บทที่ 179 Forced
พวกเขาทั้งสามคนกำลังยืนอยู่บนอากาศเหนือแม่น้ำอันแสนกว้างใหญ่แห่งนั้น ผิวน้ำของมันเรียบสนิท มันนิ่งจนดูน่ากลัวเสียกว่าเวลาที่มันเชี่ยวกราดเสียอีก เฟี๊ยตแทบจะกลั้นหายใจเวลาที่เดินไปตามถนนล่องหนเส้นนั้น ความรู้สึกส่วนลึกบอกเขาว่า ไม่ควรปล่อยให้วัตถุใดก็ตามตกลงไปในผิวน้ำอันเรียบเนียนสนิทนี่เด็ดขาด ราวกับว่ามันจะเป็นสิ่งที่สื่อสารไปยังภยันอันตรายใดๆ ที่แฝงตัวอยู่ในความสงบนี้ได้
“มึงว่ามันสงบจนผิดปรกติหรือเปล่าวะ”
เสียงของเฟี๊ยตดังขึ้นโดยมีจุดมุ่งหมายไปยังเด็กชายสายฟ้าที่นำขบวนอยู่เบื้องหน้า ธันหันมามองเขาเพียงเล็กน้อยก็พอจะจินตนาการออกว่าเฟี๊ยตกำลังกังวลสิ่งใดอยู่
“กูว่าอย่าทำให้อะไรทำให้ผิวน้ำขยับก็พอ” ธันตอบสั้นๆ
“มึงว่าลึกลงไปในนี้จะมีไพ่สูงสุดให้เราเก็บอีกเปล่าวะ” เฟี๊ยตหันไปมองหน้าธัน พร้อมกับชี้นิ้วลงยังพื้นน้ำเบื้องล่าง
“กูว่ามี ไม่แน่เราอาจจะต้องกลับมาที่นี่อีกด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้รีบไปกันเหอะ ฝั่งแม่น้ำอยู่แค่นี้อีก ข้ามไปก่อน อย่างน้อยอยู่บนพื้นดิน เราก็น่าจะได้เปรียบ”
ธันพูดเป็นครั้งสุดท้ายเป็นการเร่งเฟี๊ยตที่ดูยังติดใจกับสภาพแม่น้ำที่นิ่งสนิทในเวลานี้มาก ในขณะที่กันต์ทำแค่เพียงยืนมองอย่างเรียบเฉยมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว คนทั้งสามรีบกันพาเดินข้ามฝั่งไปยังพื้นดินที่อยู่ไม่ไกลออกไปนั่นนัก
“เฮ้อออออ”
เฟี๊ยตถอนหายใจมาอย่างโล่งอกเมื่อเพื่อนร่วมทีมทั้งสามเดินทางมาถึงอีกฝั่งของแม่น้ำโดยสวัสดิภาพ เขาทรุดตัวลงนั่งกับพื้น เมื่อเห็นว่าห่างออกมาในระยะที่น่าจะปลอดภัยแล้ว
“ไปต่อเถอะ” เสียงของธันดังขึ้นเมื่อเห็นว่าเพื่อนทั้งสองพักได้ชั่วอึดใจหนึ่งแล้ว
“ไป” เสียงของกันต์ตอบเบาๆ พร้อมกับเฟี๊ยตที่ดันกายลุกขึ้นเพื่อเดินทางต่อ
รูปแบบขบวนเปลี่ยนไปอีกครั้ง การตามหาเจ้าเต่าตัวนั้นตกเป็นหน้าที่ของเฟี๊ยตซึ่งดูเหมือนจะเป็นคนเดียวในทีมที่มีเบาะแสของเจ้าเต่าปริศนาตัวนั้น เภสัชกรหนุ่มมีหน้าที่นำหน้าไปตามคำบอกเล่าของการ์ดยุงรำคาญที่ยังคงตามติดไพ่ใบนั้นอยู่ กันต์อยู่เยื้องมาทางด้านหลังฝั่งซ้าย โดยธันอยู่ทางด้านหลังฝั่งขวา ชายทั้งสองมีหน้าที่ระแวดระวังภัยที่อาจจะเข้าใจจู่โจมในขณะที่เฟี๊ยตกำลังตั้งสมาธิกับการตามหาไพ่ใบนั้นได้
การเดินทางในวันนั้นทรหดอดทนมากกว่าที่คิดพอสมควร เนื่องจากหลังจากข้ามแม่น้ำมาได้ ภูมิประเทศที่เคยเป็นทุ่งหญ้าเขียวขวีก็กลายเป็นทุ่งหญ้าที่ค่อยๆ สั้นลงเรื่อยๆ จนกระทั่งบางช่วงกลายเป็นพื้นดินแห้งๆ ที่เต็มไปด้วยฝุ่นสีแดงกลาดเกลื่อนเต็มบริเวณ
พวกเขาตัดสินใจไม่ใช้การ์ดพาหนะช่วยเดินทางชนิดอื่น เนื่องจากเมื่อเทียบความเร็วในการเดินทางแล้ว อย่างไรพวกเขาก็น่าจะตามเจ้าเต่าตัวนั้นได้ทัน การเลือกใช้การ์ดสัตว์ทุ่นแรงอาจจะทำให้เจ้าเต่าตัวนั้นไหวตัวทันหรือแผลงฤทธิ์อะไรที่เขาก็จินตนาการไม่ถูกก็เป็นได้ การติดตามไปเรื่อยๆ จึงเป็นวิธีที่ชายทั้งสามเลือกใช้
“ข้างหน้านี้ ไม่หน้าเกิน 500 เมตรข้างหน้านี่ เราต้องได้พบตัวมันแน่”
เสียงของเฟี๊ยตเอ่ยขึ้นในช่วงบ่ายหลังจากที่พวกเขาพักกินข้าวเที่ยงและออกเดินทางต่อมาได้อีกระยะหนึ่ง ชายหนุ่มพูดพร้อมกับชี้ไปยังเนินดินปนทรายที่ขวางกั้นทัศนียภาพอยู่ภายหน้า เขาพูดกับเพื่อนร่วมทีมสลับกับปรึกษากับไบเบิ้ลไปในที
“หลังเนินดินนี่?” กันต์พูดเป็นคำถาม
“ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด” เฟี๊ยตตอบสั้นๆ
“งั้นทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม ข้างหน้านี่เป็นไพ่สูงสุดอีกใบหนึ่ง ซึ่งพิษสงมันอาจจะร้ายกว่าเจ้าไดโนเสาร์ตัวก่อนหน้านี้ก็ได้”
ธันพูดเชิงเป็นคำสั่ง ก่อนที่ตัวเขาเองจะหยิบสมุดการ์ดขึ้นมาเลือกอาวุธอย่างเตรียมพร้อมนำร่องเพื่อนร่วมทีมทั้งสอง กันต์หันไปหรี่ตามองกำแพงเตี้ยๆ ตามธรรมชาตินั้นอย่างครุ่นคิด ก่อนจะจัดการเตรียมพร้อมรบตามคำสั่งของธันด้วยเช่นกัน
“เดี๋ยวกูขึ้นไปนำเอง มึงอยู่ตรงกลางคอยบอกทิศทาง แล้วให้กันต์คุมท้ายไว้”
ธันหันไปพูดกับเฟี๊ยตอย่างจริงจัง ก่อนจะหันทางทางกันต์ในตอนท้ายประโยคนั้น เมื่อได้ยินดังนั้น เฟี๊ยตก็พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย ก่อนจะปล่อยให้ธันเดินนำหน้าไป โดยมีตนเดินตามไปอย่างใกล้ชิด
“หลังเนินนี่ใช่ไหม”
ธันพูดขึ้นด้วยเสียงกระซิบขณะที่พูดเขาทั้งสามค่อยๆ เคลื่อนตัวขึ้นไปตามเนินสูงขึ้นอย่างช้าๆ พวกเขาไม่สามารถเห็นภาพอะไรภายหน้าได้เลย เพราะภูมิประเทศในเวลานี้มีลักษณะคล้ายกับเนินเล็กๆ ที่ยกตัวสูงขึ้น และทอดลงเป็นแอ่งอยู่ตรงกลาง
“ระวังหน่อยนะธัน เราอาจจะเจอมันในระยะประชิด ภูมิประเทศแบบนี้ไม่เข้าข้างพวกเราเลย พื้นพวกนี้ก็แข็งเกินกว่าจะเห็นรอยเท้ามันได้ด้วย” เสียงของกันต์เตือนมาจากท้ายขบวน
“ไม่ต้องห่วง”
ธันตอบเพียงสั้นๆ ก่อนจะสาวเท้าเข้าไปใกล้อีกตามลำดับ ณ อึดใจนี้ พวกเขาเคลื่อนเข้ามาใกล้จุดสูงสุดของเนินนั่นขึ้นทุกที อีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า เรื่องราวน่าจะคลี่คลายออกมาให้เห็นภาพอย่างชัดเจนแล้ว
“หมอบ!”
ธันสั่งออกมาด้วยเสียงไม่ดังนัก ก่อนจะทิ้งตัวลงกับพื้นตรงบริเวณส่วนสูงสุดของเนิน โดยยังคงชูส่วนอกและศีรษะขึ้นเพื่อสังเกตการณ์ภาพตรงหน้า เฟี๊ยตกับกันต์ก็รีบปฏิบัติตามโดยทันทีอย่างฉับไวต่อสถานการณ์
ภูมิทัศน์เบื้องหน้าของพวกเขาเป็นบึงน้ำที่ใสสะอาดกินอาณาเขตไม่กว้างนัก มันมีความลึกลับฉายออกมาอย่างบอกไม่ถูก บึงน้ำขนาดเล็กที่ผิวน้ำใสราวกับกระจกที่ล้อมรอบด้วยเนินดินรอบด้าน ถึงแม้ว่าพื้นดินโดยรอบจะสกปรกไปด้วยฝุ่นผงสีน้ำตาลแดงแค่ไหนก็ตาม แต่น้ำในบึงนั้นก็ใสสะอาดราวกับว่ามีมนต์วิเศษที่จะรักษาสภาพโปร่งใสไว้เช่นนั้นตลอดไป
“ดูนั่น!” กันต์กระซิบขึ้น พร้อมกับชี้มือไปทางอีกด้านหนึ่งของสระน้ำนั้น
สายตาที่เหลือทั้งสองหันไปทางคำพูดนั้นทันที และพวกเขาก็ได้พบกับสิ่งที่พวกเขาใช้เวลาทั้งวันนั้นตามหามาตลอด ใช่! ตรงหน้าเขามันเป็นเต่าตัวหนึ่งที่พวกเขาดั้นด้นติดตามมาอย่างเหน็ดเหนื่อยแสนสาหัส เฟี๊ยตไม่แปลกใจเลยที่ตอนแรกเขาจะมองเข้าไปจะกันต์ชี้ให้สังเกต เพราะมันมีลักษณะเหมือนก้อนหินเขื่องๆ เสียมากว่า เต่าตัวนั้นมีความยาวลำตัวประมาณ 2 เมตรเห็นจะได้ กระดองของมันโงงุ้มสูงโค้งขึ้นและมีลักษณะเหมือนหินก้อนใหญ่เสียมากกว่า เสียงจากแหวนตรวจจับของเขาบอกชื่อไพ่ใบนั้นให้เขาได้รับรู้ ชัดเจนที่สุดแล้ว มันเป็นไพ่สูงสุดอย่างที่ผู้หญิงสองคนนั้นพูดกันจริงๆ
เจ้าสัตว์มีกระดองตัวนั้นกำลังค่อยๆ เคลื่อนตัวอย่างต้วมเตี้ยมอยู่บริเวณริมบึงนั้น และก่อนที่พวกเขาจะทำอะไรลงไปอย่างทันท่วงที ขาหน้าทั้งสองของมันก็เหยียบลงไปในผิวน้ำที่ใสราวกับกระจกนั่น และทิ้งตัวดำดิ่งลงไปในบึงที่มีพื้นไม่ลึกมากแห่งนั้น ไม่ต้องกังวลว่ามันจะคลาดสายตาไปได้เลย เพราะความสะอาดของสระน้ำนั้นเผยให้เห็นเจ้าเต่าตัวนั้นชัดเจนอย่างถึงที่สุด มันเคลื่อนตัวลงไปหยุดอยู่กลางบึงซึ่งมีลักษณะเป็นจุดต่ำสุดของแหล่งน้ำนั้น ก่อนจะซ่อนอวัยวะที่เหลือทั้งหมดเข้าไปในกระดองอีกครั้งและปล่อยให้ทุกอย่างนิ่งเป็นดุษณีอยู่อย่างเดิม ภาพที่เห็นตอนนี้จึงกลายลักษณะเป็นว่าเหมือนจะมีหินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งวางอยู่ในแหล่งน้ำนั่นเท่านั้น ถ้าไม่ได้มาเห็นกับตาแบบนี้ มันก็เป็นการยากเหลือเกินที่จะปักใจเชื่อได้ว่าศิลาแกร่งที่กำลังทอดกายอยู่ในบึงสะอาดนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่เคลื่อนที่ได้และมีลมหายใจอยู่จริงๆ
ชายทั้งสามค่อยๆ เคลื่อนตัวลงไปสังเกตการณ์บริเวณริมหนองน้ำแห่งนั้น เมื่อเห็นว่าเจ้าเต่านั้นนิ่งกลายเป็นหินและไม่แสดงอาการเคลื่อนไหวใดๆ ออกมาอีกแล้ว พวกเขาทยอยกันเดินตรวจสอบบึงน้ำจากรอบทิศทางก่อนจะกลับมาบรรจบกันที่ริมน้ำฝั่งหนึ่ง แต่ก็ดูเหมือนจะไม่มีเบาะแสใดที่บ่งชี้อะไรให้พวกเขาเท่าไหร่นัก
ธันหยิบหินเล็กๆ บนพื้นขึ้นมาก้อนหนึ่ง ก่อนจะแสดงอาการชี้ไม้ชี้มือเป็นสัญลักษณ์ให้เพื่อนทราบว่าตัวเองจะลองทดสอบโยนหินลงไปในบึงแห่งนี้ เฟี๊ยตและกันต์พยักหน้าน้อยๆ ตอบรับพร้อมกันกับที่หินเล็กๆ ก้อนนั้นกระทบกับผิวน้ำบริเวณใกล้ๆ ก่อนจะเกินคลื่นกระเพื่อมออกไปอย่างไม่รุนแรงนัก
ทุกอย่างยังคงนิ่งสงบอยู่เช่นเดิม ไม่มีวี่แววความเปลี่ยนแปลงใดๆ จะเกิดขึ้นกับหินยักษ์ก้อนนั้นที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องล่างของผิวน้ำนั่น และเมื่อเห็นดังนั้น ธันก็ชี้นิ้วมือมาที่ตัวเองราวกับจะบอกว่าจะลองลงไปสัมผัสกับผิวน้ำนี่ดูเพื่อเป็นการทดสอบ กันต์พยักหน้ารับอย่างง่ายๆ ในขณะที่อนุสติบางอย่างในตัวเฟี๊ยตร้องเตือนเขา และยกมือขวางธันเอาไว้ มือข้างขวาของเขาชนกับหน้าอกของธันเบาๆ เด็กหนุ่มหยุดชะงัก และเปิดโอกาสให้เขาตัดสินใจ
“เดี๋ยวก่อน ขอทดสอบอะไรดูก่อน”
เฟี๊ยตพูดขึ้นเรียบๆ พร้อมกับหยิบสมุดการ์ดขึ้นมารื้ออีกครั้ง เขารู้สึกเคลือบแคลงกับเจ้าบึงน้ำที่จะดูเรียบง่ายและธรรมดาเกินไปตรงหน้านี้เหลือเกิน
“The Tumbler Soldier RELEASE!”
เฟี๊ยตประกาศขึ้นพร้อมกับที่ทหารไม้ล้มลุกที่เขาได้มาตอนเริ่มเกมปรากฏกายขึ้น ชายหนุ่มชี้นิ้วไปทางบึงน้ำอย่างง่ายๆ พร้อมกับเจ้าทหารนั่นที่เคลื่อนตัวลงไปพิสูจน์ความปลอดภัยของเจ้าน้ำที่ใสจนน่าหวาดระแวงนั้นแทนพวกเขาทุกคน
จ๋อมมมมมมมมมม
ทหารที่ร่างกายประกอบขึ้นด้วยไม้นั่นย่ำเท้าขวาลงไปในหนองน้ำที่นิ่งสนิทนั่น ผิวน้ำบริเวณที่มันเหยียบลงไปนั้นแตกกระจายกลายเป็นคลื่นน้ำที่แผ่ออกไปเป็นวงกว้าง แต่ก่อนที่มันจะมีโอกาสได้ก้าวต่อไปเป็นก้าวที่สองนั้น ร่างกายของมันก็ล้มลงมาทางด้านหลังปะทะกับพื้นดินแกร่งบนฝั่ง มันนอนแน่นิ่งราวกับเป็นหุ่นยนต์ที่ถูกถอดแบตเตอรรี่ออกอย่างใดอย่างนั้น
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”
เสียงของเจ้าของการ์ดใบนั้นดังขึ้นอย่างเจ็บปวดหลังจากที่เจ้าทหารนั่นล้มลงเพียงไม่กี่ชั่วอึดใจเท่านั้น ชายหนุ่มล้มตัวลงกับพื้นพร้อมกับกุมไปที่เท้าขวาอย่างเจ็บปวด ธันรีบวิ่งตรงเข้ามาประคองร่างของเภสัชกรหนุ่มเอาไว้ด้วยใจที่ร้อนเป็นไฟ สีหน้าของเฟี๊ยตแสดงความเจ็บปวดทรมานออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”
ขาขวาที่เฟี๊ยตกำลังใช้มือทั้งสองบีบนวดอยู่นั้นค่อยๆ กลายสภาพไปอย่างน่าตกใจ จากที่มันเคยมีลักษณะเป็นเนื้อหนังมังสาเป็นมนุษย์ กลับค่อยๆ กลายสภาพกลายเป็นสีน้ำตาลที่แข็งและไร้ความรู้สึก มันค่อยๆ เคลื่อนที่ลามขึ้นมาตามลำขาราวกับต้องคำสาปจากปีศาจร้าย ขาของเภสัชกรหนุ่มค่อยกลายสภาพเป็นหินที่ประกอบขึ้นด้วยวัตถุธาตุอันไร้ความรู้สึก น้ำตาไหลออกจากดวงตาหวานคู่นั้นอย่างไม่อาจจะต้านทานได้ เขารู้สึกเหมือนโดนเข็มเป็นพันๆ เล่มค่อยๆ ทิ่มทางไปตามร่างกายของเขา มันเจ็บปวดและค่อยๆ ด้านชา กว่าจะรู้สึกตัวอีกครั้ง เขาก็ไม่เหลือความรู้สึกใดๆ ในขาข้างขวาอีกแล้ว มันกลายสภาพกลายเป็นศิลาธาตุ และเขาก็ไร้ความรู้สึกและความสามารถจะควบคุมมันได้โดยสมบูรณ์
“The Last Request of Mendeleyev(คำขอร้องสุดท้ายของเมนเดลลิเยฟ) RELEASE!”
เฟี๊ยตใช้แรงเฮือกสุดท้ายควานหาการ์ดข้างกายขึ้นมา และใช้สติสัมปชัญญะสุดท้ายหยิบการ์ดใบหนึ่ง พร้อมกับสั่งการเรียกใช้อย่างเหนื่อยหอบราวกับว่าจะหมดลมหายใจตรงนั้นเสียให้ได้
“Calcium Carbonate!”
คำสั่งนั้นเปลี่ยนร่างกายชายหนุ่มให้กลายเป็นสีเทาในเพียงในช่วงเสี้ยววินาทีดับจิตนั้น ก่อนที่มนต์คำสาปกลายเป็นหินจะแผ่ไปทั่วร่างอย่างสมบูรณ์ ลักษณะร่างกายของเฟี๊ยตตอนนี้จึงมีลักษณะเป็นสีเทาราวกับหล่อขึ้นด้วยปูนซีเมนท์และถูกฉาบทับด้วยสีน้ำตาลที่เกาะหนาอยู่ภายนอกอีกชั้นหนึ่ง
เหตุการณ์นับตั้งแต่ที่เจ้าทหารไม้นั่นก้าวเท้าลงไปเหยียบผิวน้ำจนถึงขณะที่เฟี๊ยตถูกกลายสภาพให้เป็นหินโดยสมบูรณ์นั้นใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีด้วยซ้ำ ทุกอย่างรวดเร็วเกินความควบคุมไปเสียหมด ธันที่ทำได้แค่ประคองกายของเฟี๊ยตไว้นั้นจัดการอะไรลงไปแทบไม่ได้เลย ดูเหมือนการปล่อยหน้าที่การดูแลรักษาผู้อื่นให้เป็นของเฟี๊ยตมาโดยตลอดนั้นจะกลับมาทำร้ายทีม เนื่องจากในขณะที่เฟี๊ยตประสบกับอันตรายขึ้นมาบ้างบุคคลที่เหลือก็ยากที่จะแก้ไขให้ลุล่วงไปด้วย
ถ้ามีจิตรกรเอกสักคนหนึ่งมาบรรจงวาดภาพในห้วงขณะเวลานั้นไว้ ภาพวาดนั้นคงจะประกอบไปด้วยชายหนุ่มที่ถูกสาปให้กลายเป็นวัตถุไร้ความรู้สึกอันกำลังอยู่ในอ้อมแขนของเด็กหนุ่มอีกคนหนึ่งที่มีดวงตาแดงก่ำซึ่งกำลังทิ้งตัวลงอยู่กับพื้นอย่างหมดเรี่ยวแรง กับชายหนุ่มในชุดดำคนสุดท้ายที่ยืนนิ่งอย่างตกตะลึงในเหตุการณ์ที่ไม่อาจคาดฝันนั้น สีที่สื่อออกมาคงจะเป็นเป็นน้ำตาลอ่อนไล่ไปจนเข้มที่เป็นตัวแทนของความโศกเศร้าเสียใจ ความสิ้นหวัง และการทอดอาลัยในปัญหาที่ไม่อาจจะแก้ไขให้มันสำเร็จลงไปได้
คมเขี้ยวของพญามัจจุราชพลาดเป้าหมายไปจากชายหนุ่มคนหนึ่งเพียงเสี้ยวยาแดงผ่าแปด แต่ดูเหมือนมันจะกรีดสะบั้นลงกลางอกของชายอีกคนอย่างถนัดถนี่เหลือเกิน หัวใจของชายคนหนึ่งแทบจะแตกสลายกลายเป็นผุยผงตรงนี้เสียให้ได้
ความรู้สึกของคนที่มันกำลังจะขาดใจมันเป็นอย่างนี้นี่เอง!
ติดตามข่าวสาร
www.facebook.com/allornonetheauthor จากผู้แต่ง : พรุ่งนี้วันเกิดผมครับ >///< ผมเกิดวันที่ 22 กรกฎาคมครับ ผมขอคำอวยพรวันเกิดจากผู้อ่านทุกคนได้ไหมครับ ทางเฟสบุ๊ค ทางเล้าเป็ด หรือทางเด็กดีก็ได้ครับ ใครไม่อยากล๊อคอินก็มาอวยพรทางเด็กดีนะครับ พรุ่งนี้คนโสดอย่างผมจะไปตระเวนไหว้พระเก้าวัดเพื่อเป็นสิริมงคลกับชีวิต (รู้ยังว่าต้องอวยพรเรื่องอะไร อุตส่าห์ใบ้แล้วนะ) ใครเป็นนักอ่านเงามาโดยตลอดออกจากเงาได้ล๊าววว วันเกิดคนแต่งทั้งที ออกมาพูดถึงนิยายหน่อย ชมได้ ติก็ได้แต่ห้ามเยอะ อิอิ อวยพรคนเขียนสักนิด กลับมาจากทริป พออ่านแล้วจะได้มีกำลังใจแต่งต่อยาวๆ เลย ผมลงนิยายมาใกล้จะครบหนึ่งปีเต็มแล้วนะ ขอของขวัญวันเกิดหน่อยเนอะ มาอวยพรหน่อย จะกลับมาอ่านให้หัวใจพองโตไปถึงดาวเนปจูนเลย