(เนื้อหาตอนนี้เหมาะสำหรับเด็กที่มีอายุ16ปีขึ้นไป และเหมาะกับผู้ใหญ่ที่ไม่รังเกียจฉากNCแบบขืนใจ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)
บทที่3
ร่างบางที่พยายามตะเกียดตะกายหนี ถึงแม้ว่าจะหนีไปไหนม่ได้ไกลเพราะติดเนคไทน์ที่ทัพหน้าผูกข้อมือเอาไว้อยู่ก็ตาม
“ผมขอร้อง พี่อย่าทำไรผมเลยนะ ฮึก ผมขอโทษพี่ทัพ ฮึก ผมไม่ได้ทำอะไรเลยจริงๆนะ ผมไม่รู้ อึก เรื่อง”
“มาถึงขนาดนี้แล้ว มึงยังคิดว่ากูจะฟังคำแก้ตัวจากฆาตกรอย่างมึงอีกหรอวะ หึ ลูกคุณหนูที่รักศักดิ์ศรี อยากได้อะไรก็ต้องได้แบบมึง วันนี้กูจะเหยียบย่ำทุกอย่างของมึงให้จมดิน และโดยเฉพาะหัวใจกูทึ่มึงอยากได้นักหนานั่นน่ะ...มันจะเป็นสิ่งที่มึงจะไม่มีวันได้ จำเอาไว้!”
มือหนากระชากกางเกงยีนส์ออกจากขาเรียว สายตาคมที่มองจ้องขาขาวด้วยสายตาที่แปรเปลี่ยนไปหน่อยๆ สภาพคนใต้ร่างที่ตอนนี้มีเพียงเสื้อเชื๊ดหลุดลุ่ยสวมไว้แค่ท่อนบน ร่างกายขาวที่ตัดกับสีกลีบกุหลาบกลางหน้าอกทำให้ร่างสูงยกยิ้มร้ายๆ
“มึงก็ขาวดีนี่ หึ”
“ฮึก พี่จะทำบ้าอะไรวะ ปล่อยผมเลยนะเว้ย”
“อย่าทำหน้าหวาดผวาแบบนั้นสิวะ แล้วอย่าได้คิดว่ากูพิศวาสมึงมากนักล่ะ กูก็แค่ทำ เพื่อให้คนอย่างมึงได้จำความเจ็บไปจนวันตาย คนที่ทำเรื่องเลวๆไว้แต่กลับไปใช้ชีวิตสบายๆไปวันๆโดยไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไรแบบมึง มันถึงเวลาที่จะได้รับรู้ความรู้สึกนั้นบ้างแล้ว
กูจะเป็นทำลายศักดิ์ศรีของมึงเอง”
พูดออกมาพร้อมกับที่ฝ่ามือหนาค่อยไล่ปลดกระดุมเสื้อตัวเองออกทีละเม็ดๆจนหมด สาบเสื้อแหวกออกกว้าง เผยให้เห็นมัดกล้ามเนื้อเป็นลอนสวย ไหล่กว้าง อกแกร่ง มัดกล้าม ลามลงไปถึงจนถึงซิกแพค เป็นผู้ชายที่มีหุ่นหน้าอิจฉา และก็น่าหวาดผวาสำหรับคาราเมลในตอนนี้ด้วยเหมือนกัน
“ไม่ ไม่เอา พี่ทัพ ผมไม่ได้ต้องการแบบนี้”
“หรอวะ....แต่ก็เรื่องของมึงสิ ก็ในเมื่อกูต้องการ มึงจะทำไม”
แสยะยิ้มร้ายๆใส่และจัดการกระชากางเกงขายาวของคนร่างบางออกพร้อมๆกับชั้นใน เมลผวาสะดุ้งเฮือก ตัวร่างบางที่สั่นสะท้านขึ้นมาด้วยความกลัวอย่างห้ามไม่อยู่ ขาเรียวสวยที่พยายามจะหนีบเข้าหากันให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
“หึ ตัวสั่นเป็นลูกหมา ทีแบบนี้มาทำเป็นกลัว ตอนที่มึงจะฆ่าคนทำไมมึงไม่กลัว!”
ดวงตาเยียบเย็นแข็งกร้าวขึ้นของทัพหน้าจ้องเขม็งไปที่คนใต้ร่างที่ตอนนี้พยายามดิ้นหนี ข้อมือบางที่เริ่มแดงช้ำเพราะถูกมัดไว้ แต่คาราเมลก็ยังไม่ยอมหยุดดิ้นรน
“พะ พี่ทัพอย่า....ไม่เอา ฮึก ผมไม่ได้ต้องการแบบนี้”
“จะหนีบขาทำห่าอะไรล่ะ นี่กูกำลังสนองความต้องการของมึงเลยนะ”
“ไม่เอา พี่ทัพไม่เอา”
เมลยิ่งดิ้นมายิ่งขึ้นเมื่อคนร่างสูงโยนเสื้อเชิ๊ตแขนยาวราคาแพงของตัวเองทิ้งไป พร้อมๆกับปลดเข็มขัดและรั้งกางเกงลงไปให้พ้นตัว จับแกนกายรูดรั้งแรงๆ แกนกายใหญ่ผงาดให้เห็นเต็มตาจนคนร่างบางยิ่งพยายามดิ้นหนี
“อยู่เฉยๆ จะดิ้นทำไมวะ!”
ตะคอกออกไปแบบนั้นพร้อมๆกับที่ร่างสูงกระชากขาเรียวที่พยายามหนีบเข้าหากันให้อ้าออกกว้าง เผยให้เห็นแกนกายน่ารักขนาดเหมาะมือและช่องทางสีสวยที่ยังไม่เคยมีใครได้เห็น เมลรู้สึกร้อนหน้าไปหมด ทั้งเขินทั้งอายทั้งกลัวและอยากจะหนีจากสถานการณ์ตรงนี้ไปให้พ้นๆ
“อย่า ฮึก พะ...พี่ทัพ ผมขอร้อง”
“ได้สิ...ร้องออกมาให้ดังๆเลยนะมึง แล้วก็จำค่ำคืนนี้ไว้จนวันตายของมึงได้ก็ยิ่งดี”
“อ๊ะ เฮือก ...อึก... อ๊า!!”
ไม่มีการเบิกทาง ไม่มีเจลหล่อลื่น ไม่มีจูบหวานๆที่ช่วยปลอบประโลมจิตใจแบบที่เคยหวังไว้หรือที่เคยเห็นในหนังมาก่อน
สิ่งที่ได้รับมาในตอนนี้มีเพียงความรู้สึกทั้งเจ็บร้าวไปทั้งตัว รับรู้ได้ถึงเนื้อที่ฉีกขาดของตัวเองในยามที่คนด้านบนพยายามเสือกตัวดันแกนกายใหญ่โตเข้ามาในช่องทางด้านหลังของตัวเอง เมลที่กรี๊ดร้องออกมาด้วยความเจ็บ ใบหน้าเชิดแหงนขึ้นพร้อมๆกับน้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้ม
“อึก ซี๊ดด แม่ง...นี่มึงไม่เคยหรอวะ ซี๊ด”
เสียงทุ้มเข้มที่ดังอยู่ข้างๆหูไม่ช่วยให้ความเจ็บปวดลดลง ... ขอบตาของผมร้อนผ่าว รู้สึกได้ถึงน้ำตาที่ไหลลงมาช้าๆ เจ็บและชาจนต้องกัดฟันเข้าหากันจนแน่น ... ก่อนจะปรือตาขึ้นมาช้าๆ มองภาพของคนตรงหน้าที่กำลังคล่อมทับผมไว้ สายตาคมที่จ้องมองตอบลงมา ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไร เห็นแต่เพียงดวงตาที่มองจ้องมาพร้อมๆกับกรามที่เหมือนกำลังขบกันแน่นและเหงื่อที่เริ่มออกมาตามไรผมของมัน และอวัยวะส่วนนึงของมันกำลังกลายเป็นหนึ่งเดียวกันกับผม หัวใจของผมสั่นระรัว ทั้งๆที่ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องที่ผมเองมีความสุข แต่หัวใจมันเองก็กลับสั่นไม่หยุด เสียงในหัวที่กระซิบดังไปถึงหัวใจ มันกำลังพูดเบาๆแผ่วๆบอกย้ำชัดกับตัวเองให้ได้รู้
‘มึงเป็นของมันแล้ว มึงเป็นของพี่ทัพแล้ว ผู้ชายที่มึงรัก ใช่ ... ตอนนี้มึงกลายเป็นของมันแล้ว’
น้ำตาผมไหลออกมาตอนที่หลับตาลงช้าๆ และร่างสูงก็โยกสะโพกขยับเข้าออกแบบไม่ปราณี ไม่มีความสงสาร มันไม่ใช่ครั้งแรกของผมในแบบที่ผมเคยจินตนาการไว้ ไม่ใช่เลย...
สะดุ้งเฮือกขึ้นมาจนแผ่นหลังแอ่นโค้งขึ้นมาจากที่นอน เชิดหน้าขึ้นพร้อมๆกับที่ขาต้องเกร็งจิกปลายเท้า เมื่อลิ้นร้อนขบเม้มลงบนยอดอก
“อ๊ะ อื้ออ”
“ครางอ่อยเลยนะมึง ซี๊ด ตอดเก่งจังวะ”
ร่างสูงที่ว่าออกมาแบบนั้นพร้อมขยับสะโพกสอบเข้าออกส่งท่อนเอ็นแข็งขืนสวบเข้าสวบออกแบบไม่มีความปราณี ทัพหน้าที่หลับตากัดฟันแน่น รู้สึกถูกตอดรัดอย่างแรงจนแทบจะเสร็จ เป็นความรู้สึกที่เป็นครั้งแรกที่พึ่งได้รับรู้
“ฮึ่ม ซี๊ด” ครางเบาๆใยลำคอ ก่อนที่ใบหน้าคมจะเปลี่ยนไปซุกไซร้ตามคอขาว ทั้งจูบทั้งขบเม้มไปตามเนื้อตัวอย่างที่อยากจะทำ
เมลที่ปรือตาขึ้นมองในตอนที่ร่างสูงผละหน้าออกมาและดันตัวขึ้นไปจับขาขาวอ้าออกให้กว้างมากขึ้น มองเห็นหน้าอกหนาและหน้าท้องแกร่งที่กำลังเกร็งจนเห็นมัดกล้ามแน่นๆ ฝ่ามือหนาที่เลื่อนมาจับท่อนเอ็นพอดีมือของคนร่างบางขยับขึ้นลงแรงๆพร้อมๆกับที่ส่งท่อนเอ็นแข็งขืนเข้าออกแบบไม่ผ่อนแรง ดันเข้าสุดและผละออกจนแทบจะสุดลำ
“อ๊ะๆ อื้ออ พะ..พี่ทัพ อ๊า”
“ซี๊ด”
เสียงชื่นแฉะที่ดังก้องไปทั่วห้องอย่างหยาบโลน จากความเจ็บเริ่มเปลี่ยนเป็นเสียวซ่าน ใบหนาหวานที่เชิดขึ้นพร้อมๆกับช่องทางด้านหลังที่เริ่มขมิบตอดรัดแกนกายใหญ่ถี่ระรัวมากขึ้นจนทัพหน้าต้องซี๊ดปาก
“อ๊ะๆๆ อ๊า มะไม่ไหวแล้ว”
“ฮึ่มมมม อ่า”.....
ใบหน้าหล่อคมที่แหงนขึ้นพร้อมๆกับเสียงร้องครางต่ำๆในลำคอจนเห้นเส้นเอ็นที่ลำคอ เหงื่อไหลลงมาทั่วแผ่นอกพร้อมๆกับเสียงหวีดร้องของคนร่างบางที่ปลดปล่อยออกมาพร้อมๆกับของเหลวสีขาวที่ปลดปล่อยเข้าไปที่ช่องทางอ่อนนุ่มที่ตอนนี้ตอดรัดตุบๆจนทัพหน้าต้องครางเบาๆ ร่างบางที่ที่ตัวอ่อนทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอย่างหมดสภาพและข้อมือบางที่ขึ้นสีจากการดิ้นรนและยังโดนผูกข้อมือเอาไว้แบบนี้ ทัพหน้าที่ซบหน้าลงบนซอกคอขาว หายใจหนักๆออกมา ก่อนจะผละหน้าออกมาช้าๆ มองดูคนใต้ร่างที่หลับตาหายใจถี่ๆ ก่อนจะก้มลงไปกัดที่ซอกคอขาวแรงๆอีกครั้ง
“อ๊ะ อ๊า เจ็บ!” เมลที่ลืมตาขึ้นมาช้าๆ น้ำตาคลอออกมาอีกครั้งเพราะแรงกัด จ้องตาตอบคนที่เลื่อนหน้าเข้ามาใกล้พร้อมแสยะยิ้มใส่
“กูปลุก...มึงอย่าหวังว่าคืนนี้มึงจะได้นอน หึ”
“ไม่ๆ...ไม่ อื้ออ”
-------
ร่างบางที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงกว้างโดยมีผ้าห่มคลุมไว้ลวกๆเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมาในช่วงเวลาเที่ยงของวันถัดไป ดวงตาสวยที่ปิดสนิทเริ่มขยับน้อยๆ พร้อมๆกับที่หัวคิ้วเริ่มขมวดมุ่นเข้าหากันยามที่เจ้าตัวเริ่มขยับตัว หากแต่ขยับเพียงนิดหน่อยกลับรู้สึกเจ็บแปร๊บร้าวไปทั่วทั้งตัว ช่องทางด้านหลังทั้งเจ็บทั้งแสบจนตัวเองยังรู้สึกได้ว่ามันต้องบวมช้ำไปหมด หัวคิ้วที่ขมวดเข้าหากันแน่นขึ้นไปอีกเมื่อเริ่มรู้สึกว่าได้ยินแปลกๆแว่วๆเข้าหูมาให้ได้ยิน
“ขอบใจมากหมอ ฉีดยาเสร็จแล้วก็กลับๆไป”
“ครับๆ ขอตัวครับคุณทัพหน้า”
‘แกร๊ก’
คนร่างสูงที่ไม่ได้ตอบกลับอะไรออกไป ทำเพียงแค่มองตามร่างของหมอที่รีบกุลีกุจอเก็บของออกจากห้องไป มองจนหมอปิดประตูและหายไปจากสายตา คนร่างสูงก็เดินมายืนอยู่ข้างเตียง จ้องมองร่างบางที่ตอนนี้นอนขมวดคิ้วอยู่บนเตียงนิ่งๆเหมือนกำลังรู้สึกไม่สบายตัว ... ฝ่ามือหนาตบลงบนหน้าเรียวหน่อยๆจนคนที่นอนอยู่ค่อยๆปรือตาขึ้นมามองช้าๆ
“อ๊ะ อื้ออ”
เบิกตากว้างขึ้นอย่างตกใจ เพราะพอลืมตาตื่นขึ้นมาก็เจอไอ้บ้านี่อยู่ตรงหน้า เมลอยากจะตะโกนแหกปากออกมาดังๆ แต่ก็ทำไม่ได้ รู้สึกว่าลำคอของตัวเองแห้งผาดไปหมด ได้แต่ร้องครางออกมาเบาๆ เสียงที่จะเปล่งออกมาก็หายากเต็มที่ ...เมื่อคืนก็มั่นใจว่ากูไม่ได้ไปโบกแท่งไฟในคอนWanna One หรือGot7แน่ๆเพราะกูกดบัตรไม่ทัน พูดถึงแล้วเศร้า
“สำออย โดนแค่นี้ทำมาเป็นไข้”
เสียงเข้มที่ว่าออกมาแบบนั้นพร้อมปลายตามองหน่อยๆทำเอาเมลถึงกลับหลุดออกจากภวังค์ของตัวเอง ทัพหน้าที่มองมาที่เมลนิ่งๆก่อนจะถอนหายใจหนักๆ ก่อนจะยกมือไปวางลงบนหน้าผากและแก้มแบบไม่เบามือเพื่อวัดไข้ ทัพหน้ารับรู้ได้ถึงไอร้อนที่แผ่ออกมาถูกหลังมือของตัวเองจนรู้สึกได้ แต่ความเจ็บใจจากสิ่งที่โดนคนตรงหน้าทำไว้กับครอบครัวของตัวเอง ร่างสูงเลยเลือกที่จะไม่สงสารแทน
“เจ็บนะเว้ย” พยายามเปล่งเสียงออกมาให้ดังที่สุด แต่เสียงที่พูดออกมากลับแหบไปหมด
“ปากดีได้แบบนี้ มึงคงไม่ตายง่ายๆสินะ ก็ดีเพราะกูยังสะใจไม่พอ”
“หมายความว่าไง!” แค่นเสียงตะคอกใส่คนร่างสูงตรงหน้าแบบสุดจะทน ทัพหน้ายกยิ้มร้ายๆ ก่อนจะสาวเท้าเดินเข้ามาใกล้ ฝ่ามือใหญ่ที่จิกลงไปบนเส้นผมสวยพร้อมกระชากให้เงยหน้าขึ้นมามองกัน
“โอ๊ย! เจ็บนะเว้ย”
“เหอะ ตอนนี้ไม่เรียกกูว่าพี่ทัพแล้วรึไง ไหนล่ะ ไอ้เด็กปีหนึ่งที่ตามวอแวกูดีๆมันหายไปไหนแล้วล่ะ”
“แล้วใครมันจะไปเรียกไอ้เหี้ยแบบมึงด้วยคำพูดดีๆแบบนั้นกันวะ”
“ปากดี ...ดี! ...แบบนี้สิถึงจะสนุก”
“อะ...โอ๊ยย ปล่อยนะเว้ย”
ร่างบางที่ลุกตามแรงกระชากผมจากคนร่างสูงให้เดินตามไป มือเรียวที่พยายามจะดึงมือแกร่งออกจากหัวแต่ก็ไม่สำเร็จ
‘พลัก’
“อาบน้ำซะ เห็นแล้วขัดสายตา สกปรก ทำมาเป็นป่วย ดัดจริต บอกไว้ก่อนกูไม่สงสารมึงหรอกนะ”
ร่างหนาที่โยนคนร่างบางเข้าไปในห้องน้ำอย่างแรง จนอีกฝ่ายล้มลง ทัพหน้าทำแค่มองนิ่งๆแบบไม่ได้คิดจะเข้าไปช่วย
“จะเอายังไงกับกูอีกห๊ะ!”
“หึ ก็เอากับมึงให้ตายไปเลยล่ะมั้ง”
ว่าแบบนั้นพร้อมยักไหล่ใส่แบบไม่สนใจ สีหน้าและแววตาเฉยชาปรากฏอยู่บนใบหน้าคมอีกครั้ง
“ยังไม่พอใจอีกหรือไงวะ จะเอาอะไรอีก!”
“ยัง! กูยังไม่พอใจ ถ้ากูยังทำให้มึงเจ็บไม่ได้ครึ่งที่กูรู้สึก กูก็ยังไม่พอ”
“กูเจ็บ เจ็บแล้วเว้ย! ปล่อยกูไปเหอะ กูไม่อยากอยู่กับมึงแล้ว”
“หึ นั่นแหล่ะคือสิ่งที่กูต้องการเลย” ว่าออกมาแบบนั้นก่อนที่จะปลายสายตาคมกลับมามองคนที่นั่งอยู่ที่พื้นห้องน้ำ พร้อมเหยียดรอยยิ้มสะใจออกมาให้คนร่างบางได้เห็น
“ยิ่งมึงอยากหนีไป นี่แหล่ะคือสิ่งที่กูจะไม่ให้มึง อยู่เป็นตุ๊กตายางให้กูเอาเล่นไปก่อนเถอะมึง”
“มึงไม่ได้ชอบผู้ชาย มึงมีเมียแล้วนะเว้ย จะมาเอากูอีกทำไม”
“กูมีเมียแล้วไงวะ กูเอามึงแล้วยังไง ก็ในเมื่อ...
กูเอามึงไปก็ไม่ได้รู้สึกรักขึ้นมาอยู่ดี...และที่สำคัญ เพราะมึงไงที่ทำให้เมียกูนอนรอความตายแบบไม่ฟื้นเป็นเจ้าหญิงนิททราอยู่ตอนนี้ ก็มึงไงที่ทำ มึงเองไม่ใช่รึไงที่อยากได้กูจนต้องทำเรื่องเลวๆแบบนี้ แล้วมันผิดตรงไหนที่กูกำลังสนองให้มึงอยู่ตอนนี้”
ทัพหน้าว่าออกมาแบบนั้นแล้วสาวเท้าเข้าไปใกล้ ฝ่ามือแกร่งที่บีบปลายคางบังคับให้เงยหน้าขึ้นมามอง ดวงตาคมที่จ้องเข้าไปในดวงตาใสที่ตอนนี้เอ่อคลอไปด้วยน้ำตาอีกครั้ง แต่คนร่างบางก็พยายามกระพริบตาถี่ๆเพื่อไม่ให้น้ำตาไหล
...จะอ่อนแอมากไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว ...
ทัพหน้าเห็นแบบนั้นแล้วยิ่งรู้สึกสะใจเป็นบ้า เหยียดยิ้มมุมปากออกมาก่อนจะเอ่ยต่อ
“มีแต่มึงนั่นแหล่ะ ที่พอโดนกูเอาแล้ว…
รู้รึยังว่ากูไม่รักมึง...ต่อให้มึงฆ่าณราชาตาย มึงก็ไม่เคยได้ใจของกู”
สะบัดมือออกจากหน้าของคนตรงหน้าจนอีกคนหน้าหัน ร่างสูงจ้องมองเหยียดก่อนจะเดินหนีออกไปจากห้องน้ำ ทิ้งให้คนร่างบางมองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินออกไปทั้งแบบนั้น คาราเมลที่ค่อยๆลุกขึ้นยืนด้วยขาของตัวเองช้าๆ รู้สึกทั้งหนาวทั้งเจ็บเนื้อเจ็บตัวไปหมด ขาทั้งสองข้างสั่นระริกอย่างน่าสงสาร เดินช้าๆไปปิดประตูลงกลอนเรียบร้อยเพราะกลัวอีกฝ่ายจะโผล่เข้ามาอีก ก่อนจะค่อยๆทรุดตัวลงนั่งพิงประตูห้องน้ำ ไม่ได้สนใจว่ามันจะสกปรกหรือไม่ ขาเรียวที่ชันเข่าขึ้นมาก่อนจะก้มหน้าลงไปแล้วสะอื้นไห้ออกมาอย่างน่าสงสาร
“ฮึก ฮึก ฮื่อออ”
ความรู้สึกเสียศักดิ์ศรี เสียใจ เสียความรู้สึก มันตีรวนรวมกันอยู่ในอกจนช้ำใจไปหมด สีหน้าและแววตาของทัพหน้าไม่ได้ล้อเล่น ทุกคำที่อีกคนพูดไม่ใช่เรื่องล้อเล่น และความรู้สึกของเขาเอง ... มันก็ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเช่นเดียวกัน เวลาผ่านมาตั้ง4ปีแล้ว เคยคิดเสมอว่าลืมคนร่างสูงไปแล้ว แต่ไม่เลย ทั้งๆที่เราคิดว่าลืมแต่ก็เป็นคนที่วิ่งเข้าไปหาตลอด ... เรื่องบางเรื่องที่เราคิดว่าเราลืมไปแล้ว จริงๆมันเป็นการหลอกตัวเองตั้งแต่ที่เราเริ่มบอกว่าเราลืม คนที่จะลืมจริงๆ มันไม่ต้องคิดว่ามันลืมหรอก เพราะแค่เราคิดว่าเราลืมได้แล้ว จริงๆมันก็คือการเริ่มนึกถึงเรื่องราวนั้นขึ้นมาใหม่อีกรอบต่างหาก
น้ำตาใสที่ไหลลงมาอาบแก้ม เสียงสะอื้นเบาๆดังก้องไปทั่วห้องน้ำให้ตัวเองได้ยิน ตอนนี้แค่อยากจะร้อง ร้อง ร้องออกมาให้มากที่สุด ... มากพอๆกับความรู้สึกที่เสียไปและความเจ็บใจที่ได้มาแทน
“ทำไมต้องไปรักไอ้เหี้ยนี่ด้วย ฮึก แม่งเอ๊ย!”
ได้แต่กำมือแน่น แล้วฟาดแรงๆไปบนพื้นแรงๆอย่างเจ็บใจตัวเอง เสียทั้งตัว เสียทั้งใจ แถมยังเสียศักดิ๋ศรีโดยที่ไม่ได้อะไรตอบกลับมา
“ทั้งๆที่ตั้งใจจะทำดี แม่ง ฮึก โลกไม่เคยยุติธรรมกับกูเลย ฮึก ฮื่อ”
‘ปังๆๆๆๆ’
“มึงจะนั่งดราม่าร้องไห้ทำซากอะไร มึงรีบอาบน้ำเลยนะไอ้เมล!”
เสียงตบประตูหน้าห้องน้ำที่ทำให้ต้องสะดุ้งจนคนที่กำลังสะอื้นอยู่ต้องเผลอหยุดสะอื้นไปชั่วขณะเพราะความตกใจ มือเรียวสวยรีบยกขึ้นเช็ดน้ำตาตัวเองไวๆ ก่อนจะมองแรงใส่ประตูที่ตอนนี้คงมีไอ้ควายพี่ทัพยืนทำหน้าเหี้ยอยู่ตรงนั้นแน่ๆ
“เร็ว!” เสียงเข้มทุ้มต่ำที่ตะคอกออกมาอีกจนเมลสะดุ้งอีกรอบ
“อะ...เออ! อึก รู้แล้วโว้ย!”
“แม่ง ... จะให้กูได้ร้องไห้ดราม่าแบบคนพึ่งเสียใจหน่อยก็ไม่ได้หรอวะไอ้หน้าเหี้ย!”
เมลค่อยๆคว้าขอบอ่างล้างหน้าไว้และพยุงตัวขึ้นไป จ้องสภาพตนเองในกระจกแล้วยิ่งรู้สึกแย่ รอยช้ำรอยแดงรอบดูด ตั้งแต่หัวไหล่ ลำคอไล่ลงไปเรื่อยๆ แทบจะไม่มีตรงไหนที่ทัพหน้าจะไม่ทำไว้
“หึ ... มึงเป็นของมัน ของผู้ชายที่มึงรักแล้วว่ะไอ้เมล”
พูดกับตัวเองที่อยู่ในกระจก ก่อนจะแค่นยิ้มสมเพชเวทนาตัวเองออกมาแบบนั้น ... ก่อนที่จะค่อยๆพยุงตัวไปอาบน้ำ ... จะมัวแต่นั่งเสียใจแบบนี้ไม่ได้ ... เป็นไงเป็นกันสิวะ!
...
“ชักช้า ยืดยาด มึงเป็นเต่ารึไง”
เดินออกมาจากห้องน้ำ ก็เจอเข้ากับคนร่างสูงที่นั่งไขว่ห้างอยู่ปลายเตียงและจ้องตรงมาด้วยสายตานิ่งๆที่ติดจะไม่พอใจ เมลได้แต่เบ้หน้าใส่แบบรู้สึกเซ็ง ... ทำไมไม่ไปผุดไปเกิดสักทีวะแม่งคนยิ่งเวียนๆหัวอยู่
“ทำหน้าให้มันดีๆ เดี๋ยวกูเดินไปตบมึงนะ”
“แล้วมึงจะเอาอะไรจากกู พอใจรึยังล่ะ ถ้าพอใจก็ปล่อยกูไปสักทีเซะ!”
“กูบอกว่ากูยังไม่พอใจ มึงสมองควายหรือไงถึงเข้าใจยาก อย่าให้กูพูดเยอะ มันเจ็บคอ”
“แล้วจะเอายังไง มึงจับกูมา คิดว่ากำลังเล่นละครเรื่องจำเลยรักรึไงวะ” เถียงออกไปแบบไม่ยอม เมลก็คือเมล ใช่เลย เค้านี่แหล่ะคาราเมล ลูกชายคนเล็กของบ้านยังไงล่ะ
“แล้วมึงคิดว่ามึงเป็นนางเอกรึไงล่ะ เหอะ มโน”
สัด !!
อยากจะตะโกนด่าออกไปแบบนี้ ตอนนี้โคตรเกลียดไอ้หน้านิ่งๆที่ถูกฉาบอยู่บนหน้าไอ้บ้านี่ชะมัด เป็นผู้ชายปากหมาหน้าตาย กูเกลียด!... เออ กูหลอก ยังเกลียดมันไม่ได้แต่ก็อยากจะเกลียดมันจริงๆ
“กูแค่เอามึงมาทรมารก็แค่นั้นล่ะ อยากจะรู้จริงๆว่าถ้าคนที่บ้านมึงรู้จะแฮปปี้กันแค่ไหนวะ”
แค่นยิ้มออกมาอย่างเหนือกว่า และยิ่งรู้สึกถูกใจเข้าไปใหญ่เมื่อเห็นคนร่างบางเบิกตากว้างขึ้นอย่างตกใจ
“มึง อย่านะ!”
“หึ คุณหญิงแม่มึงจะใจขาดรึเปล่าวะ ถ้ารู้ว่ามึงโดนกูทำอะไรไปบ้าง”
“นี่! กูบอกว่ามึงห้ามบอกที่บ้านกูไง”
“ทำไมวะ ครอบครัวผู้ดีของมึงนี่หน้าบางกันจริงๆเลยสินะ”
ทัพหน้ายกยิ้มออกมาอย่างเหนือกว่า คิดอยู่แล้วว่าคาราเมลจะต้องไม่ยอม ก็ในเมื่อเค้าให้คนไปสืบประวัติมาหมดแล้ว
ครอบครัวหรเวชภูวดล ครอบครัวเชื้อสายนักผู้ดีเก่า แม่ของไอ้เมลเป็นคุณหญิง และพ่อมันเป็นท่านทูต หน้าตาสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด ภาพพจน์ดีๆต้องมาก่อน เพราะแบบนี้ตอนที่มีเรื่องของณราชา ไอ้เมลมันถึงไม่ได้รับโทษอะไรเลย ก็เพราะว่าเรื่องราวถูกเก็บเงียบเพื่อให้ประวัติครอบครัวของมันขาวใสไร้ร่องรอยมลทินยังไงล่ะ เหอะ ตอแหล ... พอคิดมาถึงตรงนี้ก็ยิ่งแค้นใจ คิดว่ามึงมีอำนาจอยู่เหนือใครๆงั้นหรอ เล่นผิดคนแล้ว .... รู้จักครอบครัวมาเฟียเก่าแก่อย่าง
ตระกูลเตชะณรงกรค์น้อยไปแล้วล่ะ ...
“กลัวรึไง”
ถามออกไปแบบนั้น สายตาคมจ้องมองคนตรงหน้าอย่างเหนือกว่า เพราะทัพหน้ามั่นใจใจระดับนึงว่า คนรักศักดิ์ศรีแบบคาราเมลจะไม่ยอมให้ใครอื่นได้รู้เรื่องนี้แน่นอน โดยเฉพาะคนที่บ้านของตัวเอง มันไม่มีทางยอมเสียหน้าหรอก หึ...
“ก็บอกว่าอย่ายุ่งกับที่บ้านกู อย่ายุ่งกับแม่กู!”
“หึ ก็ได้นะ แต่ว่า.....”
“เลิกโยกโย้สักที ต้องการอะไรก็พูดมา”
เมลที่กำหมัดแน่นจ้องหน้าทัพหน้าเขม็งแบบโกรธๆ โกรธที่ตัวเองสู้อะไรอีกฝ่ายไม่ได้เลย แต่เรื่องนี้เค้าจะให้ที่บ้านรู้ไม่ได้ โดยเฉพาะแม่ของเค้า ....
ทัพหน้ามองอีกฝ่ายที่กำลังทำหน้าคิดไม่ตก คนที่ดูไม่อยากจะยอมแพ้แต็ก็สู้ไม่ได้ ยิ่งพอเห็นแบบนั้นยิ่งทำให้ยกยิ้มออกมาได้ง่ายๆ มองๆไปไอ้เมลมันก็เหมือนลูกแมวตัวเล็กๆที่ดื้อรั้น แต่จริงๆก็สู้อะไรใครไม่ได้สักอย่าง แต่ถึแบบนั้น มันเองก็ยังไม่ยอมแพ้ เห็นแบบนี้แล้วยิ่งรู้สึกถูกใจกับของเล่นตรงหน้าจริงๆ รู้สึกอยากทำให้มันพัง
“มึงก็แค่ อยู่ให้กูทำ...”
“ทำอะไร”
“ทำอะไรก็ได้ตามใจกู ทำจนกว่ากูจะพอใจ...พอใจเมื่อไหร่ กูจะปล่อยมึงไปเอง แต่ไม่รับประกันว่ายังจะสมบูรณ์นะ”
“สัด กูไม่ใช่สัตว์นะเว้ย!”
“หรอ แต่กูว่ามึงเหมือนนะ ใจมึงหยาบเหมือนสัตว์ไง”
จ้องตามองนิ่งๆก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เมลที่เห็นแบบนั้นก็ผวาเผลอก้าวถอยหลังไปอีกสามสี่ก้าว
“หึ ไอ้อ่อน”
“ไอ้...”
“มึงจะพูดอะไร ระวังปากมึงไว้ดีๆไอ้เมล”
ว่าแบบนั้นก่อนจะยกมือชี้หน้าอีกคน เมลที่ตั้งใจจะอ้าปากด่าต้องรีบหุบปากเม้มเข้าหากันในทันที ไม่ได้กลัวแม่งหรอกนะ แต่ตอนนี้คิดว่าถ้าต่อยกับอีกฝ่ายคนจะสู้ไอ้ควายป่านี่ไม่ได้หรอก
“แล้วมึงจะยืนหน้าโง่อีกนานไหม อ่อยกูรึไงถึงใส่แค่ชุดคลุมออกมา”
“ก็กูไม่มีชุด!” ตะคอกออกไปแบบโกรธๆ ใครจะไปอ่อยมึงวะ สมองหมา...ได้แต่กร่นด่าอีกคนอยู่ในใจ
“แหกตาดูสิ ชุดอยู่บนเตียง”
ว่าแบบนั้นพร้อมเบี่ยงตัวหลบ เมลชะเง้อคอมองไป ก็เห็นชุดใหม่วางไว้ให้บนที่นอน คนร่างบางที่ค่อยๆเดินเข้าไปที่เตียงแต่ก็เอาตัวหันข้างกระเถิบๆไปช้าๆ ไม่ยอมให้หน้าตัวเองหันหนีจากทัพหน้า สายตาสวยที่มองร่างสูงอย่างระแวดระวังทำเอาอีกคนส่ายหัว
“มึงทำอะไร”
“เปล่าเว่ย อย่ายุ่ง”
“คิดว่ามึงทำแบบนั้นแล้วถ้ากูอยากเอา มึงจะรอด?”
“เอาอะไรอีก! บะ...บ้าหรอวะ”
“ทำไม กูอยากจะทำอะไรก็ทำได้”
“ตะ...แต่ แต่กูเจ็บ เจ็บมากเลยนะ แล้วมึงอ่ะ มึงไม่ได้ชอบผู้ชายนะเว้ย จะมาเอากูอะไรนักหนา ถ้าอยากให้กูเสียศักดิ์ศรีอ่ะ กูเสียแล้วไง กูอายมากพอแล้ว มึงยัง...”
“พร่ามอะไรอยู่ได้ น่ารำคาญ”
ว่าออกมาแบบนั้นด้วยสีหน้านิ่งๆ แต่แววตาที่ส่งมาให้กำลังบอกว่ารำคาญเอามากๆ ทัพหน้าที่พูดแค่นั่น ก็หันตัวกลับหลังแล้วเดินหนีออกจากห้องไปหน้าตาเฉย คนร่างบางกระพริบตาปริบๆมองตามอีกฝ่ายที่เดินหนีออกไปทั้งแบบนั้น
“ไอ้เชี่ย กวนตีน!”
ตะโกนตามหลังไปเมื่ออีกคนเดินออกไปแล้ว เมลที่เดินไปทรุดตัวนั่งบนเตียงแล้วถอนหายใจออกมาเหนื่อยๆ แค่กลับมาเจอกันไม่กี่วัน ทำไมมันเหนื่อยหัวใจมากกว่าตอนที่แอบมองอยู่ไกลๆจังวะ
...
หลังจากแต่งตัวเสร็จแล้วได้สักพัก ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะต้องไปไหน ก็ในเมื่ออีกฝ่ายมันหายตัวไปแล้วและมันคงไม่อนุญาตให้ผมออกไปไหนแน่ๆล่ะ ผมเองตอนนี้ก็รู้สึกไม่สบายตัวเท่าไหร่ด้วย จริงๆรู้สึกเหมือนว่าตัวร้อนๆ น่าจะป็นไข้ด้วยซ้ำ แต่ก่อนหน้านี้ก็เถียงกับไอ้บ้าทัพหน้าไปเสียงดัง ไม่อยากยอมแพ้ แม้กูจะเจ็บคอ ... เพราะแบบนี้เลยคลานขึ้นไปนอนบนเตียง ตั้งใจจะหลับอีกสักหน่อย
‘แกร๊ก แอ๊ดด’
“ขอโทษครับ”
“เห้ย คุณเป็นใครวะ” สะดุ้งเด้งตัวขึ้นมาจากเตียง หันไปก็เห็นร่างสูงใหญ่ในชุดสูธดำ มองแว๊บเดียวก็รู้เลยว่าต้องเป็นลูกน้องไอ้บ้าทัพหน้าแน่ๆ
“คุณทัพหน้าให้นำข้าวและยามาให้คุณคาราเมลครับ”
“เหอะ ทำยังกับเป็นนักโทษ”
“ทานเสร็จแล้วผมจะมาเก็บนะครับ อ้อ...แล้วเจ้านายอยากพบคุณหลังจากทานเสร็จด้วยครับ”
ไม่ได้ตอบรับคนร่างสูงออกไป อีกฝ่ายที่เห็นผมจ้องนิ่งๆใส่เลยทำเพียงแค่ค้อมหัวส่งมาให้ ก่อนจะถอยหลังกลับออกไปทั้งแบบนั้น หน้านิ่งไม่ติงไหวทั้งเจ้านายทั้งลูกน้อง อยากจะเอาหินทุบหน้า อยากจะรู้ว่าจะมีความรู้สึกอะไรบ้างไหมนอกจากหน้าตายๆของไอ้คนพวกนี้น่ะ
“เมื่อไหร่เรื่องบ้าๆนี่มันจะจบสักทีวะแม่ง ไอ้ประสาททัพ ง่ำๆ กูจะแดกให้มึงจนเลยคอยดู ง่ำๆๆ”
เมลที่หยิบข้าวขึ้นมากินพรางบ่นกับตัวเองออกไปแบบนั้น ตอนนี้คิดถึงบ้าน คิดถึงเพื่อน อยากจะหนีไปให้ไกลๆจากไอ้คนไม่มีหัวใจแบบไอ้ทัพหน้าที่สุดเลย ... อย่าให้หนีได้นะ กูจะหนีไปแบบมึงตามจับควันเลยล่ะ แม่ง!
“อย่าให้กูหนีได้นะ ง่ำๆ”
“มึงคิดว่ามึงหนีกูพ้นก็ลองดูสิ”
อ้าปากค้างพรางหันไปมอง คนร่างสูงที่กอดอกพิงกรอบประตูและมองมาด้วยรอยยิ้มที่ทำให้รู้สึกว่า ... กูมีงานเข้าอีกแล้วโว้ย!
-------TBC--------
มาแล้วจ้าาา ทุกวันเสาร์มาพบกับพี่ทัพน้องเมลเช่นเคยจ้าาา .... ใคร ใครที่ว่าพี่ทัพไม่ใหญ่ไม่ยาว!! หมายถึงตัวใหญ่และขายาว อิอิ ต้องมาอ่านตอนนี้ พี่ใหญ่มาก ว๊ายยยย
ไม่รู้ว่าฉากมหัศจรรย์จะถูกใจคนอ่านหรือเปล่า พูดตรงๆว่าแคทเขียนฉากNCไม่ค่อยเก่งค่ะ ถ้าตอนไหนมีฉากนี้จะเขียนได้ช้ามากกก เพราะฉะนั้นหากไม่ถูกใจแคทต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
ส่วนเฮีย ... เออมันใจร้ายว่ะ เป็นฟิลผัวรว๊ายๆกับน้องเมลที่เถียงพี่มันไม่ทัน จ้า
ฝากแฮชแท็ค
#หลงร้าย ไว้ด้วยจ้า ไปจิกด่าเกรี้ยวกราดได้เลย ขอบคุณคอมเม้นท์ทุกคอมเม้นท์แคทอ่านทุกข้อความจริงๆค่ะ หวังว่าจะถูกใจไม่มากก็น้อยนะคะทุกคน (กราบ)