-25-
แขกไม่ได้รับเชิญคูณสอง
“ฉันสั่งให้แกสองคนเลิกกันซะ!”
“พ่อไม่มีสิทธิ์สั่งให้ผมคบหรือเลิกกับใครทั้งนั้น”
บรรยากาศภายในห้องปกคลุมไปด้วยเงามืด ผมที่ยืนอึ้งอยู่ถึงกับทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยืนเหม่อ
“ถ้าคนนอกรู้ว่าแกคบกับผู้ชายความน่าเชื่อก็ลดลง สังคมจะมองยังไง ลูกเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่คบกับผู้ชาย มันคุ้มแล้วเหรอห๊ะ!”
“ผมไม่สนใครน่าไหนทั้งนั้น...”
“หึ! ฉันจะอ้วก เธอเองก็คงหิวเงินลูกชายฉันล่ะสิ อยากได้เท่าไหร่บอกฉัน แล้วรีบออกไปจากชีวิตลูกฉันซะ”
โอ้โฮ~ ชีวิตผมเหมือนหลุดมาจากละครหลังข่าว ไหนจะโดนพี่ชายแฟนจับไป พ่อผัวไม่ปลื้ม ใช้เงินฟาดหัว เงินนะซื้อผมได้ แต่ซื้อความรักจากผมไม่ได้หรอกนะ ฟังแล้วมันจี๊ด
“ขอโทษนะครับ จะพันล้าน หรือหมื่นล้านผมก็ไม่สน ขอตัวนะครับ สวัสดีครับ” ว่าจบผมก็ยกมือไหว้ ถ้าหากว่านี้ไม่ใช่พ่อของธนูผมคงฟาดด้วยคำพูดแรงๆ
ผมคว้ามือธนูเดินออกมาพร้อมกัน ยังไม่ทันพ้นประตู เสียงของคนเป็นพ่อก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“ถ้าแกกล้าก้าวออกไปจากห้องนี้ ก็อย่ามาเหยียบที่นี่อีก” ธนูชะงักเท้า ก่อนจะมองผม ถ้าธนูจะเลือกพ่อก็ไม่ผิดหรอก ผมเข้าใจทุกอย่างดี
“ขอโทษนะโซ่” ธนูว่าก่อนฉีกยิ้ม เขาทิ้งให้ผมยืนอยู่ตรงนี้ ถ้าเขาเลือกแล้วผมก็แค่ยอมรับความจริง นั้นพ่อเขานะเว้ย ส่วนผมก็แค่แฟน เป็นแค่คนนอก
“พ่อครับผมขอโทษ” ธนูว่าก่อนยกมือขึ้นไหว้ คนเป็นพ่อกระตุกยิ้มวูบหนึ่งก่อนจะหันมามองผม “ผมขอลาออก ทุกอย่างที่เป็นของพ่อ และบริษัทผมคืนให้ทั้งหมด” สิ้นสุดประโยค ธนูหมุนตัวเดินออกมา
“ไอ้ธนู แกมันไม่ได้เรื่อง ทำไมแกถึงไม่ได้สักครึ่งหนึ่งของศร” คำพูดของคนเป็นพ่อเหมือนดังน้ำมัน ที่ลาดบนไฟที่กำลังจะมอดดับให้ลุกโชนขึ้นมา
ธนูหันกลับไปมองคนเป็นพ่อนิ่ง มือทั้งสองกำหมัดแน่น “ครับ ต่อให้ผมทำดีแค่ไหน ผมก็ดีไม่เท่าศรอยู่แล้ว” น้ำตาเม็ดใสไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้
เขาคว้ามือผม ก่อนจะเดินออกมาทั้งน้ำตา ความเงียบเข้าปกคลุม ผมไม่รู้เลยว่าธนูกำลังคิดอะไรอยู่ ในตาเขาดูหม่นลง คำพูดจากคนในครอบครัวมักมีอิทธิพลทางความรู้สึกมากกว่าสิ่งใดคือเรื่องจริง
ผมพาธนูนั่งรถแท็กซี่กลับมายังบ้านของตัวเอง เพราะไม่กล้าถามว่าเขาจะไปไหน จะเอายังไงต่อ ธนูยังคงนิ่งเงียบไม่พูดอะไร นอกจากเดินตามเข้ามาในบ้าน
“นี่ห้องนอนผม เตียงมันเล็กไปหน่อย เดี๋ยวคุณนอนข้างบนก็ได้ผมจะออกไปเอาที่นอนเสริม”
“ไม่เป็นไร ฉันนอนพื้นเอง” ธนูว่า
“ได้ไงละคุณเป็นแขกนะ”
“ตามใจเธอแล้วกัน”
ผมเดินออกไปนอกห้อง จัดแจงทุกอย่างให้เรียบร้อย ก่อนที่จะมืดไปกว่านี้
“บ้านผมเล็กหน่อยนะครับ คุณอยู่ได้ใช่ไหม หรือว่าคุณอยากไปนอนที่โรงแรมบอกผมได้นะ” ผมนั่งชันเข่ากับพื้นมองคนที่นั่งอยู่
เขานั่งนิ่งๆ แบบนี้มาจะยี่สิบนาทีได้แล้ว
“โซ่...” เสียงเรียกสั่นเครือ ผมโผเข้ากอดธนูแน่น “ฉันแย่มากเลยใช่ไหม” เสียงสะอื้นดังในลำคอ ลาดไหล่สัมผัสได้ถึงน้ำอุ่นๆ ที่ไหลลงมา
“...”
“ต้องดีขนาดไหน พ่อถึงจะเห็นฉันสายตา”
“...”
“อะไรศรก็ถูกหมด ไม่ว่ามันจะทำอะไรก็ดีไปซะทุกอย่าง ต่างจากฉัน...”
“อันดับแรกคุณไม่ได้แย่หรอกครับ สิ่งที่คุณทำ สิ่งที่คุณเป็น ใครไม่เห็นแต่ผมเห็น ส่วนเรื่องคุณศร คุณคงยังไม่ได้คุยกันสินะครับ” ผมผละตัวออกจากกัน ก่อนจะเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมา
“โซ่... ตอนนี้ฉันไม่มีอะไรแล้วเธอยังจะรักฉันอยู่ไหม”
“ถ้าเป็นเมื่อก่อนตอนที่เรายังไม่ได้เจอกัน ผมยอมรับว่าผมแค่รักเงินคุณ”
“แล้วตอนนี้ละ”
“ก็ไม่รู้สิครับ คิดเอาเอง”
“ขี้โกงชะมัด” ธนูว่า “ว่าแต่เรื่องศรที่เธอว่าคืออะไรยังไง ทำไมฉันไม่เห็นรู้”
“ผมได้คุยกับเขาวันที่อยู่ที่เกาะนั่นแหละครับ ไม่มีอะไรหรอก” ธนูมองหน้าผมอย่างไม่เชื่อ “ไม่มีอะไรจริงๆ ครับ”
“โซ่” ธนูว่ากดเสียงต่ำ ทำเอาคนฟังเสียวสันหลังวาบ
“เฮ้อคุณนี่จริงๆ เลย” ผมบ่นอุบอิบ “คุณเชื่อหรือเปล่าว่าทุกคนมีปมอยู่ภายในใจ เราต่างก็ต้องได้อย่างเสียอย่างกันทั้งนั้น คุณศรเองก็ไม่ต่างกันหรอกครับ”
“...”
“ผมจะไม่พูดอะไรไปมากกว่านี้ มันเป็นเรื่องของคุณสองคน”
“...”
“ผมว่าคุณลองคุยกับศรหน่อยก็ดี จริงๆ แล้วถ้าคุณสองคนลองคุยกัน อาจจะไม่เป็นอย่างที่คุณคิดก็ได้”
“ฉันขอคิดดูก่อนแล้วกัน”
“คุณก็แบบนี้ตลอด ไปอาบน้ำเถอะครับ จะได้ออกไปกินข้าว” ผมว่าหยิบเช็ดตัวผื่นใหม่ออกจากตู้ส่งให้ธนู ก่อนจะเดินออกมาสั่งข้าว
หลังจากที่ไม่ได้สั่งพี่แกร๊บมานาน วันนี้ก็ได้ฤกษ์งามยามดีสั่ง ไม่นานนักอาหารก็มาส่ง ผมจัดการเตรียมโต๊ะอาหารเอาไว้ ก่อนจะโทรไปถามกุญแจว่ากลับบ้านกี่โมง
ผมเดินกลับเข้ามายังในห้องนอนเพื่อตามธนูออกไปด้านนอก สายตาผมก็ต้องสะดุดกับชุดที่เขาสวม มันฟิตมาก กางเกงขายาวก็ลอยขึ้นเหนือตาตุ่ม ภาพตรงหน้าทำคนมองอย่างผมหลุดหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
“ถ้าเธอไม่หยุดหัวเราะฉันจับเธอกด ให้เดินไม่ไหวเลยดีไหม”
“ครับๆ ก็มันตลกจริงๆ นี่”
ติ้งน่อง~
เสียงออดหน้าบ้านดังขึ้น ผมเดินออกมาดูก็พบกับพี่ไม้ และพี่แมทยืนอยู่
“พี่ไม้กับพี่แมทมาน่ะครับ”
“ฉันโทรเรียกมาเองแหละ”
เราทั้งคู่เดินออกไปหน้าบ้านพร้อมกัน ยังไม่ทันถามไถ่พี่ไม้ก็หลุดหัวเราะออกมาเสียงดัง
“บอสแต่งตัวอะไรเนี่ย”
“ตลกใช่ไหมพี่" ผมว่า
“ถ้าเธอสองคนยังไม่หยุดหัวเราะได้โดนดีแน่” ธนูหันกลับมาดุเสียงเข้ม “เธอก่อนเลยโซ่”
“ผมเกี่ยวอะไรอ่า~”
“ของที่สั่งครับ” พี่ไม้ยื่นกระเป๋าส่งให้ธนูพร้อมกับกุญแจอะไรบางอย่าง
“ขอบใจมาก”
“บอสจะไม่กลับไปจริงเหรอครับ” พี่ไม้ว่า
“เดี๋ยวค่อยว่ากัน พวกนายกลับกันได้แล้วมันจะดึก”
“ครับบอส” พี่ไม้ก้มหัวลงเล็กน้อยก็จะเดินจากไป
เมื่อรถตู้เคลื่อนตัวออกไปก็เผยให้เห็นมัสแตงสีแดงจอดอยู่ กุญแจที่พี่ไม้ให้คงเป็นกุญแจรถนั่นแหละ ธนูเดินกลับไปยังรถ ก่อนจะขับเข้ามาจอดที่หน้าบ้านเพื่อให้เป็นกิจจะลักษณะ
ส่วนกระเป๋าใบนั้นก็เต็มไปด้วยเสื้อผ้า ธนูเดินกลับเข้าไปเพื่อเปลี่ยนชุดใหม่ ไม่นานนักบุคคลที่สามก็โผล่มา
กุญแจเดินกลับเข้ามาในบ้านด้วยท่าทางซอมบี้เหมือนอย่างเคย
“รถใครวะจอดหน้าบ้าน”
“รถธนูว่าแต่มึงเถอะทำไมกลับบ้านค่ำขนาดนี้”
“มึงไม่กลับบ้านกูยังไม่บ่นเลย”
“...” ผมยืนนิ่งเพราะเถียงไม่ออก พักหลังแทบไม่กลับบ้านเพราะขลุกอยู่กับธนูทุกวัน
กุญแจเดินกลับเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไม่นาน เราก็ออกมานั่งทานอาหารกันที่โต๊ะ บรรยากาศไม่ได้เงียบอย่างที่คิด เพราะธนูเข้ากับน้องผมได้ดีกว่าผมซะอีก
“แล้วพี่จะมาอยู่กี่วัน” กุญแจว่า
“ไม่รู้สิ”
“อยู่กี่วันก็ได้ผมไม่ว่า ขอแค่อย่าทำอะไรกันเสียงดังก็พอ”
“เสียงดังอะไร กูนอนพื้น มึงก็พูดไปเรื่อย” ผมว่า
“กูหมายถึงส่งเสียงในบ้าน มึงคิดเหี้ยอะไรเนี่ย”
“ไม่ต้องห่วงนะแจ พวกพี่จะเก็บเสียงให้เงียบที่สุด” ธนูพูดประสมโรงอย่างหน้าชื่นตาบาน
“ธนู!” ผมหันไปแหวสองคนทันที ผมไม่รู้เลยว่าหลังจากนี้จะเป็นยังไงต่อ แค่เริ่มก็รู้สึกปวดหัวตุบๆ ยาพาราต้องเข้าสปอนเซอร์แล้วนะ
หลังจากทานข้าวกันเสร็จ ธนูก็อาสาล้างจาน กุญแจเลยขอตัวเข้าห้องนอน เราสองคนช่วยกัน ก่อนจะเข้าห้องของตัวเองบ้าง
“คุณผมปิดไฟเลยนะ” ผมถามธนูที่นอนอยู่บนเตียง
“อืม”
ในห้องมืดสนิท ผมเดินกลับมาโดยไม่สะดุดอะไร ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนเสริมที่เตรียมเอาไว้ หลับตาลงสักพักก็รู้สึกได้ถึงบางอย่างที่กำลังเบียดเสียดอยู่ข้างหลัง
เฮ้ย!
“ธนู คุณลงมาเบียดผมทำไมเนี่ย”
“ไม่รู้แหละฉันจะนอนกับเธอ”
“ทำไมคุณดื้อจังวะ”
“พูดวะเหรอ!”
“โอ๊ยๆ เปล่าครับ เปล่าผมไม่ได้พูด” ผมร้องโอดครวญเมื่อถูกคมฟันที่ซอกคออย่างแรง
“ถ้าเธอไม่อยากให้ฉันนอนพื้น เธอก็ขึ้นไปนอนกับฉันข้างบนสิ” ผมเงียบคิดอยู่สักพัก ธนูเลยถามย้ำ “นะ ไปนอนด้วยกัน”
“ก็ได้ แต่คุณห้ามทำอะไรแปลกๆ นะ” ผมว่าดักคอ
“มีอะไรกันนี่ไม่แปลกนะ”
“ธนู!”
“ฉันหยอกเล่น หรือว่าเราจะทำกันข้างล่างก่อนดีจะได้ไม่เสียงดัง”
“พอเลยครับ พักบ้าง ผมไม่ได้อึดขนาดนั้น” ว่าจบผมก็ลุกขึ้นไปนอนบนเตียง ก่อนธนูจะกระโดดตามขึ้นมา
เรานอนกอดกันในความมืด ในพื้นที่สามจุดห้าฟุต ผมไม่รู้ว่าธนูจะอยู่แบบนี้ได้นานอีกเท่าไหร่ ที่ที่ผมอยู่มันไม่ได้สะดวกสบายอย่างที่เขาเคยอยู่
แต่ในพื้นที่เล็กๆ นี้ผมสัมผัสได้ถึงคำว่าเรา...
[ธนู]
ผมมาอยู่ที่บ้านของโซ่มาเกือบอาทิตย์แล้ว ที่จริงผมสั่งให้จอสจัดการเรื่องคอนโดไว้แล้ว มันเป็นหนึ่งในโครงการของบริษัทพ่อผมนั่นแหละ ซึ่งจอสก็จัดการเรียบร้อย เหลือเพียงแค่เก็บกระเป๋าเข้าไป
แต่การได้อยู่ในบ้านหลังเล็กๆ กลับทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นและสบายใจมากกว่าที่เคย
หลังจากที่ผมประกาศกร้าวลาออกจากบริษัท พ่อก็ให้ศรเข้ามาคุมงานควบ ผมไม่สนใจอะไรอีกต่อไปแล้ว ใครจะเอาอะไรก็เชิญตามสบาย
พักหลังที่ผมทำงานหนักขึ้นก็เพราะว่า ได้จัดเตรียมเอกสารต่างๆ เพื่อเปิดบริษัทเป็นของตัวเอง ยิ่งพอได้โซ่เข้ามาอยู่ในชีวิต ความคิดที่จะทำสิ่งต่างๆ ก็ชัดเจน ผมคิดไว้แล้วว่าสักวันผมจะต้องมีปัญหากับพ่อ และมันก็จริง
“คุณกินอะไรผมจะสั่งข้าว”
“เธอสั่งมาเลย" ผมว่า
ไม่นานอาหารที่สั่งก็มาส่งหน้าบ้าน เรานั่งทานอาหารด้วยกันทุกมื้อ มีมื้อเย็นที่จะมีกุญแจร่วมโต๊ะด้วย หากวันไหนกุญแจกลับดึกหน่อยโซ่ก็จะสั่งอาหารวางไว้บนโต๊ะ
กิจวัตรประจำวันไม่มีอะไรมาก ส่วนใหญ่เราจะสั่งอาหารจากข้างนอกมากิน กลางวันเราก็นอนดูหนังด้วยกันที่โซฟา ตกเย็นก็เข้านอน
เข้านอนอย่างเดียวมาหลายวันแล้วด้วย ผมดันเป็นผู้ชายที่มีความต้องการมากพอสมควร การห่างหายจากเซ็กซ์เป็นเวลานานก็ทำให้ผมรู้สึกอึดอัดและไม่สบายตัว
“คุณ!”
“ครับ?” ผมว่าหน้านิ่ง
“มือ...เอาออกเลย” ผมขยับมือออกจากใต้เสื้อของโซ่อย่างเชื่องช้าก่อนจะทำหน้าเซ็งๆ นี่ผมใช่มือช่วยในห้องน้ำทุกวัน มันก็ไม่เหมือนที่ทำกับแฟนหรอกนะ
ไม่รู้ล่ะวันนี้ผมต้องได้!
“เธอ ฉันง่วงแล้ว”
“อื้อออ ก็เข้าไปนอนสิครับ ผมดูหนังอีกแป๊บ”
“ไม่มีเธอฉันนอนไม่หลับนี่” ผมว่าพลางกอดแขนโซ่อย่างออดอ้อน ก่อนจะขโมบหอมแก้มอีกหลายฟอด
“ทำอะไรเนี่ยคุณ เดี๋ยวแจออกมาเห็น”
“แค่นี้เอง ไม่เป็นอะไรหรอก”
“เฮ้อ!” โซ่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ สุดท้ายก็ยอมปิดทีวีแล้วเดินเข้ามาในห้อง
โซ่ทำอย่างนี้ทุกวัน เขาจะให้ผมเดินไปรออยู่ที่เตียง ส่วนเขาจะยืนรอปิดไฟอยู่ข้างประตู เมื่อผมล้มตัวลงนอนเรียบร้อยเขาถึงจะเดินกลับเข้ามานอนข้าง
ภายในเตียงนอนเล็กๆ เรานอนเบียดจนแทบเป็นคนคนเดียวกัน
“คุณจะทำอะไร!” โซ่ว่าเมื่อผมเริ่มลุกโดยการสอดมือเข้าไปใต้เสื้อลูบไล้ขึ้นมา ก่อนจะสะกิดเบาๆ จนตุ่มไตจนขึ้นแข็งขึง
“เราไม่ได้มีอะไรกันนานแล้วนะ โซ่...”
“ไม่ได้ครับ เกิดแจได้ยินจะทำไง ผมก็อายนะคุณ” ผมไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือ รีบกดริมฝีปากลงที่ซอกคอขาว ขบเม้นอย่างเชื่องช้า ปล่อยลมหายใจอุ่นๆ กระทบผิวเนื้อ
“เธอก็อย่าเสียงดังสิ” พูดจบผมก็ใช้ลิ้นโลมเลียติ่งหูก่อนจะพ่นลมร้อนออกทางจมูกให้ตกกระทบกับใบหูอย่างแผ่วเบา "เธอไม่อยากบ้างหรือไง หรือเบื่อฉันแล้วเหรอ"
"ก็อยากครับ แต่มันไม่ได้ไง แจอยู่ห้องข้างๆ"
"งั้นเราทำกันเงียบๆ ก็ได้นี่"
“คุณ...อึก! หยุดก่อนครับ” กางเกงขาสั้นตัวบางถูกรั้งลงต่ำจะเห็นสะโพกขาวกลม
“ที่ห้องเธอมีเจลหล่อลื่นไหม”
“มีครับอยู่ในลิ้นชักบนหัวนอน แต่ผมว่าเราไว้ทำกันวันอื่นไหม”
“ทำไมละ” ผมว่า
“เดี๋ยวผ้าปูเปื้อน ผืนสำรองผมยังไม่ได้ซักเลย” สิ้นสุดประโยค ไฟดวงเล็กบนหัวนอนก็สว่างขึ้น
ลิ้นชักถูกเปิดออก ในนั้นมีเจลหล่อลื่น และถุงยางอนามัยอีกหนึ่งกล่อง ผมหยิบถุงยางออกมา มันไม่ใช่ของผมแต่เป็นของโซ่
ผมแกะถุงยางออกแล้วสวมให้โซ่ใส่เอาไว้ แล้วจึงหยิบถุงยางที่อยู่ในกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาสวมให้ตัวเอง
“คุณใส่ให้ผมทำไม”
“จะได้ไม่เละไง”
“คุณจะร้ายเกินไปแล้วนะ”
“ร้ายแค่ไหนก็ผัวเธอนั่นแหละ” เจลสีใส่ถูกชโลมที่ช่องทางหลังจนชุ่ม “กัดเอาไว้ เธอจะได้ไม่ต้องเสียงดัง” ผมดึงชายเสื้อของโซ่ขึ้นให้เขากัดเอาไว้
ดวงไฟดวงเล็กส่องสว่างไม่มากนัก แต่ก็พอทำให้ผมเห็นร่างบางที่นอนอยู่ แก่นกายถูกจับจ่อที่ช่องทางอ่อนนุ่ม ค่อยๆ ดันเข้าไปช้าๆ จนสุดความยาว แล้วเริ่มขยับออกจนเกือบสุด แล้วดันเข้าอย่างเชื่องช้าเพื่อไล่อากาศข้างใน
ใบหน้าขาวขมวดคิ้วแน่น ปากก็ยังคงคาบชายเสื้อเอาไว้
ฝ่ามือของเราประสานกันอย่างอบอุ่น ยอดอกสีหวานกำลังหลอกล่อให้ผมก้มลงไปดูดเม้ม “อื้อออ” เสียงครางแผ่วเบาหลุดออกมาจากลำคอ โซ่คงกลัวว่าเสียงจะดังลอดออกไป จึงรีบยกมือขึ้นปิดปาก
เหงื่อเม็ดโตผุดซึมออกมาตามกรอบหน้า แรงโหมโรมรันทำให้คนใต้ร่างโยกขึ้นลงตามแรง ฝ่ามือปัดป่ายไปทั่วแผ่นหลัง ทั้งจิก ทั้งข่วนเพื่อระบายอารมณ์
“อา...อ๊ะ!” โซ่พยายามกลั้นเสียง มองแล้วคงจะอึดอัดหน้าดูที่ไม่สามารถส่งเสียงออกมาได้ตามอำเภอใจ
แต่ผมก็หยุดไม่ได้ เพราะภาพตรงหน้ามันปลุกเร้าอารมณ์ให้พลุ่งพล่าน
ขยับเอวสอดลึกเข้าไปเพียงไม่กี่ครั้งความเบาวูบแล่นปะทะร่างกาย ของเหลวสีขาวขุ่นที่อยู่ปลายถุงยางบอกได้ชัดว่าโซ่ถึงฝั่งแล้ว
ผมจงใจไม่ขยับตัวออก แล้วแนบกายเราให้ชิดกันยิ่งกว่าเดิม
“รอบเดียวพอแล้ว” เสียงหอบหายใจ สั่งด้วยเสียงสั่นเครือ
“เสียดายจัง งั้นนอนแบบนี้เลยได้ไหม”
“คุณจะบ้าหรือไง เอาออกไปได้แล้ว” ผมค่อยๆ ถอนแกนกายออกจนเกือบสุด แล้วสวนกลับเข้าไปโดยที่โซ่ไม่ทันตั้งตัว
“อ๊ะ! ธนู...” ร่างบางบิดเร้ากับที่นอน ยิ่งเห็นใบหน้าที่กำลังบิดเบ้ด้วยแรงอารมณ์ ผมก็ยิ่งอยากแกล้งเขาซ้ำๆ เวลาที่ผ่านมาโซ่เองก็คงมีความต้องการไม่ต่างกันกับผมมากไม่ต่างกัน
เราต่อรอบสองกันที่เตียง ก่อนจะเข้าไปต่อรอบสามในห้องน้ำ แล้วกลับมานอนกอดกันบนเตียงเล็กๆ แลกเปลี่ยนไออุ่นให้กันและกัน
ผมมีความสุขมากกว่าเมื่อก่อนหลายเท่าเพราะโซ่...
ทุกวันโซ่จะตื่นขึ้นมาก่อน เพื่อสั่งอาหารเช้ารอผม แล้วจึงเข้ามาปลุกให้ออกไปทานข้าว วันนี้ก็เช่นกัน
“คุณผมวันนี้ผมไม่ได้สั่งกาแฟไว้นะ”
“ทำไมล่ะ อากาศดีแบบนี้ต้องดื่มกาแฟสิ”
“คุณไม่ได้ทำงานแล้ว จะดื่มทำไมทุกวัน มันไม่ดีต่อสุขภาพ”
“ครับๆ แฟนใครครับเนี่ย”
“ไม่รู้สิครับ” ผมคว้าตัวโซ่เอาไว้จากด้านหลัง ดึงให้เขานั่งลงกับเตียง
“ฉันมีความสุขจัง”
“ผมก็มีความสุขครับ”
ฟอด~
ผมขโมยหมอแก้มฟอดใหญ่อย่างชื่นใจ
ติ้งน่อง~
โซ่มองออกไปยังหน้าประตู ก่อนจะแกะมือผมให้หลุดออกจากตัว
“คุณไปล้างหน้าก่อน อาหารคงมาส่ง เดี๋ยวผมออกไปจัดโต๊ะรอ” ว่าจบโซ่ก็เดินออกไป
ผมหย่อนปลายเท้าลงจากเตียง ก่อนจะจัดการธุระทุกอย่าง แล้วเดินออกไปข้างนอกห้อง ภายในบ้านเงียบสนิท ราวกับว่าไม่มีใครอยู่
“โซ่...” ผมตะโกนเรียก แต่ไม่มีเสียงตอบกลับ
ผมตัดสินใจเดินออกไปหน้าบ้าน แต่ก็ว่างเปล่า มีเพียงกระดาษหนึ่งแผ่นที่เหน็บเอาไว้ที่ประตู ความรู้สึกบอกผมว่ากำลังจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น
กระดาษสีขาวถูกคลี่ออกอ่าน ใจความในนั้นบอกเพียงว่า ให้ผมเอาโฉนดที่ดินที่เพิ่งประมูลได้ไปแลกกับตัวโซ่ และแนบที่อยู่ที่ไว้ มันต้องการภายในเย็นวันนี้ ซึ่งผมมีเวลาคิดแผนไม่มาก ในกระดาษไม่ได้บอกเอาไว้ว่ามันเป็นใคร
หากว่าครั้งนี้เป็นฝีมือศรอีก ผมว่าเราก็คงญาติดีกันไม่ได้อีกต่อไป
ผมวิ่งกลับเข้ามาในบ้าน กดโทรออกหาใครบางคน
“จอส เตรียมคนให้ฉัน ฉันมีเรื่องให้ช่วย... อืมขอบใจ เดี๋ยวฉันโทรกลับ”
หลังจากวางสาย ผมก็เปิดแอปฯ ที่เคยติดตั้งไว้ในมือถือ เพื่อเช็กดูว่าโซ่อยู่ที่ไหน โชคดีที่โซ่ไม่เคยถอดสร้อยที่ผมซื้อให้ จีพีเอสยังคงทำงานได้ดี มันระบุที่ตั้งเอาไว้ตรงตามที่ในกระดาษบอก ผมรีบจัดการแต่งตัว แล้วคว้ากุญแจรถออกไปยังบริษัท เพื่อกลับไปเอาโฉนดที่ดินที่เก็บเอาไว้
ไม่นานนักผมก็มาถึงบริษัท ภาพตรงหน้าทำเอาหัวใจผมหล่นวูบ เมื่อเห็นว่าศรกำลังนั่งทำงาน ในใจเริ่มนึกคิดว่าคนที่ส่งจดหมายคือใคร
“ศรมึงเอาโซ่ไปไว้ที่ไหน” ผมถามย้ำเพื่อความแน่ใจ
“อะไร ฉันไม่รู้เรื่อง” ศรว่า ผมรู้ว่ามันไม่ได้โกหก “เกิดอะไรขึ้น”
“ผมไม่มีเวลาอธิบาย” พูดจบผมก็ไขกุญแจตู้เซฟที่อยู่ด้านหลังโต๊ะทำงาน หยิบเอาของที่ต้องการ ก่อนจะสั่งให้จอสเดินตามออกมา
ศรเองก็เดินตามออกมาด้วยเช่นกัน ผมไม่มีเวลามากพอที่จะอธิบายอะไร ศรเองก็ไม่ถามเซ้าซี้ตามผมมาอย่างเงียบๆ
ผมเริ่มว่างแผนกับจอสอย่างแนบเนียน แล้วรีบออกเดินทางไปยังจุดนัดหมาย จีพีเอสก็พาเรามาถึงโกดังร้างนอกชานเมือง ผมสั่งกระจายคนพร้อมอาวุธ
“ศรมึงไม่ต้องเข้าไป อยู่กับจอสตรงนี้ มันบอกให้กูไปคนเดียว”
“ระวังตัวด้วย พี่เป็นห่วง” ผมมองหน้าศรนิ่งเมื่อได้ยินประโยคที่ไม่คิดว่าจะได้ยิน แต่เราไม่มีเวลามากพอที่จะทำซึ้งในตอนนี้
ผมเดินเข้าไปอย่างระวัง ภายในโกดังมีบอดี้การ์ดอยู่จำนวนหนึ่ง มันไม่ได้เยอะอย่างที่คิด เดินเข้ามาเรื่อยๆ ก็พบกับผู้ชายที่กำลังยืนหันหลังพ่นควันบุหรี่อย่างสบายใจ
“นายครับ คุณธนูมาแล้ว” บุหรี่ถูกคว้างทิ้งลงพื้นก่อนจะใช้ปลายเท้าขยี้จนไฟสีส้มมอดดับไป
ดวงตาทั้งสองเบิกกว้างเมื่อคนที่กำลังหันมาไม่ใช่ใคร มันคือท๊อปลูกชายของคุณเกสรที่เจอกันในวันงานประมูลที่ดินครั้งก่อน
“หึ! มาไวนี่ครับคุณธนู”
#สายโซ่
#บอสครับผมเป็นมิจ
**กำลังทยอยแก้คำผิดนะฮ่าฟ