.
.
“ขอบคุณทุกประสบการณ์ในวันนี้ครับ ทุกๆเรื่องราวรักลับๆจากเพื่อนสนิท ทุกความรู้สึกที่เก็บซ่อนไว้ สองชั่วโมงเต็มๆ ยังมีสายอีกเยอะมากเหลือเกินครับ รวมไปถึงทั้งอีเมล ในแฟนเพจ ขอบคุณสำหรับการต้อนรับที่ดีเกินคาด ผมดีเจแบงค์และดีเจแคปอบอุ่นมากๆ เดี๋ยววันศุกร์หน้าเรามาเคลียร์แฟนเพจ เคลียร์อีเมลกัน ส่งเข้ามาได้เรื่อย ๆ เราสองคนสัญญาว่าทุกๆข้อความที่คุณส่งมาไม่เสียเปล่าแน่นอนอย่างน้อย ๆ เราจะเลือกหยิบยกขึ้นมาคุยขึ้นมาตอบคำถามกัน คือมันเยอะมากมายจริง ๆ ครับดีเจแคป นี่ขนาดสองชั่วโมงแรกของพวกเราเท่านั้น คือผมปลื้มมากจริง ๆนะ”
“ครับผม ปิดเบรกสุดท้ายของรายการด้วยเพลงเพราะความหมายดีๆ ที่เข้ากับบรรยากาศของค่ำคืนวันนี้ ‘รักลับๆจากเพื่อนสนิท’ แล้วเจอกันอีกทีวันศุกร์หน้าห้าทุ่ม ดีเจแคปดีเจแบงค์พวกเราจะกลับมารายงานตัวที่ตรงนี้แน่นอน แล้วเจอกันครับผม”
แคปส่งอินโทรเข้าเพลงปิดรายการ...
♬ ♫ ~ ได้ชิดเพียงลมหายใจ...แค่ได้ใช้เวลาร่วมกัน
แค่เพื่อนเท่านั้น แต่มันเกินห้ามใจ
ที่ค้างในความรู้สึก ว่าลึกๆเธอคิดยังไง....รักเธอเท่าไร แต่ไม่เคยพูดกัน
อะไรที่อยู่ในใจก็เก็บเอาไว้....มันมีความสุขแค่นี้ก็ดีมากมาย
เธอจะมีใจหรือเปล่า....เธอเคยมองมาที่ฉันหรือเปล่า
ที่เราเป็นอยู่นั้นคืออะไร
เธอจะมีใจหรือเปล่า....มันคือความจริงที่ฉันอยากรู้ติดอยู่ในใจ
แต่ไม่อยากถาม.....กลัวรับมันไม่ไหว ♪ ♫ ~
หลังปล่อยเพลงสุดท้ายของรายการออกไปแคปถอดเฮดโฟนวางไว้ที่โต๊ะ เขาหมุนเก้าอี้แล้วลุกเดินออกมายืนอยู่ในจุดที่กล้องถ่ายไม่ถึง แบงค์ลุกตามออกมาทิ้งตัวนอนลงที่โซฟายาวทันที
“เหนื่อยฉิบ หมดพลังเป็นบ้าเลยว่ะแม่ง” เสียงทุ้มบ่นพึมพำบิดขี้เกียจสองสามรอบ แคปมองดูคนที่นอนแล้วเหยียดขาออกมาขวางทาง เขาเตะๆขามันบอกให้นอนดี ๆ แบงค์คว้าหมอนใบเล็กๆขึ้นมากอดแล้วนอนมองแคปเดินไปเดินมา
“ไม่กลับหรือไงมึง จะนอนเฝ้าที่นี่ดิ” แคปพลิกหน้ากระดาษเปิดดูสคริปสำหรับสัปดาห์ถัดไปที่พี่หนึ่งตระเตรียมวางเอาไว้ให้
“เดี๋ยวต้องรอพี่เติ้ลมาเปลี่ยน ทำไมวันนี้แกมาสายวะ”แบงค์ยกข้อมือดูที่นาฬิกา
“ดีเจเติ้ล?”
“อือใช่ ตีหนึ่งถึงตีสาม สงสัยติดธุระเดี๋ยวกูต้องปล่อยเพลงรอไปก่อน พี่เขาเข้ามาแล้วถึงจะกลับได้”
“เรื่องของมึงเหอะ” แคปหยิบเอาสคริปทั้งปึกยัดใส่ลงในกระเป๋า “พี่หนึ่งแกกลับแล้วเหรอวะ”
“ยังหรอก ปกติกลับดึกนะบางวันโต้รุ่ง แต่ตอนนี้ไม่รู้แกหายหัวไปไหนว่ะ มีไรรึเปล่าถามหาทำไมวะ” แบงค์ลุกขึ้นนั่งเสยผมที่โกรกกลับมาเป็นสีน้ำตาลเข้มเหมือนเดิมแล้ว
“เปล่า งั้นกูกลับล่ะ”แคปพาดกระเป๋าขึ้นบ่า เขายกข้อมือดูเวลานิดหน่อย นึกถึงใครบางคนที่คงจะคอยจนบ่นอุบอยู่ที่ร้านกาแฟ
“อ่า..นึกว่าจะไม่บอกลากันซะแล้ว” เสียงคนที่นั่งกอดหมอนไว้ที่ตักแซวขึ้น แคปหันกลับมามองทันที แบงค์ก็แค่ยักคิ้วกวน ๆ ส่งให้ เจอแคปชี้หน้าบอกห้ามกวน! แบงค์หัวเราะ
“อะไร? หันกลับมามองจะให้กูเดินลงไปส่งรึไง? เอาป่ะล่ะ กูพร้อมนะ หึหึ”
“เดี๋ยวมึงจะโดน ไว้ที่มหาลัยก่อนเหอะ”
“หูยน่ากลัวจังเลย อย่าลืมที่พูดล่ะ”
“ไอ้เด็กนรก!”
“หึหึ” แบงค์ยังนั่งขำกับทีท่าแบบนั้นของอีกคน แคปน่ะมันทำเป็นขู่ฟ่อแต่หารู้ไม่ว่า หน้าตากับคำพูดของมันดูๆไปก็แค่แมวตัวเล็กๆที่คิดว่าตัวเองดุเหมือนเสือก็แค่นั่น
แกรกกกก
ประตูถูกผลักเข้ามาไม่มีปี่มีขลุ่ย แคปที่ยืนอยู่ตรงนั้นพอดีรีบก้าวออกจากทางแทบไม่ทัน เป็นดีเจเติ้ลที่แต่งตัวแนวมากๆ มาถึงก็โยนกระเป๋าลงข้างตัวแบงค์ทันที
“สายหน่อยว่ะไอ้แบงค์โทษที” เติ้ลมองแคปแวปนึงจากนั้นหันไปมองแบงค์
“หวัดดีพี่ นี่แคปเพื่อนผมเองเพิ่งมาทำงานวันนี้วันแรก เด็กใหม่เลยพี่ ฝากตัวไว้ด้วย”
“สวัสดีครับ” แคปไม่รู้เรื่องรู้ราว แต่ในเมื่อแบงค์แนะนำให้รู้จักเขาสวัสดีไว้ก่อน รู้อยู่แล้วว่าคนนี้คือดีเจเติ้ล ชื่อดัง
“เออๆหวัดดีไอ้น้อง กูฟังอยู่บนรถเมื่อกี้ ใช้ได้นี่หว่ารับส่งกับไอ้แบงค์ได้คล่องมากดูไม่รู้เลยนะว่าเป็นมือใหม่ ตอนแรกพี่หนึ่งปรึกษากับกูอยู่เหมือนกัน ฟังมึงจัดวันนี้แล้วทุกอย่างก็โอเค”
“ชมทำไมวะพี่” แบงค์ลุกขึ้นไปคว้าเอากระเป๋าของเขาขึ้นมาพาดใส่ไหล่ ในเมื่อเติ้ลมาแล้วเขาก็จะกลับ
“กูชมไอ้น้องแคปโว๊ย ไม่เกี่ยวกับมึง”
“อ้าวพี่ แคปมันรุ่นพี่ผมตั้งหลายเดือน เรียกผมเรียกไอ้แบงค์ แต่เรียกมันเรียกน้องแคป ให้ผมคิดไงอ่ะ”
“อ้าวจริงดิ หน้าเด็กว่ะมึง” เติ้ลทำหน้าเหรอหรา แคปจึงส่งยิ้มแห้ง ๆ เขาเติ้ลจ้องเอาๆเหมือนกำลังสำรวจหรืออะไรสักอย่างแบงค์มันรีบเอาตัวเข้ามาแทรกบังไว้
“เอามาค่ามอง” แบงค์แกล้งแบมือไปขอตังค์
“ไอ้สัส อย่าเพิ่งกวนตีนกูมาก เดี๋ยววันนี้ยังคุยเยอะไม่ได้กูรีบ ขอตัวก่อนเลย เข้ารายการแล้ว” เติ้ลกุลีกุจอบอกจะเข้าไปด้านในห้องออนแอร์เพราะเลยเวลามาสิบห้านาทีเห็นจะได้ แบงค์เลยแซวขึ้นอีกว่าเขามาช้าเพราะเมียกลับมาจากบินหรือไง
“ไอ้สัสแบงค์ปากดีเดี๋ยวกูตบคว่ำเลยมึง ทำเป็นรู้ดีจริง ๆ กูต้องเอาลูกนอนก่อนดิ เล่นเกมส์กับหนูจ๊อยส์จนตากูบวมหมดแล้วเนี่ย”
“โอเคฝากคิดถึงน้องด้วย ผมไปแล้วพี่” แบงค์โบกมือบอกลา แคปก็ค้อมศีรษะให้รุ่นพี่เขาด้วย สองคนเดินออกมารอลิฟต์ด้วยกัน
“ลูกสาวพี่เติ้ลน่ารักมากเพิ่งห้าขวบเอง แฟนพี่เขาก็นิสัยดี บางวันพาลูกมาทำงานด้วยกูนี่ตกใจเลย” ระหว่างรอลิฟต์ขึ้นมา เขาพูดลอย ๆ ขึ้นมาชวนแคปคุย
“ตีหนึ่งแบบนี้เนี่ยนะ”
“ใช่ดิ น้องจอยซ์น่ะ บางครั้งก็นอนที่นี่จนถึงตีสามน่ะแหละ”
“มีครอบครัวที่ใช้ชีวิตแบบนี้ด้วยเหรอวะ”
“หึหึ เยอะไป” แบงค์ยิ้มนิด ๆ ก่อนเดินตามหลังแคปเข้าไปในลิฟต์ที่มีพวกเขาแค่สองคนเท่านั้น
“มึงกลับยังไง เอารถมา?” แบงค์กดหมายเลขชั้นพลางถามขึ้น
“.........”
“ไปส่งได้นะ เอามารึเปล่ารถน่ะ” เขาหรี่ตาถามย้ำดูอีกครั้ง แคปส่ายหัวบอกไม่ให้ยุ่ง
“อะไร กูถามดี ๆ เรียกยุ่ง เดี๋ยวไม่ถามเลยจะหาว่าใจดำขึ้นมาอีก”
“เหอะ มึงอยู่เงียบ ๆ ไม่มีใครว่าหรอก พูดตลอดสองชั่วโมงแล้วไม่เหนื่อยปากบ้างรึไงวะ”
“อันนั้นมันทำงานนี่ กูพูดอยู่กับมึงคนล่ะเรื่องเลย จะเหนื่อยได้ไงวะ ตกลงมายังไงเอารถมารึเปล่า”
“ทำไมกูต้องตอบคำถามมึงด้วยล่ะ..”
“ก็ไม่ทำไมหรอก ก็แค่ถามไง” แบงค์ยกยิ้มกวน ๆ แคปถลึงตาใส่
“ไม่ต้องมายิ้มแบบนั้น กูพี่มึงนะ ไม่ยอมเรียกพี่แล้วยังจะมาปีนเกลียวถามนั่นถามนี่กูอีก กูไม่ตอบมึงมีปัญหาไหมล่ะห๊ะ!”
“ดุแค่ไหนก็ไม่กลัวหรอกบอกให้รู้”
“เออดี! ไม่ต้องมากลัวกูหรอก ก็แค่ต้องมานั่งทำงานด้วยกัน เลิกงานทุกอย่างก็คือจบ มึงกูต่างคนต่างอยู่รู้ไว้แค่นั้น”
ติ๊ง~
“มึงหยุดไว้แค่นั้น ไม่ต้องตามกูออกมาเลย ต่างคนต่างไปรถมึงจอดอยู่ตรงไหน รีบเลี้ยวไปให้ไวๆเลยน่ารำคาญชะมัด”
“บ้าดิ ใครจะไปหยุดอยู่ในลิฟต์” แบงค์เดินตามออกมาแบบติดๆ แคปรีบหันไปทำท่าจะด่าขึ้นมาอีก แบงค์รีบยกมือบอกไม่กวนๆ
“ไอ้เด็กนรก!”
“หึหึ บ๊ายบายไปนะ” ก่อนที่แบงค์จะแยกไป เขาแกล้งก้าวเข้ามาดักหน้า ทำท่าบ๊ายบายใส่แบบกวน ๆ แคปจึงผลักมันออกแรง ๆ ก่อนชี้หน้าคาดโทษเอาไว้ คนถูกด่าก็แค่พออกพอใจยิ้มกว้างออกมาก็แค่นั้น
“ไอ้เด็กเปรตเอ๊ย กวนประสาทกูชะมัด!” แคปเดินหน้ายุ่งบ่นอุบมาคนเดียว เขาเลี้ยวมาในโซนฝั่งซ้ายของตึกชั้นล่างสุด ร้างคนมากๆ เงียบฉี่ คือเรียกว่าไม่มีคนแล้วน่าจะได้ ตีหนึ่งแน่นอนว่ามีแต่พี่ยามน้ายามกับพนักงานเทคนิคบางส่วนที่อยู่ตามห้องออกอากาศชั้นบน แคปเดินเข้าไปที่ร้านกาแฟสถานที่นัดหมายกันเอาไว้ระหว่างเขากับเอส มองดูเวลาตีหนึ่งกว่าๆแต่กลับมองไม่เห็นเอสนั่งคอยอยู่ส่วนไหนของร้านทั้งสิ้น เขาเดินเมียงมองหาจนรอบ สุดท้ายแวะถามพนักงานที่หน้าเคาน์เตอร์
“ไม่มีใครนะครับน้อง แต่ถ้าเป็นน้องคนตัวสูง ๆ เท่ ๆ ที่ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวผมเห็นเขาออกไปตั้งแต่ก่อนเที่ยงคืนแล้วครับ” แคปพยักหน้าแล้วบอกขอบคุณพี่ที่เป็นพนักงาน เขาเดินออกมาด้านหน้ามองซ้ายมองขวาก่อนตัดสินใจว่าจะเดินออกไปมองหาที่ด้านหน้า
“บ้าเอ๊ย กูบอกแล้วว่าจะเอารถมาเองก็ไม่ยอม เป็นไงล่ะทิ้งกูจนได้นะไอ้สัส กลับไปกูจะจัดการมึงให้หนักๆเลยบ้าชะมัด!”
“ก็แล้วกูจะกลับยังไงล่ะไอ้เหี้ย! เลิกตั้งตีหนึ่งมึงไปส่งกูแล้วดึกดื่นแบบนั้นให้กูเดินออกมาเรียกแท็กซี่กลับเองรึไงห๊ะ!”
“กูต้องรอรับมึงกลับพร้อมกันอยู่แล้วสิ”
“ไอ้คนขี้โกหกกูจะรอมึงแค่ตีสอง ถ้าถึงตอนนั้นมึงทำให้กูต้องเดินออกไปโบกแท็กซี่เองกูจะเลิกกับมึงเลยไอ้ห่าราก คอยดู!” แคปยกข้อมือดูอีกที ก่อนทิ้งตัวนั่งลงที่ม้านั่งยาวใกล้ประตูทางออกอย่างหงุดหงิด เขาหยิบเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเปิดเครื่องเพราะว่าทำงานจึงตั้งใจปิดเอาไว้ตั้งแต่แรก ไม่มีความคิดว่าจะโทรตาม ใครกันล่ะที่นัดไว้ดิบดี ใครกันล่ะที่บอกเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะรอที่นี่
.
.
“เดินดีๆสิวะ มึงเมามากเลยนะบ้าเอ๊ย” เอสที่เอาแขนเมี่ยงแบกใส่บ่าแล้วโอบเอวคนตัวเล็กค่อย ๆ ขึ้นบันได ทุลักทุเลกันเหมือนเคย เวลามันเมาเขาต้องพามันกลับมาโยนไว้ที่ห้องไม่งั้นก็จะพากลับไปนอนค้างที่ห้องเขาเลย แต่วันนี้เห็นทีคงไม่ได้ ตัดสินใจพากลับมาที่ห้องมันแบบนี้น่าจะดีกว่า ห้องของเมี่ยงอยู่แค่ชั้นสองเพราะอย่างนั้นจึงเดินกันไม่นานมากนัก
“กุญแจอยู่ไหน อย่าเพิ่งหลับนะเว้ย”
“อือออ ง่วง เมี่ยงซบหน้าลงแถว ๆ ซอกคอแกร่งก่อนกระซิบบอกเอสเบา ๆ ว่ากุญแจอยู่ในกระเป๋าเสื้อคลุมให้ล้วงเอาได้เลย มือเล็กอีกข้างสวมกอดคนตัวโตไว้กันล้ม
“ยืนดีๆ” เอสล้วงกุญแจออกมาได้แล้ว ลักษณะของสองคนคล้ายคนยืนกอดกันอยู่หน้าห้องไม่มีผิด ดีที่ดึกแล้วแต่ก็ยังมีสายตาบางคู่ที่มองมาที่พวกเขาอยู่ ที่สำคัญรู้จักกันด้วยรุ่นน้องคณะเดียวกับพวกเขาทั้งกลุ่ม
“พี่เมี่ยงเมาเหรอครับพี่” เสียงน้องห้องข้าง ๆ ทักมา เอสพยักหน้าบอกใช่
“ผมช่วยอะไรไหมอ่ะ”
“ไม่เป็นไรขอบใจมาก” เอสเปิดประตูเข้าไปโยนไอ้เพื่อนตัวเล็กลงที่เตียงแบบไม่ต้องรอ เขาหนักมากๆเมี่ยงเล่นกอดเขาเอาไว้ทั้งตัว ตอนที่เดินขึ้นมามันโถมตัวเขาทิ้งน้ำหนัก เพราะอย่างนั้นเขาเหมือนอุ้มมันขึ้นมานั่นแหละ
“อ่ะ! มึงโยนกูทำไมอ่ะ” เมี่ยงโวยวายขึ้นมาอีก นอนแผ่หราอยู่ที่เตียง มองเอสแล้วบอกตัวเองร้อนจะถอดเสื้อ
“เรื่องของมึงเหอะ” เอสส่ายหัวมองดูเวลาที่ข้อมือ
“ถอดให้หน่อย” เสียงงัวเงียสั่งขึ้นมาอีก เอสจึงหันไปมองด้วยสายตาดุๆ เมี่ยงยู่ปากใส่ทำหน้างอแง
“ถอดให้กูหน่อย เช็ดตัวให้กูด้วย ทำเหมือนเมื่อก่อนไง” สองแขนเล็กชูบอกให้เพื่อนสนิทตัวเองดูแล เอสส่ายหน้าก่อนเดินเข้ามานั่งลงข้าง ๆ จับเมี่ยงลุกขึ้นนั่งดี ๆ มือหนากำลังจะปลดกระดุมเม็ดแรกออกให้ แต่เขากลับนึกถึงคำพูดของใครบางคนขึ้นมา
“หยุดทำไมล่า! กูร้อนเนี่ย ถอดไม่ออกเลย กระดุมแม่งเหี้ย อื้อๆๆๆๆๆ” เมี่ยงเห็นเอสหยุดชะงักไปแบบนั้น ด้วยความเมาทำให้ความเอาแต่ใจเพิ่มระดับขึ้นมาอีกสองสามขั้น เขาจัดการดึงๆๆเสื้อจะปลดกระดุมเอง แต่มันไม่ทันใจ เขาดึงเอาดึงเอาจนเหมือนกับเสื้อมันจะขาดออกเสียให้ได้
แค๊วก!
“บ้าเอ๊ย มึงเป็นเหี้ยไรวะไอ้เมี่ยง จะรีบร้อนไปไหน มานี่เดี๋ยวถอดให้” ในที่สุดเสื้อขาดออกจริงอย่างที่คิด เอสรีบเข้ามาจับมือห้ามไว้
“มึงพากูอาบน้ำด้วยนะ”
“ไม่เอา นอนไปเลยไป” เอสผลักคนตัวเล็กลง บอกให้นอนลงไปเลย เมี่ยงเบะปากอ้อนแววตาเต็มไปด้วยความน้อยอกน้อยใจ
“......ฮึกกก.....”
“กูไม่ใจอ่อน”
“งั้นเช็ดตัวก็ได้ กูอยากเช็ดตัว ง่วงนอนแล้ว”
“.........”
“ร้อนนนนนนน”
“งั้นก็นอนรอดี ๆ เดี๋ยวจัดการให้” เอสชั่งใจอยู่ครู่นึง ก่อนถอดเสื้อปลดกางเกงเมี่ยงลงมาจนเสร็จ เขาเดินเข้าไปที่ห้องน้ำ ดึงเอาผ้าขนหนูผืนเล็กๆออกมา ก่อนคว้าเอากะละมังมารองน้ำใส่
“นอนดีๆสิวะ เช็ดตัวเสร็จมึงนอนเลยนะ” มือหนาบิดผ้าชุบน้ำใส่กะละมัง เขาค่อยบรรจงเช็ดให้ไล่จากใบหน้าเล็กไล่ลงมาเรื่อย ๆ
“มึงค้างกับกูสิ” เมี่ยงเลื่อนมือไปจับมือที่กำลังเช็ดลำตัวให้เขาอยู่
“ค้างไม่ได้”
“..........”
“พลิกหน่อย เดี๋ยวเช็ดข้างหลังอีกนิดนึง”
“อุบ! กูจะอ้วก” เมี่ยงลุกพรวดขึ้นมา เอสจึงรีบพาไปอ้วกในห้องน้ำ เขาลูบหลังให้แล้วมองดูคนที่โก่งคออ้วกราวกับจะขาดใจมองดูเวลาที่ข้อมืออีกครั้ง ก่อนหันมองข้ามไหล่ตัวเองไปที่ประตูหน้าห้อง
....เกือบจะตีสองแล้วจริง ๆ....
.
.
บิ๊กไบท์คันใหญ่จอดตัวลงที่หน้าบันไดสูงทางขึ้นตึก แต่นั่นไม่ได้ทำให้คนที่นั่งมองหน้าจอมือถือเงียบ ๆ สนใจเงยหน้าขึ้นมอง แคปเพิ่งคุยสายกับโก้และเต้ที่ต่างก็โทรมาแซวเรื่องงานวันแรกของเขา ทั้งคู่ต่างรอฟังการออนแอร์ครั้งแรกอย่างใจจดใจจ่อ
“เฮ้! มึงรอใครวะทำไมถึงยังไม่กลับ” แบงค์เดินขึ้นมาเตะเข้าที่ขาแคปเบาๆหนึ่งทีเรียก คนถูกเตะสลับขาถีบผั๊วะเข้าไปโครมใหญ่ แบงค์เบ้หน้าบอกเจ็บ
“กูพี่มึง บอกไม่รู้กี่ร้อยหนแล้ว เรียกกูน่ะให้เกียรติกูบ้าง”
“แล้วจะให้เรียกว่ายังไง”
“พี่แคปไง กล้าเรียกป่ะล่ะ”แคปหันไปทำหน้าท้า
“ก็เรียกได้นะ แต่ใครล่ะจะยอมเรียก”
“ทำไมวะ” แคปหันไปจ้องหน้าถามทันที แบงค์ก็แค่ยักไหล่ “เรียกเตี้ยได้ไหมอ่ะ”
“ไอ้เด็กเวร กูไม่อยากพูดกับมึงแล้ว” แคปยกนาฬิกาขึ้นดู จวนจะตีสองแล้ว เขาลุกขึ้นกระชับกระเป๋าใส่บ่า ก้าวเดินออกไป แบงค์รีบเดินตาม
“มึงรอใคร แฟนมึง? ไอ้วิศวะนั่นน่ะเหรอ”
“มัน-ไม่-ใช่-แฟน-กู ไอ้สัสนรกอ่อนหัดนี่” แคปหันมาถลึงตาใส่
“ไม่ใช่แฟนจริงดิ”
“เรื่องของกู มึงไม่เกี่ยวหลีกทาง” แคปผลักแบงค์ให้หลีกออกจากทาง เขาเดินลงบันได มองผ่านไปถึงด้านหน้ามืดมากๆต้องเดินออกไปเรียกแท็กซี่ถึงตรงโน้น
“ถ้ามันไม่ใช่แฟนมึงแล้วมึงมานั่งรอใครวะแคป”
“เรื่องของกู”
“แต่มันมาส่งมึง แล้วก็หายออกจากห้องไปช่วงเบรคแรก มันบอกให้มึงรอมันที่นี่?” แบงค์ทำท่าเรียบเรียงเหตุการณ์แล้วนึกไปเอง แคปหันไปมองตาเขียว “เรื่องของกู มึงได้ยินไหมห๊ะ! ต้องให้กูบอกเป็นรอบที่เท่าไหร่ หลีกทางสิวะไอ้เด็กบ้านี่”
“ไม่ต้องรอแล้วมันดึกมากขนาดนี้เดี๋ยวกูไปส่งมึงเอง” แบงค์บ่ายหน้าไปที่รถมอไซด์คันใหญ่ของตัวเอง บอกเขาจะไปส่งให้ แต่แคปกลับส่ายหน้าไม่สนใจข้อเสนอ
“หลีกไป! อย่ามาขวางทาง”
“แล้วมึงจะกลับยังไง มันดึกมากแล้วนะแคป ตีสองเนี่ย”
“ถอย”
หมับ!แบงค์คว้าเอาแขนแคปดึงบอกให้ไปขึ้นรถด้วยกัน อีกคนกำลังจะอ้าปากด่า แข้งขากำลังจะยกขึ้นมาถีบ ลุงยามประจำตึกทั้งวิ่งทั้งเดินหน้าตาตื่น ๆ เข้ามาหา
“โหหหหหหคุณครับ แห่กๆ ผมตามหาคุณจนทั่วเลย ขึ้นไปหาชั้นบนก็ไม่มี หาที่ลานจอดรถก็ไม่เห็น ไปถามที่ร้านกาแฟก็บอกคุณออกมาแล้ว แห่กๆ ขนาดมินิมาร์ทข้าง ๆ นี่ผมก็ยังไป ที่แท้คุณมานั่งหลบอยู่มุมนี้นี่เอง”
“มีอะไรรึเปล่าครับลุง” แบงค์เป็นคนถามขึ้น
“คุณชื่อคุณแคปใช่ไหม ดีเจใหม่ที่ทำงานคู่กับคุณแบงค์น่ะครับ”
“ใช่ครับ ลุงมีอะไรกับผมรึเปล่า”
“โอ๊ยยยยให้ตายเถอะ ผมเห็นคุณนั่งรออยู่แถวนี้ได้สักพักแล้วแต่ไม่เห็นคุณแบงค์เลยไม่มั่นใจ ถ้ารู้ว่าใช่ผมจะเข้ามาบอกนานแล้วล่ะครับ”
“ก็แล้วมันอะไรล่ะครับลุง เข้าเรื่องได้หรือยัง”
“ขอโทษครับ อ่ะนี่ มีคนฝากอันนี้ไว้ให้กับคุณ ผู้ชายตัวสูง ๆ เท่ๆน่ะครับ ใส่จิวที่หูเม็ดเล็กๆฝั่งขวา ผมถามชื่อเขาก็ไม่บอก บอกแค่ว่าฝากไว้ให้กับคุณแคป เดี๋ยวคุณจะรู้เอง ผมก็รอจนตีหนึ่งว่าจะขึ้นไปพอดีว่าต้องไปดูแบตเตอรี่รถให้ดีเจอีกคนที่เพิ่งเลิกงานรถน้องเขาเสีย พอขึ้นไปหาคุณด้านบน คุณเติ้ลบอกว่าพวกคุณลงมากันแล้ว ผมนี่วิ่งตามหาจนวุ่นเลยครับ”
“ขอบคุณครับลุง” ลุงยามยื่นพวงกุญแจรถยนต์ที่แคปคุ้นตาเป็นอย่างดีส่งให้ พร้อมกับที่คั่นหนังสือสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ถูกพับครึ่ง แคปก้มลงมองดูมันเป็นข้อความจำนวนหนึ่งที่ถูกเขียนใส่ลงไปในนั้น เขากวาดตาอ่านรายละเอียดแบบคร่าว ๆ
“ผมขอโทษมากมายจริง ๆ นี่ถ้าคุณแคปกับคุณแบงค์กลับไปแล้วผมเองก็ไม่รู้จะทำยังไง แต่เมื่อกี้ก็กำลังจะเดินขึ้นไปขอเบอร์โทรคุณแบงค์จากคุณเติ้ลเพื่อขอเบอร์โทรคุณอีกทอดหนึ่งนี่แหละครับ”
“ไม่เป็นไรครับลุง ผมถือโอกาสนั่งเล่นอยู่แถวนี้ก็เปลี่ยนบรรยากาศดีเหมือนกัน ลุงไม่ต้องคิดมากนะครับ” แคปยิ้มให้แล้วบอกไม่เป็นไร เขากล่าวขอบคุณอีกครั้งก่อนที่ลุงยามจะขอตัวเดินออกไป
“อะไรกัน ตัวไม่อยู่แต่ฝากกุญแจรถไว้ให้ขับกลับเองนี่มันน่าคิดอยู่นี่หว่า..” แบงค์เหลือบมองของทั้งหมดที่อยู่ในมือแคป อีกคนก็แค่รีบชักมาแอบไว้ด้านหลังแล้วใช้สายตาดุบอกไม่ให้ดู
“แล้วมึงยุ่งอะไร”
“ก็เปล๊า..” แบงค์ยักไหล่ ทำเสียงสูงน่าหมั่นไส้จนแคปอดไม่ได้ยกขาจะเตะมัน
“อะไรๆจะหาเรื่องหรือไง”
“เออ กูจะหาเรื่องมึงนี่แหละ แน่จริงอย่าหนีสิวะ” แคปทำท่าจะวิ่งไล่ แบงค์ที่รีบวิ่งหนีหันมาไล่บอกให้เขากลับได้แล้ว มันดึกมากแล้ว
“ไอ้เด็กนรก!” แคปขยับปากตะโกนด่าแบบไร้เสียง แบงค์ก็แค่ยืนพิงรถมองดูอีกคนที่เดินเลี้ยวเข้าไปชั้นใต้ตึก สักพักนึงไม่นานนักรถบีเอ็มดับเบิ้ลยูสีขาว ที่เขาจำได้แม่นยำว่าเคยขับโฉบปาดหน้าเขาเมื่อตอนอยู่ที่หน้าตึกเรียนของคณะเกษตรก็ขับเลี้ยววนออกมา กระจกฝั่งคนขับค่อยๆลดต่ำลง แคปเอามือออกมาชี้หน้าใส่
“ยืนอยู่ทำซากเหรอมึง บอกกูว่าดึกแล้วแต่ตัวเองยังไม่ยอมกลับเนี่ยนะ”
“.................” แบงค์ไหวไหล่นิดๆเขาไม่ได้ตอบโต้อะไร เพียงแค่ยกยิ้มมุมปาก ก่อนยกมือทำท่าบ๊ายบายแคปอีกสักรอบด้วยท่าทีกวน ๆ
“บ้าฉิบ!” แคปชี้หน้ามันหนักๆคาดโทษอีกที กดกระจกเลื่อนขึ้นก่อนเลี้ยวรถขับออกมาอย่างหัวเสีย ขับไปบ่นไป เขาหยิบเอาที่คั่นหนังสือนั่นขึ้นมาดูรายละเอียดด้านในอีกครั้งในตอนที่รถติดไฟแดง ข้อความที่ทำให้เขาครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง
เปิดดูข้อความในโทรศัพท์ด้วย
หอพัก Zerie ซ.C12 ถัดประตูตะวันออกของมอเราประมาณห้าร้อยเมตร
ชั้นสองห้อง XXX
มารับกูกลับพร้อมมึง“บ้าเอ๊ย จู่ ๆ ก็หายหัวไปธุระเหี้ยไรก็ไม่ยอมบอก ก็แล้วทำไมกูต้องไปรับมึงด้วยล่ะวะไอ้สัส คอยดูนะถึงเมื่อไหร่กูจะลากคอมึงลงมารับโทษทัณฑ์ให้สมกับที่กูนั่งคอยเลยคอยดู!” ถึงจะบ่นไปแบบนั้นแต่แคปก็ตัดสินใจตีไฟเลี้ยวเปลี่ยนเลน เพื่อจะตรงไปยังสถานที่ๆถูกเขียนบอกเอาไว้
.
.