ศุกร์พิเศษ ท้องถนนประดับประดาไปด้วยแสงไฟสดใส เพื่อต้อนรับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง
เมื่อสักสองชั่วโมงก่อนผมเพิ่งเดินออกจากร้านอาหารแห่งหนึ่ง พอดีว่าเหล่าอาจารย์ในมหาวิทยาลัยต่างพากันมาเลี้ยงฉลองหยุดงานในช่วงปีใหม่กันที่ร้านแหล่งนี้ ผมจึงติดมาด้วยเพราะไม่มีที่ไหนให้ไป แต่หลังจากอยู่ได้เพียงชั่วโมงครึ่งผมเริ่มรู้สึกเบื่อจึงขอตัวกลับก่อน
หลังจากออกจากร้านอาหาร ผมเดินไปตามทางพลางใช้สมองคิดถึงสถานที่ที่อยากไป เพราะคงเร็วไปถ้าตัดสินใจกลับที่พักในทันที บังเอิญว่าร้านอาหารแห่งนี้อยู่ใกล้กับสถานที่ในความทรงจำเมื่อห้าปีก่อนของผม
‘ไปเดินฆ่าเวลาก็แล้วกัน’ ผมพูดกับตัวเอง พร้อมออกเดินไปตามเส้นทาง
ไม่กี่นาทีผมเดินมาหยุดที่หน้าธนาคารแห่งประเทศไทย แม้จะเป็นช่วงเวลากลางคืนแต่ที่นี้ยังคงให้ความรู้สึกแข็งแกร่งอย่างบอกไม่ถูก อาจเป็นเพราะลักษณะของตัวอาคารก็เป็นได้ ผมเดินเลียบกำแพงเข้าไปในถนน บริเวณด้านบนเหนือศรีษะมีเสียงของล้อรถยนต์วิ่งไปมา เพราะเป็นทางด่วนเชื่อมระหว่างสองฝั่งริมแม่น้ำเจ้าพระยา
ผมเคยมาที่แห่งนี้หลายครั้งแล้วตั้งแต่ที่เขาจากไป ทุกครั้งที่ผมมาที่นี่ ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ลมพัดเอาความชื้นจากแม่น้ำลอยมาโดยผิวหนัง เสียงเรือยนต์ที่แล่นผ่านไป ผู้คนที่มาออกกำลังกายกัน และบรรยากาศที่ให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัว
ผมเดินขึ้นสะพานพระรามแปดด้วยความคุ้นเคย บริเวณบันไดผมเดินสวนทางกับผู้ชายวัยกลางคนที่กำลังจูงรถจักรยานลงไป เมื่อเดินพ้นบันไดทางด้านซ้ายมือรถยนต์หลายคันวิ่งผ่านไปด้วยความเร็ว ผมเดินไปนั่งตรงที่เดิมที่ผมเคยมากับเขา
ปรกติผมมักนั่งฟังเพลงจากโทรสัพท์มือถือ แล้วไปยังท้องฟ้าสีดำด้วยอาการเหม่อลอย ซึ่งเพลง Angel เป็นเพลงที่ผมเปิดฟังบ่อยมากที่สุด
Spend all your time waiting for that second chance
For the break that will make it OK
There's always some reason to feel not good enough
And it's hard at the end of the day
I need some distraction or a beautiful release
Memories seep from my veins
Let me be empty and weightless and maybe
I'll find some peace tonight
In the arms of the Angel far away from here
from this dark, cold hotel room, and the endlessness that you feel
you are pulled from the wreckage of your silent reverie
you’re in the arms of the Angel, may you find some comfort here
So tired of the straight line, and everywhere you turn
There's vultures and thieves at your back
The storm keeps on twisting, you keep on building the lies
That make up for all that you lack
It don't make no difference, escape one last time
It's easier to believe
In this sweet madness, oh this glorious sadness
That brings me to my knees
“นาย” เสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นมาจากตรงหน้า ผมเงยหน้ามองชายคนนั้น เขามีรอยยิ้มตรงมุมปากเหมือน ร่างกายอ้วนขึ้นกว่าความทรงจำของผมเล็กน้อย สวมเสื้อเชิ๊ตสีขาวปลดกระดุมเม็ดบนสุดสองเม็ด
“จีน” ผมเอ่ยปาก พลางมองอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“ฟังอะไรอยู่ละ” เขาถามขึ้น ผมดึงหูฟังออกจากหูอย่างรวดเร็ว
“เปล่า” ผมตอบ
“ไม่ได้เจอกันนานแล้วว่าไหม เป็นยังไงบ้างละ” เขานั่งลงด้านข้างพร้อมกับถามคำถาม แต่ผมกลับไม่ตอบเพราะยังคงไม่เชื่อว่าจะได้พบเจอกับเขาอีกครั้ง
“ตกใจเหรอ ที่เห็นเรานะ” เขาหันหน้ามาถาม ยิ้มตรงมุมปาก
“นายมาได้ยังไง” ผมถามด้วยเสียงสั่นเล็กน้อย
“เรากลับมาอยู่กับครอบครัวในวันขึ้นปีใหม่ เพิ่งกลับมาเมื่อวานนี้เอง บังเอิญวันนี้มาทำธุระแถวนี้เลยแวะมาที่นี้สักหน่อย”
“อ๋อ” ผมหันหน้ากลับไปมองที่ท้องฟ้าสีดำเหมือนเดิม
“นายคงรู้เรื่องของเสือแล้วใช่ไหม?” เขาถามขึ้น
“รู้แล้วละ” ผมตอบ พลางถอดหายใจ
“ขอโทษนะที่เราไม่ได้ไปบอกด้วยตัวเอง” เขาหันหน้ามาแล้วก้มตัวลงเล็กน้อย
“เราไม่ได้ว่าอะไรหรอก เราเข้าใจ”
“เรานึกว่านายโกรธเรา” เขาทำหน้าสำนึกผิด
อะไรที่ทำให้นายคิดว่าเราจะโกรธนาย” ผมถามพร้อมกับหัวเราะเล็กน้อย
“นายไม่ติดต่อไปหาเรา เราเลยนึกว่านายไม่อยากเจอเราแล้วเสียอีก”
“เออ...” ผมเอียงคอเล็กน้อยพลางคิดไตร่ตรองดูอย่างดีว่ามีหนทางใดบ้างที่ผมจะสามารถติดต่อกับเขาได้ แต่คิดไม่ออก
“นายไม่เคยให้ที่อยู่หรืออะไรทำนองนั้นเลยนะ” ผมพูดด้วยความสงสัย
“ทำไมเราจะไม่ให้” คำพูดของเขากลับทำให้ผมตกใจ
“เมื่อไหร่?” ผมพูดขึ้น
“คืนนั้นที่เราไปดูหนังกันไง เราเขียนเบอร์โทรศัพท์พร้อมกับ E-Mail เอาไว้ด้านหลังตั๋ว แล้วยื่นให้นายเก็บไว้”
“จริงเหรอ เราไม่สังเกตเลยว่าด้านหลังของตั๋วมีเขียนอะไรไว้”
“แปลว่าที่นายไม่เคยติดต่อหาเรา เพราะนายไม่เคยสังเกตดูด้านหลังตั๋ว” เขาพูดแล้วหัวเราะออกมาอย่างร่าเริง
“แต่วันที่นายให้ผู้หญิงที่ชื่อทิพย์มาหาเรา เธอพูดประมาณว่านายไม่อยากเจอกับเราอีกแล้ว เพราะนายไม่อยากคิดว่าเราเป็นเสือ” ผมพูดด้วยความเร็ว ไม่ได้สนใจเสียงหัวเราะของเขา
“ใช่ ดังนั้นเราจึงไม่อยากมาพบเจอนายในชีวิตจริงยังไงละ อย่างน้อยการส่ง E-Mail หรือโทรศัพท์ ทำให้เราไม่เห็นหน้าตาของอีกฝ่าย เราจะได้คิดว่านายคือตัวนาย ไม่ใช่เสือเพื่อนของเรา” เขาอธิบาย
“แปลว่านายอยากเป็นเพื่อนกับเรา โดยที่เราเป็นเรา” ผมใช้นิ้วหัวแม่มือชี้มาที่ตัวเอง
“ใช่แล้ว” เขาพยักหน้า
“เรานี่โง่จริงๆเลย” ผมพูดขึ้นมาเบาๆ
“ไม่หรอก คงเป็นที่ความเข้าใจผิดต่างหาก”
“ความเข้าใจผิดทำให้เราไม่ได้ติดต่อกับนายมาถึงห้าปี”
“แต่สุดท้ายเราสองคนก็มาเจอกันจนได้” เขาพูดแล้วลุกขึ้นยืน
“แล้วนายจะไปไหนเหรอ” ผมถามเมื่อลุกขึ้นยืนตามเขา
“กินข้าวหรือยังนาย” เขาหันหน้ามาถามพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย ผมส่ายหน้า
“ไปหาร้านอาหารกัน กินไปด้วย คุยไปด้วยคงจะดี” เขาพูดแล้วออกเดิน ผมเดินตามไปอย่างติดๆ
“ไปร้านกาแฟไหมละ” ผมถาม เขาหยุดเดินพร้อมกับเหลียวหลังมามอง
“ร้านเดิมก็แล้วกันนะ เราจะได้นั่งจับสลากผลักกันพูดเหมือนเมื่อห้าปีก่อนไง” เขาพูดพร้อมกับยิ้มตรงมุมปาก ผมยิ้มตอบ ในขณะเดียวกันเรือขนสินค้าลำใหญ่กำลังลอดเข้าไปใต้สะพาน
ผมคงไม่ได้เดินตามเส้นทางมาจนถึงสะพานพระรามแปด ผมเดินตามโชคชะตาที่คนบนฟ้าขีดให้มาเจอกับเขาอีกครั้งต่างหาก บางทีโชคชะตามักเล่นตลกกับคนเราอยู่เสมอ
สุดท้ายผมหวังว่าทุกคืนวันศุกร์ของคุณ คงเป็นคืนวันศุกร์ที่แสนพิเศษ ขอให้เป็นเช่นนั้นตลอดไป