สามหกสิบแปด 24
สนามบินนั้นเคยเป็นสิ่งที่ทำให้ผมหงุดหงิด
แต่วันนี้สนามบินกลับเป็นสถานที่ที่ทำให้ผมรู้สึกอารมณ์ดี
ก็คงจะเป็นเพราะ ‘คน’ ข้างๆ ในสนามบินมากกว่า
“ลุงงงงงง เนหาพาสปอร์ตไม่เจอ” เนจับกระเป๋ากางเกงตัวเองก่อนจะเบะปากออกมา
“อยู่กับพี่ เราลืมไว้บนโต๊ะที่ร้านอาหาร”
“อ๋าาาาาาาาา จริงด้วยยยยย เนเกือบวิ่งกลับไปหาที่ห้องน้ำแล้ว รอบที่แล้วไปญี่ปุ่นเนลืมพาสปอร์ตไว้ในห้องน้ำ” ถึงตรงนี้ผมก็ชะงักตัวเล็กน้อย พานนึกภาพกลับไปเมื่อประมาณปีที่แล้ว
‘พี่แนน! พี่แบงค์! เนหาพาสปอร์ตไม่เจอออออออ’
‘เนว่าเนลืมไว้ในห้องน้ำชาย!!!’
อ้อ...
เด็กเด๋อคนที่ซอรี่ผมตอนนั้นคือเนเองสินะ
ผมอมยิ้มให้กับภาพจำที่แว่บขึ้นมาในหัว และแน่นอนว่าก้อนดื้อตรงหน้าผมไม่ได้แม้แต่จะสนใจ เจ้าตัวเอาแต่ค้นหาข้อมูลเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวมาตั้งแต่เมื่อวาน
ทริปนี้ตอนแรกนั้นเป็นความตั้งใจว่าจะเป็นทริปฉลองเข้ามหาลัยของเน แต่ด้วยความวุ่นวายของการเข้าหอและสถานการณ์ทางการเมืองทำให้บริษัทผมเจอปัญหาค่อนข้างหนักทำให้ตอนปีหนึ่งผมไม่มีเวลาที่เหมาะสมพอจะพาเนไปเที่ยวทำให้มันถูกเลื่อนมาจนตอนนี้ที่เนกำลังจะจบปีสอง แต่ถึงอย่างนั้นก้อนดื้อก็ไม่ได้งอแงอะไรมากครับ เพราะตอนปีหนึ่งผมทดแทนด้วยพานั่งเครื่องไปภูเก็ตสองวันเนเองก็แฮปปี้ดี
แต่แน่นอนว่าญี่ปุ่นก็คงแฮปปี้กว่า
“นี่นะลุง เนอยากกินอูนิมาก”
“เอาสิ”
“ลุง เนอยากไปตลาดปลา เนเรียนคำพูดสำหรับต่อราคามาแล้ว นี่เนลงทุนถามเพื่อนเอกยุ่นมาเลยนะ” ดูความคึกของเด็ก เนตอนนี้อยู่ในชุดฮู้ดสีขาวกับกางเกงสีดำใส่แว่นทรงกลมเลนส์บาง เนเริ่มจะสายตาเอียงเมื่อตอนเริ่มเข้าปีสองทำให้น้องเริ่มใส่แว่นสลับคอนแทคเลนส์ ซึ่งเนเป็นคนเลือกกรอบแว่นเองมันถึงออกมาเป็นทรงเหมือนแว่นแฮร์รี่พอตเตอร์แบบนั้น
“มันไกลจากที่พักไหม”
“ไม่นะ เนจองแอร์บีเอ็นบีที่มันติดใต้ดิน เนอ่านมานั่งไปแค่ไม่กี่สถานีเอง”
“โหลดแอพสถานีรถไฟมาหรือยัง ที่พามแนะนำมาน่ะ”
“โหลดแล้ววววว เอ้อลุง พ็อกเกตไวไฟเนเป็นคนพกนะ”
“นั่งดีๆ ” ผมดุเมื่อเนยกขาขึ้นมานั่งขัดสมาธิบนเบาะ เจ้าตัวยู่หน้ายู่ตาแต่ก็รีบเอาขาลง ตอนนี้เรากำลังรอขึ้นเครื่องอยู่ในเกตที่สนามบินสุวรรณภูมิครับ แน่นอนว่าทริปนี้ผมจ่ายไม่อั้นเลือกบินชั้นธุรกิจ ถึงจะโดนเพื่อนแซวแต่ก็ไม่ได้สนใจ
อะไรที่ทำให้เด็กดื้อยิ้มได้ผมก็ถือว่ามันเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า
“ลุง พอไปถึงเราต้องเอาของไปเก็บห้องก่อนนะ วันนี้ที่แรกที่เราจะไปคือวัดที่ลุงอยากไป”
“วัดอาซากุสะ”
“ถวกต้มนะครับลูกเพี๊ยะะะ ว่าแต่ทำไมลุงต้องอยากไปมากขนาดนั้นด้วยอ่ะ”
“เดี๋ยวก็รู้”
“อย่าพูดเหมือนจะเซอไพรส์อะไรได้มะลุง นั่นวัดนะ”
“หึ”
“ถ้าซื้อวัดให้บอกเลยว่าไม่เอา”
“พี่จะซื้อวัดทำไม”
“ก็พี่เก่งบอกว่าคราวที่แล้วไป พี่เก่งอยากได้วัดญี่ปุ่นมาเปิดแฟนไชส์ที่ไทย ไม่แน่ป่ะ”
“อย่าไปคุยกับมันมาก มันเพ้อเจ้อ”
“ลุงว่าเพื่อนอ่ะ”
...ผมว่ามันได้มากกว่านี้อีก
แต่เห็นแก่ที่มันจะเป็นคนรับช่วงดูแลบริษัทให้ในช่วงที่ผมไปญี่ปุ่นกับเน เลยจะไม่ด่ามันเพิ่มก็ได้
เรานั่งรอกันจนใกล้จะห้าทุ่มก็ถึงเวลาบอร์ดดิ้ง ขาไปผมและเนไม่ได้มีกระเป๋าอะไรมากนักเพราะโหลดลงใต้เครื่องไปหมด ส่วนบนตัวเนก็เห็นจะมีแค่กระเป๋ากล้องซึ่งเป็นของขวัญที่ผมซื้อให้ตอนวันเกิดน้องปีที่แล้ว เนชอบถ่ายรูปผมเลยซื้อกล้อง leica ให้ตัวหนึ่ง แน่นอนครับว่าโดนล้อว่าป๋าไปยาวๆ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรอีกนั่นแหละ ที่ผมลงทุนเพราะเนดูเหมือนจะสนุกกับการถ่ายรูป น้องเปิดเพจกับไอจีไว้ลงรูปที่ตัวเองถ่าย คนมาฟอลตั้งหลายหมื่น ก็ถือว่าเป็นของขวัญที่ซื้อให้แล้วน้องได้ใช้งานจริง ล่าสุดเหมือนตอนนี้เนจะเริ่มเล่นกล้องฟิล์มผมก็เตรียมเล็งๆ จะซื้อให้อยู่อีกเหมือนกัน
ที่นั่งของเราเป็นแบบชั้นธุรกิจที่ที่นั่งติดกันแต่สามารถยกที่กั้นตรงกลางขึ้นลงได้ แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ไม่ได้คุยอะไรกันมาก เนตื่อนเต้นอยู่กับการเลือกหนังดู ส่วนผมก็พักสายตาไปยาวๆ ตลอดการเดินทาง
และแล้วในที่สุดเราก็เดินทางมาถึงญี่ปุ่น
“บรื๋ออออออออออ ไหนลุงว่าไม่หนาวววววววว”
“กำลังดีนะ สิบแปดองศา”
“กำลังดี ดีที่ว่านี่มาจากเดธเปล่า หนาวอ่ะ”
“หึ” ผมหัวเราะในลำคอ ไม่ใช่เพราะเนกำลังทำตัวเด็กแต่เป็นเพราะเนเล่นมุกภาษาอังกฤษ ย้อนกลับไปเจอกันแรกๆ แอนตี้ภาษาอังกฤษน่าดู
“บรื๋อๆ อยู่ในตึกยังหนาวเลย รีบไปที่พักกันลุง”
“เอากระเป๋าก่อน”
“หนาวววววววว” เนกระโดดหยองแหยงไปมาก่อนจะมายืนเบียดผม พอกระเป๋าออกมาจากสายพานผมก็หยิบของผมแล้วก็ของเนออกมา เป้าหมายแรกของเราคือเข้าที่พักเอากระเป๋าไปเก็บ ตอนนี้เพิ่งจะประมาณเจ็ดโมงกว่าเอง ดีที่ที่พักผมอนุญาตให้เชคอินก่อนเวลาได้ ผมตั้งใจจะขึ้นแท็กซี่แต่เนงอแงจะขึ้นรถไฟฟ้า
ครับ...
คนตามใจเด็กอย่างผมก็ต้องลากกระเป๋าขึ้นรถไฟฟ้าไปอย่างไร้ข้อโต้เถียง
ผมไม่ได้ตามใจแค่เรื่องขึ้นรถไฟฟ้าหรอกครับ จริงๆ ที่พักก็ด้วย เพราะตอนแรกผมตั้งใจจะบุ๊คโรงแรมหรูแต่เนไม่เอา เนบอกอยากบุ๊คแอร์บีเอ็นบี ตอนแรกผมก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอกครับว่าอะไรคือแอร์บีเอ็นบี เคยได้ยินผ่านๆ ตอนประชุมแต่ไอ้ลงรายละเอียดเนี่ยไม่เคย เนเลยมานั่งเปิดแอปอธิบายสุดท้ายน้องก็เลือกเองจองเองเสร็จสรรพผมมีหน้าที่แค่ใส่รายละเอียดบัตรเครดิต
ที่พักที่เนเลือกเป็นห้องในตึกแถว ตัวตึกเป็นตึกธรรมดาไม่คิดว่าเปิดประตูมาจะได้ห้องที่ดูตั้งใจตกแต่งขนาดนี้ ตัวห้องมีการแบ่งสัดส่วนอย่างชัดเจนว่าเป็นครัว ห้องนั่งเล่น ห้องน้ำกับห้องอาบน้ำแยกกันแล้วก็มีห้องนอนใหญ่หนึ่งห้องที่มาพร้อมกับระเบียงขนาดเล็ก เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ในห้องจะเป็นไม้และเน้นสีหลักของห้องเป็นสีขาวดูสะอาดตา สะอาดตาอยู่ได้แค่ห้านาทีแรกเท่านั้นแหละครับ พอเนเริ่มเปิดกระเป๋าน้องก็รื้อเสื้อผ้าออกมากองเต็มพื้นที่ก็สะอาดน้อยลงทันที
“ลุง เนหิววววว”
“กินแถวนี้ไหม”
“ก็ได้ ไปเดินชิวๆ แล้วหาร้านที่น่ากินกัน”
“ใส่เสื้อไปอีกชั้นไหม”
“ไม่เอา เดี๋ยวเนดูอ้วน”
“เดี๋ยวก็บ่นหนาวอีก”
“ก็บ่นไปงั้น มีลุงให้ซุกนี่”
เฮ้อ...
จะกี่ปีผ่านไป ไอ้เรื่องชอบพูดจาให้ใจคนแก่ (กว่า) เหลวก็ยังไม่เปลี่ยน แถมดูจะหนักขึ้นทุกวัน
“เอาผ้าพันคอไปไหม”
“ไม่เอา บดบังหน้าเนหมด มาญี่ปุ่นทั้งทีจะให้ผ้าพันคอมากันซีนได้ไง” ผมถอนหายใจก่อนจะเป็นฝ่ายหยิบผ้าพันคออันเล็กมาใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อโค้ท เผื่อไว้ครับ เพราะเดี๋ยวเด็กดื้อได้งอแงแน่นอน
“ไปล้างหน้าล้างตาไป”
“ลุงนอนรอก็ได้นะ เนว่าจะแต่งหน้านิดหนึ่ง ห้านาที”
“พี่ชงกาแฟรอ”
“ชงโอวัลตินให้เนด้วย” พูดจบก็หยิบกระเป๋าเครื่องสำอางเข้าห้องน้ำไป
เนแต่งหน้า ใช่ครับ เหมือนจะเริ่มแต่งตั้งแต่ปีหนึ่งช่วงเทอมสอง แม้จะใช้คำว่าแต่งหน้าแต่น้องก็ไม่ได้แต่งแบบจัดเต็มขนาดเลเวลผู้หญิงแต่งกันหรอกนะครับ มีแค่พวกกันแดด ทาแก้มกับทาปากสีชมพูอ่อนๆ ซึ่งถึงจะเป็นเมคอัพบางๆ แต่ความจริงแล้วผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ สำหรับเนหน้าเปลือยโชว์ผิวเด็กๆ นั่นดีที่สุดแล้ว
แต่ก็นะ... ห้ามไม่ได้หรอกครับ เป็นความสุขความมั่นใจของเขา ผมก็ได้แต่ขัดใจอยู่เงียบๆ
ใช้เวลาครู่หนึ่งเนก็เดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับเดินตรงมาหยุดหน้าผม ใบหน้าดื้อตอนนี้ถูกตกแต่งเพิ่มสีเข้าไป ทั้งแก้มแล้วก็ปากเล็กมันวาวนั่น
“เนน่ารักยัง”
“พี่ชอบแบบไม่แต่งมากกว่า”
“ลุงตอบไม่ตรงคำถาม”
“...”
“เนน่ารักยัง”
“น่ารัก” ผมมือขึ้นนวดคางเล็กของคนตรงหน้า “แต่งก็น่ารัก ไม่แต่งก็น่ารัก”
“หูยยยยยยยยยย โรแมนติกนะเนี่ย”
“...”
“ลุงก็เหมือนกัน”
“เหมือนกันอะไร”
“แก่ก็รัก ไม่แก่... ไม่ทันแล้ว”
“เน” จากนวดคางผมเปลี่ยนแรงเป็นบีบเบาๆ แทนทันที ขอให้ได้กวนตีนจริงๆ ไอ้เด็กดื้อ
“อื้อออ ล้อเล่นนนนนน ไม่แก่ไม่ทันแล้วแต่เนก็ร้ากกกก”
“ไอ้ดื้อ”
“ไทป์ผัวชรากำลังมา ลุงไม่ต้องกลัว”
“เน ย้ำอายุอีกรอบไม่ต้องเที่ยวแล้วนะ อยู่แต่บนเตียงเนี่ยแหละ เดี๋ยวพี่ย้ำอายุพี่ให้ดูเอง” ผมคว้าเนเข้ามากอดพร้อมกับวางมือไว้บนสะโพกนิ่มที่ผมสัมผัสมาหลายครั้ง พอผมพูดจบเนก็หน้าตื่นทันทีทันใด
“ลุงงง ไม่เล่นๆ ไม่พูดแล้วๆ ไม่เอานะ เนอยากเที่ยว” ผมไม่สนใจไอ้คำทักท้วงนั่นแล้วก้มลงจูบปากนิ่ม แค่สัมผัสเบาๆ แต่อาจจะเพราะเมื่อกี้ขู่ไปเนเลยขัดขืนพยายามดิ้นตัวออก
“เน...”
“ลุงไม่เอาาาาาาา”
“จูบเฉยๆ ”
“ไม่เอา เดี๋ยวเนเคลิ้ม”
“เราก็อย่าเคลิ้มสิ”
“จูบทีไรเนเคลิ้มตลอด ไม่เอานะ ไว้หลังเที่ยวนะลุง”