บทที่ 16 ความรู้สึกแปลกๆ เย็นวันศุกร์อันแสนสุขสันต์ หลังจากเลิกเรียน สารถีสุดหล่อนามว่าไทกริสก็มารับต่ายถึงหน้าคณะ เรียกสายตาแซวกลายๆจากผองเพื่อนทั้งสาม ชวนอยากจะจิ้มลูกกระตานั่นเป็นรายตัว
ไทกริสที่จะดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ จากเสียงผิวปากเบาๆ พอลองถามไปก็บอกว่า ทำวิชาของมหาลัยได้คะแนนท๊อป ทำให้ต่ายได้นึกย้อนไปถึงวันที่ช่วยเจ้าตัวติววิชานี้ ในฐานะที่เคยผ่านมาก่อน
อีกคนนั่งฟังเหมือนเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา แต่ก็พยักหน้ารับ แต่พอถามก็ตอบได้หมด ต่างจากวิชาเอกที่เจ้าตัวสุดแสนจะตั้งใจ
เห็นได้ชัดว่า เด็กโค่งไม่ชอบวิชานี้
ซึ่งก็คือ “วิชาการพัฒนาตนเอง”
ในสมัยที่ต่ายอยู่ปีหนึ่งนั้น อาจารย์ผู้สอนที่มาจากคณะสังคมศาสตร์ มาถึงก็แจกชีทปึกเบ้อเริ่ม บอกให้ไปถ่ายเอกสารกันเอง แต่พอในคาบก็มักจะเชิญวิทยากรจากคณะอื่นมาบ้าง มหาวิทยาลัยอื่นมาบ้าง ซึ่งเนื้อหาที่ได้ก็ไม่ได้ตรงตามเนื้อที่ต้องเรียนซักเท่าไหร่ อย่างการฝึกนั่งสมาธิ รวมกลุ่มกันบำเพ็ญประโยชน์
แต่พอมาสอบ ดันเอาเนื้อหาจากในชีทที่เป็นทฤษฎีพวกมาสโลว์งี้ ซิกมันด์ ฟรอยด์งี้ คาร์ลงี้
อ่า ก็พอจะเข้าใจความรู้สึกล่ะนะ .....
แต่ ไอ้ได้คะแนนท็อปนี่มัน แอบซุ่มสินะ
“จะไปไหนน่ะ” ต่ายร้องถามในทันที เมื่อเส้นทางตรงหน้าไม่ใช่ทางกลับคอนโด
“ไปหาเพื่อนกระต่าย” คนขับตอบ ต่ายอ้าปากพะงาบๆเมื่อได้ยินคำตอบ
ห้ะ?!!!!ต่ายมองทางตรงหน้าสลับกับมองคนขับที่ดูจะคุ้นชินเส้นทางไม่เหมือนกับคนที่เพิ่งมาเมืองไทยได้ไม่ถึงหนึ่งปี ดูชำนาญทางยิ่งกว่าต่ายที่อยู่มาทั้งชีวิตอีก
จนกระทั่งรถเลี้ยวเข้ามาในซอยหนึ่ง ก่อนรถจะดับลงเมื่อหาที่จอดเรียบร้อย
สถานที่ตรงหน้า เป็นเหมือนร้านแนวบ้านสวน ตกแต่งคล้ายกับสวนอังกฤษ ดูร่มรื่น บรรยากาศไม่เหมือนอยู่ในตัวเมืองด้วยซ้ำ
มองป้ายหน้าร้านรู้สึกตะหงิดๆในใจ
เอ่อ ไม่ใช่อะไรหรอก
แค่อ่านไม่ออก…….
Nyúl házหันไปหาเจ้าเด็กโค่ง พลางส่งสายตาแบบคนไม่เข้าใจ(เรียว่าคนโง่ก็ดูทำร้ายตัวเอง) ซึ่งเจ้าเด็กโค่งก็ไม่ทำให้ผิดหวัง
เสียงทุ้มนุ่มเปล่งออกมา
“นีล ฮาส”
พอไทกริสไขข้อข้องใจให้แล้ว ต่ายจึงสาวเท้าเดินนำเข้าไปตามทางเดินที่ปูหินกรวดมน แต่ก็ต้องมาสะดุดกึกกับหน้าร้าน
สติกเกอร์หน้าร้านเป็นรูปตัวการ์ตูนกระต่ายดูน่ารักน่าฟัด กับตัวหนังสือที่ขียนว่า Rabbit café ตัวโตๆ ทำให้ต่ายพลันนึกไปถึงคำพูดของไทกริส
ไปหาเพื่อนกระต่าย ก็ต้องร้องอ๋อในใจ เพื่อนที่ว่าไม่ใช่คน แต่เป็นสัตว์สินะ
“กริส เพื่อนของพี่ที่ว่า คือกระต่าย?”
“อือ กระต่ายเป็นเพื่อนของกระต่ายไม่ถูกเหรอ” เด็กโค่งหน้ามึนตอบ
ต่ายถอนหายใจพลางโคลงหัวไปมาอย่างนึกขัน
“อ้าว! ตัวเล็ก น้องต่าย” เสียงใสเอ่ยทัก พร้อมกับเสียงกรุ้งกริ้งของกระดิ่งยามที่ประตูถูกเปิดออก
“อ๊ะ! พี่รีน สวัสดีครับ” คนตรงหน้าคือ พี่ไอรีน หนึ่งในพี่สาวฝาแฝดของไทกริสที่ออกมาพร้อมผ้ากันเปื้อนสกรีนชื่อร้านสีหวานน่ารัก
“ดีจ้าาา เข้าไปนั่งข้างในกันดีกว่า”
แล้วเขาและไทกริสก็ถูกพี่สาวตัวเล็กถูกดันเข้าไปในร้าน
พอเข้าไปในร้าน ก็อดรู้สึกเขินๆไมได้ เพราะเกือบทุกสายตา หันมามองทางเขากันหมด
(แม้จะมั่นใจว่า ไม่ได้มาทางต่ายเลยก็ตาม)
เดินกับไทกริสนี่ รัศมีของต่ายดับ ชนิดที่ว่าไม่เหลืออะไรเลย ผิวก็ขาวผ่องมีออร่า หน้าตาก็ลูกเสี้ยวยุโรป แถมสูงยาวเข่าดีอีกต่างหาก สาวไม่เพ้อก็ให้มันรู้กันไป
ทั้งสองถูกไอรีนพี่สาวไทกริสพ่วงด้วยตำแหน่งเจ้าของร้าน เข้ามาที่โต๊ะมุมหนึ่งของร้าน
ข้างในเป็นโต๊ะญี่ปุ่นทั้งหมด แต่ก็มีส่วนที่เป็นนอกร้าน ที่เป็นโต๊ะสไตล์ผู้ดีอังกฤษ
ส่วนตัวร้านถูกจัดเป็นสองส่วน ส่วนที่เป็นคาเฟ่จิบชากาแฟกับส่วนที่เป็นห้องของกระต่าย
“เป็นไงบ้างฮึ ไม่ได้ดื้อกับพี่ต่ายใช่ไหม” พี่ไอรีนยกมือขึ้นลูบเบาๆที่หัวของไทกริส
“ไม่ดื้อซะหน่อย” อีกฝ่ายตอบ แต่หน้าไอรีนเหมือนไม่เชื่อ จนต้องร้องหาพยานส่วนตัว
“ถามกระต่ายดู” คนถูกโยนกระพริบตาปริบๆ พอเห็นสายตาคาดคั้นจากพี่ไอรีน ก็ต้องตอบ
“เป็นเด็กดีมากครับ” ยีกลุ่มผมนุ่มแรงๆด้วยความหมั่นไส้เป็นของแถม
พี่ไอรีนเปลี่ยนสีหน้าจริงจังเป็น ยิ้มหวานให้ จนคนอย่างต่ายต้องตาพร่าไปชั่วขณะ
นั่งคุยซักพักพี่ไอรีนก็ขอตัวไปดูร้าน พร้อมบอกให้พนักงานเอาของกินมาเสิร์ฟ
“มาที่นี่ทำไมเนี่ย” มอบรอบๆร้านที่ตกแต่งด้วยสีพาสเทล คู่หนุ่มสาว ไม่ก็เด็กนักเรียนผู้หญิง
หันกลับมามองตัวเอง ดูไม่เข้ากับที่นี้อย่างมาก
นึกถึงตอนที่สมัยก่อนที่โดนเจ้าเพื่อนตัวดีอย่างแชม ลากเข้าร้านเมดคาเฟ่ ต่ายต้องสตรองแค่ไหนที่ต้องทำท่าเนียวๆ ใส่พนักงานสาวที่ยิ้มขำกับท่าทางอันสุดจะกล้ำกลืนฝืนทนของเขา
“นั่นไงเพื่อนกระต่าย” เด็กหนุ่มชี้ให้อีกคนดู ในห้องกระจกที่มีกรงวางเรียงราย พื้นปูด้วยพรมขนนุ่มทั้งหมด
มีป้ายหน้าห้องเกี่ยวกับกฎต่างๆก่อนเข้าห้อง
ไม่นาน เครื่องดื่มก็มาเสิร์ฟ ดูดแก้ร้อนไปสามปื๊ด แต่ก็ต้องเบ้หน้า
เพราะมันขึ้นสมองจี๊ด คนตัวขาวทำหน้านิ่ง แต่แววตาสั่นระริกเหมือนกำลังกลั้นขำอยู่
“มาแล้วจ้า ป่ะไปกัน” พี่ไอรีนเดินออกจากเคาท์เตอร์ ก่อนจะพาพวกเขาไปเข้าไปในโซนห้องกระต่าย
ข้างในมีลูกค้า 2-3 คนกำลังเล่นกับกระต่ายอยู่ โดยมีพนักงานคอยดูแลอยู่ใกล้ๆกัน
ต่ายทรุดตัวลงนั่งข้างหมอนรูปแครอท ก่อนพี่ไอรีนจะอุ้มกระต่ายตัวสีน้ำตาลตัวนึงเข้ามา
ถ้าจำไม่ผิด จะเป็นพันธุ์ฮอลแลนด์ ล็อป
“มาแล้ว หนูชื่อมอลท์ค่ะ ” พอเจ้ากระต่ายถูกวางกับพื้นพรม เจ้าขนฟูก็ทำจมูกฟุดฟิดๆไปทั่ว จนจะมาหยุดที่ไทกริส
เจ้ามอลท์ได้ทำการปีนขึ้นไปบนตักของเด็กโค่ง พี่ไอรีนหัวเราะคิก ก่อนจะป้อนอาหารเม็ดเป็นรางวัล
“น่ารักมาก” ชมกระต่ายตัวเอง ก่อนจะพากระต่ายตัวอื่นๆมา
ชื่อของกระต่ายนั้น สร้างสรรค์จนคนพื้นที่ความจำเหลือน้อยอย่างต่ายไม่สามารถจำไม่ได้ จะมีแต่ไอ้ตัวที่ชื่อมอลล์นี้แหล่ะเพราะพฤติกรรมออเซาะเจ้าเด็กโค่งจนเกินจะเป็นกระต่าย
จนต่ายรู้สึกหมั่นไส้นิดๆ
“อ่ะ อ้าปาก” ปากบอกเจ้ามอลล์นะ แต่มือยื่นหญ้าขนให้เจ้าเด็กโค่ง
อีกคนหันหน้าหนี ต่ายรู้สึกได้ใจ พอไทกริสยิ่งหันหนีก็ยิ่งเอาหญ้าเข้าไปใกล้อีก
ไปๆมาๆ กลายมาเป็นตัวของต่ายแทบจะเกยขึ้นไปบนตัวของเด็กโค่ง
โชคดีที่ไม่มีใครสนใจทางนี้ เพราเป็นมุมอับ แถมยังมีคอกเตี้ยๆกั้นไว้อีก
ต่ายกระแอมไอก่อนจะดึงตัวเองกลับมานั่งที่เดิม
แต่อีกคนหาให้ความร่วมมือไม่ ดึงตัวของต่ายเข้ามาใกล้อีก
“เห้ย!!” เกือบยั้งตัวเองให้พูดเสียงดังไม่ทัน
ต่ายขึงตาใส่เจ้าคนหน้าตายแต่มือปลาหมึก
“เดี๋ยวจะโดน” ปาต้นหญ้าใส่อย่างแรง แต่เชื่อเถอะ ไม่สะเทือนอะไรเลย
“โดนอะไร หืม?” ถามอย่างเดียวไม่ได้รึไงไม่รู้ ต้องเอาหน้าเข้ามาใกล้ๆ
ต่ายรีบยกมือดันหน้าอีกคนไว้ ก่อนจะรีบย้ายตัวเอง ออกห่างเจ้าเด็กโค่งนี่
ไม่รู้ว่า ความรู้สึกแก้มร้อนๆ แถมปวดกรามจะค้างนี้เกิดขึ้นได้ยังไง
พวกเขานั่งเล่นกระต่าย จนเกือบสองทุ่ม ถึงเวลาที่พี่ไอรีนกำลังเก็บร้านพอดี
พี่ไอรีน ยื่นถุงใส่ขนมนมเนยมาให้หลายถุง บวกกับกล่องข้าวที่เจ้าตัวบอกว่าเป็นของชอบไทกริส
ไอรีนบอกลาน้องชายด้วยใบหน้าที่รื่นด้วยน้ำตา เพราะการงานและระยะห่าง(จากที่ไทกริสไปอยู่ฮังการี)ทำให้ไม่ได้ดูแลน้องชายเท่าที่ควร ต้องลำบากให้น้องชายข้างบ้านช่วยดูแลให้ แต่เอาเข้าจริงๆ ตัวเธอกับน้องชายคนเล็กก็ไม่ได้สนิทกันยอ่างที่ควรจะเป็น เพราะอายุที่ห่างกันเป็น 10 ปี บางทีก็อดรู้สึกอิจฉาต่ายไม่ได้ ที่สนิทกับน้องชายเธอมากกว่าเสียอีก และดูเหมือนเจ้าน้องชายตัวดีก็ติดพี่ต่ายคนนั้นกว่าพี่สาวแท้ๆของตัวเองอีก
“ดูแลตัวเองดีๆนะ ตัวเล็ก น้องต่ายด้วย”
“ครับ” ทั้งสองขานรับหญิงสาว ก่อนจะพากันกลับคอนโด
“เหยดดด” เสียงร้องของต่ายทำให้ไทกริสที่นอนเล่นโทรศัพท์เงยหน้าขึ้นมามอง พลางเลิกคิ้วใส่
“โทษๆ ไอ้เอกมันเล่นพิเรนทร์นิดหน่อย” ต่ายบอกปัด มือสไลด์หน้าจอโทรศัพท์ยิกๆ แต่ก็ไม่อาจะรอดพ้นสายตานิ่งๆของไทกริสได้
“นั่น?”
“พวกสาวๆที่เคยคุยเมื่อคราวก่อน เขาแอดไลน์ไอ้เอกมา” ต่ายพูดถึงสาวที่เคยเจอกันที่ร้านเหล้า
“นี่ไง” เปิดรูปโปรไฟล์ไลน์ให้อีกคนดู อีกคนก็รับมาดูด้วยสายตาว่างเปล่า
“อืม” ส่งคืนต่ายที่ดูพราวทูพรีเซ้นท์จนออกนอกหน้า
“ดูทำหน้าสิ นี่อย่างเด็ดเลยนะ คัพดีด้วย” ประโยคหลังพึมพำกับตัวเองเบาๆ
“ชอบแบบกระต่ายมากกว่า” อีกคนเถียง คิ้วของคนอายุมากกว่ากระตุกถี่รัว
“เดี๋ยวนะ เด็กน้อย นั่นมัน..”
“นอนได้แล้วกระต่าย” อีกคนพูดตัดบท พลางล้มตัวนอน ไม่สนต่ายที่กำลังเบลอขนาดหนัก
“เดี๋ยวสิ” เหวใส่อีกคนที่หลังตาไม่รับรู้อะไรใดๆ แต่มือขาวกลับดึงแขนต่ายที่กึ่งนั่งกึ่งนอน ให้นอนลงเสียที
“นอนได้แล้วกระต่าย” เปลือกตาที่ปิดลงไปแล้วกลับเปิดขึ้น เผยให้เห็นนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนที่เริ่มปรือ
“กู้ดไนท์ครับ”ริมฝีปากสีอ่อน แนบบนหน้าผากกับริมฝีปากเบาๆ แล้วหลับตาลงเหมือนไม่มีเหตุการณ์ใดๆเกิดขึ้น
แต่คนที่โดนเด็กโค่งประทุษร้าย?!ด้วยริมฝีปากสีอ่อนนั้น นิ่งค้างเป็นหิน
นี่เขาเสียรู้เจ้าเด็กโค่งนี่อีกจนได้!!!พอสงบสติอารมณ์ที่แตกกระเจิงไป ก็นึกถึงคำพูดนั้นของไทกริส
นี่ไทกริสยังนับถือ
ลัทธิต่ายลิซึ่ม อยู่รึ?!!!!
ด้วยช่วงเวลาที่ห่างกันไปถึง 10 ปี ทำให้ทั้งต่ายและไทกริสเหมือนมีกำแพงขวางกั้น มีหลายอย่างที่ต่ายไม่เข้าใจไทกริส เช่นเดียวกับไทกริสที่ไม่อาจเปิดเผยบางอย่างให้ต่ายได้รับรู้ได้ นั่นก็เป็นอุปสรรคหนึ่งที่ทั้งสองรู้สึกได้ แต่ก็ไม่อาจจทำลายมันลงได้
ว่ากันว่า เวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปเร็ว
ทุกคนมักคิดอย่างนั้น ทั้งๆที่เวลาก็เดินเท่าเดิมมาตลอด เพียงแต่เพราะความสุข ทำให้ผู้คนหลงลืมบางสิ่ง บางสิ่งที่เป็นสิ่งที่แน่นอนของโลกใบนี้
“แปปๆจะไฟนอลแล้วหรอวะ นี่กูยังรู้คะแนนมิดเทอมไม่ครบเลยนะ” เอกว่า พลางถอนหายใจเฮือก
ผ่านไปสองเดือน เทศกาลสอบก็หวนคืนอีกครั้ง
“ถ้าไฟนอลมา ก็เท่ากับว่า เดดไลน์โปรเจ็คของอ.สุชาดานั้น กำลังจ่อคอหอยเราอยู่” แกนพูดด้วยน้ำเสียงเนิ่บๆ แต่ใจความประโยคนั้น ถือเป็นพลังทำลายล้างจิตใจเด็กปี3 คณะวิศวกรรมศาสตร์อย่างพวกต่ายได้
ต่ายถอนหายใจตามเพื่อน พลางนึกไปถึง โปรเจ็คสุดท้ายของเทอมแรก ที่มีคะแนนถึง 50 คะแนน
เป็นวิชาที่ตอนเรียนว่าเครียดแล้ว ตอนทำงานส่งเครียดยิ่งกว่า
“กูยังไม่ได้พิมพ์ใหม่เลยอ่ะ” แชมครางออกมา เมื่อพูดถึงดราฟที่ส่งไป แต่ถูกตีกลับมาพร้อมกับหมึกสีแดงที่ขีดเป็นรูปกากบาท พร้อมกับคำว่า “แก้ใหม่ค่ะ”
“ต่ายคราวนี้มึงเอาไปส่งนะ” แชมบอก เขากับต่ายเป็นพาร์ทเนอร์ของโปรเจ็คนี้
“เออ” ต่ายรับปากอย่างเบื่อๆ
“เป็นไรวะ” แชมถาม เมื่อเห็นท่าทางแปลกๆของเพื่อน
“พวกมึง..”
“มีไรวะ? ”
“คือ มึงว่าไทกริสนี่.......... -- ช่างมันเถอะ” ต่ายบอกปัด เพราะเริ่มต้นไม่ถูก
“อ้าว พูดให้อยากแล้วจากไป” เอกพูดอย่างเสียดาย
“พูดให้จบสิวะ” แชมพูด พลางใช้สายตากดดัน ต่ายเผลอกลืนน้ำลายอึกใหญ่
“ไว้กูแน่ใจอะไร ไว้ค่อยว่าอีกทีดีกว่า”
“ก็ได้วะ” ผองเพื่อนตบไหล่ต่ายเบาๆ แม้จะไม่รู้ว่าคงตรงหน้าจะบอกอะไร แต่ดูจากหน้าตาก็จะกลุ้มใจไม่น้อยเหมือนกัน
TBC....
--------------------------------------------------
BEVA TALK : กะกะกลับมาแล้วค่ะะะ ปัญหารุมเร้ามากค่ะ ช่วงนี้ ทั้งสอบ ทั้งฝนตกเน็ตเจ๊ง พอมีเน็ตก็ไม่มีคอม จะอัพในโทรศัพท์ก็ไม่มีไฟล์ โฮฮฮฮฮฮฮฮ
ตอนนี้ไม่พูดอะไรมาก พบกันตอนหน้าน๊าา ไม่นานแน่ค่ะ อิอิ
ขอบคุณที่ยังติดตาม ขอบคุณที่มาเม้นท์ให้นะคะ
คิดเห็นยังไงกับตอนนี้ ช่วยบอกกันหน่อยน๊าาาาา บีว่าขออออออ พลีสสสสสส หนูชื่อมอลท์ค่ะ >w< [จริงๆแล้วคือ พี่ต่ายในสายตาของน้องไทกริส]