บานาน่าโบ๊ทและเซียมซี
‘แอปเปิ้ล’ กับ ‘ทราย’ ?!
โอ้ย เจอคนยุ่งยากเข้าแล้วโว้ยยย
“อ้าว หวัดดีจ้า มาเสี่ยงเซียมซีเหมือนกันเหรอ” แอปเปิ้ลทักทายผมด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะหันไปถามนิลเรื่องอาการเมากาแฟเมื่อวาน
ส่วนทรายกับข้าว สองคนนี้มองหน้ากัน อืม...ผมจะอธิบายยังไงดี ถ้ามองเผินๆมันก็ดูเหมือนหนุ่มสาวกำลังเขินอายกัน
แต่ว่าถ้ามองดีๆแล้ว มันเหมือนสงครามเย็นขนาดย่อมๆมากกว่า เอ๊ะ...ถ้ามองอีกทีเหมือนฝ่ายทรายมันโจมตีไอ้ข้าวอยู่ฝ่ายเดียวเลยนี่
ผมพยายามส่งแรงใจเชียร์ไอ้ข้าวอย่างสุดความสามารถ จนกระทั่งมีเสียงทักขึ้นมาอีกครั้ง
“นี่นิล ที่ข้อมือคืออะไรเหรอ...” ยัยแอ๊บทำหน้าตาตกใจนิดหน่อยหลังจากที่เห็นกุญแจมือ
ผมถึงกับหน้าซีด ผมว่าผมพยายามซ่อนแล้วนะ ยัยนี่จะตาดีเกินไปแล้วนะ!
ในหัวผมมีแต่คำว่า ‘ฉิบหาย’ ลอยว่อนอยู่เต็มสมอง
“อะ..เอ่อ” ผมพยายามจะใช้สกิลการแถในการแก้ไขปัญหาไป แต่ว่าไอคนหล่อเลวนี่จะไม่ได้รู้สึกอะไรเลยด้วยซ้ำ
“กุญแจมือไง” ไอ้นิลมึงตอบได้หน้านิ่งมาก มึงไม่รู้สึกอะไรจริงๆเหรอ?!
เอ๊ะ..แต่สองคนนี้ก็เป็นแฟนเก่ากันมาก่อนนี่นา ถ้าจะพูดตรงๆก็ไม่แปลกอะไรหรอก
...แล้วทำไมผมต้องรู้สึกแย่ขึ้นมาอีกแล้วล่ะเนี่ย...
เราไม่ได้เป็นอะไรกับมันสักหน่อย สถานะยังไม่ชัดเจนเลย แล้วจะรู้สึกแย่ไปทำไม มันก็ไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย ใช่ไหมล่ะ...ในเมื่อคนปฎิเสธสถานะที่ชัดเจนก็คือ ‘ตัวผมเอง’
ไม่เข้าใจเลย นี่ผมเป็นอะไรไปอีกล่ะเนี่ย
‘หึง’ ไม่รู้สิ ผมว่ามันไร้สาระเกินไปนะ แค่คุยกันเองแท้ๆทำไมต้องรู้สึกขนาดนั้นด้วยล่ะ
“ทิวา”
เฮือก!! ผมสะดุ้งจากความคิดของตัวเอง รู้ตัวอีกทีแอปเปิ้ล กับทรายก็ไม่อยู่แล้ว ไอ้ข้าวด้วย
เดี๋ยวนะ สองคนนั้นพอเข้าใจได้ แต่ไอ้ข้าวไปไหน
“ไอข้าวไปไหนอ่ะ” ผมหันไปถามคนที่ยืนข้างๆผม
“มันบอกว่าจะไปหาพี่เซฟ”
จู่ๆก็ทิ้งเพื่อนไปหาผัวเลยเนี่ยนะ!
เฮ้อ...เอาเถอะ สงสัยว่าที่เจอกับทรายเมื่อกี้เลยทำให้ตัดสินใจเด็ดขาดขึ้นมา
ผมพยายามภาวนาให้ไอ้ข้าวผ่านเรื่องนี้ไปได้ด้วยดี
งั้นเสี่ยงเซียมซีกันดีกว่า!
“กูพึ่งรู้ว่ามึงชอบอะไรแบบนี้” ไอนิลถามผมขึ้นมา
“ไม่อะ กูชอบแค่เซียมซีแค่นั้นแหละ ถ้ามึงลองเขย่าแล้วมึงจะเข้าใจ”
อีกฝ่ายไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่เดินตามผมมาเงียบๆเท่านั้น
ผมค่อยๆนั่งลงในห้องเสี่ยงเซียมซี จากนั้นผมก็หยิบกระบอกเสี่ยงขึ้นมาแล้วเริ่มเขย่า
ผมชอบเสียงตอนเขย่าจริงๆนะ สำหรับผมมันน่าฟังอย่างบอกไม่ถูก
‘แกรก’
หล่นมาแล้ว อืม...เบอร์สิบสาม โห ลักกี้นัมเบอร์สุดๆ
“อ่ะ มึงก็เสี่ยงดิ” ผมส่งกระบอกไปให้มันต่อ ซึ่งมันก็เริ่มทำตามแต่โดยดี
ผมสงสัยจังว่ามันไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนจริงๆเหรอ แต่ก็ว่าอย่างว่า ตระกูลคุณหนูก็เงี้ยแหละ
พูดถึงลูกคุณหนู จะว่าไปถ้ามองมันดีๆ ถ้าไม่นับเรื่องหน้าตาที่ออกนักเลง พฤติกรรมการแสดงออกของมันก็ดูเป็นคุณชายอยู่ไม่ใช่น้อยนะเนี่ย
อย่างบางทีมารยาทการกินข้าวของมันก็ดูปราณีตมากก็จริง แต่ดูๆไปแล้วก็เป็นธรรมชาติ
สรุปแล้วมันคือลูกคุณหนูตัวจริงเสียงจริงเลยสิเนี่ย ผมมองไปหาคนที่กำลังเขย่าเซียมซีอย่างเงอะงะ
ดูๆไปมันก็น่ารักดีนะ แบบแปลกๆน่ะ
ผมยิ้มออกมาเล็กๆ
จนในที่สุดไอ้นิลก็เขย่าเสร็จจนได้
“ได้เลขอะไร”
“เจ็ด”
จากนั้นผมก็บอกให้มันลุกขึ้นยืน แล้วเดินตามผมมาหยิบใบเซียมซี
ผมดูใบเซียมซีของตัวเองอย่างประหลาดใจ
ผมไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ...เอาเถอะน่า ของแบบนี้มันก็แค่กุศโลบาย
“ไอนิลของมึงว่าไง” ผมพับใบเซียมซีเข้ากระเป๋ากางเกงของตัวเอง ก่อนจะเงยหน้าหันไปถามคนข้างๆ
“ช่วงนี้คิดอะไรก็จะสมหวัง ใจความมันประมาณนั้น” ไอนิลตอบมาด้วยสีหน้านิ่งๆจนผมเดาไม่ออกว่าสรุปมันดีใจหรือไม่ดีใจกันแน่ที่ได้คำทำนายออกมาแบบนั้น
“แล้วของมึงล่ะ” มันถามผมกลับ
“เอ่อ ช่างของกูเถอะ ป่ะไปเดินรอบๆกัน ใกล้จะบ่ายโมงแล้ว” ผมเบี่ยงประเด็นคำถามของมัน มันก็ไม่ได้เซ้าซี้ผมต่อ เมื่อเห็นผมไม่อยากตอบ
จากนั้นพวกผมก็เดินไปรอบๆครับ เจอขยะก็เก็บบ้าง เจอคนเดือดร้อนก็เข้าไปช่วยบ้างไรบ้าง
แต่วันนี้มันร้อนจริงๆนะ มีลมก็จริงแหละ แต่แดดมันร้อนมากเกินไปจนเดินไปไม่ถึงชั่วโมง ผมก็ต้องมานั่งพักใต้ต้นมะพร้าวแล้ว เพราะผมร้อนมากจนเดินเซ ไอนิลเห็นก็เลยพาผมมาพัก
“เฮ้อ...” ผมถอนหายใจเอาความเหนื่อยล้าออกมา
“ไหวไหม อ่ะน้ำ” คนที่นั่งข้างๆผมถามขึ้นมา
ผมคว้าน้ำที่ได้มันมาดื่มอย่างรวดเร็ว
เฮ้อ สดชื่นจริงๆ!!
“นั่งพักไปก็แล้วกัน แค่นี้ก็น่าจะพอแล้วแหละ” ไอนิลพูดพลางจ้องนาฬิกาข้อมือ
“กี่โมงแล้วอ่ะ”
“บ่ายสองกว่าแล้ว”
เย้!! เวลาฟรีไทม์ของผม!
“งั้นกลับห้องพักกันเถอะ!!” ผมพูดอย่างเริงร่า จะได้ไปนอนตากแอร์เย็นๆรอเวลาสันฯอย่างเดียว
แหม ช่วงนี้จะมีโชคของไอนิลสงสัยจะเผื่อแผ่มาทางผมด้วยนะเนี่ย โชคดีจริงๆที่วันนี้ผ่านไปด้วยดี โดยแทบไม่มีคนเห็นกุญแจมือนี่!
มันพยักหน้าแล้วก็เดินกลับห้องพร้อมกับผม
ห้องพัก
เมื่อถึงห้องไอ้นิลก็ดึงตัวผมดุ่ยๆไปที่สัมภาระของมัน
“หืม..มีไร” ผมมองมันที่กำลังค้นของอยู่
“อ่ะนี่ ชุดว่ายน้ำ มึงไม่ได้เอามาใช่ไหม”
มันยื่นชุดว่ายน้ำมาให้ผม มันเป็นกางเกงตัวเล็กๆ เนื้อผ้าเป็นผ้าแบบใส่สบาย ไม่ใช่ชุดว่ายน้ำรัดติ้วแบบใช้ว่ายในสระน้ำ
ผมจ้องหน้ามันอย่างงุนงง
“มึงไม่ได้เอาชุดมาไม่ใช่เหรอ” ไอ้นิลถามผม
“ใช่ ไม่ได้เอามา...แต่มึงจะไปเล่นน้ำเหรอ”
มันพยักหน้าตอบกลับมา
อืม เอาไงดีหว่า คือผมก็ไม่ได้อยากเล่นด้วยเนี่ยสิ แต่จะพูดไปตรงๆก็กลัวเสียน้ำใจมันอีก อุตส่าเอาชุดว่ายน้ำมาให้ด้วย
แถมหน้าตายังดูตื่นเต้นแบบที่ไม่เคยเป็นสุดๆ!
แต่ถ้าจะให้ไปเล่นทั้งๆที่ไม่เต็มใจมันก็...
ลองปฎิเสธดีๆดูแล้วกัน
“โทษทีว่ะมึง แต่กู--” ผมมองหน้ามันขณะพูด แต่ตอนนี้คนหน้าตาย กำลังทำหน้าผิดหวังแบบสุดๆเลยครับ
ทำไมรู้สึกตัวเองดูเลวขึ้นมาทันที
“กู...กู..กูไปเล่นก็ได้”
มันกลับมาหน้าตาสดใสอีกครั้ง เฮ้อ...มันอายุเท่าผมจริงป่ะเนี่ย
ชายหาด
สุดท้ายผมก็ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วมาทะเลจนได้ ช่วงเปลี่ยนเป็นชุดนี้ผมก็ไม่ได้อะไรหรอกครับ แค่เคลื่อนไหวลำบากนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้ขนาดนั้น ผมแค่ต้องหลบตาไม่ได้เผลอไปมองส่วนล่างของมันแค่นั้นแหละ เล่นเอาเกือบแย่เหมือนกัน
ตอนนี้ทุกสายตาจับจ้องมาทางผมและไอ้นิลครับ ซึ่งมันก็ไม่ได้แปลกอะไรหรอก ไอคนที่ยืนข้างผมเนี่ยโครตดูดีอย่างกับนายแบบขนาดนี้ จะมองกันมากมายก็คงไม่แปลกอะไร
แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า จะเกิดอะไรขึ้นถ้ามีคนเห็นว่าเทพบุตร กำลังโดนล็อกตัวอยู่กับผู้ชายที่มองยังไง๊ยังไงก็ไม่แมน
หึ คงไม่มีใครมองไอ้นิลแย่ลงหรอก อย่างดีมันก็แค่มองไอนิลเปลี่ยนไปแบบ เอ้อไอนี่ไม่แมนนะเว้ย
แต่ผมเนี่ยสิ! จะโดนมองยังไงก็ไม่รู้!
แค่เกิดมาหน้าหวาน ผิวขาว ตัวเล็ก ขนตายาวแค่เนี่ย!! ทำม๊ายยยยย(ร้องไห้)
เกลียดมนุษย์ก็ตรงนี้นี่แหละ! แต่จะไปด่าก็ไม่ถูก เพราะใช่ว่าผมจะไม่เคยทำ มองคนจากภายนอกเนี่ย
เพราะงั้นผมก็เลยต้องแก้ปัญหาด้วยการเอามือข้างที่มีกุญแจมือไขว้ไว้ด้านหลัง อาจจะโดนมองว่าเป็นแฟนกันก็จริง แต่ก็ยังดีกว่าโดนนินทา
ไอนิลมองมาทางผมที่จู่ๆกับจับมือมันแล้วเอาไขว้หลังไว้ด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“มีอะไร” ผมเงยหน้าขึ้นไปมองมัน ไม่ใช่ว่าผมไม่เขินนะที่ทำแบบนี้เนี่ย แต่มันจำเป็น! เข้าใจไหม!!
“เปล่า” มันยิ้มบางๆมาให้ผม
ผมยอมรับเลยว่าทุกครั้งที่มันยิ้มให้ผม ไม่ว่าจะจากสาเหตุอะไรก็ตาม
...ใจผมสั่นทุกทีเลย...
คนบ้าอะไรก็ไม่รู้ยิ้มโครตดูดี เกลียดจริงๆ
อืม..เอาจริงๆถ้าให้ผมนั่งเล่นๆอยู่ริมชายหาด ผมก็โอเคนะ แม้มันจะร้อนไปหน่อย แต่ลมจากทะเลมันก็ทำให้ผมลืมเรื่องนั้นได้อย่างสบายๆ
“ไปเล่นน้ำกัน!” ผมหันไปมองไอนิลแบบโครตตกใจ
มันเอ่ยปากชวนคนอื่นเป็นด้วย! น้ำเสียงดูตื่นเต้นสุดๆ แม้ว่าหน้าตาจะไม่ใช่เลยก็ตาม!
แต่เอาเถอะ มันชวนทั้งที ไปก็ได้
ผมยิ้มพร้อมกับพยักหน้าให้มัน นี่ถ้าไม่ติดว่าผมตัวเล็กกว่า ผมคงจะมองว่าไอ้นิลเป็นฝ่ายรับไปแล้วนะเนี่ย ดูแต่ละอย่าง อย่างกับเด็กแหนะ
เอ๊ะ นี่ผมคิดอะไร
จากนั้นเมื่อเล่นน้ำไปสักพัก ไม่สิ มันเล่นอยู่คนเดียวชัดๆ ผมก็แค่เดินตามมันเท่านั้นเอง คนบ้าอะไรไม่รู้เล่นคนเดียวได้ เหมือนเดินไปตีน้ำไปอย่างเดียว จนผมสงสัยว่ามันสนุกจริงๆเหรอ
“ไอนั่นใช่ บานาน่าโบ๊ทป่ะวะ”
ผมมองไปทางตามที่ไอ้นิลชี้ เรือสีเหลืองสดใสกำลังจอดอยู่ใกล้ๆชายหาด
“อ่าใช่”
“อยากลองเล่นดูอ่ะ”
“ไม่” ผมปฎิเสธทันควัน
บานาน่าโบ๊ทเนี่ยผมเคยเล่นมาก่อนครั้งนึงสมัยมัธยมต้น มันจะต้องขับไปช่วงกลางทะเล ซึ่งแถวนั้นผมยืนไม่ถึง! ไม่หรอกยืนถึงแหละ แต่มันเกือบๆจะมิดหัวผมเท่านั้นเอง แม้มันจะมีเสื้อชูชีพให้ แต่ความกลัวอ่ะครับ เคยกลัวแล้ว มันก็ยังกลัวอีกอยู่ดีนั่นแหละ
ผมเป็นโรคกลัวน้ำลึก ตราบใดที่ผมรู้ว่าผมยืนไม่ถึง อย่าหวังว่าผมจะเดินไปตรงนั้น ไม่แม้แต่จะเฉียดด้วยซ้ำ เพราะงั้นผมถึงได้เกลียดทะเล ที่ไม่มีบอกว่าตรงไหนลึกเท่าไหร่ ไม่เหมือนน้ำสระ
ไอนิลมองผมด้วยสีหน้าผิดหวัง หึ อย่าหวัง ผมไม่ไปเล่นแน่ๆ! แค่ยอมมาเล่นน้ำด้วยก็บุญเท่าไหร่แล้ว!
ผมพยายามใจแข็งสู้มัน แต่ว่ามันก็เอาแต่จ้องผมเป็นน้องหมาหน้าหงอย และมันเริ่มจะเอาหัวมาไถๆตัวผมแล้ว
“ขนลุกว้อย!! มึงคิดว่าตัวเองทำแล้วจะน่ารักมากหรือไงห๊ะ!” มึงไม่ใช่คนตัวเล็กน่ารักสักหน่อยที่ทำท่าแบบนี้แล้วผมจะใจอ่อน
“ทิวา ไม่ได้หรอ” พอมันเห็นว่าอ้อนด้วยท่าทางไม่ได้ ก็เริ่มใช้เสียงแทน
“ทิวา” อึก ไอ้ลาเต้ มึงต้องใจแข็งไว้นะเว้ย มึงต้องใจแข็ง!
“อ้าว จับแน่นๆนะครับ เรือจะออกแล้ว” เสียงคนขับเรือดังมาจากด้านหน้าผม
ทำไมกัน ทำไม! ทำไมผมถึงเผลอใจอ่อนยอมทำตามมันอีกแล้ว! ฮึก...หาเรื่องใส่ตัวอีกแล้วกู
คุณพ่อคุณแม่ครับ...ทำไมลูกคุณพ่อคุณแม่ถึงเป็นคนแบบนี้นะครับ
จากนั้นเรือก็เริ่มออกจนได้ ในตอนนี้ผมนั่งอยู่ด้านหน้าสุด นิลนั่งต่อจากผม ส่วนอีกสามที่ด้านหลังเป็นเพื่อนร่วมคณะที่ผมไม่รู้จัก มีหญิงแท้สอง หญิงเทียมอีกหนึ่ง
เอาเป็นว่าผมรู้อย่างเดียว สามคนนี้มันเห็นกุญแจมือของผมกับนิล แล้วก็ซุบซิบนินทากันอย่างไม่หยุดปาก ผมก็ไม่รู้จะไปแก้ตัวยังไงดี ก็เลยปล่อยเลยตามเลย บวกกับผมไม่มีอารมณ์จะไปต่อล้อต่อเถียงด้วย
ก็ตอนนี้ผมเครียดกับเรื่องที่ตัวเองจะเจอต่อจากนี้มากกว่าน่ะสิ!
หลังจากที่บานาน่าโบ๊ทเริ่มเคลื่อน ก็จะเปรียบเสมือนกับการนั่งเรือรับลมธรรมดาๆ ซึ่งเมื่อผมหันไปมองคนด้านหลังผมก็เห็นไอ้นิล นั่งหันมองไปทางทะเลที่แผ่กว้างออกไปสุดลูกหูลูกตาด้วยความตื่นเต้น
อืม อย่างน้อยผมก็เห็นแบบนั้นล่ะนะ
ส่วนสายตาสามคนหลัง ถึงแม้ผมจะไม่ได้เห็นตรงๆ ผมก็มั่นใจได้ว่าสามคนนั้นกำลังหลงสเน่ห์ไอนิลอย่างแน่นอน เพราะถ้ามองในมุมมองคนอื่น เหมือนกับไอ้นิลกำลังถ่ายเอ็มวีอยู่มากกว่า
แสงแดดที่กระทบพื้นน้ำแล้วสะท้อนไปที่ตัวนิล สายลมที่พัดเส้นผมของไอนิลให้ปลิวไสว บวกกับรอยยิ้มมุมปากของมัน โครตเท่ โครตคูล โครตงานดี สุดยอดแห่งความหล่อลากกระชากไส้
เพราะงั้นผมจึงรู้สึกภูมิใจอยู่นิดหน่อยที่ไม่หลงสเน่ห์ที่มันปล่อยออกมาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว เฮ้อ แต่ก็ยอมรับแหละว่าผมก็แอบเขินๆมันอยู่นิดหน่อย เพราะมันก็ดูดีจริงๆ
จากนั้นเรือก็เริ่มแล่นเร็วขึ้น ผมหันหน้ากลับมามองข้างหน้าเช่นเดิม
ผมที่มีประสบการณ์การนั่งบานาน่าโบ๊ทมาก่อนสามารถรับรู้ได้ทันทีว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ ผมจับเรือให้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้
กำลังจะเทกระจาดแล้ว
พอคิดภาพที่ตัวเองนั่งรอดอยู่บนเรือคนเดียว แล้วที่เหลือตกน้ำ มันก็ทำให้ผมสะใจไม่น้อย
อยากเห็นภาพไอหล่อตกน้ำแล้วเว้ย ผมหัวเราะในใจ
ทันทีทันใด เรือเลี้ยวกลับอย่างกะทันหัน ทำให้คนที่นั่งอยู่บนบานาน่าโบ๊ทถูกแรงเหวี่ยงจนหล่นจากเรือไป
ในจังหวะนั้นผมจับเรือไว้แน่นมากชนิดที่ว่าผมไม่คิดว่าตัวเองจะหล่นไปได้
แต่ผมลืมไปอย่าง
ลืมไอห่า ‘กุญแจมือ’ เนี่ย!!!
เพราะงั้นเมื่อไอ้นิลร่วงลงไปจากเรือ กุญแจมือมันก็กระชากผมลงไปด้วย
‘ตูม’
ผมเกร็งร่างกายอย่างรวดเร็วด้วยความผวา ก่อนจะรีบโผหาที่เกาะอย่างรวดเร็ว ซึ่งสิ่งที่ใกล้ที่สุดก็คือแขนของไอ้นิลเนี่ยแหละ
กูตาย มึงก็ต้องตายแหละวะ!
“เฮ้ย ใจเย็นๆ” ไอ้นิลพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
ใช่ สถานการณ์แบบนี้ต้องใจเย็นๆ เสื้อชูชีพก็มีอยู่ ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกยาว
หือ...ที่เท้าของผมสัมผัสได้ถึงทราย ผมจึงค่อยๆเย่งขาแตะดู
ผมยืนถึงนี่หว่า...
น้ำสูงถึงแค่อกผมเท่านั้นเอง
จริงสิ ก็ที่ผมเล่นเมื่อตอนนั้นมันคือมอต้นนี่นา ตอนนี้อยู่มหาลัยแล้ว มันก็ต้องสูงขึ้นดิ
ผมหันไปหาไอ้นิล ก่อนจะหันกลับไปหาเพื่อนร่วมคณะที่ไม่รู้จักอีกสามคน หรือแม้กระทั่งคนขับเรือ
ทุกคนกำลังกลั้นขำอยู่
...ผมจะไม่ลืมความเจ็บปวดนี้เด็ดขาด...
...อย่าหวังว่าผมจะเล่นไอ้บานาน่าโบ๊ทอีกเป็นครั้งที่สาม...
ในที่สุดทุกอย่างก็จบลง พร้อมกับบาดแผลแห่งความทรงจำของผม
ฮึก...ทำไมกันนะ ผมโครตอับอายขายขี้หน้าสุดๆ ถึงแม้ว่าคนที่รู้จะมีแค่ห้าคนก็เถอะ
ตอนนี้ผมมานั่งพักอยู่ที่ริมหาด ถ้าผมจำเวลาไม่ผิดตอนนี้ก็น่าจะราวๆสี่โมงเกือบห้าโมงแล้ว ได้เวลากลับไปอาบน้ำกินข้าวเย็นรอเวลาสันฯ อีกรอบนึง
“มึงเป็นอะไรมากไหม” ตอนนี้ไอ้นิลกลับมาทำหน้านิ่งเหมือนเดิมแล้ว
ผมมองมัน แล้วก็ส่งสายตาสิ้นหวังไปให้มันเท่านั้น
หึ! อย่างที่คิด สุดท้ายวันนี้ผมก็เจอเรื่องอับอายจนได้ และสาเหตุก็มาจากกุญแจมือจริงๆ!
สงสัยเซียมซีที่นี่จะไม่แม่นซะแล้วล่ะมั้ง
ผมค้นกระเป๋ากางเกงเพื่อจะเอาใบเซียมซีมาโยนทิ้งลงน้ำไป
อ๊ะ...จริงสิ มันอยู่ในกางเกงก่อนเปลี่ยนมาเป็นกางเกงว่ายน้ำนี่หว่า
“ป่ะ กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากัน”
ผมลุกขึ้นก่อนจะชวนมันกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ตอนนี้มันดูรู้สึกผิดไม่น้อยที่ชวนผมไปเล่นบานาน่าโบ๊ท
ผมหัวเราะให้มันเล็กๆก่อนจะพูดปลอบใจ
“โอ้ย ไม่ต้องคิดมากหรอก ผ่านไปแล้วก็แล้วไป กูก็คิดมากแป๊ปๆเท่านั้นแหละ เป็นไงสนุกไหมล่ะ”
มันที่เห็นว่าผมไม่ได้คิดอะไรมากก็สีหน้าดีขึ้นมาหน่อย
“อื้ม หนุกดี”
ที่ห้องพัก
ตอนนี้ผมต้องอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกครั้งครับ....
ผมยังไม่ได้ลืมเรื่องเมื่อเช้าหรอกนะ เพราะงั้นครั้งนี้ต้องมีมาตรการเพิ่มเติม!
“ไอ้นิล ครั้งนี้มึงต้องอาบเองนะว้อย ไม่เอาแบบเมื่อเช้าแล้วนะ!”
ครั้งนี้มันพยักหน้าทำตามแต่โดยดี ไม่แปลกหรอก ก็เล่นก่อเรื่องให้ผมขนาดนั้น มันก็สมควรอยู่ ถ้ามาดื้อๆเดี๋ยวตบหัวทิ่ม
ว่าไปนั่น ถ้าเกิดมันจะดื้อขึ้นมาจริงๆผมก็ห้ามไม่ได้หรอก
ผมกับมันค่อยๆเดินเข้าไปในห้องน้ำ โดยที่ครั้งนี้ไม่ได้ร่างกายเปลือยเปล่า เพราะผมขู่มันไว้ว่าถ้าถอดหมด ผมจะเคือง มันก็เลยยอมๆทำตามไปแต่โดยดี
ผมเอื้อมมือไปเปิดฝักบัวให้น้ำไหลผ่านตัวผม ครั้งนี้ผมขออาบก่อนเพราะผมไม่ชอบกลิ่นน้ำทะเลที่ติดตัวอยู่
“นี่ทิวา มึงคิดยังไงกับกูกันแน่”
ผมหันขวับไปหามัน ทำไมจู่ๆก็มาคำถามเครียดเฉยเลยวะ ผมไม่เข้าใจระบบการคิดของไอนิลเลยจริงๆ
ตอนนี้ผมรู้สึกอึดอัดนิดหน่อย แต่ถ้าจะไม่ตอบแล้วหนีไปแบบในนางเอกละคร ผมก็ไม่อยากจะทำ แถมมันจะทำให้คนตรงหน้าเสียเซลฟ์ด้วย มีแต่เสียกับเสีย
ผมถอนหายใจออกมาเฮือกนึง ก่อนจะมองไปที่คนตรงหน้าแบบตรงไปตรงมา
“กูก็ไม่ค่อยเข้าใจตัวเองหรอก แต่ตอนนี้กูรู้สึกชอบมึง...อือ ชอบนั่นแหละ”
ผมพยายามเก็บอาการตัวเองไม่ให้ใบหน้าร้อนไปมากกว่านี้ มันมีใครที่ไหนพูดสารภาพรักกันแบบโต้งๆอย่างผมมั่งล่ะ
...เอ๊ะ ก็มีนี่หว่า คนตรงหน้าผมนี่ไง...
“มึงนี่นึกว่าจะมาแนวขี้อายซะอีก กูนึกว่าชาตินี้จะต้องอยู่แบบนี้ไปทั้งชาตินะเนี่ย”
เฮ้ย ไอห่านี่ เอาความโรแมนติกคืนมานะเว้ย หรือมันไม่มีตั้งแต่แรกแล้ว
จากนั้นมันก็ยิ้มออกมา มันเป็นยิ้มที่ดูดีที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นในชีวิตนี้แล้วจริงๆ ยิ้มที่ออกมาจากใจ ยิ้มที่แสดงถึงความดีใจอย่างแท้จริง
“งั้นเป็นแฟนกันนะ”
ตอนแรกผมว่าจะไม่เขินแล้วนา แต่ประโยคนี้ยังไงๆมันก็ทนไม่ไหวนะเนี่ย ขนาดน้ำที่อาบยังช่วยให้หน้าผมหายร้อนไม่ได้เลย
นี่ร้อนยันหูแล้วนะเนี่ย...
ไม่น่าเชื่อว่าจะมีเทพบุตรสุดหน้าตาย(แต่รวย) จะมาบอกชอบคนอย่างผมที่แสนจะขี้โวยวายอย่างกับป้าในตลาดนัด
...ดีใจ...
ถึงมันจะไม่ได้ผ่านความลำบากอะไรมามากมายก็เถอะ ถึงมันจะราบรื่นจนน่ากังวลก็เถอะ แต่แค่ตอนนี้ผมก็มีความสุข
แค่นั้นก็พอแล้วไม่ใช่หรือไง
“อื้ม ดูแลกูดีๆแล้วกัน ถ้านอกใจกูฆ่าทิ้งจริงๆนะ” ผมหัวเราะทั้งๆที่ร่างกายร้อนผ่าวจากการเขินอาย
...ใบเซียมซีตอนแรกที่ว่าจะโยนทิ้ง ท่าทางผมคงต้องถอนคำพูด มันแม่นจริงๆจะเสียด้วย...
คนตรงหน้าผมเอามือดันกำแพงห้องน้ำไว้ ก่อนจะค่อยๆโน้มตัวลงมาหาผม อีกฝ่ายก็หน้าแดงเช่นเดียวกันกับผมนั่นแหละ ผมค่อยๆหลับตาลงช้าๆ รอรับสัมผัสอันแสนอบอุ่นที่อีกฝ่ายจะมอบให้
...ใบเซียมซีของผมน่ะนะ...
ริมฝีปากอันแสนหยาบกร้านของอีกฝ่ายสัมผัสผมอย่างแผ่วเบา และอ่อนโยน
...มันบอกว่า...
ลิ้นของอีกฝ่ายค่อยๆเปิดปากของผมที่เม้มไว้บางๆ
...จงเชื่อมั่นในรักที่เจ้ามี ความรักนี้จะแปรเปลี่ยนเป็นความสุข...
ความรุนแรงและอบอุ่นมันเกิดขึ้นพร้อมๆกันจนผมแทบจะละลายไปพร้อมกับน้ำที่ผ่านตัวผม
...หากแม้นเมื่อใดเจ้ามีทุกข์ จงเชื่อในความสุขที่เจ้ามี...
ตอนนี้ผมมีความสุขจนแทบบินได้
แต่ผมก็ต้องปรามมือของไอ้คนตรงหน้าที่พยายามลูบไล้ตัวผมไม่เลิก
“อย่ามาเยอะไอ้หื่น อาบน้ำ!”
อีกฝ่ายทำท่าหงอยๆ แต่ก็ไม่ทำอะไรต่อ ยอมอาบน้ำตามที่ผมบอกแต่โดยดี
ในที่สุดผมกับมันก็อาบน้ำแต่งตัวเสร็จจนได้
ครั้งนี้ค่อนข้างรวดเร็ว เพราะผมแทบไม่อายอะไรแล้ว ส่วนไอนิลมันก็ไร้ยางอายของมันอยู่แล้วเลยไม่มีปัญหาอะไร
แหม จะมีอะไรน่าอายไปกว่าเรื่องบานาน่าโบ๊ท กับการสารภาพรักในห้องน้ำอีกล่ะ
จากนั้นผมกับมันก็เตรียมตัวจะออกจากห้องเพื่อไปร่วมกิจกรรมสันทนาการต่อจากนี้
อ๋า จริงสิ...
“ไอนิลแป๊ปนะ เดินตามกูมาก่อน”
ผมรีบมุ่งหน้าไปยังกางเกงตัวเก่า หยิบใบเซียมซีที่พับไว้ออกมา ก่อนจะเก็บไว้ในกระเป๋าสัมภาระอย่างดี
เซียมซีใบนี้คงเป็นใบแรกและใบเดียวที่ผมจะยอมเก็บไว้อีกนานเลยล่ะ
“ป่ะ เสร็จแล้ว” ผมหันไปมองไอนิล ที่ตั้งแต่ออกจากห้องน้ำมาก็ยังยิ้มไม่หุบ ราวกับว่าไอ้นิลหน้าตายไม่เคยมีตัวตนมาก่อน
เฮ้อ...ถ้าออกไปสภาพนี้ปกติก็เด่นพออยู่แล้ว แถมไอ้นิลยังยิ้มเรียกความเด่นเพิ่มอีกให้ตายสิ
ก่อนที่มันจะเปิดประตูออกจากห้องไป ผมก็รวบรวมความกล้า เขย่งตัวขึ้นไปหอมแก้มมัน
กอดจะลงมามองมันด้วยทีท่าเขินๆ มันเองก็ประหลาดใจเหมือนกัน แต่เมื่อมันตั้งสติได้มันก็ก้มมาหอมแก้มผมกลับ
ผมลูบแก้มตัวเองเบาๆ...
“เดี๋ยวไปหาพี่เซฟให้ปลดกุญแจมือออกได้แล้วล่ะ เพราะตอนนี้กูได้แฟนแล้ว ไอนี่มันคงไม่จำเป็นอีกต่อไป” มันพูดก่อนจะหัวเราะเล็กๆ ก่อนจะพูดต่ออีกครั้ง
“ใบเซียมซีของกูนี่ก็แม่นเหมือนกันนะ”