เราเดินเข้าร้านอาหารญี่ปุ่น คือพี่ไลท์ชอบกินมากๆ แต่ผมไม่ค่อยชอบกินเท่าไหร่แต่ให้กินก็กินได้อ่าครับ แต่คนเต็มร้านเลย ตอนเดินเข้าไปคนก็มองเพียบเลย พี่ไลท์ชอบแกล้งผม บอกให้ผมป้อนตลอดพอผมป้อนเสร็จพี่ไลท์ก็หอมแก้มผมหนึ่งที ไอ้เราก็เคลิ้มเนาะ ฮ่าๆ ช่วงเวลานั้นผมถ่ายรูปกันเป็นสิบยี่สิบรูปเลย บ้ากล้องทั้งคู่อ่าครับ
“เอาอะไรอีกมั้ยพี่ไลท์”
ผมถามแบบประชดไป
“เอาๆ”
ของบนโต๊ะยังกินไม่หมดเลย ผมก็อิ่มแล้วครับ พี่ไลท์เหมือนคนอดอยากอ่าครับ กินเยอะมากๆ
“จะสั่งอะไรนักหนา เบื่อแล้วนะเนี่ย นั่งนานจริงๆ ไม่ต้องกินมันแล้ว พี่ครับเก็บเงินครับ”
ผมพูดจบแล้วก็เรียกพนักงานมาพนักงานไปเอาบิลมา
“ทั้งหมดหนึ่งพันสองร้อยสามสิบบาทคะ”
พี่ไลท์ก็มองหน้าผม ผมก็มองหน้ากลับ คือไปกินอะไรแพงพี่ไลท์ไม่ควัก คราวนี้ผมพูดขึ้นว่า
“จะมองหน้าให้เงินมันไหลออกจากปากเลยหรือยังไงพี่ไลท์ จ่ายตังดิ”
“เหวี่ยงตลอด ท่าทางเมนส์ไม่มา”
พี่ไลท์พูดเบาๆ แต่ผมได้ยินครับ ผมก็เฉยๆ นั่งเล่นเกมส์ไปเรื่อยอ่าครับ พี่ไลท์รูดบัตรเอาอ่าครับ แล้วพนักงานก็บอกว่า
“รับชากาแฟฟรี รับอะไรดีคะ”
“ไม่เอาครับ จะกลับแล้วครับ”
ผมปฏิเสธแทนพี่ไลท์ แล้วลุกเดินออกพี่ไลท์ก็รีบลุกออกตามมา ผมเดินนำลิ่วไปที่ลานจอดรถ พี่ไลท์วิ่งตามมาจับมือผมแต่มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าที่ลานจอดรถก็เราก็เจอผู้หญิง
คนนึง
“สวัสดีคะพี่ไลท์ เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยไปหานินนี่เลยนะคะ คุณคู่หมั้นไม่ให้มาหรอคะ”
ยัยนี่เดินเข้ามาควงแขนพี่ไลท์แล้วหันมามองผมด้วยสายตาอวดๆ จำทำอะไรก็ทำเหอะไม่ได้ประสาทที่จึงหึงหน้ามืดตามัว แล้วที่โมโหไอ้ตรงที่พูดถึงว่าที่คู่หมั้นนี่เน้นมา ชุดเธอนี่แบบว่า กางเกงเสมอจิมิ๊โกะสีดำ เนื้อสายเดี่ยวสีขาวรัดติ้วตรงนม ท่าทางแรดไม่เบาเลยนะเนี่ย
“เปล่า พี่ไม่ค่อยมีเวลาว่าง”
ตอนนี้ว่างก็ไปเลยสิ… กรุณาดูสีหน้ากูด้วย ก่อนจะคุยกันเนี่ย
“กลางคืนก็แวะไปนอนที่ห้องนินนี่เหมือนแต่ก่อนก็ได้หนิคะ ที่เดิมที่ๆเราเคยมีความสุขกัน”
ส้นตีนเถอะชวนผู้ชายไปนอนที่ห้อง จะบอกว่าแรดก็อย่าเดียวก็ไม่ได้ต้องร่านด้วยแล้วนะเนี่ย ท่าทางจะมีความสุขจนขึ้นสวรรค์เลยนะ ไปเอากันอีกก้ได้นะกูไม่ว่าหรอก
ครืด ครืด ครืด
โทรศัพท์ผมดังขึ้น พี่ไลท์หันมามอง มึงสนใจผู้หญิงคนนั้นไปเถอะ เบอร์แปลกๆ ใครโทรมานะ
“ครับ”
(บิวตี้!)
เสียงคุ้นๆ ไม่อยากปล่อยไก่เนียนใส่สำเนียงแรดๆภาษาอังกฤษไปก่อน
“ใครอ่า?”
(ทำไมนายจำฉันไม่ได้ ฉันพั้นช์ไง)
พั้นช์ เป็นเพื่อนผมที่อเมริกา สนิทกันมากๆ ตกใจเลยนึกว่าใครโทรมา
“เห้ย ฉันขอโทษที่จำไม่ได้ ฉันคิดถึงนายกับเพื่อนๆมาก ถ้าฉันมีโอกาสฉันอยากกลับไปอยู่กับเพื่อนๆที่อเมริกา”
หลังผมพูดจบไป ผมรู้ว่าพี่ไลท์ฟังภาษาอังกฤษออก นั่นก็แปลว่า พี่ไลท์ไม่โง่นั่นเอง พี่ไลท์เลยพูดกับผมว่า
“ไม่ให้ไป วางสายไปเดี๋ยวนี้เลย”
พี่ไลท์พูดกระแทกเสียงใส่ผม ท่าทางจะโกรธผมมากเลย แล้วผมละควรจะโกรธมั้ย ผมต้องบอกกับพั้นช์ไปว่า
“พั้นช์ตอนนี้ฉันต้องวางสายแล้วเพราะฉันไม่ว่าง คืนนี้ฉันจะโทรหา”
พี่ไลท์ก็ทำเป็นงอนผมไง ผมสิที่ต้องเป็นคนงอน ไม่ใช่พี่ไลท์
(Ok I love you)
“Me too”
แล้วผมก็วางสายทันที เพื่อนโทรมาจากอเมริกาไม่ใช่ง่ายๆเลย
“พี่ไปก่อนนะ”
“คะ”
ยัยนั่นเดินมาหาผม แล้วกระซิบผมว่า
“อย่างแกก็เป็นได้แค่คู่หมั้น”
แล้วยัยนั่นก็เดินชนผมออกไป แต่ผมรั้งแขนเอาไว้ก่อน
“มีอย่างนึงที่เธอสู้ฉันไม่ได้ รู้มั้ยว่าคืออะไร”
ยัยนี่ทำหน้างง
“ลีลาไง หึ ถ้าฉันลีลาไม่ดีเอวไม่ไว พี่ไลท์จะหลงฉันขนาดนี้หรอ เจียมบอดี้ตัวเองบ้างนะ เธอกับฉันมีนคนละชั้นกัน ถึงฉันไม่มีนมเหมือนเธอ แต่พี่ไลท์ก็เลือกฉันไม่ใช่เธอ ท่าทางเธอจะคันมากเลยสินะ ไปหาคาลาไมล์ทาซะนะจะได้หายคันแต่ว่าอย่างเธอต้องกินไปด้วย แต่คงช่วยบรรเทาอาการคันได้เล็กน้อย สนใจเอาดิลโด้มั้ยจะสั่งซื้อให้หรือจะเอามะเขือยาว”
ผมหันหลังเดินไปที่รถโดยไม่สนใจเสียงกรี๊ดที่จะตามมาทีหลัง แล้วพี่ไลท์ก็เดินตามมา หลังจากที่เราขึ้นรถไปต่างคนต่างเงียบผมงอนพี่ไลท์เรื่องผู้หญิงคนนั้น พี่ไลท์งอนผมเรื่องเพื่อนที่ต่างประเทศของผม ผมไม่ผิดเพราะนั่นคือเพื่อน แต่เค้าผิดเพราะปล่อยในผู้หญิงคนนั้นมาระรานผม พี่ไลท์พาผมมาที่สตูของเค้า พอลงรถนักข่าวก็มาอีกแล้ว คราวนี้มันเรื่องเมื่อกี้ที่ลานจอดรถ ผมละรู้เลยว่านักข่าวตามผมตลอดเวลา และจมูกไวเหมือนหมาด้วย
“น้องไลท์กับน้องนินนี่ยังคบกันอยู่ใช่มั้ยค่ะ”
ผมไม่ตอบ พี่ไลท์ไม่ตอบพี่ไลท์พาผมเดินเข้าข้างในสตูไปเลย คนก็มอง วันนี้ไม่ขอไหว้ อารมณ์กำลังดาร์ก พี่ไลท์พาผมแยกมานั่งอีกที่นึงคนไม่มีเลยมันเงียบมากๆ แล้วเราต่างๆคนต่างเงียบแล้วผมจึงเริ่มพูดก่อนว่า
“พี่ไลท์จะเอายังไง ผมบอกตรงๆผมยังไม่รู้เลยว่าผมเป็นอะไรสำหรับพี่”
พี่ไลท์ก้มหน้าลงแล้วจับมือผมเอาไว้
“ผมไม่อยากจะทนแล้วนะ เราห่างกันดีมั้ย พี่ไม่ต้องไปจากผมแต่ผมจะไปจากพี่เอง”
ผมพูดอย่างเด็ดขาด ผมเจ็บนะที่พูดออกไปแต่มันจำเป็น พี่ไลท์กอดผมแน่นมาก ผมสังเกตแล้วว่าคนเริ่มมอง
“ไม่เอา บิวต์พี่ขาดบิวต์ไม่ได้”
อ้อนทำไม ไม่เข้าใจจะยื้อไว้ทำพ่อง
“แล้วพี่อยากจะหมั้นกับผมทำไม”
ผมถามพี่ไลท์ต่อ
“ไม่ต้องถาม เอาเป็นว่าพี่เลิกยุ่งกับผู้หญิงทุกคนตั้งแต่บิวต์กลับมาอยู่ที่ไทยถาวร”
แสดงว่าถ้าผมไม่กลับมาพี่ไลท์ก็ยังคงลั้ลล้ากับผู้หญิงอยู่ใช่มั้ย - -
“ถ้ามันลำบากผมกลับไปอยู่...”
จุ๊บ!
จูบตรงนี้เลยเนี่ยนะคนอยู่เยอะแยะทำไมกล้าแบบนี้ผมตีพี่ไลท์เบาๆ เอ่อ...จำได้ว่ากูงอนมันอยู่ - -
“เดี๋ยวฟ้าก็ผ่าหรอก”
“คิดว่าพี่กลัวป่ะ”
ผมหันหน้าหนี หยิ่งไว้ก่อนๆ เหมือนพี่ไลท์มาถ่ายแบบให้ก็นิตยสารขอใครไม่รู้สักเล่ม แล้วพี่ไลท์ก็ชอบส่งสายตาอ้อนวอนให้หายงอนอะไรประมาณนี้มาหาผมตลอดเวลา ผมนั่งดูมาได้สักนึง เค้าให้พักสิบห้านาที พี่ไลท์ก็เดินมาหาผม
“เบื่อมั้ย”
พี่ไลท์ถามผม
“เบื่อ เบื่อหน้าพี่มากๆเลย จะไปไหนก็ไปป่ะ”
พี่ไลท์รวบตัวผมไปกอดไว้ ผมก็เล่นตัวเล็กน้อยไปเป็นพิธี
“ถามจริงๆ เป็นอะไรนักหนาเนี่ย งอนอยู่ได้”
พี่ไลท์พูดกับผม
“ไม่ได้งอนแต่รำคาญ รู้อย่างนี้ไม่หน้าออกจากบ้านมาด้วยเลย”
หมั่นไส้ จัดให้ดอกใหญ่เต็มๆ
“มาด้วยกันแล้วมันจะตายมั้ยถามจริง บิวต์อย่ามาไร้สาระกับพี่นะ พี่ถ่ายแบบเสร็จแล้วไปบ้านพี่โอเคมั้ย”
พี่ไลท์พ่นมาเต็มๆหูเลย แถมกอดแน่นกว่าเดิมอีก
“ไม่”
ผมตอบทันทีเมื่อพี่ไลท์พูดจบ
“ผมไม่อยากโดนแม่พี่วีนใส่หนิ”
ผมพูดต่อ
“กลัวทำไม ทุกทีไม่เห็นกลัวเลยหนิ เจอหน้ากันก็ฟาดงวงฟาดงากันตลอด”
พี่ไลท์ตอบมาทันทีที่พูดจบ
“ถ้าผมไปแล้วโดนด่า พี่โดนผมตบแน่”
ผมยื่นคำขาดไป แล้วพี่ไลท์ก็ก้มลงมาหอมฟอดใหญ่เลย
“คิดหรอว่าพี่พาไปแล้วจะให้เจอแม่ พี่จะพาไปปั้มลูก”
พี่ไลท์พูดจบแล้วทิ้งให้ผมอึ้งตรงนั้นเลย กูหนีตอนนี้ทันมั้ยว่ะ ผมนั่งรอมาประมาณเกือบสองชั่วโมง เสร็จแล้วตอนนี้ก็ทุ่มกว่าๆได้แล้วแหละ
“กลับกันเถอะ”
“อื้อ”
ผมกับพี่ไลท์ก็เดินออกจะกลับบ้านนักข่าวก็ยังอยู่ ทำไมพวกมึงอดทนกันได้ขนาดนี้ว่ะ หน้าจับไปไถนาจริงๆทนกันได้ขนาดนี้ - -
“ถ้าผมด่าจะเป็นอะไรมั้ย”
“อย่าพึ่ง ใจเย็นๆ”
นักข่าวเดินมาล้อมคราวนี้เดินไปไหนไม่ได้เลย กูไม่ใช่นักร้องเกาหลีนะที่จะได้มีแฟนคลับมาล้อมหน้าล้อมหลังวิ่งตามแบบนี้ เดี๋ยวถีบกระเด็นให้หมดเลย อากาศมันร้อนอยากขึ้นรถแล้วๆ
“น้องบิวต์ไป ว่าน้องนินนี่จริงหรือเปล่าครับ”
ท่าทางนักข่าวคนนี้จะเป็นพวกแม่นั้นแน่นอนน้ำเสียงออกจะเหวี่ยงผมเล็กน้อย เหวี่ยงกูให้กระเด็นนะ ถ้ากูไม่กระเด็นเดี๋ยวพวกมึงจะกระเด็นแทนกู
“ผมไปด่าเค้าเมื่อไหร่ครับ พี่ไม่ได้ยินที่ไหนมา”
ผมตอบออกไป และจ้องหน้าแบบหาเรื่องเล็กน้อย
“น้องนินนี่บอกว่าน้องบิวต์ไปว่าเค้าทั้งๆที่น้องเค้าเข้ามาทักน้องไลท์เฉย”
ตอแหลเก่งจริงๆนะมึง เดี๋ยวโดนกูเล่นแน่
“ไม่จริงครับ ผมอยู่ในเหตุการณ์จอดรถ ตรวจสอบข้อเท็จจริงของข่าวด้วยครับอย่ากล่าวหาคู่หมั้นผม”
พี่ไลท์พูดไปอย่างอารมณ์เสีย
“น้องนินนี่บอกว่าน้องบิวต์บอกว่าถ้าไม่เลิกยุ่งกับน้องไลท์น้องบิวต์จะบอกเรื่องนี้กับน้องผึ้ง”
น้องนินนี่บอกว่า จะย้ำทำส้นอะไรนักหนา รู้แล้วเว้ยว่าไปถามมันมาก่อน
“ผมไม่ยืมจมูกใครหายใจหรอกครับ เรื่องนี้มันก็แค่ขี้ฝุ่น ผมจัดการได้สบายๆ แล้วอีกอย่างก่อนที่พวกคุณจะมาสัมภาษณ์ผม ช่วยไปหาข้อมูลมาเยอะๆหน่อย ว่าเรื่องจริงแล้วมันมีที่มายังไงกันแน่ ผมก็ไม่ใช่เซเลปนะครับ อย่าตามทำข่าวผมอีก ผมเบื่อ ตอนนี้ก็ใกล้จะเปิดเทอมแล้วผมต้องเตรียมตัวอะไรอีกมากมาย ข่าวไร้สาระแบบนี้ผมไม่อยากตอบหรอกครับ”
ผมพูดออกไปและนักข่าวก็ถามต่อว่า
“แล้วเรื่องที่เกิดขึ้นในลานจอดรถ นั้นเกิดจากอะไรคะ”
“ไวจริงๆเลยนะครับข่าวของผมเนี่ย ผมจะบอกอะไรให้นะครับดาราทุกคนก็เป็นคนธรรมดาเหมือนกันทั้งนั้น เค้าต้องการเวลาที่เป็นส่วนตัวกันบ้างอะไรบ้าง เอาใจเค้ามาใส่ใจเราบ้างเถอะครับ ผมไม่แคร์นะครับว่าการที่ผมพูดในวันนี้จะเป็นยังไง ผมไม่ใช่ลูกผู้ดีที่ต้องวันๆต้อง ครับ ขอรับ ทั้งวัน ถึงผมเป็นลูกผู้ดีแต่ผมก็นั่งรถเมล์นะครับ ส่วนเรื่องที่เกิด ผมกับพี่ไลท์เดินมาที่ลานจอดรถแล้วเธอก็วิ่งมาเกาะแขนพี่ไลท์ เธอก็ชวนให้พี่ไลท์ไปนอนที่ห้อง ถ้าพวกพี่ตามผมตลอดนะครับ พี่ก็คงคิดได้เองว่าใครเป็นคนเริ่มก่อน เพราะตอนเถียงกัน ไม่ได้กระซิบหรือนั่งทางในด่ากัน แล้วตอนนี้ผมกับพี่ไลท์ก็ทะเลาะกันอยู่ ถ้าผมสองคนถอนหมั้นกันเมื่อไหร่ก็เกิดจากเธอคนนั้นแหละครับ ไม่ต้องคิดอะไรมากเลยครับ”
ผมรู้ตัวครับว่าผมกำลังด่ากลาดไปทั่ว อยากมาสะกิดให้จี๊ดแล้วจะเกิดอารมณ์ นักข่าวถามขึ้นมาประโยคนึง
“น้องบิวต์ไปเรียนที่อเมริกามีแฟนหรือเปล่าคะ”
“ที่บ้านส่งผมไปเรียน ให้ไปศึกษาหาความรู้ ไม่ได้ให้ไปหาแฟน”
rewrite: 31/12/57