เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น
ตอนที่ 13 : ถาม
ไป๋บิดขี้เกียจอย่างเบื่อหน่าย เมื่อคืนเขานอนดึกมาก เพราะกว่าจะได้หลับได้นอนก็เกือบตีหนึ่ง ประเด็นไม่มีอะไร เขามัวแต่หาเบาะแสเกี่ยวกับไอ้ 950 อะไรนั่นอยู่ ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว เขารู้แค่ว่ามันเป็นเพื่อนโรงเรียนเก่าของเขาที่สอบติดมหาวิทยาลัยเดียวกันกับเขาด้วย มันมีไลน์เขา และรู้เบอร์ห้อง ส่วนเรื่องจุดประสงค์ของมันเขายังไม่มั่นใจ มันอาจจะจงใจปั่นหัวเขาด้วยความต้องการบางอย่าง
“ไป๋”
“อ๊าว ไอ้โฟค มาทำไรวะ”
หนุ่มนักศึกษาแพทย์เอ่ยถามด้วยความสงสัย ตั้งแต่ตอนหลังที่เขาเอารถมาขับเอง เขาก็แยกกันไปเรียนกับโฟคนานแล้ว ไม่รู้ว่าจะติดรถมันให้วุ่นวายทำไม รถตัวเองก็มี
“พอดีมาเอาชีทที่เพื่อนพอดี เลยว่าจะชวนไป๋ไปเรียนด้วยกันเลย”
ยิ้มกว้างเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน วันนี้เขากับโฟคเรียนวิชาเดียวกันทั้งเช้าบ่าย ความจริงถ้าติดรถมันไปก็ไม่ลำบากอะไรมาก เพราะยังไงตอนเย็นก็เลิกเรียนพร้อมกัน เขาก็คงขอเกาะมันกลับมาได้อย่างไม่ยากเย็นในตอนขากลับ
“เฮ้ย ไม่ต้องก็ได้ กูเอารถไปดีกว่า” เขาตอบ
“ไหนๆ ก็ต้องเรียนด้วยกันทั้งวันอยู่แล้ว เดี๋ยวตอนเย็นกลับมาส่ง”
“อืมม”
“ทางเดียวกันไปด้วยกันดิ แค่นี้เอง” โฟคฉีกยิ้มแจกฟันขาว
“เออๆ ก็ได้ แต่ตอนเย็นต้องมาส่งกูด้วยนะ ห้ามลอยแพกูเด็ดขาด”
เขาตอบอย่างขี้เกียจต่อความยาวสาวความยืดพลางเอื้อมมือไปเปิดประตูรถพร้อมก้าวขึ้นไปนั่งข้างคนขับอย่างคุ้นเคย รถไอ้โฟคฉีดสเปรย์หอมฟุ้งเหมือนเคย
“ไป๋ไปค่ายผู้นำของมหาวิทยาลัยหรือเปล่า”
โฟคเอ่ยถามขึ้น เมื่อหักรถออกมาจากรั้วหอได้ไม่นาน หันมันมามองเขาแว๊บนึงก่อนจะหันไปสนใจกับการขับรถต่อ เขาลืมไปเลยว่าไอ้โฟคก็ต้องติดหนึ่งในคนที่มีสิทธิ์จะต้องไปค่ายอะไรที่ว่านี่
“น่าจะต้องไปหวะ เมื่อวานกูโทรไปคุยกับดาวคณะกูมาละ ติดแคสงานอีกตามเคย”
เขาโทรหาน้ำหอมเมื่อวาน น้ำหอมตอบปฏิเสธเขาอย่างที่เขาเดาไว้ไม่ผิด แต่คราวนี้เธอส่งตารางงานที่ต้องไปแคสให้ดูแบบแสดงความบริสุทธิ์ใจด้วย เขาก็สบายใจไปเปลาะหนึ่ง อย่างน้อยเธอก็ติดงานจริงๆ
“เหรอ ถ้าไป๋ไป เราก็คงไปมั้ง” มันตอบกลับมา
“เกี่ยวไรกับกูวะ” เขาถามกลับ
“ก็เราไม่ค่อยสนิทกับใคร ถ้าไป๋ไปด้วยก็ค่อยอุ่นใจหน่อยว่าอย่างน้อยก็มีคนรู้จักไปด้วยบ้าง” มันพูดพร้อมกับหันมายิ้มให้เขาหนึ่งทีถ้วน ไอ้โฟนนี่เป็นคนที่ยิ้มทั้งปากทั้งตาจริงๆ ดูเป็นรอยยิ้มที่โคตรจริงใจ
“เออๆ ไอ้อิฐกับไอ้เพียวก็ไปด้วยนะ เมื่อวานมันบอก ไอ้อิฐไปในฐานะเดือนคณะ ส่วนไอ้เพียวนี่มันทำงานอยู่สโมกลาง มันไปเป็นสตาฟของงาน” เขาพูดเล่าไปเรื่อยเปื่อย ความจริงไอ้อิฐ ไอ้เพียว ไอ้โฟคก็เหมือนเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันไปแล้วตอนนี้
“อิฐกับเพียวนี่แปลกดีเนอะ เรียนวิศวะแต่มาสนิทกับไป๋กับเพียวเฉยเลย”
“เดี๋ยว มึงก็เรียนทันตะเปล่าวะ มึงยังมาสนิทกับกูได้เลย”
“ไม่ แต่เราก็เรียนห้องเดียวกับไป๋ไง ส่วนอิฐกับเพียวนี่แทบจะเรียนไม่ตรงกันเลย”
“เออ ไม่รู้มันเหมือนกัน เดี๋ยวพอขึ้นปีสองก็คงห่างๆ กันไปมั้ง ทั้งมึงทั้งไอ้อิฐไอ้เพียวแหละ เข้าคณะแล้วก็คงไม่ค่อยได้เจอกันแล้ว”
“ไม่หรอก” อีกเสียงตอบด้วยเสียงเบา
“ว่าไงนะ” เขาถามกลับแบบไม่ค่อยได้ยิน
“เปล่าๆ ไม่มีอะไร”
“ไป๋ ถามไรหน่อยดิ”
เสียงอีกคนสูดหายใจลึกก่อนจะพูดออกมาเหมือนต้องรวบรวมความกล้าอยู่อย่างนั้น มันจะถามอะไรเขา ดูจากท่าทางแล้วไม่น่าจะเป็นเรื่องดี
“ว่า”
“คือเพื่อนเราชอบไป๋” เสียงนั้นพูดออกมาหลังจากเงียบไปอึดใจหนึ่ง
“หืม”
“คือเพื่อนเราชอบไป๋ มันฝากเรามาถามไป๋ว่าไป๋มีแฟนหรือยัง”
เขาว่าเขาไม่ได้ตาฝาดไป แต่หน้าขาวๆ ของไอ้โฟคมีแววแดงระเรื่อขึ้นเล็กน้อย ไก่อ่อนจริงๆ หวะ นี่ขนาดถามให้เพื่อนยังหน้าแดงขนาดนี้ ถ้าเป็นเรื่องของตัวเองจะหน้าแดงขนาดไหน
“บอกเพื่อนมึงไปเหอะว่าอย่าสนใจกูเลย” เขาตอบเรียบๆ
“ทำไมวะ ไป๋มีแฟนแล้วเหรอ” มันดูหน้าเสียไปเล็กน้อย
“เปล่า”
“อ๊าว”
“กูไม่ค่อยสนใจเรื่องความรักหรอกหวะ มึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบวุ่นวายกับคนอื่น กูไม่ชอบให้ใครมาสนิทกับกูมากๆ กูรำคาญหวะ” เขาตอบไปตามตรง ใช่ เขาไม่ชอบสนิทกับใครมากเกินไปจริงๆ
“แต่ก็แปลว่าไป๋ยังโสด” มันซักต่อ
“ก็โสด แต่ไม่อยากมีใครหวะ กูว่าชีวิตกูแบบนี้ก็ดีแล้ว” เขาตอบด้วยความสัตย์จริง
“แปลว่าเพื่อนเราก็ยังมีโอกาสอะดิ”
“ฝากไปขอโทษเพื่อนมึงด้วยหวะโฟค กูไม่ได้หยิ่งนะ แต่กูไม่อยากมีใครจริงๆ กูเป็นมนุษย์ประหลาดหวะ ไม่ค่อยเหมือนคนอื่นเท่าไหร่ บอกเพื่อนมึงไปมองคนอื่นเหอะ” เขาพูดด้วยเสียงหนักแน่น
“เหลืออีกข้อหนึ่ง”
“ว่ามา”
“เพื่อนเราฝากมาถามว่า...” มันเงียบไปเหมือนกำลังจะตัดสินใจ
“ว่า”
“ไป๋ชอบผู้หญิงหรือผู้ชาย”
ทันทีที่คำถามจบลง รถทั้งคันก็ตกอยู่ในความเงียบ พาหนะคันหรูพาพวกเขามาเทียบท่าที่ลานจอดรถของมหาวิทยาลัยพอดี แต่ดูเหมือนว่าคนทั้งคู่ในรถคันนี้ยังมีประเด็นที่ติดพัน
“คำตอบเหมือนข้อแรก”
“เราไม่เข้าใจ”
“คำตอบคืออย่ามาสนใจกูเลย เชื่อกูเถอะ กูไม่ใช่คนที่มีค่าพอจะให้ใครมาสนใจหรอก บอกเพื่อนมึงลองมองดูคนอื่นดีกว่า กูไม่เหมาะสมกับใครหรอก” เสียงของเขาเรียบเย็นกว่าทุกที
“โกรธเราเหรอ” เสียงของมันดูหมองไปถนัดใจ
“เปล่านะ” เขาตอบ
“เดี๋ยวเพื่อนเราจะทักไปแนะนำตัวนะ มีอะไรก็คุยกับมันดูแล้วกัน”
เขาพยักหน้าเออออรับคำไป การปฏิเสธคนตรงหน้าไปก็อาจจะไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา บางที รอพูดกับเจ้าตัวเองเลยจะง่ายกว่า ไป๋ตัดสินใจเอ่ยอำลาสารถี เขาว่าจะไปเดินเล่นเงียบๆ คนเดียวสักหน่อย เขาอยากคิดอะไรแบบเป็นส่วนตัว
CLEAN FOLK : สวัสดีนะไป๋ เราชื่อโฟค เราเรียนอยู่ปี 1 คณะทันตแพทยศาสตร์ ยินดีที่ได้รู้จักนะ : )
เสียงโปรแกรมแชตสีเขียวดังร้องเตือนขึ้นตั้งแต่เขายังไม่ทันปิดประตูรถดี ชายหนุ่มก้มมองประโยคที่ทักมาก็ได้แต่ขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ ขาที่ตั้งใจจะก้าวออกไปจึงตัดสินใจก้าวกลับขึ้นมานั่งบนรถที่ยังจอดอยู่อีกครั้ง
“ไม่ตลกไอ้โฟค มึงหมายความว่าอะไร” เขาพูดขึ้นเมื่อปิดประตูเป็นที่เรียบร้อย
“ไป๋ อย่าโกรธเรานะ” อีกฝ่ายตอบเสียงเบา
“กูจะไม่โกรธถ้ามึงเลิกเล่นปั่นหัวกูแบบนี้เนี่ย มันไม่ขำนะเว้ย” เขาบ่นแบบหงุดหงิด
“เราไม่ได้ล้อเล่นไป๋ เราไม่เคยล้อเล่นเลย”
“มึงกำลังจะบอกอะไร” เขาหันไปเผชิญหน้ากับไอ้เดือนทันตะที่นั่งอยู่ตรงเบาะคนขับในเวลานี้
“เราขอจีบไป๋ได้ไหม” มันพูด มันพูดด้วยสีหน้าที่แดงกว่าเดิมอีก
“ไอ้โฟค!”
“ไป๋ไม่ชอบผู้ชายเหรอ” เสียงนั้นพูดมาด้วยระดับความดังที่เบาจนแทบกระซิบ
“เฮ้อ กูบอกว่ากูไม่สนใจใครไง” เขาตอบพร้อมถอนหายใจยาว จะโกรธก็โกรธมันไม่ลง
“ไป๋ไม่ต้องสนใจเราก็ได้ แต่เราขอจีบไป๋ได้ไหม” มันส่งยิ้มให้เขา แต่ยิ้มรอบนี้ดูแห้งแล้งกว่าทุกที
“มึงจะมาเสียเวลากับคนอย่างกูทำไมวะไอ้โฟค มึงก็รู้ว่ากูเป็นคนยังไง” เขาเอ่ยออกมาอย่างไม่เข้าใจ
“เราไม่เคยคิดว่ามันคือการเสียเวลาเลย” มันพูดด้วยสีหน้าที่ดูมีความหวังขึ้นมานิดหนึ่ง
“โฟค กูขอพูดอีกครั้ง คนอย่างกูไม่มีคุณค่าพอให้ใครมารอคอยหรอก อย่าเสียเวลากับกูเลย กูเห็นว่ามึงเป็นเพื่อนคนนึงนะ กูรู้ว่าปลายทางมันจะจบยังไง กูไม่อยากให้มึงดันทุรัง”
“ไม่ต้องชอบเราก็ได้ไป๋ เราแค่โอกาสให้เราได้พยายามก็พอ” มันกลับมาฉีกยิ้มกว้างอีกครั้งแล้ว
“มันคือเรื่องของมึงหวะ กูก็คงไม่มีสิทธิ์ห้าม แต่ไม่ว่ายังไงกูก็ยืนยันคำเดิม กูไม่คิดจะมีใครจริงๆ หวะ ขอโทษด้วยที่ทำให้มึงเสียเวลา”
เขาพูดพร้อมเปิดประตูเดินออกไปจากรถคันนั้น เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกอย่างไร แต่ขอโทษจริงๆ หวะ เขาเป็นคนแบบนี้จริงๆ
นายพินต้า
ติดตามและพูดคุยกับนักเขียนได้ที่
www.twitter.com/ninepinta คนอ่านอาจจะรู้สึกว่าบางตอนสั้นไปหน่อย แต่จำนวนคำมันเยอะนะ แค่ดำเนินเรื่องแบบต้วมเตี้ยม จำนวนคำที่ลงแต่ละวันอาจจะไม่เยอะมาก เพราะแบ่งมาอยากจะลงทุกวัน เหมือนคนอ่านเป็นเพื่อนในกลุ่มไป๋ ค่อยๆ ดูพัฒนาการไปทีละนิดๆ ทุกวัน เรียนรู้เรื่องราวไปด้วยกัน ยังไงก็ขอกำลังใจด้วยนะ รออ่านคอมเม้น ไม่มีเม้นแล้วหนูเหงา T^T ปล. วันนี้มาแต่หัววันเพราะไปธุระกลับดึก กลัวคนอ่านรอนาน >///<