วันถัดมาซึ่งเป็นวันอาทิตย์ เราก็ทวนกิจกรรมทุกสิ่งที่ทำกันไปแบบเดิมซ้ำอีกครั้ง เริ่มด้วยผมมาถึงที่หน้าหอของพี่เขาก่อนเวลา เราลงไปนั่งกินข้าวและนั่งพูดคุยกันที่ร้านอาหาร ก่อนจะขึ้นมาเรียนอีกสองชั่วโมง และหลังจากนั้นผมก็กลับบ้าน ซึ่งสองวันที่ผ่านมานี้ นับเป็นวันที่ผมมีความสุขที่สุด จนตอนกลางคืนผมแทบจะนอนหลับไม่ลงเพราะเอาแต่คิดถึงรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของพี่เขาตลอดเวลาเลยทีเดียว
ที่จริง ในเย็นวันอาทิตย์ ในขณะที่ผมอยู่บนรถไฟฟ้าเพื่อกลับบ้าน ผมก็ใช้มือถืออัพสถานะของตัวเองด้วยว่า
“มีความสุขทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ เศร้าใจทุกครั้งที่ต้องจากลา”
และพอตกกลางคืน นอกจากเพื่อนๆ ของผมที่เข้ามาถามมาแซว รวมทั้งไอ้เมษที่มาด่าผมว่า “แรด” เป็นครั้งที่สองแล้ว พี่ด้าเองก็ยังเข้ามาตอบด้วยอิโมหน้ายิ้ม ^__^ อีกด้วย ซึ่งเขายิ่งทำให้ผมต้องเพ้อหนักเข้าไปใหญ่ เพราะผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะรู้หรือยังว่าผมกำลังหมายถึงเขาอยู่นั่นแหละ
หลังจากนั้น ผมก็รออย่างใจจดใจจ่อให้ถึงวันพุธที่พี่เขาจะมานอนที่บ้านของผม เพราะคราวนี้ก็เท่ากับว่า เราจะได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันนานมากขึ้น ถึงแม้ว่านั่นจะหมายถึงการมีไอ้อาร์ม กับพ่อและแม่อยู่ใกล้ๆ ด้วยก็ตาม
....................................................
“แม่คร้าบบบ! ลูกชายสุดหล่อกลับมาแล้ววว! ไอ้อาร์มยังไม่กลับมาอีกเหรอ!” ผมตะโกนเข้าไปในบ้านทันทีที่ถอดรองเท้านักเรียนออกเสร็จ
“ยัง! แล้วใครสั่งใครสอนให้แกตะโกนแหกปากแบบนี้หา อ้วน!” เสียงของแม่ดังออกมาจากทางหลังบ้าน
“อารายยย! แม่ก็ตะโกนเหมือนกันนั่นแหละ!”
“เถียงเรอะ!”
“เปล่าคร้าบบบ! ใครจะไปกล้า!” ผมตะโกนตอบกลับไปอีกครั้งพร้อมกับหัวเราะในลำคอเบาๆ
“เดี๋ยวจะโดน!”
“โดนหอมแก้มเหรอออออออ!!”
“มาในครัวนี้สิ! ฉันจะเอาปังตอหอมแก้มแกให้!”
“กลัวตายแหละ!” ผมพูดทิ้งท้ายไว้แล้วรีบวิ่งขึ้นชั้นสองอย่างรวดเร็วก่อนที่แม่จะเดินถือปังตอออกมาจากห้องครัว
เมื่อผมปิดประตูห้องลงแล้ว ผมก็ลองยกแขนเสื้อขึ้นดมกลิ่นเหงื่อของตัวเอง และสุดท้ายก็ต้องนิ่วหน้าออกมาด้วยความเหม็น
วันนี้คือวันพุธ และก็ใกล้ได้เวลาที่ไอ้อาร์มจะกลับมาถึงบ้านพร้อมกับพี่ด้าแขกคนสำคัญของผมแล้วด้วย แต่ตอนนี้ผมยังอยู่ในสภาพที่ชุดนักเรียนเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นและคราบเหงื่อจากการเล่นบอลกับเพื่อนและแดดร้อนๆ หลังเลิกเรียนอยู่เลย
ผมมองดูนาฬิกาที่บอกเวลาห้าโมงกว่าแล้ว ก็ตัดสินใจที่จะรีบอาบน้ำอย่างรวดเร็วเพราะไม่อยากจะให้พี่ด้ามาเห็นผมในสภาพเหม็นเหงื่อแถมยังมอมแมมแบบนี้
หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วและยังคงพันผ้าเช็ดตัวส่องกระจกในห้องน้ำอยู่นั้น ผมก็ได้ยินเสียงของไอ้อาร์มกับพี่ด้าเดินคุยกันผ่านหน้าห้องน้ำไป ด้วยอารามดีใจ ผมรีบคว้าลูกบิดประตูและเกือบจะเปิดประตูออกไปแล้ว แต่โชคยังดีที่ฉุกนึกขึ้นได้ว่าสภาพของผมในตอนนี้ก็แทบไม่ต่างอะไรจากกำลังแก้ผ้าอยู่นั่นแหละ เพราะผมไม่ได้เอาผ้าคลุมอาบน้ำเข้ามาด้วย ดังนั้นผมจึงรอให้ทั้งสองคนเดินเข้าห้องของไอ้อาร์มไปก่อน แล้วค่อยเดินออกจากห้องน้ำกลับเข้าไปในห้องของตัวเองเพื่อแต่งตัว
ผมก็รู้ตัวดีนะว่าผมเป็นประเภทที่แสดงออกความรู้สึกทั้งทางคำพูด สีหน้า และอาการเอามากๆ แต่ในตอนนี้ ผมเริ่มอยากจะชะลอความรู้สึกและการแสดงออกของผมให้น้อยลงและช้าลงอีกสักเล็กน้อยแล้วสิ เพราะถึงผมจะรู้จากปากพี่เขาเองแล้วว่าเขาไม่มีแฟน และก็ไม่มีแฟนมาตั้งแต่เรียนจบมัธยมปลายแล้วก็ตาม แต่ผมก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าแฟนที่เขาเคยพูดมานั้นเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย เขาจะเป็นเกย์หรือไม่ หรือถ้าหากเขาไม่ได้เป็นแล้วเขาจะรู้สึกอย่างไรกับการที่มีผู้ชายมาแอบชอบ.... ผมหมายถึง มี “ผม” มาชอบและทำตัวอย่างนั้นอย่างนี้กับเขา
หลังจากที่แต่งตัวเสร็จ ผมก็เดินลงไปยังชั้นล่าง ทำเหมือนไม่รู้ว่าพี่ด้าและไอ้อาร์มกลับบ้านมาแล้ว และนั่งดูทีวีอยู่ในห้องนั่งเล่นครู่หนึ่ง
“อ้าว อาบน้ำแล้วเหรอ อ้วน เมื่อกี้เจ้าอาร์มกับครูเราเค้ามาถึงแล้วนะ ตอนนี้คงอยู่บนห้องนั่นแหละ”
“อ่อ ครับ” ผมตอบแบบไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก แม้ว่าที่จริงในใจของผมนั้นมันสุดแสนจะลิงโลดอยากเจอหน้าและอยากคุยกับพี่ด้าใจแทบขาดแล้วก็ตาม
“แล้วเราจะเรียนกันกี่โมง ได้คุยกับพี่เค้ารึยัง จะเรียนก่อนกินข้าวหรือกินข้าวก่อนแล้วค่อยเรียน”
“เออออ ก็ไม่รู้เหมือนกันอะ แม่ แต่เราจะกินข้าวกันตอนทุ่มกว่าๆ หลังจากพ่อกลับมาเลยไม่ใช่เหรอ แต่ตอนนี้มันก็ห้าโมงกว่าจะหกโมงแล้วนะ จะเอาไงดีอะ”
“เอ้า มาถามแม่แล้วแม่จะรู้เหรอ ลองไปคุยกับพี่ด้าเค้าดูก่อนสิ อืมมม.... แต่ให้เค้านั่งพักหายใจหายคอสักแป๊บก่อนก็ได้มั้ง”
“อือออ ครับ” ผมพยักหน้า ก่อนจะดีดตัวลุกออกจากโซฟาและเดินขึ้นไปยังชั้นสอง
ผมเคาะลงบนประตูห้องของไอ้อาร์มสองสามที และอีกอึดใจต่อมา ประตูห้องก็ถูกเปิดออก
“เออ มีไรมึง”
“แล้วพี่ด้าอะ.... คือแม่ให้มาถามว่าจะพี่เค้าจะสอนกูกี่โมงน่ะ”
“เฮ้ย ไอ้ด้า ไอ้อ้วนมันมาถามว่ามึงจะสอนมันกี่โมง” ไอ้อาร์มเปิดประตูออกให้กว้างขึ้นพร้อมกับหันกลับไปถามเพื่อนของมันที่กำลังนั่งอยู่บนเตียง
ผมมองเข้าไปในห้องแล้วก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นว่าพี่ด้าที่กำลังนั่งอยู่บนเตียงนั้นไม่ได้สวมเสื้ออยู่ ผิวของเขาขาวเนียนละเอียดราวกับแป้ง และแถมหัวนมทั้งสองข้างก็เป็นสีชมพูรับกับผิวขาวๆ ของเขาเป็นอย่างดี ไม่เหมือนหัวนมดำๆ บอดๆ ของไอ้อาร์มที่ผมเห็นเป็นประจำสักนิดเดียว
ที่จริงผมก็ถอดเสื้อเดินไปเดินมาออกจะบ่อยนะ ไม่ว่าจะที่บ้านตัวเอง บ้านเพื่อน หรือแม้แต่ที่โรงเรียน รวมทั้งผมก็เคยเห็นคนอื่นๆ แก้ผ้าเปลี่ยนเสื้อผ้ามาตั้งหลายครั้งแล้วด้วยเหมือนกัน แต่ไม่มีครั้งไหนหรือเพื่อนคนไหนเลยที่ทำให้ผมรู้สึกแบบที่กำลังรู้สึกอยู่ในตอนนี้ได้
“เอ่ออ แต่แม่บอกว่าถ้าพี่ด้าเหนื่อยก็ให้นั่งพักไปก่อนก็ได้นะครับ”
“ไม่เป็นไรๆ ถ้าเกิดว่ากัสจะเรียนเลยก็ได้นะ พี่ไม่ได้เหนื่อยอะไรมากมายหรอก วันนี้วิชาตอนบ่ายมันเรียนสบายๆ ด้วย”
“แล้วข้าวเย็นอะมึง มึงหิวรึยังวะ ไอ้ด้า แดกข้าวก่อนก็ได้นะเว้ย”
“ยังๆ กูยังไม่หิวว่ะ ปกติกูก็กินดึกอยู่แล้ว”
“งั้นตกลงมึงสองคนจะเอาไง จะเรียนกันไปก่อนเลยมั้ยล่ะ”
“งั้นเรียนก่อนสักชั่วโมงก็ได้มั้ง แล้วพอพ่อมาก็พักกินข้าวพร้อมกัน แล้วค่อยกลับมาเรียนต่อ” ผมเสนอ
“เออ งั้นมึงก็ไปบอกใครให้เตรียมหาขนมอะไรมาให้ไอ้ด้ามันแดกหน่อย ไป”
“เดี๋ยวพี่แต่งตัวแป๊บนึงนะ กัส แล้วเดี๋ยวพี่ไปหาที่ห้อง” พี่ด้าพูดกับผม
“เคครับพี่” ผมตอบกลับ จากนั้นก็เดินลงไปบอกพี่ๆ ที่ชั้นล่างว่าอีกเดี๋ยวให้ใครเตรียมน้ำกับของว่างอะไรขึ้นไปให้บนห้องด้วย
ผมกลับขึ้นมานั่งเล่นอยู่ในห้องของตัวเองได้แค่เพียงไม่ถึงห้านาที พี่ด้าก็มาเคาะประตูเรียกผม เมื่อครู่นี้เขายังใส่กางเกงนักศึกษาตัวเดียวอยู่เลย แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อยืดกางเกงขาสั้นเรียบร้อยแล้ว
ผมชอบเวลาที่เขาใส่ขาสั้นแบบนี้จริงๆ เพราะมันยิ่งทำให้เขาดูตัวเล็ก กะทัดรัด และยิ่งดูเด็กลงกว่าเดิมเสียอีก
“มาๆ เริ่มเรียนกันเลยนะครับ” เขายิ้มให้ผม
จากนั้นเวลาหนึ่งชั่วโมงก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในตอนที่แม่ของผมเปิดประตูห้องเข้ามาเพื่อตามให้เราลงไปกินข้าวเย็นนั้นก็เป็นตอนที่เราสองคนกำลังจะหยุดพักกันอยู่พอดี
“เป็นยังไงบ้างล่ะ ด้า ไอ้อ้วน ลูกชายแม่” แม่ของผมเปิดประเด็นขึ้นกลางโต๊ะอาหาร “โง่มากเลยใช่มั้ย”
“โหหห! แม่!!”
พี่ด้าหัวเราะเบาๆ “ไม่หรอกครับ ด้าว่าน้องเค้าหัวโอเคนะ แต่ด้าคิดว่าที่น้องเค้าอ่อนพวกฟิสิกส์กับคณิตฯ เนี่ย น่าจะเป็นเพราะว่าไม่มีพื้นมาจากที่โรงเรียนตั้งแต่แรกมากกว่า เพราะพอสอนๆ ไป เค้าก็ทำโจทย์อะไรได้ไวดีนะครับ เป็นคนคำนวณเร็วและเข้าใจอะไรได้เร็วพอสมควรเลยล่ะ”
“มันจะมีพื้นได้ยังไงล่ะ ก็มันขี้เกียจจะตายไป” คราวนี้พ่อพูดขึ้นบ้าง “วันๆ เอาแต่เล่นกีฬา เอาแต่ไปเที่ยวกับเพื่อน หนังสือหนังหาไม่เคยจะอ่าน ขนาดตอนสอบ แม่มันยังแทบจะต้องเอาไม้เรียวมายืนเฝ้าแบบเด็กๆ เลยนะ”
“เอ้อออ ดี เอาเข้าไป ช่วยกันรุมลูกชายให้ตายคาจานข้าวกันไปเลย” ผมวางช้อนกับส้อมลงแล้วเอนหลังในท่ายอมแพ้
“หึๆ ไม่หรอกครับ เวลาเรียนกับด้า กัสเค้าก็ตั้งใจเรียนอยู่นะ”
“ไอ้กัสเนี่ยนะ ตั้งใจเรียน” พ่อถามซ้ำ “พูดเล่นรึเปล่า ด้าตอบเอาใจพ่อกับแม่ใช่มั้ยเนี่ย”
“จริงๆ นะครับ น้องเค้าตั้งใจเรียนจริงๆ ถึงบางทีจะมีเหม่อๆ นิดหน่อย แต่เค้าก็ไม่เคยแสดงท่าทีขี้เกียจหรือไม่อยากเรียนเลยนะครับ”
ผมนั่งฟังพี่ด้าชมผมแบบเขินๆ นิดๆ เขาจะรู้ไหมล่ะว่าไอ้ที่ผมเคยเหม่อๆ ไปบ้างเนี่ย ก็เป็นเพราะความผิดของพี่เขานั่นแหละ
“สงสัยมันจะชอบด้ามากเป็นพิเศษจริงๆ เลยนะ พ่อ” แม่ผมพูดขึ้น ทำเอาผมต้องสะดุ้งโหยง
“นั่นสิ ปกติไม่เคยเห็นมันจะตั้งใจอยากเรียนพิเศษขนาดนี้มาก่อนเลยนะ”
“ด้ารู้อะไรมั้ย ตั้งแต่วันเสาร์วันอาทิตย์แล้วนะ ที่พอลูกชายแม่มันกลับบ้านมา มันก็อารมณ์ดี ยิ้มแฉ่ง ไม่มีบ่นเหนื่อย ไม่มีบ่นกระปอดกระแปดที่โดนบังคับให้ไปเรียนเลยแม้แต่นิดเดียว”
“แถมยังกลับบ้านเร็วขึ้น รู้จักเก็บห้องเอง จะได้รอรับพี่ด้าให้มานั่งสอนมันในห้องได้อีกด้วยนะ” พ่อพูดเสริม
“ที่สำคัญ ดูซิเนี่ย วันนี้มันอาบน้ำสะอาดสะอ้านเรียบร้อยเลยนะ ปกติแม่ต้องปากเปียกปากแฉะขนาดไหน กว่าจะบอกไล่ให้มันไปอาบน้ำได้แต่ละทีน่ะ”
“พ่อ!! แม่!!” ผมเขินจนรู้สึกร้อนฉ่าไปทั้งหน้าหมดแล้ว “จะเผาลูกอีกนานมั้ยเนี่ย!!”
“อะไร คนอย่างมึงรู้จักอายเป็นด้วยเหรอวะ ไอ้อ้วน” ไอ้อาร์มหันมาหัวเราะเบาๆ
“หุบปากเลย ไอ้อาร์ม เดี๋ยะเหอะมึง นอกจากไม่ช่วยและยังจะเสือกซ้ำเติมกูอีก”
“นี่ๆ พูดจาระวังปากคำด้วย อ้วน!”
ผมก้มหน้างุด “ขอโทษครับ....”
“อย่าไปว่าแต่น้องมันเลยเหอะ เจ้าอาร์ม เราเองก็เถอะ เป็นพี่มันน่ะ เข้ามหาวิทยาลัยได้แล้วก็ตั้งใจเรียนให้สบกับที่เข้าไปได้ด้วย ไม่ใช่เอาแต่เที่ยวเล่นติดผู้หญิงอยู่ได้”
“อ้าวววว พ่อออ! เกี่ยวอะไรกับอาร์มอะ!”
“แม่ว่าต่อจากนี้ไป แม่คงต้องฝากให้ด้าช่วยดูแลไอ้ลูกชายแม่ทั้งสองคนนี่ให้มากขึ้นแล้วสิเนี่ย” แม่ส่ายหน้าเบาๆ “คนนึงก็ติดเพื่อน อีกคนนึงก็ติดแฟน เฮ้ออออ”
“ไม่หรอกครับ แม่ เวลาสอบไอ้อาร์มมันก็ตั้งใจอ่านหนังสืออยู่เหมือนกันนะครับ”
“เห็นมั้ยๆ นี่ๆ ไอ้ด้านี่สิ รู้จริง”
“แต่เสียแค่ว่ามันโดดเรียนบ่อยกับไม่ค่อยส่งงานน่ะครับ คะแนนเก็บก็เลยไม่ค่อยจะมี” พี่ด้าหัวเราะเบาๆ
“อ้าวววว ไอ้เพื่อนทรยศ!”
“กูพูดความจริงเหอะมึง น้องมึงยังตั้งใจเรียนกว่าตั้งเยอะว่ะ ขอบอก นี่ถ้ากูเข็นกัสมันดีๆ นะ กูว่ามันหัวดีกว่ามึงอีกด้วยซ้ำ ไอ้อาร์ม” พี่ด้าพูดแล้วก็หันมายักคิ้วให้ผม
ผมว่าผมชักรู้สึก...... กินข้าวไม่ลงเสียแล้วล่ะครับ เพราะมันรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจบอกไม่ถูก!
หลังจากที่กินข้าวเสร็จแล้ว ผมกับพี่ด้าก็กลับขึ้นห้องมาเรียนหนังสือกันต่อ เวลาอีกหนึ่งชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว และหลังจากที่พี่เขาสอนผมจบแล้ว เราก็นั่งคุยเล่นกันต่ออีกพักใหญ่ๆ ในห้องของผมนั่นแหละ จนพอถึงตอนสี่ทุ่มกว่าๆ ไอ้อาร์มถึงได้มาตามเพื่อนของมันให้ไปอาบน้ำได้แล้ว
หลังจากที่พี่ด้าออกจากห้องไป ผมก็เปิดคอมฯ เข้าเฟซบุ๊ค และอัพสถานะล่าสุดอีกว่า
“รอยยิ้มของเธอช่างบาดจิต ดวงตาของเธอช่างบาดใจ”
ไม่กี่นาทีถัดมา คนก็มากดถูกใจให้ผมกันเพียบ แถมยังมีคนมาคอมเมนท์กันอีกมากมาย แต่ผมก็ไม่ได้ตอบใครกลับไปเป็นพิเศษอีกเหมือนเคย
ผมล้มตัวลงนอนลืมตามองเพดานห้องแล้วยิ้มให้กับตัวเองน้อยๆ ถึงแม้ตอนแรกผมคิดว่าผมจะชะลอความรู้สึกนี้ของตัวเองเอาไว้ แต่จากที่ผมได้นั่งคุยกับพี่เขาเมื่อครู่ ผมก็ยิ่งรู้สึกว่าความตั้งใจนั้นของผมมันดูจะเป็นไปได้ยากเหลือเกิน
วันถัดมา และสัปดาห์ถัดๆ มา กิจกรรมการเรียนของผมกับพี่ด้าก็เริ่มกลายเป็นกิจวัตรที่ผมคุ้นเคยไป แต่ถึงอย่างนั้น ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะรู้สึกเคยชินกับการได้เจอเขาบ่อยๆ จนความรู้สึกชอบพี่เขาจะลดลงแม้แต่นิดเดียว กลับกัน ยิ่งผมได้ใช้เวลากับเขามากขึ้นเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งรู้สึกชอบเขาและอยากได้เขามาเป็นเจ้าของหัวใจมากขึ้นเท่านั้น