มายาวๆๆๆๆๆ ให้สะใจ
*************************************
เอ็มนั่งอยู่ในที่ที่ต่อเคยนัดเจอเขาครั้งแรกตอนที่พ่อเสีย ภาพที่ต่อเสียน้ำตาร้องไห้ยังชัดเจนอยู่ในความทรงจำวันนั้น ต่อร้องไห้ในที่ที่เขากำลังนั่งอยู่ แต่วันนี้เหลือเพียงเขาคนเดียวที่นั่งจมอยู่กับความหลัง…..
ทุกอย่างจบลงวินาทีที่ต่อเดินหันหลังจากเขาไป เป็นวินาทีที่เขาเพิ่งรู้จักคำว่าสูญเสีย เขาไม่มีจิตใจพอที่จะเขาไปนั่งเรียน เขาหลอกต่อว่าไม่เป็นไรยอมยิ้มทั้งน้ำตามองต่อจนลับสายตา และสุดท้ายเขาก็มานั่งเหงาอยู่ที่ตรงนี้คนเดียวยิ่ งมองสร้อยข้อมือที่ต่อใส่ให้เขาไว้กับมือความรู้สึกว้าเหว่ก็ยิ่งทวีคูณให้หัวใจเงียบเหงาขึ้นเรื่อยๆ
“นั่งคิดอะไรอยู่เหรอเอ็ม”
แก้วตัดสินใจเดินเข้าไปทักเอ็มหลังจากที่ยืนเฝ้ามองอาการอยู่ได้ซักพัก
“อ้าวแก้วมาได้ไง”
เอ็มตกใจหันไปมองแต่ก็แกล้งยิ้มทักทายเมื่อแก้วเดินเข้าไปนั่งลงข้างๆ
“มาเดินเล่นกับเพื่อนน่ะ ไม่คิดว่าจะเจอเอ็มทำไมวันนี้ไม่เข้าเรียนล่ะ”
แก้วถามเอ็มก็มหน้านิ่งก่อนจะบอก
“ปวดหัวนิดหน่อยน่ะ
”ไม่นิดแล้วมั้งตาแดงเชียว”
“ก็ง่วงนอนมั้ง”
เอ็มแกล้งยิ้มกลบเกลื่อน แต่แก้วก็พอที่จะดูออกจึงขยับเข้าไปใกล้แล้วเอื้อมมือไปกุมมือ
“มีอะไรบอกแก้วได้นะท่าทางเอ็มเหมือนมีเรื่องให้คิด”
“เปล่าไม่มีไรจริงๆ
“เราเป็นเพื่อนกันนะเอ็ม แก้วพอจะมองออกว่าเอ็มมีอะไรในใจแน่ๆ”
เอ็มมองแก้วอย่างชั่งใจ บางทีเขาก็อยากระบายสิ่งที่มันเก็บกดให้ใครได้ฟังบ้างเผื่อเขาจะได้รู้สึกดีกว่าที่เป็น
“ไว้ใจแก้วเถอะเพื่อนยังไงก็ต้องฟังเพื่อน”
แก้วยิ้มให้บางๆตอนนี้เธอก็คงคิดกับเอ็มได้แค่เพื่อน เมื่อวันเวลาที่ผ่านมามันพิสูจน์แล้วว่าเอ็มไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรกับเธอเลย
“ถ้าแก้วรับมันได้เอ็มก็จะบอก”
แก้วพยักหน้ารับเมื่อเอ็มเอ่ยออกมาอย่างนั้น และทุกถ้อยคำที่พร่างพรูออกจากปากของเอ็ม ทุกๆเรื่องราวที่เขาบอกออกมาทำให้แก้วใจสั่นในความสงสารและเห็นใจเมื่อในท้ายที่สุดเธอเห็นอาการของเอ็มที่บ่งบอกถึงความเจ็บปวดในใจ
“เอ็มไม่เป็นไรนะ”
แก้วบอกกับเอ็มเมื่อรับรู้เรื่องราวทุกอย่าง
“แก้วคงสมเพชเอ็มนะ”
เอ็มยิ้มหยันให้ตัวเองที่แก้วเห็นแล้วรีบส่ายหน้า
“ป่าวนะเอ็มแก้วไม่ได้คิดแบบนั้นนะ ดีแล้วที่เอ็มกล้าที่จะพูดอะไรตรงๆ ไม่หลอกตัวเองและก็ไม่ได้หลอกใคร แก้วรู้สึกดีนะที่เห็นเอ็มซื่อสัตว์ต่อหัวใจตัวเอง”
แก้วพูดออกมาจากใจจริงนึกทบทวนย้อนหลังที่เอ็มปฎิเสธที่จะยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงที่ชอบเขาที่เธอเคยชักนำให้บ่อยๆ หรือแม้กระทั่งเธอเองก็ไม่เคยได้ใกล้ชิดเอ็มได้มากกว่าคำว่าเพื่อน
“ไม่หลอกตัวเองแต่ก็เปิดเผยไม่ได้”
เอ็มยิ้มหยันๆ
“แต่อย่างน้อยเอ็มก็ไม่ได้หลอกใครอย่างนี้ต่างหากล่ะที่แก้วมองว่าเอ็มเป็นคนที่ไม่เห็นแก่ตัว”
“บางทีถ้าเอ็มลองเปิดใจให้คนอื่นที่คนรอบข้างยอมรับ เอ็มก็อาจจะไม่เจ็บปวดแบบนี้ใช่มั๊ยแก้ว”
“ไม่รู้นะแต่แก้วไม่ชอบความคิดแบบนี้ ทำไมคนเราทำไมต้องหลอกตัวเองเพื่อที่จะให้คนอื่นมีความสุขด้วยล่ะแต่อย่างเอ็มกับพี่ต่อ แก้วก็เข้าใจนะว่าเป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัวมันคงจะทำใจยากสักหน่อยสำหรับที่จะยอมรับเรื่องแบบนี้”
“เราสองคนถึงเลือกที่จะให้มันจบแบบนี้ไงยอมเจ็บเพื่อความถูกต้อง”
“ความรักเป็นเรื่องดีเสมอแหละเอ็ม ไม่ว่ามันจะเกิดกับใครบางทีเหตุผลมันก็ไม่ต้องมีก็ได้ เอ็มน่าจะดีใจนะที่ครั้งหนึ่งเคยมีความรักที่ดีและสวยงามเพียงแต่คนอื่นไม่เข้าใจ”
“มันคงเป็นไปไม่ได้หรอกแก้วที่ใครจะมาเข้าใจและยอมรับเรื่องแบบนี้ได้ แต่ช่างเหอะทุกอย่างมันจบลงไปแล้วเวลามันคงช่วยให้อะไรๆมันดีขึ้นเอง”
เอ็มแหงนหน้ามองท้องฟ้ากระพริบตาถี่ๆไล่รอยรื้นที่ตีขึ้นมาตรงขอบตา เขาไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนกว่าที่จะลืมวันเวลาเก่าได้แต่มันคงมีสักวัน
“หมายความว่าเอ็มกับพี่ต่อจะไม่เจอกันอีกเลยงั้นเหรอ”
แก้วถามพลางนึกเห็นใจเมื่อเห็นตาของเอ็มเริ่มแดง
“เราเลือกที่จะไม่เจอกัน”
เอ็มตอบเบาๆ
“ทำไมล่ะเอ็มทำไมอย่างน้อยเป็นเพื่อนกันก็ยังได้นี่ ทำไมต้องเลือกที่จะทำร้ายตัวเองกันด้วยล่ะ”
“มันไม่เหมือนกันหรอกแก้ว ในเมื่อทุกคนยังหวาดระแวงอยู่แบบนี้เพื่อความสบายใจ เอ็มกับต่อเลือกที่จะไม่เจอกันอีก”
“แล้วต้องมานั่งทนกันอีกถึงเมื่อไหร่ล่ะเอ็ม แก้วเชื่อว่าพี่ต่อคงไม่ต่างจากเอ็มหรอกนะ”
“ไม่มีใครสนใจความรู้สึกเราสองคนอยู่แล้วล่ะแก้ว ช่างมันเหอะนะเราสองคนได้เลือกตามที่ผู้ใหญ่ขอแล้ว”
“งั้นก็อย่าลืมนะว่าเอ็มยังมีแก้วอยู่มีอะไรบอกกันได้นะ เพราะแก้วก็ไม่รู้ที่จะพูดหรือบอกอะไรเอ็มเรื่องแบบนี้มันบังคับใจกันไม่ได้หรอก แต่แก้วอยากให้เอ็มรู้ว่าแก้วเข้าใจเอ็มกับพี่ต่อ ถึงแม้ไม่มีใครเข้าใจก็ตาม การไม่หลอกตัวเองและไม่หลอกลวงใครซักวัน แก้วเชื่อว่าเรื่องร้ายๆมันอาจจะดีขึ้นก็ได้ฟ้าคงไม่ใจร้ายนักหรอกนะ”
เอ็มรู้สึกดีที่แก้วพยายามที่จะปลอบใจเขาจึงยิ้มออกมาเหงาๆพลางพูดทีเล่นทีจริง
“เอ็มก็หวังไว้เหมือนกันว่าฟ้าคงจะไม่ใจร้าย”
.
.
.
“ไอ้หมอ”
เสียงทุ้มๆที่ทักมาทางด้านหลังทำเอาคนที่เดินถือแฟ้มคนไข้หยุดชงัก หันไปมองคนเรียกก่อนจะเบิกตาโพลงออกมาด้วยความดีใจเมื่อเห็นเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันหลายปียืนมองอยู่ไม่ไกล
“เฮ้ยเอ็งมาได้ไงวะ”
พยาบาลที่เดินสวนหยุดมองคนที่เป็นถึงนายแพทย์ของโรงพยาบาล เมื่อได้ยินคำพูดที่ไม่คุ้นหูแต่คนถูกมองไม่สนใจกลับเดินตรงลิ่วเข้าไปหาคนที่ยืนขรึมอยู่
“ไม่เจอกันหลายปีเอ็งนี่ยังมาดขรึมเหมือนเดิมเลยนะ”
“เข้าเวรอยู่เหรอ”
พ่อเอ็มถามเมื่อมองดูแฟ้มที่เพื่อนถืออยู่
“เออเนี่ยคนไข้รายสุดท้ายแล้วเอ็งรอป่าวล่ะ จะได้ไปหาอะไรกินกันไ ม่เจอกันนานคิดถึงว่ะ”
“งั้นเดี๋ยวข้าแวะไปหาลูกก่อน เดี๋ยวกลับมาใหม่ท่าทางเอ็งจะอีกนาน”
สีหน้าและแววตาเครียดๆของคนพูดทำให้หมอเอ่ยถามเมื่อเริ่มเอะใจกับการลงมากรุงเทพของเพื่อนครั้งนี้
“อย่าบอกนะโว้ยว่าที่เอ็งมานี่เพราะเรื่องที่ข้าโทรไปถามเกี่ยวกับลูกชายเอ็ง”
“ก็มีส่วน”
“อ้าวซวยสิอย่างนี้เกิดลูกเอ็งหาว่าข้าโทรไปฟ้องเรื่องเอ่อที่นางพยาบาลเล่าให้ฟัง แล้วลูกเอ็งไม่ได้เป็นอย่างนั้นจริงเสียหมอเลยนะโว้ย”
“เอ็งไม่ต้องห่วงหรอกลูกข้า ข้าจัดการได้ไปตรวจคนไข้เหอะเดี๋ยวเสียงานหมด”
“งั้นเอ็งก็รอข้าเดี๋ยวตรวจไม่นานหรอก ตรงมุมนั้นมีร้านกาแฟเอ็งไปนั่งรอได้ เดี๋ยวข้ามา”
หมอเดินแยกไปอดหวั่นในสายตาของพ่อเอ็มไม่ได้ ไม่อยากจะเชื่อว่าแค่เรื่องที่เขาโทรไปแซวเล่นๆจะทำให้พ่อเอ็มเครียดถึงขนาดต้องลงมากรุงเทพในชั่วข้ามคืน
.
.
“แก้วกลับเลยมั๊ยกลับไงให้พ่อมารับป่าว”
เอ็มถามแก้วเมื่อเดินคู่กันมาหยุดยืนอยู่ริมถนนหลังจากที่นั่งคุยกันจนมืด
“อ๋อแก้วจะกลับกับเพื่อนๆน่ะ แต่ต้องโทรหาพวกมันก่อนเดินกันไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้”
“งั้นเอ็มกลับก่อนละกันขอบใจมากที่ชวนคุยหายเหงาได้เยอะเลย”
“มันต้องแบบนี้สิถึงจะเป็นเอ็มคนเดิม ข้ามถนนดีๆนะ”
แก้วบอกยิ้มๆเมื่อเห็นเอ็มกำลังจะเดินข้ามถนนเมื่อรถว่างพอดี แต่สิ่งที่ทำให้เธอแทบช็อคก็เกิดขึ้นเมื่อสายตามองไปเห็นรถเก๋งคันหนึ่งที่สตาร์ดเครื่องพุ่งออกมาจากที่จอดเหมือนจงใจที่จะชนร่างของเอ็มที่กำลังเดินลงไปบนถนนพอดี
“เอ็ม..ระวัง!!!!!”
แก้วร้องทักสุดเสียงเมื่อรถคันนั้นพุ่งเข้ามาที่เอ็มอย่างจงใจ เสียงที่แก้วร้องทักทำให้เอ็มหันไปมองรับรู้ถึงเสียงแผดกล้าของเครื่องยนต์ที่แล่นเข้ามาประชิดตัวแสงไฟจากรถสาดใบหน้าจนมองอะไรไม่เห็น แต่เขาก็ยังพอที่จะเบี่ยงตัวหลบตามสัญชาตญาณ
แก้วร้องกรี๊ดขึ้นสุดเสียงเมื่อเห็นร่างเอ็มล้มกลิ้งไปหลายตลบจากแรงเหวี่ยงของรถที่แฉลบไปเมื่อเอ็มไม่สามารถที่จะหลบได้ทัน แต่รถก็ไม่ได้พุ่งชนเข้ากลางลำตัวเขาอย่างที่คนขับต้องการ
คนรอบข้างที่เห็นเหตุการณ์และตื่นจากอาการช็อครีบวิ่งเข้าไปดูร่างเอ็มที่นอนแน่นิ่งจมกองเลือดอยู่ริมถนน เหตุการณ์เริ่มชุลมุนวุ่นวายมีการโบกรถปิดถนนชั่วครู่แต่ก็ไม่มีใครได้สนใจรถคันต้นเหตุที่อาศัยช่วงชุลมุนขับหนีไป
“แค่นี้มึงคงจะไม่ตายหรอกนะไอ้เอ็ม”
ตั้มยิ้มเหยียดนึกคิดว่าคงไม่มีใครตาไวพอที่จะจำทะเบียนรถเขาได้