ตอนที่ 24 : เศษหนึ่งส่วนสอง [End]
“จ่ายเงินค่าน้ำมันรถให้กูด้วย” ไทยแบมือออก ทวงค่าน้ำมันรถหลังแวะมาส่งปราบที่ห้องพัก เขากระโดดขึ้นนั่งบนเตียงราวกับเป็นห้องของตัวเอง
ร่างสูงใหญ่ตามมานั่งเคียงข้าง มือตีลงบนมือของเขาแต่ไม่มีเงิน
“ไหนเงินกู”
“งก”
“เขาเรียกว่ารู้จักค่าของเงิน เมื่อก่อนกูไม่ขอเพราะนึกว่ามึงจน”
“หึๆ”
“ถามจริงเหอะ มึงไม่เคยเอารถมาใช้เลยเหรอวะ ถ้ากลัวสะดุดตาก็หาคันเก่าๆ มาใช้ก็ได้นี่หว่า”
“กูทำแบบนั้น แต่เพิ่งเอากลับบ้านตอนเริ่มสนิทกับมึง”
“อ้าว!”
“อย่าคิดอะไรเพี้ยนๆ” ไทยหน้าหงายเมื่อถูกดีดที่หน้าผาก
“รู้ทันกูอีก” ไทยลูบหน้าผาก ก็แค่คิดขึ้นมาว่าไหนว่าไม่ลองใจกูไงวะ
“ถ้ากูไม่ทำแบบนั้นจะได้ใกล้ชิดมึงเหรอ”
“อืมม” ไทยกลั้นยิ้ม “มีการลงทุนซะด้วย ถือว่าใช้ได้”
“หึๆ”
“พูดถึงเรื่องนี้แล้วกูนึกอะไรขึ้นมาได้ ยังไม่เคยถามมึงเลย”
“ถามมาสิ” ปราบดันไทยให้เข้าไปนั่งด้านในของเตียง ส่วนตัวเขาขยับขึ้นไปนั่งพิงหมอนเหยียดขายาว มือสอดรองใต้ศีรษะ รอให้อีกฝ่ายถาม
“มึงพูดเหมือนมึงสนใจกูมานานแล้วทำไมเพิ่งมาทักวะ หรือเมื่อก่อนไม่กล้าแต่พอเห็นเพื่อนกูมีแฟนเป็นผู้ชายเลยกล้าขึ้นมา”
“เปล่า” ปราบส่ายหน้า นึกย้อนกลับไป “กูสนใจมึงมานานแต่ที่ไม่จีบเพราะไม่มีช่อง มึงไปไหนมาไหนกับเพื่อนตลอด เมื่อก่อนเตะบอลเสร็จมึงก็กลับ ไม่ได้ไปเฮฮาต่อกับพวกกู” ไทยพยักหน้า สมัยนั้นเขาไปเพื่อออกกำลังกายจริงๆ เล่นเสร็จก็กลับ คุยได้กับทุกคนแต่ไม่สนิท
“ถ้ามึงเป็นผู้หญิงกูคงไม่ระวังมาก อยากจีบก็จีบเลยเพราะมันเป็นเรื่องปกติ แต่เพราะมึงเป็นผู้ชาย ถ้ากูเข้าไปผิดจังหวะผลลัพธ์คงไม่ดีเท่าไหร่”
“จริง” ไทยตอบได้ทันทีโดยไม่ต้องคิด
“โชคดีที่ตะวันมีแฟน กูถึงไม่ต้องรอนานเกินไป ต้องขอบคุณพี่เมธ”
“ไปขอบคุณหนูดลดีกว่ากูว่า”
“งั้นขอบคุณน้องจันทร์ด้วยดีไหม”
“ฮ่าๆ” เรื่องนี้ทำให้ไทยหัวเราะได้ทุกครั้ง
“วันที่กูเห็นมึงนั่งอยู่คนเดียว กูก็รู้ว่าถึงเวลาของกูแล้ว”
“การรอคอยไม่แย่เสมอไปใช่ไหม”
“ใช่ โดยเฉพาะเมื่อได้มึงมา” ปราบดึงไทยเข้ามากอด เขาแตะจมูกลงบนหน้าผากกว้าง สูดลมหายใจเข้าลึกๆ
“คุ้มค่ากับที่มึงรอไหมวะ”
“คุ้มสิ”
“กูก็คุ้ม”
“หือ?”
“คุ้มกับค่าน้ำมันรถที่ไปรับไปส่งมึงไง ใครว่ากูไม่ลงทุน”
“ฮ่าๆ” ปราบหัวเราะเสียงดัง ไทยขยับตัวมานอนเกยอกเขา ปราบสอดมือเข้าไปในกลุ่มผมนุ่ม ลูบเล่น
“มีบางครั้งที่กูคิดว่าหรือชาตินี้กูจะไม่มีแฟนวะ คบใครก็ไม่รอดสักราย”
“มึงยังไม่เจอคนที่มึงอยากอยู่ด้วย”
“กูเคยคิดว่าเจอ แต่ตอนนั้นกูไม่อยากเปลี่ยนตัวเองเพียงเพื่อให้เขาอยากอยู่ด้วย”
“กูไม่ได้เปลี่ยนมึง”
“รีบออกตัวเลยนะ” ไทยยิ้มกว้าง ดึงมือของปราบมาวางบนอก
“กูเคยคิดว่ามันคงไม่มีหรอกคนที่เป็นเศษหนึ่งส่วนสองของกู แต่กูก็ได้เจอมึง กูถึงได้รู้ว่าความเหมือนในความแตกต่างมันเป็นยังไง ไม่จำเป็นที่เราต้องชอบอะไรเหมือนกัน กินเหมือนกัน ใช้ชีวิตเหมือนกัน แต่แค่แนวทางความคิดของเราเหมือนกันก็พอ นั่นต่างหากที่ทำให้คนเราเข้ากันได้หรือไม่”
“มันเป็นแบบนั้น” ปราบเห็นด้วยในสิ่งที่ไทยพูด
“อืม สมมุติกูชอบสีขาวมึงชอบสีดำ กูกินเผ็ดมึงกินจืด กูชอบดูหนังมึงไม่ชอบดู ดูเหมือนเราเข้ากันไม่ได้สักอย่าง แต่ถ้าเห็นข่าวหนึ่งแล้วกูบอกว่าเฮ้ยแบบนี้ไม่ถูก แล้วมึงก็คิดเหมือนกัน แบบนั้นต่างหากที่เรียกว่าเข้ากันได้ คนเราทะเลาะกันเพราะความคิด อยู่ด้วยกันได้เพราะความคิด ไม่ใช่ของภายนอก มึงคิดเหมือนกูไหม”
“กูคิดเหมือนมึง”
“เฮ้อ ถ้ากูคิดได้แบบนี้กูมีแฟนเป็นดาวคณะไปแล้ว แม่งเสียดายไม่น่าเลิกกันเลย โอ๊ย!” ไทยยกมือจับแตะหน้าผากเมื่อโดดดีดเต็มแรง
“กูล้อเล่น จีบติดที่ไหนละดาวคณะ จริงๆ ที่กูอยากพูดก็คือ..” ไทยพลิกตัวขึ้น ใช้คางเกยกับอกของปราบแทน “กูดีใจที่เศษหนึ่งส่วนสองของกูคือมึง”
“ก็ยังดี”
“ก็ยังดีเหรอ” ไทยเลิกคิ้ว ไม่เข้าใจที่ปราบพูด
“ดีกว่าไม่เต็มบาทของคนโปรดหน่อยไม่ใช่เหรอ”
“ฮ่าๆ เอาน่า ไม่ว่านับแบบไหนยังไงมึงกับกูก็รวมกันเป็นหนึ่งอยู่ดี”
“ถ้าอย่างนั้นก็ย้ายมาอยู่ด้วยกัน”
“นึกว่าจะไม่ชวน” ไทยไม่รู้ว่าคู่อื่นเป็นอย่างไร แต่สำหรับพวกเขาง่ายๆ แค่นี้
ไทยกลิ้งตัวลงด้านข้าง ก่อนขยับขึ้นตัวจนหัวหนุนอยู่บนหมอน “ไอ้ปราบ”
“หือ”
“ขอบคุณนะ”
“เรื่องอะไร”
“ที่รักกู”
“ขอบคุณวิธีอื่นได้ไหม”
“มึงแม่ง!” ไทยส่ายหัวจนผมกระจายเพราะรู้ความหมายที่อีกฝ่ายพูด เขาขยับตัวลุกขึ้นนั่ง จ้องตาคมเข้มของปราบ รอยยิ้มค่อยๆ กว้างขึ้น ดวงตาฉายชัดถึงความสุข
“ขอบคุณ” ไทยทาบทับริมฝีปากเข้าไปหา ฝ่ามือใหญ่วางลงบนแผ่นหลังดึงเขาให้แนบชิดยิ่งขึ้น ความรักคือความพอดีระหว่างคนสองคนไทยเชื่ออย่างนั้น และวันนี้เขาก็ได้พิสูจน์แล้ว
“ยิ้มอะไรวะ” ไทยเริ่มระแวงเมื่อคนโปรดนั่งเท้าคางมองเขาด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม “กูดีใจ”
“เรื่องอะไร”
“เรื่องมึง กูดีใจที่มึงมีความสุข”
“ตะวันรู้หรือเปล่าว่าคนโปรดมันเป็นอะไร” ไทยหันไปถามตะวันที่นั่งฟังยิ้มๆ
“เป็นห่วงไทยไง ใช่ไหมคนโปรด”
“ใช่ กูเป็นห่วงที่มึงอยู่คนเดียว”
“ห่วงทำไม คิดมาก ถึงอยู่คนเดียวกูก็อยู่ได้”
“แต่อยู่สองคนดีกว่าเยอะใช่ไหม” คนโปรดยิ้มกว้าง
“ใช่” ไทยพยักหน้า เมื่อมันดีกว่าจริงเขาก็ต้องรับ
“โสดกันอยู่ดีๆ ตอนนี้ก็มีแฟนกันหมดแล้ว เวลาเดินผ่านไปเร็วจริงๆ”
“นั่นสิ” ตะวันเห็นด้วยกับคนโปรด “เหมือนพวกเราเพิ่งเจอกันเมื่อวาน” ความทรงเก่าในวันวานย้อนกลับมา ตะวันอดยิ้มไม่ได้เมื่อคิดถึง
“กูดีใจที่ได้นั่งข้างพวกมึง” ไทยนึกถึงวันแรกที่พวกเขาได้เจอกัน นักศึกษาปีหนึ่งสามคนนั่งเรียงกัน ต่างคนต่างบุคลิก ไม่มีใครคิดว่าพวกเขาจะกลายมาเป็นเพื่อนสนิทกันได้แต่มันกลับลงตัว
“กูก็เหมือนกัน” คนโปรดยิ้มร่าเริง “พูดแล้วก็คิดถึงวันแบบนั้นนะ ไปไหนมาไหนด้วยกัน ขลุกอยู่ด้วยกันตลอด สนุกดี”
“แต่ถึงเราจะเปลี่ยนไป โตขึ้น มีความรู้มากขึ้น มีแฟนแล้ว ใช้เวลากับเพื่อนน้อยลง แต่เราจะมีกันเสมอไม่ใช่เหรอ” ตะวันพูดด้วยรอยยิ้ม “เราไม่เคยรู้สึกเหงาเลย รู้ว่ายังไงเราก็มีคนโปรดกับไทย”
“ใช่ พวกมึงมีกูเสมอ จะสุขจะทุกข์ ไม่ว่าเรื่องที่ทำให้พวกมึงยิ้มได้หรือมีน้ำตากูก็อยากรู้ทุกเรื่อง”
“ไทยทำเราน้ำตาร่วง” ตะวันไม่ได้ร้องไห้ เขายิ้มแม้น้ำตาจะคลอตา
“จะร้องทำไม เป็นเรื่องดีๆ ทั้งนั้น”
“ใช่” คนโปรดพยักหน้าเห็นด้วยกับไทย “และเรื่องราวดีๆ ก็กำลังเดินมา” ไทยมองตามสายตาของคนโปรด ถึงเห็นว่าปราบเดินเข้ามาพร้อมกับเมธและหนูดล
“ทำไมมาพร้อมกัน” ไทยยังไม่ทันถาม เมธก็เฉลยเสียก่อน
“พี่จอดรถแล้วเจอปราบพอดี เลยเดินมาพร้อมกัน”
“งั้นก็ได้เวลาแยกย้ายกันกลับบ้าน พี่รหัสครับกลับได้แล้ว” คนโปรดเรียกรหัสที่นั่งอยู่โต๊ะห่างออกไปกับนักศึกษาปริญญาโทด้วยกัน
“ไอ้ไทย”
“หือ?” ไทยหันกลับไปมอง คนโปรดกำลังโบกมือให้เขา ตะวันอุ้มหนูดลยืนอยู่ข้างๆ มีเมธและรหัสยืนอยู่ด้านหลัง
“พรุ่งนี้เจอกัน” “พรุ่งนี้เจอกัน” ไทยยิ้มกว้างโบกมือตอบเพื่อน
ความรักเข้ามาในหลายรูปแบบ ไทยคิดว่าเขาโชคดีมากที่ได้เจอตะวันกับคนโปรด เพื่อนที่เป็นยิ่งกว่าเพื่อน และโชคดียิ่งขึ้นไปอีกเมื่อได้เจอกับปราบ คนที่เป็นทั้งเพื่อนและคนรัก ชีวิตของเขาไม่ได้ขาดอะไร ไทยมั่นใจว่าเขาใช้ชีวิตคนเดียวได้ แต่การที่มีใครอีกคนเข้ามาทำให้หัวใจของเขาอบอุ่นมากยิ่งขึ้น
“ไอ้ปราบ”
“ว่า”
“ไปกินข้าวหมูกรอบกันเถอะ”
“หึๆ ได้ มึงเลี้ยง”
“ทำไมกูต้องเลี้ยงวะ” ไทยพยายามกลั้นเสียงหัวเราะ ดวงตาของเขาเป็นประกาย
“เพราะกูไม่กินข้าวหมูกรอบ”
“งั้นมึงจะกินอะไร”
“ข้าวหมูแดง”
“เหรอ นึกว่าอยากกินกู”
“....”
ไทยยิ้มกว้างอยากจะร้องไชโยออกมา ในที่สุดเขาก็ชนะเสียที “ไปกินข้าวกันเถอะ กูหิว”
“ไปสิ”
ความสุขเป็นเรื่องง่าย อยู่ที่เราจะทำให้มันออกมาเป็นแบบไหน หลายคนไขว่คว้าสิ่งที่ยังมาไม่ถึง โดยไม่รู้ว่าเราจะมีวันพรุ่งนี้ไหม สำหรับไทยแล้วความสุขคือปัจจุบัน แค่ได้เดินเคียงข้างกัน ยิ้มให้กัน และอยู่ด้วยกันไปแบบนี้ก็ดีมากพอ
-Happy Ending-** ในที่สุดทฤษฎีซีรีส์ทั้งสามเรื่องก็จบสมบูรณ์ เป็นนิยายเรื่องหนึ่งที่รู้สึกผูกพันกับตัวละครสามเพื่อนซี้มากจริงๆ หวังว่าทั้งสามคนจะทำให้คนอ่านมีความสุขและยิ้มได้นะคะ เขียนผิดเขียนถูกบ้างก็ต้องขอโทษด้วย จะพยายามปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นค่ะ ^^
** ฝากเรื่องใหม่ด้วยนะคะ Link >>
โชคดีที่วันนี้มีคุณพระจันทร์ (ตฤน&ว่าน) ** ทฤษฎีซีรีส์เปิดพรีออเดอร์ถึงวันที่ 14 พ.ค.นี้ค่า เผื่อใครสนใจ รายละเอียดกดเข้าไปในลิงก์ของสนพ.ได้เคยค่า
LINK >>
PRE-ORDER ทฤษฎีซีรีส์ คนโปรด-ตะวัน-ไทย