ตอนที่ 44ไอ้เหมอมาทัศนศึกษาเยี่ยมชมไร่อ้อยใน LA ได้สามวันแล้ว เจ้าของไร่ก็ยังขยันตัดอ้อยขาย คั้นน้ำอ้อยให้กิน ป้อนอ้อยทั้งลำเข้าปากให้ไม่เว้นวัน จนไอ้เหมอแทบสำลักความหวานตาย
“นอนเป็นหมีอีกละ” ไอ้เหมอบ่น แต่กลับยิ้มกว้างเต็มหน้า นิ้วจิ้มไปบนแก้มของชนะจอมขี้เซาที่มักนอนเป็นอาหารตาให้ไอ้เหมอที่ตื่นก่อนได้ใช้สายตาโลมเลีย ไม่ว่าจะจูบจะจับตรงไหนก็ไม่มีจะรู้สึกตัว หลับลึกมากจนน่ากลัวว่าถ้ามีใครลักหลับก็คงจะไม่รู้เรื่องรู้ราว
“สงสัยเป็นครึ่งงูครึ่งโคอาล่า ขี้เซาแต่แขนเนี่ยรัดแน่นเชียว” ปากก็พร่ำพูด แต่ใบหน้ากลับซุกเข้าหาอกหอมกรุ่นของชนะ
ไอ้เหมอสุขใจจนอยากให้วันเวลาเหล่านี้ดำเนินต่อไปทุกวัน ยาวนานไปนับพันปี ชอบที่ทุกคืนตัวมันจะถูกวงแขนแข็งแรงโอบรัด ถูกความอบอุ่นโอบล้อม ถูกความหอมจากกายหนุ่มทำให้ลุ่มหลง ชอบที่ทุกเช้าก็จะมีใบหน้าหล่อๆ ซุกซบอยู่บนหมอนใบเดียวกัน ชนะมักจะมาเบียดเบียนแย่งที่ แต่เป็นการเบียดเบียนที่ไอ้เหมอไม่เดือดเนื้อร้อนใจ มันกลับชอบที่ถูกเบียดแบบนี้
“ปูไต่ๆ” สองนิ้วไต่ไปตามแขนแข็งแรง ส่วนปากก็กระซิบเบาๆ จนคนขี้เซายกยิ้ม “ไม่รีบตื่นจะไต่ไปที่อื่นแล้วน้า”
ชนะหัวเราะ ถูกใจกับวิธีปลุกของไอ้เหมอที่ไม่ซ้ำกันเลยสักวัน วันแรกมันร้องเพลงประจำโรงเรียนของมันซะดังลั่นห้อง ภูมิอกภูมิใจเสียเหลือเกินที่ได้เรียนโรงเรียนนายร้อยจนต้องมาร้องเพลงปลุกใจถึง LA วันที่สองมันทำกายบริหาร เท้าแขนกับที่นอนแล้วดันตัวขึ้นลง แต่ปากนี่ก็จูบไปทั่วใบหน้าหล่อของคนรัก ยั่วยุอารมณ์จนโดนรอบเช้าไปหลายยก มาวันนี้มันเล่นปูไต่ ปล่อยให้มันไต่จนถึงขอบเอวกางเกงผ้าที่ใส่นอนแล้วก็จับไว้ ก่อนมือซนๆ ของมันจะทันหายเข้าไปทักทายมังกรของเขาให้ตื่น
“เดี๋ยวเถอะ ไต่ไม่รู้เรื่อง ปูจะโดนจับกิน”
ไอ้เหมอยิ้มหน้าระรื่น ไม่เกรงกลัวคำขู่เลยสักนิด “ระวังโดนปูหนีบ”
“กล้าหนีบผมเหรอ”
“ไม่กล้า เดี๋ยวนะเจ็บ” ด้วยคำตอบที่แสนชื่นใจ ไอ้เหมอจึงได้รับจูบยามเช้าเป็นรางวัล “อือ...อืม...นะ พอแล้ว นัดคุณหมออัลเบิร์ตไว้เก้าโมงไม่ใช่เหรอ”
วันนี้ชนะมีนัดกับคุณหมออัลเบิร์ตที่ไอ้เหมอเพิ่งเจอไปเมื่อวาน คุณหมอเป็นผู้ชายที่มองปราดเดียวก็รู้เลยว่าทำอาชีพหมอเพราะมีรอยยิ้มใจดีตามแบบฉบับหมอที่ไอ้เหมอเคยวาดไว้ ไม่ใช่หมอนักเลงที่จับมันฉีดยาในตอนเด็ก คุณหมอเรียกไอ้เหมอว่าซัมเมอร์ มันก็ได้แต่ยิ้ม จับมือเป็นการทักทาย และหลังจากนั้นไอ้เหมอก็ฟังไม่รู้เรื่องอีกเลยว่าคุณหมอพูดอะไรกับมัน เวลาคุณหมอกับชนะคุยกันไอ้เหมอก็ได้แต่นั่งทำหน้าประหนึ่งว่าตัวมันฟังเข้าใจ ทั้งๆ ที่ชนะแอบเห็นว่ามันทำหน้าเอ๋อแค่ไหน นินทามันให้อัลเบิร์ตฟังมันก็ไม่ยักกะรู้ ยิ้มซื่อทั้งยังบอกแทงกิ้วๆ จนชนะกับอัลเบิร์ตหัวเราะกันงอหงาย
“ไม่เป็นไรหรอก อัลรอได้” ชนะดื้อดึงปล้ำจูบไอ้เหมอต่อ แต่ไอ้เกรียนมันไม่ยอม ขัดขืนจนคนรูปหล่อทำหน้าบึ้งใส่
“ให้คนอื่นรอไม่ดีอ่ะ นะไปอาบน้ำ แต่งตัวหล่อๆ รอคุณหมอดีกว่า” ไอ้เหมอบอกเสียงอ่อน เห็นคนรูปหล่อไม่ยิ้มก็ยิ่งใจไม่ดี “นะอ่า เหมออาบน้ำให้ดีไหม อย่าโกรธเหมอเลยเน้อ ตื่นสายขนาดนี้ก็เกรงใจพวกขุ่นพ่อจะแย่”
“ข้ออ้างเหมอมีเยอะจริงๆ ยอมเลย”
“ไม่ใช่ข้ออ้างซะหน่อย ปะๆ เหมออาบน้ำให้เนอะ”
ไอ้เหมอพะเน้าพะนอเอาใจ ทั้งเตรียมเสื้อผ้าให้ใส่ เตรียมน้ำให้อาบ ชนะพึงใจ เห็นไอ้เกรียนมันตั้งอกตั้งใจขัดเนื้อขัดตัวให้ก็แอบยิ้ม แต่พอมันมองมาตาละห้อยเหมือนลูกหมาโดนงดข้าวเย็นก็ตีหน้าขรึมใส่ตามเดิม
“นะอ่า”
“อะไร”
“ยิ้มหน่อยดิ”
“ไม่อยากยิ้ม”
ไอ้เหมอแอบถอนหายใจก่อนจะทำปากจู๋ หน้าตามันตลกเสียใจชนะกลั้นหัวเราะไม่ไหว
“ฮ่าๆๆ ทำหน้าแบบนั้นทำไม ฮ่าๆๆ เหมอตลกอ่ะ”
ใบหูของไอ้เหมอแดงก่ำ มันเลิกทำปากจู๋แล้วมองชนะตาคว่ำ “ให้จูบไง แต่ถ้ามันตลกนัก ก็ไม่ต้อง”
“อ้าว คดีพลิก” เป็นฝ่ายโกรธอยู่ดีๆ โดนพลิกมาโกรธแบบนี้ก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน “เหมอ”
ไอ้เหมอไม่ตอบ ตั้งอกตั้งใจขัดเนื้อขัดตัวให้คนรูปหล่อของมันไปเงียบๆ แต่พอโดนแขนแข็งแรงที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำยกขึ้นโอบรัดรอบคอ ไอ้เกรียนถึงกับหลุดมาด แยกเขี้ยวงุดใส่อีกฝ่าย
“ปล่อยดิ เปียกหมดแล้ว เฮ้ยยยย!”
ไอ้เหมอร้องเสียงหลง มันถูกดึงลงไปในอ่าง น้ำกระเพื่อมจนล้นเพราะขนาดตัวของมันกับคนรูปหล่อที่ทั้งน้ำหนักและความกำยำไม่ได้แตกต่างกันเท่าไรนัก
“เล่นบ้าๆ” ไอ้เหมอมองตาขวาง “เกิดหัวไปกระแทกขอบอ่างจะทำไง”
อยากไปเห็นโรงพยาบาลใน LA อยู่หรอก แต่ก็ไม่อยากไปในสภาพเลือดอาบหัว
“เกรียนแตกแค่นั้น”
“ไอ้นะ”
ชนะเลิกคิ้วมองคนที่เกือบเกรียนแตก “เรียกใครไอ้”
“แล้วเล่นอะไรแบบนี้ล่ะ เพื่อนเล่นหรือไง”
คนรูปหล่อเงียบ ส่วนคนหัวเกรียนก็ทำหน้าบึ้ง เผลอมองสบตาก็เป็นฝ่ายเกรียนที่หันหน้าเมินหนี
“ไม่มีใครเคยบอกเหรอว่าโกรธกันมากๆ ลูกดก”
ไอ้เหมอหันกลับมามองค้อนเพราะมันรู้ความหมายที่ชนะพูดเป็นอย่างดี ทั้งเอวของมันก็ถูกท่อนขาของคนรูปหล่อโอบไว้แล้วดึงรั้งให้ขยับเข้าหา
“มองหน้าทำไม อยากโดนเหรอ”
“ไอ้หื่น ปล่อยเลย”
“ขัดขืนให้มันจริงจังหน่อยดิ” ชนะกระซิบข้างหูพร้อมกับขบกัดใบหูแดงก่ำของไอ้เหมอเบาๆ “ผมชอบ...เวลาที่เหมอไม่เต็มใจ”
ไอ้เหมอเม้มริมฝีปาก ยิ่งมันปัดป้องไม่ให้อาภรณ์ใดๆ หลุดจากร่างกาย อีกฝ่ายก็ยิ่งชอบใจ ฉีกกระชากออกด้วยแรงราวกับกำลังเล่นสนุก
“นะนิสัยไม่ดี” ไอ้เหมอมองเสื้อที่ขาดติดมือคนรักและตอนนี้กำลังเป็นสิ่งพันธนาการข้อมือที่ถูกจับไพล่ไปข้างหลังของมันไว้ ชนะเพียงแค่อมยิ้ม แล้วยกไอ้เหมอขึ้นนั่งคร่อมตัก
ชนะมักจะมีวิธีกำราบพยศของไอ้เหมออยู่ร่ำไป และแต่ละวิธีก็ไม่เคยซ้ำ สามคืนใน LA ไอ้เหมอราวกับได้เล่นรถไฟเหาะ เพราะไม่รู้ว่าจะถูกพาตีลังกาตอนไหน
“ไม่ดีแล้วเหมอรักไหม”
ไอ้เหมอไม่ตอบ มันเม้มริมฝีปากแน่นเพราะยอดอกถูกจู่โจมด้วยลิ้นร้อน ร่างกายเกร็งแน่นเพราะสัมผัสที่แสนวาบหวามจากชนะ น้ำในอ่างกระเพื่อมเล็กน้อยด้วยแรงขยับเบาๆ
“นะ พอแล้ว” เสียงไอ้เหมอระโหยโรยแรง มันถูกปรนเปรอจนสิ้นท่า ตอนนี้ไม่อยากขัดขืน แต่ต้องการเพราะความกระสันอยาก สะโพกของมันส่ายร่อนถูไถไปกับความแข็งขืนของคนรัก “นะ...”
“เหมอยังไม่ตอบคำถามผมเลย” ชนะสบตาฉ่ำเยิ้มของไอ้เหมอที่ทอดมองลงมาอย่างเชิญชวน มันบิดกายจนน้ำในอ่างกระฉอกล้นสู่พื้นกระเบื้อง “รักไหม”
“ไปที่เตียง...แล้วเหมอจะบอก”
“ผมอยากฟังตอนนี้”
“นะเอาแต่ใจอ่ะ”
“ผมรู้ว่าเหมอจะตามใจผม”
จุดอ่อนของไอ้เหมอคือการตามใจชนะจนอีกฝ่ายเคยตัว มันไม่เคยโกรธชนะอย่างจริงจัง ไม่เคยขัดขืนได้นาน สุดท้ายก็ยอมโอนอ่อนตามใจคนรูปหล่อของมัน
“ก็ได้...เหมอบอกก็ได้ แต่ไปทำที่เตียงนะ”
“ผมอยากทำที่นี่”
“ไม่เอา น้ำเข้า...มันรู้สึกแปลกๆ”
“แปลกที่ว่าคือเสียวรึเปล่า”
ไอ้เหมอหูแดงก่ำ ใบหน้าร้อนวาบเพราะคำพูดหยาบโลนของชนะ “ไม่รู้”
“ลองไหม”
“ไม่ต้องถามความเห็นเหมอก็ได้ ไหนๆ นะก็ไม่เคยฟังเลย”
ชนะหอมแก้มคนขี้น้อยใจ ก่อนจะส่งเจ้ามังกรเข้าสำรวจโพรงภายในของคนรักที่ไม่ได้ปิดสนิทแนบแน่นเฉกเช่นปกติ คงเพราะถูกสำรวจซ้ำแล้วซ้ำเล่ามาตลอดคืนที่ผ่านมา
ไอ้เหมอหลับตาแน่น ครางอื้ออึงในลำคอเมื่อสิ่งแข็งขืนใหญ่โตเคลื่อนผ่านเข้ามาในร่างกาย “อูยยยย นะ มัน...แปลกๆ”
“เหมอรัดโคตรแน่นอ่ะ”
“ก็...” ไอ้เหมอนึกคำแย้งไม่ออก มันขยับสะโพกเล็กน้อยเพราะกำลังรู้สึกดีอย่างที่สุด “เหมอขยับเองนะ”
“ตามใจครับ”
เพื่อเป็นรางวัลที่ไอ้เหมอมันทำตัวน่ารัก ชนะจึงปรนเปรอให้มันได้สุขสมจนปลดปล่อยนำหน้าเขาไปหลายครั้ง ไอ้เหมอเอนตัวไปมา ใกล้สิ้นแรงอยู่หลายครั้ง มือที่ถูกจับมัดไพล่หลังยิ่งทำให้มันขัดขืนต่อสัมผัสของชนะไม่ได้ ถูกทำให้แทบขาดใจแค่ไหนก็ไม่อาจหลีกหนี ที่เป็นอิสระก็คงมีแค่สะโพกของมันที่ขยับควบครอบครองเจ้ามังกรของคนรักให้สิ้นฤทธิ์ก็เท่านั้น
******************************
“เซอร์พร้ายยยยยยยย!!”
เสียงร้องดังลั่นห้องทำเอาไอ้เหมอที่นอนอ่อนแรงอยู่บนเตียงถึงกับสะดุ้งเฮือก มันกำลังนอนมองชนะแต่งตัวอยู่ดีๆ ขุ่นแม่เพี้ยนของมันก็บุกเข้ามาในห้องสร้างความตกใจให้ไอ้เหมอที่ทั้งเนื้อทั้งตัวแทบเปล่าเปลือยต้องรีบตะครุบเอาผ้าห่มมาคลุมไว้
“อุ้ยยย” เพี้ยนทำทียกมือขึ้นปิดตา ยิ่งสร้างความเขินอายให้ลูกสะใภ้ไปกันใหญ่ “เป็นวัยรุ่นนี่ดีจริงๆ เนอะ”
“ขุ่นแม่! ขุ่นแม่มาได้ยังไงอ้ะ” ไอ้เหมอหูแดงก่ำ ละล่ำละลักถาม
“นั่งเครื่องมาจ้าลูก” เพี้ยนตอบพลางยิ้มขำ เดินไปนั่งลงบนเตียงข้างๆ ไอ้เหมอ “น้องนะ หมออัลมาแล้วนะ คุยกับป๋าอยู่ข้างล่างแหนะ รีบๆ ลงไป”
ชนะพยักหน้ารับรู้ เดินมากอดและหอมแก้มเพี้ยน ทักทายตามประสาแม่เลี้ยงกับลูกเลี้ยง โดยมีไอ้เหมอนั่งหูแดงก่ำเป็นฉากประกอบ “เพี้ยนลงไปก่อน เดี๋ยวตามลงไป”
“น้องนะลงไปก่อนก็ได้ พี่เพี้ยนจะคุยกับน้องเหมอ”
“เหมอแต่งตัวไม่เรียบร้อย” ชนะบอกแล้วรุนหลังเพี้ยนให้ออกจากห้อง
“ไม่เป็นไรนะ พี่เพี้ยนไม่ถือ”
“แต่นะถือ”
“ขี้หวงอ่ะ”
“ออกไปก่อน แล้วทีหลังเคาะประตูด้วย บุกเข้ามาอย่างนี้ เกิดว่านะทำอะไรอยู่จะทำไง”
“จิ๊ โตเป็นหนุ่มแล้วพี่เพี้ยนก็ไม่สำคัญเลยนะ ไปก็ได้ น้องเหมอออ รีบๆ ลงมาหาขุ่นแม่นะลูก”
“โอเคจ้า” ไอ้เหมอขานรับเสียงใสพลางก้มหน้างุดเมื่อสายตาขุ่นแม่เพี้ยนมีแต่ประกายพราวล้อเลียน
ชนะเดินกลับมาหาไอ้เหมอพร้อมกับดึงผ้าห่มออก คนหัวเกรียนตะครุบไว้ไม่ทันจึงเปลือยล่อนจ้อนต่อหน้าคนรูปหล่อที่ทำเพียงอมยิ้มแล้วกางแขนรอรับ
“ข่นบ้า” ไอ้เหมอว่าเสียงเบา ขยับเข้าหา ยกแขนขึ้นโอบรอบคอของชนะที่ยกตัวมันขึ้นแล้วพาเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า
“เมื่อกี้น่ะโคตรเก่ง ตอนนี้เป็นไง ขาไม่มีแรง” ชนะว่าเสียงกลั้วหัวเราะ
“ง่า เหมออยากให้นะมีความสุขนี่นา” น้ำเสียงออดอ้อนของไอ้เหมอทำให้ชนะอดใจไม่ไหวจึงหอมแก้มมันไปสองสามที ก่อนจะลงมือแต่งตัวให้ไอ้คนขี้อ้อนที่ตอนนี้ตัวอ่อนราวกับขี้ผึ้งถูกไฟลน
“นะรู้ปะว่าขุ่นแม่จะมา”
“อือ”
“แล้วทำไมนะไม่บอกเหมอ”
“เพี้ยนอยากเซอร์ไพรส์เหมอ ผมก็เลยรับปากว่าจะไม่บอก”
ไอ้เหมอมองค้อน ก่อนจะหัวเราะดังลั่นเมื่อถูกชนะจี้เอว มันดิ้นไปมา ยกมือขอยอมแพ้เพราะหัวเราะจนหายใจแทบไม่ทัน น้ำตาซึม น้ำลายไหลจนดูทั้งน่าขันทั้งน่าสงสาร
“นะชอบแกล้งเหมออ้ะ!” พอชนะปราณี ไอ้เหมอมันก็ปากดีใส่ทันที
“ก็เหมอน่าแกล้ง ปะ ลงไปข้างล่าง เดินไหวไหม หรือจะให้อุ้ม”
“ไหวๆ ไม่ต้องอุ้ม อายคนอื่นเขา”
“ขี้อายเหมือนกันเหรอเหมออ่ะ”
“เหมอเป็นคนหน้าบาง”
“เมื่อกี้ใครน้า ครางลั่นห้องน้ำ แถมยัง...อ่า ไม่พูดดีกว่า เดี๋ยวคนหน้าบางบางคนจะโกรธ”
“ไอ้นะ”
“ถ้าเรียกไอ้อีก ผมตบปากนะ”
ไอ้เหมอยกมือขึ้นปิดปากตัวเองทันที มือชนะใหญ่ แรงก็เยอะ ตบทีคงเลือดกลบปาก แต่พอได้ยินเสียงกระซิบข้างหู จากที่ต้องยกมือปิดปากก็เปลี่ยนมายกมือปิดหูแทน เพราะไม่อยากได้ยินคำพูดที่จู่โจมจังหวะการเต้นของหัวใจ
“ไม่ใช้มือตบหรอก...ปากก็ไม่ใช้ด้วย” เสียงของชนะนุ่มน่าฟัง มือใหญ่ก็จับมือของไอ้เหมอไปกุมที่กลางลำตัว “เหมอรู้ใช่ไหมว่าคนอย่างผมจะใช้อะไรตบ”
“อะ...” ไอ้เหมอแทบหลุดปากเรียก ‘ไอ้’ แต่ก็ยั้งปากตัวเองทัน ชนะเลิกคิ้วมอง พลางแสยะยิ้ม
“จะพูดอะไรเหรอครับ”
“เปล่า...เหมอจะบอกว่านะหื่นอ่ะ แหะๆ”
“หึหึ”
ไอ้เหมอถอนหายใจโล่งอก สอดมือกอดแขนชนะไว้แล้วขยับเดินตามคนรูปหล่อลงชั้นล่างของตัวบ้าน แต่ไม่ทันจะก้าวขาพ้นบันไดขั้นสุดท้าย สายตาของไอ้เหมอก็ปะทะเข้ากับแฝดน้องของคุณรันเข้า
“สวัสดี” รินยังคงความสวยงามเฉกเช่นที่เจอกันครั้งก่อน แต่รอยยิ้มที่ไอ้เหมอคิดว่าหวานนั้น ตอนนี้รู้แล้วว่าเคลือบยาพิษร้ายเอาไว้ “ไม่เคยนึกเลยนะว่าจะเจอนะที่นี่อีก”
ชนะยังคงมีใบหน้าราบเรียบ ไอ้เหมอลอบมองก็ไม่ได้เห็นความยินดีที่ได้เจอสาวสวยปรากฎบนใบหน้าหล่อเหลาเลยสักนิด มันจึงถือโอกาสกอดแขนชนะไว้แน่น อย่างน้อย...ก็ไม่ปล่อยให้ไปอี๋อ๋อกับผู้หญิงคนไหนอีกแล้ว ชนะเป็นของไอ้เหมอ เป็นแฟน เป็นคนรัก ไม่ปล่อยให้ผู้หญิงหน้าไหนมาแทรกกลางได้หรอก!
“ที่นี่บ้านของผม ผมต่างหากที่ต้องแปลกใจ ที่ยังเจอรินที่นี่”
“เอ๊ะ!” สาวสวยนิ่วหน้า นึกหาคำแย้งแทบไม่ออก “แต่...รินพักที่นี่ มาตั้งนานแล้ว!”
“ยังไงรินก็เป็นผู้อาศัย เพี้ยนไม่ได้โทรไปบอกวิวเหรอว่าให้รินย้ายออก”
ไอ้เหมออยากถาม...ว่าชนะไม่ญาติดีกับผู้หญิงคนนี้แล้วหรืออย่างไร ไม่รู้หรอกว่ามีท่าทีเย็นชาต่อกันอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ไอ้เหมอก็ดีใจอยู่ลึกๆ
“รินกลับมาก็เพราะเรื่องนี้แหละ! น้าวิวเป็นแม่ของนะ ลืมไปแล้วหรือไง ว่าแม่ฝากให้รินอยู่ที่นี่ นะจะไม่ทำตามที่น้าวิวของั้นเหรอ! จะมาไล่รินออกจากบ้านไม่ได้นะ”
ไอ้เหมอคิดในใจอย่างงงงวยกับการอ้างสิทธิ์ในพื้นที่ที่ตัวเองไม่มีสิทธิ์ของสาวสวยตรงหน้า
“รินมาอยู่ที่นี่ ค่าน้ำค่าไฟ หรือค่าเช่าไม่เสียสักบาท ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ เพราะเห็นแก่รัน ไม่ได้เห็นแก่วิว แต่ผมคงมีน้ำใจต่อไปไม่ได้แล้ว รินก็รู้นะว่าผมแสดงออกอย่างชัดเจนกับคนที่ผมเกลียดยังไง”
“นะ!”
“เอะอะอะไรกันเด็กๆ” เสียงของขุ่นแม่เพี้ยนราวกับระฆังตีหมดยก ไอ้เหมอรีบส่งสายตาไปขอความช่วยเหลือจากขุ่นแม่ของมันทันที เห็นอีกฝ่ายขยิบตาส่งมาให้แล้วก็โล่งใจ เพราะไอ้เหมอมันเรียนลูกเรียนลูกผู้ชาย เรื่องที่จะตีฝีปากกับสุภาพสตรีจึงไม่ใช่เรื่องถนัด เพราะในครอบครัวที่คุณหญิงแม่เป็นใหญ่อย่างครอบครัวไอ้เหมอนั้น...ผู้ชายแทบไม่มีสิทธิ์ออกปากออกเสียง “อ้าว ไหนบอกจะไปเก็บของ แล้วมายืนเถียงอะไรกันตรงนี้”
“เพี้ยนไปบอกยังไง ถึงมีคนฟังไม่รู้เรื่องแล้วมายืนเถียงนะอย่างนี้” ชนะมองเหยียดจนไอ้เหมอที่ยืนข้างๆ กลัวแทนคนที่ยืนหน้าบึ้งตรงหน้า
“พี่เพี้ยนก็ว่าคุยกันรู้เรื่องแล้ว สงสัยความหน้าด้านมันสืบทอดจากสภาพแวดล้อม อุ้ย พี่เพี้ยนไม่ได้ว่าให้หนู อย่าเพิ่งกรี๊ดร้อนตัว”
รินขบเม้มริมฝีปากอย่างระงับอารมณ์ ก่อนจะบอกเสียงเหยียดว่า “ขอหนูคุยกับคุณอาไร้พ่ายหน่อยค่ะ น้าวิวบอกว่าคุยกับคุณอาไร้พ่ายแล้ว ว่าหนูอยู่ต่อได้”
“น้าวิวของหนูโกหกหรือเปล่า สามีพี่ยังไม่ได้ต่อสายคุยกับน้าวิวของหนูเลยสักครั้ง แล้วตอนนี้สามีพี่เขาก็กำลังประชุมผ่านทางคอนเฟอร์เรนซ์ ไม่ว่างมายุ่งเรื่องจิ๊บจ๊อยที่ยุ่งไปก็ทำให้หุ้นบริษัทขึ้นไม่ได้หรอก เอางี้ดีกว่าไหม หนูออกไปดีๆ ดีกว่านะ อย่าให้ถึงขั้นต้องไล่กันอย่างหมูอย่างหมาเลย ญาติกันก็ไม่ใช่ มาอยู่ฟรีๆ ได้ตั้งหลายปีแบบไม่คิดตังค์ก็โชคดีของหนูมากแล้ว”
“กรี๊ดดดดด แก! แกมันเป็นเกย์โรคจิต! ไม่ให้เกียรติผู้หญิง!”
“ระวังปากด้วยนะคุณริน ผู้หญิงทุกคนมีเกียรติ เว้นแต่ว่าบางคนจะทำลายเกียรติของตัวเองลงเสียเอง” ไอ้เหมอบอกเสียงเข้ม ทนฟังใครมาต่อว่าขุ่นแม่ของมันไม่ได้ “แล้วคุณก็ออกไปดีๆ เถอะ เจ้าของบ้านเขาออกปากไล่ปาวๆ ยังจะมายืนเถียงอะไรเขาอีก ใช้สิทธิ์อะไรของคุณเนี่ย งงแทน”
“พวกแกรุมฉันงั้นเหรอ!”
“ไม่อยากให้รุมก็ไปเรียกน้าวิวของหนูที่นั่งรออยู่ในรถมาด้วยสิ หรือไม่กล้ามาสู้หน้ากัน”
ชนะเกร็งตัวขึ้นมาเล็กน้อย คนที่ให้กำเนิดคงเป็นคนที่ชนะไม่อยากเจอที่สุดในโลก “เพี้ยน อย่าให้เขาเข้ามาในบ้าน นะไม่ชอบ”
“อ่า โอเค เดี๋ยวพี่เพี้ยนออกไปคุยข้างนอกเอง มานี่มาหนูริน ขอไปคุยกับแม่เลี้ยงหนูหน่อย”
เพี้ยนเดินออกไปข้างนอกพร้อมกับรินที่ดูจะมีทีท่าขัดขืนเล็กน้อย ชนะถอนหายใจแล้วจูงมือไอ้เหมอไปที่ห้องนั่งเล่น
ท่าทางของชนะทำให้ไอ้เหมอไม่สบายใจ ใบหน้าซีดเจื่อนนั้นบอกให้รู้ว่าอาการป่วยของชนะยังไม่หายดี เรื่องบางเรื่องอาจจะฝังรากหยั่งลึกอยู่ในใจ...ไม่อาจบรรเทาให้หายได้แค่ในเวลาไม่กี่เดือน
“นะ...” ไอ้เหมอเรียกเสียงแผ่ว บีบมือของชนะเบาๆ “เหมออยู่ตรงนี้นะ เผื่อนะลืม”
“ไม่ลืมหรอก” ชนะยิ้มขำกับคำพูดของไอ้เหมอ “เหมอ”
“หืม”
“ออกไปเจอเขา...กับผมได้ไหม” ชนะถามด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจ ความลังเลในดวงตาคู่สวยนั้นทำให้ไอ้เหมอกระชับมือที่จับอยู่แน่นขึ้น “อัลบอกผมว่า ถ้ายิ่งหนี...ผมก็จะยิ่งก้าวไปข้างหน้าต่อไม่ได้”
“คุณหมอพูดถูกแล้วล่ะ เพราะงั้น ถ้านะอยากเผชิญหน้า เหมอจะไปกับนะเอง ไม่ต้องกลัวหรอก ไม่มีใครทำอะไรนะได้ ถ้าเหมอกับขุ่นแม่เพี้ยนยังอยู่ ขุ่นพ่อด้วย ขุ่นพ่อต้องไม่ยอมแน่ๆ ถ้ามีใครมาทำร้ายนะ”
ชนะพยักหน้า รู้สึกโล่งใจ หัวใจกลับมาเต้นในจังหวะปกติ หลังจากที่มันกระตุกหน่วงเมื่อรู้ว่า...ผู้หญิงคนนั้นเข้ามาใกล้
“จะไปไหนกันเหรอ” อัลเบิร์ตเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นพร้อมกับไร้พ่าย ใบหน้าของหมอเคลือบรอยยิ้ม ดวงตาที่ราวกับรู้สถานการณ์มองมาอย่างอ่อนโยน “ผมว่าคุณก็ควรไปกับเขาด้วยนะริชาร์ท”
“ก็คงต้องอย่างนั้น เอาจริงๆ ผมไม่อยากเจอเลยนะ แล้วนี่เพี้ยนไปไหน”
“ขุ่นแม่ไปเป็นทัพหน้าแล้ว” ไอ้เหมอรีบตอบ ไร้พ่ายถึงกับกุมขมับ
“ทำไมเราไม่ห้ามไว้ล่ะ มันยิ่งบ้าๆ อยู่” ไร้พ่ายถามไอ้เหมอพลางมองลูกชายอย่างเป็นห่วง
“ขุ่นพ่อต้องไปห้ามนะ ขุ่นแม่ไม่ฟังใครหรอกนอกจากขุ่นพ่อ”
ไร้พ่ายแยกเขี้ยวใส่ไอ้เหมอ ก่อนจะเอ่ยถามลูกชาย “นะ จะไปเจอจริงๆ น่ะเหรอ ถ้าไม่อยากเจอ...”
“ไม่ครับป๋า นะไม่อยากหนีเขาอีกแล้ว”
เพราะยิ่งหนีก็ยิ่งถูกตาม ยิ่งทำเป็นไม่สนใจรับรู้ก็ยิ่งกลัวว่าจะต้องพบเจอ หลายครั้งที่แม่ผู้ให้กำเนิดโทรหาแต่เขาตัดสาย หลายครั้งที่ข้อความถูกส่งมาเป็นร้อยๆ ฉบับ แต่เขาไม่เคยตอบกลับเลยสักครั้ง มีแต่ถ้อยคำที่บอกจะมาหา มีแต่ถ้อยคำตัดพ้อต่อว่าที่เขาไม่สนใจ มีแต่...ถ้อยคำใส่ร้ายใครต่อใครที่เขาไม่อยากอ่าน
“อัล คุณรอผมที่นี่นะ” ชนะบอกอัลเบิร์ตที่ส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้
“อืม ไปเผชิญหน้ากับความกลัวของคุณเถอะ แล้วหลังจากนี้ ผมเชื่อว่า...ตัวตนของเขาจะทำร้ายคุณไม่ได้อีก”
ชนะพยักหน้า กระชับมือไอ้เหมอไว้แน่น แล้วเดินตามหลังไร้พ่ายออกไป แผ่นหลังของพ่อนั้นกว้างใหญ่ รู้สึกอุ่นใจที่ได้มอง มือของเสมอก็อบอุ่น ให้ความสบายใจที่ได้กุมไว้ แม้จะมองเห็นแล้วว่า...คนๆ นั้นมาอยู่ที่นี่จริงๆ ชนะก็ไม่นึกกลัว
“พี่พ่าย...” เสียงหวานใสเรียกไร้พ่ายด้วยน้ำเสียงออดอ้อนจนเพี้ยนเบะปาก จากท่าทีดุร้ายกลับเปลี่ยนเป็นอ่อนหวานทันตาเมื่อเห็นอดีตสามีตามกฎหมายของตัวเอง ก่อนจะยิ่งน้ำตาคลอเมื่อเห็นลูกชายสุดที่รัก “น้องนะ...น้องนะลูกแม่”
ไร้พ่ายเอาตัวเข้าบังชนะไว้ เพราะผู้หญิงที่ทำร้ายลูกของเขากำลังโผตัวเข้าหา ดวงตาหลังแว่นกรอบดำสบกับดวงตาของผู้ชายที่ยืนพิงรถเช่าอยู่ใกล้ๆ แล้ววกกลับมองผู้หญิงที่เป็นแม่ของลูกแฝดทั้งสาม
“โตขึ้นมากนี่แก”
ชนะมองสบตาสามีของผู้ให้กำเนิดก่อนจะเหยียดยิ้ม “ลุงก็แก่ลงนะครับ”
“ไอ้เด็กปากดี!”
“มึงคิดจะทำอะไร” ไร้พ่ายจับแขนของผู้ชายที่คิดจะเข้ามาทำร้ายชนะไพล่หลัง แล้วผลักให้ออกห่าง “นิสัยกุ๊ยข้างถนนยังแก้ไม่หายอีกหรือไง หรือเป็นสันดานไปแล้ว”
“ไอ้ริชาร์ท!”
“ยกโขยงกันมาถึงที่นี่มีธุระอะไรอย่างนั้นหรือ” ไร้พ่ายกวาดตามอง น้องสาวบุญธรรมที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นภรรยาตามกฎหมายเรื่อยไปจนถึงรินที่เป็นลูกเลี้ยง
“ก็นังเพี้ยนน่ะสิคะ มันโทรไปบอกวิวให้หนูรินเก็บของย้ายออกจากบ้าน! วิวถึงต้องมาถึงที่นี่ มาไล่กันออกอย่างนี้แล้วหนูรินจะไปอยู่ที่ไหนคะ ยังเรียนไม่จบ พี่พ่ายรับปากวิวแล้วว่าจะให้รินพักอยู่ที่บ้านตลอดเวลาที่เรียนอยู่ที่นี่”