บทที่ 19 วง Friend หลังจากต้อนรับปีใหม่ พ.ศ.2544 ได้ไม่กี่วัน ก็เข้าสู่เทศกาลวันเด็กแห่งชาติ โดยในปีนี้ได้จัดให้มีกิจกรรมต่างๆมากมายตลอดวัน ตั้งแต่เช้าจนถึงกลางคืน โดยมีอยู่กิจกรรมหนึ่งที่น่าสนใจมากๆ นั่นก็คือ การประกวดดนตรีโฟลคซอง
เฮ้ย เตี้ย กูอยากประกวดโฟลคซองว่ะ มันบอกผม
เอาเดะ ปีสุดท้ายแล้ว อยากทำอะไรก็ทำเลย ผมเชียร์มัน
งั้นมึงประกวดกับกูนะ มึงร้องเพลงเพราะกว่ากูเยอะเลย มันชวนผม
อืม ก็ได้ อยากลองเหมือนกัน แล้วมึงอยากเล่นเพลงอะไรล่ะ เค้าบอกว่าให้ร้องเพลงอะไรก็ได้หนึ่งเพลงที่ถนัด และก็เพลงเพื่อชีวิตหนึ่งเพลง แล้วมึงอยากร้องเพลงอะไรล่ะ มันถามผม
ว่าแล้วเราสองคน ก็หยิบหนังสือเพลงทั้งหมดที่มี ออกมานั่งหาเพลง ที่คิดว่าเราสองคนน่าจะทำได้ดีที่สุด และเราก็ได้สองเพลงนั้นมา
ก่อนถึงงานวันเด็กไม่กี่วัน เราสองคนก็จะไปนั่งซ้อมร้องเพลงที่อัฒจรรย์ในสระว่ายน้ำ เพราะว่า หน้าหนาวแบบนี้ ไม่มีคนมาเล่นน้ำเลย ทำให้เราสองคนไม่อายที่จะแหกปากร้องเพลงกัน และเราก็มาซ้อมแบบนี้กันทุกวันจนถึงวันจริง
มีทีมสมัครทั้งหมด 15 ทีม ทีมละไม่เกิน 3 คน โดนรวมกันทั้ง ม.ต้น และ ม.ปลาย พอถึงเวลารายงานตัว อาจารย์ก็ให้ทุกทีมมาจับฉลาก เพื่อหาว่าใครจะได้เล่นเป็นวงที่เท่าไร โดยผมให้ไอ้ปิงเป็นคนจับ ผลออกมาว่าทีมเราได้เล่นเป็นทีมที่ 13
ตอนนั้นคิดในใจ ก็ดีได้เล่นเป็นวงท้ายๆแต่ในใจหนึ่งก็คิดว่า หากวงแรกๆเล่นดีหมดวงเราก็จะไม่น่าสนใจ เมื่อคิดได้ดังนั้น ก็ตั้งสมาธิ แล้วบอกกับตัวเองว่า ต้องทำให้ดีที่สุด โดยช่วงที่รอก็จิบน้ำอุ่นไปพรางๆเพื่อให้เสียงของตัวเองดีที่สุด
แล้วก็ถึงเวลาแข่ง ผมกํบไอ้ปิง นั่งกันอยู่หลังเวที ฟังแต่ละวงร้อง โดยแต่ละวงก็เล่นดีๆกันทั้งนั้น ร้องเพลงก็เพราะ คิดในใจ รู้งี้เล่นวงแรกๆก็ดี จะได้จบๆไป ไม่ต้องกดดันขนาดนี้ และก็ถึงเวลาของวงผม เมื่อวงที่ 12 เล่นเพลงสุดท้ายจบ พร้อมกับเสียงปรบมือดังก้องหอประชุม
ต่อไปขอเสียงปรบมือให้กับวง Friend ด้วยครับ พิธิกรประกาศเรียกชื่อวงผม
ผมกับไอ้ปิงเดินขึ้นไปบนเวที พร้อมกับเสียงปรบมือ และเสียงโห่ จากเพื่อนๆของผมเองนั่นแหละครับ ทั้งตื่นเต้น ทั้งอาย ทั้งเขิน หลายๆอย่าง มือไม้สั่นไปหมด แต่ก็โชคดี ที่ยังมีเวลาตั้งสติ เพราะต้องรอไอ้ปิงจูนสายกีต้าร์ก่อนสักพัก แล้วผมก็ใจเย็นลง และพร้อมที่จะร้องเพลงแล้ว
สวัสดีเพื่อนๆทุกคนนะครับ ผมกล้า สามทับหนึ่ง ร้องนำครับ หวัดดีครับ ผมปิง สามทับหนึ่ง กีต้าร์ครับ พวกผมแนะนำตัวพร้อมกับเสียงกรี๊ดกร๊าดของบรรดาเพื่อนๆผม
เพลงแรกที่พวกเราจะต้องร้องเป็นเพลงเพื่อชีวิต ชื่อเพลง ทานตะวัน เสียงกีต้าร์อินโทรเริ่มขึ้น พร้อมกับบรรยากาศในหอประชุมที่เงียบสงัด ราวกับว่าผมนั่งอยู่กันสองคนที่สระว่ายน้ำ ผมจ้องตาลงไปยังผู้ชมที่ตั้งใจฟัง และเริ่มร้องเพลง
ตะวันส่องแสง แดดฉายลงมา ทาบทาทิวทุ่ง แผ่วลมผ่านโรย เหมือนโชยกลิ่นปรุง ดอกฟางหอมลอย ดอกหญ้าดาว วับวาวทางเกลื่อน เหมือนดังหยาดพลอย แตะนิด ต้องน้อย ราวมณีร่วงพรู พลัดพรายลงดิน
จะอยู่แห่งไหนสุดฟ้าแสนไกล คะนึงถึงถิ่น ด้าวแดนแผ่นดิน ที่เราจากมาเนิ่นนานแสนนาน ดอกหญ้างาม งดงามดังก่อน หรือรอนร่วงราน แดดร้อนดินแล้งลงระงมแผ้วพาน บ้านนาป่าเขา
ทุ่มกาย ทุ่มใจเข้าโหมแรงไฟ หัวใจแรงเร่า ยิ่งซ่านยิ่งทำ ระกำหนักเบาดิ้นรนหนทาง เจ้ามิ่งขวัญ ยิ่งวัน ยิ่งเดือน ยิ่งเลือน ยิ่งราง ทอดทิ้งทุ่งร้าง วันและวันผ่านเยือนเหมือนเดินทางไกล
ตะวันส่องแสง สาดแสงลง ทาบทาทางใหม่ ร่วมจิตร่วมใจ ก้าวไปก้าวไป ฝ่าภัยร้อยพัน มิ่งขวัญเอ๋ย หัวใจเรามั่น เหมือนทานตะวัน เฉิดแสงแรงวัน ราวรวีตะวัน สีทองผ่องใส ขณะที่ผมร้องเพลงนี้ไป น้ำตาผมมันก็คลออยู่ในเบ้าตา ไม่รู้ทำไม สงสัยผมคงจะอินจัด หรืออาจเป็นเพราะว่าเสียงกีต้าร์ที่ไอ้ปิงมันเล่นอยู่นั้น เสียงมันช่างเพราะเหลือเกิน และผมก็ร้องเพลงนี้จบ พร้อมกับเสียงปรบมือดังเกรียวกราว ทำให้พวกผมมีกำลังใจที่จะร้องเพลงต่อไปมากขึ้น
ขอบคุณครับสำหรับเสียงปรบมือ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลานะครับ เริ่มเพลงต่อไปกันเลยดีกว่า ผมบอกกับทุกๆคน และไอ้ปิงก็เริ่มเล่นเพลงต่อไป
อาจยังไม่เห็นว่ารักมากมาย อาจยังสงสัยหัวใจดวงนี้ อาจยังไม่เห็นสายตาแห่งความหวังดี แต่เธอก็คงเข้าใจมันสักวัน
อาจมีใครๆ ที่เขาดีกว่า อาจจะมีคนที่เธอใฝ่ฝัน แต่จะมีใครให้เธอหมดใจอย่างฉัน
และมันจะมีให้เธอเพียงคนเดียว
อยู่มาจนวันนี้เพื่อเจอเธอ จะอยู่เพื่อเธอ ตลอดไป จะเอาความรักที่มีเก็บไว้ เพื่อรอคอยวันที่เธอมองผ่านมา อาจจะมีเวลาที่เธอต้องการ
อีกนานแค่ไหนรักนี้ยังอยู่ อยู่เป็นรักแท้เพื่อเธอเท่านั้น ด้วยใจที่พร้อมให้เธอจากคนอย่างฉัน และมันจะมีให้เธอเพียงคนเดียว
อยู่มาจนวันนี้เพื่อเจอเธอจะอยู่เพื่อเธอ ตลอดไป จะเอาความรักที่มีเก็บไว้
เพื่อรอคอยวันที่เธอมองผ่านมา อาจจะมีเวลาที่เธอต้องการ
อีกนานแค่ไหนรักนี้ยังอยู่ อยู่เป็นรักแท้เพื่อเธอเท่านั้น ด้วยใจที่พร้อมให้เธอจากคนอย่างฉัน กับวันเวลาที่ยาวนาน คงจะพอให้รอเธอ และคงจะทำให้เธอได้รู้... ระหว่างที่ผมร้องเพลงนี้ไป สายตาผมก็จ้องไปที่ไอ้ปิงตลอดเวลา อยากให้มันรู้ว่า ที่ผมเลือกเพลงนี้ ก็เพื่อที่จะร้องให้มันฟังนั่นเอง แต่ก็ไม่กล้าบอกมัน เพราะเขินเหลือเกิน พอสิ้นสุดเพลงนี้ เสียงกรี๊ดก็ดังถล่มทลาย ผมกล่าวขอบคุณทุกคนและลงไปที่หลังเวที มีพี่ๆวงก่อนๆเข้ามาชมหลายคน ทำให้ผมมีกำลังใจมากขึ้น
วันนั้นผมก็แปลกใจตัวเองมากเหลือเกิน ที่ทำได้ดีกว่าที่คิดไว้ ดีกว่าที่ซ้อมไว้ตั้งเยอะ คงอาจเป็นเพราะผมไม่ได้อยากร้องเพลงเพื่อประกวด แต่ผมแค่เพียงอยากจะร้องเพลงให้คนที่ผมรักฟังก็แค่นั้น และอะไรที่เราทำออกมาจากใจ มันก็มักจะดีเสมอ
พอถึงเวลาประกาศผลอาจารย์ก็ให้ทุกวง ขึ้นไปอยู่บนเวที และก็เริ่มประกาศ
รางวัลนักร้องขวัญใจได้แก่ วง แกงส้ม ครับ โดยนักร้องวงนี้เป็นผู้หญิงครับ เสียงแบบว่าเพราะมากๆ ก็สมควรแล้วที่ได้รางวัลนี้ไป
รางวัลชมเชยได้แก่ วง Ba-Ra-Have ครับ วงนี้เป็นพี่ๆ ม.ปลายครับ ร้องเพลงแนวๆร๊อกอกหัก แต่ก็เพราะเหมือนกัน
รางวัลที่สาม ได้แก่ วง Friend ครับ ตอนแรกที่ได้ยินประกาศ พวกผมสองคนมองหน้ากันแล้วกระโดดกอดกันเลยครับ ตกใจสุดๆ ไม่คิดว่าจะติดกับเค้าด้วย เมื่อตั้งสติได้พวกเราก็เดินออกไปรับรางวัล แบบว่าเป็นปลื้มสุดๆ
ส่วนวงที่ได้ที่สองคือวง แกงส้มครับ และวงที่ได้ที่หนึ่ง คือวง กัลปพฤกษ์ โดยวงนั้น มีทั้งนักดนตรีของโรงเรียน นักร้องของโรงเรียน ไม่ได้ที่หนึ่งก็ไม่รู้จะว่าไงแล้ว
โดยรางวัลที่ผมได้รับก็ไม่เยอะอะไรหรอกครับ เป็นเงินห้าร้อยบาท พวกผมก็พาพวกไอ้เอก ไอ้แชมป์ ไอ้ท๊อป ไปเลี้ยงขนมกัน เพราะพวกนี้ก็ไปเป็นหน้าม้า กรี๊ดกร๊าดให้พวกผม มีความสุขไปตามๆกัน ห้าร้อยบาทก็หมดเกลี้ยงภายในวันเดียว
หลังจากวันนั้น ผมก็บ้าร้องเพลงไปเลย ทุกๆเย็นเมื่อมีเวลาว่าง ผมกับไอ้ปิงก็มักจะไปที่ศาลาริมน้ำ ดีดกีต้าร์ร้องเพลง มีความสุขตามประสา โดยไม่ได้คิดเลยว่า เวลาเหล่านี้มันกำลังจะกลายเป็นความทรงจำเท่านั้น เพราะอีกแค่เดือนกว่าๆ อีกแค่เดือนกว่าเท่านั้นจริงๆ พวกเราทุกคนก็จะต้องเรียนจบกันแล้ว และผมก็ไม่คิดเลยว่า เมื่อวันสุดท้ายที่เราสองคนจะต้องอยู่ด้วยกัน มันมาถึง พวกผมสองคนจะทำอย่างไร แต่ ณ เวลานั้น สิ่งที่เราสองคนรู้ก็คือ เรารักกัน และเราก็มีความสุขที่อยู่ด้วยกัน แค่นั้นจริงๆ
http://media.imeem.com/m/fKvIxrlGvi