IT is เต็มสิบ.20
ข้ออ้างของเต็มสิบมีเป็นร้อยเป็นพันในการสานสัมพันธ์กับธีรพล ทั้งข้ออ้างลืมจ่ายค่าอินเตอร์เน็ต เพื่อจะได้มีเวลาช่วงวันหยุดในการมาอยู่กับธีรพล ทั้งข้ออ้างเรื่องมาดูคอมพิวเตอร์ให้เพื่อจะได้พูดคุยกันในที่ทำงาน ทุกข้ออ้างที่ยกมาก็เพื่อให้ได้มาเห็นหน้า มาอยู่ใกล้ และบางครั้งก็แค่มากวนประสาทให้ธีรพลหงุดหงิดโมโหเท่านั้น น่าแปลกที่การทำแบบนั้น ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของคนสองคนที่ไม่น่าจะไปด้วยกันได้เจริญงอกงามขึ้นอย่างรวดเร็ว
การซ้อมเต้นครั้งสุดท้ายผ่านไปด้วยดี และเมื่อถึงวันจริงคนที่ไม่เป็นตัวของตัวเองและรู้สึกกระสับกระส่ายตื่นเต้นมากที่สุดไม่ใช่ธีรพล
“คุณโอเคมั้ย คุณไม่ตื่นเต้นใช่มั้ย ท่านี้คุณต้องส่ายเอวเยอะ ๆ นะ เข้าใจใช่มั้ย อีกอย่างนะคุณต้องเดินสลับแถวด้วย แล้วก็...”
เต็มสิบพูดกับธีรพลไม่หยุดและธีรพลก็เลิกคิ้วขึ้นสูงและหัวเราะออกมา
“อะไรของคุณ นี่คุณตื่นเต้นยิ่งกว่าผมอีกนะ”
เพราะกังวล เพราะกลัวว่าความพยายามทั้งหมดที่ผ่านมาจะสูญเปล่าเต็มสิบก็เลยต้องให้กำลังใจธีรพลอย่างเต็มที่
งานปาร์ตี้ปีใหม่ของบริษัท ถูกจัดขึ้นในเย็นวันหนึ่งก่อนจะถึงวันหยุดยาว พนักงานทุกฝ่ายต่างไม่มีใครยอมใคร ทั้งเสื้อผ้าหน้าผม พร็อพประกอบจัดมาอย่างยิ่งใหญ่เต็มที่ และฝ่ายประชาสัมพันธ์และฝ่ายไอทีก็ได้ร่วมโต๊ะเดียวกัน
“สวัสดีปีใหม่พนักงานที่รักทุกคน ขอขอบคุณความร่วมมือร่วมใจตลอดปีที่ผ่านมา ทุกความเหนื่อยยากลำบากนั้น ก็เพื่อทำให้องค์กรของเราพัฒนาและก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน คืนนี้ขอให้ทุกคนสนุกสนานกันให้เต็มที่ และขอให้ใช้วันหยุดยาวพักผ่อนกันอย่างเต็มที่ เพื่อจะได้มีกำลังใจในการต่อสู้ด้วยกันในปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงนี้ ขอให้ความสุขจงเป็นของท่าน ปีใหม่คราวหน้าเราจะจัดให้ยิ่งใหญ่กว่านี้ ขอเพียงแค่ทุกคนร่วมมือร่วมใจกันและพร้อมจะฝ่าฟันไปด้วยกันเพื่อองค์กรของเรา ดังนั้นเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ผมขอให้ทุกคนสนุกสนานกันอย่างเต็มที่ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป”
คุณไอศูรย์ประธานบริษัทไอศูรย์ขนส่ง กล่าวอวยพรปีใหม่ให้กับพนักงานทุกคนและเสียงปรบมือก็ดังขึ้นพร้อมกัน พิธีกรรับหน้าที่ต่อและงานปีใหม่ของพนักงานบริษัทไอศูรย์ขนส่ง ก็เริ่มขึ้น พนักงานทุกคนได้สนุกสนานกันอย่างเต็มที่หลังจากเหน็ดเหนื่อยมาด้วยกันตลอดหนึ่งปีเต็ม
+++
ใกล้ถึงคิวการแสดงของฝ่ายประชาสัมพันธ์และฝ่ายไอทีแล้ว ธีรพลมือเย็นเฉียบและตื่นเต้นมากตอนที่กำลังจะขึ้นเต้น และเต็มสิบที่มายืนอยู่ด้านหลังก็วางมือบนไหล่ของธีรพลและพูดให้กำลังใจ
“เหมือนตอนซ้อม สบาย ๆ เต้นให้สนุกไปด้วยกันนะ”
แค่เพียงคำพูดที่แสนเรียบง่ายและเต็มสิบก็ส่งยิ้มให้ แค่นี้ธีรพลก็มีกำลังใจอย่างล้นเหลือแล้ว และเมื่อไปยืนอยู่หน้าเวทีและเห็นสายตาของพนักงานทุกคนที่จับจ้องมองมา ธีรพลก็ยิ่งมุ่งมั่นจะทำให้เต็มที่ให้สมกับที่ตั้งใจเอาไว้
“หนุ่มฟ้อ หล่อเฟี้ยว มีผมคนเดียวรูปหล่อจริง ๆ นะเนี่ย”
ภาพของพนักงานชายจากฝ่ายไอทีและฝ่ายประชาสัมพันธ์ที่แต่งตัวด้วยกางเกงขาสั้นหลากสี และผูกโบว์หูกระต่าย ขึ้นเต้นอย่างสนุกสนาน ทุกสายตามองตรงไปที่ธีรพลประชาสัมพันธ์ที่หน้าตาดีที่สุดในบริษัทที่อยู่ในตำแหน่งเซนเตอร์บนเวที ธีรพลยิ้มกว้าง และเต้นอย่างสุดเหวี่ยงตามที่ได้ตามที่ฝึกฝนมาและเป็นที่ถูกอกถูกใจของพนักงานคนอื่น ๆ ด้วย
“พี่ธี น่ารักมากอ่ะ เต้นแบบนี้ก็ได้ด้วย”
“อีกแล้ว ปีนี้ก็เอารางวัลไปอีกแล้ว”
“ไอทีก็ใช่ย่อยนะนั่น ไม่เห็นรู้มาก่อนเลยว่าคุณเต็มสิบเขาเต้นเก่งขนาดนั้น”
ทุกท่าเต้นที่ฝึกมาอย่างหนักไม่มีตรงไหนผิดพลาด หลายครั้งที่ธีรพลหันไปเห็นสายตาและรอยยิ้มกว้างอย่างมีความสุขของเต็มสิบที่มองมายิ่งทำให้สามารถเต้นได้ไม่มียั้งและไม่นึกอายเลยสักนิดและพนักงานคนอื่น ๆ ที่มองมาก็หัวเราะและปรบมือตามอย่างสนุกสนานเพราะชอบใจการแสดงของฝ่ายไอทีและประชาสัมพันธ์ที่แสดงร่วมกัน
การแสดงจบลงแล้ว พร้อมกับเสียงปรบมือของพนักงานทุกคน
เต็มสิบมองไปที่ธีรพลอีกครั้งและธีรพลก็ส่งยิ้มให้กลับมา แตะมือเข้าหากันเมื่อความพยายามทั้งหมดสำเร็จและผ่านไปได้ด้วยดีและยกมือไหว้ขอบคุณสำหรับกำลังใจที่ได้รับ
“ต่อไปก็ไม่ต้องกลัวแล้ว เต้นได้ขนาดนี้”
โดนแซวและธีรพลก็หัวเราะออกมา พนักงานฝ่ายไอทีและฝ่ายประชาสัมพันธ์เดินลงจากเวทีแล้วและเมื่อมาอยู่ร่วมโต๊ะอาหารเดียวกัน ก็พูดคุยกันได้อย่างสนุกสนาน
“พี่ธี มีแต่คนชอบ หนูบอกแล้ว พี่ไม่เชื่อ เป็นไงล่ะ”
“คุณเต็มสิบ ขอบคุณจริง ๆ ที่มาร่วมกับฝ่ายประชาสัมพันธ์ ปีหน้ามาอยู่ด้วยกันอีกนะ”
“แบบนี้ต้องฉลอง ไชโย้”
ฝ่ายประชาสัมพันธ์และฝ่ายไอทียกแก้วขึ้นชนกันและฉลองกันอย่างมีความสุข
งานดำเนินมาจนถึงช่วงท้าย ฝ่ายไอทีและฝ่ายประชาสัมพันธ์ชนะการแข่งขันการแสดงในวันปีใหม่ตามที่คาดเอาไว้ งานปาร์ตี้ปีใหม่จบลงพร้อมเสียงหัวเราะและความสุข และเมื่อกลับถึงบ้านธีรพลก็ยังหัวเราะไม่หยุดเมื่อโดนเต็มสิบล้อเลียนไม่เลิก
“ไหนว่าเต้นไม่เป็น คุณหลอกผมชัด ๆ”
ไม่ได้หลอก แต่พออยู่บนเวทีแล้วไม่ว่าอะไรก็กลัวไม่ได้แล้ว อยู่บนนั้นถ้าไม่เต็มที่ตอนนั้นก็ไม่มีโอกาสแก้ตัวอีกแล้วก็เลยมีแรงฮึดและทำอย่างเต็มที่ให้สมกับที่ซุ่มฝึกซ้อมมานาน และเพื่อไม่ให้เสียชื่อประชาสัมพันธ์ที่ไม่ใช่แค่หน้าตาดีแต่ยังเก่งในการเรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะอีกด้วย
“ตอนนั้น ที่เต้นแล้วส่ายเอว แล้วเปิดเสื้อขึ้นมา กรี๊ดกันใหญ่”
ยังคงคุยกันอย่างสนุกสนานถึงเหตุการณ์งานปาร์ตี้ปีใหม่ที่ประสบความสำเร็จตามที่คิดเอาไว้ ธีรพลปลดกระดุมเสื้อออกและนั่งลงบนโซฟาและเต็มสิบก็ลงไปนั่งเหยียดขาอยู่บนพื้น
“แตงกวา มานี่ มานี่ คิดถึง คิดถึง”
ลากหมาโกลเด้นตัวใหญ่มาเล่นด้วย และลงไปนอนเกลือกกลิ้งกันบนพื้นเหมือนอย่างที่เคยทำ และธีรพลก็นั่งมองสิ่งที่เต็มสิบทำพร้อมรอยยิ้ม
“มองผมแบบนั้นทำไม ปลื้มผมมากเลยล่ะสิ”
ใช่
ยอมรับก็ได้ว่าปลื้ม เพราะว่าเต็มสิบคือส่วนหนึ่งที่ทำให้ชนะการแข่งขันในครั้งนี้
“ขอบคุณมากนะคุณเต็มสิบ”
“ผมขอเปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็นอย่างอื่นแทนได้มั้ย”
ไม่ใช่แค่พูด แต่เต็มสิบลุกขึ้นมานั่งบนโซฟากับธีรพลเรียบร้อยแล้ว และธีรพลก็อมยิ้ม เลิกคิ้วขึ้นสูง และมองหน้าของเต็มสิบนิ่ง ๆ
ไม่ได้เอ่ยถามว่าเต็มสิบอยากได้อะไร เพราะรู้ว่าแบบนี้ก็เหมือนเปิดทางให้เต็มสิบทำตามใจชอบ
ดวงตาสองคู่สบกันนิ่ง จากที่หัวเราะและพูดคุยกันอย่างสนุกสนานตอนนี้นิ่งมองกันอย่างจริงจัง ธีรพลกระพริบตามองหน้าของเต็มสิบ และเต็มสิบก็นิ่งมองใบหน้าของธีรพลนิ่งงันอยู่อย่างนั้น
ความสัมพันธ์ของคนสองคนเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วแต่พัฒนาไปไกลอย่างไม่น่าเชื่อแต่มันก็เกิดขึ้นแล้วจริง ๆ มีความรู้สึกมากมายส่งผ่านมาทางสายตาและธีรพลรู้ดีว่าหมายถึงอะไร
ฝ่ามืออุ่น ๆ แตะที่ข้างแก้มของเต็มสิบและลูบไล้เล่นแผ่วเบา และดวงตาของธีรพลยังคงนิ่งมองใบหน้าของเต็มสิบไม่ได้ผละจากไปไหน
“บางครั้งผมก็เป็นคนงี่เง่าคนหนึ่งนะ คุณรู้ใช่มั้ย”
คำพูดง่าย ๆ แต่ทำให้คนฟังยิ้มกว้าง และเต็มสิบก็จับมือของธีรพลที่แตะที่ข้างแก้มเอาไว้
“คุณไม่ได้งี่เง่าธรรมดา คุณโคตรงี่เง่า”
ธีรพลถึงกับหลุดเสียงหัวเราะออกมาด้วยความขำ และเต็มสิบก็หัวเราะตาม
“แต่ผมเองก็งี่เง่าไม่แพ้คุณเหมือนกัน ก็ถือว่าเราเสมอกันนะ”
นั่นสินะ บางทีแบบนี้คงเรียกว่าเสมอกัน
ธีรพลพยักหน้ารับและเต็มสิบก็ขยับกายเข้าหาธีรพลที่นั่งอยู่ จับมือของธีรพลเอาไว้ และโน้มใบหน้าเข้าหา แตะปลายจมูกที่ข้างแก้มของธีรพลเบา ๆ และผละออกห่าง นิ่งมองทุกกิริยาที่ธีรพลแสดงออกและธีรพลก็ทำเพียงแค่ก้มหน้าลงและถอนหายใจยาว ก่อนจะเงยหน้าขึ้นอีกครั้งและจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเต็มสิบอีกครั้ง
“คุณไม่ควรมองผมแบบนี้นะคุณธี”
“ไม่ให้มองแบบนี้แล้วจะให้มองยังไง”
แบบนี้เรียกว่ากวน แบบนี้เรียกว่าอ่อย เต็มสิบไม่แน่ใจว่าธีรพลรู้ตัวหรือเปล่าว่าทำแบบนี้มันเรียกว่าการเชิญชวนให้เข้าหา
“ผมหาเรื่องมาค้างบ้านคุณคืนนี้เพราะผมกะเอาคืนคุณให้เต็มที่จนกว่าจะหนำใจ เอาคืนที่คุณหลอกให้ผมขัดพื้น เปลี่ยนหลอดไฟ กวาดบ้านถูบ้าน อาบน้ำหมา ถางหญ้าหน้าบ้านแล้วยังจะ....อ่ะ”
เต็มสิบไม่สามารถพูดอะไรได้อีก ริมฝีปากถูกปิดสนิทเพราะริมฝีปากของธีรพลที่แตะประทับลงมาเพื่อหยุดการสนทนา
เพียงเท่านี้เต็มสิบก็เข้าใจความหมายที่ธีรพลแสดงออกมาทั้งหมดแล้ว
“ช่างไม่รักตัวเองเอาซะเลย”
เพราะรักตัวเองถึงยอมเสี่ยงเพื่อให้ได้คนดี ๆ มาอยู่ข้าง ๆ สิ่งที่ธีรพลทำทั้งหมดเกิดจากความตั้งใจและไม่ใช่เรียกว่าการไม่รักตัวเอง
ธีรพลหรุบสายตาลงและถอนหายใจยาว ไม่อยากพูดอะไรให้มากความอีก และเต็มสิบก็รั้งร่างของธีรพลให้ขึ้นมาคร่อมทับอยู่เหนือร่าง โอบกอดเอาไว้และสบตากับดวงตาที่มีแววหวั่นไหวคู่นั้น
ธีรพลไม่คิดจะขัดขืน และไม่พูดอะไรเลยสักคำ นอกจากยอมทำตามที่ใจต้องการ ริมฝีปากของคนสองคนเริ่มแตะสัมผัสพัวพันเข้าหากันอ้อยอิ่งเชื่องช้า กระดุมเสื้อสองสามเม็ดถูกปลดออกและเต็มสิบก็ประทับริมฝีปากลงบนลาดไหล่ของธีรพลเบา ๆ
ร่างสองร่างเริ่มเปลือยเปล่าเพราะเสื้อผ้าหลุดออกจากร่างกายลงไปกองบนพื้นเรียบร้อยแล้ว คืนนี้ยังอีกยาวไกล และเต็มสิบที่บอกว่าจะเอาคืนธีรพลหมดทุกสิ่งทุกอย่างจนคุ้มค่าก็ดูเหมือนว่ากำลังจะได้เอาคืนธีรพลอย่างที่ต้องการจนหนำใจอย่างที่พูดเอาไว้จริง ๆ
TBC.