Look@t Me!! โดย หยดน้ำผึ้ง SP ChapterTea & Black ชาดำ~* 3[up 27.10.54]จบบริบูรณ์
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Look@t Me!! โดย หยดน้ำผึ้ง SP ChapterTea & Black ชาดำ~* 3[up 27.10.54]จบบริบูรณ์  (อ่าน 121511 ครั้ง)

ออฟไลน์ kny

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1800
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-16
จำได้เมื่อนานมาแล้วเฝ้ารอลุ้นกัณฐ์  พี่ธีณ์กับพี่แบล็ค อ่านซ้ำอีก ก็หลาย แต่มันก็ยังน่าลุ้นเหมือนเดิม  ตอนอ่านตอนแรกๆ  มันก็ธรรมดานะ ดูไม่แน่น แต่เผลอไปเมื่อไร่ ไม่รู้ กลับติดไปซะได้  :o8:

ออฟไลน์ akazu

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 550
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +240/-6
Re: Look @t Me!! by หยดน้ำผึ้ง บทที่20 [up 20.06.54]
«ตอบ #121 เมื่อ18-06-2011 20:56:25 »

-20-
ผมนั่งเงียบ ๆ มองต่ำไปยังพื้นถนน ...ตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่ริมฟุตบาทกับใครอีกคนหนึ่ง มือของเขากอบกุมมือของผมไว้จนรู้สึกอุ่นวาบไปทั้งใจ ...ทั้ง ๆ ที่เมื่อไม่กี่วินาทีก่อนนี้เราเพิ่งมีปากเสียงกันน่ะนะ
“....” ไม่มีบทสนทนา มีเพียงแววตาของเขาที่มองอย่างรู้สึกผิด... ผมรู้ว่าเขาง้อคนไม่เก่ง ยิ่งเห็นเขาทำท่าทางอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ จะพูดก็ไม่กล้าพูด ยิ่งทำให้ผมรู้สึกตลก
“ฮึ..” ผมหลุดหัวเราะเบา ๆ 
“หัวเราะอะไร ?” เขาถามงง ๆ
“เปล่า..” ผมส่งยิ้มหวานให้เขา เขาถึงดูมีสีหน้าดีขึ้น
“กลับกันเถอะ” เขาดึงมือผมให้ลุกขึ้นตาม
“เดี๋ยว!” ผมรีบดึงมือเขาไว้
“กัณฐ์ขอโทษ.....” ผมบอกเบา ๆ
“ทำไมต้องขอโทษ เธียรต่างหากที่ต้องขอโทษกัณฐ์..” เขาสบตาผมนิ่ง.... ก่อนจะดึงตัวผมเข้าไปกอดแน่น
“ทีหลังเธียรจะพูดดี ๆ เธียรจะควบคุมอารมณ์ให้ได้ ....กัณฐ์....อย่าโกรธเธียรนะ....” เขากระซิบบอก ผมพยักหน้าแรง ๆ... ทั้ง ๆ ที่ทุกอย่างกำลังดำเนินไปได้ด้วยดีแท้ ๆ ..... กำลังไปได้ด้วยดี ......
“ขอโทษ...ฮึก....ข...ขอโทษนะ.....ฮือ..” ทำไม... ผมถึงเป็นคนที่เห็นแก่ตัว... เป็นคนที่เห็นแก่ตัวได้ถึงขนาดนี้....
....ผมบอกกับเขาเรื่องที่พี่ธีร์ทำกับพี่แบล็ค แต่เขาก็ออกตัวปกป้องพี่ชาย.... ทั้ง ๆ ที่เขาก็รู้ว่าพี่ธีร์ไม่ได้คิดกับเขาเพียงแค่น้องชาย.... ทั้ง ๆ ที่พี่ธีร์เป็นคนบอกให้ผมเลิกกับเขา! .....ผมก็เลยพลั้งปากไป...
‘ถ้าเธียรรู้จักพี่ธีร์มากขนาดนั้นทำไมไม่เลิกกับผมไปอยู่กับพี่ธีร์เลยล่ะ!’ ผมบอกเม้มริมฝีปากแน่น ใบหน้าของเขาเหมือนกับตกใจ...ตกตะลึงกับคำพูดของผม
’กัณฐ์!! ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ! นี่เรากำลังคบกันอยู่นะ! เรากำลังคบกันอยู่  เธียรไม่คบกับคนที่เธียรไม่ได้รักเด็ดขาด เข้าใจมั๊ย !?’ มือใหญ่ ๆ ของเขาออกแรงบีบไหล่ทั้ง 2 ข้างของผมจนรู้สึกเจ็บ ผมเบือนหน้าหนีดวงตาดุ ๆ ของเขา
‘เธียรถามว่าเข้าใจมั๊ย !?’ เขาตวาดเสียงดังเมื่อเห็นผมนิ่งเงียบ
’เจ็บ!’ ผมร้องบอกเขา เหมือนเขาเพิ่งจะรู้ตัว รีบผละมือจากผม ...
.......ในเสี้ยววินาทีนั้น ผมเผลอคิดว่า... คนที่เขารักคือผมจริง ๆ น่ะเหรอ ?? คือผมคนนี้แน่เหรอ ??..... ไม่ใช่เด็กผู้ชายที่เขาเพ้อฝันว่าตัวเล็ก ๆ ใส่แว่น คนนั้นน่ะเหรอ ???? .....ในเมื่อตอนนี้กาลเวลามันทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมดแล้ว.... ไม่แน่ในอนาคต ผมกับเขาก็จะต้องเลิกกัน.....สู้ให้เลิกกันเสียตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อแลกกับข้อเสนอที่พี่ธีร์ให้มาเลยไม่ดีกว่าเหรอ ???....................
“ขอโทษ...ฮึก....ข...ขอโทษนะ.....ฮือ..” ทำไม... ผมถึงเป็นคนที่เห็นแก่ตัว... เป็นคนที่เห็นแก่ตัวได้ถึงขนาดนี้....
 
 
ในที่สุดก็ถึงช่วงปิดเทอม ผมและคนในบ้านเดินทางไปรวมตัวพบปะญาติ ๆ ที่บ้านใหญ่ ในต่างจังหวัด
แต่ปีนี้พี่แบล็คขอไม่ไปเพราะพี่ท่านต้องเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย และเรียนพิเศษเกือบ 24 ชั่วโมง .... ถ้าอยู่ ม.6 แล้วต้องเรียนขนาดนั้นผมไม่เอาหรอกด้วยนะ!
“กาน กาน..” ผมสะดุ้งมองใบหน้ากลม ๆ ของเด็กผู้หญิงในอ้อมแขน เธอมองผมด้วยดวงตากลมโตที่ฉายแววสงสัย
“อะไรครับ ฮาน่า” ผมถามเบา ๆ โน้มใบหน้าลงหอมแก้มนุ่ม ๆ ของฮาน่า ...เธอเป็นลูกบุญธรรมของป้าอีกคนครับ และเป็นเด็กที่อายุน้อยที่สุดในครอบครัวเรา
“อย่าเพิ่งสวีทกันนะ ตาพี่กัณฐ์ลงแล้วอ่ะ” เก๋อ น้องชายของผมรีบตัดบทก่อนที่ผมและฮาน่าจะเข้าสู่โลกส่วนตัว ตอนนี้พวกเรากำลังตั้งวงเล่นสลาพกัน โดยมีผม เป็นแกนนำ (สอนน้องเล่นตั้งแต่เด็กเลย ไม่ดีนะครับ)
“อ้อ..” ผมวางคางไว้บนศีรษะทุยของเด็กหญิงตัวน้อยและทิ้งไพ่ลงใบหนึ่ง
แปลกแฮะ... ไม่เหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมา.... ทั้ง ๆ ที่ผมน่าจะรู้สึกแจ่มใสเหมือนทุกครั้งที่มาที่นี่.....
.....นี่ผมเป็นอะไรไปนะ..... ผมกำลังกังวลใจ ........ ผม ...เป็นห่วงพี่แบล็ค.............

___________________________
ตอนนี้ไปพบ SP พี่แบล๊ค น่ะค่ะ.... :laugh:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-06-2011 21:15:45 โดย akazu »

Ainsley

  • บุคคลทั่วไป
 :call: เรียกมาโพสต่อได้แล้วจ้าาาาาา
คนอ่านอย่างผมรออยู่นะคร้าบบบบบบบบบ

ออฟไลน์ Sorso

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 795
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-3
ปูเสื่อ+กินสายไหม

นั่งรอคนแต่งมาโพส

ออฟไลน์ akazu

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 550
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +240/-6
Re: Look @t Me!! by หยดน้ำผึ้ง Black Part[up 20.06.54]
«ตอบ #124 เมื่อ20-06-2011 21:21:57 »

Black Part
But you put on quite a show. Really had me goin. But now it's time to go. Curtain's finally closing…
“ครับ...”
“ฮัลโหล.. เมื่อกี้แบล็คโทรมาเหรอ ?” เสียงหวานของเธอ ที่ผ่านเข้าสู่สมองไม่ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น...
“อ...อืม... แคนดี้กำลังยุ่งอยู่เหรอ ?” ผมกลั้นใจถาม ทั้ง ๆ ที่ในใจก็รู้ดีอยู่แล้ว
“จ๊า ทำงานยุ่งมากเลย... อ๊ะ แค่นี้ก่อนนะ....ติ๊ด....” ผมยืนนิ่ง.... ออกแรงบีบโทรศัพท์มือถือในมือจนรู้สึกเจ็บ.....
.....เธอโกหกผม.......
ผมจำภาพที่เธอเดินกอดเอวของหมอนั่นได้ดี... ทั้งคู่หัวเราะต่อซิก ดวงตาของเธอเป็นประกายเหมือนผู้หญิงแรกรัก แต่เมื่อผมโทรไป เธอเพียงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูหน้าจอ แล้ววางมันไว้ในกระเป๋า......
บางที... ผมควรจะเดินเข้าไปหาพวกเขา..... ควรจะพูดคุยให้ทุกอย่างมันจบ..... แต่ผมก็ไม่กล้า..... ผมกลัว......
ผมเป็นผู้ชายที่จัดได้ว่าอ่อนแอ ปวกเปียก ไม่เข้มแข็ง แต่ผมถูกพ่อกับแม่ปลูกฝังไว้ในสมอง ท่านย้ำผมทุกครั้งที่ผมงอแงว่าผมเป็นพี่ชายคนโต ผมต้องรับผิดชอบ  ต้องดูแล และเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับน้อง..... และคำพูดพวกนี้จะแวบเข้ามาในสมองทุกครั้งที่ผมเห็นหน้าพวกเขา
แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่ทำให้ผมภาคภูมิใจที่สุดในชีวิตที่ผ่านมา
 
แกร๊ก...
‘1 ...’
 
แกร๊ก...
‘2 ....’
 
แกร๊ก...
‘3 ......’
 
แกร๊ก...
‘4 ........’
 
ไม่พอ...... ยังไม่พอ......
หมดอีกแล้ว.... ต้องไปซื้อมาเพิ่ม....
20/2
ผมนั่งมองกลุ่มเด็กวัยรุ่นที่พากันมาสังสรรค์ ...เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ถูกยกออกไปเสิร์ฟโต๊ะแล้ว โต๊ะเล่า... บางคนที่อยู่ที่นี่อายุน้อยกว่าผมด้วยซ้ำ ถ้าพ่อแม่ของพวกเขารู้ว่าลูกของตัวเองทำตัวสำมะเลเทเมาแบบนี้จะว่ายังไงนะ ?
“มาทำไมวะเนี่ย! เกะกะฉิบ...” เสียงบ่นรำคาญคุ้นหู ทำให้ผมหันไปมองหน้า ’มัน’
“งี้แหละ คนมีเมียแล้วก็ทิ้งเพื่อน” ผมบอกประชด และรีบก้มหัวหลบตามสัญชาตญาณ
“ไวนะมึง” มันชี้หน้าผม เมื่อมือหนา ๆ ที่หมายจะฟาดลงบนหัวทุยสวยได้รูปของผมมีอันวืดไป .......มันที่ผมเรียกก็คือไอ้ไทม์ เป็นเพื่อนข้างบ้านสมัยเด็ก ๆ ของผม มันอายุมากกว่าผม 5 ปี พอผมขึ้น ม.ต้น มันก็หนีออกจากบ้านด้วยการมาขอยืมเงินที่ผมอุตส่าห์เก็บหอมรอมริบ ผมก็ไม่น่าจะโง่ให้มันยืม... พอแม่รู้ว่าผมเป็นคนให้เงินมัน แม่ก็ว่าผมยกใหญ่ และลากตัวผมไปขอโทษป้าสายแม่ของมัน มันขาดการติดต่อกับทางบ้าน แต่กลับติดต่อมาหาผมแทบทุกเดือน
ผมเคยถามมันหลังจากมันหายหน้าไปเกือบปีว่าทำไมมันถึงออกจากบ้าน แล้วมันก็ตอบกลับมาว่า ไปหาเมีย.... เหอะ ๆ.... แฟนมันเป็นผู้หญิงที่อายุมากกว่า..........มาก... รุ่นน้องแม่ของมันเลยด้วยซ้ำ
ตอนนี้มันกลับมาเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของผับใหญ่และมีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในเมืองที่ผมอยู่
“ทำไมช่วงนี้มาบ่อยจังวะ กูยุ่งทุกวันเห็นมั๊ยเนี่ย ?!” มันนั่งลงตรงข้ามผม พร้อมขยี้ศีรษะอย่างหัวเสีย
“ลูกค้าเยอะเนอะ” ผมยิ้มบอก
“เปลี่ยนเรื่อง ไอ้นี่! เฮ้ย! ไอ้เฟิร์สเอาชุดนึง” มันตะโกนสั่งลูกน้องคนหนึ่ง ที่ดูลุกลี้ลุกลนตลอดเวลา
“แบล็ค” มันเรียกผมพร้อมทำหน้าจริงจัง
“หือ ?” ผมเลิกคิ้ว นาน ๆ ทีจะเห็นไอ้หมอนี่ทำหน้าตาดูเป็นผู้เป็นคนกับเขาบ้าง
“อย่ามาบ่อยได้ป่ะวะ”
“ทำไม ?” ผมแค่อยากมานั่งมองดูคนอื่นบ้างเท่านั้นเอง... ไม่เห็นจะผิดซักหน่อย
“ไม่เห็นรึไงว่าโต๊ะนู้นจ้องมึงตาเป็นมัน” มันพยายามเหล่ตาไปมองโต๊ะที่อยู่มุมอับของร้าน
“แล้วไง ?” ผมเกาศีรษะเบา ๆ อาจเป็นเพราะชินจากการถูกมองจากรุ่นน้องที่โรงเรียนแล้วก็ได้
“ไอ้นี่หนิ! กวนประสาท!! ข้ากำลังเตือนนะเว้ย ไอ้นั่นน่ะเส้นใหญ่”
“ไอ้นั่น ? ผู้ชาย ??” ผมแอบหัวเราะเบา ๆ ผู้ชายกับผู้ชายมันจะไปมีอะไรกันได้ยังไง
“มึงนี่โง่หรือแกล้งโง่วะ แมร่งเอ๊ย! มันเป็นเกย์สิวะ!” ไอ้ไทม์พยายามพูดเสียงลอดไรฟันบอกผม
“หมายความว่า เอ่อ...ข้างหลัง ??” ผมกับมันพร้อมกันทำหน้าผะอืดผะอม... โธ่.. ทำไมพระเจ้าสร้างให้มาคู่ผู้หญิงดี ๆ แล้วถึงไม่ชอบนะ ? ผมเดินมาส่งเธอที่บ้านด้วยความเงียบ....
“แบล็คสอบเสร็จแล้วไปเที่ยวกันมั๊ย ?” แคนดี้ยิ้มถาม หลังจากผมรู้สึกอึดอัดมาหลายนาที
“อืม... ไปสิ”
“แคนดี้มีที่ที่อยากจะไปด้วยกันเยอะแยะเลย” เธอควงแขนผมเบียดเนื้อนิ่ม.....เฮ้ ๆ...หยุดฟุ้งซ่านซักที
“แบล็ค..?” เธอเงยหน้าขึ้นสบตากับผม.... ตัวตากลมโตล้อมกรอบด้วยขนตางอนยาว... จมูกเล็ก ๆ กับริมฝีปากอิ่มสีชมพู... ผมเห็นดวงตาของเธอชัดขึ้น..ราวกับต้องมนต์สะกด..
แต่ที่นี่มันกลางถนนนะ!
จิตใจฝ่ายดีของผมรีบหักห้ามไม่ให้ผมทำเรื่องไม่ดี
“เฮะ ?” เธอเอาฝ่ามือเล็ก ๆ ทั้ง 2 ข้างปิดใบหน้าแดงก่ำเอาไว้
ผมหัวเราะเบา ๆ แล้วดันไหล่ของเธอให้เดินต่อ...
บางทีผมอาจจะคิดมากเกินไปก็ได้.... ผู้ชายคนนั้นอาจเป็นพี่น้อง เป็นญาติ หรือเป็นเพื่อนของเธอ... แต่ก็นั่นแหละ ...ด้วยความขี้ขลาดของผม...ทำให้ผมไม่ได้ถามเธอออกไปตรง ๆ
เธอชวนผมเข้าไปในบ้าน ตอนแรกผมรู้สึกเกรงใจ แต่เมื่อรู้ว่าที่บ้านของเธอไม่มีใครแล้ว ยิ่งรู้สึกว่าไม่ควรจะเข้าไปข้างในมากขึ้นกว่าเดิมซะอีก
แต่สุดท้าย... ผมก็มานั่งมองหยดน้ำที่เกาะอยู่ข้างแก้วที่เธอยกมาให้ผม
“แบล็ค ..เราคบกันมานานเท่าไหร่แล้ว ?” แคนดี้นั่งข้าง ๆ และถามผมเบา ๆ...
“เอ่อ... เกือบ 2 ปีมั้ง” ผมพยายามนึก... เอ..ผมเจอเธอครั้งแรกเมื่อไหร่นะ ?
“ตาบ๊องนี่! 2 ปีที่ไหนกัน 1 ปี 10 เดือนต่างหาก” เธอบอกหน้ามุ่ย แต่ผมเกาศีรษะงง ๆ ...
“ก็ไม่เห็นจะสำคัญอะไรนี่” ผมพึมพำเบา ๆ
“เอ๊ะ!” เธอขมวดคิ้วจ้องหน้าผมอย่างหาเรื่อง
“แค่มีแคนดี้วันนี้ พรุ่งนี้ มะรืนนี้แล้วก็ตลอดไปก็พอแล้ว” ผมบอกยิ้ม ๆ ...เธอเอามือทั้ง 2 ข้างขึ้นมาปิดหน้าอีกแล้ว...
ผมเขี่ยนิ้วเบา ๆ บนใบหูที่แดงก่ำ ... น่ารักชะมัด...
เธอสะดุ้งหนี เหลือบดวงตากลมขึ้นสบตากับผม.. ผมเพียงแค่ส่งยิ้มบาง ๆ ให้เธอ...
... ผมกลั้นใจเอื้อมมือไปคว้าตัวเธอมาแนบกาย...
ในตัวของผมรู้สึกปั่นป่วนไปหมด... เหตุผลและความรู้สึกตีกันวุ่นวาย..
ริมฝีปากของเราสัมผัสกัน... ร่างกายของเราร้อนไปหมด... เธอตอบสนองสัมผัสอย่างเย้ายวน
ผมอยากจะเป็นเจ้าของเธอ... อยากสัมผัสเธอทุกสัดส่วน...
แต่....แต่ว่า.......มันยังไม่ถึงเวลา....
ผมรีบผละออกจากเธอก่อนทีทุกอย่างจะเลยเถิดไปมากกว่านี้
“ท..ทำไม?” เสียงหวานครางถามอย่างไม่เข้าใจ
“ไม่ได้... ผมทำไม่ได้” ผมบอกเบา ๆ และเอื้อมมือเกลี่ยผมบนใบหน้าของเธอเบา ๆ
“ทำไมล่ะ..??...แบล็คไม่รักแคนดี้เหรอ ?..” เมื่อจบคำถาม...ผมก็ลุกขึ้นและเดินหนีจากเธอไป....
......รัก...?....  
“มึงมาทำไมอีกเนี่ย... จะสอบแล้วไม่ใช่เหรอ ?” ไอ้ไทม์ถามอย่างหงุดหงิด ทำไมนะ ทุกครั้งที่ผมมาหามัน มันต้องทำท่าทางไม่พอใจ... ผมแค่อยากได้ที่พึ่งเท่านั้นเอง...
“อ้าว! เงียบ ... เครียดอีกรึไง ?...” ผมฝืนยิ้มให้มัน....
การมีอะไรกับคนที่รัก .... กับการไม่มีอะไรกับคนที่รัก ......อย่างไหนยากกว่ากันนะ ??
“ขอยาหน่อยได้มั๊ย ?” มันสะดุ้ง มองหน้าผม
“เฮ้ย! อย่าบอกนะ ว่าหมดแล้ว” ผมพยักหน้าเบา ๆ
“กินทีละกี่เม็ดวะ! ยานี่ถึงจะกินได้ แต่ถ้ากินเยอะ ๆ ก็ไม่ดีนะเว้ย มันออกฤทธิ์กับประสาท” ถึงมันจะบ่นอย่างนู้นอย่างนี้แต่มันก็หยิบมาให้ผมอยู่ดีนั่นแหละ
“นี่เป็นครั้งสุดท้ายนะ กูเริ่มเป็นห่วงมึงแล้วเนี่ย” มันบ่นพึมพำ
ผมมองเม็ดยาขนาดเล็กถูกบรรจุในซองสีใส... หวังว่าคงไม่มีเรื่องอะไรให้ปวดหัวอีกนะ....
“กลับแล้วนะ” ผมบอก ... แอบมองสีหน้ามัน..ก่อนจะเดินเข้าไปกอดเบา ๆ...
“ไม่ต้องเป็นห่วง” ผมกระซิบบอก ก่อนจะเดินออกมาจากร้าน
ถนนเต็มไปด้วยแสงเสียงดังคึกโครม ผู้คนเดินผ่านไปมา พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน...
พรุ่งนี้ต้องสอบแล้ว... ผมมาทำบ้าอะไรอยู่เนี่ย...
ชีวะผมขาดสอบไปครั้งหนึ่ง ต้องรีบไปขอสอบนอกเวลา....
ก่อนที่ผมจะทันได้นึกอะไรไปมากกว่านั้น จู่ ๆ ทุกอย่างก็ดับวูบไป.....
ผมรู้สึกเหมือนกับได้ยินเสียงของใครคนหนึ่ง....เสียงแหบทุ้ม........เสียงของผู้ชาย ??

.....................................“.....เธอ... เป็นของฉัน.....”

___________________________
วะว้ายยยยยย พี่แบล๊คคค เกิดอะไรขึ้นง่ะ  ใครกันน่ะ เจ้าของประโยคปิดท้าย หึหึ ลุ้นกันอยู่ใช่ป่ะล่ะ คืนนี้ ยาวว .... :laugh:

ออฟไลน์ akazu

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 550
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +240/-6
Re: Look @t Me!! by หยดน้ำผึ้ง บทที่ 21 [up 20.06.54]
«ตอบ #125 เมื่อ20-06-2011 21:24:56 »

-21-
………………….
เสียงอะไร... หนวกหูชะมัด.....
...ผมได้กลิ่นหอม ๆ ....กลิ่นของกำยาน... กับกลิ่นบุหรี่ ?...
มันมาอยู่ในห้องผมได้ไงเนี่ย... ไอ้บลูแอบเข้ามาสูบงั้นเหรอ ? ผมห้ามเด็ดขาดไม่ให้มันมาสูบในห้องผมแล้วนะ ไอ้น้องเวร...
.........................
.........................
.........................
“จะนอนไปถึงเมื่อไหร่น่ะ ?” ใคร..?.. เสียงไม่คุ้นหูผมเอาซะเลย...
ผมรู้สึกจั๊กกะจี้ที่คอ ต้องเป็นไอ้ตัวไหนซักตัวที่อยู่ไม่เป็นสุขแล้วเข้ามากวนผมแน่ ๆ
ผมบ่นงึมงำ พยายามดันศีรษะไอ้ตัวที่เข้ามากวนอย่างรำคาญ.. เอ๊ะ! มีการรวบมือผมเอาไว้ด้วย ฤทธิ์เยอะแบบนี้ต้องเป็นไอ้บลูแน่นอน!!
เฮ้ย! ไอ้บลูเพิ่งไปตัดสกินเฮดมานี่หว่า.. หรือว่าจะเป็นไอ้บราวน์..... แต่มันคงไม่กล้าหือกับผม...
หรือว่ากัณฐ์..
“กัณฐ์!” ผมพยายามบ่งบอกในน้ำเสียงว่าผมเริ่มจะอารมณ์ไม่ดี กลิ่นที่ว่าหอม ๆ เริ่มฉุนขึ้นจมูกจนผมรู้สึกอยากซุกหน้าลงกับหมอนซะ
“หือ ?” เสียงครางตอบแสนซุกซนในลำคอของคนตรงหน้า ทำให้ผมลืมตาขึ้นทันที... ดวงตาพร่าเลือนของผมพยายามปรับโฟกัสให้มองเห็นหน้าเขาชัด ๆ
“ค....ใคร” ผมนึกในใจแท้ ๆ แต่ปากดันเผลอถามออกไป ดาวตารีสีน้ำตาลไหม้ กับใบหน้าตี๋แกมกะล่อนแบบนี้ผมไม่เคยเห็นมาก่อน
“ใจร้ายจัง... จำเราไม่ได้เหรอ ?” เขาทำหน้าตาบ๊องแบ๊ว ปากจู๋ใกล้ ๆ หน้าผม เดี๋ยวก็ถีบหงายหลังเลย ขนลุกชะมัด
“จำอะไรได้ ผมไม่เคยรู้จักคุณ” ผมขมวดคิ้วมุ่น พยายามดึงมือออก แต่ไอ้หมอนี่กลับรัดแน่นขึ้น ให้ตาย.. ผมกวาดตามองห้องที่ตกแต่งสไตล์โมเดิร์นใช้สีโทนน้ำตาลครีมและจัดวางของอย่างเป็นระเบียบ ...นี่ผมอยู่ที่ไหนเนี่ย!! แถมยังอยู่ในท่าที่ดูไม่ค่อยดีซะด้วย
“ขนาดหน้าเราก็ยังไม่คุ้นเลยเหรอ ?” มันเอียงคอพยายามทำหน้าแบ๊วใส่ผม.. ไอ้บ้านี่มันเป็นกระเทยป่าววะ เหมือนสัญญาณเตือนในสมองมันจะสั่งให้ผมออกห่างจากไอ้หมอนี่มากที่สุด
“ช่วยลุกออกไปก่อนได้มั๊ย!” ผมบอกเสียงลอดไรฟัน.. ทำไมผมถึงมาอยู่กับไอ้บ้านี่ได้! ผมจำได้ว่ากำลังจะกลับบ้านไปอ่านหนังสือ!!..
“ดุซะด้วย” เขาพูดยิ้ม ๆ ก่อนจะปล่อยมือของผม และในเสี้ยววินาทีนั้นจู่ ๆ ผมก็ถูกผู้ชายจูบครั้งแรกในชีวิต
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกก!!
ผมพยายามดิ้นสุดแรงเกิด ฮือ ๆ ๆ ทำไมผมต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย!!!
ผมพลิกตัวดันไอ้หมอนั่นออกได้สำเร็จและกำลังจะกระโดดลงจากเตียง แต่ถูกดึงเสื้อไว้จนกระดุมแทบหลุด
“ปล่อยนะเว้ยยยยยยยย!!” แล้วไอ้บ้านั่นก็ปล่อยมือจริง ๆ ครับ ... เมื่อแรงกระทำจากตัวผมที่ดันไปข้างหน้ามีมากกว่าแรงที่ช่วยดึงรั้งผมเอาไว้ ก็ทำให้ผมตีลังกาหงายหลังลงไปกับพื้นตามหลักฟิสิกส์
ผมรู้สึกเห็นดาวระยิบระยับไปหมด ... ให้ตายเถอะ
ส่วนไอ้กระเทยนั่นก็นั่งขำผมจนตัวงอ..
“ฮะ ๆ .. เราไม่คิดว่าเธอจะตกใจขนาดนั้น โทษที ๆ” ไอ้หมวย(?)ปาดน้ำตาแล้วลุกขึ้นเหมือนจะตรงมาหาผม เหอ ๆ
ผมรีบลุกขึ้นก่อนเขาจะเดินมาถึง
“อย่าเพิ่งไปสิ คุยกับเราก่อน” เสียงเรียกทำให้ผมหันกลับไปมองเขาอีกครั้ง
“...ทำไมผมถึงมาอยู่ที่นี่” ผมตั้งคำถาม
“ไม่เอาหน่า อย่าซีเรียส” นิ้วมือเรียวของเขาเอื้อมหมายจะแตะใบหน้าหล่อ ๆ ของผม ..แต่โทษที ผมหลบทันซะก่อน
เขาตัวสูงเกือบเท่ากับผม เป็นผู้ชายที่จัดได้ว่าธรรมดามาก แต่บนใบหน้ามีรอยยิ้มตลอดเวลาทำให้ดูขี้เล่น น่ารัก อายุน่าจะราวเดียวกับผม ดวงตารีที่แทบจะปิดลงไปนั้นดูเป็นประกายแปลก ๆ ชวนให้ขนลุกชอบกล แถมบรรยากาศรอบตัวยังมีออร่าสีม่วงแผ่ออกมา เหอ ๆ ๆ
“มันดึกแล้ว ผมต้องขอตัว” ผมบอกเขา เมื่อเริ่มรู้สึกว่าสาเหตุที่ผมมาอยู่ที่นี่มันแปลก ๆ
“ถ้าเธอคิดว่าจะออกไปได้ก็ตามใจ” อาหมวยยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ รอยยิ้มที่มีเมื่อครู่เริ่มจะจางหายเพราะความดื้อรั้นของผม
“หมายความว่าไง ?” ผมหันไปมองเขางง ๆ ท่าทางของเขาราวกับเด็กเอาแต่ใจที่กำลังโมโหเพราะไม่ได้ของเล่นที่อยากจะได้
“เราให้การ์ดเฝ้าอยู่หน้าห้องแล้วก็สั่งไว้ว่า ถ้าไม่ใช่เราเป็นคนสั่งห้ามเปิดประตูเด็ดขาด”
“งั้นก็สั่งซะสิ” ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ...เมื่อไหร่จะได้กลับบ้านเนี่ย..
“ง่ายไปละมั้ง... ฮึ” เขาเดินกลับไปนั่งไขว่ห้างที่ปลายเตียง และจุดบุหรี่ขึ้นสูบอย่างใจเย็น..
“จะให้ผมทำยังไง ?” ผมกอดอกถามอย่างรำคาญเต็มทน
“...” เขาปลายตามองผมเล็กน้อยก่อนเลื่อนระดับสายตาลงไปยังส่วนล่างอย่างเย้ายวน... เอ่อ...
“ให้ตาย” ผมกุมหน้าผากแล้วเดินตรงไปยังประตูห้องอย่างไม่ต้องคิด.. โรคจิตชะมัด…
ลูกบิดประตูไม่ได้ถูกล็อก แต่กลอนประตูข้างนอกต่างหากที่เป็นปัญหา ผมกำหมัดทุบลงบนไม้เนื้อหนาอย่างแรง
“เฮ้! มีใครอยู่ข้างนอกบ้าง!” ผมรัวกำปั้นจนเจ็บมือ แต่ไม่ยักกะมีอะไรเกิดขึ้น
“ใครอยู่ข้างนอกบ้าง ช่วยเปิดประตูให้ที!” ผมลองตะโกนอีกครั้ง... และก็เหมือนเดิม
กลิ่นฉุนของกำยานเริ่มทำให้ผมรู้สึกอยากจะอ้วก ผมเดินกลับเข้าไปในตัวห้องอีกครั้งเพื่อเปิดหน้าต่าง
“นี่มันชั้น 19 นะ” เสียงทุ้มของเขาบอกอย่างหงุดหงิด
“รู้แล้วหน่า! ใครจะกล้าออกไปทางนี้เล่า” ผมเกาหน้าผากเซ็ง ๆ
“นาฬิกาผมอยู่ไหน” ผมเดินไปถามตรงหน้าเขา เริ่มรู้สึกหนัก ๆ หัว ไม่รู้สาเหตุมาจากไอ้กลิ่นบ้านี่ หรือใกล้จะถึงเวลานอนของผมแล้ว
“อยู่ตรงหัวเตียงนู่น” เขาพยักเพยิดไปยังโต๊ะตั้งโคมไฟที่แกะสลักอย่างสวยงาม
ผมเดินไปหยิบนาฬิกากับกระเป๋าสตางค์... นี่มันสามทุ่มครึ่งแล้ว ผมหลับไปราวชั่วโมงครึ่ง
“มือถือผมล่ะ ?” ผมหันไปถามอาหมวย
“ไม่มีนี่ นายไม่ได้เอามาด้วยรึเปล่า” อาหมวยบอกก่อนเดินไปยังโต๊ะเล็ก ๆ และขยี้บุหรี่ส่วนที่เหลือลงบนที่เขี่ยบุหรี่
“แต่ไม่นึกว่าเธอจะมีไอ้นี่ด้วยนะ” เขาหยิบซองยาสีใสที่ผมเพิ่งจะได้จากไอ้ไทม์เมื่อตอนเย็นขึ้นมา
“ทำไม ?” ผมขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนแบมือขอของ ๆ ผมคืน
“โอ๊ะโอ.. แสดงว่าใช้ไม่เป็นล่ะสิ” เขายิ้มขำ ๆ ดวงตาเป็นประกายแปลก ๆ อีกแล้ว
เขาแกะซองออกและหยิบเม็ดยาสีม่วงเข้มขึ้นมาเม็ดหนึ่ง
“เอาคืนมา” ผมย้ำเขาอีกครั้ง เขากลับยิ้มหวานและส่งเม็ดยาเข้าปาก ก่อนที่จะจู่โจมผม
แว๊กกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ให้ตายสิ!! อาหมวยนี่แรงเยอะมาก ผลักผมทีเดียวหงายหลังลงไปนอนกับเตียง ผมเหงื่อไหลพลั่ก ๆ เอาไงดีฟะ ออกทางประตูก็ไม่ได้ จะกระโดดอกไปทางหน้าต่างก็ใช่ที
เขารีบกระโดดขึ้นมานั่งทับบนตัวผมดังอั๊ก ! น้ำหนักตัวก็ไม่ใช่น้อย ๆ ทำเอาผมจุกไปหมด
“เปิดปากเร็วเข้า จะคืนให้” เข้าใจอะไรผิดไปรึเปล่าครับคุณ!! อาหมวยบีบกรามผมซะแทบหัก ก่อนจะประกบปากส่งน้ำลายกับเม็ดยาขม ๆ ผ่านลงคอผม
ผมดิ้นพล่าน หายใจแทบไม่ออก อึดอัดไปหมด กลิ่นกำยานเหม็น ๆ นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมปวดหัวและกำลังจะอ้วก
ผมผลักไอ้หมวยออกแล้วหอบหายใจเอาอากาศเข้าปอดทั้งทางปากและจมูก โอย.. กลิ่นฉุนผ่านเข้าลำคอของผม ทำเอาน้ำย่อยแทบจะไหลย้อนออกมา..
“เป็นอะไรเหรอ ??” หมวยถามงง ๆ เมื่อเห็นผมทำหน้าผะอืดผะอม
ผมส่งสายตาขวางให้ก่อนจะพยายามลุกขึ้น แต่ดันติดไอ้หมวยที่นั่งทับอยู่
“ลุกขึ้น!” ผมสั่ง แต่ไอ้หมวยก็ยังคงนั่งทำหน้าบ๊องอยู่
“ผมบอกให้ลุกขึ้น อุ๊บ!” ผมรีบปิดปากเมื่อรู้สึกเหมือนน้ำย่อยขึ้นมาจนถึงคอ
“แป๊บนึงนะ” ไอ้หมวยรีบกระโดดลงไปหยิบกระป๋องน้ำอัดลมในตู้เย็น และเปิดกรอกให้ถึงปากผม
ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่อัดลงในน้ำเพื่อให้เกิดฟองบาดคอผมจนไม่รู้จะขอบคุณหรือจะฆ่าไอ้หมวยนี่ดี... น้ำเปล่ามีทำไมไม่หยิบมาฟระ!!
“ดีขึ้นป่าว ?” หมวยถามยิ้ม ๆ
“นายจะบ้ารึไง! นี่เป็นครั้งที่สองแล้วนะ!” ผมเช็ดริมฝีปากตัวเองอย่างโกรธ ๆ
“ครั้งที่สอง ?” ไอ้หมวยทำหน้างง ไอ้บ้านี่มันโง่หรือแกล้งโง่เนี่ยยยยย~
“ก็จูบไง!!” ผมกัดฟันพูด... ฮือ ๆ ๆ ผมจูบกับผู้ชาย 2 ครั้งภายในวันเดียว!!
“ฮึ ๆ... ไม่ต้องนับหรอก เราได้จูบกันนับครั้งไม่ถ้วนแน่” ไอ้หมวยหัวเราะเบา ๆ แต่ผมไม่ขำด้วย
“ใครจะจูบกับนายฟระ” แค่คิดก็จะอ้วกแล้ว
“ก็เธอไง” หมวยส่งยิ้มหวานให้ผมอีกครั้ง โอย.. บ้าเอ้ย! ทำไมครั้งนี้ผมเห็นว่ามันเริ่มดูดีขึ้นนะ ผมเคาะศีรษะตัวเองเพื่อให้หายจากอาการเบลอ
“อย่าทำร้ายตัวเองสิ” เขาคว้าข้อมือผม และให้ตายเหอะ ผมกำลังเมาใช่มั๊ย ผมเห็นผู้ชายเป็นสิ่งสวยงาม... พระเจ้า!!
“พระเจ้า~~!!” ผมปิดหน้าตัวเองอย่างที่แคนดี้ชอบทำบ่อย ๆ เวลาเขิน... ใช่แล้ว... ผมต้องคิดถึงแคนดี้สิ...
“ฮะ ๆ เป็นอะไรน่ะ ?” ไอ้หมวยถามปนขำ เมื่อเห็นท่าทางของผม
ผมตะกายเข้าไปหลบในผ้าห่มเงียบ ๆ ผมรู้สึกว่าสมองมันหนักจริง ๆ... น่านอนชะมัด... สงสัยเพราะฤทธิ์ยาแน่เลย
ไม่ใช่สิ! ผมต้องหาทางกลับบ้านต่างหาก!!
“นี่... จำเราไม่ได้จริง ๆ เหรอ ?” จู่ ๆ มันก็กอดผมผ่านผ้าห่มแล้วกระซิบถาม
ผมส่ายหัวพยายามดันหน้ามันออกไปห่าง ๆ
“เสียใจจริง ๆ นะเนี่ย” ไม่พูดเปล่าแถมยังรัดผมแน่นแทบไส้ทะลักออกมา
มันนิ่งไปซักพักก่อนเริ่มปฏิบัติการใหม่ ... คือลูบมือไปตามลำตัวของผมผ่านผ้าห่ม เหอ ๆ
“ทำบ้าอะไรเนี่ย!” ผ้าโผล่หัวออกจากผ้าห่ม ตั้งท่าจะด่าแต่ถูกมันโถมตัวเข้าใส่เป็นรอบที่สอง
“อึก..” ผมพยายามดิ้นหนี... ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองรึเปล่าว่าเรี่ยวแรงของผมมันเหือดหาย... หรือว่าแรงมันเยอะมากขึ้นกว่าเดิมฟระ!
“ปล่อย! ปล่อยนะ! โธ่เว้ย!!” ผมคำรามอย่างหัวเสีย เมื่อมือมันเริ่มอยู่ไม่สุข และร่างกายผมก็หักหน้ากันเห็น ๆ
......ถ้ามันยอมเป็นเมียผม ผมจะพยายามไม่คิดมาก แต่ถ้ามันจะเอาผมเป็นเมีย... อย่าแม้แต่จะคิด!!
“ฮะ ๆ ...เราจะบอกอะไรให้นะ......” ไอ้หมวยเลียริมฝีปาก...เหยียดยิ้มและสบตาผม...
“อัลพราโซแลม ถ้ากินเปล่า ๆ มันก็เป็นยาคลายเครียด แก้นอนไม่หลับ .....แต่ถ้าผสมกับน้ำอัดลมล่ะก็...” ท้ายเสียงของมันขาดหาย... ผมขมวดคิ้วมุ่นจนผูกกันเป็นโบว์
.............................
...................................
...........................................
.....ผมเพิ่งนึกออกตอนนี้นี่เอง...ว่าไอ้ไทม์เคยห้ามไม่ให้กินยากับน้ำอัดลม ....แต่ผมเพิ่งจะรู้ว่าทำไม...

______________________________
กรี้ดดดดด ชีวิตพี่แบล๊ค มืดมนมาก ๆ สรุปแล้วพี่เธียรจะช่วย หรือจะซ้ำกันน่ะ :beat:

ออฟไลน์ akazu

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 550
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +240/-6
Re: Look @t Me!! by หยดน้ำผึ้ง บทที่ 22 [up 20.06.54]
«ตอบ #126 เมื่อ20-06-2011 21:28:41 »

- 22 -
ผมลืมตาขึ้นมองภายในห้องน้ำปูกระเบื้องสีฟ้าอ่อนคุ้นตา... แสงสว่างจากหลอดไฟนีออนทำให้ผมตาพร่ามัว ผมเปิดไฟในห้องน้ำทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่..
โอย... มึนหัวชะมัด...
ผมลุกขึ้น แต่ขาทั้งสองข้างกลับไร้เรี่ยวแรงลงไปนั่งกองในอ่างกระเบื้องเคลือบ มวลของร่างกายผมทำให้น้ำภายในอ่างเอ่อล้นออกจากขอบอ่าง
“โอย...” ผมครางเบา ๆ เมื่อรู้สึกปวดไปทั้งตัว เกิดอะไรขึ้น...
เสียงน้ำเอ่อล้นจากอ่างดัง ขึ้นไม่ขาดสาย.. ทำไมผมถึงเป็นคนขี้ลืมแบบนี้ เปิดน้ำทิ้งไว้แล้วดันหลับในอ่างอาบน้ำด้วยเหรอเนี่ย..
ผมพยายามลุกขึ้นอีกครั้ง.. ผ้าขนหนูหนานุ่มถูกหยิบขึ้นมาซับหยดน้ำที่เกาะอยู่ตามร่างกายผม
เข็มนาฬิกาชี้บอกเวลาที่เช้าเกินกว่าใคร ๆ จะตื่นนอน เมื่อนึกดูดี ๆ แล้ว....วันนี้มันวันสอบนี่หว่า...
เมื่อวานผมก็ไม่ได้... เมื่อวาน ??
เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!
เมื่อวาน...ผม.....ผมกับไอ้หมวยนั่น.... ..........ไม่น๊า~~~!!!
ผมจำอะไรต่อจากตอนนั้นไม่ได้เลย ดูเหมือนมันเลือนรางจนแทบกลายเป็นความฝัน
ม่ายยยยยยยย~~~~~!!
แล้วผมกลับมาได้ยังไง ในสภาพแบบไหน ??
ให้ตายเถอะ!!
ผมยกมือกุมขมับ ทำไมผมจำอะไรไม่ได้เลย โถ่โว๊ย!!
เสื้อชุดเก่าที่ผมเพิ่งใส่เมื่อวานถูกขุดคุ้ยขึ้นมาจากตะกร้า...
พระเจ้า…….!!!
กางเกงและเสื้อของผมเต็มไปด้วยคราบ.... ของใครต่อใครก็ไม่รู้ ได้โปรดเถอะ ขอให้มันเป็นของผมแค่คนเดียว แค่คนเดียวก็พอ ..ฮือ ๆ ๆ ๆ !!
แล้วตอนที่เข้ามาในบ้านจะมีใครสังเกตเห็นรึเปล่า มีใครในบ้านที่เจอผมตอนที่ยังมึน ๆ อยู่บ้างมั๊ย
พระเจ้าจ๊อดดดดดดดดดดดด!!!!
 
“หน้าตาดูไม่ดีเลย อ่านหนังสือดึกเหรอ?” เจ เพื่อนกลุ่มเดียวกันกับผมถาม มันมาโรงเรียนเช้ากว่าชาวบ้านเขาเป็นปกติ.. แต่วันนี้ผมมาตั้งแต่ประตูโรงเรียนยังไม่เปิด จึงได้เจอกับมันเป็นคนแรก
“อือ..” อ่านเมื่อตะกี้นี่เอง
“อ่านจบรึยัง ?” ผมทำหน้าซังกะตายแล้วชูหนังสือชีวะเล่มหนาที่ไม่ได้แตะต้องเลยตลอดคืน
“ระบบนิเวศเข้าไปนั่งฝนมั่ว ๆ เลย อ่านอังกฤษดีกว่าเหอะ” มันแนะนำ
“อังกฤษนั่นแหละที่ต้องเข้าไปฝนมั่ว” ผมบอกหน้ามุ่ย ...ผมอ่อนภาษาที่สุดเลยครับ
“เลขพื้นฐานแล้วกัน” เจย่นคิ้วแล้วหยิบหนังสือแบบเรียนคณิตศาสตร์เล่มหนาขึ้นมาตั้งไว้บนโต๊ะ
“อ่าว.. ไม่ได้ทำแบบฝึกตั้งเยอะ เอามาลอกหน่อยดิ” ผมถอนหายใจก่อนหยิบหนังสือในกระเป๋าส่งให้มัน ไอ้บ้านี่ไม่เคยทำเองเลย แต่ทำไมมันเก่งจังฟระ...
สวรรค์ไม่ยุติธรรม ให้ความฉลาดมาไม่เท่ากัน!!
ผมพยายามปัดความกังวลใจเรื่องเมื่อคืนออกแล้วทำข้อสอบทุกวิชาผ่านไปได้แบบพอถูไถ..
เพื่อนที่อ่านหนังสือมาและมีราศีจับเนื่องจากเข้าใจในบทเรียน พอหมดเวลาปุ๊บก็ออกมายืนคุยพร้อมวิเคราะห์หาข้อที่ถูกปั๊บ ส่วนผมได้แต่นั่งถอนหายใจเฮือก ๆ ด้วยความเซ็ง
“เป็นไรป่าวแบล็ค ไม่มั่นใจหลายข้อเหรอ ?” ผมฝืนยิ้มให้เพื่อนที่เป็นห่วง ...เรื่องที่ผมกำลังคิด ไม่ใช่เรื่องนี้เฟร้ย...
“เปล่า.. มี่เป็นไงมั่ง”
“ทำไม่ทันอ่ะ เดาไปหลายข้อ เฮ้อ...” เธอถอนหายใจเบา ๆ
“เออ ไปสอบชีวะยัง ?” ผมส่ายหัว
“ไปชวนไอ้คนที่โดดวันนั้นมาให้หมด เดี๋ยวเราไปติดต่ออาจารย์ให้” ผมเกาหัวเซ็ง ๆ... ทำไมมันวุ่นวายแบบนี้วะ!
โชคดีที่ข้อสอบย้อนหลังหลุดโพยมาจากเพื่อนที่สอบไปแล้ว ผมจึงไม่ต้องคิดอะไรมาก และผ่านพ้นไปได้อย่างสบาย
ติดก็แต่ตอนที่กลับบ้านนี่แหละ...
ความกลัวของผมมันลุกลามเข้ามาเกาะกุมจิตใจ จนรู้สึกกังวลไปหมด...
พอถึงที่บ้านผมก็รีบทำความเคารพผู้ใหญ่แล้ววิ่งขึ้นห้อง ไม่ต้องรอให้ถูกยิงคำถาม
ผมหยิบหนังสือรุ่นสมัยม.ต้น ขึ้นมาเปิดดูเผื่อจะเจอหน้าไอ้หมวยนั่น เพราะมันทำท่าทางอย่างกับรู้จักผมมาก่อน... และผมต้องการจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนบ้าง... แต่ก็ไม่มีหน้ายิ้ม ๆ ของมันโผล่ขึ้นมาให้เห็น
โทรศัพท์มือถือก็หาย สงสัยผมจะทำหล่นก่อนจะเจอไอ้หมวยนั่นแน่ ๆ... ซวยจริง ๆ
ผมพยายามจะอ่านหนังสือ แต่กลับอ่านไม่รู้เรื่องแม้แต่นิดเดียว
พอจะนอนก็นอนไม่หลับ ฮ่วย!!
แม่เคาะประตูเรียกไปกินข้าว แต่ผมก็ปฏิเสธเพราะไม่กล้าออกไป ทำไมผมถึงเป็นลูกไม่รักดีแบบนี้นะ...
 
ก๊อก ๆ ๆ
“.....ใคร ?” ผมส่งเสียงถาม
“บราวน์เองพี่แบล็ค แฟนพี่โทรมาตวาดแว๊ด ๆ ใส่หูผมเนี่ย” มันบอกเสียงหงุดหงิด
ผมรีบเปิดประตูแล้วดึงโทรศัพท์จากมือมัน
“ขอบใจนะ” ผมยิ้มบอกมันก่อนปิดประตูห้องโดยไม่สนใจน้องชายคนเล็กอีก
“ฮัลโหล” ผมกรอกเสียงลงในโทรศัพท์ ด้วยจิตใจที่เริ่มจะเบิกบาน
“อารมณ์ดีจริง ๆ นะ... วันนี้แคนดี้อุตส่าห์วิ่งเต้น ติดต่อหาแบล็คจนไม่เป็นอันทำอะไร” เสียงของเธอบ่งบอกว่าหงุดหงิดไม่แพ้น้องชายที่โผล่หน้ามาให้ผมเห็นเมื่อตะกี้เลย
“ขอโทษ ๆ โทรศัพท์แบล็คหายอ่ะ” ผมบอกยิ้ม ๆ... ก็คนมันอารมณ์ดีนี่นา...
“เมื่อวาน.. ทำไมแคนดี้โทรไปแล้วไม่รับสาย!” เสียงของเธอแหลมมากจนผมรู้สึกหูชา
“ก็โทรศัพท์หาย” อารมณ์ที่เพิ่งจะดีของผมเริ่มเปลี่ยนเป็นบูด
“หมายความว่ายังไง ?! เมื่อคืนแบล็คเป็นคนโทรมาหาแคนดี้ก่อนเองนะ!!”
“หือ ? โทรไปเมื่อไหร่ ?” ผมเกาหัวงง ๆ... อะไรวะเนี่ยยยย~!!
“มันยังโชว์หราอยู่ในเครื่องแคนดี้อยู่เลย!! ไม่ต้องมาทำเป็นไม่รู้เรื่อง!! ออกมาคุยกับแคนดี้ให้รู้เรื่องเลยนะ!” เสียงของเธอฟังดูแข็งกร้าวและไม่พอใจเป็นอย่างมาก... นี่ผมไปทำอะไรให้แม่เสือสาวโกรธอีกวะเนี่ย!!
“แคนดี้ใจเย็นหน่อยสิ ผมไม่รู้เรื่องเลยนะ” ผมพยายามข่มความโมโหนับหนึ่งถึงร้อยในใจ...
“แล้วเมื่อคืนทำอะไร ?” เธอถาม
“เอ่อ... เมื่อคืน...” ผมอึกอัก... ควรจะพูดว่ายังไงดีนะ... จู่ ๆ ก็ไปโผล่อยู่ในโรงแรมกับผู้ชายสองต่อสองงั้นเหรอ ??
“เห็นมั๊ย ?! แบล็คก็ตอบแคนดี้ไม่ได้! ...” เสียงแหลมตวาดจนผมต้องดึงโทรศัพท์ออกห่างจากหู
“แบล็คอยู่กับเพื่อน” ...แต่มันชื่ออะไรผมยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ…
“เฮอะ.. เพื่อนหรืออะไรกันแน่! แล้วตอนที่โทรมาน่ะทำอะไรอยู่!”
“หา ?” ผมส่งเสียงให้รู้ว่า ‘ผมไม่รู้เรื่องเลยจริง ๆ นะ’
“ฮือ...น....ไหนแบล็ค....เคยบอก... ว่า....รัก..... ฮึก.......” เสียงของเธอขาดหาย ปนด้วยเสียงสะอื้น ....ผมแทบหยุดหายใจ....ในอกของผมรู้สึกเจ็บไปหมด....
“...ความจริงแล้ว......แบล็ค.....ไม่เคย....ฮือ....ไม่เคย....รักแคนดี้.....ใช่มั๊ย.................. ใช่มั๊ย!!?” เธอตวาดก่อนตัดสายทิ้งไป... ปล่อยให้ผมรู้สึกสับสนและงุนงง...
มันเกิดอะไรขึ้น... กับชีวิตของผมวะเนี่ย....!!??
ผมนวดขมับตัวเอง.....ปวดหัวชะมัด... ไอ้หมวยนั่นนำพาความซวยเข้ามาในชีวิตผมแท้ ๆ .... แถมยาที่เพิ่งได้มาจากไอ้ไทม์ก็หายไปทั้งถุงอีก... ปวดหัวโว๊ยยยยยย!!!
 
“อ้าว! ทำไมวันนี้มาดึกจัง” เสียงทักทายอย่างเป็นมิตรดังขึ้นจากพนักงานในร้านของไอ้ไทม์ที่เริ่มจะคุ้นหน้าผม
ผมเพียงแค่ยิ้มและพยักหน้าเล็กน้อยตอบ และเดินเบียดผู้คนที่มาสังสรรค์กันจนแน่นร้าน...
“เฮ้ย!” ไอ้ไทม์ดูตกใจที่เห็นหน้าผม..
“...” ผมเลิกคิ้วเป็นคำถาม ‘มีปัญหาอะไร ?’
“มึงออกมาได้ไงเนี่ย! เที่ยงคืน!!” มันชี้หน้าผม ทำหน้าเหวอ ๆ อย่างกับเห็นผี
“......กูมีปัญหา….” ผมบอกมันเบา ๆ
มันทำหน้าจริงจังก่อนจะพาผมไปคุยในห้องส่วนตัวของมัน
ผมค่อย ๆ เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้มันฟัง…
“เ_ดเข้!! แล้วมึงเสร็จมันไปรึยัง ?” มันตะโกนถามเสียงดังพร้อมจับไหล่ผมแน่น พอผมส่ายหัวมันก็ทำหน้าโล่งใจ
“...ไม่รู้”
“อะไรนะ!! ไอ้_ตว์!!” พอผมบอกไม่รู้เท่านั้นแหละ มันก็ตะโกนโหวกเหวกอีกรอบ..
“น้องกู.. ” มันตบหน้าผากตัวเองก่อนทิ้งตัวลงนั่งบนเตียง
“แล้วมึงจำหน้ามันได้รึเปล่า ?” ผมพยักหน้า
“เออ.. ดี ...อย่าให้รู้นะว่าใคร กูจะเฉือนเนื้อสับ ๆ ๆ เอาไปให้จระเข้กิน” มันทำหน้าเหมือนกับจะทำแบบนั้นจริง ๆ.. แต่ผมรู้ว่ามันพูดให้ผมรู้สึกดีขึ้นเท่านั้นเอง
“แล้ววันนี้...” ก่อนที่ผมจะได้พูดถึงปัญหาหนักอกที่เพิ่งเจอมาวันนี้..ก็ถูกแทรก
“ไทม์! คุณสิตานัน ต้องการพบเธอน่ะ” พี่(?)ตาล แฟนของมันก็โผล่ศีรษะเข้ามาบอก พร้อมส่งยิ้มแปลก ๆ ให้ผม.. ...
“อีกแล้วเหรอวะ!” มันเกาหัวตัวเองแบบเซ็ง ๆ
“แบล็คมึงนั่งรออยู่ในนี้นะ” ผมนั่งลงอย่างว่าง่าย มองมันทำหน้าไม่สบอารมณ์ก่อนเดินออกไป
ผมนั่งเงียบ ๆ มองดูนาฬิกาแขวนลายโดเรม่อนที่ผมเป็นคนซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดมันเมื่อปีที่แล้ว....
คิดถึงวันเวลาดี ๆ ที่เคยได้ใช้ร่วมกับผู้หญิงคนหนึ่ง.... คิดถึงครั้งแรกที่เราได้เจอกัน....
ผมเป็นฝ่ายเริ่มเข้าหาเธอก่อน เพราะรอยยิ้มของเธอ... ความน่ารักสดใส...
“….ไง” ผมหันไปมองเจ้าของเสียงที่ทำลายความเงียบ....
....อ....ไอ้.....ไอ้หมวยตัวซวย!!!
“ท...ทำไมนายมาอยู่ที่นี่!!”

_____________________________________
ตัวแปรสำคัญ ของคู่รักหนักหน่วง เริ่มปราำกฎกายล่ะ  หึหึ ยังมีอีกเยอะ... :m15:

ออฟไลน์ akazu

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 550
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +240/-6
Re: Look @t Me!! by หยดน้ำผึ้ง บทที่ 23 [up 20.06.54]
«ตอบ #127 เมื่อ20-06-2011 21:31:58 »

- 23 -
“ท...ทำไมนายมาอยู่ที่นี่!!” ผมชี้หน้าไอ้คนที่จู่ ๆ ก็เข้ามาทำให้ชีวิตผมแปรปวนไปหมด
“นั่นเป็นคำทักทายของคนที่มีอะไรกันเมื่อคืนงั้นเหรอ ?” รอยยิ้มสวยขัดกับคำพูดถากถาง...ราวกับจะตอกย้ำผม...รู้สึกเหมือนสมองถูกบีบเมื่อได้รู้ความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนนี้
“ม...หมายความว่าไง ?” ผมถามกลบเกลื่อน...
“ก็อย่างที่พูด... แล้วผู้ชายคนนั้นล่ะ ?” ผู้ชาย ? อะไร ?...
“....” ผมพยายามนิ่งเฉย.. ทั้ง ๆ ที่ในใจอยากจะถามว่าเขากำลังพูดถึงอะไรอยู่
“จำไม่ได้ล่ะสิ” เสียงพูดปนขำ ราวกับจะประชดผม..
“อย่าเข้ามา!” ผมรีบพูดดัก เมื่อเห็นเขาทำท่าราวกับจะเดินล้ำเข้ามาใกล้... แต่เขากลับไม่สนใจฟังผม
“ฉันบอกว่าอย่าเข้ามา!!” ผมย้ำอีกครั้ง กวาดสายตาหาอะไรซักอย่างที่จะหยุดไอ้หมอนั่นได้
“......เราแค่เอานี่มาคืน...” ไอ้หมวยวางถุงยาไว้บนโต๊ะห่างจากผมออกไปประมาณเมตรหนึ่ง
“...” ทั้งห้องอยู่ในความเงียบ.. ผมมองมันหันหลังกลับ และค่อย ๆ ออกตัวเดินจากไป...
“เดี๋ยว! นาย...นายเป็นใคร ?” โธ่เว๊ย! จะไปถามทำไมเนี่ย! ..ปล่อยให้มันไปก็ดีแล้ว... ถึงผมจะคิดแบบนั้นแต่อีกใจนึงก็อยากจะรู้ว่าไอ้หมอนี่เป็นใครกันแน่
“ฮึ.. เราชื่อนัน..” ไอ้หมวยหันมาเหยียดยิ้มให้ผม.. นัน... ผมไม่เคยได้ยินชื่อนี้แฮะ....
“ไม่รู้จักล่ะสิ... ฮะ ๆ.. เธอจะรู้จักเราได้ยังไง... ในเมื่อเธอไม่เคยสนใจเรา... มีแต่เราฝ่ายเดียว ที่รู้จักเธอ... เฝ้ามองเธอ...” ไม่รู้ว่าทำไม.. ผมรู้สึกกลัวจนต้องหลบสายตาตี่ ๆ ของเขา
“แล้วเจอกันใหม่...” เขาพูดทิ้งท้ายก่อนจะปล่อยให้ผมอยู่คนเดียวภายในห้อง…
ไม่นานนักจู่ ๆ ประตูก็เปิดผลัวะออกมา
ไอ้ไทม์สภาพหอบเหมือนหมากวาดตามองในห้องด้วยความรวดเร็ว
“..แฮ่ก...ไอ้แบล็ค!..ม...เมื่อกี้..มีคนเข้ามารึเปล่า ?” มันถามรัวทั้ง ๆ ที่ก็แทบจะหายใจไม่ทัน
“...อือ...ทำไม ?” ผมรับคำงง ๆ
“มัน...ทำอะไรมึงรึเปล่า? ...ไอ้นั่นน่ะ! สิตานัน มึงระวังไว้นะ..” ...ช้าไปแล้วล่ะ....ขอบใจมากนะไอ้ไทม์
“ก็คุณสิตานันเค้าบอกว่ารู้จักแบล็ค แล้วก็อยากคุยเป็นการส่วนตัวนี่” พี่ตาลยิ้มชืดให้ไอ้ไทม์ ก่อนโค้งศีรษะให้ผมเชิงขอโทษ
“แล้วตาลก็ให้มันเข้ามาในห้องไทม์เนี่ยนะ! โห.. เมียกู” ไอ้ไทม์พูดเป็นเชิงล้อกับแฟนของมัน... ผมแอบขำเบา ๆ... ถ้าผมกับแคนดี้คุยกันเข้าใจอย่างคู่นี้ก็ดีสิ
“ระวังไอ้นี่ไว้ให้ดีนะเว้ย นิสัยโคตรคุณหนูเลย มาทีไรกูปวดหัวจนแทบบ้า แถมยังซอกแซกล้วงข้อมูลเก่งเป็นที่หนึ่ง” มันเตือน…
“ถูกล้วงข้อมูล ?” ผมตั้งคำถาม..
“..เอ่อ.... คือ...มันมาถามเรื่องของมึงตั้งแต่ช่วงที่เปิดร้านใหม่ ๆ แล้วอ่ะ” ไอ้ไทม์ทำหน้าปุเลี่ยน ๆ เหมือนจะทำผิดอะไรเอาไว้
“แล้วก็บอก ?” ผมเริ่มจะเห็นเค้าลางอะไรบางอย่าง...
“ฮุ ๆ... คือตอนนั้นมันเผลอน่ะ” มันเกาหัวเขิน ๆ ....น่ารักตายละ...
“....บอกอะไรไปบ้าง ?” ตอนนี้ผมจ้องมันเขม็ง
“ก็...เรื่องทั่ว ๆ ไป” มันพยายามบ่ายเบี่ยง
“...อะ...ไร...บ้าง...” ผมย้ำทีละพยางค์ เผื่อมันจะเข้าใจอะไรมากขึ้น
“ก็...เรื่องคนที่มึงคบอยู่ ...ครอบครัว ...ของที่มึงชอบอะไรประมาณนั้น”
“ให้ตาย..” ผมกุมขมับตัวเอง...
“ทำไมทำท่าแบบนั้นวะ ?”
“ไอ้คนที่เล่าให้ฟังเมื่อกี้น่ะ คือไอ้หมอนี่แหละ...”
 
การสอบผ่านไปได้อย่างเรียบร้อย.. โดยที่ผมไม่ได้ติดต่อกับแคนดี้อีก และวันนี้ผมกำลังคิดว่าจะไปหาเธอ...
ผมปฏิเสธที่จะไปเที่ยวหลังการสอบของไอ้คุณเพื่อนทั้งหลาย เพราะผมอยากใช้เวลาที่ว่างไม่กี่วันนี้กับแฟนของผมก่อน.. แต่ผมไม่รู้ว่าเธอจะยังรอผมอยู่รึเปล่า..
ติ๊งต่อง~…
ผมยืนอยู่หน้าบ้านของเธอร่วมสิบนาที... ไม่มีการตอบรับจากคนในบ้าน
หรือว่าเธอจะไปเที่ยวกับเพื่อนนะ ?...
ผมตัดสินใจรออยู่หน้าบ้านเธอ... ไม่สนใจว่าแสงอาทิตย์ในประเทศไทยจะสาดแสงร้อนแรงแค่ไหน
“แบล็ค....” ไม่รู้ว่าผมรออยู่นานขนาดไหน...กว่าจะได้ยินเสียงหวานคุ้นหูเรียกชื่อผมอย่างแผ่วเบา.. ผมหันกลับไปตามเสียงเรียกก็พบว่าเธอกำลังยืนอยู่... กับผู้ชายอีกคน....
ผู้ชายคนนี้เป็นคนเดียวกันกับที่ผมเห็นในวันนั้น... สายตาของเขามองมาอย่างไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย
“...กลับช้าจัง...” ผมส่งยิ้มชืด ๆ ให้เธอ
“มาตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ.. ทำไมไม่บอกแคนดี้ก่อน ?” เธอพยายามวางน้ำเสียงให้ดูห่างเหิน... ต่างจากปกติ
“ตั้งแต่สอบเสร็จน่ะ... ไปเที่ยวมาเหรอ ?” ผมพยายามยิ้ม แม้จะรู้ว่ามันดูฝืดฝืนเต็มที
“อืม... จีนกลับไปก่อนนะ แคนดี้จะคุยกับแบล็ค” ประโยคหลังเธอหันไปบอกผู้ชายคนนั้น
เขาปรายตามองมาที่ผม ก่อนจะพยักหน้าอย่างเสียมิได้
“...ใคร ?” ผมพยายามควบคุมน้ำเสียงตัวเองไม่ให้สั่น และเป็นฝ่ายเริ่มเปิดประเด็น หลังจากที่เหลือเพียงเรา 2 คนที่ยืนนิ่งอยู่หน้าบ้านของเธอ
“...แบล็คสนใจด้วยเหรอ ว่าแคนดี้จะทำอะไร ไปกับใคร ?” เธอถามกลับ.. แสงสีส้มของดวงอาทิตย์ที่ลับขอบฟ้า เปลี่ยนดวงตากลมโตสีนิลคู่ที่ผมเห็นเป็นประจำกลายเป็นสีน้ำตาล
ทุกอย่างมันกำลังจะเปลี่ยนไป... ผมรู้สึกได้... ถ้าผม...ถ้าผมยังคงฝืนอยู่ละก็...
“ช่างเถอะ...”
“ช่างได้ยังไง! ทำไมแบล็คถึงเป็นแบบนี้ทุกที!! ไม่ห่วงบ้างเหรอ ? ไม่สนใจกันเลยรึไง !?” เธอตวาดเสียงแหลม.. แล้วจะให้ผม... ฝืนพูดไปอีกทำไม.. คนเดินผ่านไปมาก็ดูออก ว่าทั้งคู่มีความสัมพันธ์กันแบบไหน
“...ขอโทษ” ผมพูดออกไปเบา ๆ
“ฮึก..แคนดี้ไม่อยากได้ยินคำนี้ซักหน่อย!.. ขอโทษทำไม! ฮือ...ขอโทษอะไรกัน!!” เธอร้องไห้ฟูมฟาย กำมือทุบไหล่ผมหลายครั้ง...
..........ผม...เป็นคนรักที่แย่มาก...
ผมชั่งใจอยู่นาน...ก่อนที่จะเอื้อมมือทั้งสองข้างโอบตัวเธอไว้
แต่ไม่ทันที่ผมจะได้สัมผัสกลิ่นกายของเธอ ผมก็ถูกผลักออกห่าง
“ทำบ้าอะไร !?” ผู้ชายคนที่ชื่อจีนถามอย่างโกรธ ๆ ....
“จีน!” แคนดี้เรียกชื่อเขาอย่างตกใจ
หมอนี่แกล้งทำเป็นกลับไปแล้ว .. แต่ที่จริงกำลังแอบดูเราอยู่งั้นเหรอ ?
“นายจะทำอะไรแฟนฉัน !?” คำพูดแสดงความเป็นเจ้าของ ของเขาเสียดแทงเข้าสู่ภายในใจของผม
“จีน!!” แคนดี้เรียกเขาอีกครั้งหนึ่ง
“ทำไม ?.. หรือเธอจะปฏิเสธ..” คำถามของเขาทำให้เธอเงียบไป
เราทั้งสามคนตกอยู่ในความเงียบงัน... ท้องฟ้าสีส้มเริ่มจะเปลี่ยนเป็นความมืดเข้ามาแทนที่
“...งั้นก็...โชคดีนะ...” ผมเป็นฝ่ายเริ่มพูดก่อน... พยายามจะไม่ให้เธอรู้ว่าผมเจ็บปวดแค่ไหน... ผมรีบเดินหนี...ไม่ให้เธอรู้ว่าผมกำลังจะร้องไห้
“เดี๋ยว!...... จะไม่..จะไม่ถามเหตุผลเลยเหรอ ...?” เสียงเรียกของเธอทำให้ผมหยุดชะงัก... ก่อนตัดสินใจเดินต่อ..
“...แบล็ค!....กลับมาเดี๋ยวนี้นะ......กลับ....มา....” ...เสียงของเธอกำลังจะหายไป.... ทุก ๆ อย่างกำลังจะจบลง...

__________________________________
 :monkeysad:ช้ำใจ มีอะไรช้ำใจไปกว่านี้อีกไหม ใครจะเป็นฮีโร่มาช่วยดามใจพี่แบล๊คดีหนอ  :laugh:ครบ 5 ตอนพอดี คิคิ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-06-2011 21:34:14 โดย akazu »

ออฟไลน์ Sorso

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 795
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-3
แบล็คคคคคคคคคค

มาคบกะเราก็ได้น๊า

นายไม่ได้เป็นคนรักที่แย่ขนาดนั้นหรอก

ออฟไลน์ akazu

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 550
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +240/-6
- 24 -

แบล๊ค

แม่ของผมชวนไปบ้านใหญ่ แต่ผมต้องปฏิเสธเพราะติดเรียนพิเศษ ทั้ง ๆ ที่ในใจของผมอยากจะไปพักบ้าง.. แต่ก็ทำไม่ได้เพราะอีกไม่กี่เดือนผมต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว หนังสือเตรียมสอบวางอยู่ในห้องเป็นปึก ๆ ถ้าเอามาวางเรียงกัน คงจะถึงเอวของผม
กึง! เสียงประตูห้องของผมเปิดผลัวะ พร้อมกับร่างใหญ่ ๆ ของไอ้น้องชายตัวแสบ...

“ทำไมไม่หัดเคาะประตูก่อน” ผมถามอย่างเซ็งจัด.. เพิ่งจะบอกเลิกกะแฟนแล้วยังจะต้องมาทะเลาะกับน้องอีก  นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ไอ้บลูใช้ความรุนแรงกับประตูห้องผม ทั้ง ๆ ที่ล็อกเอาไว้เรียบร้อยแล้ว แต่มันก็ยังเตะจนกลอนมันหลุดได้สิน่า..

“พี่แบล็คชักช้า” มันบ่นงึมงำก่อนล็อกประตูห้องแล้วเดินไปเปิดหน้าต่างยังกับเป็นห้องของมัน

“ใครให้เข้ามาสูบในห้อง!” ผมถามมันอย่างเหลืออด

มันยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ... ผมสงสัยเหลือเกิน ทั้ง ๆ ที่กัณฐ์ออกจะน่ารักและเป็นเด็กเรียบร้อย แต่ทำไมกลับมีเรื่องบ่อย ๆ ทั้ง ๆ ที่ไอ้บลูหน้าตากวนอวัยวะเบื้องล่างกว่าเยอะ สัมมาคารวะต่อรุ่นพี่ก็ไม่เคยมี แต่ไม่ยักจะมีเรื่องกับใครซักคน

ผมพอจะรู้สาเหตุที่มันมาสูบบุหรี่ในห้องผม เพราะห้องของมันไม่มีหน้าต่าง ส่วนกัณฐ์ก็ไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ และอีกอย่างหนึ่งก็คือมันกลัวพ่อกับแม่รู้...

มันทำหน้างง ๆ เมื่อเห็นผมแบมือขอบุหรี่
ผมจึงเป็นฝ่ายดึงบุหรี่ที่มันคาบอยู่โยนออกไปนอกหน้าต่าง.. พอมันเห็นผมทำแบบนั้นก็ทำหน้าถมึงทึงและทำท่าจะหยิบบุหรี่มวนใหม่ขึ้นมาสูบต่อ แต่ผมรวบมาถือไว้หมดทั้งซอง ไอ้บลูท่าทางจะอารมณ์เสีย มันเดินปึงปังจะออกไปจากห้องผม..

“เกิดมาเป็นแกนี่สบายชะมัดเลยบลู ไม่เห็นกลุ้มใจอะไร ทำอะไรก็ไม่ต้องคิดหน้าคิดหลัง... ไม่มีใครฝากความหวังไว้ให้” เสียงรำพึงเบา ๆ ของผมทำให้มันหยุดชะงัก แล้วหันกลับมาตอบบ้าง

“พี่แบล็คนั่นแหละ... อย่าเอาความคาดหวังของคนอื่นมาตั้งไว้กับตัวเองดิ ปล่อย ๆ ไปซะบ้าง”

“แกก็พูดได้นี่หว่า” ผมเม้มปากแน่น... ในเมื่อมันไม่ได้ถูกคาดหวังอย่างผม... มันจะเข้าใจได้ยังไง...

“พี่แบล็คก็ทำได้ แต่อยู่ที่ว่าจะทำหรือเปล่า.. จะสนใจสายตาคนอื่นอีกรึเปล่า ?” ....

“...คนเรามันไม่เหมือนกัน.. ผมไม่แคร์ ไม่สนใจว่าใครจะมองผมยังไง นอกจากคนที่ผมรัก...และรักผม... แต่พี่แบล็คไม่ใช่ พี่จะต้องดูดีในสายตา ‘คนอื่น’ เสมอ จริงมั๊ย ?” เมื่อพูดจนจบประโยค มันก็เดินออกไป... ปล่อยให้ผมได้คิด...

ผมเคยมองว่ามันเป็นเด็กบ้า ๆ บอ ๆ เที่ยวเล่นไปวัน ๆ แต่คำพูดที่แสดงความคิดเห็นของมันในครั้งนี้ทำให้ผมต้องเริ่มมองทุกสิ่งใหม่... ไม่ใช่ผมคนเดียวที่โตขึ้น.. น้อง ๆ ของผมก็เหมือนกัน... บ้างครั้งคนที่เติบโตช้าที่สุดอาจจะเป็นผมก็ได้...
 
ไม่กี่วันถัดมาผมก็ต้องบอกลาทุกคนแล้วอยู่บ้านอย่างโดดเดี่ยว.. พอผมบอกว่ามือถือหายพ่อก็เจ้ากี้เจ้าการให้ไปซื้อใหม่เพื่อจะได้ติดต่อสะดวก แต่ผมไม่มีเวลาว่าง.... ผมต้องเรียน ๆ ๆ ๆ ๆ แล้วก็เรียน.... เหมือนไม่ได้ปิดเทอม เพื่อนที่เคยเจอหน้าบ่อย ๆ ที่โรงเรียนก็ต้องกลับมาเจอกันอีกที่เรียนพิเศษ

ผมพยายามลืมเรื่องของเธอ ทำตัวตามปกติแม้จะเจอกันบ้างตามที่เรียนพิเศษ... ผมก็พยายามหลบหน้าเธอ...
พรุ่งนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ผมควรจะพักผ่อนแท้ ๆ แต่ก็มีเรียนชดอีก!! จะบ้าตาย...ช่วงหลัง ๆ นี้ผมกลายเป็นคนหลับยาก หากไม่พึ่งยา... แต่มันก็เป็นข้อดีนิดหน่อยที่ผมจะได้อ่านหนังสือเพิ่มขึ้นเพียงแต่มันไม่ค่อยเข้าหัวซักเท่าไหร่
....หืม ?...รถของใครจอดอยู่หน้าบ้านผม ?….เพื่อนในห้องมีไม่กี่คนที่ขับรถแพง ๆ แบบนี้... แต่มันไม่ใช่สีนี้นี่หว่า..

“เฮ้.. เธอกลับบ้านช้ามากเลย” เจ้าของรถคันหรูนั้นยื่นหน้าออกมาทักทายผม...

ผมขมวดคิ้วมุ่น... ใครอีกวะเนี่ย.... อ...อ๋อ...ผมจำได้แล้ว!...ผู้ชายคนนี้เป็นคนที่ลากกัณฐ์ไปในวันงานโรงเรียนนั่นเอง...แต่วันนี้เขาไม่ได้ทำหน้าดุเหมือนหมาบ้ามา...ผมก็เลยรู้สึกว่าเขาดูดีขึ้นเยอะ...

“หวัดดีครับ…” ผมยกมือไหว้.. ท่าทางเขาจะแก่กว่าผมหลายปี หรืออาจจะเป็นเพราะสูทที่เขาใส่ทำให้ดูภูมิฐานขึ้นเยอะ พอเขาออกมายืนเทียบขนาดตัวกับผมแล้ว กลายเป็นว่าผมดูตัวเล็กไปถนัดตา... เหอะ ๆ

“ฉันมีเรื่องจะต้องเคลียร์กับเธอ” ผมขมวดคิ้วเล็กน้อย.. ผมไปมีเรื่องกับเขาเมื่อไหร่ ?

“..เข้ามาข้างในก่อนสิครับ” ผมเอ่ยปากเชิญเขาอย่างเสียมิได้.. เมื่อสภาพแวดล้อมหน้าบ้านผมค่อนข้างมืดสลัว และไม่เหมาะที่จะพูดคุยซักเท่าไหร่

“เดี๋ยวผมไปรินน้ำมาให้”

“ไม่ต้อง...”

“ฉันมีเรื่องจะถาม...” เสียงทุ้มของเขาฟังดูกระด้างขึ้นถนัดตา
ผมมองเขาอย่างคลางแคลง.. และพยายามนั่งออกห่าง ถ้าเขาเกิดคลั่งเหมือนวันนั้นขึ้นมาล่ะก็จะได้มีทางหนีทีไล่

“...เธอ...บอกอะไรกับน้องเธอ ?” เขาข่มอารมณ์เอาไว้อย่างมิดชิด จนผมไม่อาจรู้ได้ว่าเขากำลังพูดด้วยความรู้สึกแบบไหน

“ฮะ ?” เขาพูดอะไร ? น้องที่พูดนี่คงจะเป็นกัณฐ์สินะ

“ฉันกำลังถามว่า...เธอไปพูดอะไรกับน้องชายของเธอ!”

“ผมพูดอะไร ?” ผมถามกลับอย่างตื่น ๆ

“เธอบอกว่าฉันมีเซ็กซ์กับเธอ!” เสียงตวาดของเขาทำเอาผมผวา

“ห๊ะ !?” ผมส่งเสียงงง ๆ ผมไปมีอะไรกับเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ ?? ครั้งแรกและครั้งสุดท้ายก็เจอกันที่งานโรงเรียนไม่ใช่เหรอ ??

“ไม่ต้องมาทำเป็นไม่รู้เรื่อง! ฉันไม่น่างี่เง่าเข้าไปยุ่งกับเธอ!” ดูเหมือนเขาจะระงับความโกรธเอาไว้ไม่อยู่ ส่งสายตาฉุนเฉียวและท่าทางไม่พอใจออกมา

“ผมไม่เข้าใจ คุณพูดอะไร ?” ผมพยายามทำสีหน้าเรียบเฉย แม้ในใจจะหวั่น ๆ ว่าเขาจะลุกขึ้นมาทำร้ายผม

“อย่าทำเป็นแกล้งลืม วันนั้นเธอยังร้องครวญครางอยู่ใต้ตัวฉันอยู่เลย” คำพูดของเขาราวกับน้ำเย็นสาดใส่หน้าผม...ผมรู้สึก ‘ปรี๊ด’ ขึ้นมาบ้าง

“คุณหมายความว่ายังไง !?” ผมเป็นฝ่ายเริ่มขึ้นเสียงบ้าง ...คำพูดของเขามันทุเรศเกินกว่าจะรับไหว

“....เธอ...จะให้ฉันรื้อฟื้นความทรงจำให้มั๊ย ?” ดวงตาสีสนิมนั่นกราดมองผมอย่างรังเกียจ

“ความทรงจำบ้าอะไร !?” ผมตวาดเสียงดังและเริ่มรู้สึกกลัวสายตาของเขา

“เชิญคุณออกไปได้แล้ว ผมไม่รู้ว่าคุณพูดเรื่อง...” ไม่ทันจะจบประโยคร่างกายหนา ๆ นั่นก็เข้าประชิดตัวผม ....ผมรู้สึกกลัวเขาอย่างบอกไม่ถูก เหงื่อซึมออกตามผ่ามือ  และใบหน้า ผมตั้งใจจะลุกหนี แต่เขาใช้แขนค้ำพนักเก้าอี้กั้นทางหนีของผมไว้

“มาพิสูจน์กันหน่อยมั๊ย ว่าเธอจำได้แค่ไหน...” เสียงทุ้มนั้นดังอยู่ข้างหูผม ลมหายใจของเขามีกลิ่นหอมอ่อน ๆ.. พระเจ้า.. หรือว่าการมีอะไรกับผู้ชายเพียงคนเดียวทำให้ผมเกิดอาการเบี่ยงเบนทางเพศวะ!!

ไม่จริงหน่า!! ผมแค่รู้สึกจั๊กกะจี๋เท่านั้นเอง ..ไอ้หมอนี่น่ากลัวจะตายชัก ..อย่าว่าแต่ผมเลย ผู้หญิงที่ไหนจะชอบเขาลง

“หลีกไป…” ผมคิดไปเองรึเปล่าว่าเสียงของผมสั่น ๆ

“ฮึ.. จะว่าไปเธอก็.. หน้าตาใช้ได้นะ ....แต่ไม่น่า...” เขาเว้นระยะไว้

“ไม่น่าอะไร ?” ผมถามอย่างไม่ชอบใจ..

“ไม่น่าเป็นพวกผิดเพศเลย” จบประโยคผมผลักเขาออกด้วยแรงโทสะและตวาดเสียงกร้าว

“ผมจะเป็นอะไร มันก็เรื่องของผม!! เชิญคุณออกไปได้แล้ว!!” ผมชี้นิ้วไปทางประตูบ้าน ..และขบฟันแน่น.. ไม่เคยมีใครดูถูกผมแบบนี้มาก่อน.... และไม่เคยที่ผมจะรู้สึกรังเกียจใครมากขนาดนี้มาก่อนเช่นกัน....

“ไม่ปฏิเสธงั้นเหรอ ? ..เรื่องจริงสินะ บ้านนี้คงเป็นกันทั้งบ้าน..” ผมปล่อยหมัดใส่ใบหน้าของเขาสุดแรง... อาการแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับผมมาก่อน... แบบนี้สินะที่เขาเรียกว่าโกรธจนเลือดขึ้นหน้า... ถ้าหากเขาว่าผมคนเดียว ผมจะไม่แคร์เลย

แต่นี่เขากลับเหมารวมหมด... ซึ่งแน่นอนว่าผมจะยอมให้เขาดูถูกศักดิ์ศรีคนในบ้านของผมไม่ได้!! ดูเขาเหมือนจะอึ้ง ๆ ที่ผมกล้าทำแบบนี้ ดวงหน้าคมคายนั่นหันกลับมามองผมอย่างกินเลือดกินเนื้อ

“...เธอ.... นี่เธอ.... กล้าลองดีกับฉันงั้นเหรอ !?” เขาพูดเสียงเย็นเยียบ... ผมเริ่มรู้สึกหวั่น ๆ แต่ทำเป็นใจกล้าเชิดหน้าใส่เขา

“ฤทธิ์มากนักใช่มั๊ย ห๊ะ!?” เขาคว้าตัวผมประทับจูบรุนแรงและหยาบคาย ผมได้รสคาวของเลือดภายในโพรงปากรู้สึกสะอิดสะเอียนอย่างบอกไม่ถูก.. ผมเคยกล่าวหานางเอกในละครหลังข่าวว่าถูกลวนลามแล้วทำไมไม่ต่อสู้ แต่เพิ่งสำเหนียกได้บัดนี้เองว่าขนาดแรงผู้ชายด้วยกันยังสู้ไม่ไหวเลย

ผมทั้งผลักทั้งดิ้นจนเหนื่อย เขาไม่มีทีท่าว่าจะยอมละริมฝีปากแถมยังดูเชี่ยวสะจนผมเริ่มเคลิ้ม แต่พอเขาเริ่ม ‘ล้วง’ สติที่กระเจิดกระเจิงเมื่อกี้กลับมาหมด และครั้งนี้ผมหลุดจากเขาสำเร็จและรีบวิ่งหนีเข้าไปในห้องนอน

หวังว่าเขาคงไม่ขโมยอะไรในบ้านผมนะ... อืม... ออกจะรวยปานนั้น...

ผมปาดเหงื่อที่ไหลซึมตามใบหน้าอย่างอ่อนล้า... มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตผมวะเนี่ย.... เรื่องไอ้หมวยก็ทีนึงแล้ว แถมยังมีหมอนี่อีก นี่มันเกิดวินาศสันตะโรอะไรขึ้นกับชีวิตของผม!? บางทีปีนี้อาจเป็นปีที่ผมดวงตกที่สุดในชีวิต... ผมคงต้องไปสะเดาะเคราะห์ปล่อยนก ปล่อยปลาที่วัดหลังจากที่ไม่ได้เข้าไปเหยียบเกือบปีซักหน่อยแล้ว ก่อนที่จะคิดอะไรไปมากกว่านั้นจู่ ๆ ผมก็รู้สึกเหมือนถูกกระแทก

“เฮ้ย!!” ผมร้องเสียงหลงเมื่อหมอนั่นผลักประตูห้องผมจนกลอนหลุด แถมบานประตูยังมากระแทกตัวผมจนเซไปหลายฟุต
ไอ้...ไอ้บลู!!! ชื่อของน้องชายสุดที่รักที่มันสร้างวีรกรรมไว้มากมายกับประตูห้องผมมันผุดขึ้นมาในหัว!!!

‘ห้องน้ำ!!!’ ในใจของผมตะโกนโหวกเหวกให้ผมเข้าไปหลบในห้องน้ำแต่ความยาวขาของผมดันเสียเปรียบน่ะสิ!!

“ฮึ..” เสียงหัวเราะในลำคอของเขาโคตรหลอน เขาคงรู้สึกเป็นต่อเมื่อคว้าแขนผมได้ข้างหนึ่ง ....ผมรีบหยิบหนังสือสังคมรวม 15 พ.ศ. บนโต๊ะอ่านหนังสือขึ้นมาหวังเป็นที่พึ่ง

“อย่า!! นะ! ผมสู้นะคุณ!!” ผมโชว์ความหนาของสันหนังสือประมาณ 2 นิ้วกว่า ๆ ขึ้นมาเพื่อหลอกล่อให้เขากลัว... แต่..มันไม่ช่วยอะไรเลย.....

“วันนั้น.. ฉันไม่ถือว่ามันคือเซ็กซ์หรอกนะ... ต่อจากนี้ไปต่างหากคือของจริง...” รอยยิ้มเหี้ยม ๆ กับคำพูดประโยคเดียวของเขาทำเอาผมเสียวก้นวาบ ๆ .... หวังว่าเขาคงจะไม่...ไม่คิด...แบบผม

+++ อย่างน้อยก็ขอให้ผมได้เป็นฝ่ายอยู่ข้างบนเถอะนะ T^T
................................................................
 :m22: ไม่ค้างกันใช่ป่ะคะ่ ขอโทษมิตรรักแฟนคลับเรื่องนี้ด้วยน่ะค่ะ(มีหรอว่ะ) ที่ห่างหายไปนาน จนคุณหยดผู้แต่ง ต้องเมล์ตามกันเลยทีเดียว คึคึ ขอโทษคร้าบบบ กระผมจะมาลงต่อเนื่องจนจบอย่างแน่นอน มีำคำผิดใด แนะนำด้วยเน้อ โปรดติดตามตอนต่อไป เอิ๊กกก..
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-10-2011 08:30:10 โดย akazu »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ SuSaya

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +220/-9
เหมือนจะเคยอ่านจบไปแล้วรอบนึง...เรื่องนี้พี่แบล็คน่าสงสารที่สุดเลย

pklove

  • บุคคลทั่วไป
เรื่องนี้สนุกมากเลยค่ะ

ออฟไลน์ qq_oo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +143/-4
จะรอจ้าาาาาาาาาาาาาาาาาา

ออฟไลน์ MiU

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 229
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-3
สนุกมากเลยค่า เป็นกำลังใจให้นะคะ +1   :-[ :-[ :-[

ออฟไลน์ akazu

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 550
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +240/-6
Warning : ตอนนี้เป็นตอนที่มีเนื้อหาไม่เหมาะสมสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี สามารถอ่านข้ามไปได้เลยค่ะ

- 24.5 -

เรานัวเนียกันอยู่พักใหญ่ ผมทั้งกัดทั้งถีบแต่เขาก็ไม่มีท่าทีสะทกสะท้าน แถมยิ่งรุนแรงจนผมรู้สึกเหมือนกระดูกแขนข้างที่เขาจับอยู่กำลังจะลั่นเป๊าะ และหักเป็น 2 ท่อนไปในที่สุด

“เธอคิดจะยั่วฉันรึไง ..พามาถึงห้องนอน” เขากระซิบถามเสียงเยาะหยัน

“อ..ไอ้...ไอ้โรคจิต!!...หื่นกาม!!” ผมด่าว่าเขาพลางใช้สันหนังสือฟาดใส่ตัวเขา.. แต่ดูเหมือนจะทำให้เขาโกรธยิ่งขึ้นนะ ...

“..ถ้าคุณทำอะไร...ผมร้องให้คนช่วยแน่..” ผมขู่... หวังในใจว่าถ้าร้องเสียงดังมาก ๆ ป้าข้างบ้านอาจจะมาถามด้วยความห่วงใย.. ผมหวังว่าอย่างงั้น...

“ฮึ.. คิดว่าฉันไม่รู้รึไง ว่าคนในบ้านเธอไปต่างจังหวัดกันน่ะ” ผมรู้สึกเหงื่อแตกพลั่ก ผมจะอ้างอะไรอีกดี.. คิดสิ คิด ๆ ๆ...
....................สุดท้ายผมก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้.. เขาจับผมให้อยู่ในท่าคลานเข่าแล้วดึงกางเกงของผมลง

“อย่า!!” ผมบอกเสียงเครือด้วยความหวาดกลัวสุดใจ
มือทั้งสองข้างของผมถูกจับไพล่หลัง ลิ้นเปียกชื้นเล็มเลียใบหูของผมอย่างแผ่วเบา เข่าของผมถูกดันให้แยกออก ผิวเนื้อร้อนของเขาสัมผัสร่างกายของผมอย่างจาบจ้วง

“....โอ๊ย!!” ผมร้องเสียงหลงพยายามดีดดิ้นเมื่อเขาดันส่วนที่ร้อนรุ่มเข้ามา โดยไม่ได้บอกกล่าว

“..อืมม์....อย่าดิ้นสิ....ยังไม่ได้เข้าไปเลย” เขากระซิบบอก กัดคอผมอย่างหมั่นเขี้ยว มืออุ่นร้อนพยายามกระตุ้นให้ผมผ่อนคลายลง

“อ..ฮึก!” ผมซุกหน้าลงกับหมอน มือข้างหนึ่งที่หลุดจากการจับกุมพยายามดันหน้าขาของเขาเอาไว้ แต่มันไม่ได้ผล เสียงหอบหายใจของเราสองคนดังไม่ขาด ร่างกายของผมถูกบังคับให้เปิดรับเขาด้วยสารหล่อลื่น

“เจ็บ! พอแล้ว!” สุดท้ายผมก็ต้องเปิดปากขอร้อง เมื่อรู้สึกจุกในท้องน้อยและร่างกายเหมือนจะขาดออก

“ฉันไม่แคร์..” เขากระซิบบอก และดันร่างกายของเขาเข้ามาอีก

ผมครางเสียงหลง ตะกุยที่นอนจนผ้าปูที่นอนยับยู่ยี่ไปหมด ผมแทบจะโห่ร้องเมื่อเขาถอนตัวออกจากร่างกายผมแต่ต้องสะดุดเพราะเขาดันสวนมันกลับเข้ามาอีกครั้ง.. และอีกครั้ง

ผมไม่เข้าใจเลยว่าพวกตุ๊ดมันยอมให้เอาทางนี้ได้ยังไง ....โคตรเจ็บ!! เจ็บจนน้ำตาผมไหลเหมือนเขื่อนแตก เขาเริ่มจากช้า ๆ แล้วเปลี่ยนเป็นเร็วขึ้นและแรงขึ้น แค่นี้ผมก็เจ็บจะตายอยู่แล้ว!!

..ผมกำลังถูกข่มขืน โดยผู้ชายที่ไม่รู้จักชื่อ และเคยพบกันเพียงแค่ครั้งเดียว ร่างกายของผมสั่นคลอนตามแรงกระทำ ในหัวก็คิดแต่ว่าเมื่อไหร่เขาจะเสร็จเสียทีและรีบ ๆ ออกไปจากตัวผม เขาใช้ระยะเวลาไปเกินกว่ามาตรฐานโข บวกกับลีลาและขนาดผมให้คะแนนเกินร้อย แต่ช่วยออกไปจากตัวผมทีเถอะ!!
..................................................
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก แบล๊คผู้น่าสงสาร :z3: ขอบคุณมิตรรักแฟนๆ ที่ยังต้อนรับเรื่องนี้กันอยู่น่ะค่ะ น่ารักทุกคนเลย บทอัศจรรย์ไม่ค่อยรุนแรงมากช่ายป่ะ มาแบบสั้น ๆ แล้วพบกันตอนต่อไปแบบเต็มรูปแบบค่ะ

ออฟไลน์ akazu

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 550
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +240/-6
- 25 -

ผมกลั้นเสียงสะอื้น ซุกตัวกับผ้าห่ม พยายามทำตัวให้ลีบเล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตามตัวของผมมีแต่รอยช้ำ
....เขาไม่ปราณีผมเลยซักนิด.. ปวดไปหมดทั้งตัวให้ตายเถอะ แรงยวบของพื้นเตียงทำให้ผมสั่นไหวนิด ๆ และหวังจะให้ตัวเองกลืนหายไปกับผ้าห่ม...

“....” ผมแอบถอนหายใจ เมื่อเขาผละออกไป ในใจของผมภาวนาให้เขาออกไปจากบ้านให้เร็วที่สุด แค่หายใจร่วมกันภายในห้อง ผมก็แทบจะอาเจียนแล้ว…

...เขารู้การเคลื่อนไหวของคนในบ้านผม.. รู้ว่าไม่มีใครอยู่ ...บางทีเขาอาจจะเป็นพวกเดียวกันกับไอ้หมวยบ้านั่น แต่ขณะนี้ผมไม่อยากจะถามหรือพูดคุยอะไรกับเขาทั้งสิ้น ถ้าเป็นไปได้ผมอยากวิ่งไปหยิบมีดในห้องครัวมากระซวกไส้เขาเสียมากกว่า...
ไม่นาน... ผมก็ผล็อยหลับไปทั้งอย่างงั้นด้วยความเหนื่อยอ่อน
 
ผมตื่นขึ้นมาตอนสายด้วยความครั่นเนื้อครั่นตัว และพบเพียงความว่างเปล่า... ผมโทรไปหาไอ้เจสั่งให้มันช่วยจดหนังสือให้เป็นระเบียบ เพื่อผมจะได้ลอกการบ้านอย่างสบายตา

“เสียงฟังดูไม่ดีเลยว่ะ” มันบอกผ่านโทรศัพท์เบา ๆ ..คงจะเกรงใจคนอื่นที่ตั้งใจเรียนอยู่

“ไม่เป็นไร.. ขอบใจมากนะ” ผมบอก

“เออ ๆ คุยกับคนอื่นมั้ย ?”

“ไม่อ่ะ ขอนอนต่ออีกหน่อย”

“..พักผ่อนเยอะ ๆ นะเว้ย ดูแลตัวเองดี ๆ ยิ่งช่วงใกล้สอบนี่อย่าเป็นอะไรขึ้นมาเชียว ไม่งั้นได้รอสอบใหม่ปีหน้าแน่” มันบอก.. แต่ผมคิดว่าคงจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกแล้วละมั้ง.. ผมควรจะพกคัตเตอร์ติดตัวไว้ตลอด...ถ้ามีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นอีกผมขอยอมตายก่อนดีกว่า...

“อืม...” ผมตอบในลำคอเบา ๆ ผมค้นโบชัวร์แนะนำร้านของไอ้ไทม์ตอนที่มันเริ่มเปิดใหม่ ๆ เพื่อโทรศัพท์หามัน

“เออ..รายวะ” มันทักเสียงยานเหมือนเพิ่งตื่นนอน

“แบล็คนะ.. ช่วยซื้อข้าวต้มแถวนั้นมาให้หน่อยดิ”

“โหย~ รายวะ มาเองไม่ได้รึไง” มันงอแง ดูท่าจะนอนไม่เต็มอิ่ม

“ช่วยมาหาหน่อย”

“เป็นไร ?” มันถามงง ๆ

“...”

“เรื่องไอ้นันเหรอ ?” ไม่ใช่เลยว่ะ สงสัยจะเป็นคู่ขาของมัน..

“..ไม่”

“แล้วเรื่องไรอีกวะ ?” มันถามอย่างหัวเสีย ผมรู้สึกเสียใจนิดหน่อยที่มันดูออกจะรำคาญผม แต่ทำยังไงได้ ตอนนี้ผมอยากคุยกับมันนี่นา

“ช่วยมาหาหน่อยนะ” ผมอ้อน

“เออ ๆ เดี๋ยวไป รอแป๊บนึง” สุดท้ายมันก็ใจอ่อน ยอมมาหาผม..

ผมกลับขึ้นไปบนห้องและมองเห็นภายในถังขยะ ....ถุงยางอนามัย... ร่องรอยต่าง ๆ ภายในห้องทำให้ความทรงจำเมื่อคืนมันย้อนกลับมา  ผมรีบวิ่งเข้าห้องน้ำและอาเจียน.. กรดที่ถูกสำรอกออกมาทำให้ผมรู้สึกแสบคอไปหมด ขณะนี้ผมรู้สึกแย่เหลือเกิน... ผมหวังจะพึ่งใครซักคน

...แล้วชื่อของเธอก็ลอยขึ้นมาในหัว…แต่ผมไม่มีหน้าจะไปพบเธอซะด้วยซ้ำ ....เสียงกดออดทำให้ผมรีบลงไปเปิดประตูด้วยความยินดี แต่ต้องพบกับ…. .. . ความวิบัติ

“....” ผมผงะ รีบดันประตูปิด แต่มือหนา ๆ นั่นจับบานประตูไว้ทันและดันให้เปิดอ้าออก

“ฉันจะมารับเธอไปโรงพยาบาล” เสียงทุ้มนั้นบอกด้วยแววตาคล้ายลังเลใจ... ผมรู้สึกโมโหทุบประตูไม้ให้ปิด แต่มันติดไอ้คนตัวใหญ่นี่น่ะสิ

“เธอเลือดออกเมื่อคืน..“ ผมพยายามไม่สนใจฟังและยอมปล่อยประตู

“ฉันมีทิฐิ... แต่วันนี้ฉันเปลี่ยนใจ” ผมก้มหน้ามองรองเท้าหนังคู่แพงที่ลุกล้ำเข้ามาในบ้าน ....ไม่อยากได้ยินเสียงเขา ไม่อยากเห็นหน้า ไม่อยากพูดคุย แม้แต่หายใจร่วมกันก็ไม่อยาก มือของผมสั่นจนควบคุมไม่อยู่

“ออกไป!.. ออกไปเดี๋ยวนี้!!” ผมตวาด แต่เท้าของเขากลับยืนนิ่ง ผมจึงเป็นฝ่ายเดินกลับเข้าไปภายในบ้าน และเริ่มออกวิ่ง ถึงแม้จะรู้สึกเจ็บแผลอยู่บ้างแต่ก็ยังดีกว่าอยู่ใกล้ ๆ เขา

“เดี๋ยว!!” เขารีบคว้าแขนผมเอาไว้.. ผมร้องเบา ๆ เมื่อรอยช้ำจากน้ำมือเขาเมื่อวานมันเริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วงและรีบสลัดแขนออกจากการเกาะกุมอย่างรังเกียจ ดูเหมือนเขาจะตกใจนิด ๆ และรีบคว้ามือผมอีกครั้ง

“ปล่อย..” ผมพยายามบิดมือออกจากการเกาะกุม

“ทำไม ?!” เสียงของเขาเริ่มแข็ง แต่ผมไม่สน อยากหายไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด

“รังเกียจงั้นเหรอ ? …ได้….” จบคำเขารวบตัวผมเขาไปกอด และซุกไซร้ซอกคอ ...ผมโมโหมาก...ถึงมากที่สุด.....ผมรู้สึกน้ำตาปริ่ม ๆ... อะไรกันวะเนี่ย... กูเป็นผู้ชายนะเว้ย ทำไมกูต้องมาเจออะไรเหี้ย ๆ แบบนี้ด้วย.... น้ำตาผมเริ่มไหลด้วยความคับแค้นใจ... ผมตัดสินใจกัดคอเขาเต็มแรง และไม่ปล่อย.. คิดว่าจะให้เนื้อหลุดออกมาเลยด้วย

“โอ๊ย!!” ก่อนที่ผมจะทันได้สะใจก็มีเสียงแทรกเข้ามาก่อน

“เฮ้ย!!” ผมหันไปหาต้นเสียงคุ้นหูนั่น

“มึงมีรสนิยมแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ!!” ไอ้ไทม์ถามอย่างไม่เชื่อสายตา

“..ไทม์...” ผมเรียกมันเสียงเครือ แอบเช็ดน้ำตาและรีบวิ่งไปหามัน

“เอ้ย! อย่าเข้ามาใกล้!” ผมทำหน้าหงอยเมื่อมันทำท่ารังเกียจผม

“ทำไมมือสั่นแบบนั้นวะ เป็นไรป่าว ?” มันถาม

“อยากอ้วก” ผมบอกเบา ๆ ...ไม่รู้ว่าอยากอ้วกเพราะถูกสัมผัส หรือว่าเพราะอะไรกันแน่ มันเดินนำหน้าผมเข้าไปในห้องครัว ผมรีบเกาะติดมันเหนียวหนึบ ไม่มองแม้แต่เงาของอีกคนที่บุกรุกเข้ามาในบ้าน

“.... แฟนใหม่มึงเหรอวะ ?” มันกระซิบถาม แต่ผมทำหน้าไม่สบอารมณ์ตอบ

“ก็แมร่งจ้องกูอย่างกับจะฆ่า” มันบ่นพร้อมแกะข้าวต้มใส่ชาม

“มันจะฆ่าทุกคนที่ขวางหน้านั่นแหละ” ผมบอกเบา ๆ

“แล้วมันเข้ามาได้ไงวะ น้าอรให้ลูกเขยเข้ามาเหรอ ?” มันถามยิ้ม ๆ

“ไปบ้านใหญ่กันหมดน่ะ”

“อ๋อ.. เหงาล่ะสิ ชวนมาซะเต็มบ้าน” มันหัวเราะ และตบหัวผมเบา ๆ

“ไม่ได้ชวนหมอนั่นมา” แต่มันบุกเข้ามาเลย

“โหดู ...หลักฐาน เข้ามาตะกี้ก็ฟัดกันนัวเนีย” มันจิ้มมาที่รอยฟันตรงหลังคอของผม...

“...กูเต็มใจที่ไหน” ผมพึมพำเบา ๆ....  ไอ้ไทม์หันกลับมาจ้องหน้าผมเขม็งทันที...

“...มันข่มขืนกู” พอจบประโยคผมน้ำตาที่กลั้นไว้ก็ร่วงเผาะ... นี่ผมกลายเป็นผู้ชายขี้แงตั้งแต่เมื่อไหร่... เวลาผมอยู่ใกล้ ๆ ไอ้ไทม์แล้วผมรู้สึกปลอดภัยเท่านั้นเอง รู้ว่ามันจะต้องปกป้องผม...

“มึงว่าอะไรนะ!!” ผมสะอื้นเบา ๆ

“ไอ้เหี้ย อีกแล้วเหรอ แล้วมึงอยู่ยังไง.... โว๊ย!!” มันเกาศีรษะอย่างหัวเสีย เสียงโวยวายของมันทำให้อีกคนหนึ่งเข้ามา

“มีอะไรรึเปล่า ?” เสียงทุ้มที่ถามอย่างห่วงใยทำเอาผมอยากจะหาอะไรซักอย่าง... อะไรซักอย่าง....

“ยืนอยู่ตรงนั้นนั่นแหละ!” ผมตวาดคว้ามีดขึ้นมาถือไว้

“...เธอ....กล้างั้นเหรอ ?” เขาไม่ถามเปล่า ขยับเข้ามาใกล้ผม

“เฮ้ย! มึงบ้าป่าววะเนี่ย!!” ไอ้ไทม์ถามอย่างตกใจ รีบดึงมีดออกจากมือผม ผมมองมันตาขุ่น

“มันต้องแบบนี้เว้ย!!” ไอ้ไทม์วิ่งเข้าไปชกเขา... ผมมองดูความโกลาหลที่เกินขึ้นด้วยดวงตาพร่าเลือน... ผม...เป็นอะไร ?.... หายใจไม่ออกเลย....

“...ท...ทา....ไทม์...” ผมพยายามเรียกชื่อผมเมื่อรู้สึกว่าเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้ ผมปวดหัวเหมือนสมองจะระเบิด อยากอาเจียน....  ..ในความฝันผมได้ยิน เสียงคุ้นหูที่สบถอย่างแหบแห้ง
 
ร่างกายของผมหนักอึ้งราวกับถูกถ่วงเอาไว้ใต้มหาสมุทร.....
---------------------------------------------
 o22 กดดันจริงๆ

ออฟไลน์ ลิงน้อยสุดเอ๋อ

  • ถึงจะเหงา แต่ไม่ได้ง่าย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1993
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-2
    • Fanpage
แอ๊~ค้างอ่ะ คนเขียน

มาต่อไวๆ รอจ้า

อยากอ่านคู่เธียรกับกัณฐ์อ่ะ

love_y

  • บุคคลทั่วไป
อั้ญีะ เพิ่งมาอ่านวันแรกก็ค้างตอนสำคัญเล้ยย รีบๆมาต่อนะค้งเกินจะทน

ออฟไลน์ akazu

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 550
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +240/-6
Special Chapter*[Valentine’s day]-- 1
[Tien Part]

ผมมองหน้ากระดานอย่างเบื่อหน่าย... พลางเอาดินสอเคาะโต๊ะเบา ๆ ก๊อก ๆ ๆ ๆ...

“เฮ้ย ไอ้เธียร เงียบหน่อยได้มะ กูกำลังตั้งใจเรียน” ไอ้ภีมมันบ่น ผมก็ทำหน้าเซ็ง ๆ ใส่มัน จะอะไรซะอีกละครับ..ก็เรื่องกัณฐ์น่ะสิ..พอเข้าเทอม 2 กัณฐ์ก็มีติวศิลปะแทบทุกวัน ตั้งแต่ 5 โมงครึ่งจนถึงสามทุ่ม ผมบอกให้มาค้างบ้านผม กัณฐ์ก็มาเฉพาะวันเสาร์
แถมบางทียังแบกกระดานแผ่นใหญ่มานั่งขีด ๆ เขียน ๆ ไม่ยอมสนใจผม ยิ่งช่วงหลังปีใหม่นี่ไม่ต้องพูดถึงเถอะ กัณฐ์ไม่ยอมให้ผมแตะต้องตัวเลยซักนิด แถมยังมีลับลมคมนัยกับไอ้ตัวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ

“หนิ ถามจริงเหอะ ..ทำไมเวลากัณฐ์เจอแกแล้วต้องหน้าแดงด้วยวะ” ผมเคยถามมัน แต่มันก็เพียงแค่มองผมด้วยหางตา แสยะยิ้มอย่างเหนือกว่า และพูดว่า

“ก็กูหล่อ” ไอเลว... หรือเมียกูกำลังมีชู้วะ... ไม่น่าจะใช่... ลีลาผมมัดใจขนาดนั้น(?) แต่จะว่าไปหลังจากเราคบกันแล้ว ผมก็รู้สึกได้ว่ากัณฐ์น่ารักขึ้น..แถมอัธยาศัยดีขึ้นอีกต่างหาก..จากการบำรุงของป้าอิ่ม ทำให้เจ้าแมวผอมโซที่ผมเจอในวันแรกกลายเป็นลูกแมวน้อยจ้าวเสน่ห์ มีเนื้อมีหนังกอดแล้วนุ่มมือเป็นที่สุด ทั้งเอวเล็กคอด แขนขากลมกลึง สะโพก....

“โอ๊ย!!” ผมมองหน้าคนที่ทำร้ายฉุน ๆ ..กำลังมองคนที่นั่งอีกฝั่งของห้องเพลิน ๆ ก็มีอันต้องถูกขัดจังหวะซะงั้น

“ขนาดอยู่ในห้องเรียนนะมึง มองซะอย่างกับจะกิน” ไอ้ภีมหัวเราะฮึ ๆ ยักคิ้วกวน ๆ ใส่ผม

“ทำไมต้องมีไอ้นี่นั่งอยู่ข้าง ๆ ด้วยวะเนี่ย..” ผมพึมพำเบา ๆ เซ็งชะมัด.. ทำไมกัณฐ์ไม่ยอมนั่งข้าง ๆ ผมนะ... หรือว่าผมทำอะไรผิด ?? .. ไม่มีนี่นา.. หรือว่ากัณฐ์โกรธผมเมื่อตอนปีใหม่.. เอ๊.. ตอนนั้นก็ให้ความร่วมมือดีนี่... ตอนเช้ามาก็ไม่ว่าอะไร คิดไม่ออกจริง ๆ แฮะ...

“เธียร ดูนี่สิ มีแข่งคัดเลือกระดับจังหวัดอ่ะ ไปป่าว ?” รอน เด็กผู้ชายตัวเล็กกะทัดรัดเอาใบประกาศรายการแข่งขันเปียโนมาให้ผมดู

“ไปดิ มีร้องเพลงป่าว ?” ผมดูข้อมูลการรับสมัครคร่าว ๆ ก่อนจะถามไอ้ตัวเล็ก

“อื้ม.. เราขอแม่จนเกือบทะเลาะกัน กว่าจะได้” รอนพูดด้วยสีหน้าเศร้า ๆ เพราะเขาตั้งใจจะสอบแพทย์จึงต้องเรียนหนัก ทำให้แทบไม่มีเวลาฝึกซ้อมร้องเพลง ผมรู้สึกใจหายเหมือนกันที่เห็นทุกคนมีทางเดินของตัวเอง และเลือกเดินไปอย่างมุ่งมั่น ..ต่าง จากผม ผมเอื้อมมือไปตบไหล่รอนเบา ๆ

“ครั้งสุดท้ายแล้วทำให้ดีที่สุดเลยนะ” รอนยิ้มคืนให้ผมนิด ๆ ก่อนจะเดินออกไปหาคนอื่น พอมองหาสุดที่รัก ก็หายแล้วซะงั้น เพิ่งจะสี่โมงเอง รีบไปเรียนอะไรนักหนา เฮ้อ... ไอ้ภีมก็หายไปอีกตัว ไม่เคยบอก เซ็ง!

ผมกดนิ้วลงบนคีย์เรื่อย ๆ ...ถึงเล่นมาแล้ว 7 ปี แต่เสียงดนตรีจากแป้นนี้ก็ไม่เคยทำให้ผมรู้สึกเบื่อ.. ยิ่งฟังเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกว่ามันมีอะไรที่น่าค้นหา.. แต่ผมยังลังเลใจ.. เมื่อคะแนนในสายที่ผมเรียน ผมก็ทำได้ในระดับดี เกือบดีมากซะด้วย หรือผมควรจะหันไปเรียนทางด้านนี้อย่างที่เขาว่านะ

“ไอ้งานเล่นดนตรีแบบนี้ มันไปได้ไม่ดีหรอก มีชื่อเสียงแป๊บเดียว เดี๋ยวเดียวคนก็ลืม สู้งานที่มั่นคงไม่ได้” ..ก็จริงแฮะ..

“คุณหนูครับ คุณหนูเอลโทรมาครับ” ผมละมือ รับโทรศัพท์จากลุงชัย

“อือ” ผมกรอกเสียงลงในโทรศัพท์

“Oh my god!! I thinking of you any more!” ผมรีบดึงโทรศัพท์ออกห่างจากหู.. อะไรของยัยนี่เนี่ย เอลเป็นเพื่อนสนิทในสมัยเด็กของผม แต่ตอนนี้เธอเรียนอยู่ที่อเมริกาและเป็นนักไวโอลินอายุน้อยที่สุดในวงซิมโฟนีที่มีชื่อเสียงของที่นั่น นาน ๆ ครั้งเธอจะติดต่อมาหาผม

“ฮะ ๆ ๆ คิดถึงไอมั๊ย ?” เสียงหัวเราะสดใสจากปลายสายทำให้ผมยิ้มออก..ยัยนี่บ้าไม่เคยเปลี่ยน

“เป็นไงบ้างล่ะ ?” ผมถาม..

“พระจันทร์สวยจัง!!” ..ตอบไม่ตรงคำถาม..แต่ก็พอจะทำให้ผมรู้ว่าตอนนี้เธอไม่ได้อยู่อีกซีกโลกหนึ่งแล้ว

“อยู่ไทยเหรอ ?” ผมถาม

“อื้อ! ที่นี่เปลี่ยนไปมาก ๆ เลย”

“ก็ไปตั้งหลายปี แล้วจะกลับวันไหนอ่ะ ?”

“หลังวาเลนไทน์มั้ง ตอนนี้เจ็ทเลทอยู่ นอนซมเลย เดี๋ยวหายเมื่อไหร่แล้วอย่าลืมพาไปเที่ยวนะ”

“งั้นก็ดีเลย..”

“ทำไมเหรอ ?”

“ความลับ” ผมกระหยิ่มยิ้มย่อง..

วันศุกร์ ผมเป็นฝ่ายรีบไปรับกัณฐ์จากบ้านพี่ติวตอนสามทุ่ม กัณฐ์เจอผมก็ผงะหน่อย ๆ

“เธียรมาทำอะไรที่นี่ ?” กัณฐ์ถามอย่างตกใจ  เดินถอยเบียดเพื่อนที่มาติวไม่ให้ออกมา

“ทำไมอ่ะ มารับไม่ได้เหรอ ?” ผมถามงง ๆ ปกติมาก็ไม่เห็นว่าอะไรนี่หว่า?... หรือว่ากิ๊กของกัณฐ์คือ 1 ในนั้นฟระ !? ผมชะเง้อชะเง้อคอมองเข้าไปในบ้าน กัณฐ์ก็รีบกระโดดเหยง ๆ เอากระดานดันตัวผมให้เดินนำ แล้วบอกลาเพื่อนคนอื่น ๆ ผมรีบชะเง้อคอมอง มีแต่สาว ๆ น่ารักแฮะ..แต่ผู้ชายที่ออกมาคนสุดท้ายนี่สิที่ทำให้ผมติดใจบางอย่าง.. ไอ้โย่งหน้าจืดนั่นหันมายิ้มให้กัณฐ์ แถมโบกไม้โบกมืออีกต่างหาก หึงเว้ย!! หึง!!

“ไอ้นั่นมันเป็นใครอ่ะ ?” ผมถามหน้าบึ้ง

“เพื่อนกันหมดนั่นแหละ” กัณฐ์บอกเบา ๆ พวงแก้มเริ่มมีสีชมพูระรื่อ.. ชะเห้ย!! แปลก ๆ ว่ะ!! มันต้องมีอะไรบางอย่างแน่ ๆ เชื่อผมสิ!!

“เพื่อนแล้วหน้าแดงทำไม” ผมถามฉุน ๆ อย่าเพิ่งขึ้นนะ ยุบหนอ... พองหนอ...

“เปล่านี่... ไปกันเถอะ” กัณฐ์ตอบปัด ๆ จูงมือผมขึ้นรถ... โอเค..ถือว่าเจ๊าไปแล้วกัน..

“อย่า! เธียร ห้ามก็ฟังบ้างสิ!” กัณฐ์พยายามปัดป่ายมือปลาหมึกของผม.. ดูสิครับ ขนาดกลับมาบ้านแล้วยังมีแก่ใจยกกระดานมาวาดรูปต่อ..ปล่อยให้ผมนั่งหง่าวอยู่คนเดียว

“ข้างนอกก็ได้ นะ ๆ.. กัณฐ์ไม่ยอมเลยอ่ะ ตั้งแต่ปีใหม่” ผมอ้อนเสียงกระเส่า ขบเม้มใบหูแดง ๆ อย่างเป็นต่อ

“เดี๋ยว! เดี๋ยว! อุ๊บ..” ผมรีบประกบริมฝีปาก

ผลั่ก! หมัดเสยคางทำเอาผมจอด รู้สึกเห็นดาวปลิ่วว่อนบนหัวเลย ให้ตายเถอะ!

“ข..ขอโทษ..” กัณฐ์บอกอย่างตกใจ.. เคืองอ่ะ

“ทำไม ? กัณฐ์มีคนอื่นเหรอ ?” ผมถามเสียงเครือ กัณฐ์ไม่เคยปฏิเสธผมขนาดนี้มาก่อน

“ไม่! ไม่ใช่!!” กัณฐ์รีบปฏิเสธพัลวัน แล้วเข้ามาดูแผลให้ผม ผมปัดมือออกอย่างน้อยใจ

“แล้วทำไมล่ะ ?”

“คือ..กัณฐ์ยังไม่พร้อมน่ะ...เธียรช่วยรออีกนิดได้มั๊ย ?” กัณฐ์บอก สีหน้าลำบากใจ

“รอ ?.. รออะไร ? รอกัณฐ์ไปมีคนใหม่เหรอ ?” ผมถามอย่างน้อยอกน้อยใจ

“กัณฐ์ไม่มีใครทั้งนั้นแหละ.. เธียรไม่เชื่อเหรอ ?” ฮุ ๆ เขารีบเข้ามากอดเอาใจผม.. กลิ่นหอมชื่นจาย~

“..ไม่เชื่อ”

“เธียร!” กัณฐ์แหว จ้องหน้าผม

“กัณฐ์ต้องช่วยเธียรก่อน” ผมยิ้มหวาน จับมือกัณฐ์มาวางไว้บนกลางลำตัว กัณฐ์หน้าแดงแจ๋ ก้มหน้าหนีงุด ๆ ผมรีบจูบลงบนแก้มแดง ๆ นั้นอย่างรวดเร็ว และกระซิบบอก

“ใช้ปากนะครับ” ...ฮุ ๆ กำไรเหนอะ ๆ...

“แฟนยูเป็นคนยังไงล่ะ ?” เสียงแหลมซักถามดังขึ้นจากสาวน้อยย้อมผมสีน้ำตาลอ่อน หน้าตาจิ้มลิ้มตรงหน้าทำให้ผมนึกถึงคนที่เรียกว่าแฟน..

“ก็ไม่ขาวมาก หุ่นน่าฟัด ขี้อายหมัดหนัก” ..แถมยังอมเก่งด้วย ผมแอบต่อท้ายในใจ

“เฮ้! ไอหมายถึงนิสัย! Sh_t..” ท้ายเสียงนั้นเธอส่งเสียงเบา ๆ จนผมไม่รู้ว่าออกเสียงว่า ชิ หรือว่า ชิด

“อ่าว เหรอ.. ก็เงียบ ๆ ขี้อาย อืม... มีเรื่องบ่อย” ..เวลาอายแก้มแดงๆ แล้วยิ่งน่ากอด

“หา ? เงียบ ๆ ขี้อาย ? แล้วทำไมมีเรื่องบ่อย ?” ผมยักไหล่ ก็ไม่รู้เหมือนกัน.. แต่ช่วงหลัง ๆ นี่เพลาลงจะแทบไม่มีแล้ว

“อืม... ไอไม่รู้อ่ะ.. ยูคิดเอาเองสิ” เธอเอานิ้วเคาะโต๊ะอยู่นานก่อนจะบอก แล้วหยิบน้ำแตงโมปั่นขึ้นดูดต่อ

“.. ไม่ช่วยอะไรเลย” ผมพึมพำเบา ๆ

“เอ๊ะ! ยูนี่! ไอมาช่วยคิดก็ดีเท่าไหร่แล้ว!” เอลบอกเสียงแหลม

“มาช่วยกินล่ะสิไม่ว่า” ผมบ่นเบา ๆ

“หมาเธียร!” …

“...ใครเป็นคนสอนภาษาไทยให้เธอเนี่ย”

“ไง” เสียงไอภีมทัก ขัดจังหวะ.. มาก็ดี ผมขี้เกียดฉะปากกับยัยนี่อยู่เหมือนกัน

“มาซักที! ตารางเรียนแน่นเอี๊ยดเลยนะ” ผมบ่น

“เออ ๆ โทษ ๆ อีก 2 ชั่วโมงมีเรียนต่อ ...นี่ใครอ่ะ ?” มันวางเป้แล้วถามผม

“ยูไม่มีมารยาท! ชี้หน้าไอแบบนี้ได้ยังไง” ยัยเอลแหว.. ยัยนี่เหมือนหมาพันธ์เล็กที่ชอบกัดคนอื่นไปทั่วเลยแฮะ...

“เอ่อ.. นี่เอล เพื่อนสมัยเด็กน่ะ เอลนี่ภีมนะ” ผมแนะนำทั้งคู่ให้รู้จักกัน

“นัดมาทำไมกัน ไอไม่อยากรู้จัก!” เอลกอดอก พูดเสียงแหลม

“อ้าว! นี่เธอ!” ไอ้ภีมเริ่มลุกขึ้นสู้

“เอ้อ~ ขอเมนูด่วนครับ” ผมรีบเรียกพี่พนักงานมาขัดสงครามฝีปากก่อนที่ไอ้สองตัวนี้จะเริ่มทะเลาะกัน

“แล้วนัดมานี่มีรัยวะ ?” พอสั่งเสร็จมันก็ถามต่อ

“กำลังคิดจะซื้อของขวัญวาเลนไทน์ให้กัณฐ์อ่ะ” ผมบอก

“อ้อ”

“ว่าแต่แฟนยูเล่นดนตรีด้วยรึเปล่า ?” เอลถาม หน้าตาเธอดูตื่นเต้นมากมาย

“ไม่นะ.. อ้อ.. แต่วาดภาพ.. ใช่! วาดภาพไง!!” ในที่สุดผมก็นึกออก!!

“วาดภาพ ?” เธอทวนคำ เราไปร้านเครื่องเขียน ช่วยกันคิดว่าจะซื้ออะไร มีทั้งสี กระดาษ อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ผมเคยเห็นกัณฐ์ถือ...
แต่มันเยอะแยะมากมายจนเลือกไม่ถูก สุดท้ายผมตัดสินใจจะซื้อพู่กัน

แต่ว่าพระเจ้าจ๊อด...พู่กันราคาเหยียบหมื่น - -“ เอ่อ...

“เซ็ทนี้เลยค่ะน้อง พู่กันขนสัตว์ เป็นขนของ Kolinsky sable มาจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมใน genus Mustela....” ผมได้แต่ยืนนิ่ง ๆ
มองพี่คนขายพูดหูดับตับไหม้โดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยครับ....

“ผมเอาชุดนั้นแล้วกันครับ” ผมเลือกเอาอันที่คิดว่าสวยที่สุดมาทั้งชุดเลยครับ เหอ ๆ

“18,670 บาทค่ะ” .....
................................................................

ออฟไลน์ akazu

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 550
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +240/-6
Special Chapter*[Valentine’s day]—2 (end)

ค่าพู่กันสามารถแลกกับค่าอาหารผมได้ครึ่งปี ได้มาแค่ 7 ด้าม ตกอันละ 2,700 อยากร้องไห้...

‘น้องคะเวลาถือหรือเก็บ ให้เอาปลายพู่กันลงพื้นนะคะ ไม่อย่างงั้นแปรงมันจะเสีย’

….ป้าแกสำทับโดยไม่รอฟังเสียงทัดทานจากผม...[เลื่อนขั้นจากพี่เป็นป้าอย่างรวดเร็ว] เอาก็เอาวะ ให้แฟนตัวเองทั้งที.. ผมได้แต่นึกแบบนั้นอยู่ในใจ

พอไอ้สองคนที่เหลือรู้ราคาก็พากันตกใจหน้าเหวอโดยเฉพาะยัยบ้าที่หาว่าผมโง่...เคือง…

วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 13 แล้ว!! ผมมองห่อของขวัญที่ผมลงมือห่อเองอย่าพึงพอใจ แต่จู่ ๆ ก็มีเบอร์ปริศนาโทรเข้าเครื่องผมซะก่อน...

“ฮัลโหล ๆ เธียรเหรอ ?”

“ครับ ?”

“ทะเลาะอะไรกับไอ้กัณฐ์รึเปล่า ?” ผมเดาได้ทันทีว่าสายสืบของผมโทรมารายงานเรื่องด่วน

“ไม่มีนี่ครับ” ผมตอบเบา ๆ พยายามวิเคราะห์ความหมางเมินที่กัณฐ์มีให้ผมตั้งแต่ต้นสัปดาห์.. แต่ก็นึกไม่ออกซักทีว่ามันมีสาเหตุมาจากอะไร

“คือ 2-3 วันนี้มันน่ะบอกว่าไม่ต้องให้ใครไปรับ แถมยังมีผู้ชายอีกคนมาส่งถึงบ้าน”

“อะไรนะ!?” ในหัวผมเริ่มเดือดปุด สิ่งที่ผมคิดไว้เป็นจริงเหรอเนี่ย!!

“ไม่ต้องเป็นห่วง ข้ากันให้เต็มที่ ว่าแต่เอ็งเหอะไปทำอีท่าไหน ?”

“วันนี้ผมไปรับกัณฐ์นะ” ผมรีบบึ่งไปบ้านพี่ติวทันทีที่วางสาย รู้สึกโกรธนิด ๆ ที่กัณฐ์ไม่ยอมให้ผมไปรับไปส่งแต่กลับยอมให้คนอื่นพาไปส่งถึงบ้านซะงั้น ..แถมยังทำตัวหมางเมินกับผมทั้ง ๆ ที่จะถึงวันแห่งความรักอยู่แล้วเชียว!!

พอมาถึงผมก็เห็นกัณฐ์กำลังนั่งอยู่ข้าง ๆ ไอหน้าจืดนั่น.. แถมหยอกล้อต่อซิกกันอย่างกะคู่รัก ...บ้านของพี่ติวของกัณฐ์เป็นกระจกทึบครับ ฝั่งที่มีแสงน้อยกว่าจะสามารถมองเห็นฝั่งที่มีแสงมากกว่าได้ และวันนี้คงเป็นโชคดีของผมที่พี่เขาไม่ได้ปิดผ้าม่านจึงทำให้ผมเห็นเหตุการณ์ข้างในได้อย่างชัดเจน

..ดูเหมือนจะยังเหลือเวลาอีกประมาณครึ่งชั่วโมงก่อนจะหมดเวลาเรียน แต่ผมชักจะทนรอไม่ไหวแล้ว เมื่อเห็นไอ้จืดนั่นขยี้หัวกัณฐ์อย่างสนิทสนม อ๊ากกกกก~~!!

ก๊อก ๆ ..ผมเคาะประตูบ้านเบา ๆ กลัวว่าถ้าทุบแล้วจะเสียมารยาทกับเพื่อนๆ เขา สาวสวยคนหนึ่งเปิดประตูบ้านให้ผม ใบหน้าหวานนั้นส่งยิ้มให้ผมงง ๆ ก่อนจะทำท่านึกออก

“เพื่อนกัณฐ์มารับแล้วอ่ะ” เธอบอกคนในบ้าน แต่พอกัณฐ์เห็นผมปุ๊บก็ชะงัก

“ธ...เธียร” ครับ ผมเอง กัณฐ์กุลีกุจอเก็บของกระซิบกระซาบอะไรกับไอ้จืดนั่น ก่อนจะไหว้พี่ติวและบอกลาเพื่อน ๆ ออกจากบ้าน

“ทำไมมาเร็วจัง ?”

“เรียนเสร็จแล้วเหรอ ?”

“อื้อ..” ตลอดทางมีแต่ความอึดอัด กัณฐ์ลอบมองผมเป็นระยะ ๆ แต่ผมก็ทำเป็นไม่สนใจสายตาของเขา ยิ่งคิดยิ่งแค้น ว้อยยยยย!! ไอ้หมอนั่นมันมีดีกว่าผมตรงไหนกัน!! โมโห!! โมโห!!

“...เมื่อวานใครไปส่ง ?” สุดท้ายผมก็เป็นฝ่ายเอ่ยปากพูดก่อน กัณฐ์นิ่ง ก่อนจะบ่นงุบงิบเหมือนจะรู้ว่าใครเป็นคนส่งข่าวให้ผม

“เพื่อนน่ะ”

“เพื่อนหรืออะไรกันแน่ !?” ผมถามซ้ำ

“กัณฐ์บอกว่าเพื่อนก็เพื่อนสิ!” ผมตกใจนิดหน่อยที่เขาขึ้นเสียง ..น้อยใจอ่ะ

“วันอาทิตย์เธียรไปไหนมา ?” กัณฐ์ตั้งคำถามด้วยน้ำเสียงอ่อนขึ้น เหมือนเริ่มจะรู้ว่าผมจิตตก

“ไป.. ไปเที่ยวกับเพื่อน” เกือบหลุดไปแล้วว่าไปซื้อของขวัญมา

“เพื่อนอะไร ? ทำไมถึงจูบกัน ?”

“...หึงเหรอ ?” น้ำเสียงหงุดหงิดของเขาทำให้ผมเริ่มยิ้มออก..ที่แท้เขาก็กำลังหึงผมกับยัยเอลหมาบ้านี่เอง โธ่เอ๊ย! ปล่อยให้ผมเป็นกังวลตั้งนาน

“ป..เปล่าซักหน่อย” แน่ะ! รีบหลบตาเลยนะ

“ฮึ ๆ..” ผมหัวเราะในลำคออย่างเหนือกว่า... และเดินเข้าหากัณฐ์ที่พยายามเดินถอยหลังเพื่อออกห่างจากผม สุดท้ายเขาก็ไปติดกับขอบเตียง และตกอยู่ในอ้อมแขนของผม

“..เดี๋ยว... ปล่อย..”

“แล้วไปทำอะไรที่นั่น ?” ผมถาม พยายามดันตัวกัณฐ์ให้นอนลงบนเตียง แต่เขาขืนตัวไว้พยายามผลักผมออกซะนี่

“ไป.. เอ่อ.. ไปดูหนัง”

“กับใคร !?”

“กับเต็ม..” เต็มคือชื่อของไอ้หน้าจืดนั่นครับ ผมรู้สึกจี๊ด ๆ ในเมื่อกัณฐ์ไม่เคยชวนผมไปดูหนังด้วยเลย เชอะ! แต่ก็ต้องเก็บ ๆ
อาการไว้เดี๋ยวอด ฮุ ๆ..

“แล้วทำไมไม่บอกเธียร”

“เธียรก็ไม่ได้บอกกัณฐ์” ง่ะ.. มีต่อปากต่อคำด้วย

“ทีหลังไปไหนต้องบอกนะ ..ไม่งั้นโกรธจริง ๆ ด้วย” ผมทำหน้างอน ๆ กอดกระชับคนในอ้อมแขน

“เอ่อ.. อืม..”

“ทำไมทำหน้าแบบนั้น ?” ผมถามเบา ๆ เมื่อเห็นเขาทำหน้าเหมือนลำบากใจ

“เปล่า”

“มีอะไรที่ยังไม่บอกเธียร หื้ม ?”

“ม.. ไม่มี” คำพูดตะกุกตะกักของเขายิ่งทำให้ผมรู้สึกอยากแกล้ง..

“จะบอกหรือไม่บอก ?” ผมโถมตัวทับคนในอ้อมกอด รุกเร้าเขาด้วยจูบแสนหวาน

“ไม่...” กัณฐ์ครางในลำคอเบา ๆ พยายามเบี่ยงหนี แต่ผมรึจะยอม

“..บอกมาเร็ว” ผมเร่ง มือเริ่มล้วงเข้าไปในเสื้อนักเรียนของเขา

“เธียร!” กัณฐ์จับมือผมไว้ หน้าตาตกอกตกใจ ผมได้แต่มองเขางง ๆ..

“คือ.. ที่จริงแล้ว..”

“คือ...”

“ก..กัณฐ์.. คือกัณฐ์”

“กัณฐ์น้ำหนักเพิ่ม..” กว่าเขาจะเปิดปากพูดทำเอาผมลุ้นแทบตาย ปัดโธ่!!

“แล้วไง ?” ..หุ่นกำลังน่ากอดเลย

“กัณฐ์ก็เลยไปฟิตเนส”

“อาฮะ”

“ไปกับภีม..”

“....” ไอ้เพื่อนเวร ไม่บอกกูเลยนะ.. นี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้กัณฐ์ดูเขิน ๆ เวลาเจอหน้าภีมละมั้ง

“อย่าโกรธภีมเลยนะ! กัณฐ์เป็นคนสั่งไม่ให้เขาบอกใครเองแหละ” อย่างกับเขาจะอ่านใจผมออก รีบแก้ต่างให้เพื่อนผมซะงั้น

“...อืม”

“แล้วลดไปกี่กิโล ?”

“..คือ...พอออกกำลังกายเสร็จแล้วก็หิวอ่ะ.. ก็เลยกินอีก”

“สรุปแล้วก็เลยไม่ลดเลย” กัณฐ์บอกอย่างอาย ๆ

“อืม.. ว่าแต่ขึ้นมากี่กิโลอ่ะ ?”

“...ส...” ดูเหมือนเขาไม่ค่อยอยากตอบ ขดตัวหนีผม แต่ผมรีบโอบเอวเข้ามาใกล้

“ห๊ะ ? อะไรนะ ?” ผมถามหยอก

“..ส..”

“ไม่ได้ยินอ่ะ สี่เหรอ ?” ผมกลั้นหัวเราะ จูบลงบนลำคอหอมเบา ๆ

“......ส.....สิบ” เขาทำหน้าเหมือนจะร้องให้ ตาแดงจมูกแดงไปหมด

“...” ผมโอบตัวเขาโยกเบา ๆ ... ไม่น่าเค้นมาก ๆ เลย ก็รู้อยู่ว่าเขาไม่อยากบอกผมยังจะบังคับให้เขาต้องพูดอีก

“..ก็...มันขึ้นมา..เยอะอ่ะ.. กัณฐ์กลัว...เธียรไม่ชอบ....ถ้ากัณฐ์อ้วน” กัณฐ์ก้มหน้าบอกเสียงเบามาก จนผมต้องยื่นหน้าเข้าไปใกล้

“ติ๊งต๊องจริง ๆ” ผมหัวเราะเบา ๆ

“กัณฐ์เครียดนะ!” เขาบอกน้ำตาคลอทุบไหล่ผมอั๊ก ๆ ผมโคตรเจ็บเลย แต่ต้องเก๊กไว้

“ถึงกัณฐ์จะอ้วนเป็นตุ่มเธียรก็ชอบน่า.. เจ้าเด็กซื่อบื้อ”

วันรุ่งขึ้นกัณฐ์ก็หายตัวไปตั้งแต่เช้า ผมก็ได้แต่อารมณ์เสียไม่น่าปล่อยไปเลยเมื่อคืน.. ผมอุตส่าห์วางแผนไว้แล้วว่าจะ’นอนคุย’กันตอนเช้าก่อนจะเอาดอกไม้และของขวัญมาเซอร์ไพรส์ให้กัณฐ์ แต่ต้องมีอันยกเลิกไป พอโทรหาก็บอกว่าเดี๋ยวเข้าไปเพราะลืมของไว้ที่บ้านพี่ติว

“มานั่งเหี่ยวทำอะไรตรงนี้ น้ำท่าก็ไม่อาบ” เสียงแหลมทักทายพร้อมเจ้าตัวที่โถมกายใส่จนผมหน้าคะมำ

“อะไรเนี่ย!” ผมตวาดอย่างหัวเสีย อะไร ๆ ที่คิดว่าจะเป็นไปได้ด้วยดีต้องมีอันผิดที่ผิดทางไปหมด แล้วยังถูกยัยบ้านี่มากวนใจอีก
ผมมองลุงชัย พ่อบ้านที่ปล่อยให้ยัยนี่เข้ามาโดยไม่บอกอย่างคาดโทษ

“ไอมีของขวัญวาเลนไทน์มาให้ยูด้วย” ยัยนั่นบอกแล้วชูถุงกระดาษใบใหญ่ พร้อมเชิดหน้าอย่างภาคภูมิใจ.. น่าหมั่นไส้ว่ะ

“อะไรอ่ะ ?” ผมถาม มองอย่างไม่ชอบมาพากล

“ช็อกโกแลต ส่วนกล่องนี้เอาให้แฟนยูด้วยนะ” เธอบอกชี้กล่องเล็ก อีกล่องหนึ่งในถุง

“เอ๊ะ อย่าเพิ่งแกะสิ เดี๋ยวไม่เซอร์ไพรส์นะ!!” ผมปัดมือของยัยบ้านี่ออก พยายามสังเกตดูว่ามีอาวุธอันตรายติดมาด้วยรึเปล่า

“ตุกติกอะไรใช่มั๊ย ฮะ!!”

“โน๊วววว~!!” ยัยเอลบอกพร้อมทำหน้าไม่รู้สุดฤทธิ์ โคตรเว่อร์เลยเหอะ! ผมพยายามสลัดยัยบ้าที่จู่ ๆ ก็กระโดดล็อกคอผมแล้วหัวเราะร่า..สภาพของผมตอนนี้ดูแย่สุด ๆ.. นี่ถ้าผมเผลอทำร้ายผู้หญิงขึ้นมาจะเป็นอะไรมั๊ยเนี่ย

“เอ่อ.. กัณฐ์รอในห้องนะ” ผมผงะเมื่อเห็นกัณฐ์ทำหน้าปุเลี่ยนอยู่หน้าห้อง แล้วเดินจากไป..อ๊าก!! ทำไมเขาต้องมาเห็นผมอยู่ในสภาพทุเรศ ๆ ด้วยวะเนี่ย!!

“แฟนยูเหรอ ?” ผมพยักหน้าตอบ

“ฮีอีสคิ้วท์!!”

“กลับไปได้แล้ว!” ผมรีบไล่ยัยบ้านี่ไปทันทีเมื่อเธอออกอาการมีประกายในดวงตาวิ้ง ๆ ทำท่าจะไล่ตามคนรักของผมเข้าไปถึงในห้องนอน..

“เฮ้~!! คัมเฮีย ไอว้อนทูมี้ทยู~~!!” กัณฐ์หันมาทำหน้างง ๆ เมื่อเห็นยัยตัวเล็กนี่กวักมือเรียกหยอย ๆ แต่ผมโบกมือไล่ให้ออกห่างยัยบ้านี่ไว้

“เฮ้~!! คิ้วท์ตี้บอย~~!!” เอลตะโกนเสียงแหลมอีกครั้งเมื่อเห็นกัณฐ์เดินเกาหัวไปอย่างงงงัน ถ้าให้ผมทายผมจะทายว่าเขากำลังงงว่ายัยนี่เป็นบ้าอะไร..

“ยัยกระเทยจิตแตก! ออกไปจากบ้านฉันได้แล้ว!” ผมกระซิบลอดไรฟัน

“Tw_t!! ใครกระเทย!!”

“โอ๊ย ๆ ๆ!! ขอโทษ ๆ” ผมรีบขอโทษขอโพยเมื่อยัยบ้านี่เอาเล็บที่ตะไบเป็นเหลี่ยมจิกข่วนกับแขนผมจนบางแห่งมีเลือดซิบ

“แล้วยูจะต้องเสียใจที่ว่าไอ เชอะ!” พอจิกผมจนพอใจแล้ว เธอก็ค้อนใส่แล้วสะบัดก้นเดินจากไป ผมรีบตามกัณฐ์เข้าไปในห้องนอน เห็นเขาก้ม ๆ เงย ๆ อยู่ข้างโต๊ะอ่านหนังสือ

“ทำอะไรครับ ?” ผมกระซิบถาม กอดเขาไว้เบา ๆ จากด้านหลัง

“.. ผู้หญิงคนนั้นเหมาะกับเธียรนะ”

“อย่าพูดอะไรแบบนั้นอีกนะ! สาบานเลยว่าเธียรไม่เคยคิดอะไรกับยัยนั่น” ผมบอกอย่างหงุดหงิด

“ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ ..บอกว่าเหมาะจะเป็นเพื่อนกันดี” ผมหน้าเหวอ

..เดี๋ยวนี้มีเล่นลิ้นด้วยอ่ะ กัณฐ์หันมายิ้มให้ผม ก่อนจะยื่นกระดาษม้วนหนึ่งให้อย่างกล้า ๆ กลัว ๆ

“อ..เอ่อ... ของขวัญ...” ผมยิ้มรับม้วนกระดาษนั้นมาเปิดออก มันเป็นภาพของผู้ชายคนหนึ่งกำลังเล่นเปียโน... ภาพสีน้ำดูด่าง ๆ
แต่ผมสามารถเดาได้ทันทีว่าคนในภาพคือใคร...ผมรู้สึกเต็มตื้อในหัวใจจนน้ำตาไหล..ไม่เคยที่ผมจะรู้สึกดีขนาดนี้มาก่อนของที่ผมพยายามหามาให้ไม่สามารถเทียบได้กับภาพเพียงภาพเดียวของเขาเลย... เทียบกันไม่ได้เลย

“ร้องให้ทำไม.. อย่าร้องนะ.. กัณฐ์วาดไม่สวย กัณฐ์ขอโทษ...” เขาบอกอย่างตกใจ รีบเอื้อมมือปาดน้ำตาให้ผม

ผมกอดเขาไว้แน่น.. ผมโชคดีจริง ๆ ที่ได้เจอเขา ตั้งแต่เจอคนมากหน้าหลายตา ไม่เคยมีใครที่ทำให้ผมประทับใจได้เท่าเขา...
กัณฐ์เป็นเพียงคนเดียวที่ผมรัก..และอยากเป็นคู่ชีวิตของเขาตราบจนวันสุดท้ายของลมหายใจ “ตัวจริงหล่อกว่าตั้งเยอะ” ผมยิ้มบอกเขา

“หลงตัวเอง..” เขาแอบพึมพำ

“ว่าไงนะ ? อยากจูบเหรอ ?” ผมทำปากจู๋ เขาหัวเราะและไล่ให้ผมไปอาบน้ำ --“

“อะไรน่ะ ?” กัณฐ์ถามมองถุงกระดาษใบใหญ่ที่ตั้งอยู่บนเตียง


“ของขวัญจากยัยหมาบ้านั่นไง” ผมบอกก่อนเดินเข้าห้องน้ำ

“อ้อ ..แล้วทำไมเรียกเขาแบบนั้นล่ะ!” กัณฐ์ต่อว่าไล่หลังผม แต่ผมทำเป็นไม่สนใจ พอออกมาอีกทีก็เจอกัณฐ์นั่งหน้าแดงอยู่บนเตียง

“เป็นไร ?” ผมถามงง ๆ กัณฐ์รีบหลบตาผม ...หรือเขาเห็นหุ่นผมแล้วอายหว่า

“คือ.. เอ่อ.. ไม่มีอะไร” กัณฐ์กุลีกุจอซุกถุงกระดาษไว้ใต้เตียง แต่ผมรีบเข้าไปดึงกลับ พอผมเห็นของข้างในแล้วก็อดอายแทนยัยโรคจิตนั่นไม่ได้.. ซื้ออะไรมาให้แฟนผมวะเนี่ย!!

“เอ่อ..” ผมไม่รู้จะอธิบายว่ายังไง เลยเดินหนีไปเช็ดศีรษะหน้ากระจก

“ดาร์กช็อกโกแลต กลิ่นขม ๆ น่ากินจัง” เสียงงึมงำของเขาทำให้ผมหันไปมองอีกครั้ง กัณฐ์ทำจมูกฟุดฟิด ดูช็อคโกแลตหลากหลายสีสันในกล่อง

“เธียรว่ากัณฐ์อย่าเพิ่งดีกว่า” ผมเตือน

“ทำไมล่ะ ?”

“ยัยบ้านั่นอาจจะใส่อะไรมาด้วย”

“ฮะ ๆ.. เธียรนี่คิดมากแฮะ” กัณฐ์หัวเราะเบา ๆ ก่อนหยิบเข้าปาก

“ข้างในมันเป็นน้ำอ่ะ  ..ขมมาก” กัณฐ์บอก ทำหน้าพิลึก

“เหล้าเหรอ ?” ผมถาม

“อืม..” เขาพยักหน้าเบา ๆ แล้วยิ้มให้ผม

“กัณฐ์เมาป่าว ?”

“ไม่นี่.. อร่อยดีออก”

“ชิ้นเดียวก็พอแล้ว” ผมบอก

“งกอ่ะ” กัณฐ์ทำหน้ามุ่ย แต่ก็หยิบช็อคโกแลตขึ้นมาแทะเล่น

“อันนี้ไม่มีเหล้านะ กินป่าว ?” ปากเขาถามอย่างงั้นแต่เจ้าตัวก็งับช็อคโกแลตอีกชิ้นเข้าไปทั้งก้อน... ไม่อ้วนได้ยังไงล่ะทีนี้
ผมเดินเข้าไปจับคอเขา แล้วโน้มตัวลงจูบ ลิ้นควานหาช็อคโกแลตก้อนกลมในโพรงปากหวาน แล้วฉกขโมยมากินซะเอง..
มีรสขมและกลิ่นของเหล้าผสมอยู่ด้วยแฮะ..

“อืม..” กัณฐ์ปรือตามองผมหวานเยิ้ม

“เมาแน่ ๆ เลย ใช่มั๊ยเนี่ย” ผมยิ้มถาม ลูบศีรษะเขาเบา ๆ ..ถ้าปกติเขาต้องหลบตาผมแล้วสิเนี่ย

“คิก ๆ”

“ไม่เมาซักหน่อย” …ผมสรุปในใจตัวเองทันทีว่าเขาเมา ผมโน้มตัวลงประกบปากเขาซ้ำ บดเบียดริมฝีปากนิ่มของเขา ..ผิวเย็น ๆ
ของผมเมื่อสัมผัสกับผิวร้อน ๆ ของเขาก็ยิ่งรู้สึกดี

“อยากลองของขวัญจากเพื่อนเธียรก่อนมั้ย ?” ผมกระซิบถาม หวังจะให้กัณฐ์อาย แต่คำตอบของเขาทำให้ผมอายยิ่งกว่า

“ไม่เอาอ่ะ ...เอาเธียรดีกว่า” เขายิ้มหวาน ปรือตามองผม.. โคตรยั่วเลย..

ถ้าเมาแล้วรู้ว่าเป็นแบบนี้คงจะต้องมอมเหล้าบ่อย ๆ ซะแล้ว...

“อือ... อ๊ะ..” กัณฐ์ครางเบา ๆ เมื่อผมสอดแทรกกายเข้าสู่ร่างกายเขา หน้าท้องเขาเกร็งจนเห็นกล้ามเนื้อ.. แบบเก่าผมก็ชอบนะเพราะว่านุ่มมือดี แต่แบบนี้โคตรเซ็กซี่เลยอ่ะ

“โอย.. เธียร.. ฮึก..ร..แรงอีก..” ผมเร่งกระแทกกายแรงขึ้น ขบกรามแน่นเมื่อคนในอ้อมแขนกัดไหล่ของผมเต็มแรง พอเมาแล้วยังซาดิสม์ขึ้นอีกด้วย... ผมครางเบา ๆ ในลำคอ เมื่อกัณฐ์เกร็งตัว.. เขากำลังจะเสร็จ ผมจึงรีบเร่งมือเพื่อจะถึงฝั่งพร้อมเขา
...แปลกแฮะ.. ทั้ง ๆ ที่เสร็จไปแล้วแต่น้องชายผมมันยังไม่ยอมลงเลย กัณฐ์เลยเสร็จผมไปอีกรอบ... และอีกรอบ พอจะขอต่ออีก กัณฐ์ก็รีบกลิ้งหนีผมแทบตกเตียง ดีนะที่ผมคว้าเอวไว้ทัน..และแน่นอน ว่าเสร็จผม ฮุ ๆ

ร่างอ่อนปวกเปียกของกัณฐ์ก็ดิ้นรนขัดขืนผมไม่ไหว จนเขาหมดสติไปคาอกนั่นแหละผมถึงได้รู้ตัวว่ามันมากเกินไปหน่อย ผมจึงนึกขึ้นได้ว่าคงเป็นเพราะยัยบ้านั่นใส่อะไรลงไปในช็อคโกแลตแน่ ๆ ผมถึงได้คึกคักขนาดนี้.. แต่กัณฐ์ไม่เห็นคึกคักกับผมน่ะสิ..
กัณฐ์ตื่นมาพร้อมผมตอนเย็น ...เขา ‘ฟ้าเหลือง’ เลยครับ เหอ ๆ ๆ  ผมหยิบของขวัญที่เตรียมมาให้เขา

“ชอบป่าว ?” ผมถามอย่างไม่แน่ใจ พอเขาแกะแล้วก็เงียบไปซะงั้น

“กัณฐ์..ชอบมากเลย” กัณฐ์ยิ้ม

“เธียรก็ชอบมากเหมือนกัน”

..เขาคงจะรู้ว่าผมหมายถึงอะไรใบหน้าของเขาจึงเริ่มแดง

..แต่จะให้ต่อกันอีกรอบเขาคงไม่ไหวแล้วละมั้ง..

--------------------

จบเลี้ยวววว~~~~~!!!

ขอบพระคุณนักอ่านทุกท่านที่ติดตามตอนพิเศษคั่นเวลาค่ะ - -" (2 ตัวนี้มันคู่หลักจริงป่าวเนี่ย)

ปล. อยากจะบอกว่าพู่กันอันละหมื่นมีจริง ๆ นะคะ -_-"

ปล2. มอบความรักให้ทุกคนที่อ่านค่ะ ^O^  :3123:


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

ออฟไลน์ akazu

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 550
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +240/-6
- 26 -
[Black Part]

“โอย...” ผมครางเบา ๆ ปวดหัวชะมัด... ตามตัวก็ปวดไปหมด ไม่สบายใช่มั๊ยเนี่ย..

“เฮ้ย.. ตื่นยังวะ ?” ผมพยักหน้าทั้งที่ยังไม่ได้ลืมตา..

“ตื่นแล้วก็ลืมตาสิเว้ย! ขี้เกียจอีก” มันโยกหัวผมเบา ๆ ..คำพูดของมันทำให้ผมจำใจลืมตาขึ้นมองไปรอบ ๆ ตัว ...ก็พบกับห้องสีขาว.. ไม่คุ้นตา …โรงพยาบาล ??

“อะไรเนี่ย...” เสียงแหบแห้งของผมถามมันเบา ๆ มีให้น้ำเกลือด้วย ท่าทางจะอาการหนัก

“นอนไปเว้ย ไข้ตั้ง 40 องศา” มันดันไหล่ผมให้นอนลงเหมือนเดิม มันเห็นผมมองหน้า ก็ช่วยชี้แจงแถลงไข.. รู้ใจมากมาย

“มึงชักตาเหลือก.. กูโคตรตกใจเลย” ผมไม่รู้ว่ามันทำท่าทางเกินจริงรึเปล่า แต่ก็อดหัวเราะไม่ได้กับคำว่าชักตาเหลือกของมัน..

“น่าหัวเราะตรงไหน ? มึงมีไข้ด้วย หมอให้นอนดูอาการไปก่อน”

“เฮ้ย! แล้วจะเอาเงินที่ไหนมาจ่าย.....” ผมถามอย่างตกใจ.. เงินที่มีอยู่ตอนนี้ก็ไม่มาก แต่ห้องที่ผมพักอยู่นี่ท่าทางจะแพงเอาเรื่องเหมือนกัน

“ไอ้หมอนั่นออกให้แล้ว” ผมเดาได้ทันทีเลยว่าหมอนั่นหมายถึงใคร..

“.. ทำไมไม่ปฏิเสธไป” ผมเม้มปากรู้สึกไม่ดีเมื่อต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกับเขาอีก

“ช่วงนั้นมันชุลมุน เดี๋ยวกูค่อยจ่ายคืนให้ ...มึงพักผ่อนมาก ๆ เหอะ...” ท้ายประโยคเสียงมันแผ่วเบาจนผมรู้สึกผิดสังเกต

“เป็นอะไร ?” ผมถามมันเบา ๆ... ท่าทางของมันเปลี่ยนไปจนผมรู้สึกได้

“เปล่า...” มันยิ้มฝืน ๆ ให้ผม

“โกหกไม่เนียนเลย” ผมบอกยิ้ม ๆ

“..กูขอโทษ” จู่ ๆ มันก็โพล่งขอโทษขึ้นมาซะงั้น ผมได้แต่มองมันงง ๆ

“..เพราะกูเองแหละ ที่ทำให้มึงเป็นแบบนี้”

“มึงพูดอะไร ?” ผมถามมันอย่างไม่เข้าใจ

“....มึงติดยาว่ะ” มันบอก ทำหน้าจริงจัง

“...ไม่ตลกนะไทม์” ผมขมวดคิ้วมุ่น.. มันจะมาอำผมอะไรตอนนี้วะเนี่ย

“...กูพูดจริง...” มันสบตาผมนิ่ง... จนผมรู้สึกกลัว...

“ไม่จริงหน่า กูจะติดยาได้ไง...ในเมื่อ....” แล้วความคิดของผมก็หยุดชะงัก...

“..ยาที่กูให้มึงนั่นแหละ” ไอ้ไทม์บอกเบา ๆ ผมนั่งนิ่ง.. นิ่งจนมันคงจะเริ่มรู้สึกอึดอัด

“กูขอโทษนะเว้ย.. ไม่คิดว่า..”

“อย่าโทษตัวเองเลย ...กูขอ...อยู่คนเดียว” ผมบอกตัดมันเบา ๆ สบตามันนิดหน่อย..... ผมรู้อยู่แล้ว ว่าสาเหตุที่แท้จริง... เป็นเพราะตัวผมเอง...

“...เออ แล้วกูจะมาใหม่” ผมทำได้เพียงยิ้มฝืน ๆ ให้มันส่งท้าย... ก่อนจะนั่งย้อนไปถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่มันประดังประเดเข้าหาผมทีเดียวจนผมตั้งรับแทบไม่ไหว...ผมนั่งเหม่อไม่กี่นาทีต่อมาก็มีพี่พยาบาลกับลุงหมอเข้ามาเช็คอาการผม

“อยู่ในช่วงเตรียมสอบตรงด้วยสินะคะ มาป่วยเอาช่วงแบบนี้ก็แย่เลย” ผมพยักหน้าให้พี่พยาบาลเบา ๆ

“ผมอยากจะถามเรื่อง...ยา”

“หือ ?” ลุงหมอส่งเสียงงง ๆ ขณะที่กำลังง่วนอยู่กับเครื่องมือทางการแพทย์

“ผมติดยา จริงเหรอฮะ ?”

“อ้อ.. เรียกว่าติดยาก็ไม่ถูกนะ มันเป็นภาวะพึ่งพายามากกว่า.. ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ทานยาตามที่หมอสั่งอีกซักพักก็หยุดยาได้เอง” เขายิ้ม รีบอธิบายไม่ให้ผมเข้าใจผิด

“พึ่งพา ??” ชะ.. ไอ้ไทม์พูดซะผมใจเสียเลย...

“ช่าย.. สังเกตรึเปล่าว่าเธอไม่มีอาการอยากยา ..เพราะเธอรับประทานเบนโซไดอะซีปีนเป็นประจำ พอหยุดทานแบบปุ๊บปั๊บมันก็เลยมีอาการถอนยา” ลุงหมอขยายความให้ผมรู้สึกสบายใจขึ้น..

“เอ้อ... อธิบายยังไงดีละจ๊ะ เอาเป็นว่าเธออย่าเครียดดีกว่า ทำใจให้สบาย”

“....”

“ไม่ต้องกังวลหรอกจ๊ะ สภาพร่างกายของเธอตอนนี้กำลังอ่อนเพลีย พักผ่อนให้มาก ๆ ดูแลตัวเองก่อนดีกว่า”ผมยิ้มรับพี่พยาบาล ก่อนจะหลับอีกครั้งด้วยความเพลีย
 
เสียงอะไร ?... มีคนกำลังคุยกันในห้องของผม

“พี่เขาหลับอยู่ เดี๋ยวพอพี่เค้าตื่นแล้วเธียรค่อยโทรหานะ”  เสียงใคร ?.. เธียร ?? ไม่รู้จัก..

“ก็อยู่โรงพยาบาลแล้วไง กัณฐ์อย่าดื้อสิครับ” กัณฐ์ ? กลับมากันแล้วเหรอ ?

“ครับ ถ้ามีอะไรก็โทรเข้าเบอร์นั้นเลย” ผมปรับสายตามองเด็กผู้ชายคนหนึ่งกำลัยคุยโทรศัพท์เบา ๆ อยู่มุมห้อง

“ครับ... ครับ” เขาตัดสายโทรศัพท์และถอนหายใจเฮือกใหญ่ พอหันมาเจอสายตาของผมก็ชะงัก...

ผู้ชายคนนี้.. ผมคุ้นหน้าแฮะ.. คุ้นมาก ๆ.. ถ้าจำไม่ผิดคงเป็นรุ่นน้องที่โรงเรียน  อ้อ.. ผมจำได้แล้ว.. เขาเคยมาบ้านผมเมื่อประมาณ 2- 3 เดือนก่อน

“เอ่อ.. ผมทำให้พี่ตื่นรึเปล่า ?” เขาถามอย่างเกรงใจ ผมยิ้มน้อย ๆ และส่ายหน้าปฏิเสธ

“สวัสดีครับ ผมชื่อเธียร เป็น..เพื่อนกับกัณฐ์” ผมยิ้มและพยักหน้า รู้สึกใจชื้นขึ้นที่มีคนรู้จักกับน้องมาอยู่ใกล้ ๆ

“เธอ..รู้ได้ยังไง ?” ผมถามเบา ๆ ด้วยเสียงแหบแห้ง..

“อ้อ พี่ชายผมเป็นคนพามาที่นี่ครับ.. พี่เขาบอกว่าบังเอิญเจอพี่ก็เลยพามาส่งโรงพยาบาล” ใคร ? อย่าบอกนะว่าพี่ของเด็กคนนี้...

“นี่มือถือไว้ใช้นะครับ เห็นทางโน้นบอกว่าระดมโทรไปที่บ้านกันจ้าละหวั่นก็ไม่มีคนรับ” ผมรู้สึกขอบคุณเขามาก รีบใช้มือถือที่เขาให้โทรไปหาแม่ ..แล้วก็ถูกบ่นชุดใหญ่ แต่เสียงทักทายจากคนที่อยู่ที่โน่นก็ทำให้ผมยิ้มได้..

“เอ่อ.. พี่แบล็ค ผมมีเรื่องอยากจะถาม” เขาเอ่ยขึ้นหลังจากผมวางสายโทรศัพท์ แววตาของเขามีแต่ความลังเล สงสัย แต่ยังไม่ทันจะเอ่ยอะไรออกมาก็มีคนเคาะประตู
 
ก๊อก ๆ
 
“เข้ามาทำไม!” ผมตวาดเสียงแห้งไอ้คนที่เข้ามาใหม่ ถึงแม้จะรู้ว่าห้องพิเศษที่ผมกำลังใช้อยู่นี่เป็นเงินของมัน แต่ก็ไม่คุ้มค่ากับบางอย่างที่ผมเสียไป

“ดุจัง” เสียงทุ้มของเธียรพึมพำเบา ๆ แต่ผมได้ยิน

“ฉันมีสิทธิ์”

“ทำไมพี่ธีร์พูดงั้นอ่ะ” ..พี่ธีร์งั้นเหรอ ?.. เขาชื่อธีร์...

“พี่ขอโทษ” น้ำเสียงและแววตาที่เขามองเด็กอีกคนที่อยู่ในห้องช่างนุ่มนวลและสุภาพ แตกต่างจากที่ผมได้รับเหลือเกิน ...

“ไม่ยกโทษอ่ะ พี่ธีร์ต้องสัญญามาก่อนว่าจะดูแลพี่แบล็คดี ๆ”

“เอ้ย..” ลากผมเข้าไปเกี่ยวด้วยทำไมเนี๊ยะ!

“..พี่ไม่รับปาก” เขาปรายตามามองผมนิด ๆ ..ชะ! เป็นกิริยาที่ไม่สุภาพเอาซะเลย

“พี่แบล็คมีอะไรก็บอกผมได้นะครับ” เธียรไม่สนใจการต่อปากต่อคำของพี่ชาย ..พูดเข้าข้างผมซะด้วย

“เธอกลับบ้านไปได้แล้ว” ฝ่ามือหนานั้นลูบศีรษะทุยของเธียรเบา ๆ สายตาของเขา... สายตาแบบนั้น... ผมสาบานได้ว่าผมไม่เคยมองน้องชายตัวเองตาหวานเยิ้มขนาดนั้น...

“งั้นผมไปนะครับ หวัดดีครับพี่แบล็ค พี่ธีร์”
 
หลังจากเด็กคนนั้นออกจากห้อง ทั้งผมและเขาก็เงียบกริบ เขานั่งเปิดแลปทอปพิมพ์อะไรก็ไม่รู้ก๊อกแก๊ก ๆ ..ผมจะเป็นฝ่ายเอ่ยปากไล่เขาออกไปก็กระไรอยู่ หรือว่าจะเดินออกไปเองดีฟะ... ไม่เอาดีกว่าเดี๋ยวไปชักตาเหลือกนอนตายอยู่ข้างนอก ขอให้ผมหายดีกว่านี้ก่อนเถอะ...

เวลาผมจะขยับแต่ละทีนี่รู้สึกอัดอึดไปหมด.. จึงได้แต่กึ่งนั่งกึ่งนอนมองดูโทรทัศน์ที่เปิดอยู่ตรงหน้า แม้มันจะไม่ได้เข้าไปในสมองผมเลยก็ตาม.. จู่ ๆ ผมก็นึกถึงสายตาของเขาที่ใช้มองเด็กที่ชื่อเธียร..

...ผิดปกติ...
ใช้สายตาแบบนั้นกับน้องชายเขาเรียกว่าผิดปกติแน่ ๆ ถ้าตัดเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งคู่ออกแน่นอนว่าผมจะนึกว่าเขามอง ‘คนรัก’

“ฮึ”

“ฮะ ๆ” ผมหลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ ดวงตาคม ๆ นั้นจึงจ้องมายังผมอย่างสงสัย

“หลงรักน้องชายตัวเองงั้นเหรอ ?” ผมถามพร้อมเหยียดยิ้ม.. เป็นรอยยิ้มเหยียดหยามคนอื่นที่ผมไม่เคยคิดจะใช้มาก่อน

“น่าสมเพชชะมัด”

“เธอ!” เขาเริ่มจะขึ้นเสียง

“อ๊ะ ๆ เดี๋ยวผมฟ้องน้องเธียรนะครับ” ผมเริ่มขู่เมื่อเห็นเขาเดินเข้ามาใกล้

“ถ้าเธอคิดเอาเขามาขู่ ฉันขอเตือนว่าเธอทำไม่สำเร็จ” เขากอดอกยิ้มเหยียด มองผมด้วยสายตาไม่เป็นมิตรสุด ๆ

“เขาไม่เคยสนใจฉัน.. เขาแคร์น้องชายเธอยิ่งกว่าอะไร”

“น้องชายผมมาเกี่ยวอะไร” ผมถามอย่างไม่เข้าใจ

“เธอโง่จริง ๆ หรือแกล้งโง่กันแน่” เขาปรายตาเหยียดยิ้ม.. และหัวเราะในลำคอนิด ๆ นี่เป็นบุคลิกที่ผมเกลียดที่สุดของเขา.. เห็นแล้วอยากลุกขึ้นมากระโดดถีบขาคู่ชะมัด

“...”

“น้องชายเธอ เป็นแฟนกับน้องชายฉัน”

“ม...ไม่จริง” ผมปฏิเสธ

“จริง!” เขาขึ้นเสียงสวนกลับทันที

“คุณโกหก! กัณฐ์เล่นเกมส์ทุกวันแล้ว....”

“ฮึ...เล่นเกมส์ที่บ้านน้องชายฉันนี่ไง” อะไรกันวะเนี่ย!!

“คุณอย่ามาใส่ร้ายน้องชายผมแบบนี้!”

“ฉันไม่ได้ใส่ร้าย” เขากล่าวย้ำ

“..ไม่มีทาง ผมไม่เชื่อคุณ”
 
ก๊อก ๆ เสียงเคาะประตูขัดจังหวะทำให้การปะทะคารมระหว่างผมและเขาเป็นอันต้องหยุดลงชั่วคราว

“พี่ขอวัดไข้หน่อยนะคะ” พี่พยาบาลกุลีกุจอเข้ามาวัดไข้ให้ผม

“อืม.. ไม่ลดลงเลย ทานยารึยังคะ ?” ผมพยักหน้าเบา ๆ

“งั้นเดี๋ยวพี่เช็ดตัวให้นะ”

“เอ่อ..” จู่ ๆ ผมก็รู้สึกอายขึ้นมาซะงั้น .. ผมขอเช็ดตัวเองดีกว่าครับพี่..

“เดี๋ยวผมเช็ดให้เอง” เสียงทุ้มของอีกคนบอกตัด

“ค่ะ ญาติเช็ดให้นะคะ” พี่พยาบาลยิ้มรับ และเดินออกไปจากห้อง ผมได้แต่ทำหน้างง ๆ พอเห็นเขายืนหน้านิ่งแล้วรู้สึกกลัวขึ้นมาซะงั้น

“อย่ามายุ่งกับผม! ถ้าคุณแตะผมอีกผมจะบอกกัณฐ์” เมื่อฟ้องเธียรไม่ได้ผล ก็ต้องฟ้องแฟนเธียรละวะ! เฮ้ย!! ผมไม่ได้ยอมรับว่าทั้งคู่เป็นแฟนกันหรอกนะ!

“บอกว่าอะไรดีล่ะ ? บอกว่ามีอะไรกับฉันแล้วงั้นเหรอ ?” เขาเหยียดยิ้มแบบนี้อีกแล้ว ..ผมเกลียดจริง ๆ ให้ตาย!

“ผมไม่เคยพูด!! โธ่เว้ย!!” ผมตวาดอย่างหัวเสีย แต่พอขยับช่วงล่างนิดนึงก็ปวดแปล็บจนต้องนิ่วหน้า

“โอเค ๆ มาเช็ดตัวกันก่อนดีกว่า” ดูเหมือนเขาจะรู้ว่าผมเจ็บ จึงเป็นฝ่ายขอสงบศึก

“เอ้ย! ไม่ต้อง!!” ผมรีบปฏิเสธ ปัดมือของเขาออก

“อย่าดื้อได้มั๊ยฮะ! ฉันเหนื่อยกับเธอมาทั้งวันแล้วนะ” มือหนากุมศีรษะอย่างหัวเสีย

“ไม่ได้ขอ” ผมสวนกลับ

“แต่น้องชายฉันขอ”

“คุณไม่จำเป็นต้องทำ”

“...เอาเป็นว่าหยุดต่อปากต่อคำแล้วนอนนิ่ง ๆ ซะ” สุดท้ายเขาก็ยอมแพ้ผมอีกจนได้...แต่ไม่มีทางที่เขาจะได้แตะต้องผมหรอก สาบาน!!

“หยุดงี่เง่าได้แล้ว! อย่าทำให้ฉันโมโหบ่อย ๆ” เขาบอกเสียงดุ แต่ขอโทษเถอะ ผมไม่กลัว!! จนสุดท้ายเขาเป็นฝ่ายยอมแพ้ กลับไปนั่งทำงานของเขาหน้าแลปทอปต่อไป...

ส่วนผมเดินกระฟัดกระเฟียดลากสังขารตัวเองเข้าห้องน้ำเพื่อเช็ดตัว ฮือ ๆ.. แล้วสิ่งที่พบทำให้ผมรู้สึกเซ็งเป็ดมากคือก้นผมยังมีเลือดไหลอยู่.. คอยดูนะ.. ถ้าผมตาย ผมจะมาหลอกไอ้คนที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้เป็นคนแรกเลย!!
 
“...อือ..” ผมครางเบา ๆ รู้สึกดีจัง.. มีอะไรเย็น ๆ มาถูกตัวผม ผมเบียดตัวเข้าหาความเย็นชื้นนั้น ผมลืมตาขึ้นเห็นเงาพร่ามัวของคนที่กำลังเช็ดตัวให้ผมอยู่

ใคร ?... ไหนเขาบอกว่าจะไม่เช็ดตัวให้ผมแล้วไง.. ขี้โกหกชะมัด และผมก็ปิดตาลงอีกครั้งด้วยความอ่อนเพลีย...
 
พอตื่นมาอีกครั้งก็พบว่าตัวเองตื่นเสียสายโด่ง และมีใครอีกคนนั่งอยู่ในห้อง

“..ตื่นแล้วเหรอ ?” ไอ้หมวยนั่นฉีกยิ้มให้ผม ผมได้แต่ทำหน้าปุเลี่ยน.. ไอ้บ้านั่นคงจะไปทำงานแล้วละมั้ง

“อือ..” ผมตอบเบา ๆ

“เมื่อคืนเรานอนแทบไม่หลับเลย พอหาเจอว่าเธออยู่ที่ไหนก็รีบมาตั้งแต่เช้า” เขายิ้มบอก.. ไอ้หมอนี่มันเหมือนวิญญาณไม่มีผิด นึกจะมาก็มา นึกจะไปก็ไป.. แถมโผล่มาแต่ละครั้งทำเอาผมงงเต๊กทุกครั้งเลยด้วย

“ตัวยังรุม ๆ อยู่เลย กินข้าวก่อนนะ” เขาจับหน้าผากผม พูดเองเสร็จสรรพ พร้อมยกข้าวต้มทำท่าจะป้อน.. แต่ผมรีบฉกมาตักกินเอง ..รู้สึกสบายใจกว่า..

ตลอดเวลาไอ้หมอนี่ก็เอาแต่จ้องหน้าผมแล้วก็ยิ้มน้อย ยิ้มใหญ่.. บ้าป่าววะ ? แล้วผมก็เกิดสงสัย..

“นายเช็ดตัวให้งั้นเหรอ ?” ผมถาม ..ก็ตอนนั้นมันรู้สึกดีมากเลยนี่นา

“เอ๊ะ.. อืม” ไอ้หมวยรับ แล้วจู่ ๆ ก็เกิดหน้าแดงขึ้นมา.. อะไรวะ ไอ้บ้านี่...

“ขอบคุณ” ผมยิ้มกับตัวเอง ..โง่จริง ๆ หลงคิดว่าเป็นไอ้หมอนั่นได้ไงกัน

“กินผลไม้มั๊ย ?” ผมพยักหน้า.. หมอนั่นก็หยิบแอ๊ปเปิ้ลในตะกร้ามาปอก.. เขารู้ด้วยว่าผมชอบกินแอ๊ปเปิ้ลเขียว..

“ว่าแต่.. นายเอ่อ.. อายุเท่าไหร่ ?” ผมถามอย่างไม่แน่ใจ..

“..21 ทำไม ?” เขายิ้มเลิกคิ้วงง ๆ ..อายุมากกว่าผม 3 ปีเลยนี่หว่า.. หน้าเด็กชะมัด

“แล้วไม่ไปเรียนรึไง ?”

“ปิดเทอมแล้ว เอ้า” เขาบอกและยื่นแอ๊ปเปิ้ลน้องกระต่ายให้ผม.. เป็นผู้ชายที่โคตรโนเนะเลย ให้ตายเถอะ!

จะว่าไปไอ้หมอนี่ก็คุยสนุกดี .. เป็นเพื่อนคุยแก้เหงาผมได้ ผมโทรไปส่งข่าวให้ไอ้เจ.. มันเป็นคนเดียวที่ผมจำเบอร์ได้เพราะเบอร์มันท่องง่ายสุด ๆ พอตกเย็นก็มีเพื่อน ๆ มาเยี่ยมผม.. 1 ในนั้นคือ ‘เธอ’

ไอ้หมวยเห็นเพื่อน ๆ ผมมาเยี่ยมหลายคนเลยขอตัวกลับไปก่อน พวกเขาก็มาส่งข่าวคราวเรื่องการรับสมัครสอบของที่อื่น ๆ และเรื่องการเรียน เพื่อนในกลุ่มผมช่วยกันจดอย่างละเอียดและย่อมาให้ผมอ่านฆ่าเวลาเล่น ... ผมขาดเรียนพิเศษติด ๆ กันหลายวันแล้ว ..ไม่รู้ว่ากลับไปเรียนแล้วจะทันเพื่อนอีกไหม พอคนอื่น ๆ ทยอยกันกลับ ก็เหลือเพียงแค่ผมกับเธอในห้อง...

“ทำไมถึงปล่อยให้ตัวเองเป็นแบบนี้ ?” แคนดี้เอ่ยถามประโยคแรก หลังจากไม่ได้คุยกันเกือบสัปดาห์ ...เธอมีน้ำตาคลอด้วย..... ทำไมเธอถึงมีท่าทางห่วงใยผมมากมายขนาดนั้น ? ....แล้วผมควรตอบว่ายังไงดี ?..

“แคนดี้รักแบล็คนะ ...รัก..”

“พอเถอะ..” ผมตัดบท.. ยิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกแย่...

“ทำไมแบล็คถึงไม่รักแคนดี้เลย!” เธอตวาดถามเสียงเครือ ..ผมมองเธอราวกับเป็นคนแปลกหน้า... ก่อนจะตอบ..

“ผมไม่ได้.. ไม่รัก...” …สรรพนามที่ผมใช้ถูกเปลี่ยนเพื่อให้ฟังดูห่างเหินกันยิ่งขึ้น...

“แล้ววันนั้นมันหมายความว่ายังไง แบล็คมีอะไรกับคนอื่น.. ใช่มั๊ย ?” เธอถามเสียงสั่น และปล่อยให้น้ำตาไหล.. ...อีกแล้ว.... ผมทำให้เธอร้องไห้อีกแล้ว.....

“ทำไมไม่ปฏิเสธล่ะ ?” เธอถามพร้อมเขย่าตัวผม ..ให้ตายเถอะ! ผมเจ็บนะเนี่ย!

“แบล็คใจร้าย ทำไมต้องโทรมาหาแคนดี้ตอนกำลังมีความสุขอยู่ด้วย อยากให้แคนดี้ตายทั้งเป็นใช่มั๊ย ?” จบคำเธอก็วิ่งออกไปจากห้อง..

“...หมายความว่าไง ?” ผมรีบลงจากเตียง ลากเสาน้ำเกลือตามเธอไป

“แคนดี้! ผมไม่เคยทำแบบนั้นเลยนะ” ผมพยายามตะโกนบอก แต่เหมือนว่าเธอจะไม่ต้องการฟังคำแก้ตัวจากผม  ผมไล่ตามเธอไม่ทัน ไม่อยากบอกเลยว่าเจ็บก้น ...โธ่เว้ย!!
 
ตกดึกเขาก็มานั่งเฝ้าผมอีก.. ไอ้หมอนี่ก็ประหลาด.. ต้องทำตามที่น้องตัวเองสั่งทุกอย่างเลยรึไงนะ...

“นายโทรศัพท์ตอนที่เรามีอะไรกันรึเปล่า” ผมเป็นฝ่ายเอ่ยถามเขาอย่างเสียมิได้..

“..ถามทำไม ?” เขาถามกลับ ขณะที่สายตายังคงจับจ้องอยู่หน้าจอเล็ก ๆ นั่น

“..มีรึเปล่า ?” ผมถามย้ำอีกครั้งอย่างไม่สบอารมณ์ คนอะไร โคตรจะไร้มารยาทเลย...

“ไม่นี่”

“เฮ้อ...” พอได้ยินคำตอบ ผมก็ได้แต่ถอนหายใจเบื่อ ๆ..  โทรศัพท์ของผมหายไปตั้งนานแล้วนี่นา แคนดี้อาจจะเบลอก็ได้.. ผมต้องคุยกับเธอให้รู้เรื่อง...

“นายจำเรื่องคืนนั้นได้รึเปล่า ?” จู่ ๆ เขาก็ถามขึ้นมา

“คืนไหน ?” ผมถามงง ๆ

“บนรถ” ความเงียบของผม ทำให้เขาสรุปเอาเอง

“โอเค.. แล้วจำได้มั๊ยว่าตัวเองถูกลักพาตัวไปที่โรงแรมแห่งหนึ่ง”

“จำได้ นายรู้ได้ยังไง ?” ผมถามกลับอีกครั้ง.. ไอ้หมอนี่รู้อะไรที่ผมไม่รู้...

“แล้วต่อจากนั้นล่ะ ?” เขาถามต่อ

“ก็.. อยู่กับผู้ชายคนนึง..”

“อือฮึ” เขาทำเสียงตอบรับในลำคอ

“จากนั้นก็จำอะไรไม่ได้”

“...งั้นเหรอ ?”

“นายรู้อะไรมากกว่านั้นรึไง ?” ผมถาม... มั่นใจว่าเขารู้มากกว่าผม..

“เธออยากรู้รึไง ?” เขาหันมามองผมเป็นครั้งแรกของวัน.. และผมพยักหน้าให้..

“ฉันเห็นเธอถูกอุ้มเข้าไปที่นั่น..” เขาเริ่มอธิบาย

“..ก็เลยตามไป”

“แล้วรู้มั๊ยว่าฉันเจอกับอะไร ?” จะไปรู้รึไง..

“เด็กผู้ชาย 2 คนกำลังเมคเลิฟกัน ให้ตายสิ” เขาบอกแล้วหัวเราะเบา ๆ

“1 ในนั้นคือเธอนั่นแหละ”

“แล้วผมกับเขา..” ผมถามขัด ทำหน้าปุเลี่ยน..

“เรียบร้อย” ผมมีอะไรกับไอ้หมวยจริง ๆ เหรอเนี่ยยยยย ...พระเจ้า...!!

ผมตีหน้านิ่งทั้ง ๆ ที่ในใจมันร้องโหยหวน.. นี่ผมไม่ได้มีอะไรกับไอ้หมอนี่คนเดียว... แต่ดันมีอะไรกับไอ้หมวยด้วยจริงเหรอเนี่ยยย .. ผมกำลังจะกลายเป็นเกย์จริง ๆ ใช่ม้ายยยยยยยย~~~~~

“ฉันเป็นคนลากเธอออกมาจากที่นั่นเองแหละ …ในสภาพไม่ค่อยดีซะด้วย”

“งั้นเหรอ...” ผมตอบรับอย่างซังกะตาย

“เธออยากรู้ไปทำไม ?”

“เปล่า”

“แล้วยังมีไข้อีกมั้ย ?”

“เมื่อไหร่ผมจะกลับบ้านได้ ?” เปลี่ยนเรื่องดีกว่า... ตอนนี้จิตใจของผมรู้สึกหดหู่...

“2-3 วันมั้ง เห็นเขาบอกว่าต้องจัดยาให้เธอด้วย”

“....”

“ฉันว่าเธอน่าจะไปคุยกับเพื่อนคนนั้นของเธอหน่อย” ...เพื่อนของผมที่เขารู้จัก..ก็มีแต่...

“..ไทม์น่ะเหรอ ?”

“เขาดูเครียดมากตอนพาเธอมาโรงพยาบาล” …ในสมองของผมขณะนี้มันมีปัญหาต่าง ๆ มากมายมารุมอัดในเวลาเดียวกันจนไม่มีเวลาจะคิดถึงจิตใจของมันเลย... ความจริงเมื่อวานนี้ผมไม่น่าไล่มันไปแบบนั้น..... ผมควรจะเริ่มแก้อะไรในชีวิตก่อนดีเนี่ย!! โธ่เว้ยยยยย~~!!!
 
“เป็นอะไร ? นอนไม่หลับเหรอ ?”

“อืม..” คงเพราะปริมาณยาที่จำเป็นต้องลดลง แต่ปัญหาที่ผมเจอมันมากขึ้น ...จึงทำให้ผมไม่สามารถนอนหลับลงได้เลย....

“จะให้ฉันเล่านิทานให้ฟังมั๊ย ?” เขาถามอย่างอารมณ์ดี.. แต่ผมไม่ดีด้วย..

“ประสาท..” ผมด่าเขาเบา ๆ แล้วลุกขึ้นจากเตียง

“จะไปไหน ?”

“เยี่ยว” ผมตอบปัด.. น่าเบื่อชะมัด.. ต้องมีไอ้เสาน้ำเกลือนี่ตามไปด้วยทุกที่ พอออกจากก็เจอไอ้คนตัวใหญ่ฮัมเพลงสบายใจ.. วันนี้มันอารมณ์ดีมาจากไหนเนี่ย ?

“เธอจะเล่นเกมส์มั้ย ?”

“เล่นไม่เป็น” ผมตอบปัด

“มานี่ นั่งตรงนี้!” เขาชวนตบโซฟาข้าง ๆ ... ตอนนั้นผมไม่รู้นึกยังไงเดินไปนั่งข้าง ๆ เขา ....แล้วเล่นเกมส์ Bubble Bobble …แพ้ตลอดเลยว่ะ ...เซ็ง

“หน้าตาไม่น่าโง่นะ..” สุดท้ายก็โดนไอ้หมอนี่ตอกมาอีกดอกหนึ่ง.. เบื่อว่ะ!!

ผมนั่งเล่นเกมส์ในแลปทอปเขาจนถึงตี 3 .. ส่วนเขาน็อคนอนหลับบนโซฟาไปตั้งแต่ตี 1 แล้ว ในวันนั้นผมฝัน… ฝันเห็นงู...
...ผมไม่แน่ใจว่ามันเป็นลางดีรึเปล่า ในฝันนั้น…
"ผมกระโดดเหยียบ และย่ำ ๆ ขยำขยี้หัวมันจนสมองเละ ตายคาตีน....."

.......ทู บี คอนตินิ๊ววว...


ออฟไลน์ ต่ายน้อย

  • กระต่ายน้อยลอยคอ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 816
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-3
    • http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=27719.0
ตามมาเม้น  ชอบเรื่องนี้ รอน้องแบล็คต่อไป

ออฟไลน์ →Yakuza★

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1829
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-0
อ่านทันแล้ว เย้!!! สนุกมากเลยจ้าาา

ตอนแรกคิดว่าเธียร์มันจะแอบคิดอะไรกับธีร์ แต่พออ่านตอนพิเศษแล้วคิดว่าคงไม่แล้วละ

เหลือแต่แบล็ก น่าสงสารจริงๆ  :กอด1:

ออฟไลน์ akazu

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 550
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +240/-6
- 27 -

วันนี้ผมถอดสายน้ำเกลือแล้ว รู้สึกดีใจเป็นที่สุด~! ผมอยากไปหาไอ้ไทม์ใจจะขาด จะโทรเรียกให้มันมาหาก็ดันจำเบอร์ไม่ได้ โว๊ย~~!!

“แลปทอปของใครเหรอ ?” ไอ้หมวยถาม .. 

มันมานั่งมองผมตั้งแต่ผมยังไม่ตื่น ..เฮ่อ... บางทีผมก็อึดอัดและอดคิดไม่ได้ว่า ทำไมชีวิตผมมันถึงอีรุงตุงนังแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่ผมแสดงเจตนาชัดเจนว่าไม่ได้ชอบ และไม่อยากจะได้แฟนที่เป็นผู้ชายซักเท่าไหร่ ...หรือผมควรจะทำตัวน่ารังเกียจให้เขารับไม่ได้แล้วตีห่างออกไปเอง ?.. แต่ให้ตายเถอะ ผมเป็นสุภาพบุรุษออกปานนี้จะให้ทำตัวยังไงล่ะ ? หรอทำตัวสาวแตกดีวะ ? เห้ย! มันอาจเข้าทางเขาก็ได้...

“ของใครไม่รู้ สงสัยตั้งลืมไว้มั้ง” ผมบอก.. ในใจกระหวัดนึกถึงไอ้ผู้ชายอีกคนนึงซึ่งเป็นเจ้าของเครื่องคอมพิวเตอร์พกพาที่วางแหมะอยู่ ...หมอนั่นบ้ารึไง เครื่องก็ไม่ได้เล็กมากมายยังตั้งลืมไว้ได้อีก..

“…แล้วผู้หญิงคนที่มาเมื่อวาน..เอ่อ..” ..ผมเลิกคิ้วมองไอ้หมวย.. สงสัยอะไรมากมายเนี่ย

“เพื่อนน่ะ” ผมตอบเบา ๆ ..แล้วเขาก็ทำหน้าเหมือนโล่งอก..

พอเห็นท่าทางแบบนั้นของเขาแล้วผมก็รู้สึกอยากจะกลับไปคืนดีกับแคนดี้อีกครั้ง แต่กลับมาคิดดี ๆ แล้ว... บางทีนี่อาจเป็นหนทางที่ดีสำหรับเธอก็ได้... คบกับผู้ชายอย่างผมคงไม่สามารถทำให้เธอมีความสุขได้หรอก...ผมเคยได้ยินว่า ชายเอาชายคือยอดชาย แล้วผู้ชายที่ถูกเอาก็ต้องกลายเป็นเศษชาย เหอะ ๆ.. ตอนนี้ผมคงกลายเป็นแค่เศษชายแล้วละมั้ง ? ก็เหมือนเมื่อวานละครับ เขาชวนผมคุยไปเรื่อย ๆ.. อยู่เป็นเพื่อนแก้เซ็ง

“นันเจอผมตั้งแต่เมื่อไหร่อ่ะ ?”

“เอ.. ก็เกือบ ๆ ปีมั้ง ไม่แน่ใจ” ไอ้หมวยพยายามทำท่านึก.. ถ้าเขาเป็นผู้หญิงผมคงบอกว่าน่ารัก... แต่ติดตรงที่เขาไม่ใช่ผู้หญิงนี่น่ะสิ..

“เจอที่ร้านไอ้ไทม์น่ะเหรอ ?” ผมถามอีกครั้ง

“อื้อ” ไอ้หมวยอมยิ้มพยักหน้า ...เฮ้อ..

ผมเบนหน้าหนีไปทางหน้าต่าง.. จู่ ๆ ผมก็นึกอะไรออก ทำไมผมถึงโง่นั่งแกร่วอยู่ในโรงพยาบาลนี่ทุกวันวะ!!

“นัน.. ช่วยพาผมไปหาไอ้ไทม์ทีดิ”

“เอ๊ะ?... อืม..” เขาทำหน้าประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ตอบรับผมยิ้ม ๆ

ใจผมโห่ร้องอย่างลิงโลด~~ ทำไมนั่งโง่นอนโง่อยู่ในโรงพยาบาลตั้งนานวะ! ไอ้หมอนี่มันก็มีประโยชน์เหมือนกันแฮะ ผมแต่งตัวและเดินเนียนออกจากโรงพยาบาลไปพร้อมกับนัน ฮุ ๆ ๆ.. มีการ์ดของเขายืนรออยู่หน้าประตูห้องด้วยผมไม่เคยรู้มาก่อน... ชักสงสัยแล้วแฮะว่าบ้านหมอนี่ทำธุรกิจอะไร ทำไมถึงคุ้มกันซะหนาแน่นขนาดนี้..

“ต้องมีคนคอยตามตลอดแบบนี้เลยเหรอ ?” ผมกระซิบถามเบา ๆ เหลือบตามองผู้ชายตัวโตที่เดินตามหลังต้อย ๆ

“อืม..” ไอ้หมวยตอบรับราวกับโดนยิงคำถามนี้มาเป็นรอบที่ร้อยแล้ว

“บ้านนายนี่หวงลูกเนอะ”

“ฮึ..” เขาหัวเราะในลำคอเบา ๆ

ร้านของไอ้ไทม์ยังปิดอยู่ ผมเกาหัวแกรก ๆ.. แล้วจะเข้าไปหามันยังไงละเนี่ย ท้ายที่สุดผมต้องทำใจกลับไปก่อน จะให้รอจนถึงเวลาเปิดร้านก็คงไม่ไหว..

“เฮ่ย.. ทางนี้มันไม่ใช่แล้วนี่” ผมแย้งเบา ๆ เมื่อคนขับรถพาผมไปทางอื่น

“ไปนั่งเล่นที่บ้านเราก่อนก็ได้” ไอ้หมวยยิ้มบาง ๆ แต่ผมเริ่มระแวง..  ไม่น่าขอให้มันพามาเลย.. เอาแล้วไงกรู..

“จอดรถตรงนี้แหละ ผมจะลง!” ผมรีบโวยวายเมื่อเห็นท่าไม่ดี

“ไปบ้านเรามีอะไรน่ากลัวรึไง ?” นันหัวเราะยิ้ม ๆ กับท่าทางของผม

“แล้วทำไมไม่กลับโรงพยาบาล ?” ผมถามกลับ.. และตะโกนตอบในใจว่า ไอ้ที่น่ากลัวน่ะ คือคนที่นั่นอยู่ข้าง ๆ ผมตอนนี้ยังไงเล่า!!

“เหอะน่า” ผมทำได้เพียงปิดปากนิ่งเงียบ มองดูเส้นทางวกวนจนเริ่มจะสับสน ผมถูกพามายังบ้านในป่าที่อยู่ห่างจากตัวเมืองออกไปมากโข..

“ลงมาสิ” ผมเดินตัวลีบตามเขาต้อย ๆ  บ้านหลังนี้อยู่ลึกกว่าที่ผมคาดไว้ แถมมีน้ำตกใกล้ ๆ อากาศเย็นสบาย

“นี่บ้านนายเหรอ ?” ผมถาม.. มันผิดความคาดหมายของผมไปมากโข

“เปล่า.. แต่เป็นที่ ๆ เราชอบมาที่สุดน่ะ” เขาบอกพร้อมยิ้ม.. นี่เป็นครั้งแรกละมั้งที่ผมรู้สึกว่ารอยยิ้มของเขาเป็น ‘ยิ้ม’ จริง ๆ..

ผมเดินชมนกชมไม้แถว ๆ นั้นไปเรื่อย ๆ ส่วนไอ้นันหายวับเข้าไปในบ้าน บอกตามตรงว่าผมไม่กล้าเหยียบเข้าไปข้างใน เพราะกลัวไอ้หมวยนั่นจู่โจม เหอ ๆ ๆ บรรยากาศนอกบ้านก็ไม่ได้เลวร้ายซักเท่าไหร่ด้วย.. อีกไม่นานก็คงได้กลับ... ผมคิดถึงบ้านจัง....

“เอ่อ.. ผมขอเข้าไปได้มั๊ย ?” ผมถามการ์ดที่ยืนทำหน้าถมึงทึงอยู่หน้าบ้านเบา ๆ ก็แบบ.. คนมันอยากเข้าห้องน้ำอ่ะ ทั้ง ๆ ที่คิดไว้แล้วเชียวว่าจะไม่เหยียบเข้าบ้าน แต่ตอนนี้ผมทนไม่ไหวแล้วววว~!! เขาหลีกทางให้ผมเดินเข้าไปในตัวบ้าน

..ข้างในอากาศก็เย็นแฮะ.. ถ้าปลูกบ้านแถว ๆ นี้ได้ คงไม่ต้องใช้แอร์เลย เมื่อทำภารกิจเสร็จ ผมก็เดินสำรวจทั่วบ้าน เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ประกอบด้วยไม้ ...ผมรู้สึกชอบตู้ไม้ของเขาเป็นพิเศษ อยากได้ตู้นี้ไปไว้ในห้องจัง.. ดีไซน์สวยชะมัด.. ...หือ ??..

กล้องวีดีโอ ?.. ผมถือวิสาสะเปิดกล้องดู.... มีแค่ไฟล์เดียวเองแฮะ... แล้วผมเปิดไฟล์ดูภาพบนหน้าจอเคลื่อนไหว..  อะไรวะ ??

ขา...

มือ ....

แขน.....

ใบหน้านี่....คุ้น ๆ แฮะ.. เหมือนเคยเห็นที่ไหน...

เฮ้ย!! เดี๋ยวก่อน!! ..นี่....นี่มัน..... นี่มันตัวผมเองนี่หว่า!!!

ผมกดเร่งจนภาพเคลื่อนไหวเร็วจนบิดเบือน มุมภาพของกล้องเปลี่ยนไป.. มันถูกวางอยู่มุมสูงของห้องและมองเห็นร่างของคนทั้งคู่ที่อยู่ภายในห้อง

ผมเห็นผู้ชาย 2 คนกำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันบนเตียง.. อะไร....มันมีอะไรแปลก ๆ...ผมกลอวีดีโอกลับไปอีกครั้ง...ดูเหมือน ...ผู้ชายคนนึงกำลังโทรศัพท์.. ถ้าผมดูไม่พลาดโทรศัพท์นั่น... มันของผม..ร่างกายของผู้ชายที่นอนอยู่บนเตียงค่อย ๆ ถูกปลดเครื่องแต่งกายออก ตัวผมในนั้นครางเรียกชื่อเธอออกมา.. และพยายามขยับหนี

“ไม่!.. ไม่ได้.. อืออ..” ผมได้ยินเสียงตัวเองไม่ชัดนักแต่น่าจะประมาณนี้ ผมมองดูตัวเองพยายามสะบัดคนที่ขึ้นคล่อมออก แล้วจู่ ๆ ไอ้นันก็หยิบขวดยาขึ้นมาให้ผมสูดหายใจเข้าไป.. ราวกับตัวของผมในนั้นหมดแรงดื้อ ๆ ยอมให้ไอ้หมวยจับต้องตามต้องการ
ผมมองภาพที่ถูกบันทึกด้วยหัวใจเต้นระรัว...

ไม่นะ.. ไม่ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ม่ายยยยยยยยย~~~~~~~~!!!

ภาพร่างกายของผมเกร็งกระตุก ร้องครางออกมาเบา ๆ ...อย่าบอกนะว่า..ผม.....ผม..... พระเจ้า ......แล้วเขาก็ขึ้นคล่อมร่างของผมในสภาพเปลือยเปล่า

ผมแทบทนดูไม่ไหว อยากจะขว้างกล้องทิ้งแต่จู่ ๆ ก็มีเสียงปังเหมือนประตูถูกกระแทกเปิดขึ้น ผมหันไปมองทางประตูด้วยความตกใจ.. แต่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น... สิ่งที่เกิดขึ้นคือในวีดีโอนี่ต่างหาก..

“แกเข้ามาได้ยังไง!” เสียงไอ้นันตวาดถาม

“เธอทำอะไรเขา ?” เสียงนี่มัน... พี่ธีร์นี่... ใช่.. เขาบอกว่าเป็นคนพาผมออกมาจากโรงแรมในวันนั้น ร่างสูงใหญ่ของไอ้พี่ธีร์ปรากฎขึ้นในจอภาพ.. ดูเหมือนเขาจะเหลือบมองร่างเปลือยเปล่าของผม แล้วทำไมผมต้องรู้สึกอายเอาป่านนี้ด้วยวะ!!  ร่างหนานั่นตรงรี่ไปหยิบขวดยาที่หล่นอยู่ข้างเตียงขึ้นมาเปิดดู

“เธอมอมยาเขา..”

“เอาคืนมา แล้วออกไปซะ!!”

“ฉันจะบอกจันทิรา”

“รู้จักเรางั้นเหรอ ?”

“ยิ่งกว่ารู้จักอีก นันสิตา.. รับรองว่าเรื่องนี้ถึงหูพี่เธอแน่”

“หยุดนะ!” ร่างของนันตรงรี่ไปยื้อแย่งขวดยาในมือของไอ้พี่ธีร์ จนน้ำในขวดนั้นกระเด็นสาดใส่หน้าเขา

“บ้าเอ๊ย!” พี่ธีร์สบถเบา ๆ ก่อนจะถีบท้องของนันจนหงายหลังแล้วหยิบเสื้อผ้าที่เกลื่อนพื้นพร้อมกับยกตัวผมพาดบ่าวิ่งออกมาจากห้องนั้น

ไอ้บ้าเอ๊ย!! เขาวิ่งออกไปทั้ง ๆ ที่ตัวผมไม่มีอะไรปิดซักอย่างได้ยังไงกัน!! อายนะโว๊ยยยยย~~!!! เรื่องราวทั้งหลายมันเริ่มปะติดปะต่อข้างในหัวของผม

ไหนไอ้บ้านั่นบอกว่าเรียบร้อยแล้วไงวะ! ไอ้นันก็บอกว่าผมมีอะไรกับมัน ไหงในนี้มันไม่เห็นจะมีอะไรเลยนอกจาก.... โว๊ยย!!!
แล้วเรื่องมือถือบ้านั่นอีก... แคนดี้อาจจะไม่เลิกกับผมถ้ารู้เรื่องนี้...แต่... เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับไอ้ตัวใหญ่นั่นล่ะ.. โอ๊ยยยย!! อะไรกันนักกันหนาวะเนี่ย~!!!

“แอบรื้อของตอนเจ้าของบ้านไม่อยู่นี่.. ไม่ดีนะ” เสียงกระซิบข้างใบหูทำเอาผมขนลุกซู่ พร้อม ๆ กับแขนเรียวของเขาที่ตวัดโอบรอบตัวผม ผมสะดุ้งพยายามดึงแขนที่เกาะออก

“ไอ้บ้า! ทำอะไรเนี่ย!!” ผมร้องตื่น ๆ เผลอทำกล้องวีดีโอตกลงพื้น..

“เห็นหมดแล้วสิเนี่ย.. แย่จัง” เหมือนไอ้หมวยมันจะบ่นกับตัวเองซะมากกว่า

“ปล่อยนะเว้ย!”

“.. ไม่ต้องห่วงนะ คราวนี้ไม่มีใครมาขัดคออีกแน่ ๆ”

ผมตะโกนโหวกเหวกโวยวายจนไอ้การ์ดหน้าบ้านคิดว่าเจ้านายเขาโดนทำร้ายเปิดประตูเข้ามา พอเห็นสภาพผมกำลังถูกทึ้งเสื้อผ้า เขาก็มีท่าทีเลิ่กลัก ไม่รู้จะเข้ามาช่วยผมหรือเจ้านายของเขาก่อนดี

“ช่วยผมด้วยยยยยยย~~~~!!” ผมร้องขอความช่วยเหลือบิดตัวหนีมือไอ้หมวย ยังโชคดีที่วันนี้ผมมีเรี่ยวแรงพอที่จะต่อกรกับเขาได้..  ทั้ง ๆ ที่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนั้นแล้วแท้ ๆ ก็ยังไม่รู้จักจำ ..ผมไม่น่าโง่ออกมากับเขาเลย ..อยู่ดี ๆ ไม่ชอบต้องหาเรื่องใส่ตัวได้ทุกทีสิน่า!!

“ออกไป..” ไอ้หมวยจิกตาไล่ลูกน้องของเขาออกจากบ้าน ผมอาศัยจังหวะนั้นพุ่งเข้าใส่
 
โป๊ก!!

“โอ๊ยยยย!!” สิ้นเสียงไอ้หมวยร้อง การ์ดร่างใหญ่ก็รีบวิ่งเข้ามาประคองเจ้านายของเขาทันที

ผมนั่งลงกุมศีรษะแน่น.. ไม่คิดว่ามันจะเจ็บแบบนี้ ..สาเหตุเพราะผมตัดสินใจใช้หัวโหม่งหน้าไอ้หมวย แต่ดันเล็งพลาดไปโดนคางแหลม ๆ ของเขาน่ะสิ เจ็บจนน้ำตาเล็ด!!

“เราเจ็บนะ!!” ไอ้หมวยวีนเสียงสะบัด มือกุมปลายคางมองมาที่ผมอย่างเคืองๆ

“แล้วนายจะทำบ้าอะไรล่ะ!” ผมบอกเสียงเขียว สบตามองอย่างเคืองไม่แพ้กัน

“ไม่รู้ล่ะ! ยังไงวันนี้เธอต้องเป็นของเรา!!” เสียงทุ้มนั้นพูดอย่างเอาแต่ใจจนผมคิดไม่ถึงว่าจะเป็นคนเดียวกันกับคนที่คุยกับผมเมื่อวาน ..หรือว่าแท้จริงแล้วตัวตนของเขาคือชายหนุ่มแสนเอาแต่ใจที่ผมเจอในวันนั้น....

“บ้ารึไง!! ฉันเป็นผู้ชาย!! นายก็เป็นผู้ชาย!! แบบนี้มันผิดธรรมชาติ!!” ผมตะโกนบอกอย่างหัวเสีย รู้สึกปวดหัวแปล๊บ ๆ อยากจะเข้าไปต่อยหน้าเขาให้ได้สติซักทีว่าเรื่องแบบนี้มันไม่ถูกต้อง!!

“เราอยากได้อะไร ..ก็ต้องได้!! ชัชจับเขาไว้!” การ์ดตัวใหญ่ที่ชื่อชัชมีท่าทีลังเล แต่ผมไม่รอให้เขาตัดสินใจเสร็จ รีบปล่อยตัวสุดฝีเท้า หมายจะวิ่งไปยังประตูบ้าน ...แต่ความซวยยังมาเคาะประตูบ้านไม่หยุดเมื่อผมกะพลาด(อีกครั้ง)เท้าไปเตะขอบโต๊ะไม้พอดี...

“โอ๊ยยยยยยยยยยย!!” ความเจ็บปวดตรงศีรษะมลายหายไปทันทีเมื่อได้แผลใหม่ ผมกระโดดเหยง ๆ ยกเท้าขึ้นมากุมแน่น

.....ถุย! ชีวิต!!

“เป็นอะไรมากรึเปล่าแบล็ค! เราดูแผลให้!” ไอ้หมวยรีบเข้ามาหาผม แต่ผมรู้สึกผวายังไงไม่รู้

“หยุด! ไม่ต้อง ๆ” ผมรีบโบกมือปฏิเสธ แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ยอมฟังกันเลยซักนิด ลากผมไปนั่งบนเก้าอี้ไม้ ผมได้แต่ทำหน้าไม่สบอารมณ์ใส่ ..เอาแต่ใจชะมัด!

“เล็บแตกเลยนี่นา.. หวังว่าคงไม่โดนเสี้ยนไม้ตำนะ” ไอ้หมวยบ่นพึมพำคนเดียว มองเท้าของผม แถมยังจับสำรวจ...

แปลก ๆ แฮะ.. ถึงเป็นเพื่อนก็คงไม่ดูให้ถึงขนาดนี้ละมั้ง... แผลแค่นี้เอง...ผมรู้สึกบอกไม่ถูก.. จู่ ๆ เขาก็จู่โจม จู่ ๆ เขาก็ดูเป็นห่วงเป็นใย.. ปรับตัวไม่ทันยังไงก็ไม่รู้

“มองอะไร! ไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลมาสิ!” ไอ้หมวยหันไปว่าลูกน้องเขาที่ยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่... อย่าว่าแต่เขาเลย.. แม้แต่ตัวผมเองก็ยังปรับตัวไม่ทันอารมณ์ของคุณหนูคนนี้

“ไปล้างเลือดออกก่อนดีกว่า” เขาพึมพำเบา ๆ ก่อนจะช่วยประคองผม แต่ผมรีบปัดมือเขาออก.. พอเห็นเขาทำหน้าเสียแล้วผมก็รู้สึกบอกไม่ถูก

“ผมเดินเองได้” ผมบอกเบา ๆ เดินกะเผลก ๆ ไปในห้องน้ำ เหลือบตามองคนที่เดินคอตกอยู่ข้าง ๆ...แปลกชะมัด.. ไอ้เรื่องที่ไม่เห็นจะต้องเสียใจกลับมาเสียใจ.. แต่ไอ้เรื่องที่สมควรจะเสียใจกลับไม่เสียใจ

“... ขอโทษ” ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมต้องเป็นฝ่ายขอโทษเขาด้วยทั้ง ๆ ที่เขาควรเป็นฝ่ายขอโทษผมที่ล่วงเกินตั้งหลายครั้งหลายครามากกว่า.. แต่ทำยังไงได้ ผมรู้สึกผิดเวลาเห็นเขาทำหน้าแบบนั้น

“ไม่เป็นไร” เขาพึมพำตอบเบา ๆ ..ผิวแก้มขาว ๆ ที่บ่งบอกเชื้อสายของเขาเป็นสีชมพูระเรื่อ ...ไม่รู้ว่าอะไรมาดลใจผมทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่าเขาก็น่ารักเหมือนกันนะ ...

ม่ายยยยยยยยยย!! ผมจะคิดแบบนั้นไม่ด้ายยยยยยยยย~~~!!

ผมมองสภาพเล็บนิ้วก้อยที่ฉีกขาด ส่วนอีกนิ้วนางเป็นรอยแตกเห็นเป็นฝ้าสีขาว.. ทำไมกันนะ ทั้ง ๆ ที่ผมไม่เคยเฟอะฟะ ซุ่มซ่ามกลับมาตายในวันนี้ซะได้ ถ้าเกิดเขียนกราฟชีวิตขึ้นมาล่ะก็ นี่คงเป็นช่วงที่ดวงของผมตกต่ำถึงขั้นติดลบดิ่งทะลุขอบกระดาษเลยทีเดียว...หนังสือก็ไม่ได้เรียนทั้ง ๆ ที่ใกล้จะสอบเข้าไปทุกที เข้าโรงพยาบาลอีก ถูกไอ้หมอนี่ไล่ปล้ำถึง 2 ครั้ง แล้วยังไอ้พี่ธีร์นั่น.....

“อึ๋ย” ผมทำหน้าแหย สูดปากเบา ๆ ยาที่เขาใส่ให้มันแสบน้อยเสียเมื่อไหร่ล่ะ

“เจ็บเหรอ ?” ไอ้นันเงยหน้าขึ้นถาม

“แสบน่ะ เบา ๆ หน่อยดิ” ผมบอกเสียงค่อย ลอบสังเกตใบหน้าเขาไปด้วย.. ไอ้หมอนี่น่ารักจริง ๆ ด้วยสิ ทำไมไม่เป็นผู้หญิงนะ.. โอ๊ย! ผมกำลังคิดอะไรเนี่ย!! ผมโบกมือไล่ความคิดประหลาดนั้นออกไปจากสมอง.. คงเพราะว่างจากการอ่านหนังสือทำให้ผมเริ่มคิดฟุ้งซ่าน

“ค..คุณจันครับ ใจเย็น ๆ ก่อน....” เสียงของนายชัชออกจากปากให้ผมได้ยินเป็นครั้งแรกพร้อมกับร่างเล็ก ๆ ของหญิงสาวหน้าหมวย รูปร่างอวบอัดในชุดสูทสีครีมเรียบร้อย ทำหน้าถมึงทึงเดินเข้ามา

“ไอ้นัน!! แกพาผู้ชายมาทำอะไรในบ้านนี้ห๊ะ!! ชั้นบอกแล้วใช่มั้ยว่าห้ามพาผู้ชายมาที่นี่!!” เสียงตวาดแหลมทำให้ผมสะดุ้งสุดตัว.. แต่คงไม่ตกใจเท่าไอ้หมวยที่จู่ ๆ ผู้หญิงคนนั้นก็เดินเข้ามาดึงหูเขาลากออกห่างไปจากผม

“โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยย!! เจ๊!! เจ็บนะ!” ไอ้หมวยร้องโอดครวญ ศีรษะเอียงไปตามแรงดึงของสาวร่างเล็กคนนั้น

“ชั้นบอกแกแล้วใช่มั้ยห๊ะว่าห้ามคบกับผู้ชาย!! ถ้าป๊ารู้ขึ้นมาจะเป็นยังไงห๊ะ!!” เธอตวาดเสียงแหลม บิดใบหูของน้องชายจนแดงเถือก เสียงร้องโวยวายของเขาทำให้ผมรู้สึกว่าควรจะทำอะไรซักอย่างให้สถานการณ์มันดีขึ้น

“อ..เอ่อ.. ใจเย็นก่อนครับ...” ผมเอ่ยปาก อยากจะช่วยไกล่เกลี่ยให้เขาแต่ถูกเจ๊ของไอ้หมวยจิกสายตาเหมือนจะเตือนเป็นนัย ๆ ว่า ’เธอไม่เกี่ยว!!’

“ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ ?” เสียงทุ้มกับสำเนียงคุ้นหูของคนที่ผมไม่อยากนึกถึงดังสอดขึ้นมา ผมหันไปมองเขาตาค้าง... ผู้ชายตัวใหญ่คนนั้น... หน้าตาแบบนั้นมัน... ไอ้พี่ธีร์ ...มาอยู่นี่ได้ยังไง!!

“ท..ทำไม ?” ผมมองเขาอย่างตกใจ

“ฉันน่าจะถามเธอมากกว่านะ” เขาปรายตามองมาที่ผม.. ไอ้ท่าทีแบบนี้นั่นแหละ ที่ผมเกลียดนัก

“เด็กคนนี้เหรอคะ ธีร์” เจ๊หมวยปิดปากตา(พยายามจะ)โต ทำทีเหมือนตกใจมากมาย.. ให้ตายเถอะบ้านนี้นี่เค้าเข้าคอร์สแอ๊บแบ๊วกันทั้งบ้านเลยใช่มั๊ย ?

“เอ่อ.. ครับ..” พี่ธีร์ตอบรับ แล้วส่งยิ้มหวานให้เธอ

“พี่ชื่อจันนะคะ น้องแบล็คสินะคะ..” เจ๊จันพูดพลางจับตัวไอ้หมวยที่พยายามแกะนิ้วมือของเธอออกจากใบหู.. พอหลุดปุ๊บเธอก็ล็อคคอน้องชายเอาไว้ทัน ก่อนที่เขาจะวิ่งหนี ...ผมมองพี่น้องคู่นี้ด้วยความหวาดหวั่น... บ้านนี้เขาเลี้ยงกันมายังไงเนี่ย...

“พี่ต้องขอโทษแทนเด็กคนนี้ด้วยจริง ๆ ที่ทำให้น้องรู้สึกไม่ดี น้องคงอึดอัดมากใช่มั๊ยคะ ที่มีคนติดตาม ถ่ายรูปเหมือนสโต๊กเกอร์..” เจ๊จันพูดราวกับเห็นใจผมเสียเต็มประดา แต่ดวงตาหยี ๆ นั้นกลับให้ความรู้สึกต่างจากที่พูด..บางทีผมอาจจะคิดมากไปเองก็ได้

“เจ๊!!” ไอ้หมวยเรียกพี่สาวตัวเองตื่น ๆ

“เอ๊ะ?..”

“เดี๋ยวพี่จะไปจัดการเรื่องนักเลงที่ส่งไปด้วย” พี่จันยิ้มหวานให้ผม มือเล็ก ๆ นั้นปิดปากน้องตัวเองแน่น

“นักเลง ?” ผมทวนคำงง ๆ สบตามองไอ้หมวย แต่เขากลับเบือนหน้าหนีไป.. ราวกับเด็กถูกจับได้ว่าทำผิด...

“เอ๋ ? ..ก็นักเลงที่นันส่งไปรุมน้องกัณฐ์ตั้งหลายครั้งหลายคราไงละคะ ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ พี่จะจัดการเรื่องทั้งหมดให้” พี่จันพูดเรื่อย ๆ สบตามองผมนิ่ง.. ผมไม่ได้รู้สึกไปเอง ยัยเจ๊นี่ไม่ชอบผม..

“นี่มันเรื่องอะไรกัน ?!” ผมตวาดถามเสียงดัง.. ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลย... ว่าเด็กผู้ชายที่ผมเอ็นดูเหมือนกับน้องชายคนหนึ่งต้องสะบักสะบอมกลับมาที่บ้านบ่อย ๆ มีสาเหตุเพราะตัวผมนี่เอง...

“คะ ?” ยัยเจ๊ทำหน้าบ๊องแบ๊ว เอียงคอมองผมงง ๆ

“สงสัยเขาคงจะเบลอ ๆ น่ะครับ ผมขอพาเขากลับไปที่โรงพยาบาลก่อนดีกว่า” พี่ธีร์รีบตัดบท ดึงตัวผมลุกขึ้น.. แต่ผมทรุดตัวแทบล้มลงไปกับพื้นเพราะดันลงน้ำหนักเท้าข้างที่เจ็บมากไปหน่อย

“เป็นอะไร ?” เขาถามงง ๆ ..ผมไม่ตอบคำถามพยายามดึงข้อมือตัวเองออกจากฝ่ามืออุ่นร้อนของเขา แต่ก็ทำไม่สำเร็จ

“.. แล้วฉันจะจัดการเรื่องที่เด็กคนนี้ทำไว้ให้เร็วที่สุดนะคะ” เจ๊จันกล่าวขัด ก่อนที่ผมกับไอ้พี่ธีร์จะได้ปะทะคารมณ์กัน

“ครับ.. ขอบคุณมากครับจัน” เขาหันไปคุยกับหญิงสาวคนเดียวในบ้านด้วยน้ำเสียงอบอุ่น อ่อนโยน จนผมแทบอยากอาเจียน

“ไม่เป็นไรค่ะ.. แต่ถ้าไม่รังเกียจ..ไปทานอาหารค่ำกันซักมื้อ...” ผมมองยัยเจ๊จันพูดพลางส่งรอยยิ้มเย้ายวนให้เขา.. ช่างเหมาะสมกันเสียจริง ๆ...

“ครับ แล้วผมจะติดต่อไป..” พี่ธีร์ตอบรับพลางดึงตัวผมให้เดินตามเขาออกจากบ้าน

“เดี๋ยว! นี่มัน...”

“เงียบได้แล้ว! ฉันจะอธิบายเธอเอง” เขากระซิบบอกลอดไรฟัน.. ผมมองกลับไปเห็นนายชัชทำหน้าเป็นหมาหงอยอยู่หน้าประตูบ้าน พร้อมกับเสียงแหลม ๆ ตวาดแว๊ดมาไม่ขาดสายก็ได้แต่สับสน..

ความคิดในสมองของผมตีกันวุ่นวาย...จริง ๆ แล้วนันต้องการอะไรจากผมกันแน่ ?... แล้วเขาทำเรื่องแบบนั้นจริง ๆ เหรอ ?....
 
“ทำไมเธอถึงไปอยู่บ้านนั่นได้!?” ไอ้พี่ธีร์เริ่มเปิดประเด็นขณะขับรถ

“แล้วทำไมคุณถึงไปอยู่บ้านนั่นได้ล่ะ ?” ผมถามกลับ.. จ้องมองสายตาคมที่สบมาอย่างไม่ลดละ.. จนสุดท้ายเขาก็เป็นฝ่ายเบือนหน้าหนีไปมองท้องถนน..

“ฉันถามให้เธอตอบ! ไม่ใช่ให้เธอถามกลับ”

“เฮอะ” ผมส่งเสียงในลำคอ หันหน้ากลับไปยังท้องถนนข้างหน้าเช่นกัน

“เด็กอวดดี” เสียงทุ้มของเขาพึมพำให้ผมได้ยิน

“คุณหมายถึงใคร ?” ผมถามกลับ ขมวดคิ้วมองเขาอย่างต้องการคำตอบ...

“ใครอยากรับ ก็รับไปซิ” เขากลับไม่ตอบ แถมยังผิวปากอารมณ์ดี ..

“คนอะไร ปากจัดยิ่งกว่าผู้หญิง” ผมพึมพำให้เขาได้ยินบ้าง..

“เธอ!”

“ทำไม ? อยากรับก็รับไปซิ” พอได้ยินผมตอบกลับแบบนั้นเขาก็นิ่ง พร้อมกับถอนหายใจราวกับยอมแพ้...

“..เฮ้อ...เอาล่ะ ๆ เธอมีอะไรจะถามบ้างล่ะ ?” เขาเป็นฝ่ายยอมให้ผมถามก่อนแต่โดยดี

“ดี... คำถามแรก คุณรู้จักกับเขางั้นเหรอ ?”

“ก็พอจะรู้จักบ้าง.. ฉันรู้จักจันทิรา.. เธอเป็นลูกค้าที่ดีทีเดียว..” ผมเบ้ปากพึมพำ ‘เธอเป็นลูกค้าที่ดีทีเดียว’ เฮอะ!.. เมื่อตะกี้มองกันซะหวานหยด.. ถ้าเป็นปลากัดล่ะก็รับร้องว่าท้องไปแล้ว!!

“เธอกำลังคิดเรื่องไม่ดีอยู่ หน้าเธอมันฟ้อง” จู่ ๆ เสียงทุ้มก็พูดเหมือนจะเตือนผม ..ผมทำหน้าเบื่อ ๆ ใส่เขาก่อนจะยิงคำถามใหม่

“แล้วคุณไปที่นั่นได้ยังไง ?”

“..ฉันอยากจะคุยกับนันสิตาเรื่องของครอบครัวเธอตั้งหลายวันแล้ว.. บังเอิญที่วันนี้จันว่าง ก็เลยพาฉันมา แต่ไม่คิดว่าเธอ...” เขาเว้นช่วง ส่งสายตาคมมองมาที่ผม

“..ผมแค่อยากออกไปหาไทม์” ..ผมบอกเสียงอ่อย ก้มหน้ามองมือตัวเอง.. ที่เกือบซวยก็เพราะตัวผมเองแท้ ๆ

“แล้วทำไมไม่บอกฉัน” ...

“ก็คุณไม่อยู่นี่!” ผมแก้ตัวไปน้ำขุ่นคลั่ก

“ยังไงฉันก็ผิดสินะ..” เขาถอนหายใจเฮือก ๆ ไม่ต่อความอะไรอีก..

“....ขอโทษ” ผมเอ่ยคำนี้เป็นรอบที่ 2 ของวัน.. นี่ผมเป็นบ้าอะไรกัน... ถ้าให้เทียบกันแล้วทั้ง 2 คนที่ผมพูดคำนี้ด้วยไม่ต่างอะไรกันเลยจากสิ่งที่กระทำกับผม คนข้าง ๆ นี้อาจเลวร้ายมากกว่าด้วยซ้ำ... แต่ผมกลับรู้สึกว่าเขาไว้ใจได้มากกว่าไอ้หมวยเสียอีก... เฮ่อ...

“จริงสิ! คุณบอกว่าผมกับเขาเรียบร้อยไปแล้ว!” ผมบอกเสียงเขียว อยากยื่นมือไปบีบคอเขาเขย่า ให้รู้สึกเสียบ้างว่าผมรู้สึกยังไงตอนที่ได้ยินเรื่องนี้

“เอ๊ะ ?.. ฉันพูดแบบนั้นเหรอ ?” เขาทำหน้าเหรอหราราวกับไม่รู้เรื่อง!! ผมรู้สึกโมโหเขาขึ้นมาจริง ๆ ถ้าไม่ติดว่าเขากำลังขับรถอยู่ ผมอาจจะขึ้นไปขี่คอเขาแล้วดึงศีรษะให้หักดังกร๊อบแล้วก็ได้...

“ตอนนั้นคุณบอกว่าเรียบร้อย!” ผมย้ำอีกครั้ง.. วันนั้นผมได้ยินเขาพูดแบบนี้เต็มสองรูหู

“ฉันบอกว่าเรียบร้อย” เขาเลิกคิ้วมองผม.... ผมพอจะเข้าใจแล้ว... เขาบอกแค่ว่า ’เรียบร้อย’ จริง ๆ ....นอกจากปากจัดแล้วยังเจ้าเล่ห์อีก...

“...” ไม่มีอะไรจะเถียง...

“ก็เธอร้องซะดังขนาดนั้น ฉันก็ต้องรู้ซิว่าเรียบร้อย แต่กับใครหรือยังไงฉันไม่รู้” เขาขยายความให้ผม.. ผมควรจะรู้สึกขอบคุณเขาดีมั๊ยนะ ที่ทำให้ผมรู้สึกหน้าร้อนจนอยากจะมุดเข้าไปใต้ท้องรถได้ขนาดนี้...

“ว่าแต่เธอจำเรื่องวันนั้นขึ้นมาได้รึไง ?”

“อืม...” ผมตอบรับในลำคอเบา ๆ นึกย้อนกลับไปตอนที่ได้ดูวีดีโออีกครั้ง... จริงซิ... โทรศัพท์.... โทรศัพท์มือถือของผม....
....หรือว่าความจริงแล้ว... นันเป็นคนที่ทำให้แคนดี้เข้าใจผมผิด........ เป็นสาเหตุที่ทำให้เราเลิกกัน....

“แล้วจำเรื่องบนรถคันนี้ได้มั๊ย ?” เขาถามเสียงค่อย เหมือนไม่แน่ใจ

“มีเรื่องอะไรอีกรึไง ?” ผมถามอย่างเบื่อ ๆ ...แค่นี้ก็มีเรื่องให้ผมคิดมากพออยู่แล้ว..

“เปล่า..” เขาบอกเบา ๆ หันกลับไปมองถนนใหญ่ข้างหน้าต่อ..

เราทั้งคู่นั่งอยู่ท่ามกลางความเงียบ ..ผมมองวิวจากกระจกด้านข้างที่เคลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็ว..
....................................
..........................
ผมต้องถามความจริงเรื่องโทรศัพท์นั่นให้ได้....

..........................ทูบีคอนตินิววววว

 :กอด1:ขอบคุณทุกเม้นต์ของแฟนคลับน้องแบล็คและพี่ธีร์น่ะค่ะ คู่นี้เค้ายังต้องเจออะไรด้วยกันอีกเยอะ ไ่ม่เหมือนคู่เธียรกะกัณฐ์ ออกมาแต่ละตอน ก็จะหวาน ๆ น่ารัก ๆ ล่ะ อย่าลืมตามความเข้มข้นของพี่ธีร์ต่อไปน่ะค่ะ :laugh:

ออฟไลน์ kny

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1800
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-16

ออฟไลน์ ต่ายน้อย

  • กระต่ายน้อยลอยคอ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 816
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-3
    • http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=27719.0
พี่ธีร์เริ่มดูดีแระ
รักคนโพสต์  มาต่อเน๊าะ  รัก ๆ~

ออฟไลน์ akazu

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 550
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +240/-6
- 28 -

พี่ธีร์เงียบ ผมก็เงียบ เราต่างคนต่างก็จมอยู่กับความคิดของตัวเอง.. เส้นทางบนถนนที่ผ่านก็เริ่มคุ้นตา เขาพาผมมาหยุดที่ร้านของไอ้ไทม์

“คุณรู้จักที่นี่ด้วย ?” ผมถามเขาอย่างไม่คาดคิด.. แต่เขาก็ไม่ตอบ ปลดล็อกประตูรถข้างที่ผมนั่งอยู่เป็นการไล่กลาย ๆ ...เวลาเขารู้อะไร เขามักจะปิดเงียบไว้.. หรือเป็นเพราะผมไม่เคยถามเองวะเฮ้ย ? เสียงประตูรถดังขึ้นซ้ำ ผมหันหลังคิ้วขมวดมองร่างสูงใหญ่ที่เดินตามมาติด ๆ

“ลงมาทำไม ?” ผมถามงง ๆ

“เธอจะกลับเองงั้นเหรอ ?” เขาไม่ตอบ แต่ถามกลับราวกับผมจำเป็นต้องให้เขาไปรับส่งยังไงอย่างงั้น

“ผมกลับเองได้”

“แต่ฉันจะรอ” ผมปิดปากเงียบ รู้ว่าเถียงไปก็เปล่าประโยชน์ เดินนำเข้าไปในร้านด้วยอารมณ์ขุ่นมัว ตอนนี้เพิ่งเริ่มเย็น ลูกน้องของไทม์พากันเตรียมร้านจ้าละหวั่น ผมยืนหน้าร้านเก้ ๆ กัง ๆ มองหาคนที่พอจะคุ้นหน้าคุ้นตา

“อ้าว! ..พี่ไทม์ยังยุ่งอยู่เลยครับ ทำไมมาเร็วจัง” เด็กผู้ชายที่ผมคลับคล้ายคลับคราว่าชื่อเฟิร์สเอ่ยทัก

“เขาอยู่ที่ไหนเหรอ ?” ผมถาม ยิ้มชืด ๆ ส่งให้

“ตรวจวัตถุดิบอยู่ในครัวมั้งฮะ เข้าไปข้างในได้เลย ..เฮ้ยไอ้ขิงพาพี่คนนี้ไปหาเฮียหลังร้านหน่อย” ผู้ชายอีกคนที่ชื่อขิงผงกศีรษะให้ผมเล็กน้อย แต่ถ้าให้ทายเขาอายุน่าจะมากกว่าผม.. ความจริงผมพอจะรู้เส้นทางภายในร้าน แต่จะให้เอ่ยปฏิเสธก็ดูจะเสียน้ำใจเขาเปล่า ๆ..

ผมหันกลับไปมองพี่ธีร์ที่ยืนคุยโทรศัพท์อยู่ข้างนอก ดูเหมือนเขาจะหัวเสียนิด ๆ แต่พยายามใจเย็น คุยดี ๆ กับปลายสาย.. เฮอะ.. ที่กับผมล่ะก็ใส่ได้ใส่ไม่ยั้ง อยากรู้จริง ๆ ว่าผมไปทำอะไรให้

ระหว่างที่เดินไปหาไอ้ไทม์ผมก็ครุ่นคิด ว่าควรจะทำหน้ายังไงดี ?.. มันโกรธผมรึเปล่า ?.. มันจะดีใจมั๊ยที่ได้เห็นหน้าผม ?.. ถ้ามันนิ่ง ๆ ขึ้นมาผมจะทำยังไงดี ?

ความคิดของผมหยุดกึกเมื่อเข้าไปเห็นภายในห้องครัว ..มีคนอยู่ 2-3 คน ซึ่งผมคาดว่าน่าจะเป็นกุ๊กของที่นี่กับลูกมือ บางคนกำลังล้างผัก บางคนก็หั่นเนื้ออย่างขะมักเขม้น..ผมเห็นไอ้ไทม์กำลังดูขวดเครื่องปรุง แล้วจดขยุกขยิกลงในสมุด.. นี่เป็นอีกมุมหนึ่งของมันที่ผมไม่เคยเห็น..

“ไทม์...” ผมส่งเสียงเรียกเบา ๆ ...พอมันเห็นผมก็ทำหน้าหงอ ๆ ยังไงไม่รู้ ..ทั้ง ๆ ที่ปกติมันจะยิ้มแฉ่ง สวนทางกับปากที่พูดเหมือนจะไล่ผมออกจากร้าน ผมจึงเป็นฝ่ายฉีกยิ้มให้มัน.. เหมือนที่ทำเป็นปกติ แล้วสีหน้ามันก็ดีขึ้นตามมาทันที

“เป็นไงบ้าง ?” ผมทักทาย.. สังเกตเห็นรอยช้ำม่วงที่มุมปาก.. สงสัยลูกค้ามีเรื่องกันในร้านให้มันเคลียร์ละมั้ง..

“ก็เรื่อย ๆ ว่ะ ไม่เจอหน้าไม่กี่วันรีบมาหา คิดถึงเหรอวะ ?” มันพูดติดตลก และคงไม่คิดว่าผมจะตอบ

“อือ” ผมพยักหน้าเบา ๆ

“เออ..” เหมือนว่ามันจะเขิน ๆ อึ้ง ๆ เหมือนกันที่ผมยอมรับตรง ๆ

“ขอโทษที่ไล่มึงไป วันนั้น” ผมบอกเบา ๆ

“เฮ้ย! คิดมากทำไมวะ ถึงมึงไม่อยากให้กูไปหาเดี๋ยวกูก็ไปเยี่ยมเองแหละ” มันยิ้มชกไหล่ผม.. ผมรู้สึกใจชื้น.. มันยังคงเป็นเพื่อน.. เป็นพี่ที่ดีที่สุดสำหรับผม...

“แต่มึงก็ไม่มา” ผมบอกหน้ามุ่ย

“ก็กูไม่ว่าง”

“ไม่ว่างหรือตื่นตอนเช้าไม่ไหว”

“มันก็คล้าย ๆ กัน” ผมยิ้ม ๆ ฟังมันแถสีข้างถลอก

“เห็นเวลานอนสำคัญกว่าเหรอ ?”

“แมร่ง ขี้น้อยใจ..” มันบ่น.. ไอ้ไทม์กอดคอผมหลวม ๆ แล้วกระซิบถาม

“แล้วเรื่องไอ้พี่ธีร์นั่นเป็นไงบ้างวะ ? มีอะไรคืบหน้ามั่งป่ะ ?”

“เชี่ย!” ผมด่ามันตอบ ขมวดคิ้วมองอย่างหัวเสีย.. ไอ้บ้านี่ไปเข้าพวกกับพี่ธีร์ตั้งแต่เมื่อไหร่ ?

“อ้าว.. เขาไม่ได้ชอบมึงเหรอ ดูเป็นห่วงเป็นใยดีนะ” มันทำหน้าเหรอหรา เหมือนกับว่าความสัมพันธ์ของผมกับพี่ธีร์น่าจะไปได้ด้วยดี.. ดีบ้าอะไรล่ะ ?!

“ชอบบ้าอะไร ชอบปรายตาจิก ..ปากก็กัดจนเลือดซิบ ๆ ล่ะสิไม่ว่า”

“มีกัดด้วยเหรอ ? ซาดิสม์ว่ะ..” มันพึมพำ

“หมายถึงโดนด่า” ผมบอกฉุน ๆ นี่มันโง่จริงหรือแกล้งโง่ให้ผมอารมณ์เสียเนี่ย..

“อ่าว..” ผมหัวเราะและหยอกล้อกับไอ้ไทม์อีกนิดหน่อย.. จึงแยกตัวออกมาให้มันทำงานก่อน นั่งรออยู่ซักพักคนตัวใหญ่ก็เดินทำหน้าถมึงทึงเข้ามา

“แบล็ค วันนี้เธอกินยารึยัง ?” ผมส่ายหัวดิกเป็นคำตอบ ดูเหมือนเขาจะยิ่งอารมณ์เสียลากผมเดินออกมา ผมข่มความเจ็บที่ปลายเท้า.. ท่อง 1 ถึง 10 ในใจ

“อะไรอีกล่ะ ?” ผมถามอย่างไม่ค่อยพอใจ

“เธอคิดว่าตัวเองหายดีแล้วงั้นสิ ?” เขามองผมเหยียด ๆ ..มาต่อยกันเลยดีกว่า..

“…..ขอเข้าไปลาไอ้ไทม์ก่อน” สุดท้ายผมก็ได้แต่แอบด่าเงียบ ๆ ในใจ ..ก็ดูตัวเขาสิ ใหญ่อย่างกับตึก แถมหน้ายังดุอีก.. ไม่อยากคิดเลยว่าถ้าผมถูกเขาชกหน้าขึ้นมาแล้วฟันจะหักไปซักกี่ซี่ ..บรื๋อย์!
 
ไอ้ไทม์สัญญาว่าพรุ่งนี้มันจะมาเยี่ยมผม แต่ช่วงเวลาที่ต้องรอมันมาหาน่ะสิ แสนจะน่าเบื่อ...  เล็บเท้าของผมกลายเป็นสีม่วง.. เห็นแล้วอยากจะร้องไห้ น่าเกลียดชิบเป๋งเลย เหมือนเขาเพิ่งจะสังเกตเห็นเลยถามขึ้นมา

“เท้าไปโดนอะไร ?” เขาถามทั้ง ๆ ที่ใบหน้ายังมองแฟ้มเอกสารที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ.. ก็ยังคงไร้มารยาทเหมือนเดิม..

“ชนโต๊ะ”

“ซุ่มซ่าม” เสียงทุ้มตำหนิ ตอกกลับผมแทบจะทันที..

“....” ไม่โดนมั่งก็แล้วไป..

“คุณไม่คิดจะกลับไปนอนที่บ้านรึไง ?”

“คิด” เขาตอบเสียงเรียบ

“แล้วทำไมไม่ไป” ความเงียบของเขาคือคำตอบ.. ผมลอบถอนหายใจเบา ๆ ..กดรีโมทเปลี่ยนช่องไปมา เสียงกลอนประตูเปิดออกพร้อมกับร่างบางของคนที่ผมไม่คิดว่าจะเจออีก

“นายเข้ามาได้ยังไง ?” ผมถามงง ๆ เอี้ยวตัวไปมองประตูห้อง.. ลืมล็อคห้องเหรอวะเนี่ย..

“หมอนั่น.. เป็นอะไรกับเธอ ?” ไอ้หมวยไม่ตอบ ชี้ไปทางไอ้พี่ธีร์ที่นั่งมองเอกสารอย่างขะมักเขม้นอยู่

“คนรู้จั....”

“ทำไม ?” เสียงทุ้มของไอ้พี่ธีร์ตัดผมก่อนพูดจบ

“เราไม่รู้หรอกนะว่าเธอทำยังไงถึงสั่งเจ๊จันได้ แต่ถ้ายังมายุ่งอีกเราไม่ปล่อยเธอไว้แน่” ไอ้หมวยบอกเสียงห้วน ดูเหมือนเขาไม่พอใจที่ถูกพี่สาวบิดหูเมื่อบ่ายที่ผ่านมา..ละมั้ง ?

“เธอจะทำยังไงกับฉัน ?” ไอ้พี่ธีร์เลิกคิ้วหันมามองคู่สนทนา.. คุยแบบนี้เป็นด้วยเหรอฟะ ?!.. ไอ้หมวยไม่ตอบส่งค้อนงาม ๆ พร้อมเสียงในลำคอว่า ‘ฮึ’ ออกมา

“นัน..” ผมเอ่ยขัดบทสนทนาของพวกเขา.. ด้วยเพราะอยากรู้เรื่องที่มันค้างคาอยู่ในหัวตอนนี้ใจจะขาด!

“หือ ?” ไอ้หมวยส่งเสียงตอบรับเบา ๆ

“นาย.. เป็นคนโทรศัพท์ไปหาแคนดี้ใช่มั้ย ?” ผมถามอย่างไม่แน่ใจ ..ในใจนั้นลุ้นคำตอบที่ออกจากริมฝีปากบางนั้น

“........เธอพูดเรื่องอะไร.. เราไม่รู้เรื่อง” ไอ้หมวยตีหน้านิ่ง ตอบเรียบ ๆ.. หรือว่าผมคิดมากไปเองจนหลอนวะ ?.. เฮ้อ... เรื่องนี้ช่างมันเถอะ.. ยังไงผมกับแคนดี้ก็คงไม่สามารถกลับมาคบกันเหมือนเดิมได้...

“งั้น... เรื่องนักเลงนั่น นายจะว่ายังไง ?” ผมยกอีกเรื่องที่เจ๊จันของไอ้หมวยพูดขึ้นมาเป็นประเด็นใหม่...

“เราไม่รู้เรื่อง” ไอ้หมวยยืนยันคำเดิมอีกครั้ง ...ผมรู้สึกสับสนไปหมด..

“อืม.. ฉันได้ยินว่าเด็กพวกนั้นถูกคู่ขาของเธอจ้างมาอีกที” พอผมนิ่งเงียบ พี่ธีร์ก็เอ่ยขึ้นมาเบา ๆ มองเอกสารในแฟ้มสีดำราวกับมันมีอะไรน่าสนใจมากมาย..

“เธอบอกว่ากัณฐ์ไปก้อร่อก้อติกกับเธอก่อน” เขาปรายตาคม ๆ มองอีกร่างที่อยู่ในห้อง ...ผมมองตามสายตาของเขามาหยุดที่ไอ้หมวย.... เด็กพวกนั้น ?? เขาหมายถึงใคร ?? กัณฐ์รู้จักกับไอ้หมวยด้วยงั้นเหรอ ?? หวังว่า ‘เด็กพวกนั้น’ ที่เขาพูดถึงคงไม่ใช่....

“เธอเอาเรื่องพวกนี้มาจากไหน.. เราไม่รู้เรื่อง” ไอ้หมวยตอบเสียงสะบัด ท่าทางไม่พอใจมากจนผมรู้สึกได้..

“หรือจะให้ฉันโทรเรียกจิน” เสียงพี่ธีร์ถามขึ้นลอย ๆ ...จิน? ใคร?.. ผมเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน แต่นึกไม่ออก..

“...”

“เธออย่าคิดว่าไม่มีใครรู้” เมื่อเห็นไอ้หมวยเงียบไป ..พี่ธีร์ก็เปรยเบา ๆ

“หมายความว่ายังไง ?...” ผมถามอย่างไม่เข้าใจ..

“แบล็คอย่าไปเชื่อมัน! เราไม่รู้เรื่องเลยนะ”

“เธอก็รู้ว่าเด็กคนนี้มีคนรักอยู่แล้ว...” เสียงทุ้มกล่าวเรื่อย ๆ แต่ดวงตาคมนั้นมองไอ้หมวยอย่างตำหนิชัดเจน

“หุบปาก!” ไอ้นันขึ้นเสียงจนผมสะดุ้งโหยง

“ออกไปตกลงกันหน่อยมั้ย ?” พี่ธีร์ยื่นข้อเสนอ.. และไอ้หมวยเม้มปากก่อนพยักหน้าเบา ๆ ...ผมรู้สึกราวกับตัวเองเป็นคนนอกที่ถูกปล่อยให้นั่งงงกับบทสนทนาที่เหมือนโค้ดลับ เข้าใจกันแค่ 2 คน

“อย่า! ..ได้โปรด.. บอกความจริงกับผม” ผมขอร้องให้พี่ธีร์ไขความจริงให้กระจ่าง ตอนนี้ผมรู้สึกว่าตัวเองโง่เหลือทน...

“...” เขาไม่กล่าวอะไรอีก... ไม่แม้จะเหลือบมองมาที่ผม.. แต่เดินนำอีกร่างออกไป.. ผมผุดลุกขึ้นจากเตียงเดินตามพวกเขาไป

“คุณรู้อะไร ? ทำไมไม่บอกผม ?” ไอ้หมวยหันกลับมามองผมด้วยแววตาแปลก ๆ ... แต่อีกคนไม่หันกลับมามองผมด้วยซ้ำ.. มีเพียงสิ่งเดียวที่ทั้งคู่ทำเหมือนกันคือไม่ตอบคำถาม..

“นัน! บอกมาสิว่ามันอะไรกัน ฉันจะไม่ว่านายเลย.. แค่นายพูดออกมา” ผมพยายามหว่านล้อมอีกคนแทน

ไอ้พี่ธีร์คุยกับพยาบาลหน้าเคาท์เตอร์เบา ๆ แล้วจู่ ๆ พี่พยาบาลก็พากันมาลากผมกลับเข้าห้อง อะไรกันวะ ?... ผมไม่เข้าใจ... ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ไม่นานเขาก็กลับเข้ามาในห้อง แต่อีกคนหนึ่งหายไป...

“คุณกำลังปิดบังอะไรผม ?” ผมถามเสียงขุ่นมัว ..ผมคาดว่าเรื่องที่เขาคุยกันเกี่ยวข้องกับแคนดี้.. ผู้ชายที่ชื่อจินกำลังคบกับแคนดี้อยู่.. หรืออาจจะไม่ใช่... มันอาจจะบังเอิญชื่อเหมือนกันก็ได้...

“เปล่านี่” เขาเลิกคิ้วตอบ... โกหกได้แนบเนียนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น..

“คนที่ชื่อจินใช่คนที่คบกับแฟนเก่าผมรึเปล่า ?” และเขาก็เงียบเป็นคำตอบตามสเต็ป...

“ทำไมคุณไม่บอกผม!” ผมตวาดอย่างหัวเสีย

“..ซักวันเธอก็จะรู้”

“ผม..ต้องการ รู้ ตอน นี้!” ผมย้ำทีละคำให้เข้าใจว่าผมต้องการรู้มากถึงมากที่สุด

“รู้อะไรล่ะ ? อืม.. เรื่องระหว่างเราดีมั้ย ?”

“ค..คุณจะทำอะไร ?” ผมถามอย่างตกใจ เมื่อเขาดันตัวผมจนติดขอบเตียง พอเห็นผมตั้งท่าจะโวยวายเขาก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ผมเลยหุบปากฉับ..เม้มแน่นจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีริมฝีปากเผยให้เขาได้สัมผัส..

เขาหัวเราะเบา ๆ กดจูบลงบนปลายจมูกของผม ..รู้สึกว่าตัวเองกำลังเขิน.. บ้าหน่า กับผู้ชายด้วยกันนี่นะ ? ผมพยายามดันตัวเขาออกและตั้งมั่นในใจว่าจะไม่หันก้นให้เขาเด็ดขาด เหอ ๆ... เขารวบมือทั้งสองข้างของผมไว้แนบอก มืออีกข้างประคองหลังผมไว้ สายตาของเขาจ้องมาที่ดวงตาของผม.. พอเห็นใบหน้าตลก ๆ ของตัวเองในดวงตาสีสนิมคู่นั้นก็อดหัวเราะไม่ได้

“ฮะ..อุ๊บ!” แต่พอเปิดปากปุ๊บเท่านั้นแหละก็ถูกประกบปากปั๊บ ผมร้องอู้อี้ พยายามถอยหนีจากเขาจนแผ่นหลังสัมผัสกับพื้นเตียงนุ่ม ลิ้นนิ่ม ๆ สอดเข้ามากระหวัดหยอกเย้ากับลิ้นของผมแล้วควานไปทั่วโพรงปาก ..ถึงแม้ผมจะเคยจูบกับเขาแล้ว แต่ไม่เคยถูกเขาจูบแบบนี้มาก่อน.. มันไม่ได้หยาบกระด้าง ไม่จาบจ้วง แต่กลับสุภาพนุ่มนวลราวกับเป็นคนละคนกับไอ้พี่ธีร์ที่ผมรู้จัก

ผมเริ่มรู้สึกเบลอ ๆ ไม่รู้ว่าการไม่หันหลังให้เขาดีหรือไม่ดีกันแน่.. เพราะกลางลำตัวของเรากำลังเสียดสีกันจนร้อน... ผมเผลอครางในลำคอเบา ๆ ตอบรับจูบของเขา นึกดีใจที่เขารวบมือของผมเอาไว้ ไม่อย่างงั้นผมอาจจะเป็นฝ่ายสวมกอดเขา

ริมฝีปากของเขาบดจูบหนักขึ้นจนผมเริ่มหายใจไม่ทัน ..พอฝ่ามืออุ่นร้อนล้วงเข้ามาในเสื้อก็เริ่มรู้สึกตัวว่าชักจะเลยเถิด.. รีบผลักเขาออกห่าง เช็ดริมฝีปากตัวเองตื่น ๆ

“ออกไปห่างจากผม 3 เมตร!!” ผมหอบหายใจเบา ๆ ชี้ให้เขาไปอยู่ไกล ๆ ...เขาเพียงแค่หัวเราะเบา ๆ แล้วฮัมเพลงเดินไปหยิบแลปทอปออกไปจากห้อง...

ทิ้งให้ผมนอนแน่นิ่งอยู่ที่เดิมด้วยคิดอะไรไม่ออก... และเพิ่งตระหนักได้ว่าแท้จริงแล้ว.. เขาเจ้าเล่ห์มาก ๆ.. ....เขาเบี่ยงความสนใจเรื่องไอ้หมวยด้วยการทำลามก!! อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!

ผมได้แต่เจ็บใจ.. ถ้าผมจูบได้เก่งกว่านี้คอยดูเหอะเขาจะต้องอ่อนระทวยอยู่ในอ้อมแขนของผม อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!

ผมกำลังคิดอะไรเนี่ยยยยยยย!!! ผมขยำเส้นผมตัวเองจนยุ่งเหยิงโมโหในความคิดวิปริตที่เกิดขึ้นในสมองเมื่อกี้นี้และโยนให้เป็นความผิดของเขา... ไอ้พี่ธีร์!!

หรือว่าเขาตั้งใจวะ ?... ผมแตะริมฝีปากตัวเองเบา ๆ ซุกหน้าตัวเองกับผ้าห่ม... คิดอะไรบ้า ๆ..
 
เช้าวันถัดมาผมก็ต้องตกใจเมื่อมีผู้หญิงน่ารักราวกับนางฟ้าตัวน้อยนั่งอยู่ในห้อง พอรู้ว่าถูกจับจ้อง เธอก็ส่งยิ้มให้ผม.. มีลักยิ้มด้วย ...โอย.. ใจละลาย...

“พี่แบล็คตื่นแล้วเหรอครับ” ผมหันไปมองต้นเสียงที่ขัดจังหวะ.. เธียร.. เขามองผมดุ ๆ สงสัยเพราะผมจ้องเด็กผู้หญิงน่ารักคนนั้นเพลินไปหน่อย

“นั่นน้องสาวผมครับ ชื่อธา” เธียรแนะนำเสียงเรียบ ๆ หวงน้องสาวว่ะ! ทีผมยังไม่หวงกัณฐ์เลย!

“สวัสดีค่ะ” ธายิ้มหวานไหว้งาม ๆ ให้ผม.. โอย.. นางฟ้า.. เธอคือนางฟ้า~~~

แต่!.. น้องของเธียร.... ก็แสดงว่า... เธอเป็นน้องของไอ้พี่ธีร์ด้วยน่ะสิ....อ๊ากกกกกกกกกกกก!!! ผมเอาหัวโขกหมอนเบา ๆ ทำไมสวรรค์ช่างกลั่นแกล้งส่งไอ้ยักษ์นั่นมาคุ้มกันนางฟ้า!! เสียงหัวเราะหวาน ๆ ทำให้ผมเริ่มรู้สึกอาย.. ไม่น่าทำอะไรแปลก ๆ เลยตู..

“พี่แบล็คกับกัณฐ์นี่สมกับเป็นพี่น้องกันเลยนะคะ” ธายิ้มหวานหันไปพยักพเยิดกับเธียร... ปล่อยให้ผมคิดไม่ตกว่านั่นเป็นคำชมหรือเปล่า ?

ธาเป็นผู้หญิงคุยเก่งเธอชวนผมคุยได้เรื่อย ๆ บางทีเธียรก็แทรกบ้าง ..การมีผู้หญิงน่ารัก ๆ อยู่ใกล้ ๆ ทำให้อารมณ์ผมดีขึ้นมิใช่น้อย..  ผมเหลือบมองนาฬิกา.. มันจะเที่ยงแล้ว ไอ้ไทม์ก็ยังไม่โผล่หน้ามา.. ดีแล้ว... มันจะได้ไม่ต้องมาเจอกับธา..

“ว่าไงไอ้หมาน้อย กูมาเยี่ยมมึงแล้ว!!” ไม่ทันขาดคำมันก็โผล่หน้าเข้ามา มันชะงักกึกเมื่อเห็นคนแปลกหน้า 2 คนอยู่ในห้อง …ผมรู้สึกไม่อยากเจอหน้ามันซะดื้อ ๆ

“เห้ย ใครวะ.. โคตรน่ารัก” มันกระซิบกระซาบถามผม ไม่แคร์สายตาถมึงทึงของเธียรที่ดูเหมือนจะรู้ว่าเรากำลังพูดถึงใครอยู่..

“น้องเธียร น้องธา นี่เพื่อนพี่ชื่อไทม์” ผมแนะนำอย่างเสียมิได้ ไอ้ไทม์จ้องนางฟ้าของผมจนเธอคงรู้สึกอึดอัด ขอตัวออกไปข้างนอก พอเห็นไอ้ไทม์จะเดินตามผมก็หยิกมันจนมันร้อง

“จะฟ้องพี่ตาล” ผมพูดขึ้นลอย ๆ ..มันก็เลยได้แต่ทำหน้าเป็นหมาหงอย เบ้ปากใส่ผม.. สะบัดก้นไปนั่งที่ธานั่งเมื่อซักครู่ ...แต่เห็นแววตาวิบวับของไอ้ไทม์แล้ว ผมรู้สึกไม่ไว้ใจมันเลย เหอ ๆ.. ถ้าธาเกิดเสียท่าขึ้นมาแล้วรู้ไปถึงหูไอ้พี่ธีร์ มันจะเล่นงานผมที่เป็นเพื่อนไอ้บ้านี่มั๊ยเนี่ย...?

ธาโทรมาบอกพี่ชายเธอว่าขอตัวกลับก่อน ไอ้ไทม์ที่หูผึ่งรอฟังพอรู้ว่าสาวน้อยน่ารักจากไปเสียแล้วก็กลายเป็นหมาหูลู่.. มันคิดจะมาเยี่ยมผมจริง ๆ รึเปล่าเนี่ย ?!

จากนั้นไม่นานไอ้ไทม์ก็กลับไป ส่วนเธียรคุยโทรศัพท์กระหนุงกระหนิงเงียบ ๆ ตรงมุมห้อง ปล่อยให้ผมนั่งเหี่ยวอยู่คนเดียว... พอว่างมาก ๆ เข้าเลยตัดสินใจอ่านหนังสือซะ...ผมไม่รู้ว่าเธียรวางสายเมื่อไหร่ และทั้งห้องอยู่ในความเงียบนานขนาดไหนจนได้ยินเสียงเรียกชื่อของผม...

“พี่แบล็ค..” ผมเบนสายตาไปจับจ้องเด็กหนุ่มที่เรียกชื่อ …เขาดูลังเล อ้าปากแล้วก็หุบ แบบนั้นอยู่หลายครั้ง ...ก่อนตัดสินใจเอ่ยต่อ...

“...พี่เต็มใจรึเปล่า ?”

“เต็มใจ ?” คำถามของเขาทำเอาผมงง.. เต็มใจอะไรวะ ?

“กับพี่ธีร์.. คือ...กัณฐ์ยืนยันว่าเห็นพี่ร้องไห้ตอนลงจากรถพี่ธีร์” เขาพูดตะกุกตะกัก เหมือนจะกลัวคำตอบของผม..

“....” ผมรู้สึกงุนงง.. กัณฐ์เห็นผมลงจากรถไอ้พี่ธีร์ร้องไห้ ?? เมื่อไหร่ ?? ...จริงสิ.. วันนั้น...ที่เขาพาผมออกมาจากโรงแรม.. ต้องเป็นวันนั้นแน่ ๆ

“พี่กับพี่ธีร์..เอ่อ...”

“พี่ไม่ได้มีอะไรกับพี่ธีร์” ผมบอกพยายามเผยยิ้มจริงใจ..

“กัณฐ์คงจะเข้าใจผิด.. เธียรไปบอกกัณฐ์ด้วยนะ ว่าพี่ไม่ได้เป็นอะไรกับพี่ธีร์”

“เฮ้อ! ผมก็คิดแล้ว ว่าพี่ธีร์ไม่มีทางทำแบบนั้นหรอก” สีหน้าโล่งใจของเธียรทำให้ผมรู้สึกหม่น ๆ... ถ้าบอกความจริงว่าผมถูกพี่ชายเขาจับกดในอาทิตย์ถัดมาเขาจะทำหน้ายังไงนะ ?...

“กัณฐ์ก็ไม่ยอมเชื่อ… โล่งอกชะมัด” เขามีสีหน้าดีขึ้น แอบหัวเราะเบา ๆ แล้วส่งยิ้มให้ผม

“ขอบคุณนะครับพี่แบล็ค” ...ผมไม่รู้ว่าเขาขอบคุณทำไม ?... ขอบคุณที่โกหกเพื่อรักษาหน้าตัวเอง หรือขอบคุณที่โกหกเพื่อทำให้กัณฐ์สบายใจขึ้น...

เสียงเคาะประตูเบา ๆ พร้อมกับร่างหนาที่เดินอาด ๆ เข้ามา เธียรส่งยิ้มให้พี่ชายของเขา แต่ผมกลับไม่อยากเห็นหน้าเขาเลยตอนนี้..

“เธียรกินอะไรรึยัง ?” เขาถามน้องชายตัวเองด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล.. ผมล่ะเบื่อชะมัดเวลาไอ้หมอนี่มองน้องตัวเองอย่างกับจะกินเข้าไป

“ยังเลยฮะ พี่แบล็คก็ยังไม่ได้ทานอะไร เดี๋ยวผมออกไปซื้อให้”

“ไปกับพี่แล้วกัน” เขาเสนอตัว

“พี่แบล็คเอาอะไรป่าว ?” ผมยิ้ม ส่ายศีรษะเบา ๆ ปล่อยให้ทั้งคู่เดินออกไปจากห้อง หลังอาหารมื้อเย็น เธียรก็ขอตัวกลับปล่อยให้ผมอยู่กับเขาต่อเงียบ ๆ...

“ทำไมเธอไม่บอกเขา ?” บทสนทนาแรกของวันนี้เริ่มออกมาจากริมฝีปากบางของเขา..

“หือ ??” ผมส่งเสียงถามในลำคอ ขณะกัดมะละกอที่หั่นเป็นชิ้นยาวที่เธียรซื้อมาฝาก

“เรื่องที่ฉัน...” …ผมพอจะเดาออกเลา ๆ ว่าเขาพูดถึงเรื่องอะไร..

“…..ผมจำไม่ได้” ผมบอกเสียงเบา ทั้ง ๆ ที่ผลไม้เต็มปาก..

“....” แล้วเขาก็เป็นฝ่ายเงียบไป...

“ขอบใจ..” ผมเลิกคิ้ว.. งงกับพี่น้องคู่นี้จริง ๆ มาขอบจงขอบใจอะไรผม... แต่ถ้าจะให้เดา... เขาคงดีใจที่น้องชายสุดที่รักไม่รู้ว่าเขาไปทำเรื่องบัดสีอะไรไว้.. คิดแล้วยิ่งเจ็บใจ...

“พรุ่งนี้ออกจากโรงพยาบาลแล้วใช่มั้ย ?” ผมพยักหน้าเป็นคำตอบ

“ฉันอยากให้เธอไปพักที่คอนโดฉัน” คำพูดของเขาทำให้ผมแทบสำลัก

“ทำไม ?”

“มันปลอดภัย”

“บ้านผมก็ปลอดภัย” ผมเถียงสุดใจ จะให้ไปอยู่ที่อื่นที่ไม่ใช่บ้านตัวเอง ไม่เอาด้วยหรอก!!

“ไม่ปลอดภัย..”

“ปลอดภัย!” ผมขึ้นเสียงจนเขาทำตาดุใส่

“ไม่...” เมื่อเห็นเขายืนกรานแบบนั้นผมเลยขี้เกียจจะเถียงด้วย

“คุณพูดเหมือนมีใครตามฆ่าผม” ผมเบี่ยงประเด็นแต่คำตอบของเขาคือความเงียบ..

“...”ตีความได้ว่ามี ...หรืออาจไม่มี..

“....ใคร ?”

“ฉันจะพาเธอกลับบ้านไปเก็บเสื้อผ้า.. แล้วค่อยไปที่คอนโด” เขาเลี่ยงคำตอบ อธิบายแผนที่จะต้องทำในวันพรุ่งนี้

“ทำไมผมต้องไปที่นั่น ?”

“มันปลอดภัยกว่า มีการป้องกันดีกว่า เข้าใจบ้างมั๊ย ?” ดูเหมือนว่าเขาเริ่มจะอารมณ์เสียในความดื้อรั้นของผม

“...ฉันต้องขอให้เธออยู่ที่นั่นซักระยะ จนกว่าจะเคลียร์เรื่องนี้เสร็จ”

“คุณหมายถึงสิตานัน ?”

“...” เงียบอีกแล้ว.. ใช่แหง ๆ

“พวกคุณมีเรื่องอะไรปิดบังผม!” ผมขึ้นเสียงถามอย่างไม่ค่อยพอใจ.. มันจะอะไรนักหนาวะเนี่ย!

“ฉันกำลังรอให้เขามาพูดกับเธออยู่!” เขาบอกเสียงดุ แววตามองผมอย่างตำหนิในความใจร้อน

“แต่ถ้าเขาไม่พูด.. ฉันจะเป็นคนบอกเธอเอง” พี่ธีร์บอกเสียงอ่อนลง

“ยังไงผมก็ไม่ไปที่นั่น ผมจะอยู่บ้าน” ผมยืนยันคำเดิม วางถุงผลไม้ไว้ข้าง ๆ ...กินต่อไม่ลงเลย เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่

“เธออย่าดื้อได้มั๊ย ? ฉันเหนื่อย”

“คุณอย่าบังคับผมสิ” ผมตอบกลับ

“อ้อ.. ชอบแบบนิ่มนวลงั้นสิ” เขาเหยียดยิ้ม มองผมด้วยแววตาประหลาด..

“....” ผมรู้สึกหน้าร้อนฉ่า.. เขาหมายถึงอะไร ?? ...หวังว่าเขาคงไม่ได้คิดถึงเรื่องใต้สะดืออย่างที่ผมกำลังคิดนะ

“แบล็ค.. ไปอยู่ที่คอนโดนะ” เขาพูดเสียงนุ่ม จนผมสัมผัสได้ถึงความไม่จริงใจจนต้องเบ้ปาก

“ไม่! ถึงคุณจะอ้อนวอนยังไงผมก็ไม่ไป!!” ผมยืนยันคำเดิม... แถมกอดอกเชิดหน้า

“จริงเหรอ ?.. แล้วถ้าฉันทำแบบนี้ล่ะ ?” เอาแล้วไงกรู.. จู่ ๆ เขาก็ลุกขึ้นย่างสามขุมมาหา..

“จ..จะทำอะไร!? อย่าเข้ามาใกล้กว่านี้นะ! ผมจะ..” ผมชี้หน้าเขาพอรู้ตัวอีกทีเขาก็เข้ามาประชิดขอบเตียงแล้ว.. ขายาวไปไหนเนี่ย..

“จะอะไร ?” เขาถามล้อ ๆ ผมเห็นท่าไม่ดีรีบส่งเสียงหาตัวช่วย

“พี่พะ!! อื้อ~” มือหนา ๆ ของเขาปิดปากของผมไว้ทันที ผมดิ้นขลุกขลักส่งเสียงร้องในลำคอ

“อย่าเสียงดังสิ เฮ้!!” เขาหัวเราะเบา ๆ พยายามจับผมให้อยู่นิ่ง ๆ

“ฉันแค่ล้อเล่น” เขาบอกยิ้ม ๆ ยื่นหน้าเข้ามาใกล้..

อ๊ากกกกกกกก!!

“ตอบมาว่าจะย้ายไปไหม ?” ผมส่ายศีรษะ หลบสายตาแพรวพราวของเขา ..เวลาหมอนี่ยิ้มน่ากลัวกว่าทำหน้าดุอีก.... รอยยิ้มที่อยู่ใกล้ ๆ ของเขาทำเอาใจของผมเต้นผิดจังหวะ ผมไม่อยากเห็นเขายิ้ม!!

“เปลี่ยนใจได้นะ” ผมก็ยังคงส่ายศีรษะ หวังในใจว่าหน้าผมคงไม่แดง

“เปลี่ยนใจรึเปล่า ?” ผมส่ายศีรษะอีกครั้งจนเขาถอนหายใจแรง

“ดื้อ!!” เขาบอกยกมือที่ปิดปากผมมาบีบจมูกโยกเบา ๆ แทน..ผมมองเขาหน้าง้ำ.. เขาทำเหมือนผมเป็นเด็ก ๆ

“ตามใจเธอแล้วกัน แต่ฉันขอไปค้างด้วย” เขาถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย เดินกลับไปนั่งที่เดิม

“อะไรนะ!!” ผมถามซ้ำอย่างไม่เชื่อหู..

“ทำไม ?” เขาเลิกคิ้วมองงง ๆ

“คุณก็ไปนอนบ้านคุณเซ่!!”

“ฉันอยู่คอนโด” เขายังมีแก่ใจบอกว่าตัวเองพักที่ไหน

“ก็ไปค้างคอนโดคุณ”

“อืม.. พอดีห้องฉันกำลังต่อเติม”

“ก็ไปอยู่บ้านซิครับ!!”

“บ้านเธอเหรอ ? แปลว่าอนุญาตใช่มั๊ย ?” เขาพูดเองเออเอง ทิ้งให้ผมนั่งอึ้งกับการเข้าข้างตัวเองอย่างกู่ไม่กลับของเขา

...... อะ ไร กัน วะ เนี่ย !!!!!!!!!!!!!!!!

..........................................................ทูบีคอนตินิววว คืนนี้จ้า..
 :m1:น่ารักง่ะ พี่ธีร์ ช่ายป่ะทุกคน ช่วงนี้ คงยังไม่มีึคู่หลักมาหวานแหวว ปรากฏ สูบคู่รอง พี่ธีร์น้องแบล๊ค กันไปก่อนน่ะจ๊ะ

ออฟไลน์ Still_14OC

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2041
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-7
อย่าว่าแต่แบล็คงงเลย คนอ่านมันก็งงอ่ะ แต่อิพี่ธีร์นี่ เผด็จการนะเนี่ย   :เฮ้อ: รอตอนต่อไป

ออฟไลน์ →Yakuza★

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1829
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-0
สงสารแบล็กจริงๆแหะ โอ๋ๆ :กอด1:

อัพบ่อยๆแบบนี้โครตรักเลย~!!! :L2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด