ตอนที่ 6
บ้านผม
วันหยุดสุดสัปดาห์นี้ยังไม่มีเรียนพิเศษ ผมตัดสินใจไม่ออกไปไหนทั้งนั้นนอกจากอยู่บ้านอย่างเดียว หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาผมรู้สึกเหมือนมันเป็นเวลาหนึ่งปีเต็มๆ มีอะไรเกิดขึ้นกับผมเยอะมาก ความรู้สึกของผมหลากหลายจนผมงุนงงและก็ตั้งรับไม่ค่อยจะทัน
แต่เรื่องที่ผมเครียดมากที่สุดเห็นจะเป็นเรื่องนี้ครับ
ผมใจเต้นแรงกับเพื่อนผม
เพื่อนผมเนี่ยนะ ไอ้เชี่ยสิกที่รู้จักกันมาตั้งแต่ม.1 เนี่ยนะ ผมพยายามไล่ชื่อมันออกไปจากหัวผมตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่ผมก็ทำไม่ได้ ผมจำเป็นต้องพึ่งชื่อของสตาร์ (ทั้งๆ ที่ผมรู้ว่าผมต้องตัดใจจากเขา) ด้วยการท่องชื่อเขาซ้ำไปซ้ำมาเพื่อให้ชื่อไอ้เชี่ยฟิสิกส์หายไปจากหัวของผม แต่ถึงผมทำงั้น มันก็ไม่สามารถช่วยผมได้อยู่ดี
สตาร์ สตาร์ สตาร์ (ไอ้สิกจะตื่นยังวะ) สตาร์ (วันนี้สิกจะไปไหน) สตาร์ (ทำไมสิกยังไม่ทักไลน์ผมมา) สตาร์ (สิกอย่างนั้น) สตาร์ (สิกอย่างนี้)... โว้ยยยยยยยยยยยยยยย
นี่ผมเป็นอะไร
นั่นเพื่อนนะ เพื่อนนะโว้ย เพื่อน!
ผมพยายามเตือนสติตัวเองจนใกล้จะเป็นบ้า วันนี้คนในบ้านไม่มีใครกล้ายุ่งกับผมเลยเพราะคิดว่าอารมณ์ผมแปรปรวนแปลกๆ ผมเข้าใจที่คนภายนอกไม่รู้วิธีรับมือกับผม เพราะผมเองก็ไม่สามารถรับมือกับตัวเองได้เหมือนกัน
ผมสัญญากับสตาร์ไว้แล้ว ผมต้องช่วยเขา ผมต้องพาเขาไปถึงฝั่งฝัน
ถ้าไอ้สิกกับสตาร์รักกัน บางทีอาจจะช่วยให้ผมลบความรู้สึกแปลกๆ ที่เกิดขึ้นกับไอ้สิกก็เป็นได้
ใช่ มันควรจะเป็นแบบนั้น
ผมรีบโทรออกหาสตาร์ทันที สตาร์รับสายผมตอนที่สัญญาณดังได้ไม่กี่ครั้ง
[ฮัลโหล ว่าไงฟืน]
“สตาร์เหรอ เรียนอยู่ป่ะ”
[เรียนอยู่ แต่คุยได้]
“ออกมาเจอกันหน่อยมั้ย มาคุยกันเรื่องไอ้เชี่ยสิก”
[วันนี้เหรอ]
“ช่าย”
[จะรบกวนมึงมั้ยล่ะ]
“รบกวนอะไรล่ะ กูบอกว่ากูจะช่วยก็ต้องช่วยสิ มีเวลาว่างบ้างป่ะ”
[เรียนเสร็จเที่ยงครึ่งก็ว่างถึงบ่ายสามอ่ะ]
“งั้นเดี๋ยวเจอกันนะ”
[อื้ม]
ผมวางสายก่อนที่จะสูดลมหายใจลึกๆ เข้าหาตัวเอง ในหัวของผมคิดว่าสิ่งที่ทำน่ะถูกต้องที่สุดแล้ว
มันควรจะเป็นแบบนี้ตั้งนานแล้ว
สยาม เวลา 12.43 น.
ไม่น่ามาที่นี่ในวันเสาร์อาทิตย์เลยให้ตายเถอะ (ขอบ่นถึงแม้ว่าต่อไปจะมีเรียนพิเศษที่นี่ในวันเสาร์อาทิตย์ถัดไปก็ตาม) ผมนั่งรอสตาร์อยู่ที่หน้าพารากอนครับ ไม่ว่าคนจะผ่านหน้าผมไปมากมายแค่ไหนก็ไม่สามารถพาความร้อนรุ่มที่ผมมีออกไปในใจผมได้เลย
ไอ้สิกไลน์มาถามผมว่าวันนี้ผมทำอะไร ผมเห็นข้อความมันแล้ว แต่ทำเป็นมองไม่เห็น ปล่อยมันขึ้นไว้แบบนั้น ไม่กดเข้าไปในจอสนทนา อีกฝ่ายจะได้รู้ว่าผมยังไม่ได้อ่านแต่ที่จริงผมน่ะอ่านแล้ว ผมรู้หลายคนใช้วิธีนี้
ขอเวลากูตั้งสติก่อนนะเพื่อน
ไม่นานนักสตาร์ก็มา วันนี้เขาแต่งตัวเหมือนคุณชายตัวน้อยๆ ที่ดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้า ผมเห็นเขาหอบแล้วรู้สึกสงสารก็เลยช่วยเขาถือของและก็พาเขาไปตากแอร์เย็นๆ ในพารากอน สตาร์บอกว่ากะจะหาอะไรกินในนี้พอดี ผมก็เลยตามใจเขา
เขาเลือกมากินร้านราเมนแห่งหนึ่งที่ยังพอมีที่นั่งว่าง ผมมองดูสตาร์สั่งอาหารกับพนักงานด้วยสายตาว่างเปล่า
“ฟืนเอาไรป่ะ”
ผมส่ายหน้าเบาๆ สตาร์ก็เลยส่งเมนูคืนพนักงานไป
“เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมดูเครียดขนาดนั้น”
“กูเครียดเรื่องมึง” ผมพูดตรงๆ กับสตาร์ แต่ไม่ตรงประเด็นเอาเสียเลย “มึงจริงจังกับไอ้สิกป่ะ”
“เฮ้ย เสียงมึงทำกูตกใจนะเนี่ย”
“...”
“จริงจังดิ กูชอบมันมาตั้งแต่กูอยู่ม.4 อ่ะ”
ผมพยักหน้ารับรู้ แปลกแต่จริงที่ผมไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไรเลย ทั้งๆ ที่ผมคิดว่าผมชอบสตาร์มากแท้ๆ
อะไรของผมวะเนี่ย
“ถ้าอย่างนั้นต่อจากนี้ไป กูจะทุ่มเทเรื่องนี้เต็มที่แล้วนะ”
“เดี๋ยวก่อนนะมึง” สตาร์ดูตั้งตัวไม่ทัน “เป็นอะไรวะ มึงดูผิดปกติมากเลยนะเนี่ย”
“กูโอเค”
“ไม่จริงอ่ะ”
“เชื่อกู” ผมพูดอย่างขึงขัง “สิ่งต่อไปที่มึงควรทำก็คือมึงต้องร่วมทุกข์ร่วมสุขกับมัน”
“หืม?”
“สร้างสถานการณ์ให้ได้อยู่ด้วยกัน และก็ใช้เวลาอยู่กับมันซะ”
สตาร์ยิ้มเบาๆ “มึงกำลังพูดถึงคนที่มีกิ๊กอยู่ทั่วราชอาณาจักรอยู่นะ เชี่ยนั่นมันจะมีเวลาว่างมาอยู่กับกูมั้ย”
“เพราะงี้มึงถึงต้องพยายามไง”
“พูดน่ะมันง่าย”
“เดี๋ยวกูช่วยมึงเอง” ผมหยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนที่จะกดโทรออกหาไอ้สิก “มึงมีเวลาว่างถึงบ่ายสามใช่ป่ะ” สตาร์พยักหน้าหงึกๆ “กูเชื่อว่าตอนนี้เชี่ยสิกก็อยู่สยาม”
ไม่นานนักไอ้สิกก็รับสายผม
[สาด ไลน์ไปไม่ตอบ เชี่ยเอ๊ย]
“อยู่ไหนวะสิก”
[กูอยู่สยามเนี่ย มึงออกมาป่ะ]
“กูอยู่พารากอน”
[เฮ้ย จริงดิ มึงอยู่ตรงไหนล่ะ เดี๋ยวไปหา]
“ร้านราเมนที่มึงเคยชอบกินอยู่ช่วงหนึ่งอ่ะ ชั้นบนๆ”
[โอเค เดี๋ยวกูขึ้นไป อีกสักสิบนาทีนะ]
“อืม”
ผมกดวางสาย สัมผัสได้ว่ามือที่จับโทรศัพท์ของตัวเองกำลังสั่น
“สิกอยู่นี่เหรอ” สตาร์ทำตาโต
“มันกำลังมา”
“...”
“กูจะปล่อยให้พวกมึงสองคนอยู่ด้วยกัน”
“...”
“มึงใช้เวลานี้อยู่ด้วยกับมันซะ กูเชื่อว่ามึงทำได้ ถ้ามันจะลุกหนีมึงก็รั้งมันไว้ มันเป็นคนใจอ่อนกับคำออดอ้อน” ผมพยักหน้าให้สตาร์ “กูไปนะ”
“ไอ้ฟืน” สตาร์ร้องเรียกผม ้แต่ผมไม่สนใจ คิดแต่เพียงว่าต้องออกไปจากร้านนี้โดยเร็วที่สุดเท่านั้น
ผมทำถูกแล้วใช่มั้ยครับทุกคน นี่คือทางออกที่ดีที่สุดของเรื่องนี้ใช่มั้ย
คนที่ควรจะถอยหลังออกมาที่สุดก็คือผม และผมก็กำลังจะถอยหลังไปจากสองคนนี้ซะ
ผมใช้เวลาตลอดทั้งบ่ายด้วยการไปเดินเล่นที่โรงเรียน โชคดีที่ไอ้เชี่ยอ๊อฟกับไอ้เชี่ยตังมันนัดกันมาทำการบ้านที่โรงเรียนพอดี (ผมค่อยทำตอนที่กลับบ้านก็ได้ ) ผมจึงไม่เหงามากเท่าไหร่ ได้มองดูเพื่อนสองคนมันด่ากันแกล้งกันก็สนุกไปอีกแบบ
กว่าผมจะกลับบ้านอีกทีก็เกือบๆ ห้าโมงเย็น ผมไม่ลืมที่จะหยิบสมุดเชี่ยตังติดมือมาด้วย ระหว่างที่ผมกำลังจะถึงหน้าบ้านผมนั่นเอง ผมก็เห็นว่ามีร่างสูงร่างหนึ่งกำลังยืนพิงรั้วบ้านผมอยู่
ไอ้เชี่ยสิก!
ผมโกยทันทีที่เห็นมัน ไอ้เชี่ยสิกก็เซนส์ไวมากเหลือเกิน มันรีบมาหาผมทันทีจากนั้นก็กระโดดมาขวางหน้าผมไว้ ใบหน้าของมันขุ่นเคืองไม่น้อยจนใจผมร่วงลงไปตาตุ่ม
ผมจะตายมั้ยครับ T_T
“มึงแกล้งกูเหรอเชี่ยฟืน” ไอ้สิกโวยวาย “บอกกูว่าอยู่ร้านราเมน แต่พอกูไปหาตัวมึงกลับไม่อยู่ มึงแกล้งกูเหรอ!”
“กูไม่ได้แกล้งนะ คือกู...”
“อธิบายมาเลย”
“กู...กูขี้เว้ย แล้วขี้นานมาก” ผมไม่รู้จะแถว่าอะไรแล้วจริงๆ “ตอนกูขี้เสร็จ กูก็เลยไลน์ไปถามสตาร์ เขาก็บอกว่ามึงกับเขาออกไปจากร้านแล้ว กูเลยคิดว่าตรงกลับบ้านเลยดีกว่า”
“ถ้าตรงกลับบ้านเลยมึงจะมาถึงบ้านเวลานี้เหรอวะ”
“...”
“กูมารอมึงตั้งแต่บ่ายสอง เชี่ยฟืน มึงไม่ได้ตรงกลับบ้าน แต่มึงไปเถลไถลอยู่ที่ไหนสักแห่งต่างหาก”
โอ๊ย ทำไมคำพูดคำจาของมันแต่ละอย่างถึงเชือดเฉือนใจผมแบบนี้ล่ะครับ
“มีอะไรจะอธิบายกับกูมั้ย” ไอ้สิกโหดจนผมรู้สึกว่าตัวเองตัวเล็กลงไปหลายสิบเซนต์
“ไม่มี”
“มึงทำแบบนี้กับกูทำไมวะ”
“อย่าตัดพ้อกูดิ” ผมโอดครวญ
“กูงงไปหมดแล้วนะเว้ย”
“กูก็งงเหมือนกัน เพราะงั้นมึงอย่าถามอะไรกูมากเลย” ผมหลับตาปี๋พลางยกมือไหว้มัน “กูกราบล่ะ”
“โว้ยไอ้บ้า!” ไอ้สิกดึงมือผมออกจากการประกบกัน “กูไม่ถามแล้วก็ได้ แต่มึงต้องชดใช้สิ่งที่มึงทำไว้กับกู”
ผมทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ “ชดใช้ยังไง”
ไอ้สิกยิ้มมุมปากก่อนที่จะมองไปที่บ้านผม “วันนี้กูนอนบ้านมึง”
“ไม่ได้!” ผมร้องลั่น
“อะไร ปกติกูไม่จำเป็นต้องขอด้วยซ้ำ”
“ครั้งนี้ไม่ได้จริงๆ มึง”
“ทำไมวะ”
“แม่กู...แม่กูพาเพื่อนมานอนด้วย” ผมแถอีกแล้ว บาปกินกบาลผมจนกะโหลกผมไม่เหลือแล้วมั้งครับ มันจะนอนบ้านผมได้ยังไงถ้าผมยังมีอาการแปลกๆ กับมันอยู่อ่ะ
“แล้ว?”
“คงมีคนอยู่เต็มบ้าน”
“กูอยู่แต่ในห้องมึงก็ได้”
“เชี่ยสิก”
“มึงทำผิดกับกูไว้นะ มึงยังมีสิทธิ์ปฏิเสธกูอีกเหรอวะ”
ผมเดินหมากผิด ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมคิดเอาไว้มันไม่เคยเป็นอย่างที่ผมคาดการณ์เอาไว้เลยสักนิด
บ้านผม เวลา 20.54 น.
ไอ้สิกนอนอ่านการ์ตูนสบายใจเฉิบอยู่บนเตียงของผม ส่วนผมเดินไปเดินมาและก็ทำหน้าเคร่งเครียด รู้สึกแปลกไปหมด มันไม่ควรจะลงเอยแบบนี้ไม่ใช่เหรอครับ ทำไมไอ้เชี่ยนี่มันต้องอยู่มาอยู่ตรงนี้ ทั้งๆ ที่วันนี้มันควรไปเดตกับสตาร์แท้ๆ
ผมแอบรู้สึกผิดกับสตาร์นิดๆ แฮะ
“เป็นห่าไรวะ เดินไปเดินมาอย่างกับหนูติดจั่น” ไอ้สิกขยับที่ให้ผม “ถ้าอยากนอนก็มานอนดิ ไม่ต้องเกรงใจกูหรอก”
กล้าพูดเนอะ นี่ห้องกูเองนะเว่ย “กูยังไม่ง่วง”
“จะเดินออกกำลังกายต่อเหรอ แล้วแต่นะ”
บ้านมึง! “เชี่ยสิก”
“อะไรวะ”
“มึงทิ้งสตาร์มาได้ยังไง”
ไอ้สิกชะงัก มันพลิกตัวขึ้นมาและก็หรี่ตามองผม “กูทิ้งใครนะ”
“มึงทิ้งสตาร์”
“มึงต่างหากที่ทิ้งกูอ่ะ” ไอ้สิกโวยลั่น มันลุกขึ้นจับตัวผมให้ล้มลงไปกับเตียง เอาขากอดก่ายตัวผมพร้อมๆ กับใช้มือเคาะหัวผมแรงๆ “ทำแบบนั้นกับกูได้ยังไงวะ กูเพื่อนมึงนะ”
“โอ๊ย! ไอ้สัด กูเจ็บ”
ไอ้สิกเลิกตีผมทันที มันลุกขึ้นนั่งในขณะที่ตัวผมยังนอนอยู่ “มึงทำกูสับสนขึ้นทุกที”
ผมนอนนิ่งๆ บนตักของอีกฝ่าย “สับสนอะไร”
“มึงชอบสตาร์จริงหรือเปล่าวะ”
“หวะ ว่าไงนะ” ผมก็ชอบจริงน่ะสิ ถามออกมาได้ไงวะ
“ถ้ามึงชอบเขา ทำไมมึงปล่อยให้เขาอยู่กับกูล่ะ”
“กูมีธุระไงสัด กูไปขี้”
โป๊ก! ไอ้สิกเคาะกบาลผม “พูดให้หมาฟัง หมามันยังไม่เชื่อมึงเลย”
“...”
“บอกกูมาเหอะ มึงมีอะไรปิดบังกูป่ะวะ ยิ่งปล่อยไว้แบบนี้ ไม่รีบพูดไวๆ เรื่องยิ่งจะยุ่งไปเรื่อยๆ นะ”
“มึง มึงมั่วแล้ว” ผมเฉไฉ “ทุกอย่างยังเหมือนเดิมเว่ย กูแค่ไปขี้ และจำเป็นต้องทิ้งมึงไว้กับสตาร์ กูใจสลายมากที่ปล่อยให้คนสวยแบบนั้นอยู่กับคนหล่อๆ แบบมึง กูอิจฉาแทบตายอ่ะ”
ปีหน้าผมคงถูกเสนอชื่อเขาชิงออสการ์แน่ๆ ถ้าผมจะทำการแสดงได้ถึงขนาดนี้ ไอ้สิกมองผมแล้วเลิกคิ้ว ในขณะที่ผมนั้นไม่กล้าสบตากับมันเลยแม้แต่น้อย
“กูไปทำการบ้านก่อนนะ” ผมบอกมัน
“วิชาไร”
“เลข”
“เชี่ย สมุดเลขกูอยู่บ้าน”
“ช่วยไม่ได้ มึงอยากมานอนบ้านกูเอง” ผมลุกหนีจากมันและก็เดินไปที่โต๊ะเขียนหนังสือ รู้สึกว่าตัวเองหายใจหายคอได้สะดวกมากยิ่งขึ้นเมื่ออยู่ห่างจากเพื่อนผมคนนี้
มันบอกผมยิ่งปล่อยไว้เรื่องก็จะยิ่งยุ่งไปเรื่อยๆ ผมเข้าใจดีถึงความหมายของมัน
แต่ผมก็สับสนเกินกว่าที่จะทำอะไรทั้งสิ้น
เช้าวันต่อมา
ไอ้สิกหายไปจากบ้านผม พอผมถามแม่ แม่ก็บอกผมว่าสิกออกไปแต่เช้าและก็บอกว่าจะกลับมาหาผมใหม่ ผมไม่เข้าใจในความหมายที่มันพูดไว้กับแม่เท่าไหร่จึงปล่อยๆ ไป แต่ทว่าพอถึงช่วงเวลาสายๆ ไอ้สิกก็โผล่หน้ามาที่บ้านผมอีกรอบ
แม่งมาบ้านผมอย่างกับบ้านผมเป็นเซเว่น
ไอ้สิกมันกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้าน ที่สำคัญมันเอาชุดนักเรียนสำหรับเรียนในวันพรุ่งนี้ ชุดนอนคืนนี้ กระเป๋านักเรียน และก็สมุดการบ้านวิชาเลขมาพร้อมอย่างเสร็จสรรพจนแม่ผมยังอึ้ง แม่ไม่ค่อยบ่นเลยครับเรื่องที่สิกชอบมานอนบ้าน ตรงกันข้ามกลับชอบเสียด้วยซ้ำ
แม่บอกผมว่ามองหน้าสิกเจริญหูเจริญตากว่ามองหน้าผมเยอะ
แม่ นี่ผมเองนะ ผมลูกแม่ไง!
เอาเป็นว่าผมชินซะแล้วล่ะครับกับการที่ทุกคนบนโลกเห็นว่าไอ้สิกมันเป็นคนหล่อ แต่ผมไม่เคยชินเอาเสียเลยกับการที่มันชอบมานอนบ้านผม โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่โคตรเสี่ยงแบบนี้ด้วย
อะไรที่เสี่ยงน่ะเหรอ
อาการแปลกๆ ที่ผมมีต่อมันไง มันรุนแรงมากขึ้นทุกที และยิ่งไปกว่านั้นไอ้สิกแม่งไม่ยอมปล่อยให้ผมตั้งหลักเลย เอาแต่มาอยู่ใกล้ผมจนตอนนี้ผมไม่รู้จะหาเรื่องอะไรมาแถให้มันอยู่ห่างๆ จากผมแล้ว
ผมรู้สึกผิดกับสตาร์ และที่สำคัญผมรู้สึกผิดกับเพื่อนผม ผิดที่ผมไปรู้สึกบ้าๆ แบบนี้กับเพื่อน
เพื่อป้องกันไม่ให้ทุกอย่างมันมากไปกว่านี้ ผมจึงจำเป็นต้องอยู่ห่างจากเพื่อนผมไว้ ถึงแม้ว่าจะทำได้ยาก แต่ผมก็จะทำ
“เชี่ยตังทำผิดป่ะวะ” ไอ้สิกที่ลอกการบ้านไอ้ตังอยู่มองดูสมุดไอ้ตังอย่างพินิจ
ผมเริ่มใจคอไม่ดี “มึงอย่าพูดแบบนั้น กูลอกจนเสร็จแล้วนะเว้ย กูขี้เกียจแก้”
“เอางั้นเหรอ ถ้ามันผิดมึงก็ยอมปล่อยไปเหรอ”
“เออ”
“งั้นกูผิดไปกับมึงด้วยก็แล้วกัน”
“อะไรของมึง” ผมรำพึง
“กูทำถูกคนเดียวในกลุ่มมันก็แปลกๆ อ่ะ” มันพูดไปลอกไป
“สรุปเชี่ยตังทำผิดจริงๆ ใช่ป่ะ”
“มึงจะแก้ป๊ะล่ะ”
“กูขี้เกียจ” เจริญจริงๆ ผม...
“งั้นก็ปล่อยไว้”
เมื่อเทียบกับความขยันแล้ว ผมน้อยกว่าเด็กห้องคิงอย่างสตาร์หลายขุม วันนี้เขาก็คงจะอยู่ที่เรียนพิเศษที่ไหนสักแห่ง ในขณะที่ผมนั้นกำลังนั่งกินน้ำส้มคั้นที่สวนหน้าบ้านกับไอ้เหี้ยสิกที่ลอกการบ้านผิดๆ ของคนอื่นอยู่
ผมมองไปที่เสียงเอะอะที่อยู่ข้างบ้าน วันนี้มีคนย้ายเข้ามาใหม่ ไอ้สิกเองก็พลอยมองไปด้วยเพราะระหว่างที่คนข้างบ้านขนของกันอยู่นั้นมันเสียงดังมากจริงๆ ผมรู้สึกคุ้นร่างสูงที่เดินเข้าเดินออกบ้านข้างๆ มากจนต้องสะกิดไอ้สิกหลายที
“อะไรวะ”
“กูคุ้นว่ะ” ผมรำพึง “มึงดูดิ”
ไอ้สิกมองตามผม ตอนนั้นเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ร่างสูงนั้นสบตาพวกเราพอดี
อื้อหือ คนๆ นั้นก็คือขาโหดประจำโรงเรียน เขาชื่อว่า ‘พี่ดิน’ เป็นหัวหน้าสารวัตรนักเรียนชั้นม.6 นอกจากนั้นยังเป็นหัวหน้ากองร้อยตอนเรียนรด.ด้วยครับ (ใครได้เป็นหัวหน้ากองร้อยจัดได้ว่าต้องตัวใหญ่ แข็งแรง มีภาวะผู้นำสูง) วีรกรรมพี่เขาโหดสัดรัสเซีย เนี้ยบจัดไม่พอยังมีกำลังวังชาสูงส่งอย่างกับไม่ใช่เด็กมัธยม กระทั่งเพื่อนรุ่นเดียวกันกับพี่เขายังกลัวอ่ะ
ผมกับไอ้สิกยกมือไหว้ พี่เขาพยักหน้ารับก่อนที่จะขนของเข้าบ้านต่อ
“เราต้องไปช่วยป่ะวะ” ผมรำพึง
“เขาขนใกล้เสร็จแล้วมั้ง”
“เหรอวะ”
แม่ง วางตัวไม่ถูกเลยจริงๆ ถ้าคนที่ย้ายมาบ้านข้างๆ เป็นคนอื่นไม่ใช่พี่ดิน ผมกับไอ้สิกคงวางตัวง่ายกว่านี้เยอะเลย พอเห็นว่ารถขนของเคลื่อนที่ออกไปไกลจากหน้าบ้านข้างๆ ผมกับไอ้สิกก็เลยหายใจคล่องคอมากยิ่งขึ้น และพึงคิดได้ว่าควรสนใจแต่เรื่องของตัวเอง ไม่ควรสนใจเรื่องของคนอื่น
ระหว่างที่ไอ้สิกกำลังทำการบ้านอยู่นั้น ผมแอบคุยกับสตาร์ในโทรศัพท์เป็นระยะๆ
STAR : เมื่อวานสิกดูรีบๆ อ่ะ
STAR : กูพยายามแล้วนะเว่ย
STAR : กูขอโทษ สตาร์กำลังพูดถึงเรื่องที่อยู่ร้านราเมนครับ
FUEN : ขอโทษทำไม
FUEN : มันใช่ความผิดของมึงที่ไหน
STAR : กูว่าสิกคงไม่ชอบกูหรอกว่ะ
FUEN : อย่าเพิ่งพูดงั้นดิ
STAR : อีกไม่นานกูคงต้องถามเขาตรงๆ ผมถอนหายใจ ไม่รู้จะแก้ปัญหานี้ยังไง ผมเองก็ใช่ว่าจะเป็นคนเก่ง เพียงแต่สตาร์เขาขอให้ช่วยผมก็ต้องช่วย สักพักโน้ตการ์ดก็ขยับมาอยู่ตรงหน้าผม คนที่ขยับมันก็คือไอ้สิกนั่นแหละ ผมก้มหน้าลงไปอ่าน
โน้ตการ์ดใบที่ 6
อย่าถอนหายใจบ่อย “อะไรของมึง” ผมร้อง
“จะจีบใครสักคนมึงไม่ควรแสดงความกังวลให้เขาเห็นนะ” ไอ้สิกพูดเหมือนเป็นเรื่องทั่วไป
“ตอนนี้คนๆ นั้นเขาเห็นกูซะที่ไหนกันเล่า” ผมโวยวายไปด้วยพิมพ์ข้อความตอบสตาร์ไปด้วย
FUEN : ลองอย่าถอนหายใจบ่อยดู STAR : ? “มึงพิมพ์สิ่งที่กูเขียนทำไม” ไอ้สิกที่ยื่นหน้ามาแอบอ่านที่ผมคุยกับสตาร์รำพึง ผมสะดุ้งตกใจ รีบผลักตัวมันให้ไปไกลๆ
“เสียมารยาทจังวะไอ้นี่”
“มึงคุยกับสตาร์อยู่เหรอ”
“เออ”
ไอ้สิกเลิกคิ้วมองผม มันเพ่งมองชนิดที่ว่าแม้แต่ผมที่เป็นเพื่อนมันมานานยังไม่กล้าที่จะสบสายตา ผมพยายามคิดเรื่องในหัวเพื่อเปลี่ยนประเด็น
“มึงเคยโกรธกูเรื่องไหนมากสุดวะ” ผมถาม
“เกิดบ้าอะไรขึ้นมาถึงถามแบบนี้”
“เออน่าตอบมาเถอะ”
“จริงๆ กูก็ไม่ค่อยโกรธมึงเท่าไหร่หรอก เพื่อนกันจะโกรธกันทำไม แต่สิ่งที่มึงทำเมื่อวาน กูน้อยใจที่สุดเลย”
“...”
“และกูก็งงมากด้วย”
“กูรู้สึกผิดเลยว่ะ” สีหน้าของผมหมองลง
“เออ มึงผิดจริง”
ผมอยากให้มันเข้าใจมุมของผมบ้าง ผมอายุแค่นี้ผมก็เลยคิดได้เท่านี้ ผมจะทำอะไรได้มากกว่านี้ล่ะ คิดอย่างเศร้าใจพลางถอนหายใจยาวเหยียด
“เพิ่งบอกไปว่าอย่าถอนหายใจ” ไอ้สิกเอ็ด
“สตาร์เขาไม่ได้อยู่ตรงนี้สักหน่อย” น้ำเสียงผมไร้รสชาติสุดๆ
“มึงนี่น้า” สิกส่ายหน้าเบาๆ ให้ผม
STAR : รู้ได้ไงว่ากำลังถอนหายใจอยู่
STAR : มึงเซนส์ดีจัง 555
จริงๆ แล้วกูไม่ได้เซนส์ดีหรอกเว้ยสตาร์
คนที่มึงชอบต่างหากที่เซนส์ดีอ่ะ
tbc*พี่ดินโผล่มาแวบๆ 555
น้องฟืน ไปขี้นี่เรียกว่าธุระใช่มั้ยลูกกกกกกกกกกก