(ต่อนะคะ)
เช้าของวันต่อมาพวกเราก็ตื่นมาเตรียมพร้อมกันก่อนจะออกไปด้านนอกมหาวิทยาลัยบริเวณที่คาดว่าจะมีคนอยู่เยอะ...จากที่คุยๆกันการที่หน่วยรักษาความปลอดภัยเซฟตี้วิททำแบบนั้นต้องมีหลายสาเหตุหนึ่งในนั้นคงไม่พ้นความต้องการมีชื่อเสียงเหนือกว่าหน่วยปฏิบัติการพิเศษดังนั้นสถานที่ที่ต้องจะปล่อยไดโนเสาร์ต้องเป็นที่ที่มีคนเดินไปมา
“เชสให้ฉันกลับร่างไหม?”ผมหันไปถามคู่หูตัวเองที่อยู่ด้านข้าง
การเดินนี่ออกจะช้าอยู่พอสมควรถ้ามีอะไรเกิดขึ้นเราอาจไปไม่ทัน
“ไม่ต้อง...ถ้ากลับร่างจะกลายเป็นที่สงสัยทันทีอยู่ร่างนี้แหละดีแล้ว”
“แต่...”
“ไม่ต้องห่วงถ้าเมื่อไหร่ที่นายได้กลิ่นไดโนเสาร์หรืออะไรก็ตามที่ผิดปกติกลับร่างได้เลย”เชสดูเหมือนจะรู้ว่าผมคิดอะไรเลยอธิบายต่อ
“อืม...แต่เราก็มาเช้าไปหน่อยเนอะ”ผมพูดพลางมองไปรอบกายที่มีหมอกสีขาวลงปะปายบริเวณถนนในช่วงเช้า เวลาประมาณนี้ไม่ค่อยมีคนหรือรถเท่าไหร่
“นั่นสิ...ไปหามื้อเช้ากินกันดีกว่า”
“เยี่ยมเลย...ไปกัน”ผมนี่หิวสุดๆเลย
“อย่ากินเยอะจนบินไม่ขึ้นละกัน”คำกวนๆจากปากของคนรักทำให้ผมถึงกับหุบยิ้มแล้วมองกลับไปตาขวางๆ
“ถึงจะกินสัก100โลก็บินขึ้นน่า!”
พวกเราใช้เวลาจัดการมื้อเช้าไปประมาณหนึ่งชั่วโมงก่อนจะออกปฏิบัติภารกิจต่อ...ด้วยขอบเขตที่กว้างมากแม้จะมีพี่บราวกับพี่โชช่วยก็ถือว่ายังกว้างไปที่จะหาในร่างมนุษย์เล็กๆนี่
ถ้าให้ผมกลับร่างป่านนี้ก็บินรอบฝรั่งเศสได้เกือบรอบแล้ว
ดวงตาสีแดงอ่อนหันไปมองรอบตัวพร้อมสูดดมกลิ่นที่อยู่รอบๆก่อนจะหันไปยังข้างกายที่มีเชสเดินถือโน้ตบุ๊กใช้โปรแกรมที่เคยแสดงให้เห็นเมื่อวานอย่างชำนาญแม้ว่าเราจะเดินอยู่ในบริเวณทางเดินที่เต็มไปด้วยตึกและซอกซอยแต่ก็ไม่ต้องเดินเข้าดูหมดทุกที่เพราะเชสจะใช้โปรแกรมที่ว่าจัดการดูภายในซอกซอยต่างๆ
รู้สึกเหมือนตอนนี้ตัวเองไม่มีประโยชน์อะไรเลย
จมูกที่สามารถตามกลิ่นได้ก็ไม่ได้รู้สึกถึงไดโนเสาร์หรืออะไรที่น่าสงสัยเลยทำได้แค่เดินตามเชสไปเงียบๆด้วยความรู้สึกไม่ดีนักที่ไม่สามารถทำอะไรได้
ผ่านไปหลายชั่วหลังจากที่เราเดินไปตามบริเวณที่มีคนสันจรไปมาอย่างชุกชุมแต่ก็ยังไม่มีวี่แววของหน่วยรักษาความปลอดภัยเซฟตี้วิทหรือกลิ่นของไดโนเสาร์เลยสักนิดเดียว
“ฉันว่าพวกนั้นอาจจะเริ่มรู้ตัวแล้วก็ได้นะ”ผมพูดขึ้นในระหว่างที่พวกเราเดินข้ามไปยังอีกฝั่งของถนนทางตอนใต้
“เป็นไปได้...แต่ถึงจะรู้ก็ไม่มีทางปล่อยให้เรื่องเงียบไปนานๆแน่”
“หมายความว่าต่อให้วันนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่อีกไม่กี่วันต้องมีสินะ”
“ใช่...การจะให้ประชาชนทั่วไปรู้จักนั้นต้องสร้างจุดเด่นขึ้นมาและต้องออกสื่ออย่างสม่ำเสมอ”
“งั้นวันนี้เราควรกลับก่อนไหม?”ผมหันไปถามพร้อมกับเงยหน้าขึ้นไปมองบนท้องฟ้ายามเที่ยงที่มีแสงแดดส่องจนต้องหรี่ตาลงแต่ถึงอย่างนั้นสิ่งที่ผ่านเข้ามาในสายตาทำให้ดวงตาสีแดงเบิกกว้างขึ้นอย่างรวดเร็ว
“เชส...ข้างบน!”เรียกเสร็จผมก็ชี้มือขึ้นไปบนท้องฟ้าที่มีร่างของไดโนเสาร์ขนาดใหญ่บินผ่านไปและไม่ใช่แค่ตัวเดียวด้วย
“นั่นมัน...พันธุ์อะไรกัน?”ขนาดเชสที่ตอนนี้เชี่ยวชาญเรื่องไดโนเสาร์พอสมควรแล้วยังไม่สามารถบอกสายพันธุ์ได้แต่ก็ไม่แปลกหรอกเพราะด้วยระยะห่างมากขนาดนี้จะให้ระบุก็ยากเกินไป
“ฉันจะกลับร่าง...นายโทรตามพวกพี่บราวด้วย”ทันทีที่พูดจบร่างสูงโปร่งก็เปลี่ยนกลับเป็นร่างของไดโนเสาร์เกร็ดสีเงินขนาดใหญ่ทำให้ผู้คนที่อยู่รอบข้างส่งเสียงร้องออกมาอย่างตกใจ
เชสที่เห็นผมกลับร่างก็รีบขึ้นขี่บนหลังก่อนที่ผมจะวิ่งไปตามพื้นถนนเพื่อหาสถานที่ให้บินขึ้นได้แถวนี้มีพวกป้ายเยอะเกินไปถ้าบินขึ้นไปสุ่มสี่สุ่มห้าได้มีกระแทรกจนเจ็บตัวแน่
“เลี้ยวซ้ายอานโน่...ตรงนั้นเป็นแม่น้ำไม่มีสิ่งกีดขวางแล้ว”
งื๊ดดด!
เสียงครางสูงตอบรับคำพูดของคู่หูที่อยู่บนหลังก่อนจะทำตามอย่างไปลังเล...ทันทีที่เลี้ยวซ้ายก็เจอกับแม่น้ำสายหนึ่งที่ตัดผ่านกลางตัวเมืองทำให้ไม่มีสิ่งกีดขวางในการบิน
ปีกสีเงินกางออกกว้างก่อนจะพุ่งตัวไปยังท้องฟ้าด้านบนอย่างรวดเร็วเพียงไม่กี่วินาทีร่างขนาดใหญ่ก็ขึ้นมาอยู่บนท้องฟ้าอย่างที่ต้องการ...ดวงตาสีแดงก่ำมองไปยังรอบกายเพื่อหาฝูงไดโนเสาร์ที่ว่าแต่เพราะเสียเวลากับการหาที่บินขึ้นทำให้คลาดสายตาไปซะได้
แรงลมขนาดนี้จะให้ดมกลิ่นก็ไม่ได้อีก
ทำยังไงดี
“อานโน่ตรงไปทางใต้...ฉันจำได้ว่าพวกมันบินไปทางนั้น”
ทันทีที่เสียงของเชสดังขึ้นผมก็ไม่มีแม้แต่ความลังเลรีบพุ่งไปยังทิศใต้ตามที่อีกฝ่ายพูดทันที...ระหว่างที่ไปตามทิศที่บอกก็ได้ยินว่าเชสโทรไปหาพี่บราวเรียบร้อยแล้ว
ถ้าจะให้รอพี่บราวมาคงไม่ทันพวกหน่วยรักษาความปลอดภัยเซฟตี้วิทเพราะงั้นขอไปจัดการก่อนละกัน
สิ้นความคิดผมในร่างของไดโนเสาร์เกร็ดเงินก็เพิ่มความเร็วขึ้นอีกจนเห็นฝูงของไดโนเสาร์ที่ตามหาอยู่ไกลๆ..ยิ่งเห็นแบบนั้นปีกสีเงินก็กางออกกว้างขึ้นก่อนจะพุ่งตัวตรงไปอย่างสุดเร็ว
ไม่กี่วินาที่ร่างของฝูงไดโนเสาร์ก็ปรากฏต่อหน้าในระยะประชิดเช่นเดียวกับความแตกต่างของสายพันธุ์ที่เห็นได้ชัดจนอดไม่ได้ที่จะหวาดหวั่น
เพราะตอนที่เห็นอยู่ไกลพพอสมควรทำให้ไม่รู้ถึงขนาดที่แน่ชัดแต่นี่มัน...
ใหญ่เกินไปแล้ว
“เควตซัลโคแอทลัส”ชื่อสายพันธุ์ที่ดังขึ้นจากคู่หูที่อยู่บนหลังทำให้ผมรู้ว่าอีกฝ่ายเข้าใจถึงความแตกต่างที่ชัดเจนนี่เป็นอย่างดี
เควตซัลโคแอตลัสบินมีชีวิตอยู่เมื่อ65ล้านปีก่อนซึ่งตรงกับยุคสุดท้ายของไดโนเสาร์ มันมีปีกที่กว้างกว่า12เมตรและความสูงขณะยืนกว่า6เมตรเป็นไดโนเสาร์บินได้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
มันล่าเหยื่อด้วยการโจมตีรังของไดโนเสาร์เพื่อกินตัวอ่อนหรือไล่ต้อนฝูงไดโนเสาร์เพื่อแยกตัวลุกก่อนที่จะสังหารด้วยจะงอยปากอันแหลมคมของมัน...แถมด้วยพลังที่มีพวกมันไม่ลังเลเลยที่จะโจมตีรังของT-Rex ซึ่งเป็นหนึ่งในสายพันธ์ไดโนเสาร์ที่แข็งแกร่ง
แค่ขนาดตัวผมก็แพ้อย่างหลุดลุ่ย
ยิ่งไปบินอยู่ข้างๆผมเหมือนกลายเป็นนกกระจิบที่บินอยู่ท่ามกลางเครื่องบินรบ
แต่ถึงอย่างนั้นผมก็จะสู้
กรรรรร!
เสียงคำรามของไดโนเสาร์เกร็ดเงินดังขึ้นเรียกความสนใจของฝูงเควตซัลโคแอตลัสที่บินอยู่ให้หันมาอย่างพร้อมเพียง ไม่นานตัวที่คาดว่าจะเป็นจ่าฝูงก็บินมาหยุดตรงหน้าผม
‘มีอะไรเจ้าหนู?’เควตซัลโคแอตลัสตรงหน้าถามขึ้น
อย่างน้อยก็ยอมคุยด้วย...แบบนี้ถือว่าดีทีเดียวถึงจะไม่ชอบที่มาเรียกว่าเจ้าหนูก็ตามที่เถอะ
‘พวกคุณถูกมนุษย์ปล่อยมาใช่ไหม?’
‘มนุษย์?...เข้าใจผิดแล้วล่ะเราแค่อพยพมาเพราะอากาศที่นี่เริ่มอบอุ่นขึ้นเท่านั้นไม่มีใครปล่อยเรามาหรอก’
‘หมายความว่า...’พวกเราเข้าใจผิดงั้นสิ
ครืดดด~
ยังไม่ทันคิดว่าจะบอกเรื่องนี้กับเชสยังไงเสียงสั่นของเครื่องมือสื่อสารก็ดังขึ้น
“ครับ...ตามอยู่...”
“ว่าไงนะ?!”
“เข้าใจแล้วจะรีบไปทันที...”คำพูดที่ได้ยินทำให้ผมรู้ว่าพี่บราวต้องเจออะไรแล้วแน่
“อานโน่รีบไปทางตะวันออกเดี๋ยวนี้เลยพวกพี่บราวกำลังสู้อยู่!”
งี๊ดดดด!
ผมขานรับพร้อมกับไปขอบคุณเควตซัลโคแอตลัสที่แสนเป็นมิตรก่อนจะรีบไปยังทิศตะวันออกตามที่เชสบอกมา...ระหว่างทางที่บินเสียงของการต่อสู้ก็ดังขึ้นเรื่อยจากที่ฟังต้องไม่ใช่แค่การต่อสู้ตัวต่อตัวแน่
ปีกสีเงินกกางออกกว้างเพราะต้องการที่จะบินสูงขึ้นไปเหนือเมฆเพื่อจะได้โจมตีศัตรูจากมุมสูงแม้จะไม่รู้ว่าสายพันธุ์ที่ต้องเจอจะเป็นอะไรแต่กลิ่นอายของการต่อสู้ทำให้รู้ว่าการพูดคุยใช้ไม่ได้ผล
กรรรร!
เสียงขู่ตำรามดังขึ้นพร้อมๆกับผมที่ทิ้งตัวลงผ่านหมู่เมฆขนาดใหญ่ลงไปด้านล่างที่ตอนนี้กลายเป็นสมรภูมิขนาดย่อม...สิ่งแรกที่เห็นคือปีกสีดำคลับที่ถูกแต่งแต้มแต่ละตัวเป็นลักษณะเฉพาะรวมทั้งหงอนขนาดใหญ่ที่มีลวดลายสดใสราวกับจะเชิญชวนให้ผู้พบเห็นเข้าไปใกล้โดยหารู้ไม่ถึงความอันตรายที่กำลังจะตามมา
กรรรร!!
ดวงตาสีทองอ่อนราวกับสัตว์ป่าที่ไม่มีวันถูกฝึกให้เชื่องเงยขึ้นมาสบกับดวงตาสีแดงก่ำของผมพร้อมกับส่งเสียงคำรามที่ดังดังก้องจนเห็นถึงฟันซี่เล็กๆอันแหลมคมที่อยู่ภายในเรียวปากนั่น
เพียงแค่เห็นไดโนเสาร์ตรงหน้าร่างสีเงินของผมที่กำลังพุ่งลงไปก็ถึงกับหยุดชะงัก...
เจ้าพวกนี้มันอันตราย!
ทีโรซอร์แฮมิทีรัส!
นั่นคือชื่อของสัตว์เลื้อยคลานบินได้ในยุคไดโนเสาร์ที่มีชีวิตอยู่เมื่อ220ล้านปีก่อนร่วมกับไดโนเสาร์...พวกมันเป็นสัตว์ปีกเพียงไม่กี่สายพันธุ์ที่มีเขี้ยวอันแหลมคมของนักล่าบนพื้นดิน
ด้วยความกว้างของปีกแต่ละข้างที่มีถึง3.5เมตรทำให้พวกมันเป็นนักล่าที่ใครๆต่างก็แกรงกลัว...ไม่เพียงแค่นั้นการออกล่าของพวกมันมีความเป็นไปได้สูงมากที่จะชนะเพราะจำนวนทีโรซอร์แฮมิทีรัสแต่ละฝูงนั้นมีไม่ต่ำกว่า40ตัว
ต่อให้เป็นยอดนักล่าบนพื้นพิภพก็ต้องจอดเมื่อเจอทีโรซอร์แฮมิทีรัสกว่า40ตัวรุม
“อานโน่?...พวกนั้นมัน...ทีโรซอร์แฮมิทีรัส?...”คนด้านบนก็ดูเหมือนจะเข้าใจแล้วว่าทำไมผมถึงได้หยุดการเคลื่อนไหว
“ทำไมถึงปล่อยพวกมันมา...หน่วยรักษาความปลอดภัยเซฟตี้วิทไม่รู้เรื่องของพวกมันเลยรึไง?!”ความสงสัยของเชสก็เหมือนกับที่ผมกำลังคิดอยู่
ถ้าคิดจะสร้างชื่อเสียงการเลือกปล่อยทีโรซอร์แฮมิทีรัสออกมาแม้จะไม่ถึง40ตัวแต่ก็ถือเป็นเรื่องบ้ามาก
จากที่มองพวกหน่วยรักษาความปลอดภัยเซฟตี้วิทคงไม่ได้ศึกษาเรื่องของทีโรซอร์แฮมิทีรัสมากแน่เพราะถ้าศึกษามาคงไม่ตกอยู่ในสภาพแบบนั้น...
การจะจัดการทีโรซอร์แฮมิทีรัสนั้นค่อนข้างยากขืนเข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้าได้ตายแบบไม่รู้ตัวเหมือนเหล่าศพของหน่วยรักษาความปลอดภัยเซฟตี้วิทที่กองอยู่ด้านล่างแน่...
ไม่ใช่แค่ที่ด้านล่างแต่ยังมีทั้งที่ดาดฟ้าหรือแม้แต่ในปากของทีโรซอร์แฮมิทีรัส
กลิ่นคาวของเลือดที่แม้แต่อยู่ด้านบนก็ได้กลิ่นอย่างชัดเจน
เหล่าทีโรซอร์แฮมิทีรัสไม่สนอะไรนอกจากการล่าสิ่งที่เคลื่อนไหวเท่านั้น
ถ้าปล่อยไว้ไม่ใช่แค่หน่วยรักษาความปลอดภัยเซฟตี้วิทที่ไม่รอด...
แต่มนุษย์ที่อยู่แถวนี้ก็จะพลอยแย่ไปด้วย
สถานการณ์ที่เลวร้ายแบบนี้ควรทำยังไงดี?!
.............................................................................
มุมให้ความรู้เรื่องไดโนเสาร์
ทีโรซอร์แฮมิทีรัส สัตว์ดึกดำบรรพ์ที่ค้นพบนี้คือสปีชีส์ แฮมิทีรัส เทียนซานเอ็นซิส (Hamipterus tianshanensis) ซึ่งมีหงอนด้านบนกะโหลกที่ยื่นยาว มีฟันแหลมสำหรับจับปลา และมีปีกที่กางได้มากกว่า 3.5 เมตร โดยมีรายงานวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับการค้นพบในวารสารเคอร์เรนท์ไบโอโลจี (Current Biology)
ทีโรซอร์เป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังกลุ่มแรกที่บินได้ ขณะที่นกและค้างคาวเกิดขึ้นบนโลกภายหลังจากนั้นอีกนานมาก โดยสัตว์เลื้อยคลานบินได้นี้เคยอาศัยอยู่เมื่อ 220-65 ล้านปีก่อน โดยจากโลกนี้ไปพร้อมไดโนเสาร์อื่นๆ จากมหันตภัยดาวเคราะห์น้อยถล่มโลก และความรู้เกี่ยวกับไดโนเสาร์บินได้ชนิดนี้ก็มีอยู่อย่างกระจัดกระจาย เนื่องจากโครงกระดูกที่เปรอะบางไม่เอื้ออำนวยให้กลายสภาพเป็นฟอสซิลได้ดีนัก และความเข้าใจเกี่ยวกับพฤติกรรมของพวหมันก็น้อยตามไปด้วย
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก
http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cartoonthai&date=09-06-2014&group=265&gblog=79........................................................................
สวัสดีค่ะ
วันนี้มาเปิดตัวสัตว์เลื้อยคลานบินได้ในยุคไดโนเสาร์ที่จะเป็นคู่ต่อสู้สุดแข็งแกร่งของหน่วยปฏิับติการพิเศษ
ที่ตอนนี้ใช้เวลาแต่งนานก็เพราะหาสายพันธุ์ไดโนเสาร์อยู่นี่แหละค่ะ อยากให้เป็นสัตว์ปีกเพราะจะได้ต่อสู้กลางอากาศกับอานโน่ได้แต่ไดโนเสาร์ที่มีปีกแถมยังแข็งแกร่งมากไม่ค่อยจะมี เรียกว่าหายากเลยค่ะ555
หาอยู่นานก็เจอเข้ากับสัตว์เลื้อยคลานบินได้ในยุคไดโนเสาร์อย่างทีโรซอร์แฮมิทีรัส ตอนแรกที่เจอก็นั่งอ่านชื่ออยู่สักพัก...ในหัวก็คิดแค่ว่า ทำไมเป็นสัตว์ที่ชื่อยาวจังนะ 555
เห็นคนคอมเม้นท์มาถามว่าไม่มีพวกสิทธิไดโนเสาร์เหมือนอย่างสิทธิสัตว์บ้างเหรอ?
สำหรับเรื่องนี้คำตอบคือยังไม่มีค่ะ ในตอนนี้ก็ยังคงมีการถกเถียง(ในความคิดที่เรามโนเองล้วนๆ)ว่าการที่ทำให้ไดโนเสาร์กลับมามันเป็นสิ่งที่ถูกต้องจริงๆรึเปล่า จริงอยู่ที่ไดโนเสาร์บางสายพันธ์ไม่ได้ทำร้ายมนุษย์เหมือนอย่างที่ไดโนเสาร์กินเนื้อทำแต่ด้วยขนาดและสัญชาตญาณของพวกมันทำให้เกิดอันตรายต่อมนุษย์ ไดโนเสาร์นั้นไม่เหมือนกับสัตว์ป่าที่แค่มีวีจัดการก็สามารถรับมือได้เกือบสมบูรณ์ดังนั้นเลยยังไม่มีสิทธิของไดโนเสาร์ค่ะ(นี่คือความคิดของคนทั่วไปที่ไม่ได้คลุกคลีอยู่กับไดโนเสาร์นะคะ)
คิดว่าเรื่องสิทธิจะมีเข้ามาในไม่ช้า...แต่ไม่ใช่ในภาคนี้หรอกค่ะ
สำหรับหน่วยรักษาความปลอดภัยเซฟตี้วิทใครอ่านก็รู้ทันทีว่าเป็นตัวร้าย บางทีเราก็คดว่าการเขียนเหมือนประกาศกันโต้งๆแบบนี้ดีแล้วจริงๆเหรอ แต่เราไม่ค่อยชอบแบบที่ดีตอนแรกสุดท้ายก็มาหักหลัง...มันเจ็บปวดน่ะค่ะ เพราะงั้นในเมื่อเป็นตัวร้ายก็ขอให้ร้ายแบบสุดๆละกัน
ขอบคุณทุกๆคอมเม้นท์และทุกๆกำลังใจที่มีให้นะคะ
ไว้เจอกันใหม่ในตอนหน้าค่ะ
บ๊ายบาย
nicedog
♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪