Happy Valentine Day จ้าเพื่อนๆ
ไหนๆก็วันแห่งความรักทั้งที เราเลยมีของดีมาฝาก อิอิ
อ่านกันให้สนุกน้า
______________________________________
“ปลูกดอกกุหลาบไว้ให้เธอ เก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าดอก....”
“เว่อร์ มีเวลามากขนาดนั้นเอาไปปลูกมะม่วงดีกว่า กินได้ด้วย” ผมตอบไปตามที่นึกเมื่อฟังคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ฮัมเพลงออกมาเบาๆ
“โหย.....ดิบเถื่อนอย่างนี้ตลอดอะแป๊ะ แล้วอย่างนี้เมื่อไหร่จะหาแฟนได้เนี่ย”
“ภีม......”ผมบอกเบาๆ
“แป๊ะ”
“ภีม........”
“แป๊ะ”
“บอกให้เรียกภีมไงวะ”ผมชักจะหงุดหงิด นี่โตๆ กันแล้วนะเว้ย
“จะโมโหทำไม ถึงนายดุมากกว่านี้ฉันก็เรียกเหมือนเดิมอยู่ดี ไหนดูดิ๊ หน้าเหี่ยวเป็นหมาบูลด็อกแล้วเนี่ย”ว่าไม่ว่าเปล่า ไอ้ตัวดีดันเอามือมาแปะบนใบหน้าของผมหน้าตาเฉย แถมพยายามจัดระเบียบใบหน้าให้อย่างหน้าซื่อๆ ไอ้หน้าซื่อๆ แบบนี้เนี่ยแหละที่ผมชักจะหมั่นไส้ มันไม่รู้หรอกว่าไอ้ที่มันซื่อเนี่ย ตอนนี้ผมไม่ได้คิดซื่อกับมันซักนิด
ด้วยเหตุแห่งความไม่ซื่อของผมนี่แหละ ผมถึงอยากให้มันเรียกชื่อของผมออกมาจากปากเสียที ผมอยากเป็นภีมของยอร์ค อยากได้ยินชื่อตัวเองบ่อยๆ จากปากของมัน ไม่ใช่ว่าเอาแต่เรียกผมแป๊ะๆ แบบนี้ เมื่อเราโตขึ้น.... สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปคือเราเริ่มที่จะเป็นผู้ใหญ่ ผมและยอร์คเลิกพูดกูมึงใส่กันและกันเหมือนเมื่อสมัยก่อน แต่สิ่งที่เปลี่ยนไม่ได้ในตัวของอีกคนนั่นคือสรรพนามที่ใช้เรียกผมนี่แหละ..........เหนื่อยใจ
“นี่ๆ จอดๆ ถึงแล้ว ขอบใจหลายๆ ที่มาส่งนะแป๊ะ”ไอ้ตี๋ยอร์คหันมายิ้มหน้าระรื่นก่อนจะเปิดประตูลงไปหลังรถจอดสนิทหน้าบริษัทของครอบครัว
ช่วงนี้เป็นช่วงที่ผมต้องเข้ามาคุมงานในกรุงเทพพอดี ด้วยระยะเวลาที่ต้องอยู่นานพอสมควร ก็เลยได้ฤกษ์พักอาศัยอยู่ในคอนโดแถบชานเมืองที่ซื้อไว้ ไหนๆ ก็ติดต่อกับยอร์คอยู่ตลอดอยู่แล้ว แอ๊บไปรับไปส่งให้เห็นหน้ากันหน่อยมันคงไม่ไหวตัวหรอกมั้ง
ผมนั่งมองแผ่นหลังของคนที่เดินฝ่าฝูงชนห่างออกไปเรื่อยๆ เฮ้อ....นี่ผมไปแอบชอบมันตอนไหนวะเนี่ย? มารู้ตัวอีกที....ผมก็รักมันเข้าเต็มเปาซะแล้ว เป็นอย่างที่คนอื่นว่าจริงๆ พอลองได้รักแล้วเราก็จะคิดถึงหน้าคนๆ นึงทุกวัน อยากเจอ อยากเห็นหน้า อยากพูดอยากคุยด้วย ผมก็เป็นแบบนั้นนี่แหละ หนักอกหนักใจแต่ก็ยังไม่กล้าบอก
“เออเฮ้ย!” ผมอุทานไม่ค่อยเบานักขณะเลี้ยวรถที่สี่แยกไฟแดงใกล้ๆ....ลืมไปเลย ไอ้ตัวดีก็รีบลงซะจนผมลืมพูด ทำใจมาทั้งคืนกะจะชวนไปกินข้าวด้วยกันคืนนี้ ถึงผมจะไม่กล้าบอกมันว่าผมชอบ แต่ผมก็หวงก้างเกินกว่าจะเห็นมันไปดินเนอร์กับใคร ก็วันนี้มันเป็นวันแห่งความรักนี่นา เกิดมันมีใครจองตัวผมก็แย่สิ
โทรศัพท์มือถือถูกหยิบออกมาจากคอนโซลหน้ารถ นิ้วผมจ่ออยู่ที่เบอร์เป้าหมายแล้ว และ...... และผมก็ไม่กล้า ในที่สุดโทรศัพท์น้อยๆ ของผมก็ได้กลับไปนอนอยู่ที่เดิม เฮ้อ.....ไอ้ผู้ชายเฮงซวยเอ๊ย!
“นายครับ....”
“นาย.................”
“เอ่อ....นายครับ!”เสียงคนงานคนหนึ่งในไซต์งานปลุกผมให้ออกจากภวังค์ ผมมองหน้าคนเรียกงงๆ
“นายเป็นอะไรหรือเปล่าครับ เห็นกำมือถือบีบเข้าบีบออกดูเหม่อๆ ผมกลัวมันจะพัง ของแพงด้วยนะน่ะ”ไอ้เชตุว่า
“ทำเป็นรู้ดีว่าแพง แล้วนี่มีอะไรหรือเปล่า”
“มีสิครับ ผมจะมาบอกนายว่าเหล็กเส้นล็อตใหม่มีปัญหานิดหน่อย จะเรียกนายไปดูแต่เห็นนายเอาแต่เหม่อนี่แหละ”
“เหม่ออะไรของแกวะ กำลังคำนวณวัสดุอยู่โว้ย”ผมทำเสียงดุใส่
“ให้มันจริงเถอะครับ ผมเห็นนายกำมือถือทำหน้าจริงจังเกิ๊น”ไอ้เชตุว่าเสียงสูง
“จะพาไปดูเหล็กเส้นเดี๋ยวนี้หรืออยากโดนเตะก่อนวะ?”ผมถามเอาเรื่อง
“ไปดูก่อนนะดีแล้วครับ นายตามผมมาเลย”มันว่าแล้วเดินนำหน้าให้ผมตามไปแต่ไม่วายหันมาพูดอีกประโยค
“อยากโทรก็โทรสิครับนาย ชักช้าเค้าโดนชวนตัดหน้าไปจะเสียใจนา”
“ไอ้เชตุ!”แหม......รู้ดีจริงโว้ยไอ้เด็กบ้า!
“ว่าไงแป๊ะ”เสียงปลายสายตอบมาในระยะเวลาที่ไม่นานเกินรอ ผมถอนหายใจกับการเรียกนี้เบาๆ ก่อนถาม
“ทำไรอยู่อะ”
“เล่นโยคะอยู่”
“อย่ากวนดิวะ”
“เออๆ ใจเย็นๆ เซ็นเบิกอยู่อะ มีอะไรหรือเปล่า?”
“อือ มี จะถามว่าเย็นนี้ว่างไหม จะชวนไปกินข้าว”ในที่สุดผมก็พูดมันออกไปจนได้ หลังจากโดนไอ้เชตุไซโคมาต่างๆ นาๆ
“ก็ไม่ว่างซะทีเดียวนะจะว่าไป”เสียงปลายสายบอกเสียงไม่ค่อยแน่ใจ
“ทำไม จะไปไหน”
“มีนัดกินข้าวเย็นน่ะสิ”
“กับใคร?” เฮ้ย! กับใครวะ! มึงนี่มันแม่นจริงๆ ไอ้เชตุ!
“กับพี่ฟอร์ด ทำเสียงดุทำไมเนี่ย?”
“ฟอร์ดนี่ใคร?”ผมถามแบบค่อนข้างจะหงุดหงิด
“เป็นลูกเพื่อนพ่อน่ะ บริษัทของเราค่อนข้างที่จะสนิทกันมาก พี่ฟอร์ดใจดีมากๆ เลยนะ ตอนเด็กๆ เคยให้ฉันขี่คอด้วย”
“พอๆ ยาวเกินไปละ”
“ว่าแต่ที่ถามมานี่มีอะไรหรือเปล่า?”ยอร์คถามผมงงๆ ได้ยินเสียงพลิกกระดาษดังแว่วเข้ามาในสายด้วย
“ก็จะชวนไปกินข้าวเหมือนกัน”
“ว้า......ชวนช้าจังเลย”
“พูดงี้ก็แสดงว่าต้องไปกับไอ้พี่ฟอร์ดนั่นสินะ”ผมชักจะยัวะๆ
“ก็คงงั้นล่ะ ว่าแต่ไม่ต้องมีไอ้นำหน้าก็ได้นะ เรียกพี่ฟอร์ดเฉยๆ ก็พอมั้ง”
“เออจำไว้เลย เห็นคนอื่นดีกว่านะ”ผมชี้หน้าฝากรอยแค้นกับลมเปล่าๆ ข้างหน้า มือก็กำโทรศัพท์แน่น
“แล้วไม่ไปกับแฟนล่ะวะ วันวาเลนไทน์ก็ต้องออกไปกับแฟนสิ มาเที่ยวกับเพื่อนจะดีหรอ?”นั่นไงถามเสียงซื่ออีกแล้ว นี่มันจะซื่อจนโง่แล้วมั้งเนี่ย
“ก็เห็นอยู่ว่ายังไม่มีแฟน นี่หรือไอ้พี่ฟอร์ดนี่ชวนไปเดทหรือไง”
“เอ้า! พาลอะไรเนี่ย ก็ฉันก็ยังโสดนี่หว่า ไปกินข้าวกับพี่กับน้องมันแปลกตรงไหน”
“เออไปเลยไป!”
“งอนป่ะ?”
“งอน ง้อด้วย”
“ให้ง้อซักกี่โมงดี?”
“ทุ่มครึ่ง”
“ที่ไหน?”
“ไว้เดี๋ยวคิด เดี๋ยวไปรับ โทรมาบอกด้วยว่าให้รับที่ไหน”
“โอเค ตกลง”
“พูดง่ายอย่างนี้แต่แรกก็จบ”
“เออ ใจเย็นนนนนนนนนนนนนนนน”
“ก็เย็นแล้วนี่ไง”
“เย็นห่านไรล่ะ เหอะๆ”
“ว่าไงนะ!”
“ว่าเดี๋ยวเจอกัน แค่นี้ก่อนนะ รีบเคลียร์งานก่อน”ไอ้ตัวดีรีบพูดรีบวางสายไปก่อนที่ผมจะได้พูดอะไรต่อ โอยยยย..........มันนอย มันเฮิร์ท ผมช้าไปจริงๆ โดนตัดหน้าไปจนได้ โซเครียดดดดด
เอาวะ ได้เจอกันตอนค่ำก็ยังดี ไม่สายไปที่จะหลอกจับมือ อิอิ
ผมยืนพิงรถโตโยต้าพรีอุสของตัวเองมาเป็นเวลาเกือบสิบนาทีเห็นจะได้ ในที่สุดคนที่ผมรอก็เดินเข้ามาในระยะสายตาลิบๆ มาพร้อมกับ.............ช่อดอกกุหลาบสีแดงในมือ กับกล่องปริศนาอีกใบ โอ๊ย หวานกันจริงโว้ย “พี่น้อง” คู่นี้
“ยังไม่หายงอนอีกหรอ? นี่รีบบ๊ายบายพี่ฟอร์ดออกมาเลยนะเนี่ย”ยอร์คถามผมหน้าระรื่นเหมือนเคย
“พี่น้องนี่เค้าให้ดอกกุหลาบกันแบบนี้ด้วยหรอ”ผมถามประชด ตาก็มองช่อดอกไม้อย่างเหยียดๆ
“อืมมมมมม.... สงสัยจะโดนจีบเข้าแล้วล่ะ”ไอ้ตัวดียกช่อกุหลาบช่อโตในมือขึ้นมามองพร้อมกับทำคิ้วขมวด
“เพิ่งรู้หรือไง คนที่เค้าคิดซื่อๆ จะชวนมากินข้าวด้วยกันวันวาเลนไทน์มั้ยล่ะ”
“เออจริง ว่าแต่นายคิดอะไรหรือเปล่าเนี่ย ก็ชวนมากินข้าวเหมือนกันนี่หว่า”นั่นไง ที่นี้ล่ะฉลาด
“นั่นกล่องอะไร?”ผมเสถามไปอีกเรื่อง ถ้าตอบไปก็ได้แต่คำโกหก ไม่ตอบน่าจะดีกว่า
“ช็อกโกแล็ตน่ะ”
“ไอ้พี่ฟอร์ด..........”
“ให้มา ถูกเผง”ตี๋ยอร์คต่อคำพูดให้ผมเสร็จสรรพ
“นี่จะซักฟอกกันอีกนานมั้ย จะไปกันได้หรือยัง”
“เออๆ จะไปไหนดีล่ะ”ผมถาม เพราะจุดหมายปลายทางผมก็ยังไม่ได้คิด
“อยากกินโรตีที่ถนนพระอาทิตย์”ไอ้ตัวดีว่า
“อืม....”ผมตอบรับในลำคอ ก่อนจะขึ้นนั่งประจำที่สารถี เพื่อเริ่มต้นการเดินทางอันไม่ซื่อตรงของผมในคืนนี้
“เอ้อออออ อื้มมมมมมม”
“จะร้องแบบนี้อีกนานเท่าไหร่ ชักจะอายคนแล้วนะ”ผมบอกหน่ายๆ ขณะที่เรานั่งกินโรตีด้วยกันบนม้านั่งริมถนนพระอาทิตย์
“ก็มันอร่อย”คนข้างๆ ตอบมาทั้งๆ ที่ยังเคี้ยวโรตีอยู่เต็มปาก
“กินเยอะขนาดนี้ไม่คิดจะเผื่อท้องไว้ให้ช็อกโกแล็ตกล่องนั้นเลยหรือไง?”ผมถามประชดๆ
ยอร์คไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่เคี้ยวโรตีไปเรื่อยๆ และยิ้มให้ผมจนตาที่ตี่อยู่แล้วเล็กเข้าไปอีก
“พี่คะ....”เสียงเล็กๆ เรียกให้ผมหันไปมอง เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่มีผมเปียสองข้างถือตะกร้าสานไว้ในมือ เธอยื่นมันมาให้ผม ในนั้นมีกุหลาบแดงดอกโตนอนแน่นิ่งอยู่เพียงดอกเดียว
“พี่ช่วยซื้อดอกกุหลาบหน่อยนะคะ เหลืออีกดอกเดียวหนูจะได้กลับบ้านแล้ว”เธอบอกยิ้มๆ แม้แววตาจะดูเหนื่อยกับวันนี้
“แล้วพี่จะซื้อให้ใครล่ะ หืม?”ผมก้มหน้าเข้าไปถามเด็กน้อยอย่างเอ็นดู
“ก็พี่ที่กินโรตีอยู่นี่ไงคะ”เด็กหญิงตอบเสียงซื่อ
“เฮ้ย ผู้ชายเขาไม่ให้ดอกกุหลาบกันหรอกเด็กน้อย”ผมพูดไปยังงั้นแหละ ในใจอยากให้จะตาย
“ท่ามาก....ยังไงก็ต้องช่วยซื้ออยู่ดี ถามนานจัง”นั่นไง พอปากว่างล่ะก็เป็นพูดดี ไอ้ตี๋เอ๊ย
“ทำเป็นรู้ดี”ผมว่า
“แล้วซื้อมั้ยล่ะ?”
“เออ! ซื้อ!”ในที่สุดผมก็ยื่นแบงค์สีแดงแลกเปลี่ยนกับดอกกุหลาบให้เด็กน้อยไป
“เดี๋ยวครับน้อง”ยอร์คเรียกเด็กหญิงที่กำลังจะเดินจากไปให้หันกลับมา เธอทำหน้างงๆ เมื่อกล่องช็อกโกแล็ตที่ดูราคาแพงถูกยื่นไปให้ตรงหน้า
“พี่ก็ยังไม่ได้ลองชิมหรอก แต่ยี่ห้อนี้ก็ดังอยู่นะ น่าจะอร่อย”ยอร์คว่ายิ้มๆ ก่อนจะยื่นกล่องช็อกโกแล็ตหรูหราให้เด็กหญิง เธอยิ้มดีใจกับสิ่งที่ได้ สีหน้าบ่งบอกถึงความสุขกับสิ่งที่ได้รับจนผมพลอยรู้สึกดีไปด้วย รู้สึกดีที่เด็กคนหนึ่งได้รับสิ่งดีๆ ที่ในชีวิตไม่เคยได้ และรู้สึกดีที่ในที่สุดไอ้ตัวดีก็ไม่ได้แตะต้องช็อกโกแล็ตสื่อรักในกล่องนี้เลยแม้แต่ชิ้นเดียว เออ.....ถือว่าทำได้ดี ไอ้ตี๋
“ไม่กินหรือไง? ให้ไปซะงั้น”ผมถามงงๆ
“ไม่อะ อิ่มแล้ว”ไม่อิ่มได้ไงฟะ ก็ซัดโรตีไปตั้ง 6 อัน
“อย่างนี้ไอ้พี่ฟอร์ดก็อกหักล่ะสิเนี่ย?”
“คิดว่าไงล่ะ?”ยอร์คหันมาถามยิ้มๆ น่าเอ็นดู
“รอพบแพทย์อย่างเดียว”ผมตอบ
“ซักวันนึงเดี๋ยวเค้าก็เจอคนที่เหมาะสมเองแหละน่า ฉันนี่สิไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้เจอ”จบประโยค เสียงถอนหายใจเบาๆ ของคนข้างๆ ก็ตามมา
“แล้วถ้าเจอจะรู้ได้ยังไงว่าใช่ล่ะ?”
“ไม่รู้สิ แต่คิดว่าหัวใจน่าจะเต้นเร็วกว่านี้”
“เอาน่า ไม่แน่ว่าตอนนี้อาจจะมีคนแอบชอบนายอยู่แล้วก็ได้”ผมบอกออกไปทั้งที่ใจก็ยังเขินๆ ถ้าตรงนี้สว่างมากๆ คนข้างๆ คงได้เห็นผมหน้าแดงแน่ๆ
“ก็ได้แต่หวังว่าซักวันคงเจอ ดอกกุหลาบนี่สวยจังเนอะ กุหลาบนอกแน่ๆ เลย”ไอ้ตัวดีว่าก่อนจะแย่งดอกกุหลาบของผมไปจากมือ
“เอาไปปักแจกันน่าจะสวย”
“เอาป่ะล่ะ”ผมถาม
“ให้หรอ?”ไอ้ตี๋น้อยหันมาถาม
“ก็ไม่รู้จะเอาไปทำไมนี่”ผมว่า
“ดีจัง งั้นขอล่ะนะ”ไอ้ตี๋หันมาบอกยิ้มๆ
“อืม”เหอะๆๆๆ เขินโว้ย
“ดึกแล้วล่ะ เรากลับกันได้แล้วมั้ง”ยอร์คว่าก่อนจะลุกนำผมให้ลุกตาม ผมตอบรับในลำคอเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินตามคนข้างหน้าที่เดินรอผมช้าๆ
“ยอร์ค”เสียงเรียกของผมหยุดการก้าวเดินของคนข้างหน้าให้หันกลับมาแบบสงสัย
“ลืมแน่ะ”ผมพยักหน้าไปทางดอกกุหลาบช่อโตที่วางอยู่บนม้านั่งที่เรานั่งกันอยู่เมื่อครู่
“ก็ไม่ได้ลืมนี่ ไปกันได้แล้วล่ะ” ไอ้ตี๋น้อยว่ายิ้มๆ พลางหมุนดอกกุหลาบที่แย่งไปจากมือผมเมื่อครู่เล่นก่อนจะหันหลังกลับแล้วก้าวนำไปข้างหน้าช้าๆ ความรู้สึกดีใจจนอยากร้องตะโกนจุกขึ้นมาที่อกผมเมื่อได้เห็นปฏิกิริยาเมื่อครู่ ถึงคนที่ผมแอบชอบจะยังคงใสซื่อได้อย่างไม่เสื่อมคลาย แต่อย่างน้อยผมก็ยังมีโอกาส ซักวันถ้าผมกล้ามากกว่านี้....ผมคงจะได้พูดคำว่ารักออกไปให้เขาได้ยิน
ใครว่าวาเลนไทน์เป็นวันที่โหดร้ายสำหรับคนโสดทุกคน บางที...........มันก็ไม่แน่เสมอไปหรอก จริงไหมครับ?
--- The End ---