มาแล้วจ้าาาาา ห่างหายกันไปนาน กราบขอโทษอย่างงามๆ U.U; ใครจำเนื้อเรื่องไม่ได้แนะนำให้ย้อนกลับไปอ่านตอนที่แล้ว555
EP.10
“พี่เหม”
“หืม?”
“นี่พี่ไม่คิดจะอ่านหนังสือสอบหน่อยเหรอ?” ผมถามไอ้พี่เหมขณะที่พวกเรากำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่ห้องสมุดของมหาวิทยาลัย ต้องบอกว่าผมเป็นคนอ่านส่วนไอ้พี่เหมก็นั่งเรื่อยเปื่อยไปมากกว่า ช่วงนี้ใกล้สอบกลางภาคแล้ว นักศึกษาส่วนใหญ่จึงเริ่มอ่านหนังสือกันบ้างแล้ว จริงๆผมก็ยังไม่อยากอ่านหรอกนะ แต่พอดีว่าช่วงว่าช่วงสอบมันจะเป็นช่วงที่อาจารย์สั่งงานมามากมายก่ายกอง ประดั่งประเดกันเข้ามาทีเดียวเลยทำให้ต้องแบ่งเวลาดีๆ ผมเลยต้องรีบอ่านตั้งแต่เนิ่นๆ ไม่งั้นเดี๋ยวจะอ่านไม่ทัน
“อ่านไปบ้างแล้ว” ไอ้พี่เหมตอบมือยังคงกดเกมส์ในโทรศัพท์ไม่เลิก ไม่น่าเชื่อว่าชิลๆแบบมันจะเริ่มอ่านหนังสือไปแล้ว ท่าทางพี่มันเหมือนพวกที่อ่านเอาไม่กี่วันก่อนสอบเลยอ่ะ
“ขยันเนอะ” ผมเองก็คงต้องรีบอ่านบ้างเหมือนกัน
“ไม่หรอก ถ้าไม่รีบอ่านกูก็ไม่มีเวลามาหามึงอ่ะดิ”
แม่งงงงงง เล่นกูอีกแล้ว
“เวอร์ล่ะ”
“กูพูดจริง” ไอ้พี่เหมหยุดเล่นเกมส์แล้วเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผม ทำให้ผมต้องเป็นฝ่ายที่หลบสายตาพี่มันแทน
เห็นแบบนี้กูก็เขินเป็นนะเว้ย!
“พี่นี่ก็ชอบหยอดผมจัง” พูดออกไปเสียงเบา หนังสือตรงหน้าอ่านไม่เข้าหัวผมอีกต่อไปเพราะตอนนี้สมองผมเต็มไปด้วยหน้าของไอ้พี่เหมแทน
แม่งเอ้ย! ไม่น่าบอกพี่มันว่าวันนี้จะมาอ่านหนังสือที่ห้องสมุดเลย
คืองี้ครับ…
วันนี้ตอนเช้าไอ้พี่เหมมันโทรมาหาผมครับถามว่าวันนี้จะไปไหนหรือเปล่า ไอ้ผมก็ไม่ได้คิดอะไรเลยตอบไปว่าจะมาอ่านหนังสือที่ห้องสมุดหลังจากนั้นก็คุยอะไรกันนิดหน่อยพี่มันก็วางสายไป เดี๋ยวนี้ไอ้พี่เหมมันเปลี่ยนมาโทรหาผมแทนที่จะคุยผ่านไลน์กันเหมือนเดิม เห็นพี่มันบอกว่าคุยไลน์มันเร็วไม่ทันใจ ครับ…หลังจากที่ผมมาถึงห้องสมุดยังไม่ถึงสิบนาที ไอ้พี่เหมมันก็โพล่มาเลย แถมยังตรงมานั่งกับผมโดยที่ไม่ได้สนใจสายตาของใครต่อใครที่มองมาเลยสักนิด ผมเองก็เริ่มชินที่โดนมองแล้วด้วยเลยไม่ว่าอะไรเริ่มหนังสือสอบวิชาแรกที่เตรียมมา ส่วนไอ้พี่เหมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นแต่พอเริ่มอ่านไปได้สักพักก็เริ่มเกิดความสงสัยขึ้นมา…
นี่ตกลงคุณมึงมาทำอะไรว่ะครับ?
ก็เลยเอ่ยปากถามพี่มันไปจนโดนหยอดกลับมาเนี่ย หลังจากที่เหตุการณ์ที่ผมไปทำงานที่หอของไอ้ป๋วยแล้วบังเอิญเจอไอ้พี่เหมจนพี่มันตามไปถึงห้องของไอ้ป๋วยนั้นก็ผ่านมาจะเกือบสองอาทิตย์แล้ว และแน่นอนว่าผมกับไอ้พี่เหมเจอกันเกือบทุกวันซึ่งส่วนใหญ่ไอ้พี่เหมจะเป็นฝ่ายมาหาผมมากกว่า มีแค่บางครั้งที่ผมไปนั่งรอมันเลิกเรียนที่ใต้คณะแล้วก็ไปกินข้าวด้วยกันหลังจากนั้นพี่มันก็ไปส่งผมที่หอ
ถ้าถามว่าความสัมพันธ์ระหว่างผมกับไอ้พี่เหมเป็นยังไง? ก็คงจะตอบได้ว่าไม่ใช่แฟนแต่ก็ไม่ใช่แค่รุ่นพี่กับรุ่นน้อง ผมเองก็อธิบายไม่ถูก ผมเองก็หวั่นไหวกับสิ่งที่ไอ้พี่เหมมันพูดและกระทำนะ แต่ผมแค่รู้สึกว่ายังไม่พร้อมที่จะเป็นแฟนกับพี่มันตอนนี้
ผมเองก็ไม่รู้…
เมื่อก่อนผมเคยชอบพี่มันก็จริง…แต่นั่นมันก็ต้อง 5 ปีมาแล้วนะ…
5 ปีที่ไม่เคยเจอกันอีกเลย…พอกลับมาเจอกันอีกครั้งแล้วจู่ๆจะให้ยอมเป็นแฟนพี่มันเลยมันจะไม่แปลกเหรอ?
ฮ่วยยยยย ทำไมผมถึงได้รู้สึกสับสนแบบนี้นะ?
“คิดอะไร? ทำไมถึงทำหน้าเครียดแบบนั้นล่ะ?”
คิดเรื่องคุณมึงนั่นแหละครับ!
สงสัยว่าผมจะคิดมากไปหน่อยเลยเผลอแสดงออกไปทางสีหน้าให้ไอ้พี่เหมเห็น
“ไม่มีอะไรหรอก” ผมตอบ ก้มลงไปอ่านหนังสือต่อพยายามทำเป็นไม่สนใจไอ้พี่เหมที่กำลังมองมา ไอ้พี่เหมไม่ได้พูดอะไรอีก ผมก็อ่านหนังสือไปเรื่อยๆ พอดูเวลาอีกทีก็ 5 โมงกว่าแล้ว นี่ผมอยู่ที่ห้องสมุดตั้งสี่ชั่วโมงกว่าเลยเหรอเนี่ย? ถ้าตัวผมตอนมอปลายมาเห็นคงจะต้องแปลกใจมากแน่ๆ ก็ห้องสมุดสำหรับผมตอนมอปลายมันก็คือห้องหลบร้อน หลบเรียนดีๆนี่เอง ไม่เคยจะใช้อ่านหนังสือจริงๆจังๆแบบนี้เลยสักครั้ง
เหลือบไปมองทางไอ้พี่เหมก็พบว่าพี่มันฟุบหน้าลงกับโต๊ะหลับไปเป็นที่เรียบร้อย เฮ้ออออ นับถือพี่มันเลยจริงๆ แค่ให้ได้มาเจอผมถึงกับยอมมานั่งเฉยๆที่ห้องสมุดตั้งสี่ชั่วโมงกว่า ถึงแม้ว่าห้องสมุดมันจะมีแอร์เย็นๆก็เถอะแต่ถ้ามาแล้วไม่มีอะไรให้ทำเป็นผมนี่เบื่อตายห่าเลย แต่น่ไอ้พี่เหมกลับไม่บ่นอะไรสักคำแถมยังนั่งเงียบๆไม่ได้รบกวนผม แต่ผมว่าพี่มันก็คงจะเบื่อมั่งนั่นแหละถึงได้ฟุบหลับอยู่แบบนี้ไง
แล้วแบบนี้จะไม่ให้ผมหวั่นไหวได้ยังไง…
รออีกไม่นานหรอกนะพี่เหม…ขอเวลาให้ผมได้คิดทบทวนอะไรนิดหน่อยนะ…
ผมเอื้อมมือไปจับที่กลุ่มผมของไอ้พี่เหมก่อนที่จะลูบเบาๆเพราะกลัวว่าพี่มันจะตื่น ปกติมีแต่พี่มันที่ชอบลูบหัวผม พอลองมาจับแบบนี้แล้วรู้เลยว่าทำไมไอ้พี่เหมมันถึงชอบมาลูบหัว ก็เพราะว่าผมของไอ้พี่เหมมันนุ่มสุดๆไปเลยน่ะสิ ผมไม่รู้หรอกนะว่าผมของตัวเองนุ่มแบบนี้หรือเปล่า แต่ผมของไอ้พี่เหมนี่ลูบแล้วเพลินมือดีชะมัด
“อืมม…” ไอ้พี่เหมขยับตัว ผมเลยชักมือกลับ พี่มันก็ค่อยๆลุกขึ้นมานั่งดีๆเหมือนเดิม หน้าตาง่วงงุนบ่งบอกว่าเพิ่งตื่นมาหมาดๆ นี่แสดงว่าพี่มันหลับจริงจังเลยสินะเนี่ย
“ตื่นแล้วเหรอ?” ผมเอ่ยถามพลางยิ้มล้อๆที่พี่มันเผลอมานอนหลับแบบนี้
“อื้อ” ไอ้พี่เหมตอบในลำคอพลางยกมือขึ้นมาขยี้ตา หัวฟูๆ หน้าตาง่วงๆนี่ก็ทำให้ไอ้พี่เหมดูดีไปอีกแบบนะ ผมเชื่อว่าใครหลายๆคนก็คงจะคิดแบบผมไม่เชื่อลองมองไปที่ผู้หญิงโต๊ะข้างๆสิ ผมเห็นเธอมองมาที่ไอ้พี่เหมตาค้างตั้งแต่ที่พี่มันลุกขึ้นมานั่งแล้ว หึหึ
“พี่นี่ทำอะไรก็ดูดีไปหมดเลยเนอะ” อันนี้พูดชมจริงๆนะ ไม่ได้แขวะแต่อย่างใด
“หลงเสน่ห์กูล่ะสิ?”
“หึหึ มั๊ง”
“ไอ้พลัมเดี๋ยวมึงจะโดนดี”
“อ้าว ผมทำอะไรผิด?”
“โทษฐานอ่อยกูไง”
“โหหหห เอาอะไรมาพูด พี่ต่างหากที่อ่อยผม” ผมบอกมือก็เก็บอุปกรณ์ลงกระเป๋า
“แล้วนี่มึงจะกลับหอเลยไหม?”
“อืมมมม ผมว่าจะแวะไปตลาดนัดก่อนกลับอ่ะพี่” วันนี้เป็นวันศุกร์พอดี ทุกๆวันศุกร์มหาวิทยาลัยของผมจะมีตลาดนัดมาตั้งครับ คนที่เดินส่วนใหญ่ก็จะเป็นนักศึกษาภายในมอนี่ล่ะ ผมเองก็ไม่ได้ไปเดินนานแล้วด้วยครั้งสุดท้ายที่ไปก็ตั้งแต่ช่วงรับน้องนู่น วันนี้เลยว่าจะไปเดินคลายเครียดสักหน่อย
“คนเยอะ” ไอ้พี่เหมบ่น
“พี่ก็ไม่ต้องไปสิ ผมไปคนเดียวก็ได้”
“ไม่เอา กูจะไปด้วย”
“เอ้า แล้วบ่นทำไมเนี่ย?”
“อยากบ่น”
“ครับๆ ว่าแต่จะไปด้วยกันใช่ไหม?”
“อื้ม”
ผมกับไอ้พี่เหมมาถึงตลาดนัดก็หกโมงเย็นพอดี คนกำลังเยอะเลยช่วงนี้ ส่วนใหญ่ก็ออกมาเดินหาของกินนั่นแหละครับ ไม่อยากจะโม้แต่ของกินที่นี่แต่ละอย่างน่ากินมาก ราคาก็ไม่แพงจนเกินไป น่าเสียดายที่ผมไม่ค่อยได้แวะมาเท่าไร มาคราวนี้ผมเลยแวะเกือบทุกร้านที่เดินผ่านจนไอ้พี่เหมต้องบอกให้ผมหยุดซื้อได้แล้ว
“มึงซื้อเยอะขนาดนี้จะกินหมดเหรอว่ะ?” ไอ้พี่เหมถามผมที่กำลังกินลูกชิ้นที่เพิ่งซื้อมาเมื่อสักครู่ นับแล้วก็ถือได้ว่าเป็นของกินร้านที่สี่ที่ผมแวะล่ะนะ
“หมดดิ”
“กูจะรอดูก็แล้วกัน”
พวกเราเดินดูของกินไปเรื่อยๆ คนที่ผ่านไปผ่านมาก็มองไอ้พี่เหมบ้างทั้งชายและหญิง แหงล่ะ ไอ้พี่เหมมันหล่อนี่ คนจะมองก็คงไม่แปลก
“พี่เหมอยากกินอะไรป่าว?”
ผมถามเพราะว่าตั้งแต่เดินมามีแต่ผมฝ่ายเดียวที่เป็นคนซื้อ ไอ้พี่เหมยังไม่ได้อะไรสักอย่าง
“เดี๋ยวกูกินกับมึงก็ได้”
“เฮ้ยอะไร จะมาแย่งผมกินเหรอ?”
“เชื่อสิว่ามึงต้องให้กูช่วยกิน” ไอ้พี่เหมพูดพลางมองถุงของกินในมือผม หลังจากร้านลูกชิ้นเมื่อกี๊ตอนนี้ในมือผมก็มีของกินเพิ่มมาอีกสองอย่างแล้วครับ
คิดไปคิดมาก็รู้สึกว่ามันชักจะเยอะล่ะ พอแค่นี้ก่อนดีกว่ามั๊ง
“งั้นเราไปเดินดูของอย่างอื่นกันไหม?”
“มึงชวนกู?”
“เอ้า! ก็อยู่กับพี่สองคนจะให้ชวนใครล่ะ” บ้าป่าว
“หึหึ แบบนี้มันก็เหมือนกับมาเดทกันเลยเนอะ” ไอ้พี่เหมยิ้ม เดินนำหน้าผมออกไป
เดี๋ยวนะ…
เดท?...
เฮ้ย!
“ไม่ใช่แล้วววววว ไอ้พี่เหมอย่ามั่ว” รีบวิ่งไปดักหน้าพี่มันเอาไว้ ไอ้พี่เหมหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ นี่แสดงว่าพี่มันจงใจแกล้งผมงั้นสินะ
“หึ ไม่ใช่ก็เหมือนใช่นั่นแหละ”
“?”
“ก็ตอนนี้เราเป็นแฟนกันไม่ใช่หรือไง?”
“ใช่ที่ไหนล่ะ!”
“แต่คนอื่นเค้าคิดว่าเราเป็นแฟนกันนี่ มาเดินตลาดนัดด้วยกันสองคนแบบนี้ก็เหมือนกับมาเดทนั่นแหละ”
เถียงไม่ออกเลยวุ้ย! จะว่าไปก็จริง… ถึงว่า…ทำไมถึงรู้สึกว่ามีคนมองน้อยลงจากช่วงแรกๆ ถ้าเป็นช่วงแรกๆที่ผมรู้จักกับไอ้พี่เหมนะ ไปไหนมาไหนก็มีแต่คนมอง มองแล้วก็มอง มองจนผมแทบจะบ้าตาย! แต่นี่ถึงแม้ว่าจะมีคนมองบ้างแต่ก็ไม่ได้เยอะเท่ากับตอนนั้น
นี่แสดงว่าทุกคนเค้าเชื่อกันสนิทใจเลยสินะว่าผมกับไอ้พี่เหมเป็นแฟนกัน!?
“เดทอะไร? ไม่ใช่สักหน่อย ว่าแต่พี่จะไปเดินดูของด้วยกันไหมเนี่ย?”
“ไปสิ”
“งั้นก็ห้ามพูดอะไรเดทๆแบบนี้อีก เรายังไม่ได้เป็นอะไรกันเว้ย!” พูดเสร็จก็หันหลังเดินออกมาเลย ไม่สนใจแม่งล่ะ เดี๋ยวจะเข้าตัวเองซะเปล่าๆ
“ปากแข็ง…”
“ผมได้ยินนะ!”
“อยากจะลองสัมผัสด้วยปากจัง…ว่าแข็งจริงหรือเปล่า”
“ไอ้พี่เหม!” กูได้ยินนะโว้ยยยยยย
พูดอะไรดูหน้ากูด้วย!
…แดงหมดแล้วมั๊งเนี่ย! ห่านนนนนนน
เราสองคนเดินดูของกันไปเรื่อยๆ ไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันหรอกครับเพราะผมก่ะจะมาซื้อของกินอย่างเดียว ส่วนของอย่างอื่นแค่ดูอย่างเดียวก็พอ
“พลัม”
“ว่า?”
“อยากได้เสื้อไหม?” ไอ้พี่เหมพูดขณะที่พวกเรากำลังเดินผ่านร้านขายเสื้อร้านหนึ่ง พอพี่มันถามผมก็เลยหยุดเดินมองเข้าไปในร้านก็มีเสื้อที่ถูกใจผมอยู่เหมือนกันเลยหันกลับไปถามไอ้พี่เหม
“พี่จะซื้อให้ผมเหรอ?”
“อยากได้หรือเปล่าล่ะ?”
“ก็ไม่นะ”
“งั้นเข้าไปดูกัน” พูดเสร็จพี่มันก็ทำท่าจะลากผมเข้าไปดูเสื้อในร้าน
“เฮ้ยพี่! ผมบอกว่าไม่อยากได้ไง” ผมพยายามยื้อตัวเอาไว้
“แต่กูอยากได้อ่ะ”
“งั้นพี่ก็ซื้อของตัวเองไปดิ”
“กูอยากซื้อให้มึงด้วย”
“แล้วพี่จะมาซื้อให้ผมทำไม?”
“ก็อยากให้ใส่เหมือนๆกันไง…”
“ห๊ะ!?”
“…ไม่ได้เหรอ?” ไอ้พี่เหมถามหน้าหงอยๆ โฮ่ยยยยยย เดี๋ยวนี้รู้สึกว่าคุณมึงจะอัพสกิลในการอ้อนเข้าไปทุกที ณ จุดๆนี้ผมจะทำอะไรได้ล่ะครับ นอกจาก…
“ก็ได้…แต่! ผมขออกตังค์เองครึ่งนึง” ผมไม่ชอบรับของมาฟรีๆครับ ของแบบนี้ถ้าออกเงินได้ก็ควรจะออกเงินเอง ไอ้พี่เหมเลิกทำหน้าหงอยจ้องหน้าผมนิ่งผมเองก็จ้องพี่มันกลับเหมือนกัน แสดงให้เห็นเลยว่าถ้าไม่ยอมให้ผมจ่ายผมก็จะไม่ซื้อเด็ดขาด
“เฮ้อออ ก็ได้”
“โอเค ถ้างั้นเราเข้าไปดูเสื้อกันเหอะ”
พอผมสองคนเดินเข้าไปในร้านคนขายก็ออกมาต้อนรับอย่างดี ผมว่าส่วนหนึ่งคงจะมาจากคนข้างๆตัวนี่แหละ… ไม่อยากจะยอมรับหรอกแต่ไอ้พี่เหมมันก็หน้าตาดีจริงๆนั่นแหละ แม่ค้าถึงได้มองมันตาเยิ้มซะขนาดนี้
นี่เจ้คงจะลืมผมไปเลยสินะ…
ผมเองก็หล่อนะเว้ย! มามองข้ามผมไปแบบนี้ได้ไง แต่ที่หมั่นไส้สุดก็คงจะเป็นไอ้พี่เหมนี่ล่ะ โดนจ้องอย่างกับจะจับกินซะขนาดนี้ยังทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้เลือกเสื้อสบายใจเชิบ
“พลัมอยากได้แบบไหน?”
ไอ้พี่เหมถามผม ทำให้ผมได้สติ ละสายตาจากเจ้าของร้านกลับมาที่ไอ้พี่เหม มองไปรอบๆร้านก็รู้สึกถูกใจอยู่แค่ตัวเดียวคือเสื้อยืดสีขาวธรรมดาที่สกีนตัวอักษรภาษาอังกฤษตัวพี่เล็กๆบริเวณหน้าอกข้างซ้าย ผมเป็นคนที่ชอบแต่งตัวง่ายๆครับ เสื้อผ้าไม่ต้องหวือหวาราแพงอะไรมากแค่นี้ก็โอเคแล้ว ผมเลยชี้ไปที่เสื้อตัวที่ถูกใจ
“ผมชอบตัวนี้อ่ะ เรียบๆดี”
“อืมมมม” ไอ้พี่เหมเดินเข้าไปดูเสื้อที่ผมบอกว่าชอบ เปิดๆดูเสื้อตัวที่อยู่ข้างหลังก็พบว่ามีตัวอักษรภาษาอังกฤษตัวอื่นๆอีก ไอ้พี่เหมหยิบเสื้อออกมาสองตัวคือเสื้อที่สกีนตัวอักษรตัวพีที่เป็นตัวย่อชื่อเล่นภาษาอังกฤษของผมกับตัวเอชที่เป็นตัวย่อของไอ้พี่เหมแล้วหันไปถามเจ้าของร้านที่กำลังเพ้อมองหน้าพี่มันอยู่
“มีตัวนี้ไซส์ L กับตัวนี้ไซส์ XL ไหมครับ?”
เจ้าของร้านได้สติรีบรับเสื้อจากไอ้พี่เหมไปดู
“รอสักครู่นะคะ” เธอบอกก่อนที่จะไปค้นไซส์เสื้อในกล่องที่อยู่หลังร้าน
“ทำไมพี่ถึงจะเอาไซด์นั้นอ่ะ?”
ผมถามเพราะว่าไซส์เสื้อที่สกีนตัวเอชไอ้พี่เหมมันดันถามหาไซส์ L แทนที่จะเป็นไซส์ XL ที่น่าจะเป็นไซส์ของพี่มันมากกว่า ส่วนเสื้อที่สกีนตัวพีพี่มันกลับถามหาไซส์ L แทน
“ก็จะเอามาให้มึงใส่ไง” ไอ้พี่เหมตีหน้ามึนตอบกลับมา
“?”
“เสื้อที่สกีนตัวเอชมึงก็ใส่ ส่วนเสื้อที่สกีนตัวพีกูก็ใส่ไง ไม่เห็นจะสับสนอะไร”
เดี๋ยวนะ…
แบบนี้มันก็เหมือนเสื้อคู่เลยอ่ะดิ!?
“แบบนี้มันก็เหมือนเสื้อคู่เลยดิพี่!”
“ถูก ก็เสื้อคู่ไง”
“เสื้อคู่อะไรของพี่ บอกแล้วไงว่าตอนนี้ผมกับพี่เรายังไม่ได้เป็นอะไรกัน”
ไอ้พี่เหมยกยิ้ม ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจของพี่มัน
“ตอนนี้ยังไม่ได้เป็น…”
“…” ก่อนที่จะเลื่อนใบหน้าไปข้างหูผมแล้วกระซิบเบาๆ
“แต่อีกไม่นานหรอก…มึงก็รีบใจอ่อนกับกูสักทีสิ”
จุ๊บ!
ไอ้พี่เหมพูดจบก็จุ๊บไปที่แก้มของผมเบาๆแล้วผละออกไปอย่างรวดเร็วจนผมได้แต่ยืนอึ้ง
อะ…ไอ้พี่เหม!
ฟัคยูววววววว!!
นี่มันตลาดนัดที่คนพลุกพล่านเดินผ่านไปมานะเว้ย! นี่คุณมึงทำอะไรลงปายยยยยย
“พี่ทำบ้าอะไรเนี่ย!?” ผมตวาดใส่ตัวต้นเหตุที่ตอนนี้ทำหน้ามึนไม่รู้ไม่ชี้อยู่ มองไปข้างนอกร้านก็ไม่มีใครมองอยู่แสดงว่าคงจะไม่มีใครเห็นสินะ
“ทำอะไรน่ะเหรอ? ก็จุ๊บไง”
“เรื่องนั้นรู้แล้วโว้ยยยย แต่พี่ทำแบบนี้ทำไมต่างหาก ที่นี่มันตลาดนัดนะ!”
“ก็ตลาดนัดน่ะสิ”
“พี่อย่ากวนดิ ไม่รู้ล่ะ พี่ห้าม! ทำแบบนี้อีกเข้าใจไหม?” ผมถามแต่เจ้าตัวกลับไม่ได้สนใจมองออกไปนอกร้านแทน
หน๊อย! อยากต่อยคนโว้ยยยย!
“ไอ้พี่เหม!”
“อะ…เอ่อ เสื้อที่ให้หาไซส์…ได้แล้วนะคะ…” เสียงของคนขายทำให้ผมเผลอสะดุ้งเบาๆได้สติกลับมาก่อนที่จะรีบหันไปมองที่เธอทันที
ชิบลอส….เมื่อกี๊นี้เจ้แกเห็นหรือเปล่าว่ะ?
แต่…ดูจากสีหน้าที่ติดจะแดงๆกับน้ำเสียงตะกุกตะกักแบบนี้แล้วไม่แคล้วว่าเจ้แกจะเห็นชัวร์ๆ
ส้นตีนมากกกกก!
“ทั้งหมดเท่าไหร่ครับ?” ไอ้พี่เหมถามเตรียมควักตังค์จ่าย
“320 บาทค่ะ”
“นี่ครับ แยกถุงให้ด้วยนะครับ” ไอ้พี่เหมยื่นแบงค์ห้าร้อยให้คนขาย พอรับตังค์ทอนกับถุงเสื้อเสร็จก็จูงมือผมออกจากร้าน
“พี่เหม มืออ่ะ” ไอ้พี่เหมไม่ตอบทำเป็นไม่ได้ยิน ผมเลยได้แต่ถอนหายใจเบาๆปล่อยให้พี่มันจูงไปเพราะแย้งไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา เพราะเวลาไปไหนมาไหนไอ้พี่เหมก็ชอบเอามือผมไปจูงตลอด ตอนแรกผมก็พยายามจะชักมือกลับหาเหตุผลร้อยแปดมาเถียงกับพี่มันแต่ยังไงไอ้พี่เหมมันก็ไม่ยอมปล่อยอยู่ดี พี่มันจะจับจนกว่าจะพอใจนั่นแหละหลังๆมานี้ผมเองเริ่มชินแล้วด้วย
"เรื่องค่าเสื้อเอาไงอ่ะพี่?" ผมยังไม่ได้ให้พี่มันเลยอ่ะ
“เดี๋ยวค่อยให้ทีหลังก็ได้แล้วนี่จะกลับหอเลยไหม?”
“พี่อยากได้อะไรอีกไหมล่ะ?”
“ไม่แล้วล่ะ”
“งั้นกลับเลยก็ได้ พี่จะได้ไปช่วยผมกินไอ้พวกนี้ด้วย” ผมชูถุงของกินห้าหกถุงในมือให้ไอ้พี่เหมดู พี่มันหัวเราะเบาๆ ก่อนที่จะยิ้มล้อผม
“ไหนตอนแรกกลัวกูแย่งกินไง”
“ก็ตอนนี้มันอิ่มแล้วนี่” พอเดินดูนู่นดูนี่ไปสักพักก็เริ่มลืมความหิว ก่อนหน้านี้ก็มีกินเล่นไปแล้วบ้างตอนนี้ก็เลยรู้สึกอิ่มๆ ดีนะที่ไม่เผลอซื้อเยอะไปมากกว่านี้
“ไปกินที่หอมึงล่ะกัน”
“จะไปห้องผมเหรอ?”
“ไปได้ป่ะล่ะ?”
“ไม่” ผมตอบทันทีอย่างไม่ลังเล ไอ้พี่เหมหัวเราะอีกแล้วก่อนที่จะเอื้อมมือมาดึงแก้มผมเบาๆ
“หึหึ กลัวกูทำอะไรมึงหรือไง?”
“เออ” เบือนหน้าหนีมือพี่มัน จะว่าไงดีล่ะครับ…ก็คงจะอย่างที่ไอ้พี่เหมบอกนั่นแหละ ถึงผมจะเป็นผู้ชายแต่ดูจากที่ผ่านๆมาถ้าไอ้พี่เหมมันคิดจะทำอะไรผมขึ้นมาคงจะทำได้อย่างไม่ยาก
เพราะฉะนั้นทางที่ดีให้พี่มันอยู่ห่างห้องผมนั่นแหละดีแล้ว
“ครับๆ งั้นไปนั่งกินที่ใต้หอมึงก็ได้” ก็ดี ใต้หอผมมีโต๊ะหินอ่อนเอาไว้ให้พวกนักศึกษานั่งเล่น หรือทำกิจกรรมอะไรก็ว่ากันไป ผมเห็นด้วยกับพี่มันเลยพยักหน้าตกลงไป
หลังจากนั้นไอ้พี่เหมก็มาส่งผมที่หอเหมือนเดิมแต่คราวนี้พี่มันเดินตามลงมาด้วยเพราะจะมานั่งกินของกินที่ซื้อมาจากตลาดนัด พอเอาของกินมากองรวมกันแบบนี้แล้วรู้สึกกลัวตัวเองตอนหิวชิปเป๋ง นี่เรียกได้ว่าซื้อดะเจออันไหนถูกใจก็ซื้อ รู้ตัวอีกทีก็แดกไม่หมด ผมเชื่อว่าใครหลายๆคนก็เป็นเหมือนผมเวลาหิวแล้วมีของกินให้เลือกซื้อจนเลือกกินไม่ถูก
“พี่เหมกินขนมเบื้องไหม?” ผมถามไอ้พี่เหมที่กำลังกินผัดมาม่าอยู่ๆ ในมือก็แกะถุงขนมเบื้องไปด้วย ร้านนี้เคยกินแค่ครั้งเดียว ผมว่าก็อร่อยดีคราวนี้เลยเผลอซื้อมาอีก
“ไม่ล่ะ มึงกินไปเหอะ”
“เยอะขนาดนี้ผมกินไม่หมดหรอก” เยอะจริงครับ เกือบครึ่งถุง กินหลายคนก็คงจะหมดอยู่แต่ถ้าคนเดียวก็มีเลี่ยนหวานกันบ้างแหละ
“แล้วซื้อมาทำไม?”
“ก็อยากกิน”
“เฮ้ออออ ชินเดียวพอนะ” ไอ้พี่เหมถอนหายใจตอบตกลงแบบปลงๆ
“ห้าชิ้น” ชิ้นเดียวก็แถบจะไม่ต่างจากเดิมน่ะสิ ในถุงมีตั้งสิบกว่าชิ้นได้ล่ะมั๊งเนี่ย ให้ผมกินที่เหลือคนเดียวก็ไม่ไหวมั๊ง แล้วก็ไม่อยากปล่อยให้มันเหลือข้ามคืนด้วยเดี๋ยวจะไม่อร่อยกันพอดี
“ไม่เอามันเลี่ยน”
“พี่ไม่ชอบกินหวานเหรอ?”
“อื้ม ชิ้นเดียวพอ”
“สามชิ้น”
“ไม่”
“สองก็ได้ นะๆ”
“…”
“พี่เหม~”
“หอมแก้มกูสิเดี๋ยวช่วยกินสามชิ้นเลย” ไอ้พี่เหมพูดทำหน้าเจ้าเลห์
“ใครจะไปทำ! ชิ้นเดียวก็ชิ้นเดียวที่เหลือเดี๋ยวเก็บไว้กินพรุ่งนี้ก็ได้” กูไม่หลงกลมึงหรอกเว้ย
“หึหึ ล้อเล่นน่า เดี๋ยวช่วยกินให้สามชิ้น”
“ถ้าไม่ชอบผมก็ไม่ได้บังคับนะ ชิ้นเดียวก็ได้” ถ้าเป็นของที่ไม่ชอบเป็นผมก็ไม่อยากฝืนกินอ่ะ
“เอาน่า บอกว่ากินก็คือกิน โอเค?”
“อื้ม”
พรึบ
ไอ้พี่เหมมันลูบหัวผมอีกแล้ว…
“งั้นกูขอกินผัดมาม่านี่ให้หมดก่อนล่ะกัน” ว่าแล้วพี่มันก็ผละไปกินผัดมาม่าต่อ ผมเองก็ลงมือกินขนมเบื้องกับของกินอื่นๆเหมือนกัน สุดท้ายของกินทั้งหมดก็ถูกผมกับไอ้พี่เหมจัดการจนเกลี้ยง นั่งย่อยของกินคุยอะไรเรื่อยเปื่อยกับไอ้พี่เหมไปเรื่อยจนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปจนเกือบสามทุ่มไอ้พี่เหมถึงขอตัวกลับ ผมเลยเอาขยะไปทิ้งลุกเดินตามไปส่งพี่มันไปที่รถ
“นี่พลัม” ไอ้พี่เหมหันมาเรียกผมหลังจากที่ขึ้นคร่อมไปบนรถมอเตอร์ไซด์แล้ว
“?”
“พรุ่งนี้มึงว่างไหม?” พรุ่งนี้เป็นวันเสาร์ลองนึกดูว่าพรุ่งนี้มีธุระอะไรที่ไหนไหมก็ไม่มีเลยตอบไป
“ก็ว่างนะ”
“ไปที่คอนโดกูไหม?”
ว่าไงนะ?
“คอนโด…พี่?”
“เออ ก็มึงไม่ให้กูขึ้นห้องมึงนี่ ก็เลยให้ไปหากูที่คอนโดแทน”
ฟวยยยยย แบบนี้มันก็ไม่เห็นจะต่างกันเลยน่ะสิ
“ไม่ไป”
“ไปเหอะ กูไม่ทำอะไรมึงหรอก”
“ไม่เชื่อโว้ยยยยย”
“เชื่อกูสิ เดี๋ยวทำอาหารให้กินด้วยก็ได้” อย่าเอาของกินมาล่อออออ
“…” เพราะเดี๋ยวกูจะชะงัก…
“นะพลัม”
มานงมานะ เดี๋ยวกูก็ใจอ่อนหรอกเฟ้ย!
“…”
“กูแค่อยากอยู่กับมึงให้มากขึ้นแค่นั้นเอง…ไม่ได้เหรอ?”
โอเคกูยอม!
“ก็ได้ แต่! พี่ห้ามทำอะไรแปลกๆกับผมนะ สัญญาสิ” ยื่นนิ้วไปให้พี่มันเกี่ยวก้อย จะหาว่าผมเป็นเด็กก็ช่าง ผมแค่รู้สึกว่าการทำแบบนี้เหมือนเป็นการยืนยันให้มั่นใจแค่นั้นเอง
“หึหึ แปลกนี่คือยังไงเหรอ? ไม่บอกไม่เกี่ยวก้อยนะ” กวนตีนนนน
“ถ้าพี่ไม่เกี่ยวก้อยสัญญาผมก็จะไม่ไปเหมือนกัน” เอาดิ ให้มันรู้ซะมั่งว่าใครแน่กว่ากัน
“หึ ครับๆ สัญญาๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้เก้าโมงไปรอกูตรงเซเว่นที่เจอกันครั้งที่แล้วนะ” ไอ้พี่เหมยิ้ม ยื่นมือมาเกี่ยวก้อยกับผม พอนัดแนะสถานที่กับเวลาเสร็จก็ขับรถออกไป
ผมมองตามไปจนลับสายตาก่อนที่จะก้มลงมามองนิ้วก้อยข้างขวาที่ถูกไอ้พี่เหมเกี่ยวเมื่อกี๊นี้
เฮ้ออออ…
เวลาที่ผมต้องยอมรับพี่มันคงจะเร็วกว่าที่คิดซะแล้วสิ…
ขนาดแค่วันนี้วันเดียวไอ้พี่เหมยังทำให้ผมใจเต้นได้ตั้งหลายครั้ง ถ้าผมยังทนต่อไปได้ก็คงจะเป็นพวกตายด้านแล้วมั๊งเนี่ย หึหึ
เอาเถอะ…ผมเองก็ไม่อยากจะฝืนความรู้สึกของตัวเองไปมากกว่านี้แล้วด้วย…
ความรู้สึกที่ว่าผมเองก็ชอบไอ้พี่เหมเหมือนกัน…
TBC. N.EP
------------------------------------------------------------------------->TALKKKKKKKKKKKKK :มาแบบมุ้งมิ้ง555 กลับมาต่อให้แล้วนะคะ ขอโทษทีหายไปนาน ใครที่ยังรอเรื่องนี้อยู่ก็ขอบคุณมากๆเลยนะคะ เจอกันตอนไปค่ะ^^NAY_Y_Story