บทสุดท้าย ผู้ชายคนแรกที่ผมรักชื่อ........ปิง ช่วงชีวิตของผมที่ผ่านมาในชั้น ม.ปลาย ผมเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ ตั้งใจเรียนหนังสือ ใช้ชีวิตเหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วๆไป ไปเช้า เย็นกลับ โดยผมค่อนข้างที่จะติดเพื่อนมากๆ จนผมเข้ามหาวิทยาลัย
ผมเอ็นทรานซ์ติดคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งย่านบางเขน ผมจึงย้ายมาเรียนที่นี่ ผมค่อนข้างจะติดเพื่อน ชีวิตของผมส่วนใหญ่ จะอยู่กับเพื่อนมากกว่า ไม่ค่อยได้ไปเรียนหนังสือเท่าไร กินเหล้า ดูดบุหรี่ เที่ยวกลางคืน ตามประสาวัยรุ่นอายุเพิ่งจะครบ 20 ภาพเด็กชายกล้า ในอดีต ค่อยๆเลือนหายไป ผมเปลี่ยนเป็นคนละคน ผมพยายามที่จะทำตัวเป็นคนที่เข้มแข็ง ทำตัวเจ๋งๆ เพื่อที่จะซ่อนบางสิ่งบางอย่างเอาไว้ในใจ นั่นก็คือ ความอ่อนแอ ผมไม่อยากให้ใครรู้ว่า แท้จริงแล้ว ผมเป็นคนอ่อนแอมากแค่ไหน
เวลาที่ผมอยู่คนเดียว ผมก็จะคิดถึงไอ้ปิงเสมอ คิดถึงทุกฉากทุกตอนในอดีต แม้ว่ามันจะผ่านมานานถึงหกปีแล้วก็ตาม
วันนี้ตรงกับวันสงกรานต์ โดยวันนั้นผมและเพื่อนๆที่มหาลัย ได้ไปเล่นน้ำสงกรานต์กันที่สีลม เราไปกันตั้งแต่หกโมงเย็น จนตอนนั้นเวลาประมาณสามทุ่มกว่าๆ ผมก็ไปหยุดพักกันตรงหน้าตึก ซีพี แล้วก็นั่งดูดบุหรี่ตรงนั้น โดยผมนั่งอยู่ตรงบันไดทางเดิน ไม่ได้สนใจใคร
เธอ ขอยืม ไฟแช็ค หน่อยสิ ไฟแช๊คเราหาย มีคนมาขอยืมไฟแช็คผม แค่ฟังเสียงก็รู้แล้วว่าต้องเป็นตุ๊ดอย่างแน่นอน
ได้ครับ ผมพูดจบก็ยื่นไฟแช็คให้แล้วมองหน้า ผมก็รู้สึกว่าคนๆนี้หน้าคุ้นมากๆ ผมเลยถามเค้าไปว่า
ใช่อ๊อฟป่ะ อืม ใช่ เฮ้ย นี่กล้าป่ะ จำไม่ได้เลยอ่ะ สูงขึ้นตั้งเยอะ หล่อกว่าเดิมเยอะเลยอ่ะ เฮ้ยดีใจว่ะ ได้เจอกล้า เป็นไงมั่ง ทำไร เรียนที่ไหน พอจำกันได้แค่นั้นแหละ อ๊อฟมันก็ยิงคำถามใส่ผมเป็นชุดเลยครับ หวังว่าเพื่อนๆคงจำกันได้นะครับ ว่าอ๊อฟคือ เพื่อนคนแรกที่ผมรู้จักในโรงเรียนประจำ เป็นคนแรกที่เข้ามาทักผม และเป็นคนที่ชวนผมและไอ้ปิงให้มานั่งโต๊ะกินข้าวโต๊ะเดียวกันจนเราสนิทกัน หลังจากนั้นเราก็ยืนดูดบุหรี่คุยกัน ถามสารทุกข์สุขดิบ กันไปต่างๆนาๆ ผมก็บอกไปว่าผมเรียนที่คณะนี้ มหาลัยนี้ ส่วนอ๊อฟเรียนอยู่ ที่ราชภัฎแห่ง หนึ่ง แล้วอ๊อฟก็ชวนผมให้ไปงานครบรอบ 15 ปี โรงเรียน ซึ่งผมไม่รู้มาก่อนเลย ว่าโรงเรียนจะมีการจัดงานนี้ขึ้น เพราะยอมรับเลยว่า ตั้งแต่เรียนจบก็ไม่เคยกลับไปที่โรงเรียนอีกเลย แต่ก็ไม่เคยลืมโรงเรียนแน่นอน
สรุปว่าผมตกลงจะไปงานครบรอบโรงเรียนเพราะในใจก็หวังลึกๆว่า ไอ้ปิงมันจะรู้ข่าวนี้ และมันก็อาจจะมา แล้วเราอาจจะได้เจอกันอีกครั้งก็ได้ ยังนึกไม่ออกเลยว่า ถ้าเจอมันจะทำตัวยังไงดี จะพูดอะไรก่อนดี ตื่นเต้นสุดๆ ได้แต่ภาวนาในใจ ขอให้ไอ้ปิงมันมางานนี้ด้วยเถอะ
วันงาน ตอนบ่ายสาม ผมนัดอ๊อฟที่ในตัวเมืองของจังหวัด โดยอ๊อฟจะขับรถไป แล้วผมก็จะไปกับอ๊อฟด้วย โดยจะมีเพื่อนห้องสอง ซึ่งอยู่ห้องเดียวกับอ๊อฟ ชื่อ เจษ ซึ่งเป็นตุ๊ดเหมือนกัน ไปอีกหนึ่งคน
เราไปถึงโรงเรียนตอนสี่โมงเย็นกว่าๆ ซึ่งไวกว่ากำหนด โดยงานจะเริ่มตอนหกโมงเย็น ผมจึงขอตัวสองคนนั้น เดินเล่นในโรงเรียนคนเดียวสักพัก
ผมเดินไปที่หอพักเก่าที่ผมเคยอยู่ ตอนนี้หลายๆสิ่งหลายๆอย่างดูเปลี่ยนไป เพราะว่าสีที่ถูกทาขึ้นมาใหม่ ผมมองไปที่ระเบียงนั่น ก็ได้แต่นึกในใจ เราคงไม่มีโอกาศได้นั่งมองท้องฟ้าด้วยกันที่ตรงนั้นอีกแล้ว และผมก็เดินไปที่ห้องน้ำ ประตูทุกบานได้ถูกเอามาเปลี่ยนใหม่ จากประตูไม้ กลายเป็นประตูพลาสติก ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ
ผมเดินเล่นไปเรื่อยๆ โรงเรียน มีต้นไม้มากกว่าเดิมอีก ดูร่มรื่น น่าอยู่กว่าสมัยที่ผมเคยอยู่มากๆ และผมก็เดินมาถึงศาลาริมน้ำ ภาพของเด็กผู้ชายสองคน โดยคนตัวใหญ่กำลังนั่งดีดกีต้าร์ และคนตัวเล็กกำลังร้องเพลง ลอยผ่านเข้ามาในหัวผม คิดแล้วก็ได้แต่ยิ้มในใจ จะได้มีโอกาสทำอะไรแบบนี้อีกมั้ยนะ
สักพักก็ใกล้เวลาเริ่มงาน ผมจึงเดินกลับมาที่หอประชุม จะเห็นได้ว่าโรงเรียนเต็มไปด้วยรถรา ผู้คนมากมาย แต่งตัวดีๆกันทั้งนั้น ผมชักเริ่มตื่นเต้น ที่จะได้เจอเพื่อนเก่าแล้วสิ รวมถึงไอ้ปิงด้วย ซึ่งยอมรับว่าไม่ได้เจอกันมานานกันห้าหกปี นึกไม่ออกว่าพวกนั้นจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง
พอไปถึงในงาน ก็ให้ลงทะเบียน ซึ่งมีการแบ่งที่นั่งเป็นโซนๆ ในแต่ละห้อง แต่ละรุ่น ผมกับอ๊อฟเลยต้องแยกโต๊ะกัน แต่โต๊ะเราก็อยู่ใกล้กัน
คนแรกที่ผมเจอเลยคือไอ้แชมป์ มันหล่อขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย มันไว้ผมยาว จำแทบไม่ได้ หันไปก้อเจอไอ้เอก ไอ้ท๊อป ไอ้โชค ไอ้หนึ่ง แต่ละคนนี่ดูดีกันหมด ยกเว้น ไอ้ท๊อป ทำไมมันอ้วนจังเลยว่ะ
พวกเราทุกคนดีใจมาก แทบจะกระโดดกอดกัน ผมนี่แทบน้ำตาคลอเบ้าเลย คงเสียดายไม่น้อยถ้าไม่ได้มา นี่ถ้าไม่เจออ๊อฟนี่ ผมก็ยังไม่รู้หรอกว่า โรงเรียนเค้าจัดงานนี้ขึ้นมา
ในโต๊ะ พวกผมก็นั่งคุยกันถามถึงสารทุกข์สุขดิบ โดยทุกๆคนก็เรียนหนังสือกันหมด ยกเว้นท๊อปที่ไม่ได้เรียนแล้ว เพราะมันต้องช่วยแม่ขายของที่สุราษฎร์ และมันก็ถือโอกาสมาเยี่ยมพ่อมัน และก็แวะมางานนี้ด้วย
แต่คนที่ผมอยากเจอที่สุดกลับไม่มา ไอ้ปิงไม่ได้มางานในวันนั้น
ผมเลยเปิดประเด็นนี้กับไอ้เอก เพราะมันนั่งข้างผม ผมเลยถามมันว่า
เอก แล้วไอ้เหี้ยปิง มันไม่มาเหรอว่ะ ติดต่อมันได้ที่ไหนหล่ะ แม่งเล่นไม่ให้เบอร์ใครไว้เลย มันบอกผม
แต่กูเจอมันนะเว้ย ตอนปีใหม่ ในเมือง ไอ้แชมป์พูดขึ้นมา ผมหูผึ่งเลย
มันพาเมียมันมากิน เอ็มเค เอ่อ แล้วมันมีลูกแล้วนะ เป็นผู้ชาย ยังไม่ขวบเลย พวกผมได้ยินดังนั้นก็ตกใจกันทั้งโต๊ะ โดยเฉพาะผม
เจรงเดะ แม่งไวไฟว่ะ ไอ้ห่านี่ แล้วมันสึกตั้งแต่เมื่อไหร่อ่ะ ผมถามต่อ
มันบวชเณรจนอายุ 20 อ่ะ แล้วก็บวชพระต่ออีกหนึ่งพรรษา แล้วก็สึกมามีเมียเลย แม่ง ไม่รอเพื่อนฝูงเลย มีลูกทันใช้อีกตะหาก ไอ้แชมป์สาธยายให้ฟัง
ไอ้เอกเอามือมาลูบหลังผมแล้วมองหน้าผม ประมาณว่า มึงไม่เป็นอะไรใช่มั้ย
เฮ้ย ไมมองหน้ากุแบบนั้น กูเฉยๆเว้ย ผมตอบไปแบบนั้น
แต่ก็แปลกนะ ที่ผมได้ยินแบบนั้น แต่ผมกลับไม่เสียใจ กลับรู้สึกดีใจ ที่อย่างน้อยก็รู้ว่ามันยังสบายดี และมีความสุข มีลูกมีเมีย แต่ก็แอบเคืองมันนิดๆนะ เพราะว่ามันเป็นคนพาผมให้มาเดินเส้นทางนี้ แต่สุดท้ายมันซะเองที่เป็นคนเดินกลับหลัง และไปเดินอีกเส้นทางหนึ่ง แต่ก็อย่างว่าอ่ะแหละครับ เรื่องแบบนี้ คนเรามีเหตุผลที่แตกต่างกัน ได้ยินข่าวคราวของมันแล้วผมก็สบายใจ อย่างน้อยมันก็ได้ทำหน้าที่ลูกที่ดีของพ่อแม่ มีลูกไว้สืบสกุล และไอ้แชมป์ก็บอกว่า ตอนนี้มันก็มาทำงานที่ร้านเต็มตัวแล้ว เป็นพ่อค้าอย่างเต็มตัว โดยพ่อกับแม่มันขายช่วงเช้า และมันเลี้ยงลูก และตอนเย็น มันกับเมียมันจะมาขายของ และให้พ่อกับแม่มันคอยเลี้ยงหลานแทน ก็น่าชื่นใจดีนะครับที่ไอ้ปิงมันเป็นคนรักครอบครัวแบบนี้ ดีกว่าที่จะเห็นมันเสียคนหรือติดยา ดีแล้วแหละที่มันเลือกเส้นทางเดินนี้ ผมดีใจกับมันด้วยจริงๆ
วันนั้นพวกผมก็คุยกันสนุกสนานเฮฮา เมื่อถึงเวลา เราทุกคนก็แยกย้ายกันกลับ และในอีกห้าปีต่อมา โรงเรียนก็จะจัดงานครบรอบยี่สิบปีโรงเรียน ซึ่งพวกเราทุกคนก็สัญญาว่าจะกลับกันมาอีก โดยผมก็แอบคิดลึกๆในใจว่า ไอ้ปิงมันก็อาจจะมาด้วยเช่นกัน และก่อนที่จะกลับผมก็ฝากบอกกับเพื่อนๆทุกคนว่า ถ้าเจอไอ้ปิงอีก ให้บอกกับมันด้วยว่า ผมสบายดี ไม่ต้องเป็นห่วง และหากมีโอกาสผมจะไปกินข้าวมันไก่กะข้าวหมูแดงที่ร้านของมัน เพราะนั่นเป็นสิ่งหนึ่ง ที่ผมคิดในใจตลอดเวลาว่า ถ้าผมไม่ได้กลับไปกินข้าวที่ร้านของมันอีก ผมคงนอนตายตาไม่หลับ
ระหว่างทางขากลับ ผมนั่งมองข้างทาง โดยไม่สนใจเสียงของอ๊อฟกับเจษที่นั่งเม้าท์กันอย่างเมามันส์ ผมได้แต่คิดถึงเรื่องในอดีตที่น่าจดจำ ทุกสิ่งทุกอย่างในโรงเรียน ภาพไอ้ปิงลอยผ่านเข้ามาในหัวตลอดเวลา ยิ่งได้ยินข่าวคราวของมัน รู้ว่ามันยังสบายดี ชีวิตของคนเราจะต้องการอะไรไปมากกว่านี้ แค่ได้รู้ว่าคนที่เรารักมีความสุข เพียงแค่นี้ ผมก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้วจริงๆ แค่นี้จริงๆ โดยในชีวิตของผมเจอะเจอผู้คนมากมาย มีหลายคนผ่านเข้ามามอบความรักให้กับผม หลายๆอย่างในชีวิต ผมอาจจะลืมมันไปแล้ว แต่สิ่งๆหนึ่งที่ผมไม่เคยลืม และยังจำได้เสมอ นั่นก็คือ ผู้ชายคนแรกที่ผมรัก ชื่อ ปิง
http://media.imeem.com/m/Wa_foDa3I7ไกลสุดฟ้า ก็ไม่สามารถกั้นเรา
แค่ห่างแค่เพียงเอื้อมมือ
แต่การ…ได้รักเธอ นั่นคือของสำคัญกว่า
และมันมีค่ามากเกินกว่าสิ่งไหนไหน
ฉันขอสัญญา… จะจำทุกเรื่องราว
ไม่ว่าร้ายหรือดี สุขหรือทุกข์ใจ
ฉันจะทบทวน เรื่องราวของเธอตลอดไป
เผื่อวันสุดท้ายที่ฉันหายใจ…จะได้ไม่ลืมเธอ
ปลายขอบฟ้า กับระเบียงที่เราเคย
นั่งมองท้องฟ้าด้วยกัน
ต้นไม้…ต้นนั้น จะดูแลรักษามัน
แทนความคิดถึง เมื่อเธอไม่อยู่ตรงนี้
ฉันขอสัญญา จะจำทุกเรื่องราว
ไม่ว่าร้ายหรือดี สุขหรือทุกข์ใจ
ฉันจะทบทวน เรื่องราวของเธอตลอดไป
จะจำเธอไว้ และรักเธอไป…อย่างนี้
โปรดจงมั่นใจ ฉันขอสัญญา… จะจำทุกเรื่องราว
ไม่ว่าร้ายหรือดี สุขหรือทุกข์ใจ
ฉันจะทบทวน เรื่องราวของเธอตลอดไป
เผื่อวันสุดท้ายที่ฉันหายใจ…จะได้ไม่ลืมเธอ
จะได้ไม่ลืมเธอ