.
.
.
เหมือนโดนขยี้จุดอ่อนด้วยตรีนยังไงก็ไม่รู้ ถึงมันจะเป็นแค่กางเกงในเท่านั้น แต่ศักดิ์ศรีของความเป็นสามีจะไปอยู่ที่ไหนกันถ้าผมเลือกหนึ่งในไอ้พวกนี้ขึ้นมาใส่ ถึงผมจะไม่ได้เปิดโลกทัศน์ในเรื่องนี้เท่าไหร่แต่มันควรจะเป็นของที่พวก ‘ฝ่ายรับ’ เขาใส่กันไม่ใช่เหรอวะ
“อันที่จริงแล้วพี่ปูนต้องใส่ให้ผมดูต่างหากนะ” ผมรีบย้อนทันทีที่คิดออก “พี่ปูนเป็นเมียผมอ่ะ พี่ต้องใส่ให้ผมดูดิถึงจะถูก”
พี่ปูนมันเบิกตามองผมไม่ถึงเสี้ยววินาทีก่อนจะระเบิดหัวเราะออกมาดังลั่น แม่งขำอะไรนักหนาขนาดนั้น ผมก็ไม่ได้พูดอะไรผิดสักหน่อยนี่หว่า ถึงแม้ว่าถ้ามันใส่ขึ้นมาจริงๆแล้วผมคงสยองก็เถอะ ผมยืนรออย่างสงบจนไอ้บ้านี่จะเลิกขำ แล้วเมื่ออารมณ์กลับเข้าที่เข้าทางมันก็เริ่มทำสีหน้านิ่งขรึมเป็นงานเป็นการขึ้นมาทันที
“แค่นี้ลุงทำเพื่อพี่ไม่ได้เหรอ”
จุกสัด!
เพิ่งคบกันไม่เท่าไหร่แท้ๆ แต่มันกล้างัดประโยคนี้ขึ้นมาพูด จะให้ผมทำไงวะนอกจากยอมมันอ่ะ เราจ้องตากันอยู่สักพักแล้วเป็นผมที่ตัดสินใจหลบตายอมแพ้ ไม่ต้องวิเคราะห์ก็พอจะรู้ว่ากางเกงในตัวไหนทุเรศน้อยที่สุด เพราะงั้นทางที่ผมต้องเดินคือลงเท้าปึงปังเข้าไปห้องน้ำอีกรอบพร้อมกับกางเกงในในมือ
นี่แม่งคือจุดบัดซบในชีวิตจริงๆ ผมได้แต่คลี่กางเกงในแล้วถอนใจในชะตากรรม ใครแม่งช่างคิดออกแบบกางเกงแบบนี้ให้ผู้ชายวะ ไอ้สิ่งที่ใส่หุ้มไข่แล้วสบายที่สุดน่ะเขาถึงเรียกว่ากางเกงใน แต่ไอ้เชี่ยนี่มันคงจะทำให้อึดอัดทั้งกายอึดอัดทั้งใจจนลูกผมหายใจไม่ออกตายแน่
ผมเริ่มบรรจงสวมมันเข้ากับตัว จัดทรงให้พอดีก่อนจะมองผ่านกระจกบานใหญ่ในห้องน้ำเพื่อดูความอุบาทของตัวเอง เนื้อผ้าสีดำมันปลาบแนบไปกับก้นผมจนโคตรเด่น ถ้าส่วนไหนในร่างกายที่ไม่ชอบที่สุด ก็คงเป็นไอ้ก้นงอนๆ นี่แหละ ผมโดนล้อเลียน โดนเพื่อนแกล้งตีตูดมาตั้งแต่เด็ก นับว่าเป็นความต่ำตมที่สุดในร่างกายเลยจริงๆ แถมไอ้ตรงรอยผ้าที่เหลื่อมกันมันก็โดนแหวกซะเห็นร่องก้อนก่อนจะถูกปกปิดด้วยผ้าผืนบางสีดำที่ไม่ต้องจิตนาการก็เห็นด้วยตาว่ามันปกปิดอะไรอยู่
เวรของกรรม!
ผมเอาผ้าเช็ดตัวคลุมทับเหมือนเดิมอีกครั้งก่อนจะก้าวออกจากห้องน้ำ เพื่อไปเผชิญหน้ากับไอ้คนที่กำลังทำสีหน้าตื่นเต้นเกินพอดี ไอ้พี่ปูนแม่งดูลุ้นมากมายตอนที่ผมเดินตรงเข้าไปหา พอผมยืนตรงหน้าเท่านั้นยังไม่ได้ทันพูดอะไรมันก็กระตุกผ้าเช็ดตัวร่วงลงพื้น ผมนี่อ้าปากค้าง ส่วนไอ้โรคจิตนี่น่ะเหรอ...
หน้าตาแม่งหื่นได้อีกอ่ะ
“หันหลังหน่อยสิ” มันขอแต่ไม่รอให้ผมอนุญาต เพราะแค่พูดจบไอ้พี่ปูนก็หมุนตัวผมจนตั้งตัวไม่ทัน ผมข่มความอายเอาไว้สุดๆ ไม่อยากจะรับรู้เลยว่าตอนนี้ไอ้บ้านี่มองตรงนั้นของผมด้วยสีหน้ายังไง
ผมสะดุ้งโหยงทันทีที่มีบางอย่างสัมผัสแก้มก้นทั้งสอง ความอุ่นของมือตัดกับความเย็นของอากาศทำเอาผมขนลุกเกรียว มันรู้สึกแปลกพิกลที่ต้องมายืนให้ผู้ชายลูบตูดเล่นแบบนี้ ผมกลั้นหายใจปิดตาแน่นเมื่อสองมือนั้นฮึกเหิมขึ้นเรื่อยๆ มันทั้งคลึง ทั้งบีบ ลูบคลำขยำขยี้ จนกระทั่งเรียวนิ้วยาวนั้นซอกซอนเข้าไปในรอยแหวกผ้าอย่างอุกอาจ
“ปุริม!!” ผมลืมตัวเรียกชื่อจริงพี่ปูนออกมา บางครั้งผมก็ควบคุมนิสัยเสียตัวเองลำบากเหลือเกิน แต่ช่างแม่งเรื่องนิสัยเหอะ! เพราะตอนนี้ผมเด้งตัวออกห่างจากมือพี่ปูนอย่างไวพร้อมกับปกป้องอธิปไตยด้วยการนั่งลงกับพื้น
“พี่เคยคิดว่าจะเป็นยังไงเวลาลุงเรียกพี่แบบนั้นบ้าง” พี่ปูนมันตีหน้านิ่งพลางหัวเราะขึ้นจมูก แต่น้ำเสียงมันดูไม่เครียดอะไรซึ่งพลอยให้ผมใจชื้นขึ้นบ้าง แต่จะดียิ่งกว่านี้ถ้ามันจะไม่ลุกเดินเข้ามาหา “พี่ชอบว่ะ”
“พ...พี่หมายความว่าไง” ถามไปก็ถัดตัวหนีไป ผมแม่งโคตรโง่ที่เลือกนั่งที่จริงแล้วผมควรจะวิ่งหนีออกนอกห้องมากกว่า “อย่าเข้ามานะเว่ย ผ...ผมสู้นะเอ้อ!”
“พี่ได้ยินเราเรียกชื่อจริงของโป้ยเวลาคุยเล่นกันบ่อยๆ แต่ไม่ยักกะเห็นลุงเรียกใครอย่างนั้นบ้าง” ไอ้พี่ปูนยิ้มชั่วมากถึงมากที่สุดเมื่อร่างทั้งร่างของมันคร่อมผมได้สำเร็จ “ชื่อพี่ดูน่ารักขึ้นเป็นกองเลย ว่ามั้ย?”
“ขอโทษก็ได้พี่ ไม่ล้อเล่นอย่างงั้นแล้วแต่ช่วยลุกออกไปทีเท้อ” สับสนวุ่นวายโคตร! ยิ่งมันเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ผมนี่แทบจะนอนเบี่ยงขดตัวเป็นกุ้งเพื่อหนีมัน แต่ถามว่าได้ผลมั้ย? ก็ไม่! เพราะตอนนี้ไหล่ของผมกำลังถูกลมหายใจอุ่นๆรินรดเป็นระรอก ขนเขินนี่ลุกจนขึ้นจุดเต็มไปหมด
“ลองเรียกอีกครั้งสิ”
“เรียกอะไร ไม่เรียกแล้ว! ลุกออกไปนะพี่ปูน”
ผมไม่อยากจะเห็นสภาพตัวเองตอนนี้เลย ดิ้นกระแด่วๆใต้ร่างหนาบึ้กของเมียตัวเอง อารมณ์แม่งเหมือนหนูโดนแมวตะปบยังไงก็ไม่รู้ ที่มันจะแดกก็ไม่แดกแต่เอาตีนตะปบเล่น ปล่อยให้วิ่งหนีแล้วก็ตามไปจับจนหนูแม่งตรอมใจตายอ่ะ ผมนี่รู้สึกอย่างนั้นเด๊ะ! แต่ต่างกันตรงที่ไอ้แมววิตถารนี่มันไม่เปิดโอกาสให้ผมวิ่งหนีเนี่ยสิ
“หืม~ กลิ่นเหมือนพี่เลย” ไอ้โรคจิตทำจมูดฟุดฟิดไปมาตรงซอกคอผม แม่งสะท้านเลย
“ก็มันมาจากขวดเดียวกันนี่หว่า อึ๋ย! อย่าจับก้นสิวะพี่” ผมนี่ชักดิ้นชักงอได้ที่เลย จะเอาก้นนาบพื้นช่วงหน้าก็จะเปิดอ้าซ่า จะปกป้องช่วงหน้าข้างหลังก็โดนล้วง บัดซบได้ที่จริงๆ “เลิกแกล้งผมเหอะนะ”
“นี่ไม่ได้แกล้งเลยนะ ใช้ความรู้สึกล้วนๆเลย” ไม่ต้องมองผมก็พอเดาได้ว่ามันต้องยิ้มชั่วอยู่แน่ๆ มันก็ใช่ที่เมื่อก่อนเราสองคนไม่ค่อยถูกชะตากันเท่าไหร่ แต่ตอนนี้มันเป็นเมียผมแล้วมันต้องให้เกียรติผมบ้าง ไม่ใช่มาคุกคามคล้ายจะข่มขืนอย่างนี้
“พี่ปูน!”
“ก้นลุงแม่งเซ็กซี่จริงๆนะ พี่เพิ่งเคยเจอก้นที่แค่เห็นก็อยากเป็นครั้งแรกเนี่ยแหละ” พูดก็พอ ไม่ต้องเอามือขยำด้วยก็ได้ไอ้โรคจิตนี่! “พี่ยกให้เป็นที่หนึ่งเลย”
กู-ไม่-ต้อง-การ-โว้ย!!!
“ไอ้พวกที่มันบอกว่าพี่เพอร์เฟคมันต้องร้องไห้แน่ๆ ถ้ามาเห็นพี่ตอนนี้อ่ะ”
“มีใครบ้างสมบูรณ์แบบวะ ลุงเองก็เห็นต่างจากคนอื่นมาตั้งแต่แรกแล้วนี่”
“แต่ผมก็ไม่คิดว่าพี่จะเป็นถึงขนาดนี้!! เฮ้ย! อย่าๆๆๆ” ไอ้เชี่ยพี่ปูนมันออกแรงแหกขาผมซะกว้างจนเซล้มหงายหลังกับพื้น ส่วนตัวมันก็รีบตามมาคร่อมไว้อย่างรวดเร็ว แนบชิดจนผมหน้าขึ้นสีกับบางอย่างที่เสียดสีกับหว่างขาผม มันตุงจนแทบจะดุนกางเกงออกมา
“แค่เล็กน้อยน่า ลุงยังรู้จักพี่ได้แค่ครึ่งเดียวเอง” รอยยิ้มชั่วช้าลอยอยู่เบื้องหน้าผม มันใกล้เข้ามาเรื่อยๆจนผมต้องปิดตาหนีมันซะ นี่ผมหมดหนทางแล้วเหรอวะเนี่ย? ผมควรจะเสี่ยงต่อยมันแล้ววิ่งหนีดีรึเปล่า แต่สภาพอย่างนี้ผมจะหนีไปไหนได้ แต่ถ้าไม่ขัดขืนเลยมันก็ต้องคิดเอาว่าผมง่ายอ่ะดิ แล้วอย่างนี้ศักดิ์ศรีความเป็นผัวจะไปอยู่ตรงไหน
“อย่านะปุริม! ไม่งั้นลุงชกนะ” สิ้นคำผมเท่านั้นแหละ แขนทั้งสองข้างก็ถูกมันรวบขึ้นเหนือหัวแล้วโดนจับไว้ด้วยฝ่ามือใหญ่เพียงข้างเดียว หมดกัน...ขนจั๊กกะแร้ผงาดออกมารับลมเย็นกันให้ว่อน
มีเพียงเสียงหัวเราะขึ้นจมูกของพี่ปูนดังขึ้นมาเบาๆ จากนั้นผมก็ถูกทำให้เบลอด้วยริมฝีปากที่ทาบทับลงมา มันนุ่มเหมือนกับเช้าวันนั้นไม่มีผิด เรียวลิ้นชื้นลากผ่านกลีบปากอ้อยอิ่งจนสยิวแปลกๆ แต่พอมันเข้าไปในปากผมได้แล้วกลับเร่งเร้า ลุกไล่จนผมหายใจแทบไม่ทัน นี่สินะคือที่เรียกว่าจูบเก่ง มันทำเอาผมระทดระทวยได้ไม่ยากเย็น และอันนี้สินะที่เขาเรียกว่าเคลิ้มอ่ะ~
“อื้ม~ พี่ปูนปล่อยมือ” ผมเอียงหน้าออกมาหอบอากาศเข้าปอด ส่วนพี่ปูนก็ไม่ได้ปล่อยให้ปากตัวเองเหงาโดยการเลาะเล็มเนื้อข้างคอผมไปพลางๆ “ปล่อยมือก่อน อายจั๊กกูแร้”
“หึหึหึ มันก็ไม่ได้รุงรังน่าเกลียดสักหน่อย” ไอ้โรคจิตมันหัวเราะเบาๆ และเพิ่มความวิตถารด้วยการซุกจมูกลงกับกอหญ้าอ่อนของผม ผมนี่จั๊กจี้ดิ้นให้พล่านแต่แม่งคงสนุกไงเลยเอาปลายจมูกไถไม่หยุด
“ฮ่ะๆ!! พี่ปูน ฮ่าๆ จะบ้าเรอะ!!”
“ก็ดมดู นุ่มออกนะ หอมด้วย หึหึ”
“มึงบ้าแล้วพี่ปูน โอ๊ยๆๆ อย่ากัด!! พี่เป็นหมาเหรอห๊ะ!!”
“ปากดีอย่านี้ต้องสำรวจดูหน่อยแล้ว ว่าข้างล่างจะนุ่มเหมือนกันรึเปล่า”
เดี๋ยวๆๆ ไอ้เชี่ย!! ไม่ได้เกี่ยวกันเลย
.
.
.
“ลุง”
สมองผมเปิดทำงานรับเสียงเรียกในทันที ผมเด้งตัวลุกขึ้นด้วยความตกใจแรงเด้งจากการขยับตัวทำให้ผมรู้ว่าอยู่บนที่นอนไม่ผิดแน่ ผมมองหน้าเจ้าของเสียงที่นั่งอยู่ข้างๆ ก่อนจะก้มมองดูร่างกายตัวเอง และนั่นทำให้ความทรงจำสดใหม่ย้อนกลับเข้ามาในหัว ผมทนมองหน้าผู้ชายคนนี้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ไม่สิ! ปากต่างหาก! ผมจะมองปากพี่ปูนอีกได้ยังไงในเมื่อมัน...มัน...
“อ๊าก!!!” ผมร้องเสียงหลง จัดการคว้าผ้าห่มคลุมตัวจนมิดเพื่อหลักหนีความจริง มันเกิดขึ้นไปแล้ว มันเกิดขึ้นกับผมแล้ว แฟนทุกคนที่ผ่านมาไม่เคยมีใครทำกับผมแบบนี้ แต่พี่ปูนกลับทำมันลงไป “ไปๆๆ ผมไม่อยากเห็นหน้าพี่อ่ะ”
“เป็นบ้าอะไร ยังไม่ตื่นดีรึไง” พี่ปูนมันคงงงกับผมไม่น้อย สองมือมันเลยพยายามกระชากผ้าห่มออกจากตัวผมด้วยแรงมหาศาล ผ้านวมผืนใหญ่เลยปลิวหลุดออกไปอย่างง่ายดาย “เป็นอะไร นี่พี่ไม่ได้ปล้ำลุงนะ”
“แต่พี่อมของผมอ่ะ!!”
สิ้นคำประกาศก้อง ไอ้พี่ปูนถึงกับหัวเราะเสียงลั่น มันมองหน้าสลับกับหว่างขาผมแล้วก็หัวเราะไม่หยุดเหมือนคนบ้า ผมเริ่มเปลี่ยนจากอับอายเป็นเคืองมันทีละนิด มีตรงไหนที่มันน่าหัวเราะขนาดนั้นวะ ชีวิตจริงมันไม่ใช่หนังเอวีนี่หว่าที่จะได้หาแฟนแบบที่ยอมบ๊วบของเราง่ายๆ แถมแต่ละคนก็ไม่ได้คบกับผมยืดพอจะละความประเดิด ขนาดตัวผมเองยังไม่เคยลงไปละเลงลิ้นให้จิ๊มิใครสักครั้ง แต่พี่ปูนแม่งทำเหมือนเป็นเรื่องสบายๆ ที่จะดูดปุ๊นใครก็ได้ที่นอนด้วย แถมมันยังเก่งจนผมแตะขอบฟ้าตั้งหลายรอบ
“เรื่องปกติน่า ไม่มีอะไรน่าอายหรอก” พี่ปูนตอบหลังจากสงบสติได้แล้ว
“แต่พี่เป็นผู้ชาย”
“พี่เป็นผู้ชายที่ทำกับผู้หญิงก็ได้ผู้ชายก็ดี แล้วไหนลุงบอกว่าเราเป็นผัวเมียกัน ลุงจะเขินไปทำไม”
“เออ...มันก็จริง” สิ้นคำผมมันก็หัวเราะอีกรอบ ทำไมผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นตุ๊กตากระบอกที่กำลังถูกไอ้พี่ปูนชักใยอยู่เลยวะ “ถ้าอย่างนั้นแล้ว ผมต้องทำให้พี่ด้วยรึเปล่า?”
“อืม~ ของอย่างนี้มันบังคับกันไม่ได้น่ะนะ ไว้ลุงอยากทำก็บอกพี่แล้วกัน พี่พร้อมเสมอ”
ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆ เป็นคำตอบ จนปัญญาด้วยคำพูดทั้งสิ้นทั้งมวล ถ้ามันจะต้องเลือกได้ล่ะก็ผมก็ไม่ขอก้มหน้าซุกไข่มันเด็ดขาด แตงร้านเกรดเอบวกๆอย่างมันคงทำผมปากคอแหกแน่
“ตื่นแล้วก็ไปอาบน้ำล้างหน้าป่ะ แล้วออกไปกินข้าวกัน” พี่ปูนอาศัยช่วงที่ผมกำลังสยดสยองเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาให้ แล้วกลับไปก้มๆเงยๆที่ตู้เสื้อผ้าคล้ายจะหาเสื้อให้ผมอีกชุด “วันนี้นอนนี่เลยแล้วกันนะ”
“ไม่ได้อ่ะพี่ พรุ่งนี้ผมต้องเอางานของGNไปส่งพี่กรแต่เช้า ทางนั้นเขาเร่งงานอ่ะพี่” ผมนี่ลอบถอนหายใจเลย ดีที่โหมทำงานโต้รุ่งจนเสร็จเรียบร้อย ไม่อย่างนั้นได้หัวบานแน่
“ทำเสร็จรึยัง”
“โหย~ ผมนี่โต้รุ่งจนเกือบหกโมงเช้า นอนไปได้ไม่ถึงสองชั่วโมงแม่ก็ปลุกมาทำความสะอาดอีก”
“อื้อหือ มิน่าล่ะเสร็จปั๊บหลับป๊อกไปเลย” ไอ้พี่ปูนมันอมยิ้มเจ้าเล่ห์ ทำเอาผมหน้าแดงเถือกเมื่อรู้ว่ามันพูดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมา “แต่ไม่น่าเชื่อนะเนี่ยว่าจะเสร็จทัน ตรวจงานครบพร้อมส่งแล้วแน่นะ”
“เรียบร้อยแน่สำหรับผมอะนะ แต่จะถูกแก้อีกมั้ยนี่อีกเรื่อง” ที่จริงแล้วผมไม่ค่อยชอบเร่งทำงานแบบนี้เท่าไหร่ มันเหนื่อยแถมเครียดกว่าเดิมเป็นเท่าตัว “ชมผมบ้างสิ อย่าชมแต่ไอ้โป้ยกับพี่เปี๊ยก”
ไอ้พี่ปูนยิ้มเนือยให้ผม สีหน้ามันดูอ่อนใจเหลือเกินยามส่ายหน้าไปมา “ยังฝังใจกับที่พี่พูดอยู่ล่ะสิ”
“ก็แน่สิ ...พี่พูดแบบนั้นกับผมต่อหน้าคนทั้งออฟฟิศ ถ้าพี่ไม่พอใจอยากให้ผมปรับปรุงตรงไหนก็ควรเรียกมาคุยกันตัวๆ ดิ ถึงผมจะดูหน้าด้าน แต่ก็ไม่ได้ด้านอย่างที่พี่คิดนะ” ผมมุ่ยหน้าจนยับเมื่อคิดถึงอดีตอันเจ็บแปลบ เมื่อมาคิดดูให้ถี่ถ้วนแล้วคำพูดที่พี่ปูนพูดนั้นก็ไม่ได้ใส่ร้ายหรือเกินจริงเลยสักนิด มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ผมเป็นกราฟิกดีไซน์เนอร์ที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ทำงานออกมาให้อยู่ในขอบเขตที่ลูกค้าต้องการ เพราะมันเป็นงานของบริษัท ไม่ใช่การการทำเพื่อประกวดสร้างชื่อส่วนตัว แต่ที่ผมโกรธพี่ปูนเอามากๆคงเป็นเพราะผมอายมากกว่า
“อา...จุดนั้นพี่ขอโทษด้วยแล้วกัน” พี่ปูนก้มหัวลงเล็กน้อยรับคำ แต่เพียงเสี้ยววินาทีต่อมามันก็ตวัดสายตาคมเหมือนมีดส่งมาให้ผม “แต่พี่จะไม่ขอโทษเรื่องที่พูดออกไปตอนนั้นหรอกนะ เพราะพี่ไม่รู้สึกว่าพูดผิดไปเลยแม้แต่น้อย”
เหมือนโดนหมัดเสยคางเบาๆ อา...ยังไงซะ พี่ปูนก็คือพี่ปูนวันยังค่ำ
“ผมน้อมรับคำติของพี่ครับ และจากนี้ผมสัญญาว่าจะทำงานเพื่อรับเงินเดือนและโบนัสอย่างตั้งใจ”
สีหน้ามันเหนื่อยหน่ายกับผมอย่างชัดเจน หัวก็ส่ายไปมาจมูกก็พ่นลมแรงจนตีเข้าหน้าผม แต่มันกลับทำให้หัวใจผมฟูขึ้นนิดๆ กับฝ่ามือใหญ่ที่ยื่นออกมาขยี้หัวผมเบาๆ ผมนั่งนิ่งจดจ่ออยู่กับริมฝีปากของคนตรงหน้าที่บิดรอยยิ้มขึ้นช้าๆ พี่ปูนแม่งต้องเสกมนต์ใส่ผมอีกแล้วแน่ๆ หัวใจมันถึงได้ดังแปลกไปกว่าที่เคย
และเกินกว่าความเงียบจะปกปิดได้ เสียงหัวใจของผมมันดังระรัวจนกลัวว่าพี่ปูนจะได้ยิน มันดังขึ้นทุกทีๆ ยามที่พี่ปูนโน้มตัวลงมาใกล้มากขึ้น คนบ้าอะไรถึงได้ดูดีขนาดนี้นะ มันหล่อจนต้องบอกว่าสมกับที่เป็นเพื่อนสนิทดารา หรือว่าเบื้องหลังของความหล่อล้ำขนาดนี้คือการจับผู้ชายมาฆ่าแล้วดื่มเลือดกินเครื่องในใช่มั้ย หมายความว่าผมจะต้องถูกฆ่าเพื่อสนองความหล่อให้พี่ปูนสินะ
ผมซุกหน้าลงกับเข่า อมยิ้มกับความเพ้อเจ้อของตัวเอง แต่บางอย่างที่แว่บเข้ามาในหัวทำให้ผมต้องเงยหน้ามองคนข้างๆ อีกครั้ง “ก่อนที่พี่จะโทรไป มีอะไรเกิดขึ้นรึเปล่า”
“ทำไมถามอย่างนั้น” พี่ปูนนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะปรับสีหน้าเป็นปกติ
“ก็เสียงพี่มันฟังดูแปลกๆ”
“...แปลกยังไง?”
“ไม่รู้ดิ” ผมตอบพลางส่ายหัวไปมา หวนคิดไปถึงเสียงที่ได้ยิน “มันดูเหมือนคนหมดแรง ฟังดูเหงาๆ ...ล่ะมั้ง?”
“เป็นห่วง?”
“ก็ใช่ดิ”
“เลยรีบมาทั้งชุดนั้นเลยงั้นสินะ” พี่ปูนว่าขำๆ แต่เมื่อผมพยักหน้าตอบด้วยความอาย เสียงขบขันนั้นก็เงียบไป
ผมเงยหน้ามองพี่ปูน ใบหน้าดุจเทพบุตรดูราวกับจะหล่อเหลายิ่งกว่าเดิม ดวงตายิบหยีลงเพราะรอยยิ้มที่คลี่กว้าง ผมไม่เคยเห็นใบหน้าแบบนี้ของพี่ปูน มันมีแรงดึงดูดมากพอที่จะทำให้ผมยิ้มตาม แม้จะไม่เข้าใจอะไรเลยสักนิด
เมื่อถูกดันลงจนแผ่นหลังติดที่นอนผมถึงได้รู้สึกตัวอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันจะได้ตั้งตัวจากการคุกคาม ริมฝีปากบางก็ฉกเข้าที่แก้มผมหนึ่งทีด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะเลื่อนขึ้นไปแนบบนหน้าผาก อ้อยอิ่งจนลมหายใจของพี่ปูนสร้างความร้อนให้หน้าผมอย่างมากมาย
“เด็กดี...”
ผมได้แต่กระพริบตาปริบๆ กับน้ำเสียงอ่อนโยนแปลกๆ ผมไม่หลอกตัวเองหรอกนะว่าชอบเสียงแบบนี้ของพี่ปูนซ้ำยังชอบคำนี้มากด้วย แต่มันกลับทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองไม่ปกติ ร่างกายมันเหมือนโดนตัวอะไรไต่ไปทั่ว ยุบยิบจนจั๊กจี้ ส่วนหัวใจก็ยวบยาบเหมือนโลกโป่งน้ำยังไงก็ไม่รู้
“มา...พี่จะให้รางวัล”
ว่าแล้วมันก็แทรกตัวเข้ามาหว่างขาผมบดเบียดไปมาจนบังเกิดความต้องการ ผมได้แต่ครางอยู่ในลำคอพร้อมกับรับจูบร้อนแรงไปด้วย ทำไมต้องเป็นผมที่ต้องอยู่ข้างล่างอีกแล้วล่ะ? ทำไมมันไม่เปิดโอกาสให้ผมรุกมันบ้าง ไอ้พี่ปูนเป็นเมียผมแท้ๆ แต่กลับจ้วงจกลิ้นผมแบบไม่มีผ่อนพัก ดูดจนลิ้นจะยืดติดเข้าปากมันไปอยู่แล้ว อากาศกำลังจะหมด หัวสมองกำลังจะเบลอ ผมเลยวาดขาเกี่ยวสะโพกมันไว้เพื่อเป็นหลักยึด สองมือก็โอบคอมันไว้หลวมๆ เอียงหน้าซ้ายทีขวาทีเพื่อแหวกทางให้ริมฝีปากมันไซ้ ปากก็ครางเบาๆ ยามหนอนน้อยถูกปลุกปั่น
นี่มันคือท่วงท่าของคนเป็นผัวอย่างผมเหรอวะเนี่ย!! ...อ๊ะ...อา~...
TBC.