ตอนที่ 5
“รักสิ ไม่ให้รักนันแล้วจะไปรักจัสตินหรือไง?”ผมเลิกคิ้วถามยิ้มๆ
“ภามเอานันไปเปรียบกับหมาในคณะเนี่ยนะ”นันทำปากจู๋หน้างอเหมือนเด็กๆ
“โอ๋ๆๆ ล้อเล่นน่า ใครจะรักจัสตินมากกว่านันได้”ผมเดินเข้าไปข้างหลังนันที่นั่งอยู่บนเก้าอี้แล้วล็อกคอนันโยกไปโยกมา
“ภาม!”
“ฮ่าๆๆๆๆๆ โทษทีๆ ภามล้อเล่น”
“ภามรักนันจริงๆ นะ”นันถามในขณะที่ผมยังกอดคอนันอยู่
“มากอะ”ผมตอบสั้นๆ
“โอเค งั้นไปทำงานได้แล้ว เดี๋ยวเที่ยงจะได้ไปกินข้าวกัน”นันเปลี่ยนเรื่องได้อย่างรวดเร็ว ผมปล่อยนันที่ยังคงหน้าแดงไม่เลิกให้เป็นอิสระแล้วเดินกลับไปทำงานต่ออย่างว่าง่าย วันนี้นันเป็นอะไรนะ อยู่ๆ ก็มาถามอะไรแปลกๆ ไปอกหักจากใครเขามาหรือเปล่าหนอ?
.....เสียงโทรศัพท์ที่ดังอยู่ข้างๆ หูทำให้ผมต้องตื่นจากการหลับอันแสนสบายขึ้นมารับอย่างช่วยไม่ได้ มือเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มองออกไปที่ประตูระเบียงก็เห็นว่าแดดที่เคยแรงตอนนี้เริ่มอ่อนลงแล้ว
“ภามทำไรอยู่เนี่ย”เสียงแอมกรอกมาตามสายทันทีที่ผมกดรับ
“นอน”ผมบอกสั้นๆ เพราะยังงัวเงียอยู่
“ไหนบอกว่าจะเขียนแบบให้เสร็จไง”
“เสร็จแล้วๆ ภามเริ่มทำตั้งแต่เมื่อวานซืนที่สตูฯ อะ”
“อ๋อ อือ...เราโทรมาถามว่าเย็นนี้ภามจะไปเชียร์บาสด้วยกันหรือเปล่า วันนี้พี่ปีสี่แข่งกับวิดวะตอนทุ่มนึงน่ะ”
“เดี๋ยวนะ...”ผมหันไปมองนาฬิกาปลุกข้างเตียงเห็นว่าตอนนี้ห้าโมงเย็นแล้ว
“อือ ไปสิ งานภามก็เสร็จแล้ว”ผมตอบ
“โอเคจ่ะ งั้นเจอกันที่โรงอาหารหกโมงครึ่งนะ เดี๋ยวไปที่สนามบาสพร้อมกัน”แอมบอกเวลาและสถานที่ก่อนที่เราจะลาแล้ววางสายกันไป
ผมลุกขึ้นมาล้างหน้าแล้วจัดเก็บของที่ระเกะระกะในห้องจนเรียบร้อยดูนาฬิกาก็เห็นว่าเกือบจะถึงเวลานัดพอดีเลยลงจากหอแล้วขี่จักรยานเข้าคณะ เมื่อไปถึงโรงอาหารก็เห็นว่าแอม ปอย ก้อง นัน โจคอยอยู่ก่อนแล้ว นี่ผมมาถึงคนสุดท้ายเลยหรือเนี่ย เขินจัง...
“ภามมาพอดี เราไปกันเลยดีกว่า นี่ก็เกือบจะทุ่มนึงแล้วด้วย”โจหันไปบอกเพื่อนๆ ที่พยักหน้าตาม นันเดินมาที่จักรยานของผมแล้วบังคับให้ผมไปนั่งเบาะคนซ้อนแทนแล้วตัวเองก็มาประจำที่คนขี่ เป็นสารถีให้ผมนั่ง ส่วนคนอื่นๆ ที่ไม่มีจักรยานก็ได้แต่เดินตามจักรยานที่ปั่นช้าๆ ไป
มาถึงสนามบาสได้สักพักเกมก็เริ่ม กลองถาปัดเริ่มตีให้สัญญาณแล้วพวกผมก็ร้องเพลงคณะพร้อมปรบมือแบบถาปัดที่ไม่มีคณะไหนเหมือนไปเรื่อยๆ ด้านตรงข้ามเป็นกองเชียร์วิดวะที่ตีกลองจังหวะฮึกเหิม(มากไปไหม?) แล้วเต้นกันสุดเหวี่ยงแบบที่คนดูยังกลัวจะเหนื่อยแทน ต่างจากทางฝั่งคณะผมที่กลองคณะถูกตีเรื่อยๆ เป็นจังหวะทุ้มกังวาน(ถาปัดเราไม่เต้นครับ) หลังจากเพลงเชียร์เพลงแรกจบนักกีฬาทั้งสองคณะก็ทยอยลงสนาม ฝ่ายถาปัดสวมเสื้อบาสสีส้ม ส่วนวิดวะสวมเสื้อสีดำดูแตกต่างกันชัดเจน ผมนั่งร้องเพลงไปตาก็มองไปที่สนามเห็นหนึ่งในนักกีฬาวิดวะหน้าคุ้นๆ เลยเพ่งมอง และคนที่ผมเห็นก็คือ....
....นายยอร์ชจอมกวนนั่นเอง วันนี้เขาก็ยังคงดูดีในแบบฉบับที่ผมแอบหมั่นไส้เช่นเคย ชุดกีฬาสีดำเป็นมันส่งให้เขาดูหล่อแบบสุขุม(หรอ?) มาดคุณชายซะไม่มี
เกมบาสเริ่มต้นและดำเนินไปอย่างสนุก ต่างฝ่ายต่างก็ผลัดกันนำผลัดกันตาม ผมต้องยอมรับว่าคู่ที่แข่งกันวันนี้กินกันแทบไม่ลงเลยทีเดียว ถาปัดก็ฟอร์มเนี้ยบ เฉียบขาด วิดวะก็แข็งแรงและประสานงานกันในทีมดี
หลังจากหมดครึ่งแรก นายยอร์ชจอมกวนนั่นก็ออกไปพักในสนามแล้วให้รุ่นพี่คนอื่นลงเล่นแทน ตอนนี้เขากลายเป็นหนึ่งในแก๊งกองเชียร์ของวิดวะไปแล้ว
“ภามๆ ดูนั่นสิ พี่คนนั้นน่ะ หล่อจังเลย”ปอยที่อยู่ข้างๆ สะกิดผมแล้วชี้ไปทางกองเชียร์วิดวะ
“อะไร คนไหน?”ผมถาม
“คนนั้นน่ะ พี่ที่ใส่เสื้อสีดำตัวสูงๆ ที่เพิ่งออกมาจากสนามแข่งเมื่อกี้อะ”
“คนนั้นน่ะนะ”ผมถามย้ำเมื่อเห็นเป้าหมายของปอย ก็นั่นมันนายยอร์ชชัดๆ เขากำลังเต้นท่าบ้าบออะไรก็ไม่รู้ ดูตลกดีพิลึก บางทีนายนั่นก็ชอบชะเง้อมามองหาอะไรที่อัฒจันทร์ฝั่งถาปัดเป็นพักๆ
“อื้อ เต้นน่ารักจังเลย”ปอยนั่งบิดไปบิดมาหน้าแดง
“เต้นน่ารักหรือ?”ผมถามเบาๆ กับตัวเอง นั่งมองนายนั่นเต้นอะไรเปรี้ยวไหมๆ อยู่สักพักแล้วลงความเห็นกับตัวเองว่ามันดูตลกมากกว่าน่ารัก ผมนั่งดูจนทนไม่ไหวเผลอยิ้มออกมาไม่รู้ตัว เห็นนายยอร์ชชะงักกึก หยุดเต้นแล้วยืนเกาท้ายทอยก้มหน้ามองพื้น เพื่อนๆ เขาก็หยุดเต้นกันเช่นกัน แต่ละคนหันหน้าไปเหมือนจะแซวอะไรเขาแล้วก็โดนนายยอร์ชวิ่งไล่เตะไล่ชกไปตามเรื่อง
ผมส่ายหน้ากับความเป็นเด็กของนายยอร์ชที่พักหลังๆ เริ่มสังเกตเห็นมากขึ้นเพราะว่าความปรารถนาที่จะไม่ได้เจอเขามันดันไม่เป็นจริง เมื่อเลิกให้ความสนใจเขาผมก็กลับมาร้องเพลงคณะต่อ ผลสรุปเกมในวันนี้วิดวะเป็นฝ่ายชนะไปโดยที่ถาปัดมีคะแนนตามเพียงแค่ 4 แต้ม
“ไปกินอะไรดีภาม”นันหันมาถามเมื่อคนในสนามเริ่มแยกย้ายกันไปเยอะแล้ว
“ไม่รู้สิ ลองถามคนอื่นดูบ้างดีกว่า”ผมบอกนันเพราะเริ่มขี้เกียจคิดเมนูอาหารที่เราหกคนจะไปกินกันในวันนี้
“อือ”นันตอบรับแล้วหันไปถามความเห็นกับเพื่อนในกลุ่ม ผมหันดูโน่นดูนี่รอบตัวแต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อปอยมาดึงแขนเสื้ออยู่ยิกๆ แล้วแอบกรี๊ดเบาๆ
“อะไรปอย?”ผมถามขันๆ
“พี่สุดหล่อของเราเค้ามองมาทางนี้ด้วยแหละ หาอะไรอยู่ก็ไม่รู้”ปอยท่าทางระริกระรี้ ไม่ใช่แค่ปอยหรอก แม้แต่แอมและผู้หญิงที่ยืนอยู่รอบๆ ตัวผมต่างก็ดูจะให้ความสนใจกับนายสุดหล่อของปอยกันเกือบทุกคน
“ดูสิๆ เขาเดินมาทางนี้แล้ว”ปอยบอกอย่างตื่นเต้น ผมมองตามก็เห็นนายยอร์ชที่ยังอยู่ในชุดเสื้อกีฬาแขนกุดสีดำเผยกล้ามขาวๆ กับกางเกงกีฬาตัวใหญ่เดินเข้ามาทางที่ผมยืนอยู่ ไม่ทันให้ปอยและสาวๆ รอบตัวผมได้กรี๊ดนาน นายยอร์ชก็เดินมาหยุดกึกอยู่ที่หน้าผมแล้วเอ่ยทัก
“ไงภาม”นายยอร์ชยกมือทักทายผม
“สวัสดีครับ”ผมยกมือไหว้เขาตามธรรมเนียม ยังไงเขาก็อายุมากกว่าผมถึงสามปี
“คือ...วันนี้พี่ไม่มีเพื่อนกินข้าวน่ะ โทรไปหาไอ้ป้องมันก็มีธุระที่บ้าน ไอ้พัทกับไอ้โจก็โทรไม่ติด”เขาบอก
“แล้วไงครับ”ผมถามงงๆ ทุกคนที่อยู่รอบข้างผมตอนนี้ต่างก็ยืนเงียบคอยฟังการสนทนาของผมกับเขาเหมือนเป็นสิ่งที่สำคัญ
“...พี่ว่าจะมาชวนภามไปกินข้าวเป็นเพื่อน”เขาเงียบไปนิดแล้วก็เอ่ยออกมา
“เกรงว่าจะไม่ได้ครับ พอดีผมนัดกับเพื่อนไว้แล้ว”ผมบอกปฏิเสธอย่างรักษาน้ำใจ
“ภามรู้จักพี่เขาหรือ?”ปอยที่ยืนช็อคอยู่ข้างๆ ตั้งแต่นายยอร์ชเดินมาคุยกับผมถาม
“ก็นิดหน่อย”
“ภามไปกินข้าวเป็นเพื่อนพี่เขาก็ได้นะ ไว้วันหลังเราค่อยไปด้วยกันทั้งหมดนี่ก็ได้”ก้องบอก ดูเห็นใจนายยอร์ชที่ยืนทำคอตก
“ไม่ได้หรอก เพื่อนต้องสำคัญกว่าสิ”ผมพูดได้แค่นั้นก็เห็นนายยอร์ชคอตกยิ่งกว่าเก่า ทำหน้าเหมือนหมาหงอยเข้าไปทุกทีๆ
“วันนี้พี่แข่งบาสชนะ ภามไม่คิดจะไปฉลองให้พี่เลยหรือ?”เขาถามเสียงอ่อยๆ ช้อนตามองผมอย่างขอความเห็นใจ มาแปลกนะวันนี้ ปกติไม่พอใจอะไรก็ฟาดงวงฟาดงาไปแล้ว พูดเพราะอีกต่างหาก
“ให้พี่เขาไปกับเราก็ได้นี่ภาม ไม่เห็นเป็นไรเลย”ในที่สุดนันผู้เป็นสุภาพบุรุษก็บอกผมแล้วหันไปชวนนายยอร์ชเสร็จสรรพ
“ไปด้วยกันนะครับพี่”นันบอก
“..................”เงียบครับ นายมารร้ายทำหยิ่งไม่ยอมตอบ เอาแต่ยืนทำตาละห้อยส่งมาให้ผม คนในกลุ่มเงียบกริบรอว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
“....ก็ได้”ในที่สุดผมก็ต้องตอบรับอย่างจำยอม เห็นนายยอร์ชหันหลังไปฟาดกำปั้นระริกระรี้ใส่ลมแล้วหันกลับมายิ้มดีใจ ผมบอกเป้าหมายที่ตกลงกันไว้กับนาย
ยอร์ชแล้วบอกให้เขาขับรถตามไป แต่นายนั่นก็อิดออดบอกว่าไม่รู้จักร้านซะอีกนี่
“อะไรกันครับ คุณจะไม่รู้จักได้ไง เรียนที่นี่มาจะสี่ปีแล้วนะคุณ”ผมถามอย่างไม่อยากเชื่อ
“ก็พี่ไม่รู้จริงๆ”เขาบอกลอยหน้าลอยตา ไม่อยากจะเชื่อเลย
“งั้นภามไปกับพี่เขาแล้วกัน จะได้บอกทางด้วย เดี๋ยวเรากับโจจะขี่จักรยานไปให้”ก้องบอกผม เป็นอันว่านายยอร์ชก็ได้ชวนปอย แอมแล้วก็นันนั่งรถไปด้วยกัน ผมนั่งเบาะหน้าเคียงคู่กับนายยอร์ชมาตามทางก็ได้ยินเสียงปอยกับแอมนั่งชื่นชมความงามที่สมกับราคาของตัวรถกันไม่หยุด ส่วนนันก็เอาแต่นั่งเฉยๆ ทำหน้าเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
ในระหว่างการทานอาหารนั้นบรรยากาศบนโต๊ะเป็นไปด้วยดี นายยอร์ชเป็นขวัญใจของทุกคนบนโต๊ะยกเว้นผมและนัน เขานั่งเล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้อย่างไม่รู้จักเหนื่อย แถมบางทียังชอบหยอดมุกที่ผมเห็นว่ามันฝืดสิ้นดีแต่เพื่อนๆ ผมดันหัวเราะจนท้องคับท้องแข็งไปเสียได้ นันนั้นฟังคนอื่นคุยกันเงียบๆ บางครั้งก็คุยโต้ตอบกับนายยอร์ชพอเป็นมารยาท แต่ดูเหมือนสายตาที่ทั้งสองคนนี้มองกันมันชักจะแปลกๆ เสียแล้วสิ มองดีๆ ดูเหมือนมีประกายไฟแลบแปล๊บๆ เมื่อสองคนนั้นมองหน้ากัน
ผมเริ่มสังเกตเห็นตั้งแต่ตอนที่นันตักไก่ทอดมาวางไว้ในจานผมและหลังจากนั้นนายยอร์ชก็ดูเหมือนไม่ยอมน้อยหน้าตักแกงจืดผักรวมมาใส่จานผมบ้างเช่นกัน ต่อจากนั้นเพียงไม่กี่นาทีจานของผมก็เต็มไปด้วยกับข้าวทุกชนิดที่มีอยู่บนโต๊ะจากฝีมือการแข่งขันตักกับข้าวชิงแชมป์ระหว่างนันและนายยอร์ช นันที่นั่งอยู่ข้างๆ ผมก็ไม่รู้นึกครึ้มอะไรยกแขนล่ำสันขึ้นมาโอบไหล่ผมแล้วบอกว่า”เมื่อยแขนจัง” เท่านั้นแหละนายยอร์ชก็หน้าบึ้งตึงเหมือนโกรธใครมาร้อยชาติ มองหน้านันอย่างกับเคยไปทำร้ายร่างกายกันมาตอนไหน นอกจากนันกับนายยอร์ชที่ชักเริ่มจะดูไม่ลงรอยกันเท่าไหร่แล้ว คนอื่นๆ บนโต๊ะก็มองดูการกระทำของทั้งคู่แล้วมองหน้ากัน
แปลกๆ ก่อนที่จะเปิดประเด็นชวนคุยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ในท้ายที่สุด มื้อค่ำในวันนี้ก็จบลงไปได้อย่างค่อนข้างดี เพราะเพื่อนๆในกลุ่มที่เหลือของผมงัดเรื่องโน้นเรื่องนี้มาผลัดกันเล่าเป็นที่สนุกสนาน(แต่ดูท่าความสนุกจะไม่ได้ซึมซาบเข้าสู่นันกับนายยอร์ชเลย)
“เดี๋ยวพี่ไปส่งที่หอ”นายยอร์ชบอกผมหลังจากที่เราทุกคนออกมายืนกันหน้าร้าน
“ไม่เป็นไรครับ ผมเอาจักรยานมา”ผมเกรงใจเขา แล้วอีกอย่างก็ต้องเอารถกลับไปจอดที่หอด้วย กลัวหาย
“เดี๋ยวนันไปส่งภามเองนะ”นันเดินมาจับศอกผมแล้วออกปากจะไปส่ง
To be continue
_______________________________
สงสัยกระแสจิตจากคนอ่านคงไปถึงนายยอร์ชแล้วละมั้ง ถึงพูดจาดีขึ้น อิอิ
Talk นิสนึง
เห็นหลายท่านชอบบ่นว่าค้างๆ
ก็ไม่ต้องแปลกใจเพราะว่าเราจงใจ เอ้ยยย พูดอะไรออกไปเนี่ย ฮาๆๆ
อยากบอกว่าทั้งคนแต่งและคนโพสอ่านทุกคอมเม้นนะคะ แล้วก็มีความสุขมากที่เห็นทุกคนชอบและติดตาม
ถ้ามีอะไรติดใจ อยากบ่นหรือแสดงความคิดเห็นยังไงก็คอมเม้นมาได้เลยนะคะ เราพร้อมรับฟังและปรับปรุงเสมอ
หรือใครข้องใจอะไรถามได้ค่ะ แล้วจะมาตอบไว้