▓▒░ อุบัติรักเร็วเกินเหตุ ░▒▓ ตอนที่ 2
อย่าว่าแต่ไอ้บ้านั่นมันจะเดินออกจากบ้านไปแบบงงๆเลย ผมเองก็งงกับแม่ตัวเองเหมือนกัน ร้อยวันพันปีแม่ผมไม่เคยจะทำตัวให้เข้าใจยากขนาดนี้เลย จู่ๆแม่ไปพูดต่อหน้าหรรษาราวกับว่าแค่นอนกันด้วยความเมาคืนเดียวคือการทำให้ชีวิตผมเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมืองั้นแหละ
ผมก็ยังเป็นผม เป็นไอ้เมต เหี้ยเมต หรือเมตตาพาเพลินของใครๆเหมือนเดิม
มันก็อาจจะใช่ที่ผมใช้ชีวิตเสี่ยงเกินไป การที่ผมกินเหล้า เมามายแล้วไปมีสัมพันธ์อะไรกับใครสักคนมันผิดวิสัยที่คนปกติเค้าจะทำกัน มันไม่ควรจะเกิดขึ้น แต่มันก็เกิดไปแล้วนี่
ผมเต็มใจออกไปกับหรรษาก็จริง
แต่เรื่องมีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งนั้น มันก็ไม่เชิงว่าผมจะเต็มใจ แต่มันก็เรียกว่าหมอนั่นข่มขืนผมไม่ได้เหมือนกัน เอาเป็นว่าผมไม่คิดว่ามันจะเลยเถิดมาจนถึงปลายทางแห่งกามารมณ์ได้ แต่ธรรมชาติของความต้องการเหล่านี้ มันควรไปจนสุดทางของมันนั่นก็ถูกแล้วนี่ มันก็แค่ครั้งเดียว เอาเป็นว่าต่อไปนี้ถ้าผมจะออกเที่ยวอย่างเด็กใจแตกเพิ่งแหกกะลาออกมาหาโลกกว้างผมจะไม่พลาดอย่างนี้อีกก็แล้วกัน
แต่ไอ้หรรษามันก็คงงงน่าดูเลยนะนั่น
หมอนั่นดูยังไงก็เป็นเสือในเส้นทางโลกีย์ซะด้วยซ้ำ หมอนั่นช่ำชองในทุกๆด้าน ช่ำชองแม้กระทั่งทำให้ความเจ็บปวดกลายเป็นความท้าทายและสุดท้ายมันก็ปลุกความหื่นกระหายในตัวผมให้กลายเป็นมีความต้องการขึ้นมาจนได้
นี่ถ้าแม่ไม่ปลุกกระแส ผมจะไม่คิดถึงหมอนั่นจริงๆนะ แต่ว่ามันตกกระไดพลอยโจรไปแล้ว และตอนนี้หรรษามันก็คงจะหายหน้าไปเลยเหมือนกัน มันคงไม่เคยเจอใครห่ามเท่าแม่ผม และคงไม่เคยเจอใครบุกไปขอให้มันรับผิดชอบละมั้ง
แต่ว่าเมื่อไหร่ที่ผมจะสลัดมันออกไปจากความคิดสักทีวะ
คิดถึงมันอยู่ได้ กะอีแค่ผู้ชายวันไนท์สแตนด์แค่นั้น
เส้นทางชีวิตของเราราวกับเส้นขนาน
มันเป็นเด็กช่างที่เรียนทางสายอาชีพ ดูท่าทางจะใช้ชีวิตวัยรุ่นได้สมบุกสมบันกว่าผมผู้ที่แม่วางแผนชีวิตให้เดินตามทางที่แม่ขีดเอาไว้มาตลอด ชีวิตผมมีแต่เรียนและเรียน ไม่เคยรู้ว่าการออกนอกลู่นอกทางเป็นยังไง แยกแยะไม่เคยได้ว่าที่เค้าเรียกไอ้เด็กใจแตกนั้นต้องประพฤติตัวแบบไหน แค่แม่ลองปล่อยให้ผมเป็นอิสระอย่างเด็กวัยรุ่นทั่วไปเพียงแค่คืนเดียวก็ได้เรื่องขึ้นมาเลย
“เมต” ผมสะดุ้งโหยงทั้งๆที่แม่เรียกชื่อผมอย่างนี้มาตั้งแต่เกิด
“ครับแม่ ว่าไง”
“ทำไมขึ้นมาหมกตัวอยู่แต่ในห้องแบบนี้ เดี๋ยวก็เป็นโรคซึมเศร้าหรอก”
“เมตมานอนเล่นของเมตตามปกติแหละแม่”
“ไม่ได้คิดมากเรื่องผู้ชายคนนั้นแน่นะ”
“ไม่ได้คิดอะไรเลย มีแต่แม่นั่นแหละที่คิดจนตีโพยตีพายเป็นเรื่องใหญ่ แล้วเป็นไงล่ะ หมอนั่นเดินกลับไปยังกะตื่นขึ้นมาจากละเมองั้นแหละ”
“เออว่ะ แม่เห็็นมันเหวอไปเลย”
“ก็แม่อะ เมตบอกแล้วว่าไม่มีใครเค้าทำอย่างที่แม่ทำกันหรอก”
“อ้าวไอ้เมต แกพูดงี้ก้ไม่ถูกนะเว้ย แกโดนมันลากไปเชือดอะ คนเราไม่ได้คบหากันมาก่อน อยู่ดีๆมันชวนแกไปนอนได้ไง แล้วชวนกันตอนเมาเนี่ยนะ จงใจชัดๆ”
“แม่ เมตว่านะ ในผับนั่นเค้าก็คงตั้งใจไปกินเหล้าเพื่อหาคู่นอนกันอยู่แล้วล่ะ น่าจะเป็นเรื่องปกติ คนที่ผิดปกติคือเมตเองต่างหากที่เสือกทะเล่อทะล่าเข้าไปในดงเก้งกวางหื่นกระหายดงนั้น”
ผมไม่กล้าบอกแม่ว่าไปทำวีรกรรมเอาไว้มากกว่านั้นเยอะ แต่เอาจริงๆตอนมีวีรกรรมผมก็เมาจนจำเรื่องน่าอายนั่นไม่ได้จริงๆนั่นแหละ
“ลูกไก่อ่อนหัดอย่างแกถึงได้โดนพญากวางกลืินกินสินะ เมตแม่ถามจริงๆเถอะ เมตไม่ได้รังเกียจผู้ชายด้วยกันใช่มั้ยลูก”
“เมตก็ไม่ได้รังเกียจหรอกแม่ ยังไงล่ะ บอกไม่ถูกเหมือนกัน อีกอย่าง เมตเมาอะแม่ จะเอาสติที่ไหนไปกลั่นกรองล่ะว่าผู้ชายกับผู้ชายไม่ควรนอนด้วยกัน”
“งั้นแกก็ไม่ได้เป็นผู้ชายแท้ๆอะดิ”
“โหยแม่ มันก็วัดกันไม่ได้หรอก ไม่แน่นะ ถ้าเมตมีโอกาสนอนกะผู้หญิง เมตอาจจะติดใจผู้หญิงขึ้นมาก็ได้”
“แล้วถ้าต้องนอนกับผู้ชายอีกล่ะเมต”
“ถ้าตอนเมตมีสติแล้วเมตไม่ได้ดีดตัวออกจากอ้อมกอดผู้ชายก็คงได้ทั้งสองอย่างแหละมั้ง”
“นี่แกเคยจริงจังกับชีวิตบ้างมั้ยเนี่ยไอ้เมต วุ้ย คุยกะแกแล้วปวดหัวว่ะ ไอ้ลูกคนนี้ไม่เคยยีหระกับอะไรในชีวิตเลยเหรอวะ ไม่เคยแยกแยะเพศหญิงเพศชาย นี่ฉันเลี้ยงลูกผิดตำราตรงไหนไปบ้างรึเปล่าเนี่ย”
“คุณนายกาญจนาครับ เมตว่าคุณนายคิดอะไรไกลเกินไปนะครับ ถ้าแม่คิดว่ามันคือความผิดพลาดโดยไร้สติของเมตมันก็จบแล้ว”
“แล้วถ้าหมอนั่นเกิดจะรับผิดชอบแกขึ้นมาจริงๆละเมต”
“ชีวิตเมตก็คงจะมีหลายมิติมากขึ้นนับจากนี้เป็นต้นไปมั้งครับ เมตว่าแม่อย่าคิดอะไรไปไกลเลย แม่ก็เห็นว่าหมอนั่นดูอึ้งๆ ดูงงๆซะด้วยซ้ำ เขาอาจจะคิดว่าเมตกับแม่กำลังร่วมมือกันจับเค้าก็ได้นะครับ”
“เออว่ะ แม่ก็ลืมคิดไปอะ แล้วหรรษาอะไรนั่นมันรวยรึเปล่าล่ะ ถ้ามันรวยก็เป็นไปได้ที่มันจะคิดว่าเราจะไปจับมันนะ”
“เมตไม่รู้ แต่มันเรียนเทคโนอะแม่ เด็กช่างที่เดินพ่นตามกำแพงแล้วยกพวกตีกันด้วยรึเปล่าก็ไม่รู้”
“อ้าวเหรอ เออ แม่ก็เห็นเค้าใส่เสื้อช็อปแม่ก็ไม่รู้หรอกว่าเป็นเด็กช่างหรือเด็กมหาลัย แต่ดูแววตาแล้วหมอนั่นก็เอาเรื่องอยู่เหมือนกันนะ”
“ก็ใช่น่ะสิ ทางที่ดีเราอย่าไปยุ่งเลยดีกว่า เมตว่าเราก็อยู่ของเราตามปกติเถอะแม่ คิดซะว่าเป็นริดสีดวงที่ตูดก็แล้วกัน”
“แล้วมันเหมือนกันยังไงวะเมต”
“ก็เป็นแแล้วเลือดออกไงแม่”
“ไอ้ลูกคนนี้นิ เปรียบเทียบอะไรออกมาก็ไม่รู้ พูดซะเห็นภาพ แม่จะอ้วก ไปแล้วดีกว่า ฉันไปอบไอน้ำผมดีกว่า อยู่บ้านดีๆนะเมต”
“คร้าบบบบบคุณนาย”
เฮ้ออ!! จะว่าไปที่ผมมองโลกในแง่ดีเป็นส่วนใหญ่อย่างนี้ก็เพราะแม่นะ
‘มึงเองก็คิดซะว่ามีเคราะห์แล้วกันนะหรรษาที่ต้องมาพบพานกับคนแบบกูเนี่ย ขวัญเอ๊ยขวัญมานะไอ้ป่าเถื่อน’
ผมสลัดหัวไล่ความคิดตัวเองแรงๆ สั่งตัวเองให้เลิกคิดถึงไอ้หรรษาอะไรนั่น แล้วย้ำอีกครั้งว่าให้มันเป็นแค่เรื่องพิเรนทร์ๆที่ผ่านมาให้ช่วงเวลาหนึ่งในชีวิตก็พอ
ผมกลับมาทำตัวเองให้เข้าสู่สภาวะปกติภายในเวลาไม่นาน ก็แค่ช่วงที่เข้าไไปอาบน้ำเพื่อออกมานอนพักสายตารอแม่กลับมาจากเสริมสวยก็แค่นั้น
กำลังเคลิ้มๆ อากาศกำลังเย็นสบาย ผมเข้าใกล้คำว่านิทราแล้ว แกะตัวสุดท้ายกระโดดข้ามกำแพงไปได้ไกลเต็มที มันเลือนราง และเหมือนทุกอย่างจะดับไป
แต่ผมกลับรู้สึกว่าบ้านกำลังมีเสียงดังสนั่นหวั่นไหว มันสะเทือนเลื่อนลั่นเหมือนถูกทิ้งบอมบ์ลงมากลางบ้าน พร้อมเสียงโหวกเหวกโวยวายที่เหมือนดังมาจากที่ไกลๆ
‘มึงตายไปแล้วหรือไงไอ้ห่าเมต’
ใครวะ! ใครที่ใช้ถ้อยคำได้หยาบคายและสถุลไร้สกุลรุนชาติขนาดนั้น ใครกันที่กล้าเรียกเมตตาสุดหล่อว่าไอ้ห่า ใครกันที่สอนให้พูดคำว่าตายกับคนอื่น มันเป็นใครวะ ใครหน้าไหนที่กล้าดีมาเหยียบจมูกไอ้เมตถึงบ้าน
“ใครวะ”
“กูเอง” เสียงคนตอบอัดแน่นไปด้วยความหงุดหงิดในอารมณ์ น้ำเสียงสะบัดย้ำชัดว่าไม่พอใจมาก
“มึง ผี เฮ้ย ไม่ใช่ หรรษา มึงมาได้ไงอะ”
ผมเผลอตบแก้มตัวเองไปมาเรียกสติ ไม่คิดว่าตัวเองจะมีแรงขนาดที่ว่าจะทำให้หน้าชาไปจนแสบได้
“โอ๊ย ไม่ใช่สิ กูต้องถามว่ามึงกลับมาทำไมอีก”
ผมลุกขึ้นนั่ง ครึ่งนึงของความรู้สึกค่อนข้างงง แต่อีกครึ่งนึงของความรู้สึกคือเจ็บหน้าฉิบหาย นี่คิดว่านอนแล้วฝันไปหรือไม่ก็ผีอำนะเนี่ย ไม่คิดว่าจะเป็นคนจริงๆ แล้วเมื่อกี้มันเสียงดังอะไรล่ะวะ
“เมื่อกี้มึงทำร้ายอะไรบ้านกู”
“ก็ตอนที่กูเดินกลับเข้ามาอะ กูเห็นมึงเอาผ้าขนหนูพาดบ่าเหมือนเพิ่งอาบน้ำแต่งตัวเสร็จใหม่ๆ กูก็รีบเดินให้เร็วขึ้นอีก แต่ขนาดกูรีบแล้วก็ยังช้าอยู่ดี ทำไมมึงหลับง่ายดายขนาดนี้วะ”
“กูก็ง่ายกับทุกเรื่องนั่นแหละ แล้วนี่มึงลืมอะไรไว้ล่ะ”
“ไม่ได้ลืมอะไร”
“อ้าว แล้วมึงจะกลับมาทำซากอะไรวะ”
“ก็ตอนที่มึงไปลากกูมาอะกูยังไม่ได้กินอะไรเลย ออกไปหน้าปากซอยบ้านมึงกะจะเรียกแท็กซี่ แต่เสือกหิวเลยจะกลับมากินอะไรก่อนกลับ”
“หา นี่มึงกลับมานี่เพราะหิวข้าวเหรอ เหี้ยเถอะครับ นี่คือวิสัยนักเลงหัวไม้ของพวกเด็กเทคนิคเทคโนเหรอ”
“ไมอะ จะเด็กแบบไหนก็ต้องหิวกันทุกคนนั่นแหละ มีไรกินบ้างอะ”
“ไม่รู้แม่ทำอะไรทิ้งไว้มั่ง กูยังไม่เข้าไปในครัวเลย คงจะมีอยู่มั้ง ถ้ามึงโชคร้ายก็มาม่าปลากระป๋องยำแหละ” ผมงงมากเลยนะเนี่ย เกาหัวแกรกๆ ไม่รู้ว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่และมันกำลังตัดสินใจทำอะไร มีความหมายแอบแฝงอะไรกับการมาขอข้าวกินครั้งนี้มั้ย
“เออ ปลากระป๋องยำก็ได้ มึงยำได้ใช่มั้ย”
“ไม่ได้”
“อ้าว!! อะไรวะ มึงก็จัดว่าเป็นชนชั้นกลางทำไมถึงได้ทำอะไรไม่เป็นเลยวะ” มันดูถูกผมนี่หว่า ทำไมอะ ชนชั้นกลางต้องทำกับข้าวได้ เหรอ แม่ไม่เห็นเคยบอกเลย ปกติแม่ชอบบอกว่าซื้อเค้ากินง่ายกว่า ผมก็เห็นด้วยมาตลอด เชื่อฟังคำสั่งแม่จะตาย
“เรื่องของกู ถึงกูจะไม่ได้เกิดมาในตระกูลร่ำรวยอะไรมากมาย ไม่มีคนใช้ อยู่กับแม่สองคน แต่แม่กูก็เลี้ยงกูมาแบบคุณชายนะเว้ย ไม่น้อย หน้าใคร” พูดข่มมันไปงั้น จริงๆผมก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นคุณชายอะไรหรอก แต่ไม่ชอบให้ใครมาว่าแค่นั้นเอง
“มึงเป็นคนแรกที่กูเคยเจอนะเมต ที่อวดว่าตัวเองทำอะไรไม่เป็นอย่างภูมิใจอะ”
“เออน่า เรื่องของกู ความภูมิใจเล็กๆของกู หิวก็ตามมาดิ มึงนี่นะขึ้นมาถึงบนห้องกูได้แต่เสือกเดินเข้าไปหาอะไรกินในครัวไม่ได้ ครัวถึงก่อนแท้ๆ”
“มึงลืมอะไรไปรึเปล่าเมต กูเพิ่งเคยมาบ้านมึงครั้งแรกนะ”
“นี่ขนาดครั้งแรกมึงยังหน้าหนาได้ขนาดนี้ กูว่าถ้ามาบ่อยกว่านี้คงคิดว่าที่นี่เป็นบ้านตัวเองได้เลยมั้ง”
“ก็ไม่แน่หรอก”
“ตามมาสิ หิวไม่ใช่เหรอ ต่อปากต่อคำกับกูอยู่ได้ ตอนเจอกันมึงไม่มีทีท่าจะพูดเก่งอะไรเลยนะหรรษา”
ผมเห็นมันไหวไหล่เหมือนไม่แคร์ที่ผมบอกว่ามันไม่น่าจะเป็นคนพูดเก่ง จริงๆผมว่ามันนิ่งๆนะ ดูขรึม ดูเก๊ก ดูวางท่ายังไงชอบกล ดูเข้าถึงยาก ดูเรื่องเยอะ ดูเป็นพระเอกช่องสามว่างั้นเถอะ
“แล้วนี่มึงจะลงไปทั้งชุดนอนงี้เหรอเมษ”
“เออดิ แล้วแปลกตรงไหน กางเกงบอลเสื้อยืด มันก็ใส่ได้ทั้งอยู่บ้านแล้วก็ใส่นอนนั่นแหละ”
ผมพามันเดินลงบันไดมาจนถึงห้องครัว เปิดฝาหม้อที่ยังวางอยู่บนแก๊สดูก็เห็นว่าในนั้นมีกระดูกอ่อนหมูต้มผักกาดดองอยู่เกินครึ่งหม้อ
“เดชะบุญของมึงนะที่แม่ทำกับข้าวเอาไว้แล้ว กินได้มั้ยล่ะ กระดูกหมูต้มผักกาดดอง”
“กินได้ มีอย่างเดียวเหรอ”
“ไม่รู้ดิ ไม่รู้แม่เค้าจะทำเพิ่มมั้ย แต่ตอนนี้มีเท่าที่เห็น เดี๋ยวกูเจียวไข่ให้อีกอย่างนึงก็ได้”
“ขอบใจนะ”
ผมหันกลับไปมองมันด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด มันพูดขอบใจนัยน์ตามันก็เหมือนจะยิ้มได้ ขอบใจกูทำไมวะ ก็มันบอกเองว่าหิว แล้วกับข้าวก็มีแค่อย่างเดียว แล้วมันก็ถือว่าเป็นแขก(มั้ง) เพราะผมเป็นคนไปลากมันมาจากวิทยาลัยเองในครั้งแรก
“เออ ไปนั่งรอที่โต๊ะดิ อ่อ หยิบจานแล้วตักข้าวไปเองด้วย”
“เออ จะว่าไปมึงก็ดูดุแล้วก็ข่มๆกูตั้งแต่ต้นเลยนะเนี่ย”
“ดุอะไร ข่มอะไรมึง อย่าคิดว่ากูจะเขินอายแล้วบริการมึงทุกขั้นตอนนะ เพิ่งรู้จักกันก็เพิ่งรู้จักกันเถอะ ต้องช่วยๆกัน”
ผมตอกไข่ใส่ชามทีละใบอย่างหวั่นๆ โธ่! ผมเจียวไข่เป็นซะที่ไหนเล่า แล้วเสือกตอกแรงไปด้วยนะ เปลือกไข่เลยร่วงลงไปให้ต้องเก็บอีก ส่วนเตาแก๊สนี่ที่ผมเปิดให้มีประกายไฟลุกขึ้นมาได้นี่ฟลุคล้วนๆ แต่สงสัยคงจะเปิดแรงไป เสียงฉ่าๆของน้ำมันเดือดถึงได้ก้องกังวาลไปทั้งครัว แต่เรื่องพวกนั้นไม่น่าสนใจเท่ากับมันออกมาหน้าตาดีหรอกนะครับ
แต่มันดันดีแค่ด้านเดียว อีกด้านนี่เรียกได้ว่าเป็นไข่นิโกร
แต่เราจะแคร์ทำไม!!
“เอ้า ไข่เจียว”
“อืมหน้าตาดีนะเมต แต่กลิ่นทำไมไม่ดีเหมือนหน้าตา”
“กลิ่นอะไรวะ” ผมดมฟุดฟิดไปรอบๆตัวเอง ก็พอมีกลิ่นควันแต่มันก็ไม่ได้ฉุนจนหรรษาต้องย่นจมูกขนาดนั้นนี่หว่า
“กลิ่นไข่มึงไง”
“ไข่กู” ผมเผลอกำเป้าตัวเองแล้วแทบจะตาเหลือกลานเพราะจุก แม่ง ตกใจจนเผลอกุมแรงเกินไป
“ไข่เจียวมึงอะ นี่มึงอ่อนต่อโลก ไร้เดียงสาหรือว่าปัญญาอ่อนวะ”มันทำเสียงหงุดหงิด
“แล้วจะกินไม่กิน ไม่กินก็ทิ้ง ไข่แค่ฟองสองฟอง ไม่เสียดายอยู่แล้ว”
“กินก็กิน หิว” มันพูดแค่นั้นแล้วมันก็ก้มหน้าก้มตากินแบบไม่พูดอะไรอีกเลย ไม่รู้ว่าพอกินได้หรือเลือกไม่ได้ แต่ไม่ว่าจะเพราะอะไรมันก็กินจนข้าวหมดไปหนึ่งจานและน้ำหนึ่งแก้วละนะ
“อิ่มแล้วใช่มั้ย จะกลับเลยรึเปล่า”
“มึงไล่เลยเหรอ คนที่ไปลากกูมานี่ก็คือมึงเลยนะ เนี่ยเริ่มมืดแล้วด้วย อันตราย”
“อันตรายเหี้ยไร บางทีพวกมึงก็ยกพวกตีกันกลางวันแสกๆไม่ใช่เหรอ”
“ดักคอกูซะไม่มีความดีในตัวกูเลยนะเมต เออ กลับก็ได้วะ”
“กลับดีๆนะ”
“เอ๋า ไม่รั้งกูเลยเหรอ หรือว่ามึงมีธุระจะออกไปไหนรึเปล่า ออกไปพร้อมกูมั้ยล่ะ”
“กูอาบน้ำนอนแล้วเนี่ยนะคือคนที่กำลังจะออกไปไหน มึงยังด่ากูอยู่เลยที่กูใส่ชุดนอนลงมาเจียวไข่ให้อะ”
“เออว่ะ กูลืมเช็ดด้วยนะว่ามึงแอบใส่สาหร่ายลงไปในไข่เจียวด้วยรึเปล่า”
“สาหร่ายเหี้ยไรของมึงเค้าเอามาใส่ไข่เจียว ถึงกูทำกับข้าวไม่ค่อยเป็นแต่กูก็ตระเวรกินมาทั่วสารทิศแล้วนะเว้ย ไม่เคยเห็นแล้วก็ไม่เคยได้ยิน”
“ไหมจิงจอยไง”
“อะไรวะไหมจิงจอย.........อ๋ออ......ไอ้เหี้ยหรรษานี่มึงคิดว่ากูจะถอนขนเงาะกูใส่ไข่เจียวให้มึงกินเหรอ”
“เออ เหมือนที่เค้าทำเสน่ห์มนต์ดำกันไง ให้ชายรักชายหลงอะ เห็นมึงยิ่งอยากได้กูอยู่”
“ไม่ใช่กูเว้ย แม่กูต่างหาก สงสัยคงผิดหวังที่อยากได้ลูกสาวแต่เสือกได้ลูกชายอย่างกูอะ พอกูพลาดโดนมึงขึ้นขี่ แม่เค้าเลยโวยวายให้มึงรับผิดชอบ สงสัยดูละครตอนค่ำแล้วอิน อย่าคิดมากเลย”
“แต่มันก็เป็นครั้งแรกของมึงไม่ใช่เหรอ ทำไมมึงใช้ชีวิตเสี่ยงได้ขนาดนั้นวะ”
“กูไม่ได้ตั้งใจเว้ย คนเพิ่งเคยกินเหล้า เพิ่งเคยได้แรดอะ มึงเข้าใจมั้ย มันก็ลืมตัวไปบ้าง ลืมระวังไปบ้าง”
“แต่ถ้ามึงถลำเข้าไปในที่แบบนั้น จะปล่อยตัวอย่างนี้ไม่ได้นะกูบอกไว้ก่อน”
“ทำไมอะ มึงก็รู้ว่ากูท้องไม่ได้ ปัญหานั้นไม่มีหรอก”
“มึงไม่ท้องแต่มึงจะติดโรคอะดิ ถ้าคนนั้นไม่ใช่กูนะ มึงก็เสียงมากอะ”
“แหมพูดเอาดีเข้าตัว ถึงจะเป็นมึง กูจะมั่นใจได้ไงอะ มึงมันก็พญาเสือโคร่งของที่นั่นเลยไม่ใช่เหรอ”
“มึงรู้ได้ไง”
“ตอนกูยังประคองสติได้ กูเห็นอะดิ”
“แอบชอบกูตั้งแต่ตอนนั้นก็เลยยอมใช่ปะ”
โปรดติดตามตอนต่อไป
๐ สวัสดีค่ะทุกคน ขอบคุณมากๆสำหรับการตอบรับที่ดี และขอบคุณมากที่ยังจำกันได้นะคะ สำหรับคนอ่านใหม่ๆที่เพิ่งเข้ามาแล้วเผลอกดเข้ามาอ่าน ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ
๐หายไปนานมากด้วยภาระหน้าที่ของชีวิต แต่ก็ยังไม่ลืมว่าตัวเองยังรักการแต่งนิยายอยู่นะคะ แต่งานประจำค่อนข้างยุ่งมาก ตัดขาดคนเขียนออกจากโลกภ่ยนอกเลยก็ว่าได้ อีกอย่าง หยุดทำงานประจำมา 2 ปีแล้ว นอกจากต้องปรับตัวกับงานแล้วยังต้องปรับตัวกับอีกหลายๆอย่างในสังคมออฟฟิศด้วยค่ะ ตอนนี้ทุกอย่างก็ลงตัวแล้ว แต่งานก็ยังคงริดรอนเวลาแต่งนิยายไปเหมือนเดิม พยายามกลับมาแต่ง เพราะมีเรื่องที่ยังคงดองและค้างคากับคนอ่านอยู่ การจะกลับไปแต่งต่อเรื่องที่ค้างไว้นั้น ต้องใช้เวลาทบทวนกันนาน และต้องระลึกด้วยว่าตอนที่แต่งนั้นคนเขียนกำลังคิดอะไรอยู่ คือเป็นนักเขียนที่ไม่ได้วางพล็อตเป็นฉาก จริงๆทุกครั้งที่แต่งนิยาย มักจะได้ชื่อเรื่องก่อน เริ่มเรื่องขึ้นมาได้แล้วก็แต่งต่อไปเรื่อยๆอะค่ะ อีกอย่างตัวคนเขียนเองไม่ใช่นักเขียนมืออาชีพ เลยไม่มีหลักการที่ถูกต้องในการแต่งนิยาย แต่ถ้าแต่งออกมาแล้วคนอ่านชอบก็ดีใจมากค่ะ
๐ แจ้งสำหรับคนอ่านหน้าใหม่นะคะ คนเขียนเองมีผลงานนิยายที่ลงเล้าเป็นหลักมาแล้วหลายเรื่อง ทุกเรื่องลงให้อ่านจนถึงตอนจบ ไม่เคยลบ เพราะตั้งใจเขียนให้อ่านเป็นหลักอยู่แล้ว ตามอ่านเรื่องเก่าๆได้ในห้องนิยายจบแล้วได้นะคะ หรือจะสอบถามและพูดคุยไร้สาระอะไรกันก็เชิญที่ TRomance's Fanpage จะสะดวกทีสุดและไม่ปั่นนิยายด้วยนะคะ
๐ ต้องขอโทษคนอ่านไว้ล่วงหน้าว่าคนเขียนคงไม่ได้ลงมาพูดคุยหรือโต้ตอบกันคนอ่านในหน้านิยาย แต่ยืนยันว่าตามอ่านทุกความคิดเห็นนะคะ อยากให้คนอ่านระบายความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อนิยายออกมา คนเขียนยินดีรับฟังทั้งในด้านดีและด้านแย่เลยค่ะ
๐ ขอบคุณทุกๆคนมากเช่นเคยนะคะ /ตูนค่ะ (TRomance)