ปกติต้องไปสมาคมนั่นไปสโมสรนี่ หึ แถมพาไปกินข้าวที่โรงแรมอีกต่างหาก
แต่ถ้าเป็นผมเหรอ “มึงแดกไรยังแมว” ความยุติธรรมอยู่ไหนนนนน จากตอนแรกภูมิยังเกรงๆหนวดอยู่บ้างแต่ตอนนี้มีขับรถไปส่งพ่อที่ทำงานเว้ยแถมบางทีก็ไปออกรอบไดฟ์กอล์ฟกับพวกเพื่อนพ่อด้วย แม่งพ่อครับแม่ครับเห็นหัวพีมบ้างไรบ้าง ได้กลิ่นอะไรเหม็นๆไหมครับ หึ หัวกูเองมันเน่า!!!!!!!!!!!! T^T
……………………………
“เก็กฮวยถ้วยใหญ่ๆ แช่เอาไว้อยู่ในตู้เย็น
น้องปีหนึ่งก็ผ่านมาเห็น น้องปีหนึ่งก็ผ่านมาเห็น
แอบเปิดตู้เย็นกินน้ำเก็กฮวย ชัก แง็กๆๆๆๆๆๆๆ”
“มะหมี่ มะหมี่ มะหมี่ขูดมะพร้าว
ทำกับข้าวอยู่ในครัว มะหมี่ไม่รู้ตัวถูกคนชั่วลากเอาไป
เอาไม้แหย่รู ถูๆไถๆ แสบๆ คันๆ
มันๆปนกันไป เอาออกก็ไม่ได้ใครมาช่วยเอาออกที”
พวกผมนั่งดูบรรยากาศการรับน้องที่เวียนมาอีกปี น้องๆปีที่แล้วที่ถูกพวกผมแกล้งตอนนี้น้องกลายเป็นรุ่นพี่ที่รับหน้าที่ต่อจากพวกผมแล้ว พวกเราปีสี่แค่ดูอยู่ห่างๆมองรอยยิ้มมองเสียงหัวเราะของเฟรชชี่ที่สดใสก็เหมือนเห็นภาพเห็นอดีตที่ผ่านมาของตัวเอง
วันเวลาช่างผ่านไปเร็วจริงๆ
ตอนนี้ผมเป็นพี่ใหญ่แห่งศิลปกรรมแล้วสินะพอมองย้อนกลับไปถึงช่วงเวลาที่ผ่านมาผมได้พบเจอเรื่องราวต่างๆมากมาย ทั้งสุขและทุกข์ ทั้งยิ้มทั้งหัวเราะและร้องไห้ สามปีในรั้วมหาวิทยาลัยแห่งนี้ผมได้รับความรู้ทางวิชาการเท่าที่ความพยายามของผมจะมี แต่ที่ผมคิดว่าผมเก็บเกี่ยวมันไว้ได้อย่างเต็มที่ ผมใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่าเพราะได้ร่วมสร้างความทรงจำมากมายกับเพื่อนๆและสิ่งที่สำคัญที่สุดคือผมได้รู้จักความรัก
ณ ที่แห่งนี้
ผมได้พบกับคนที่จะอยู่เคียงข้างผมตลอดไป
“นี่พวกเราอยู่ปีสี่กันแล้วหรอวะนี่กูแก่ขนาดนี้แล้วหรอวะ” ไอ้โจเท้าคางพูดเหมือนรับไม่ได้ ผมยาวๆฟูๆของมันหยิกหยองพันกันเหมือนไม่ได้สระมาแรมปียิ่งชั้นปีสูงเท่าไรความซกมกและจัญไรก็เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ
“มึงยังจะถามอีกเหรอ การส่องกระจกไม่ได้ทำให้มึงรู้เหรอว่าหนังหน้ามึงไปไกลกว่าอายุจริงกี่ปีแสงแล้วไอ้เวร” ฮ่าๆๆๆ ไอ้คิวได้รับเสียงหัวเราะจากพวกผมอย่างท่วมท้น
“แม้แต่น้ำไอ้โจมันยังไม่อาบแล้วมันจะเอาสมองส่วนไหนไปคิดส่องกระจกวะคิว” ผมก็ช่วยไอ้คิวเล่นงานไอ้โจเต็มที่ มันเลยสยายผมสลัดเห็บและเหาออกมาสู่โลกกว้างก่อให้เกิดสงครามย่อมๆของพวกเรา
“เชี่ย น้องคนนั้นแม่งน่ารักว่ะ” คำพูดไอ้หนึ่งหยุดยั้งทุกการกระทำพวกผมหันไปมองตามทางที่ไอ้หนึ่งชี้ เออว่ะน่ารักแต่……
“กูจะบอกโตเกียวให้ไปบอกน้องป่านว่ามึงเหล่หญิง”
“ห่าพีมมึงอย่าพูดดังเดี๋ยวของเข้าตัวพวกกูพึ่งจะคืนดีกันนะมึง” ก็เพราะมึงสันดานอย่างนี้ไง
“ทะเลาะกันแม่งทั้งปี” ไอ้ชายส่ายหัวเอือมระอา
“หึ หน้าม่อมากๆระวังจะโดนน้องทิ้งนะเว้ยยย มึงต้องหัดเอาอย่างคู่กูนี่รักกันปานจะกลืนหวานชื่นทุกช่วงชีวิต”
?????????????
โห่หหหหหหหหหหหห
แค่โห่มันไม่พอครับผมเลยโบกกบาลไอ้คิวด้วย มันหัวเราะชอบใจแม่งพูดมาได้ว่าหวานชื่น?กูเห็นปามีดปากระทะแจกกันทุกวัน
“พี่คิววววววววววววววว” ตายยากเนอะ “เฮียๆหวัดดีคร้าบบบพี่คิวๆเต้ยหาพี่คิวโคตรนานเลย โทรศัพท์เต้ยแบทหมดน่ะ พี่คิวว่างไหมแล้วพี่คิว……….”
“โว้ย!!!! แม่งทีละคำถามได้ไหมเต้ย กูฟังไม่ทัน” หึ หวานมากกกกกกกกกโอ๊ยหวานจนกูอิจฉา ฮา
“ทำไมฟังไม่ทัน เต้ยพูดชัดทุกคำเหอะตัวเองหูไม่ดี”
“กูหูดีแต่ถ้ามึงจะรัวใส่ขนาดนี้หูกูมันไม่ใช่เครื่องอัดเสียงมันเก็บข้อมูลไม่ทันโว้ย”
“เครื่องอัดเสียงใคร พี่คิวซื้อเครื่องอัดเสียงหรอซื้อที่ไหนแพงไหมเอามาให้เต้ยเล่นหน่อยสิที่จริงวันนี้โทรศัพท์เต้ยไม่มีตังแหละแล้วทีนี้#5*&^)_*&^##@!*(%$_+(*&^$#@+*” ไอ้คิวไม่รอให้ไอ้เต้ยพล่ามจบมันก็ยกและหิ้วคอเสื้อแฟนซนๆของมันจากไปแล้วครับ กูเพลียแทนมันสองตัวจริงๆ
“หึ แม่งหวานกันมากกกกกกกูเชื่อแล้วคิวว่าพวกมึงรักกันปานจะกลืน” กร้ากกกก พอไอ้หนึ่งตะโกนตามหลัง ไอ้คิวก็หันมาชี้หน้าก่อนจะพาไอ้เต้ยขึ้นรถไปไหนไม่รู้สงสัยพาไปรับยา
พอไอ้คิวไปแล้วพวกผมก็แยกย้ายไปหาข้าวกลางวันกินพวกไอ้หนึ่งไอ้โจไปกินร้านแถวๆหน้ามอส่วนผมกระแดะมากินไกลนิดนึงเพราะมีนัดที่พารากอน ก็ไอ้พวกวิศวะทั้งหลายน่ะสิครับมันออกมาสั่งเสื้อรุ่นเสื้อภาคให้น้องปีหนึ่งแถวนี้ ผมเลยถูกโทรตามให้ออกมาพร้อมกับไอ้ฟ่างที่ซวยถูกไอ้แทนบังคับมาเหมือนกัน
ฟ่างมันไปรับผมที่คณะและมันก็เริ่มสาปส่งไอ้แทนยันต้นตระกูลพ่อต้นตระกูลแม่ของไอ้แทนเลยครับ มันด่าตั้งแต่ผมเปิดประตูเข้าไปนั่งยันอาหารมาเสิร์ฟมันก็ยังด่าไอ้แทนไม่เลิกเพราะตอนบ่ายมันต้องเข้างานรับน้องของสถาปัตย์แต่ก็ต้องเสียเวลาออกมาหาแฟน
“รสชาติอาหารดีขึ้นไหมห๊ะ น้ำซุปคล่องคอขึ้นรึเปล่าเห็นหน้ากูแล้วน้ำเปล่าเปลี่ยนเป็นน้ำแร่ไหมไอ่เหี้ย!!” ไอ้ฟ่างเทศน์จนหอบแดกแต่ไอ้แทนมันก็มามุขเดิมคือยิ้มและยกมือไหว้ หึหึ มีกราบลงที่อกด้วยครับแม่งกวนตีนดีชิบหาย ไอ้ฟ่างหลับตาสูดลมหายใจแรงๆก่อนจะหันกลับไปโซ้ยข้าวหน้าไอ้แทน(ปลาไหล)
ไอ้แทนก็ถือโอกาสคีบนั่นตักนี่ให้แฟน ผ่านไปซักพักไอ้ฟ่างก็เริ่มมีปฏิสัมพันธ์ในทางที่เป็นมิตรต่อมนุษย์แล้ววู้ๆเย้ๆคือกูเกร็งมาตั้งแต่อยู่ในรถแล้ว ก็ผมกลัวมันโกรธจนพาลมาฆ่าผมเพื่อระบายอารมณ์อ่ะดิแถมแม่งก็ขับรถซะยังกับแข่งฟอร์มูลาวัน ภูมินั่งเท้าคางมองพี่ชายแบบเอือมๆแถมยู่ปากใส่อีก บ๊ะ ทีตัวเองล่ะอย่าให้กูพูด ส่วนไอ้มิคมันไม่สนใจใครเลยครับแม่งแดกลูกเดียว อ๊ากกกปลาหิมะกูไอ้มิคคคคคสั่งมาให้กูใหม่เลยมึง
“คึ มึงช้าเอง” ไอ้มิคยิ้มแฉ่ง ผมก็ได้แต่คาบตะเกียบแล้วร่ายมนต์ในใจขอให้แม่งติดคอขอให้มันสำลักขอให้ปลาเป็นพิษ!!!!!!!!!!!!!!!
“หึหึ เดี๋ยวกูสั่งให้ใหม่น่า เลิกทำหน้าอย่างนั้นได้แล้วแก้มจะแตกนะเตี้ย” ผมหันควับไปหาป๋าภูมิผู้ใจดีและรีบทำหน้าทำตาให้หล่อที่สุด แหม๊แฟนใครหล่อแล้วยังใจดีอีก ฮิ้วววววววว กูแซวตัวเองเพื่อ???????
“น้องกูคงจนเพราะมึงช่วยสำเหนียกไว้ด้วย”
“โหยยเชี่ยฟ่างคร้าบบบทีเพื่อนกูถอยหลุยส์ให้มึงอ่ะไหนจะแคมเปอร์กะคอนเวิร์สคู่ละเท่าไร” ไอ้ฟ่างยักไหล่ยิ้มกวนๆให้ผมแล้วหันไปมองหน้าไอ้แทนก่อนจะเอาคางวางเกยไหล่ โอ้ววววววแรว๊งส์
“แทน…..บอกเพื่อนมึงไปสิว่า มึง เต็ม ใจ” ฟังจากน้ำเสียงของไอ้ฟ่างแล้ว ถ้าไอ้แทนตอบว่าไม่ ร้านพวงหรีดร้านโลงศพก็เตรียมเฮได้เลยครับเพราะงานศพมันคงได้จัดที่พารากอนอย่างแน่นอน
“ครับๆกูเต็มใจซื้อให้ก็ถ้าไม่ซื้อให้เมียแล้วจะซื้อให้ใครล่ะ โอ๊ยยย” ฝ่ามือเน้นๆกลางกบาล
“กูไม่มีมดลูกอย่าเสือกเรียกเมีย”
“โหยฟ่างก็ไอ้แทนมันรักมันเคารพมึงไงมันเลยเรียกเพื่อยกย่องและให้เกียรติมึงอย่าไปด่ามันเลยน่า” ไอ้มิคดูดชาเขียวเสียงดังแล้วเสนอหน้าพูดเหมือนคนที่รู้ลึกซึ้ง ไอ้แทนถึงกับชูนิ้วโป้งให้อย่างถูกใจ “มันทำทุกอย่างก็เพื่อมึง”
“บอกมันไปมิคบอกมันไปปปป” ไอ้แทนชี้นิ้วประกอบคำพูดอย่างออกรส ไอ้ภูมิกอดอกดูเพื่อนกับพี่เขยอย่างอารมณ์ดี วันนี้ไอ้หล่อมันยิ้มบ่อยมากเลยครับไม่รู้มันแอบไปพี้แมรี่เจนมารึเปล่า
“มันทั้งรักทั้งเกรงใจ”
“อ่ะแน่นอน”
“ทั้งเคารพและบูชา”
“จะหาใครดีเท่ากูไม่มี๊”
“มันทำไปด้วยความไม่ประสีประสา”
“Yes”
“บางครั้งเชี่ยแทนเลยหลุดความจัญไรออกไปบ้าง”
“ก็ไม่น่าใช่ปัญห๊า”
“เพราะฉะนั้นมึงก็ควรหาผัวใหม่ซะนะฟ่าง”
“ถูกมิค ถุ๊ยไอ้เหี้ยมาเสี้ยมแฟนกู” ฮ่าๆๆ ไอ้มิคตบโต๊ะหัวเราะมีความสุขส่วนไอ้ฟ่างก็จับซูชิไข่หอยเม่นยัดปากไอ้แทน มันก็กินไปตีกันไปมีไอ้มิคก่อกวนอยู่เป็นระยะส่วนผมกับภูมิก็เริงร่าอยู่กับปลาหิมะ ฮี่ฮี่ มื้อนี้แม้เราจะมีเพียงห้าคนแม่งก็ยังแย่งกันจนเหนื่อยแต่ก็ดีอยู่อย่างตรงที่อิ่มแปล้แต่ยังสบายกระเป๋าเพราะไอ้แทนกับไอ้ภูมิจ่ายยยยยยย มันอยากเรียกออกมาทำไมล่ะให้แม่งจ่ายซะเลย คึคึ
กินข้าวอิ่มไอ้แทนไอ้ฟ่างก็กลับไปมอไอ้มิคก็ไปมอแต่มออื่นนะครับแล้วมันไปทำไม หึ ก็ไปรับสาวไงได้ข่าวว่าคนนี้พึ่งเริ่มคบเลยเช้าถึงเย็นถึง ส่วนผมกับภูมิเราจะดูหนังกันต่อตอนนี้เลยเดินย่อยก่อนไว้อีกซักพักค่อยไปดูรอบหนังแล้วกัน
“พีมรออยู่นี่นะกูไปเข้าห้องน้ำเดี๋ยวมา”
“อ๋อ อืมๆ” ผมรับกระเป๋าตัวเองที่ภูมิเอาไปถือให้มาถือไว้เอง ไอ้หล่อมันไปเข้าห้องน้ำส่วนผมก็นั่งจิ้มๆๆๆบีบีรอภูมิ
จะมีเพียงเธอรักเพียงแต่เธอ
โอบกอดเธอด้วยรัก รักที่ห่วงใย
ใจฉันให้เธอมันเป็นของเธอรู้ไหม
ทุกคำมันกลั่นออกมาจากหัวใจ
เราจะลอยข้ามฟ้าท่ามกลางหมู่ดาว
จะไม่มีความเหงาเข้ามากล่ำกลาย
เพลงนี้เพื่อเธอมันเป็นของเธอรู้ไหม
สัญญาจะดูแลเธอจากนี้ ตลอดไป
เสียงเรียกเข้าของมือถือภูมิทำเอาบีบีผมแทบหลุดมือ เชี่ยกำลังมันส์กูตกใจหมดผมควานหาไอโฟนมันในกระเป๋าก่อนจะหยิบขึ้นมาดูว่าใครโทรมาและเบอร์ที่โชว์อยู่หน้าจอก็คืออีกหนึ่งคนสำคัญของภูมิ “คุณพ่อ”ผมยิ้มก่อนจะรับสายเพราะตอนนี้คุณพ่อของภูมิก็เป็นคนสำคัญของผมเหมือนกัน
“ฮัลโหลครับพ่อ”
(น้องภ….อ้าวพีมเหรอ) ท่านทักทายด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่ก็ฟังดูอ่อนโยน
“ครับพ่อ ภูมิมันไปเข้าห้องน้ำน่ะพ่อมีอะไรรึเปล่าครับเดี๋ยวพีมไปเรียกมันให้”
(ไม่เป็นไรๆพ่อแค่จะโทรมาบอกภูมิว่ามะรืนนี้พ่อกับแม่จะไปอิตาลี)
“อ้าวเหรอครับทำไมกะทันหันจังพ่อมีงานด่วนหรอ”
(ก็เรื่องงานด้วยแล้วก็กะว่าจะไปเยี่ยมญาติๆทางนู้นด้วยแล้วพรุ่งนี้พีมกับภูมิว่างไหม)
“ก็…พีมมีเรียนเช้าครับแต่ภูมิเรียนถึง…อืมน่าจะทุ่มนึงมั้งเห็นมันบอกว่ามีสอบด้วยทำไมหรอครับ”
(งั้นพรุ่งนี้ก็มาทานข้าวที่บ้านนะแม่เขาอยากเจอลูกๆก่อน นี่ก็บ่นๆแล้วว่าคิดถึงพีม) ได้ยินเสียงแม่ตะโกนมาในสายด้วยครับ^^คุณแม่ท่านยังคงใจดีและน่ารักไม่เปลี่ยนเลย
“ฮ่าๆครับพ่อเดี๋ยวพีมจะบอกภูมิให้แล้วก็ฝากบอกแม่ด้วยนะครับว่าพีมก็คิดถึง” ไอ้ภูมิอ้อนแม่ผมจนได้ขึ้นหิ้งเป็นลูกชายคนใหม่แล้วทำไมผมจะทำบ้างไม่ได้ หึหึ แม่ภูมิก็สปอยผมเหมือนกันเหอะไม่อยากจะอวด
(พีมจะคุยไหมแม่ก็นั่งอยู่กับพ่อ) ผมคุยโทรศัพท์กับคุณแม่อีกซักพักท่านก็วางไป ผมว่าผมคุยกับแม่นานนะแล้วก็ตั้งแต่วางสายไปก็นานเหมือนกันแต่ทำไมไอ้ภูมิมันยังไม่กลับมาอีกเนี่ยหรือตกโถฉี่ตายห่าไปแล้ว
แม่งชอบเป็นแบบนี้อยู่เรื่อยชอบทิ้งผมไว้คนเดียวไหนมันเคยสัญญาว่าจะไม่ปล่อยให้ผมต้องรอ ฮึ๋ย ไอ้คนผิดสัญญา!!! ไปตามมันหน่อยก็ได้วะเผื่อมันตายผมจะได้เรียกร่วมกตัญญูทันแต่พอผมหันหลังกลับมาก็เจอช่อกุหลาบสีขาวยื่นมาตรงหน้า
ผมไล่มองตั้งแต่กุหลาบช่อโตเรื่อยไปถึงแขนเสื้อช็อปจนถึงหน้าหล่อๆของคนที่ถือดอกกุหลาบอยู่ ผมยืนบื้อใบ้ทำอะไรไม่ถูกได้แต่มองหน้าไอ้ภูมิสลับกับช่อกุหลาบ
เย้สสสสสสสสสสสสเข้ เผื่อคุณจะลืมไปคือว่าตอนนี้พวกผมยืนอยู่กลางห้างแล้วคิดว่าคนจะมองไหมครับ แม่งจะเหลือหรอผู้ชายสองคนกำลังยื่นกุหลาบให้กันแต่ก็ช่างมันเหอะเจอกันครั้งเดียวอย่าไปแคร์(เหรอ)
>////////////////////<
“รับไปดิ๊” ไอ้หล่อยิ้มเขินๆพยักพเยิดหน้ามาที่ช่อกุหลาบเพื่อให้ผมรับไว้ ผมเผลอหลุดยิ้มเกาขมับเขินหนักก่อนจะยื่นมือไปรับช่อดอกกุหลาบขาวยักษ์มากอดไว้ ไอ้ที่มึงหายไปนานเพราะไอ้นี่สินะ
“เนื่องในโอกาสอะไรวะ” ผมกอดช่อกุหลาบไว้ในอ้อมแขนก้มหน้าก้มตาแอบชำเลืองมองนิดๆว่ามีคนมองเราไหม อื้อหือ คนนั้นจะเอามือถือมาถ่ายรูปด้วยอ่ะแต่เธอเห็นว่าผมมองก่อนเธอเลยยิ้มเขินๆจากไป อ๊ากกกก เขินโว้ยยยยกูจะมอบรางวัลแฟนดีเด่นให้ไอ้หล่อสาขาเซอร์ไพรส์ยอดเยี่ยม
“โอกาสอยากให้” ดูแม่งตอบ ตายๆๆๆ ตอบแบบนี้กูคงต้องขอสมัครเป็นทาสรักมึงทุกชาติไปแม้ต้องกัดก้อนเกลือกินก็ยอม “ชอบป่ะ” แล้วดูแม่งถาม
“ชอบ”
“เหรอ”
“อื้อ”
“………………………” เดดแอร์
“………………………” อากาศตาย
“สวยดีเนอะ” หลังจากที่เราเงียบกันไปซักพักด้วยความเขินอันจุกอกภูมิมันก็ถามขึ้นมาลอยๆ ภูมิเกาหัวแกว่งแขนไปมาก่อนจะชี้มาที่ช่อกุหลาบที่มันเป็นคนซื้อเองพร้อมกับอมยิ้มเขินๆ
“อือสวยดีขอบคุณนะ หึหึ มึงเขินไมเนี่ยภูมิกูสิต้องเขิน” สาดดดดดดด อิจฉาผมไหมครับ อิจฉากูอ่ะดิ๊ ไม่เคยได้อ่ะดิ๊ กูยังอิจฉาตัวเองเลย กร้ากกกกกกกก กูจับดอกกุหลาบแดกแม่ง
หรือแดกไอ้คนให้ก่อนดี คึ อย่าทำทะลึ่งเบ่เบ๋
>o<