SPECIAL
R.E.V.E.N.G.E
TWELVE
ADEN
ผมกดต่อสายหายอร์ชทันทีที่เข้ามาในห้องพักเพื่อรอเวลาออกไปสะสางปัญหา สายแรกเขาไม่รับ ผมเหลือมองนาฬิกาที่บ่งชี้เวลาเที่ยงวัน ที่ไทยตอนนี้ก็คงจะเที่ยงคืน
คงจะหลับแล้ว แต่ถึงจะรู้อย่างนั้นแต่ผมก็ไม่หยุดโทรไปกวนคนที่น่าจะกำลังนอนหลับสบาย เพราะว่าผมน่ะคิดถึงยอร์ชมากเหลือเกิน
“ฮัลโหล” และเขาก็รับสาย แต่น้ำเสียงห้วนไปหน่อยนะ ผมกระตุกยิ้ม คิดว่าผมรู้ว่าเขาจะทำหน้ายังไง
“หลับแล้วเหรอ” คำถามโง่ๆ แต่เพราะอยากกวนอีกฝ่ายให้อารมณ์เสียเล่น
ยอร์ชเงียบไป ได้ยินเสียงสวบสาบจากผ้าห่มและการขยับตัว
“โทรมาทำไม” เสียงนี่ห้วนมาเชียว
“ผมคิดถึง” ปากเอ่ยพูดโดยที่ผมเองไม่ทันได้รู้ตัว ผมและยอร์ชปล่อยใหความเงียบกลืนกินเรา เป็นความเงียบที่ไม่ได้อึดอัด แต่ปล่อยให้เราสองคนซึมซับความหมายของการคิดถึง
จวบจนกระทั่งยอร์ชถามคำถามทำลายความเงียบ
“คุณไปทำอะไรที่นิวยอร์ก”
ผมทิ้งตัวนอนลงบนเตียง มือข้างหนึ่งรองหนุนหัว อีกข้างถือโทรศัพท์แนบหูแน่น “มาทำธุระนิดหน่อย”
“ธุระอะไรถึงรีบไปขนาดนั้น ไม่คิดจะบอกกันสักคำ” น้ำเสียงงัวเงียเต็มไปด้วยความสงสัย คงยังไม่รู้ตัวว่าถามอะไรออกมา ยอร์ชในภาคปกติจะไม่ค่อยถามเซ้าซี้
ผมใช้เวลาคิดอยู่ไม่กี่วินาทีว่าควรบอกยอร์ชดีไหม แต่สุดท้ายผมก็เลือกที่จะพูดความจริง แต่อาจจะไม่ทั้งหมดโดยเฉพาะตนเหตุที่ทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้น สำหรับผม ผมไม่คิดว่าเป็นเพราะยอร์ช แต่ถ้าให้เล่าทั้งหมด ยอร์ชจะต้องคิดว่าเป็นเพราะเขาอยู่ด้วยกันมาสักระยะหนึ่งทำไมผมจะไม่รู้ว่ายอรชเป็นคนอย่างไร
ว่ากันตามความจริง คนอย่างยอร์ชดีเกินจะคู่กับผม
และ
ผมก็เลวมากพอที่จะไม่ปล่อยคนดีๆอย่างยอร์ชไปเจอคนที่ดีกว่าผม
ซึ่งผมไม่แคร์เลยสักนิด
ผมเต็มใจที่จะเป็นคนเลว และเลวได้มากกว่านี้หากมันทำให้ยอร์ชอยู่กับผม
“ลูกน้องผมที่นี่ก่อกบฏนิดหน่อย ก็อย่างว่าพอผมไม่อยู่ก็คิดจะก่อกวนท้าทายอำนาจ ผมเลยต้องจัดการ ไม่โกรธผมใช่ไหมที่ไม่ได้บอกคุณ ผมไม่อยากปลุกไม่อยากกวนคุณตอนนอน”
“แล้วทำไมตอนนี้โทรมากวนผมตอนดึกดื่นได้” ยอร์ชกระชากเสียงเล็กน้อย
“หึหึ งอนผมเหรอ”
“ผมเนี่ยนะ ฝันหรือไง”
“ไม่ฝันได้ไหมละ คุณจะงอนก็ได้ แล้วผมจะกลับไปง้อทีเดียว” เดี๋ยวนี้ผมง้อเขาบ่อยจนเริ่มจะชินกับตัวเองในภาคไม่ปกติ
“จะกลับมาได้เหรอ เดี๋ยวก็มีปัญหาอีก”
“ทำไม ไม่อยากให้ผมกลับไปเหรอ” ผมย้อนถามกลับจริงจัง
“มันก็แล้วแต่คุณไม่ใช่เหรอไง ผมห้ามแล้วคุณจะฟัง?”
“ไม่”
“หึ ไม่อยากให้ผมเกเรก็กลับมาคุมเองสิ”
ผมเลิกคิ้วคิดตามที่ยอร์ชพูด “อ่อยผมเหรอ”
“ผมจำเป็นต้องทำอย่างนั้นเหรอ” ฟังเสียงกวนๆของเขาแล้วมั่นเขี้ยว อยู่ใกล้มือคงได้มีจับมาจูบบ้างละ
“ผมจัดการปัญหาแค่วันสองวันเท่านั้นแหละ ไม่นานหรอก” เพราะผมไม่มีทางจะให้มันนานไปกว่านั้น
“คุณจะ...” ยอร์ชคล้ายจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่ยอมพูด
“อะไร” ผมถาม ผ่อนเสียงให้อ่อนโยนนิดหนึ่ง
“คุณจะไม่ทำอะไรรุนแรงใช่ไหม”
ผมแทบหลุดหัวเราะ แต่ก็พยายามกลั้นขำเอาไว้ เพราะสำหรับยอร์ช สิ่งที่ผมจะทำคงไม่น่าขำ และสิ่งที่ผมเคยทำคงติดฝังอยู่ในใจไม่น้อย มาคิดอีกทีก็ไม่น่าขำสักเท่าไหร่ ผมรู้ว่าสิ่งที่ผมเคยทำยอร์ชคงไม่มีวันลืม และผมก็ไม่ขอใหเขาลืม แค่เขาเปิดใจให้ก็ดีแล้ว นั่นคือความคิดแบบพระเอกนะ แต่พอดีผมไม่ใช่
“ผมไม่สัญญาหรอกนะว่าจะไม่มีนากินีตัวไหนตาย แต่ผมจะพยายามยั้งมือไว้ให้มากที่สุด เพราะกับนากินีบางตัวมันก็ยั่วโมโหจนน่ากำจัดทิ้งจริงๆ”
“ผมไม่อยากให้คุณทำร้ายใคร”
“แล้วคุณจะให้มันทำร้ายผมอย่างนั้นเหรอ” ผมถามเพราะความอยากรู้จริงๆ ไม่ใช่เพราะไม่พอใจ
“ไม่ใช่!”
“แล้วยังไง”
“เฮ้อ ช่างเถอะ เรื่องของคุณนี่ ไม่ใช่เรื่องของผม อยากทำอะไรก็ทำเถอะ แต่บอกไว้ก่อนเลยว่า ถ้าจะทำตัวไม่ดีละก็ อย่าให้ผมรู้ ไม่งั้นคุณเตรียมตัวเก็บข้าวของออกจากบ้านได้เลย”
“หึหึ” ผมอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ เพิ่งรู้ตัวว่าผมชอบฟังยามที่อีกฝ่ายมีอารมณ์ฉุนเฉียว ยิ่งถ้าเป็นกับผมแล้วยิ่งชอบใหญ่
“เป็นห่วงผมเหรอ ความจริงคือเป็นห่วงผมใช่ไหม”
“...”
“เอาเป็นว่าผมสัญญาก็แล้วกันว่าจะพยายามใจเย็นที่สุด และคุณก็ต้องสัญญากับผมด้วยว่าจะเป็นเด็กดี”
“เด็กดีอะไรของคุณ”
“ห้ามอ่อย ห้ามให้ใครมาก้อล้อเกาะแกะ ห้ามมีกิ๊ก โอเคไหมครับ”
“เหอะ ไม่รู้สิ ถ้าเขาน่าสนใจผมอาจจะพิจารณา อย่าลืมนะว่าคุณยังไม่ได้เป็นแฟนผม”
“นี่...”
แล้วสายก็ตัดไป ผมเอาโทรศัพท์ออกห่างจากหูมาดู ยอร์ชตัดสายผมทิ้ง แล้วไอ้ประโยคก่อนจะวางสายนี่คืออะไร แล้วอาการว้าวุ่นในอกเหมือนไฟสุมทรวงนี่อีก สรุปแลวเขาอยากให้ผมฆ่าคนหรือไม่ฆ่าคนกันแน่ มาทิ้งระเบิดไว้แล้วก็จากไป
“รอผมกลับไปก่อนเถอะ คุณโดนหนักแน่ยอร์ช”
ผมและพวกพ้องมาถึงที่หมายก่อนเวลานัด แต่ดูเหมือนพวกกบฏมันจะเลือดร้อนมาถึงก่อนผมเสียอีก แต่ทำเป็นซุกซ่อนตัวแอบดูลาดเลา
“เหอะ คิดจะมาสู้ทั้งๆที่ทำตัวขี้ขลาด” ไอ้เบนแสยะยิ้มว่าเข้าให้เสียไม่เบานัก คาดว่าพวกมันคงได้ยินกันทั่ว
ดวงตาของพวกมันวาวโรขน์ แต่ก็ยังคงไม่กล้าออกมา จากที่ประเมินทางสายตา พวกที่มาซุ่มดูคือพวกไร้ฝีมือระดับล่างหากหัวหน้าพวกมันไม่ก้าวออกมาพวกมันก็คงจะทำได้แค่หางจุกตูดเท่านั้น
“น่าสมเพช” ผมพ่นลมออกจมูก นึกหงุดหงิดอยู่ลึกๆที่ผมเคยมีไอ้พวกนี้เป็นลูกน้อง
ผมกลายร่างเป็นงูอย่างรวดเร็วแล้วเลื้อยขึ้นไปบนกิ่งไม้สูง ก่อนจะคืนร่างสู่ร่างมนุษย์อีกครั้ง พวกมันกำลังเคลื่อนพลมา ส่วนลูกน้องผมรอบตัวมีน้องกว่าพวกสวะอยู่สามเท่าไดแต่นั้นไม่ได้ทำให้ผมเป็นกังวล เพราะลูกน้องที่ยังอยู่กับผมตรงนี้ไม่ได้มีดีแค่สมอง แต่ความสามารถและพละกำลังก็ไม่เป็นสองรองใคร
ส่วนพวกที่เลือกจะเป็นปฏิปักษ์คือพวกเกิดใหม่ที่มีอายุไม่ถึงสองร้อยปีด้วยซ้ำ เหมือนเด็กห้าควบที่คิดจะเทียบรุ่นกับผู้ใหญ่ ไม่ดูกำลังตัวเอง ผมถึงได้บอกไงว่าพวกมันน่ะน่าสมเพช
พวกมันเคลื่อยตัวใกล้เข้ามา และไอ้หัวแดงตาแดงที่จ้องมองมายังผมอย่างท้าทายก็คงจะเป็นหัวหน้าการก่อกบฏ และผมรู้จักมันดี
รอน ไคลสตัน
ถ้าบอกว่าชาร์ลกับเบนเป็นมือขวากับมือซ้ายของผม ไอ้รอนก็คงเป็นเท้าขวากับเท้าซ้ายละมั้ง เพียงแต่ผมไม่ค่อยเจอมันเพระให้มันช่วยดูความเรียบร้อยทางตอนใต้ของอเมริกาให้ ไม่คิดว่ามันจะคิดไม่ซื่อถึงเพียงนี้
หรือไม่ มันก็คงประเมินความใจดีของผมไว้สูงเกินไป
บอกแล้วไง ผมยอมให้ยอร์ชคนเดียวเท่านั้นที่อยู่เหนือกว่า คนอื่นอย่าหวัง
จวบจนรอนเดินเข้ามาใกล้ เบนดูโมโหจัดที่รูว่าคนที่หักหลังพวกเราเป็นใคร จึงพร้อมพุ่งเข้าชนกับรอนเต็มที่ แต่ชาร์ลเป็นคนรั้งเอาไว้ ไอ้คนทรยศเงยหน้ามองผม มันแสยะยิ้มไม่เกรงกลัว ก็ดี ถ้ามันกลัวจะไปสนุกอะไร
“รอน แกเองเหรอที่ก่อความวุ่นวาย” ผมถามเสียงปกติแต่ดังกังวาลทั่วผืนป่า
“ฮ่าๆๆๆ” รอนหัวเราะเสียงดังลั่น ส่งผลให้พวกลูกน้องของมันหัวเราะตาม ไอ้เบนฉุนเฉียวหนักกับความกวนประสาทของอีกฝั่ง ถ้าเป็นผมเมื่อก่อนคงจะพุ่งไปฆ่าไอ้รอนตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็นหน้ามันแล้ว ไม่รอให้มันมาหัวเราะเยาะผมหรอก
“มันหมดยุคของนายแล้วเอเดน นิกินีผู้สูงศักดิ์ที่เดินตามหลังมนุษย์งี่เง่าต้อยๆๆ มีอะไรให้พวกฉันควรเคารพบ้าง คำตอบคือไม่มี” ท่าทางอวดดีใช่ได้
“ใช่ ไม่มี!” เสียงลูกน้องของมันเอ่นสนับสนุน
“เอเดนที่ฉันเคยยอมเป็นลูกน้องไม่ได้ตัวนาสมเพชแบบนี้ นายกำลังจะทำให้เราต่ำต้อยเพราะไปเป็นข้ารับใช้ของพวกมนุษย์ แบบนี้น่ะเหรอที่สมควรเป็นหัวหน้าแห่งชาวนากินีของอเมริกา ไม่มีอีกต่อไป พวกฉันไม่ยอมรับ!”
ผมปล่อยให้รอนมันพล่ามอย่างสบายใจและยอมใหลูกน้องของมันส่งเสียงอึกกระทึกได้ใจไปก่อน ผมแค่ส่งสัญญาให้ลูกน้องรอเวลาเท่านั้น พวกเกิดใหม่จะเลือดร้อน มุทะลุ บ้าคลั่งและหัวรุนแรง แต่ทว่าเป็นแค่เด็กฝึกหัดไม่เป็นมวย ต่อสู้ได้แต่สะเปะสะปะ ดังนั้นผมควรจะต้องเอ็นดูพวกมันไว้ให้มากๆ ก่อนที่มัจจุราชจะเข้าสิง
ผมกระโดดลงจะต้นไม้ลงตรงหน้ารอน มันผงะถอยหลังหนึ่งก้าว พวกลูกน้องหน้าโง่ของมันพากันถอยห่างแล้วตั้งรับ ผมมองไอ้รอนตั้งแต่หัวจรดเท้า ริมฝีปากกระตุกยิ้มดูถูกดูแคลน
“ฉันจะบอกอะไรแกไว้อย่างหนึ่งก่อนที่แกอาจจะไม่มีชีวิตอยู่ต่อ ฉันยังคงเป็นนากินีที่ชิงชังมนุษย์เช่นเดิม และคนอย่างฉันไม่เคยเปลี่ยนแปลง แกเคยเห็นฉันเป็นยังไงวันนีฉันยังเป็นอย่างนั้น มันไม่ใช่เพราะฉันยอมอยู่ใต้คำสั่งของมนุษย์แค่คนเดียวหรอกที่ทำให้แกทรยศฉัน แต่เพราะสันดารที่เลียงไม่เชื่องของแกต่างหาก ในวันนั้น ฉันน่าจะปล่อยให้แกโดนมนุษย์หน้าโง่ฆ่าตายเนอะ ว่าไหม วันนี้จะได้ไม่มีทำจองหองอวดดีใส่ฉันแบบนี้”
“แกจะบอกว่าแกมีบุญคุณกับฉันอย่างงั้นเหรอ!” รอนกัดฟันอย่างโกรธแค้น มือทั้งสองข้างกำแน่นขนเส้นเลือดตามท่อนแขนปูดโปน
“ใช่สมองโง่ๆของแกคิดดูสิ”
“เอเดน!”
“แต่เอาเถอะ ไหนๆแกก็ลงทุนทำมาขนาดนี้แล้ว ก็ช่วยแสดงฝีมือให้เห็นหน่อยแล้วกันว่าแกเหมาะสมที่จะมายืนแทนตำแหน่งฉัน
ไอ้รอนเดินเข้ามาใกล้ผมจนระยะของผมกับมันห่างกันแค่หนึ่งก้าว มันยกมือพลักตัวผมแล้วเริ่มเปิดศึกอย่างเป็นทางการ ร่างงูที่แท้จริงของมันเป็นสีดำสลับน้ำตาลแดง ขยายร่างใหญ่สุดหวังจะประกาศความน่าเกรงขาม ผมสบตากับชาร์ลและเบนเพียงพริบตา ลูกนองที่รอท่าก็เริ่มจู่โจมทันที
รอนฉกวูบลงที่ตัวผม ผมเพียงเบียงหลบเท่านั้น มองมันด้วยความสมเพชผ่านดวงตามนุษย์ครั้งสุดท้ายก่อนที่จะกลายร่างเป็นนากินี
ความพิเศษของผมไม่ใช่แค่การที่เป็นงูมีสองหัว แต่เพราะมีถึงสองหัวจึงมีความพิเศษมากกว่าหนึ่ง ผมรู้จุดอ่อนของรอนดีเพราะเป็นคนสอนมันมากับมือ ผมก็ไม่รู้ว่ามันเอาหัวส่วนไหนคิดมาต่อกรกับคนอย่างเอเดน
ผมเลื้อยขึ้นต้นไม้สูง และพ่นไฟจากมุมบน ไอ้รอนหลบได้ทัน มันเป็นนากินีที่เคลื่อนที่ได้เร็ว มีความสามารถในการพ่นไฟเช่นเดียวกันผม แต่สิ่งหนึ่งที่มันไม่มีคือความรอบคอบ และความสามารถในการแพร่พิษด้วยการหายใจรด
พวกลูกน้องของไอ้รอนจำนวนหนึ่งจบชีวิตลงเพราะฤทธิ์ไฟของผม ก็ช่วยไม่ได้นะ ผมทำเพราะป้องกันตัวเอง ยอร์ชจะมาว่าผมหากรู้เรื่องที่หลังไม่ได้เพราะผมจะไม่ยอมรับความผิด
ไอรอนที่โดนไฟของผมลามเลียถากๆเกิดอาการโมโห พุ่งเข้าใส่ผมแต่โดนไอ้ชาร์ลใช้ส่วนห่างปัดจะเซ ผมให้ชาร์ลจัดการไปก่อนแล้วลงไปเล่นกับลูกงูตัวน้อยๆที่ยังอ่อนหัด
พอร่างของผมแตะถึงพื้นเท่านั้น งูนับร้อยก็เล่งเป้ามาที่ผม งานหนักเอาเรื่อง ท่อนหางของผมถูกวพกมันกดทับไม่ให้ขยับตัว รุมกันแพร่พิษใส่ ไอ้เบนและลูกน้องคนอื่นๆเข้ามาช่วย ผมทำใจเย็นไม่ใช่ว่าสู้ไม่ได้ แต่เพราะกำลังสนุกอยู่ต่างหากล่ะ
ผมปล่อยให้พวกมันเกาะแกะก่อนจะสะบัดร่างที่เดียวพวกมันก็กระเด็กกันไปคนละทิศละทาง ผมมองตากับไอ้เบน มันส่ายหัวขำกับความนึกสนุกของผม
‘กี่นาทีดี’ ไอ้เบนถาม
ผมโคลงหัวทั้งสองเล็กน้อยก่อนตอบ ‘ห้านาทีก็เกินพอ’
‘ชาร์ล ห้านะทีนะโว้ย’ ไอ้เบนตะโกนไปหาชาร์ลที่กำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับไอ้รอนอย่างดุเดือด
ดวงตาสีเหลืองอำพันของชาร์ลยามเอาจริงจังจังสบตากับผม มันแลบลิ้นหนึ่งทีเพื่อน้อมรับคำสั่ง
‘Deal!’
ในที่สุดเพียงแค่สามนาทีกว่าๆผมก็จัดการกับพวกไอ้รอนได้อย่างราบคาบ บ้างตายบ้างบาดเจ็บหนักโดนเฉพาะไอ้รอนที่เจ็บหนักสุดเพราะถูกพวกผมสามคนจัดการอย่างสนุกสนาน
“ไง เก่งนักไม่ใช่เหรอ อยากเป็นใหญ่แทนฉันไม่ใช่เหรอไง ลุกขึ้นมาสิ” ผมใช้เท้าเขี่ยร่างของมันที่ยังคงอยู่ในร่างงู
‘ฆ่าฉันสิ แกรออะไร’
ผมพยักหน้าเดาะลิ้นที่กระพุ้งแก้ม นับถือในความใจกล้าของมันจริงๆ “สะบักสะบอมขนาดนี้ยังจะกล้าอวดเก่ง ฉันควรส่งนายกลับไปนรกอีกครั้งไหม”
‘ก็ทำเส่!’
“ไม่ละ แบบนั้นมันไม่ทรมานสะใจฉัน ชาร์ล”
“อืม” ชาร์ตตอบกลับ สายตาจ้องไอ้รอนไม่วางตา มันคงแค้นน่าดู เพราะไอ้รอนคือคนที่ชาร์ลไว้ใจให้ช่วยงานมากที่สุดรองจากไอ้เบน
“ส่งมันไปให้ลูกน้องพ่อฉันจัดการ พวกเขารู้ว่าเขาจะขังมันไวที่ไหนไม่ให้ออกมาเพ่นพร่านสร้างความวุ่นวาย”
“ได้ ฉันจัดการเอง”
“ส่วนแกไอ้เบน พรุ่งนี้เรียกนากิทีทั่วทั้งอเมริกามาพบฉันในวันถัดไป ฉันมีเรื่องสำคัญจะประกาศ”
“เรื่องอะไรวะ” ไอ้เบนถามอย่างสงสัยตามนิสัยของมัน ผมหรี่ตามอง มันเลยยิ้มแหะๆก่อนจะอือออรับคำสั่ง
ผมแยกตัวกลับที่พัก ส่วนไอ้เบนและชาร์ลแยกกันไปทำตามที่หน้าของใครของมันก่อนจะกลับมาที่บ้านพัก หมอประจำตระกูลรอคอยท่าอยู่ที่บ้านทั้งๆที่ผมไม่ได้เรียกหา จะเป็นใครไปไม่ได้ที่ทำเรื่องพวกนี้นอกจากคนที่เคยสำคัญที่สุดในชีวิตของผม แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว
ผมปล่อยให้หมอทำตามหน้าทีของเขาแม้ว่าผมจะไม่ได้บาดเจ็บหนักอะไรก็ตาม แค่รอยถลอกฟกช้ำเล็กๆน้อยเท่านั้น ผมสนใจอยู่อย่างเดียวก็คือ
การโทรกลับไปหาคนที่อยู่ประเทศไทย
แต่ครั้งนี้ยอร์ชไม่รับสาย โทรไปกี่ครั้งก็ไม่รับ ทั้งๆที่เวลานี้เป็นเวลากลางวันของที่นั่น เขาทำอะไรอยู่ ผมร้อนรนจนเริ่มจะหงุดหงิด เลยเปลี่ยนไปต่อสายหาลูกน้องที่ให้คอยดูความเรียบร้อยทางนั้นแทน
“ครับนาย” เดวิด ลูกน้องที่ไทยรับสาย
“ตามดูให้หน่อยว่ายอร์ชทำอะไรอยู่ เขาไม่รับสายฉัน” ผมสั่ง
“ได้ครับนาย อีกสิบนาทีผมจะโทรไปรายงาน”
“ห้านาที” ผมแก้เวลา สิบนาทีนานเกินไป ผมรอไม่ไหว
“ครับนาย ห้านาที”
ผมกดวางสาย นั่งรับลมหายใจเข้าออกแสร้งทำเป็นใจเย็นทั้งๆที่ร้อนรุ่ม ผมไม่ชอบเลยจริงๆ เป็นความรู้สึกที่น่ากลัวเมื่อคุณรู้ตัวว่าหัวใจของคุณไม่ได้อยู่ในร่างกายของคุณแบบที่ควรจะเป็น
และหัวใจของผมตอนนี้มันอยู่ที่เขา...ยอร์ช
“คุณมีอิทธิพลต่อความรู้สึกผมมากเกินไปแล้วนะยอร์ช ช่วยรับผิดชอบด้วย” ผมคาดโทษอีกฝ่ายเบาๆ เขาจะรับรู้หรือไม่ผมไม่สน ผมสนแค่ว่าเขาต้องชดใช้ที่ทำให้ผมเป็นบ้าเพราะเขาได้ถึงเพียงนี
เฮ้อ ผมแย่แล้วจริงๆ
ห้านาทีต่อมาเดวิดโทรมารายงานว่ายอร์ชคุยงานกับลูกค้าในตัวเมือง คงไม่มีอะไรที่จะต้องเป็นกังวลหากภาพที่เดวิดส่งมาไม่ใช่ความที่ผู้หญิงคนหนึ่งไม่ได้ส่งยิ้มหว่านเสน่ห์ใส่คนของผมอยู่ และคนของผมดูท่าแล้วว่าจะชอบเธอเสียด้วย ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว
ร่างของผมสั่นไปหมด ผมรู้ตัวว่าผมเป็นอะไร ผมกำลังหึง และแรงหึงทำให้ผมอยากจะขึ้นเครื่องบินกลับไทยมันเสียตอนนี้ ถ้าไม่ติดว่ายังมีอีกเรื่องต้องสะสางผมกลับเดี๋ยวนี้แน่
“จับตาดูเอาไว้ให้ดี ถ้ามีผู้หญิงหรือผู้ชายที่ไหนเข้ายอร์ชเกินพอดี รีบรายงานฉันทันทีเข้าใจไหม” ผมสั่งเสียงเข้ม
“ได้ครับ ผมจะรีบรายงานทันทีหากมีใครมายุ่งกับคุณยอร์ช”
“ดี ฉันฝากด้วย”
“ครับ สวัสดีครับ”
คืนนั้นผมนอนไม่หลับทั้งคืน เอาแต่ดูรูปยอร์ชที่เดวิดส่งมารายงาน ทีหับคนอื่นละยิ้มกวางหัวเราะอย่างมีความสุข ทีกับผมละทำเป็นนิ่งไม่ตอบรับความรู้สึก
“มันจะเกินไปแล้วนะยอร์ช!” ผมตะโกนอยู่คนเดียวในห้องนอนกว้าง
บอกแล้วไงว่าให้เป็นเด็กดีไม่ให้เกเร นี่อะไร ตอนกลางคืนคุยกับผม ตอนกลางวันไปหว่านเสน่ห์ใส่สาว ดูท่าว่าเขาจะไม่เกรงกลัวผมเลยสินะ
ได้ ผมจะไม่รอแล้ว กลับไปเมืองไทยครั้งนี้ผมจะทำให้ยอร์ชเป็นของผมให้ได้ ไม่มีวันที่เขาจะเป็นของใครอื่น
……………………………………..
ความจริงตอนพิเศษที่จะลงในเว็บจะต้องจบที่ตอนที่12 แต่ทว่าจากที่บอกไว้ครั้งที่แล้วว่าริริรื้อพล็อตใหม่ตอนมันก็เลยขยายออกไป คิดว่าคงจะชอบกันแหละเนอะ เพราะในส่วนของตอนพิเศษในหนังสือก็ขยายเพิ่มด้วยเช่นกัน
ตอนนี้ยังไม่ได้ตรวจคำผิดนะคะ อ่านหนังสือเตรียมสอบเทรนเสร็จก็มาจิ้มๆแต่งๆ มึนๆเบลอ ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะคะ