Chapter 4 Another room
“อ้าปาก”
ผมกลายเป็นเด็กๆ นั่งพิงหัวเตียงให้พี่ซันป้อนข้าว เรื่องเมื่อคืนที่ผมร้องไห้ทำให้ผมไม่สบาย ไข้ขึ้น ปวดหัว แล้วก็ปวดตาไปหมด
พอกินข้าวเสร็จเขาก็จับผมเช็ดตัว พี่ซันเห็นผมทั้งตัวนั่นแหละแต่คงเพราะไม่สบายล่ะมั้งเขาเลยไม่แกล้ง แต่หยิบชุดคลุมมาให้ผมใส่แทนชุดนอนแล้วดึงผ้าห่มมาปิดถึงคอให้
“ห้ามกระดุกกระดิกไม่งั้นฉีดยา”
เขาจะเรียกหมอแล้วแต่ผมกลัว ผมเคยป่วยนะแค่นี้ไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวก็หาย
“พลิกตัวนอนตะแคงก็ไม่ได้หรอ”
“กวนพี่หรอตอง? ”
ผมยู่ปากใส่เขา ส่วนเขาก็ไม่ยอมไปไหน ทำตัวเป็นพยาบาลดีเด่นนั่งพิงหัวเตียงอ่านหนังสืออยู่ข้างๆ ผม พี่ซันชอบอ่านหนังสือแนวศิลปะเก่าๆ สมกับเป็นเจ้าของธุรกิจด้านนี้
การเป็นไข้ทำให้ผมรู้สึกหนาว แล้วพี่ซันก็เหมือนก้อนความอุ่น...ก็เขาเป็นพระอาทิตย์ก็เลยคงตัวอุ่นๆ มั้ง ก็เขยิบไปใกล้หน่อยนะครับ...
“จะเอาอะไร? ”
เขาคงรู้สึกได้ว่าผมกำลังดุ๊กดิ๊ก แขนของผมชนกับท่อนขาใต้ผ้าห่ม ตัวเขาอุ่นจริงๆ ด้วย
“พี่ซันตัวอุ่น...ตองหนาว”
เขายื่นมือมาและผมก็รีบคว้าเอาไว้ นิ้วมือเราประสานกันแต่มันไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่เพราะเขานอนและผมนั่ง ผมเลยยกตัวขึ้นไปหนุนตักเขา
พี่ซันอยากมานั่งเฝ้าเองนะ...ต้องให้ผมได้เอาแต่ใจบ้าง คนป่วยต้องได้สิทธิพิเศษสิ จะได้หายป่วยไวๆ
“เจ้าเล่ห์นะอวิ๋น”
“อวิ๋นไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”
เสียงหัวเราะทุ้มๆ กับแววตารื่นรมย์ทำให้พี่ซันดูมีเสน่ห์ เขายอมวางหนังสือลงแล้วเปลี่ยนมาลูบหัวผม สบายจัง...ความสบายอยู่กับผมเพียงครู่เดียวมือเขาก็เริ่มขยับมาบีบคลึงใบหูผม
“อื้อ...”
ผมกลายเป็นแมวให้เขาเกาคาง ก่อนนิ้วแกร่งจะกดลงที่ริมฝีปากล่าง นัยน์เขาสะท้อนภาพผมชัดเจน มือข้างหนึ่งเรายังประสานกันอยู่ เขาบีบเบาๆ แล้วขยับนิ้วโป้งหมุนวนบนหลังมือผม
ปากของผมเผยอออกปล่อยให้เขาสอดนิ้วเขามากวัดเกี่ยวเล่นกับลิ้นผม ความเคลิบเคลิ้มที่ผมไม่เข้าใจทำให้ผมเผลอไผลไปกับสัมผัสของเขา ลมหายใจผมหอบกระชั้น ร่างกายร้อนวูบวาบ
ท่อนขาของผมขยับเสียดสีกันไปมาอย่างควบคุมไม่ได้ อาการแบบนี้มันเป็นเฉพาะกับพี่ซัน เฉพาะเวลาที่เขาแกล้งผม จับผม...สัมผัสผม
“มานี่มา”
ผมถูกเขาดึงรั้งขึ้นจากเตียงไปนั่งคร่อมบนตักเขา สองแขนผมโอบรอลำคอแกร่ง สายผูกเอวที่เขาผูกให้เกือบจะหลุดอยู่รอมร่อ สาบเสื้อเคลื่อนออกจากกันจนเกือบร่วงหล่นจากไหล่ ขาผมโผล่พ้นออกมาไปถึงต้นขา....ผมกำลังจะโป๊อีกแล้ว
“เด็กดี”
พี่ซันดึงทีเดียวสายคาดเอวก็หลุดหายไปพร้อมๆ กับเสื้อคลุมที่หล่นลงจากตัวผมในที่สุดไปกองอยู่ตรงสะโพก อากาศเย็นๆ ทำให้ผมตัวสั่นโน้มตัวเข้าหาเขา
กลิ่นใบชาบนตัวพี่ซัน...หอมจัง ขณะเดียวกันคงเพราะกลิ่นหอมๆ นี่ผมเลยมึนงง หลุดเสียงครางแผ่วไปกับฝ่ามืออุ่นที่ลูบไล้อยู่บนแผ่นหลัง
ตัวพี่ซันอุ่นมาก อุ่นมากจริงๆ ...
นิ้วของเขาบีบเคล้นไปทั่วตัวผม ทุกสัมผัสมันทิ้งความอุ่นไว้บนผิว แวบหนึ่งผมรู้สึกชอบที่โดนเขาแตะต้อง แม้มันจะอ่อนแรงจนต้องทิ้งตัวซบลงกับไหล่เขา
“อวิ๋น”
เสียงพี่ซันแหบพร่า และนิ้วเขาก็ควานหาแผ่นอกของผมเจอ ผมโดนเขาแกล้งอีกแล้ว ปลายนิ้วเขากดย้ำที่นมผม ปลายเล็บสะกิดจนร่างกายผมร้อนไปหมด
หรือว่าผมกำลังจะตัวอุ่นแบบพี่ซัน?
การแกล้งของพี่ซันไปไกลว่าทุกครั้งเขาจับผมเอนตัวลงนอนกับเตียงแล้วขยับเคลื่อนขึ้นมาคร่อมบนตัวผม เข่าสองข้างถูกดันขึ้นตั้งชัน ร่างกายเสียดสีไปกับผืนผ้าเรียบลื่นของชุดที่พี่ซันใส่ มืออุ่นบีบเคล้นไปตามต้นขา ก่อนจะสัมผัสลงตรงกลาง
“อะ...”
น้ำตามากมายร่วงหล่นเพราะสัมผัสของเขา ความหมุนวนที่มากกว่าทุกครั้งเพียงเพราะแค่เขาขยับมือ เสียงกระซิบของพี่ซันทำให้ร่างกายเหมือนจะโบยบิน กลิ่นใบชาและโคโลญจน์โอบล้อมรอบตัวผมเนิ่นนาน แล้วผมก็ร่วงหล่นบนก้อนเมฆที่เขาสร้างไว้
พายุอารมณ์หมุนวนผ่านไปเหลือเพียงความเฉอะแฉะบนมืออุ่น กับสายตาล้อเลียนที่ทำให้ผมเขินอาย ปลายจมูกโด่งสัมผัสแก้มผมก่อนเรียวปากนุ่มจะงับเบาๆ ที่ใบหู
ผมหน้าร้อนผ่าวจนไม่กล้าสบตาเขา...
“เขินหรอ...”
คนขี้แกล้ง...
“หืม...ว่าไงครับ”
เขากดจูบลงที่ลาดไหล่ น้ำเสียงหยอกล้อ...นิสัยไม่ดีเลย สุริยะ หยาง
“ออกไปเลยนะครับ”
“ไม่ไป อยากอยู่กับตอง”
“พี่ซันอ่ะ...”
มันอดไม่ได้ต้องยกมือทุบไหล่เขา แต่แรงผมก็ไม่มีเพราะโดนเขาสูบไปหมดแล้ว ร่างกายผมอ่อนล้าและเริ่มง่วงงุน เขายังคงคลอเคลียกับผมอีกสักพักก่อนจะลุกออกไป
แต่มือผมคว้าชายเสื้อเขาไว้ แค่เขาขยับออกความเย็นก็เข้ามาแทนที่ ผมไม่อยากให้เขาไปไหน ถึงจะเพิ่งไล่เขาแต่ว่า...ก็ไม่อยากให้ไปจริงๆ สักหน่อย
“คนดี พี่ไปล้างมือครู่เดียวครับ”
“ตองรอ...”
เขาไม่พูดอะไร แค่ก้มลงมาทิ้งสัมผัสหอมกลิ่นชาบนกลีบปากของผมแล้วลุกออกไป อากาศเย็นเข้ามาแทนที่อยู่ชั่วครู่เขาก็กลับมา กลับมานอนเคียงข้าง มากอดผมเข้าไปซุกในอ้อมแขนของเขา
มืออุ่นลูบไล้แผ่นหลัง...ผมหาววอดด้วยความสบายตัว สัมผัสของพี่ซันอุ่นสบายจริงๆ และก่อนผมจะหลับไปมือเขาก็เคลื่อนลงบีบเบาๆ ที่ก้นของผม
ขนาดผมจะหลับ...เขาก็ยังแกล้ง เฮ้อ...นิสัยเสียจัง
เรานอนเล่นกันบนเตียงของผมทั้งวัน ตื่นมาก็กินข้าว กินยานั่งพิงหัวเตียงฟังเขาอ่านหนังสือ สุริยะ หยางหน้าตาเจ้าเล่ห์กับลุคอ่านหนังสือนี่ไม่เข้ากันเลย แล้วเขาเลือกอ่านมุกขำขันของราชวงศ์อังกฤษเนี่ยนะ...ยิ่งไม่เข้ากันมากๆ
สำเนียงภาษาอังกฤษของพี่ซันอย่างกับเจ้าของภาษามาเอง ผมนั่งพิงอกเขา ขาข้างหนึ่งก่ายเกยบนตักแกร่ง แขนพี่ซันโอบเอวผมไว้กับตัว
ผมยังคงแต่งตัวไม่เรียบร้อย มีเพียงชุดคลุม...แต่เป็นตัวใหม่เพราะเราทำเลอะเทอะ มันถูกผูกหลวมๆ บนตัวผม แต่ผมเลิกจะใส่ใจผูกมัดให้ดีๆ แล้ว เพราะเขาชอบทำมันหลุดอยู่ดี
เขาอ่านหนังสือไปทีก็หันมาก้มลงจูบผมสักที ไม่ว่าจะหน้าผาก แก้ม ใบหูหรือปาก ผมประท้วงจนเลือกประท้วงเพราะเขาก็ไม่ปล่อย คอยดูเถอะขอให้ติดไข้ผมไปเลย
พอผมเริ่มง่วงเพราะฤทธิ์ยา เขาก็ขยับมือมาบีบเคล้นนมผม จะบีบอะไรนักหนาผมไม่มีนมสักหน่อย หรือมันนิ่มเหมือนลูกบอลนวดมือ?
ตอนเย็นผมเริ่มหายมึนหัว เราเลยลงไปกินมื้อเย็นด้านล่างกัน พี่ซันโอบเอวผมเดินลงบันไดไปกับเขา แต่มือเขาก็ยังซุกซนวางแหมะอยู่เหนือสะโพกผม บางทีก็เคลื่อนลงขยำก้น
ผมอาจจะเริ่มอ้วนจริงๆ ก็ได้เขาเลยหมั่นเขี้ยวขยำตัวผมเล่นอยู่นั่นแหละ
พี่ซันน่าจะเห็นผมเป็นแมวขี้เกียจจริงๆ ด้วย เขาไม่ปล่อยผมไปนั่งกินข้าวดีๆ แต่ให้นั่งตักเขา เอนหลังพิงเขาแทนพนักเก้าอี้แล้วป้อนข้าวผม
“อันนี้เป่าฮื้อร้านดังของเซี่ยงไฮ้”
มือข้างที่ไม่ได้โอบเอวผมตักเป่าฮื้อน้ำแดงขึ้นมาเป่าแล้วป้อนผม แต่ละคำมักจบลงที่เขาจุ้บปากผมเบาๆ รอยยิ้มรื่นรมย์อารมณ์ดีนี่น่าหมั่นไส้มาก
“หูฉลามก็อร่อยนะ”
ยังเคี้ยวคำเก่าไม่หมด ก็มีอันใหม่มาอีกแล้ว พี่ซันนี่เป็นคนเงินเหลือเฟือแบบที่เขาว่านั่นแหละ แต่ละจานที่เขานำเสนอมีแต่ของแพงๆ แล้วก็กินไม่หมด
อยู่กับอีกสักพักผมต้องติดนิสัยไม่ดีแบบนี้แน่ๆ เป็นคนประเภทที่ถ้าพี่ซันมีลูกก็ไม่ควรได้รับเชิญเป็นคุณพ่อตัวอย่างในงานวันพ่ออ่ะ เด็กคงร้องไห้ทั้งโรงเรียน
ทั้งวันผมตัวติดกับพี่ซันราวกับฝาแฝด เขาปล่อยผมแค่เวลาเดียวคือตอนเขาไปอาบน้ำแล้วก็กลับมาจับผมเช็ดตัวแล้วเปลี่ยนมาใส่ชุดคลุมตัวใหม่ อาการป่วยกับมือไม้ซุกซนของเขาทำให้ผมลืมทวงคำตอบ
คำตอบของคำถามที่เขาทำแบบนี้กับผมมันเพราะอะไร แต่ผมก็เหนื่อยเกินกว่าจะสู้กับเขาในวันนี้ เพราะนอนทั้งวันผมเลยยังไม่ค่อยง่วงเท่าไหร่ เราเลยมานั่งเล่นกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่นด้านใน
มันคือห้องนั่งเล่นสำหรับวิวสวนโดยเฉพาะ พี่ซันสร้างบ้านแบบเอาแต่ใจตัวเองสุดกู่ ทั้งห้องมีแต่หมอนอิงนุ่มๆ ให้ทอดตัวนอนกับกำแพงกระจกวิวเดียวกับห้องนอนของผม แค่...ขยับมุมอีกนิดหน่อย
ผมว่าถ้าบ้านเขาเปิดให้คนเที่ยวชมคงทำกำไรมหาศาล ฉากกั้นห้องนี้กับทางเดินส่วนตัวในตัวบ้านทำจากไม้ซี่สีเข้มแบบดั้งเดิมของจีน ถ้ามีแขกมานั่งที่ห้องรับรองตรงกลางยังไงก็มองไม่เห็นตรงนี้
ไม่ค่อยเข้าใจนักกับเรื่องสถาปัตยกรรมและงานอินทีเรีย แต่ผมคิดว่าบ้านหลังนี้อาจจะราคาแพงกว่าตึกสวยๆ สักตึกในกรุงเทพฯ ก็เป็นได้
เขาไม่ได้อ่านหนังสือให้ผมฟังแล้ว แต่เปิดเพลงบรรเลงของจีนให้ฟังแทน
“กู่เจิ้งหรอครับ? ”
มันเป็นเครื่องดนตรีแบบจีนอย่างเดียวที่ผมรู้จัก แต่ไม่แน่ใจนักว่าใช่เสียงกูเจิ้งหรือเปล่า
“ไม่...นี่ผีผา เล่นยากกว่ากูเจิ้ง”
“เพราะจัง”
“อยากหัดเล่นไหม? ”
“นานแน่เลยครับกว่าผมจะเล่นเป็น”
“ยี่สิบปีถึงเล่นได้พี่ก็จะรอฟัง”
“ฝึกตั้งยี่สิบปีไม่เล่นแล้วครับ”
เขาหัวเราะ ไม่รู้ทำไมผมรู้สึกผ่อนคลายเป็นพิเศษ พี่ซันเวลาไม่เจ้าเล่ห์เขาก็ดูน่ารัก? ไม่หรอก เขาไม่ได้น่ารัก แค่...แค่เป็นอะไรที่คล้ายๆ กับน่ารักเท่านั้นแหละ
“หายป่วยแล้วพี่จะพาหัดเลี้ยงหนอนไหม”
“ผมกลัวหนอน มันดุ๊กดิ๊ก”
“มันตัวนิดเดียว ตองตัวใหญ่กว่าหนอนทั้งรังรวมกันอีก”
หนอนทั้งรัง? คิดแล้วก็ขนลุก ผมไม่ชอบหนอนเลย ก็ไม่เชิงหนอนอย่างเดียว แต่รวมถึงพวกกิ้งกือ ไส้เดือนที่มันกระดื้บๆ ได้ แม้แต่เจ้าหนอนเขียวอ้วนๆ มันดูดุ๊กดิ๊กหยุกหยิกยังไงไม่รู้
“งั้นไปเดินเล่นพิพิธภัณฑ์แทนแล้วกัน เดี๋ยวพี่จะให้คนเอาหนอนไปเก็บที่อื่น”
“ในบ้านเรามีหนอนด้วยหรอครับ”
“ไม่มี ยังไม่ได้ให้เอาเข้ามา...ตอนนี้มีแต่อย่างอื่นที่ใหญ่กว่าหนอนให้เลี้ยง”
เขายิ้มเจ้าเล่ห์อีกแล้ว พี่ซันคนเกือบจะน่ารักกลายเป็นพี่ซันนิสัยไม่ดี ผมเลือกจะปิดปากซุกลงกับไหล่เขาแทนที่จะถามเขาต่อว่าเขาหมายถึงอะไร...มันเหมือนกับว่าถ้าผมหลุดปากถามเขาจะแกล้งผมอีก
น่าแปลกที่พี่ซันชวนผมคุยได้หลายเรื่อง เขาคุยสนุกทำให้ผมไม่เกร็งเวลาอยู่กับเขา ยกเว้นตอนเขาแกล้งนั่นแหละ ตอนนี้เขาก็ยังแกล้งอยู่ แต่ไม่จริงจังนัก
มือเขายังยุ่มยามกับขาผมที่เกยอยู่บนตัวเขา มันก็...สบายๆ อาจจะเป็นความรู้สึกเดียวกับที่แมวรู้สึก มันเคลิ้มๆ เวลาโดนเกาตรงนั้นตรงนี้
ผมเริ่มง่วงในที่สุด เสียงทุ้มข้างใบหูกับเสียงผีผาทำให้หนังตามันหนักขึ้นเรื่อยๆ แล้วตัวผมก็ลอยขึ้นเพราะถูกอุ้ม จากมุมนี้ผมเห็นแนวกรามและคางของเขาชัดแจ๋ว
พี่ซันเป็นคนหล่อ แต่หล่อแบบตัวร้ายจริงๆ นั่นแหละ ไหล่ข้างนี้ของเขามีรอยสักรูปพระอาทิตย์ดวงใหญ่ ตาผมจรดจ้องไปที่ลำคอ ปกเสื้อ...และใบหู
ถ้าผมกัดหูพี่ซันเขาจะรู้สึกเหมือนผมไหม?
เป็นครั้งแรกที่ผมได้เข้ามาในห้องนอนใหญ่ มันแตกต่างจากห้องผมโดนสิ้นเชิง ห้องนอนของพี่ซันเหมือนห้องชุดหรูหราที่มีชุดโซฟาทำจากไม้อย่างดี แล้วทอดยาวเข้าไปเป็นฉากบังสายตาที่ยื่นออกมาจากกำแพงทั้งสองด้านเหลือเพียงทางเดินที่จะนำไปสู่เตียงใหญ่...ฉากด้านบนหัวเตียงเป็นรูปเชิงสัญลักษณ์หยินหยางที่ถูกวาดด้วยสีน้ำ....ไม่ใช่หยินหยางแบบที่เคยเห็นที่เป็นเหมือนหยดน้ำสีขาวดำ แต่เป็นปลาแสนสวยสีดำสีขาวบนผิวพื้นสีเหลืองนวลกินพื้นที่ทั้งด้านของกำแพง
แม้แต่ห้องนอนก็ช่างฟุ่มเฟือยประสาคนมีเงินจนไม่รู้จะเอาเงินไปทำอะไร
ผมยังไม่ทันสำรวจรายละเอียดอย่างอื่นเขาก็ปล่อมผมจมลงกับกองผ้าห่มนุ่ม กลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มของพี่ซันก็คล้ายกับกลิ่นใบชาชนิดหนึ่งที่ผมนึกไม่ออก
เขาเอื้อมไปกดปุ่มอะไรสักอย่างบนโต๊ะข้างเตียง ฉากกั้นห้องที่ผมนึกว่าแค่มีไว้ตกแต่งเพื่อความสวยงามกลับเลื่อนบรรจบกัน ห้องด้านนอกเป็นเพียงเงาเลือนรางผ่านฉากกั้นกระดาษ และผมก็ถูกขังอยู่บนเตียงของเขา...ผู้ชายที่เหมือนพระอาทิตย์
ความง่วงปลิดปลิวหายไปตอนไหนก็ไม่แน่ใจ สายตาของสุริยะ หยางเหมือนมีแรงดึงดูดที่ทำให้ผมไม่อาจละสายตาไปจากเขาได้ ทุกอิริยาบถของเขาล้วนน่ามอง ไม่ว่าจะตอนเขาค่อยๆ แกะกระดุมคอ...ดึงชุดยาวรุ่มร่ามออกจากตัวจนผมเห็นรอยสักรูปพระอาทิตย์บนไหล่ของเขา
มือหนาเลื่อนต่ำลงมาตามกล้ามหน้าท้อง และปลายนิ้วเขาก็หยุดลงที่ขอบกางเกง...สายตาผมเองก็หยุดอยู่ตรงนั้น ตรงที่กล้ามเนื้อช่างเหมือนกับตัววีของเขา
ลมหายใจผมหอบกระชั้นอย่างไร้สาเหตุ สองขาขยับเสียดสีกันอย่างควบคุมไม่ได้ ตัวผมบิดไปมาจนชุดคลุมบนตัวผมหลุดออกจากกัน มันหลุดง่ายจะตายในเมื่อพี่ซันไม่เคยผูกมันอย่างตั้งใจเลย
ไม่หรอกเขาตั้งใจ...ตั้งใจให้มันหลุดง่ายแบบนี้ต่างหาก
ผมสงสัยว่าที่ผมมึนงงแบบนี้เพราะผมไม่สบาย ไม่ใช่เพราะเขาขยับเข้ามาใกล้และลูบไล้หยอกล้อกับนมผมทั้งสองข้างแบบนี้
รอยยิ้มยั่วเย้าของเขาคงไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้ผมหน้าร้อนผ่าว
...และจูบที่ทิ้งความอุ่นชื้นไว้ที่ใบหูคงไม่ใช่สาเหตุที่ผมหลุดเสียงน่าอาย
สองขาผมถูกยกขึ้นเกาะเกี่ยวสะโพกแกร่ง....สุริยะ หยางเปล่าเปลือยไม่ต่างจากผม มันแตกต่างกันตรงที่ผมไม่กล้ามองเขาเหมือนที่เขามองผม
ไม่กล้ามองว่าความร้อนผ่าวอันแข็งแรงที่ทามทับแนบกับท้องน้อยของผมมันคืออะไร ไฟห้องหรี่ลงช้าๆ ด้วยรีโมทในมือเขาจนเหลือเพียงแสงเหลืองนวลลอดผ่านฉากปลาแสนสวยออกมา
มือผมถูกดึงต่ำลงไปสัมผัสตรงนั้น...ผมขยับมือหนีด้วยความกลัวแต่เขากลับไม่ยอม กดมือผมลงแนบแน่นกับ...
“พะ พี่ซัน...”
“ชู่ว...”
“อึก....อ๊า...”
มือเขาทาบลงกับหลังมือผม ขยับซ้อนให้กำรอบของผมและของเขาไปพร้อมๆ กัน ตาผมพร่าเบลอไปด้วยหยาดน้ำตา รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังล่องลอยไปเหนือก้อนเมฆอีกครั้ง
“อา..มองพี่ อวิ๋น มองพี่”
ประโยคคำสั่งทำให้ผมต้องจรดจ้องที่นัยนต์ตาคมเข้มทั้งๆ ที่มันช่างพร่าเลือน แล้วมันก็กลายเป็นภาพเพดานห้องเพราะเขาก้มหน้าลงขบกัดใบหูผม
ตาผมหลุบต่ำมองพระอาทิตย์บนไหล่ของเขา...ผมกำลังถูกแสงอาทิตย์แผดเผา ร่างกายมันร้อนผ่าวขึ้นทุกที ลำคอแห้งผากเหมือนคนขาดน้ำ
“ตอง...ตอง”
“ฮึก...”
ทรมานราวกับจะขาดใจ อึดอัดจนทนแทบไม่ไหว แล้วเสียงผมก็หายไปเพราะจูบของพี่ซัน จูบที่ขบเม้มกลีบปากผมอย่างแรงจนมันเจ็บ...เล็บผมจิกลงกับไหล่หนาอย่างแรง
แล้วทุกอย่างก็จบลงเมื่อตัวผมเลอะเทอะ...หัวสมองว่างเปล่าเพราะร่วงหล่นบนก้อนเมฆของเขา
ผมกลายเป็นคนหมดแรง มองดูพี่ซันที่กัดฟันจนขึ้นรูปกรามชัดที่ข้างแก้ม เขายกตัวขึ้นจากตัวผม มืออ่อนแรงของผมถูกปล่อยลงกับเตียงค็ฏโ
เสียงครางต่ำดังอยู่เสี้ยววินาที กระแสน้ำอุ่นก็เปรอะเปื้อนลงบนแผ่นอกผมเป็นครั้งที่สอง มันมากกว่าครั้งแรก...เลอะเทอะมาจนถึงใบหน้า
ยังไม่ทันได้คิดอะไรเขาก็โน้มตัวลงมาจูบอีกครั้ง มอมเมาผมด้วยรสชาติของใบชาหอมๆ หยอกล้อผมด้วยความร้อนผ่าวจากสัมผัสของเขา ทำได้แค่แหงนเงยจับจ้องไปยังฉากด้านบน
เจ้าปลาหยินหยางบนหัวเตียงขยับเคลื่อนราวกับมีชีวิต
----------------
สรุปก็ยังไม่ได้อธิบายใดๆ อาศัยจังหวะน้องป่วยแกล้งน้องทั้งวี่ทั้งวัน! น้องก็ไม่ขัดขืนเลย ไม่ได้ยอมนะ แค่ป่วยเลยสู้ไม่ไหว เนอะ
เรฟ ห้องนอนพี่ซันค่ะ