บทส่งท้ายภูมิประเทศรอบตัวพจน์แปรเปลี่ยนเป็นริมฝั่งมหานทีคันธามาส ในราตรีมืดหม่น เจ้ากาวียืนเหนือกรวดทรายด้วยเท้าเปลือยเปล่า รอคอยบางสิ่ง
ความหวัง “ผู้พยากรณ์”
กาวีผินเสี้ยวหน้าประดุจซากศพซีดเผือด ทั้งหัวใจป่นปี้ นัยน์ตาช้ำกราดมองจอมปีศาจใต้ผ้าคลุม
“เจ้าโกหก” จอมปีศาจไร้คำเจรจา มันยาตราด้วยเท้าเปล่าอย่างเดียวกับคู่สนทนา เอื้อมหัตถ์หมายประพฤติกิริยาปลอบประโลม กาวีเซหลบขุ่นแค้น
“สินะกาวีเอ๋ย ข้าจักเฉลยความจริงแท้ให้เจ้าตรึกตรอง นางมเหสีในพระเจ้าอนันตราช ลอบกระทำนำเลือดสัตว์ซึ่งตกต้องตายอย่างทนทรมานราดรดโคนต้นลีลาวดีมาเนิ่นนานสามสิบราตรี แลพระเวทมนตราเสน่หาประจวบมีท่อนหนึ่งคลึงคล้ายลีลาทมิฬอาถรรพณ์ จึ่งส่งพันธุ์ช่อบุปผาถูกปลุกเสกเป็นอาวุธร้าย”
“แกรู้อยู่แล้ว ใช่ ฤา ไม่ ว่าพระอัครมเหสีลอบกระทำต่ำช้ามาก่อนล่วง จึ่งได้ชักลวงข้าให้นำพระเวทบทนั้นมอบทูลถวาย แท้จริงแกหมายให้วัชระต้องแดดาย จึ่งกลายเป็นข้าคือผู้ลงมือสังหาร”
“ด้วยคำสัตย์ หากข้าจอมมารกระทำดั่งเจ้าหมิ่นแคลน ความพินาศนั่นแล้วจักบังเกิดมี ข้ามิได้รู้ สินะกาวี มิได้เฉลียวใจ แต่...” เจ้ากาวีทรุดเข่าแนบพื้นทราย สายน้ำคันธามาสซัดกรวดว่ายขยับกลิ้งเคลื่อน องครักษ์หนุ่มกำหมัดทุบพื้นทรายครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งชกอกตีศีรษะระบายระทมทุกข์ จอมมารเอื้อมหัตถ์ซีดเซียวลูบโลมเกศา แล้วว่า
“แต่...ข้า ผู้เข้าใกล้วิถีอมตะยิ่งกว่าใครอื่น สามารถช่วยเจ้าได้ เพียงเจ้ามอบคำพยากรณ์ชีวิตข้าที่ต่างไปจากหนแรก โคลงพยากรณ์ที่ดีกว่า”
“ท่านชุบชีพเจ้าวัชระได้หรือหาไม่ ปลุกเขาตื่นจากความตาย” ผวาคว้าชายผ้าคลุมดำวอนขอ หน้านองน้ำตา เจ็บช้ำแก่นอุรา หลงลืมโคลงพยากรณ์พลิกชะตาเสียสิ้น
“ข้ามีอำนาจนั้น สินะกาวี” จอมมารแย้มโอษฐ์พึงใจ “เพียงเจ้ารับใช้ข้า เมื่อเพลานั้นมาถึง สิ่งที่เป็นของๆข้ากลับคืนครบถ้วน แม้นเนิ่นนานเท่าใด วัชรโกมลจักฟื้นคืนดังเจ้าประสงค์”
ดำรัสตรัสหนักแน่นเป็นเหมือนแผ่นหินศิลายึดเหนี่ยวความหวัง เจ้ากาวีก็เร่งพยักหน้าน้อมรับคำทั้งสิ้นทั้งปวง หวังเพียงอย่างเดียว คือได้เห็นเจ้าวัชระยอดชีวิต ยอดดวงใจฟื้นตื่น มาตรแม้นนานชั่วกัปกัลป์ก็ยินยอม
หมอกควันความทรงจำสิ้นสุด ฉุดภาพทั้งหลายหายลับ เหลือเพียงบรรยากาศเยือกเย็นในเรือดำน้ำ ทุกคนก้มหน้าจ้องฝ่ามือตัวเอง ไอ้น้ำยังร้องไห้ไม่หยุดโดยมีภามภพเป็นผู้ปลอบ
“ขอบใจนะ ไอ้กัน”
นิธิ สินะกาวี“อะไรนะ ไอ้พจน์” ปาล์มผู้อยู่ข้างเคียงซักถามเป็นห่วง พจน์เลื่อนสายตามองไอ้เพื่อนสนิท เขาเคยหลงรักมันโดยไม่รู้ตัว แต่บัดนี้พจน์รู้แน่แท้แล้วว่าตัวเองรักใคร
“ขอบใจมึงมาก ไอ้ปาล์ม สำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง” มันมองตอบพจน์ค้นหาความหมายในคำพูด “มึงด้วยนะ ไอ้ภาม” เจ้าของชื่อทอดสายตาแล้วพยักหน้า ภพดนัยกำมือดาวไว้ ธนพลสะอื้นไห้ ศาสตราจารย์วิชัยสบตาหลานชาย ทุกคนยังคงถูกสายรัดนิรภัยตรึงไว้กับเก้าอี้ มีชาญณรงค์เป็นผู้บังคับเรือ
“แกรู้คำตอบแล้วหรือ ตาพจน์” เด็กหนุ่มตอบรับคำคุณปู่ จดจ้องผลึกสีนิลแตกละเอียดในกำมือ
หมอกควันขาวลึกลับผุดเป็นละอองไอเย็นยะเยือก ความรู้สึกสั่นสะเทือนเหมือนตอนพจน์ข้ามพิภพเป็นหนแรกแทรกเข้าปกคลุม บดบังทุกคนที่พจน์รักลับจากสายตา นำพาเขาทะยานผ่านสายน้ำมหาสมุทรเย็นเยียบ กระแสน้ำเค็มเลียบเล็มไล้ผิวกายเจ้าหนุ่มทุกอณูสัมผัส สรรพเสียงดั่งแหวกว่ายผ่านคลื่นน้ำกระทบโสต เย็น สงบ ดุจใจพจน์เสมอกัน ชั่วระยะหนึ่งจึ่งทะลึ่งพรวดพ้นผืนน้ำ เหินลอยล้ำผ่านคลื่นอากาศบริสุทธิ์ ลมเย็นโอบล้อมกายดั่งสหายรัก ปุยเมฆขาวพร่างพราวดาวเดือนเกลื่อนท้องนภา ต้นไม้ใบหญ้าเหนือผืนดินกว้างใหญ่ แผ่นทวีปใหม่วางอยู่ใกล้แลไกลเบื้องล่าง แล้วเจ้าลมจึงพัดวางพจน์ลงกลางลานเทวาลัยแห่งหนึ่ง แวดล้อมด้วยต้นลีลาวดีชูช่อดอกขาวสะพรั่ง กระถางเหล็กบรรจุกองไฟวางเรียงเป็นแนวทางเดินจรดซุ้มประตูทางเข้าลวดลายอ่อนช้อย
บุรุษผู้หนึ่งแต่งภูษาผ้าคล้องไหล่สีขาวบริสุทธิ์หันหลังให้พจน์ เขาเร่งฝีเท้าเข้าหาด้วยใจระทึก คนผู้ยืนคอยอยู่สัมผัสรู้ถึงผู้มาเยือน จึงขยับเขยื้อนผินหน้ามาหา
พจน์จำได้แล้ว เช่นเดียวกับพระเจ้าวัชรโกมลตรัสบอกกาวี
จำได้แล้วว่า ก่อนวัชรโกมลจะถูกโจรป่าดักปล้นระหว่างทางนั้นเกิดสิ่งใดขึ้นวัชรโกมลอุปราชเมืองมนุษย์อาสาพ่ออยู่หัวเข้าลอบสืบราชการลับ ณ อาณาจักรคนธรรพ์ จึ่งปลอมองค์เป็นพ่อค้าแต่งเกวียนแสร้งทำติดต่อค้าขาย แท้จริงหมายประสงค์สืบข่าวคราวภายในกรุงอนันตาทมิฬ ด้วยแว่วยินว่า กษัตริย์คนธรรพ์มีพระประสงค์ก่อสงครามขยายพระราชอาณาเขต ระหว่างตั้งเกวียนค้าอยู่ด้านท้ายตลาด ผู้คนซื้อหาแน่นขนัด แต่หว่างกลางชุมนุมชนบังเกิดมีหนุ่มรุ่นๆผู้หนึ่ง แม้นแต่งกายด้วยอาภรณ์มอซอเก่าคร่ำ แต่ผิวพรรณผุดผ่องกำยำ ดุจมิเคยต้องแสงพระอาทิตย์กรำงานหนัก ทั้งเครื่องหน้าหมดจด เปล่งรัศมีผ่องเหนือกายคนทุกผู้เป็นที่สะดุดตากระนั้น ทำเอาวัชรโกมลเผลอหยุดจ้องอยู่นาน กระทั่งมีนักเลงประจำย่านร้านตลาดเห็นเจ้าคนผุดผ่องเป็นที่ขวางหูขวางตาจึ่งแสร้งขัดขาหมายใจชวนวิวาท เจ้านักเลงเห็นอีกฝ่ายล้มหน้าคว่ำเซกราดสมคะเนก็ชวนพวกตัวเหเข้ากลุ้มรุม แต่พวกที่มาด้วยเจ้าผุดผ่องยกเท้ายันเข้าช่วยได้ทัน ก่อเหตุตะลุมบอนเป็นที่เอ็ดอึง แผงค้าขายพินาศตามทิศวิวาท จวนถึงแผงร้านวัชรโกมล ยังไม่ทันออกปากข้ารับใช้ที่มาด้วยให้ช่วยเก็บของ ประพฤติคะนองก็ลามมาถึงร้านตนทันที เจ้าผุดผ่องยกเท้าถีบ ทั้งบีบง้างหมัดซัดชกคู่แค้นเป็นสามารถ แต่กำลังฝ่ายตัวมีน้อยผิดต่างหมู่นักเลงท้องถิ่น ซ้ำโดนรุมหนึ่งต่อสองกระนั้นเรี่ยวแรงแม้นกำยำกรำอาวุธมาจนเชี่ยวก็ต้องมีอันลดทอนลง วัชรโกมลเห็นผู้มิได้ริเริ่มก่อเหตุต้องพลอยโดนภัยกระนั้นก็ชักดาบโจนเข้ารับไม้พอง พอนักเลงวรรณะต่ำต้องมาสบกับอาวุธดาบคมกริบไม่เคยเห็น ทั้งฝีมือคล่องแคล่วพอตัวก็รับมือได้ไม่เต็มที่ ชวนเพื่อนร่นถอยไม่เป็นกระบวน ข้ารับใช้วัชรโกมลก็ออกรับดุจเดียวนายตัว จนพวกนักเลงทั้งคลานหนีไม่เป็นท่า หันเหลียวมาทางเจ้าผุดผ่อง เหม่อมองเลือดกลบปากอ้าค้าง วัชรโกมลจึ่งสำคัญคิดได้ว่าผ้าโพกศีรษะคลุมหน้าบังเกิดหลุดลอยระหว่างออกอาวุธก็หลบหันมิให้เจ้าคนผุดผ่องเห็น หมายจะเดินหนี พยักหน้าให้พวกตัวเดินปรี่ไปยังเกวียน มิได้สนเก็บของอันเสียหาย
“ดูก่อนเถิด น้องท่าน”
ติดตามคว้าข้อมือผู้มีบุญคุณได้ก็กล่าวคำทัก วัชรโกมลสะดุ้งไม่นึกว่าจะมีผู้ใดอาจหาญแตะเนื้อต้องตัวตนเช่นนั้นก็ยกดาบข่มให้ปล่อย แต่เจ้าหน้าผุดผ่องกลับยิ้มระรื่นแฝงความนัยผ่านสายตา ยั่วโกรธาให้วัชรโกมลสะบัดขืนตัว
“ปล่อยเรา หาไม่มือเจ้าเห็นจักต้องลงไปกองคลุกกับธุลีดิน”
“กระทำเถิด หากใจน้องท่านประสงค์ดั่งว่า พี่นี้จักไม่ร้องให้เป็นที่ติฉินอายชาติบุรุษ” ยกยิ้มพึงใจ คิ้วแตกเป็นแผลยังหัวเราะขันอยู่ได้พิลึกคนนัก วัชรโกมลก็บิดข้อมือซ้ำยกดาบขู่เป็นคำรบสอง ชาวบ้านร้านตลาดเห็นการวิวาทยุติลงโดยเร็วกระนั้นก็มีอันหันหนีทำธุระตนต่อ ส่วนร้านค้าซึ่งพังพินาศก็ได้สินทรัพย์ปิดปากจากพวกที่มาด้วยกับเจ้าผุดผ่อง
“เมตตารับดอกลีลาวดีไว้เป็นของรางวัลแทนคุณด้วยเถิดเจ้า” วัชรโกมลเห็นบุปผากลิ่นละมุนในฝ่ามือหนาก็คลายอารมณ์โกรธ แลว่า
“เราไม่ประสงค์สิ่งทดแทนใด น้ำใจบุรุษชาตินักรบเพียงเห็นคนดีถูกกระทำลอบกัดดั่งนี้มิอาจทนได้ย่อมเป็นกิจของชายทุกผู้”
“ไม่เพียงรูปโฉมน้องท่านจักเลิศงามแล้ว จิตใจยังงามล้ำยิ่งกว่า วานเถิดหนาแจ้งนามแลรับบุปผาด้อยราคาไว้ด้วยจักเป็นคุณอย่างสูง” วัชรโกมลกดปากแน่น พิจารณารูปลักษณ์คนผู้ตนสู้เสี่ยงภัยเข้าช่วยโดยตลอด ก็พลันวูบโหวงในอก อ้ำอึ้งนิ่งคิดอยู่นาน
“ข้า...”
“ข้ายินว่าท้ายตลาดประตูวังทิศทักษิณ มีหนุ่มรูปงามค้าแพรไหมผู้หนึ่งเป็นที่โจษจันทั้งเวียงวัง หามีใครชังน้ำหน้าไม่ ซ้ำขายดีเป็นเทน้ำเทท่าร่ำลือนัก หวังประจักษ์ให้เห็นกับตาตนจึ่งดั้นด้นมาหา ครั้นเห็นวงพักตร์เจ้าวาณิชเพียงแวบหนึ่งจึ่งรู้ว่าคือ คู่ตุนาหงัน๑ในฝัน มิผิดตัว”
ครั้นเห็นอีกฝ่ายเกี้ยวพาลชอบกลกระนั้น ก็กระทืบเท้าเหนือเท้าเจ้าหนุ่มกายผ่อง แล้วยันซ้ำกลางแผงท้อง ต้องหลุดจากพันธนาการ วัชรโกมลได้ทีก็โหนอาชาควบม้าพุ่งผ่านหนีไป ติดตามด้วยบริวารรับใช้
วัชรโกมลคะนึงในถ้อยคำเจ้าผุดผ่อง นึกตรองแล้วพักตร์ร้อนผะผ่าว แต่เจ้าคนขาวปะครั้งแรกวัชรโกมลก็รู้สึกถูกชะตาอย่างประหลาด โดนพระบาทยันเต็มแรงถึงขนาดคงจุกมิใช่น้อย ตริแล้วก็ผุดรอยแย้มหวานโดยมิรู้องค์ หว่างนำขบวนติดสอยห้อยตามด้วยเกวียนบรรทุกสินค้าดั่งหนึ่งวาณิช ขับผ่านป่าเขารกชิดแม้นเป็นกลางวันบ่ายคล้อยแต่ร้างไร้ผู้คนสัญจรเป็นที่ผิดสังเกต ระแวดระวังมิได้หละหลวมแล้วก็เร่งขับอาชาผ่าน ทันใดกลุ่มคนชุดดำปิดบังอำพรางหน้าก็โจนพรวดเข้าขวางขบวน ขยายล้อมไว้แน่นหนา หัวหน้าโจรลักษณะไหล่กว้างสูงใหญ่ เหน็บทวนแหวกทางตรงเข้าหาวัชรโกมล พลางกล่าวว่า
“เพียงแรกพบสบตาผวาตื่น พระพี่ฝืนข่มใจไม่หันเห สุริยันจันทรามืดมัวเพ ลาเจ้าน้องจ้องเสสมันไพร” เพียงได้ยินกลอนพร่ำพลอดสอดนัยน์ตาก้อร่อก้อติกฉะนั้น วัชรโกมลก็จดจำได้ทันทีว่าเป็นเจ้าผุดผ่องกลางตลาด ใจหนึ่งนึกโกรธ แต่อีกใจกลับเต้นตึกๆพิกลนัก นิ่งฟังอยู่นานไม่ทันเจรจาตอบ เจ้าคนลักษณะอย่างหัวหน้าโจรก็พร่ำคำกลอนต่อ
“ดั่งห้วงกาลลาลับดับตะวัน ศัพท์เสียงพลันวูบเงียบกระสันไหว...”
“ไอ้โจรชั่วช้า” เจ้ากาวีหนุ่มชักม้าเข้าขัดขวางภัทรพจน์ยกยิ้มให้แก่บุรุษผู้ยืนอยู่เบื้องหน้าซุ้มทวารา คือใบหน้าอย่างเดียวกับเจ้าผุดผ่อง คือพระพักตร์พระเจ้าอนันตราช พระเจ้าพัชรพรรดิ พระเจ้าโกสันต์ และ... มาตะผินหน้าพินิจพจน์ด้วยพิศวง ชั่วครู่หนึ่งจึ่งเผยผุดพรายรอยยิ้ม พจน์โผกายเข้าอ้อมกอด
มาตะ คู่ครองทุกชาติภพ คู่รบคู่รัก คนซื่อผู้ภักดี- จบ -
_____________________________________
๑ คู่ตุนาหงัน : คู่หมั้น
_____________________________________
ช่วงพูดคุยตอบคำถามไม่รู้จะสรรหาคำพูดใดมาเกริ่นกล่าว นอกจากคำว่า ขอบคุณ ขอบคุณสำหรับผู้อ่านทุกๆท่าน หากไม่ได้พวกท่านทั้งหลาย นิยายเรื่องนี้คงไม่สามารถดำเนินมาถึงบทสรุปในตอนสุดท้ายได้ ทุกคำติ คำชี้แนะต่างๆผมจะเก็บไว้เป็นข้อมูลในการพัฒนางานเขียนต่อๆไป ไม่อยากเอ่ยคำนี้จริงๆ ลาก่อน ครับ แล้วเราคงจะได้พบกันอีกในผลงานเรื่องถัดไป สวัสดี...
ปล. หากเวลาใดคิดถึงพจน์ มาตะ และตัวละครทุกตัวในเรื่องนี้ก็อย่าลืมแวะมาเยี่ยมเยือนพวกเขาบ้างนะครับ อย่าปล่อยให้พวกเขาอ้างว้างโดดเดี่ยว แม้นนิยาย ข้ามพิภพ จะจบลงแต่หวังว่าจะยังคงโลดแล่นอยู่ในใจของผู้อ่านทุกท่านตลอดไปมีปัญญาคาใจอยู่หนึ่งประโยค โจรคือใครอ่ะ 5555 พระเจ้าอนันตนคราช ก็ตายตามไปติดๆหรือ ตรงนี้ก็งงๆนะ
หวังว่าคุณจะได้คำตอบแล้วนะครับว่า ใครคือเจ้าโจรนั่น ส่วนพระเจ้าอนันตราชทรงสวรรคต ณ วินาทีนั้นหรือเปล่านั้น ยังครับ ทรงมีพระชนม์ชีพต่ออีกหลายปี แต่ไม่มีวันใดจะทรงลืมวัชรโกมลจวบลมหายใจสุดท้าย ขอบคุณจริงๆครับที่ติดตามอ่านมาจนถึงตอนจบนี้ ไม่มีสิ่งใดตอบแทนนอกจากคำคำนี้จริงๆ ขอบคุณ ขอบคุณมากๆครับ แล้วถ้ามีโอกาสคงได้มีผลงานให้ติดตามกันอีก
อ่ออิ เข้าใจแล้ว ถึงอดีตชาติของทั้งสองคน เศร้ามากกกก
ดีใจที่ช่วยคลายความสงสัยในใจคุณได้ สุดท้ายไม่มีคำใดจะเหมาะสมเท่ากับคำขอบคุณที่อุตส่าห์ติดตามนิยายขนาดยาวประมาณนี้จนถึงบทสรุป ไว้มีโอกาสคงได้มีงานเขียนเรื่องอื่นๆให้ติดตามอีกนะครับ
เห้อออ!! รักเมื่อมองจากอีกมุมหนึ่ง มันก้อมีเหตุผลของมันอีกเช่นกันอ่าเนาะ
ครับ จริงๆ ความรักมิได้มีมุมๆเดียว หากมองให้กว้างหลายด้านๆแล้วล่ะก็ เราจะพบคำตอบ พบหนทางดับปัญหาต่างๆได้ เพียงแค่ลองเปิดใจให้กว้างก็เท่านั้น ขอบคุณมากๆครับสำหรับการติดตามจนถึงขนาดนี้ หวังว่าจะได้มีโอกาสเข็นงานเขียนเรื่องอื่นมาสร้างอรรถรสให้คุณได้อีก สวัสดีครับ