(ต่อค่า)
ระหว่างที่รอฌอนอาบน้ำผมก็เปลี่ยนจากชุดนักศึกษาเป็นชุดลำลอง พอฌอนแต่งตัวเสร็จผมก็เปิดประตูห้องเตรียมออกไปกินข้าว
“ฌอน เร็วๆสิ”ผมหันไปเร่งคนในห้อง
“น่ารำคาญจริง ฉันรออยู่ห้อง...”
“ไม่ได้...มาเดี๋ยวนี้เลย”ผมไม่สนว่าอีกฝ่ายจะอยากไปไหมเดินกลับเข้าไปคว้าแขนฌอนแล้วลากออกมาจากห้อง ด้วยแรงของฌอนถ้าจะขืนคงทำได้สบายแต่ไม่รู้ทำไมถึงปล่อยให้ผมลากได้ง่ายๆ
ครั้งแรกที่เห็นฌอนเดินออกนอกห้องด้วยตาตัวเอง
ถ้าเมื่อวานผมไม่ได้เจ็บคงคิดว่าที่ก้นฌอนมีรากแก้วงอกออกมาแน่ๆ
คนอะไรนั่งอยู่ที่เดิมได้ทั้งวันทั้งคืน
ตลอดทางตั้งแต่ลงลิฟต์ถึงหน้าหอคนที่เดินผ่าน นั่งเล่น ยืนคุยหรือแม้แต่โทรศัพท์ต่างก็หันมามองฌอนอย่างไม่เชื่อสายตา ขนาดพี่กรที่กำลังทักทายเด็กในหอพอหันมาเห็นผมลากฌอนมาตามทางเดินก็ถึงกับเบิกตากว้าง
“เจ้าชายเสด็จ”นี่คือคำทักทายแรกของพี่กรเมื่อเห็นหน้าฌอน
“เว่อร์ไปแล้วพี่...ผมขอตัวก่อนนะ”ผมรีบตัดบทเพราะใบหน้าตึงพ่วงด้วยสายตาคมๆนั่นกำลังบอกว่าใครเข้ามาใกล้ได้โดนอะไรสักอย่างแน่ๆ
ออกจากหอเลี้ยวซ้าย
พอถึงทางแยกก็เลี้ยวซ้ายอีก
ผมเดินตามเส้นทางที่ท่องไว้ในหัว พอเลี้ยวซ้ายตรงทางแยกก็พบกับประตูมหาลัยที่ถูกเปิดอ้าไว้โดยที่ด้านนอกนั่นเต็มไปด้วยด้านค้าเรียงรายนับสิบๆร้านเช่นเดียวกับผู้คนที่เดินกันแน่นถนนสองเลนไปหมด
“อ๊ะ...โทษที”ผมปล่อยมือที่ดึงแขนอีกฝ่ายให้ตามมาพร้อมเอ่ยขอโทษ
ผมจับแขนฌอนไว้ตั้งแต่ตอนลงลิฟต์จนถึงตรงนี้ซึ่งถือว่านานมาก และน่าจะนานพอให้คนที่ไม่ชอบอะไรแบบนี้สะบัดมือผมทิ้งได้ง่ายๆแต่...
ทำไมไม่ทำ?
“อย่าหลงละกัน”ฌอนพึมพำก่อนจะเดินผ่านประตูมหาลัยออกไปยังซอยตรงหน้า
แสงแดดยามเย็นเริ่มหายไปและถูกแทนที่ด้วยความมืด ร้านค้าต่างๆเริ่มเปิดไฟกันสว่างไสวทั้งสองข้างทางของถนน ผมหันซ้ายขวามองร้านที่ผ่านด้วยความตื่นตาตื่นใจ
พึ่งรู้ว่ามีร้านค้าอยู่ใกล้หอพักขนาดนี้แถมยังมีของขายเต็มไปหมดด้วย
ซูชินั่นก็น่ากิน
น้ำปั่นนั่นก็น่าลอง
กึก!
“หว๋า...”อยู่ๆขาผมก็สะดุดเข้ากับอะไรบางอย่างจนทรงตัวไม่อยู่ทว่าช่วงที่ร่างกายกำลังจะล่วงลงพื้นกลับถูกมือของคนด้านหน้าคว้าเอาไว้
“เดินระวังหน่อย”
“กรี๊ดด...”เอ่อ ไม่ใช่เสียงผมนะ
เสียงกรี๊ดจากสาวๆดังขึ้นพร้อมกับทำใบหน้าเขินอาย
“ขอบคุณ...”เสียงขอบคุณขาดห้วงไปเนื่องจากเงยหน้าขึ้นไปเห็นฌอนส่งสายตาไม่พอใจไปให้เหล่าสาวๆที่จับกลุ่มกันด้านข้าง
ดูเหมือนจะไม่ชอบเสียงดังรึเปล่านะ
“พี่ฌอนมองมาด้วย หล่อสุดๆเลย”แต่ดูเหมือนสายตาไม่พอใจนั่นจะส่งไปไม่ถึงนะ
น่าเห็นใจจัง
“รีบไป”
“อ๊ะ อืม”คราวนี้เป็นฝ่ายผมที่ถูกดึงลากไปตามทาง เสียงซุบซิบลอยตามลมมาเป็นละลอกส่วนมากจะเป็นตกใจที่เห็นฌอน อีกส่วนคือสงสัยว่าคนที่เดินกับฌอนเป็นใคร
ผมถูกลากมาจนถึงร้านอาหารชั้นล่างของอาคารพาณิชย์ กระจกบานใหญ่ถูกคลั่นกลางด้วยประตูไม้สีเข้มระหว่างอาคารพาณิชย์ทั้งสองห้อง โทนสีน้ำตาลแก่สลับขาวด้านในของร้านนั้นดูภายนอกแล้วให้บรรยากาศเก่าๆในยุคคลาสสิก
“ว้าว...”แสงสีส้มออกยามเข้ามาในร้านส่งเสริมให้บรรยากาศน่าเข้ามากว่าเดิม
ฌอนเดินลากผมท่ามกลางเสียงกรี๊ดจากสาวๆในร้านไปยังด้านในสุดซึ่งเป็นมุมส่วนตัว พนักงานสาวเดิยส่งยิ้มมาแต่ไกลยื่นเมนูร้านให้ผมส่งๆก่อนจะหันไปเอ่ยปากบอกเมนูแนะนำของร้านของร้านให้กับฌอน
นี่สินะความแตกต่างระหว่างคนหล่อกับคนธรรมดา
ผมส่ายหัวไปมาพลางเปิดดูเมนูไปมาหลายสิบรอบเพราะแต่ละเมนูนั้นน่ากินเหลือเกิน
แบบนี้เลือกไม่ได้แน่
อันนี้ก็อยาก อันนั้นก็อยาก
แถมราคาไม่ได้สูงอย่างที่คิดไว้ด้วย
หรือผมควรจะสั่งสองจากดี
แต่มันบดที่ฌอนจะสั่งก็น่ากิน
โอ้ย...เอาไงดี
“น่ารำคาญ”
“...โทษที พอดีมันเลือกอยาก”ผมบอกเสียงเบา
“เปล่า...ไม่ได้พูดกับนาย”
“ฮืม?”ผมกระพริบตาปริบๆก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาแล้วพบว่าฌอนกำลังมองหน้าพนักงานหญิงอย่างเอาเรื่อง
ดูเหมือนตั้งแต่ที่ให้เมนูก็ยังยืนเกาะฌอนอยู่แบบนั้น
“ปล่อยแล้วไปไกลๆ”
“สเต็กหมูพริกไทดำก็ขึ้นชื่อนะคะ น้องฌอนจะรับไหมคะ”น้ำเสียงห้วนๆไร้มนุษย์สัมพันธ์ดูจะไม่ทำให้ผู้หญิงคนนี้ลามือไปได้ง่ายๆ
“บอกให้ไปไง”
“แหม อย่าไล่กันสิน้องฌอนพี่น่ะ...”
“พี่ต้าร์ มาลากพนักงานพี่ไปเดี๋ยวเลย!”เสียงทุ้มของฌอนตะโกนดังลั่นพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่วิ่งออกมาจากหลังร้าน
“โบ...บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าเสียมารยาทน่ะ”ชายผู้ดำมาดเซอร์ในชุดกุ๊กเดินมาดึงแขนที่เธอเกาะฌอนไว้ออก
“โบก็แค่แนะนำเมนู...”
“ฌอนรู้จักเมนูร้านี้ดีกว่าเธอที่พึ่งมาทำงานไม่ถึงเดือนอีก ไปรับเมนูโต๊ะอื่นซะ”พอพนักงานสาวได้ยินก็ชักสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อยก่อนจะเดินจากไป
“...ค่ะ”
ดูจากการสนทนาผู้ชายคนนี้คงเป็นเจ้าของร้านแน่
“โทษที พอดียุ่งกับงานในครัวเลยไม่เห็นว่านายมาร้าน”พี่ต้าร์ที่คาดว่าเป็นเจ้าของร้านหันไปขอโทษฌอน
“ไม่เป็นไร”
“ว่าแต่หายากนะเนี่ยที่จะเดินออกมาจากห้องได้ ครั้งล่าสุดที่มานี่กี่เดือนแล้วนะ”
“ไม่รู้สิ”ผมสัมผัสได้ว่าพี่ตาร์กำลังหาเรื่องคุยแต่ฌอนกลับปิดฉากประโยคสนทนาซะงั้น
“เอาแต่วาดภาพเดี๋ยวก็หาแฟนไม่ได้หรอก”
“ไม่ได้อยากมีสักหน่อย”
“นายนี่น้า...โอ๊ะ ครั้งนี้มาแปลกพาคนอื่นมาด้วย สวัสดีครับพี่ชื่อตาร์เป็นเจ้าของร้านนี้”พี่ตาร์เมื่อเห็นผมนั่งส่งยิ้มแห้งๆไปให้ก็เอ่ยทักทาย
“ผมน้ำครับ...ยินดีที่รู้จัก”
“เราเป็นเพื่อนฌอน?”
“อ่า...เป็นรูมเมทด้วยครับ”จะว่าเป็นเพื่อนก็อาจจะใช่ละมั้ง
“รูมเมท ไอ้ห้องที่มีแต่กระดาษนั่นน่ะนะ”พี่ตาร์พูดด้วยน้ำเสียงตกใจไม่น้อย
“พี่เคยไปเหรอครับ”ผมถามกลับ
“จะไม่เคยได้ยังไง คนที่ไปส่งอาหารให้หมอนี่ประจำก็พี่นี่แหละ”
“...แบบนี้นี่เอง”ก็สงสัยอยู่ว่าฌอนจะเอาอะไรกิน
“หมอนี่น่ะนอกจากจะชอบเก็บตัวแล้วยังเป็นพวกเรื่องมาก ถ้าอาหารไม่อร่อยก็จะบ่น”
“เข้าใจเลยครับ”การที่อาหารที่อุตส่าซื้อมาถูกบอกว่าไม่อร่อยนี่เจ็บจริงๆ
“พี่กับแม่หมอนี่รู้จักกนนิดหน่อยเลยช่วยดูแลช่วงอยู่มหาลัย นึกว่าจะไม่มีเพื่อนซะแล้วดีจังที่เห็นว่าพาเพื่อนมา”ประโยคสุดท้ายพี่ต้าร์หันไปมองหน้าฌอน
“ไม่ได้พามา ถูกลากมาต่างหาก”
“ลากมาที่ไหน นายเดินตรงมาร้านนี้เองชัดๆ”ผมพูดสวน
“แล้วใครที่ลากฉันออกจากห้องล่ะ”
“ก็นายไม่ขืนนี่นา”
“น่ารำคาญ”
“ก็พอกันแหละ”
“เอ่อ...อย่าทะเลาะกันเลย กลับมาดีกันเหมือนเดิมเถอะ”ประโยคของเจ้าของร้านทำเอาทั้งผมและฌอนต่างเลิกคิ้วขึ้น
อยากจะบอกเหลือเกินว่านี่คือเหมือนเดิมของพวกเราแล้ว
เคยดีกันซะที่ไหนเล่า
“จะสั่งอะไรดี พี่จะรับเมนูเอง”พี่ตาร์พูดต่อ
“สเต็กเนื้อสันซอสแดงกับมันบดอบชีส”ฌอนเลิกเถียงกับผมแล้วหันไปสั่งอาหารแทน
“แล้วเราล่ะเอาอะไร”พี่ตาร์หันมาถามผมต่อ
“เอ่อ...เอาสเต็กเนื้อพริกไทดำกับสลัดกุ้งกรอบครับ”ผมลังลักพักก่อนจะสั่งไป
“น้ำล่ะ...เอาเป็นน้ำเปล่าละกันเนอะ”พูดจบพี่ตาร์ก็หมุนตัวเดินไปยังหน้าร้านโดยไม่ฟังความเห็นว่าพวกเราตกลงเอาน้ำเปล่ารึเปล่า
เอาเถอะ
ระหว่างรออาหารมาเสิร์ฟบรรยากาศก็ค่อนข้างเงียบ ทั้งผมและฌอนต่างไม่ได้เถียงหรือพูดคุยอะไรกันอีก ฌอนนั่งเท้าคางหันหน้ามองผนังด้านข้างราวกับไม่อยากให้ใครมายุ่ง
ผมเองด้วยความที่ไม่รู้จะทำอะไรเลยหันไปมองรอบๆร้านเล่น ภายในร้านนอกจากจะประดับด้วยโคมไฟและต้นไม่ใบเขียวแล้วยังมีรูปภาพโทนขาวดำประดับอยู่ตามผนังร้านเต็มไปหมด ผมมองภาพโทนขาวดำที่ใกล้ที่สุดพร้อมคิ้วขมวดเข้าหากันแน่นขึ้นเรื่อยๆ
ความรู้สึกยามมองภาพนี่มัน...
“ภาพที่อยู่ในร้าน...นายเป็นคนวาดสินะ”ผมพูดขึ้นลอยๆอย่างไม่ต้องการคำตอบแต่มองไปยังหน้าของฌอนเพื่อจับสังเกต
“ทำไมคิดแบบนั้น”ฌอนละสายตาออกจากผนังสีน้ำตาลแก่มาจ้องผมแทน
“ความรู้สึกเหมือนกับภาพในห้องนายเลย”
“คิดไปเอง”
“คิดไปเองที่ไหน ฉันว่าใช่แน่นอน ล้าน...ไม่สิพันล้านเปอร์เซ็นต์”ผมยืนยันด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
“เปล่า”คำนี้ถ้าเป็นปกติผมคงคิดว่าอีกฝ่ายกำลังจะกวนผมแต่ตอนนี้ไม่ใช่ น้ำเสียงที่ใช้เรียกมันต่างจากปกติ
“อะไร”
“ทำไมต้องเอาตัวเองมาปกป้องภาพฉันด้วย”สายตาจริงจังยามสบประสานทำเอาผมไม่อาจละสายตาออกมาได้
“ไม่รู้...”
“...”ดวงตาสีเทาอ่อนหรี่ลงอย่างไม่พอใจกับคำตอบที่ได้
“ก็ไม่รู้จริงๆนี่ พอรู้ตัวก็เอาตัวไปรับชามนั่นแล้ว ภาพของฌอนสุดยอดมากๆขนาดคนที่ไม่รู้เรื่องอย่างฉันยังสามารถรับรู้ได้เพราะแบบนั้นเลยไม่อยากให้มันเละ...ละมั้ง”ผมเองก็ไม่เข้าใจความรู้สึกตัวเองนัก
มันก็แค่ไม่อยากให้ผลงานสวยๆต้องมีรอยเท่านั้นเอง
“...เหรอ”ฌอนตอบรับด้วยใบหน้าอ่านไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่
“ขอบคุณที่ไปซื้อยาให้”ในที่สุดก็ได้พูดออกไปสักที
เมื่อคืนฌอนคงไม่ยินคำขอบคุณนี้
อยากจะบอกออกไปให้ชัดๆ
ทันทีที่ผมพูดจบดวงตาสีเทาเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยก่อนจะกลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นรอยยิ้มมุมปากของฌอนก็ปรากฏขึ้นพร้อมกับคำพูดเบาๆที่ผมได้ยินอย่างชัดเจน...
“ขอบคุณเหมือนกัน”
........................................................................................
สวัสดีค่า
มาอัพตอนที่2แล้ว
แต่งตอนนี้แล้วให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก55
หวังว่าทุกคนคงจะชอบนะคะ
มีข่าวแจ้งเล็กน้อยตอนนี้นิยายที่เราแต่งกำลังเปิดพรีออเดอร์อยู่
ถ้าสนใจสามารถเข้าไปจองทางเว็บในเพจของสนพ.ได้เลยคะ^^ >>
EVA Publishing
ไว้เจอกันใใหม่อาทิตย์หน้านะคะ
ขอบคุณทุกๆคอมเม้นท์และทุกๆกำลังใจค่า
nicedog
♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪