(ต่อค่ะ)*** ชี้แจง อ่านด้วยนะคะ ***สวัสดีค่า ก่อนอื่นนะคะฟางมีเรื่องจะบอกก่อนที่จะไปอ่านกันค่ะ จากตอนก่อนๆ (ซึ่งฟางลืมว่าตอนที่เท่าไหร่) ฟางแต่งให้อาพฤกษ์ออกจากบ้านเพราะสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากที่อาไม่ยอมเรียนหมอ ฟางเลยอยากจะขอแก้ตรงนี้หน่อยนะคะ ฟางเปลี่ยนอาชีพครอบครัวของอาจากเป็นหมอ ให้เป็นนักธุรกิจนะคะ แล้วส่วนเก่า ฟางจะย้อนกลับไปแก้ไขอีกที ตอนนี้เข้าใจตรงกันนะคะว่าครอบครัวอาพฤกษ์เป็นนักธุรกิจไม่ใช่หมอเน๊อะ
พฤกษ์"อันนี้รายละเอียดสถานที่จัดงานเฟอร์นิเจอร์แฟร์นะคะทางเจ้าของงานส่งรายละเอียดมาให้แล้วเรียบร้อยค่ะ" เสียงของพนักงานคนหนึ่งพูดรายงานพร้อมกับเปิดสไลด์เกี่ยวกับรายละเอียดของงาน
ตอนนี้ผม รวมไปถึงคณะกรรมการทุกคน พัทธ์รองประธานบริษัท และหัวหน้าฝ่ายทุกฝ่ายกำลังประชุมกันเรื่องงานเฟอร์นิเจอร์แฟร์ ผมก้มมองรายละเอียดที่อยู่ในแฟ้มพร้อมกับฟังคนอื่นๆ พูดคุยกันไปด้วย
"งานจะจัดขึ้นในวันที่ 15-20 พฤศจิกายาค่ะ ทางเราจะมีเวลาจัดเตรียมงานอีกประมาณสี่เดือนจนกว่าจะถึงวันงาน" พนักงานคนเดิมยังคงพูดต่อ "ส่วนบริเวณที่บริษัทเราได้รับนั้นอยู่ตรงประตูทางเข้าฮอลล์สองค่ะ เป็นพื้นที่ตรงกลางขนาดใหญ่มากทีเดียว"
"ถ้าอย่างนั้น..." พัทธ์ที่นั่งฟังอยู่นานเริ่มพูดขึ้นพร้อมกับเลื่อนภาพบนจอไปที่ภาพขนาดพื้นที่สำหรับจัดงาน "เนื่องจากครั้งนี้เป็นการกลับมาร่วมงานอีกครั้งของบริษัทในรอบสิบปี ผมได้คุยกับท่านประธานบ้างแล้วนิดหน่อยท่านอยากให้เฟอร์นิเจอร์ของเราเป็นที่สนใจ ผมเลยเสนอไอเดียไปแล้วและเอามาปรึกษากับทุกคนในที่นี้นะครับ"
"ผมอยากจะนำเสนอเฟอร์นิเจอร์ของเราโดยการจำลองเป็นห้องๆ อย่างห้องนั่งเล่น ห้องนอน หรือไม่ก็เป็นโต๊ะกาแฟในสวน ผมว่ามันน่าสนใจกว่าการเอาเฟอร์นิเจอร์ไปตั้งเยอะๆ เพราะถ้าเราจัดเป็นห้องๆ มันจะเป็นการเพิ่มไอเดียการแต่งบ้านของลูกค้าด้วย"
ผมพยักหน้ารับตอนฟังข้อเสนอของพัทธ์ ผมเห็นด้วยและดูเหมือนว่าผู้บริหารคนอื่นๆ ก็เห็นด้วยเช่นกัน เมื่อทุกคนตกลงเราก็คุยรายละเอียดอื่นๆ กันต่อก่อนจะมอบหมายงานให้หัวหน้าแต่ละฝ่ายก่อนจะปิดประชุม
ผู้บริหารคนอื่นๆ ทยอยเดินออกจากห้องจนหมดเหลือเพียงผมกับพัทธ์ที่เดินตามทีหลัง
"พัทธ์" ผมเอ่ยเรียกคนที่เดินนำหน้าผมซึ่งเจ้าตัวก็หันกลับมามอง "พี่ยังไม่ได้พูดกับพัทธ์ใช่ไหม"
"ครับ พูดอะไรหรือครับ" พัทธ์ทำหน้าสงสัย
"แสดงความยินดีกับพัทธ์ไง ที่พี่เคยบอกพัทธ์ว่าถ้าหากพัทธ์มีแฟนพี่จะแสดงความยินดี พี่ยินดีด้วยนะที่พัทธ์ได้รักกับคุณคิน พัทธ์กับเขาเหมาะสมกันมาก"
คนตรงหน้ายิ้มให้ผม "ขอบคุณนะครับ แล้วผมจะสามารถพูดยินดีกับพี่พฤกษ์ได้หรือยังครับ"
"ยินดีอะไรกันพัทธ์" ผมส่ายหน้า รู้ว่าเขาหมายถึงอะไร
"ก็พี่พฤกษ์กับหมอชลยังไงละครับ" เจ้าตัวยิ้มใส่ผม เป็นรอยยิ้มที่หากเป็นก่อนหน้านี้ผมคงหัวใจเต้นแรง แต่แปลกที่วันนี้ผมไม่ได้รู้สึกแบบนั้น ยอมรับว่าใจแกว่งไปบ้างแต่แค่แปบเดียวทุกอย่างก็กลับมาปกติเหมือนเดิม
"พัทธ์คิดว่าพี่กับเขาจะไปกันรอดหรือครับ" ผมถอนหายใจ
ผมรู้สึกว่าผมกับเขาต่างกันมากจริงๆ มองแล้วถ้าคบกันก็ไม่น่าจะรอด เดี๋ยวนะ!
เมื่อกี้ผมคิดอะไรออกไปเนี่ย คิดว่าจะคบกับเขาเนี่ยนะ..."เรื่องจะไปรอดหรือไม่รอดมันก็ขึ้นอยู่กับพี่พฤกษ์แล้วก็หมอชลไม่ใช่หรอครับ ถ้าหากปรับตัวเข้าหากัน ยอมรับกันและกันต่อให้ต่างกันแค่ไหนมันก็ไปรอดสิครับ"
ผมทำเพียงแค่ยิ้มรับกับคำพูดของพัทธ์แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรออกไป แล้วก็เปลี่ยนเรื่องคุยให้มันไกลจากหมอชล "นี่พัทธ์จะกลับเลยหรือเปล่า"
"ครับ ผมว่าจะไปรับน้องกันต์ที่โรงเรียนแล้วค่อยไปหาพี่คินที่ร้าน พี่พฤกษ์ไปด้วยกันไหม"
"ไม่ละครับ ป่านนี้หมอชลคงอยู่บ้านพี่แล้วมั้ง" ผมส่ายหน้าก่อนจะพูดต่อแบบไม่ทันตั้งตัว
"เดี๋ยวนี้ไปถึงบ้านเลยนะ"
ผมอยากจะยกมือตีปากตัวเองที่เผลอพูดออกไป อุตส่าห์เลี่ยงดันเป็นฝ่ายพูดถึงเองอีก เพราะคุณหมอโรคจิตนั่นคนเดียวเลย
"พี่ไม่คุยแล้ว พัทธ์รีบไปรับน้องกันต์เถอะออกไปช้าน้องรอนานนะ"
พัทธ์หัวเราะชอบใจ "ไปก็ได้ พี่พฤกษ์จะได้รีบกลับบ้านไปหาหมอชลเนอะ"
ผมส่ายหน้ายิ้มๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ผมกับพัทธ์แยกกันที่หน้าลิฟต์เพราะชั้นนี้เป็นชั้นห้องทำงานของเขาอยู่แล้วเขาเดินเลยกลับไปที่ห้อง ส่วนผมต้องลงลิฟต์ไปชั้นล่างเพื่อไปเก็บของที่ห้องทำงานของตัวเองแล้งจึงกลับบ้าน
ในระหว่างที่เก็บของผมก็อดไม่ได้ที่จะนึกไปถึงใครอีกคนที่เป็นประเด็นจ้องให้พัทธ์ล้อผม เรื่องเมื่อคืน... มันค่อนข้างผิดพลาดไปเยอะในความรู้สึกของผม ผมกับเขา... จูบกัน
แต่ก็แปลกที่ผมไม่ได้รู้สึกรังเกียจอะไรที่ต้องจูบกับเขา หรือเพราะผมเป็นเกย์อยู่แล้ว? แต่ก็ใช่ว่าคิดจะจูบกับใครก็ได้นินา นี่นอกจากจะไม่รังเกียจแล้ว ผมยังไม่อยากจะยอมรับเลยว่า... มันก็รู้สึกดีเหมือนกัน
เฮ้อ...
คุณหมอชลธี ทำไมต้องเข้ามาเปลี่ยนความรู้สึกผมแบบนี้ด้วยนะผมสะบัดความคิดออกก่อนจะคว้ากระเป๋าถือมาถือไว้แล้วเดินออกจากห้องลงไปที่ลานจอดรถแล้วขับรถของตัวเองกลับบ้าน
ผมขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นรถสีดำจอดอยู่หน้าบ้าน ไม่ใช่รถของหมอชลเพราะถ้าเป็นรถของเขาคงเข้าไปจอดในโรงจอดรถแล้ว ผมขับรถเข้าไปจอดในโรงจอดรถก่อนจะเดินถือของเข้าไปในบ้าน แต่ก่อนจะไปถึงห้องนั่งเล่นที่ใช้เป็นห้องรับแขกด้วยป้าสายก็รีบร้อนเดินมาเสียก่อน
"คุณพฤกษ์..."
"ครับป้าสาย ใครมาบ้านครับผมเห็นรถจอดอยู่"
ป้าสายมีท่าทางอึกอักไปทันทีที่ผมถาม "คุณ...ลันดากับคุณเขมมาค่ะ"
ผมชะงักไปทันทีที่ได้ยินชื่อของคนสองคนออกจากปากป้าสาย หันไปทางประตูห้องนั่งเล่นที่มีคนสองคนอายุพอๆ กับผมเดินออกมา
"สวัสดีค่ะพี่พฤกษ์" ผู้หญิงเป็นคนทักผมก่อน เธอชื่อลันดามีศักดิ์เป็นน้องสาวของผม
ส่วนอีกคนเป็นผู้ชาย... เขม... มีศักดิ์เป็นน้องเขยของผม เขาเป็นสามีของลันดา "สวัสดีครับพฤกษ์"
"สวัสดีครับลันดา เขม" ผมทักทายทั้งสองคนกลับ "มีธุระอะไรถึงได้มาบ้านพี่ได้ละครับ"
"ไม่มีธุระอะไรหรอกครับ / มีเรื่องสำคัญค่ะ!" ในขณะที่เขมพูดลันดาก็เอ่ยแทรกเสียงดังขึ้นมา
"มีเรื่องอะไรละลันดา" ผมหันไปมองลันดาที่มองมาทางผมอยู่ก่อนแล้ว
"เรื่องงานเฟอร์นิเจอร์แฟร์ บริษัทเราถูกลดพื้นที่แถมยังถูกย้ายตำแหน่งอีกเพราะผู้จัดเขาเอาไปให้บริษัทที่พี่ทำงานอยู่"
ผมถอนหายใจทันทีที่ได้ยินลันดาพูด "แล้วมันยังไง"
"พี่ไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยหรอคะ! บริษัทของคุณปู่ถูกบริษัทคู่แข่งตัดหน้านะคะ" ลันดาแวดขึ้นเสียงดังทันที
"ถ้าบริษัทของคุณปู่จะเป็นอะไรไปนั่นก็เพราะครอบครัวเธอบริหารไม่ดีเอง ไม่เกี่ยวกับบริษัทที่พี่ทำงานอยู่" ผมขมวดคิ้วมอง อาจจะฟังดูเหมือนผมเห็นแก่ตัวและปัดความรับผิดชอบ แต่ความรับผิดชอบของผมมันลงกับครอบครัวนี้ไปตั้งแต่วันที่ผมเดินหันหลังออกมาแล้ว
"พฤกษ์... คุณสนิทกับรองประธานไม่ใช่หรือ ไปบอกให้เขาถอนตัวออก หรือไม่ก็ไม่ทำงานนี้สิ บริษัทกิจไพศาลกุลไม่ได้เข้าร่วมงานตั้งหลายปี แล้วปีนี้จะมาร่วมงานแล้วแย่งพื้นที่ไปเนี่ยนะ" เขมพูด
ผมอยากจะหัวเราะใส่หน้า หรือไม่ก็ถอนหายใจแรงๆ ใส่ "คิดว่าทุกคนคงลืม... ผมสนิทกับพัทธ์ก็จริงแต่ไม่ได้มีอำนาจมากพอที่จะไปบอกให้เขายกเลิก เรื่องที่ทำไมบริษัทถึงเข้าร่วมงานผมก็ไม่ทราบ เท่าที่ทราบคือทางคุณเกริกไกรผู้จัดการติดต่อไปหาท่านประธานเองและคุยกันเอง อีกอย่างคณะกรรมการอย่างผมถึงจะมีสิทธิออกเสียงแต่ก็ใช่ว่าจะทำได้ทุกอย่างหรอกนะครับ"
"พี่มันคนอกตัญญู!!!" ลันดาร้องเสียงดัง ป้าสายที่ยืนฟังอยู่ตลอดได้ยินแบบนั้นก็ทำท่าจะต่อว่าลันดาทันที
"ป้าสาย... ไม่ต้องหรอกครับ ผมได้ยินเหมือนเสียงรถหมอชลคงมาป้าไปดูเขาเถอะ" ผมหันไปบอกป้าสายพร้อมกับยิ้มให้ ป้าสายถึงได้ยอมเดินออกไปด้านหน้า
ผมหันกลับมาหาคนทั้งสองอีกครั้ง "ผมไม่ได้อกตัญญู ผมรู้บุญคุณคนเสมอ คนที่มีพระคุณต่อผม ผมตอบแทนท่านเสมอ แต่นั่นต้องคือคนที่มีพระคุณต่อผมจริงๆ ไม่ใช่คนที่หวังเลี้ยงผมเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง แบบนั้นไม่ใช่ผู้มีพระคุณ"
"แต่พ่อเลี้ยงพี่มา!!!"
"คนที่เลี้ยงผมมาคือแม่! คุณตา! และคุณยายแค่นั้น! คุณส่งศักดิ์ไม่ได้เลี้ยงผมมา ถ้าลันดาลืมเขาคือคนที่ไล่พี่ออกมาจากตระกูลสโรชาด้วยซ้ำทั้งๆ ที่มันเป็นตระกูลของแม่ผม!!" ผมตอบโต้กลับไปเสียงดัง มือกำหมัดแน่นเพื่อเตือนสติตัวเองเอาไว้
"กลับไปได้แล้วคุณลันดา คุณเขม เรื่องบริษัทของคุณผมช่วยอะไรไม่ได้หรอก กลับไปเถอะ"
"พี่พฤกษ์!!!!!"
"ลันดา... กลับกันก่อนเถอะ" เขมคว้าแขนของลันดาไว้แต่สายตาของเขามองมาที่ผม
ผมไม่ชอบสายตาของเขา ไม่ชอบเขา ไม่ชอบมากที่สุด ผมกำลังรู้สึกอึดอัดกับสายตาของเขาที่มองผม แต่แล้วผมก็โล่งใจเมื่อมีอีกเสียงดังขึ้น "พฤกษ์"
ผมหันไปหาเขา คนที่มาได้ถูกเวลา คนที่มาช่วยผมจากสายตานั้น "หมอชล"
"มีแขกหรอ เดี๋ยวผมไปรอข้างบนแล้วกัน"
หมับ!
ผมคว้าแขนเขาเอาไว้ทันที "พวกเขาจะกลับแล้ว คุณลันดา คุณเขมกลับไปได้แล้วครับ"
เขมมองผมนิ่งก่อนจะก้มมองมือของผมที่จับแขนของหมอชลไว้แน่นและหันมองหน้าหมอชล "กลับกันก่อนครับลันดา ไว้ผมจะกลับมาใหม่" เขาพูดแค่นั้นแล้วก็พาลันดากลับไป
ผมถอนหายใจออกมา เรื่องมันจะยังไม่จบแค่นี้ใช่ไหม ทั้งๆ ที่ผมเองก็ออกมาจากบ้านนั้นตั้งหลายปีแล้วแท้ๆ เลย
จุ๊บ!ผมสะดุ้งด้วยความตกใจเมื่ออยู่ๆ ก็โดนหอมแก้ม ผมหันไปมองคนข้างๆ ตาวาว "อะไรของคุณ"
"หอมแก้มต้อนรับกลับบ้านไงครับ หึหึ ป้าสายยยย ผมหิวแล้วมีอะไรให้ทานบ้างครับบบบ" พูดกับผมเสร็จก็หันไปหาป้าสายที่ยืนหัวเราะอยู่ทันที
ผมได้แต่กลอกตาไปมาแต่สุดท้ายแล้วก็ต้องลอบยิ้มเพราะหมอชลทำให้ผมลืมเรื่องกังวลก่อนหน้านี้ไปจนหมด
************************************************
กลับมาแล้วค่าาา ขอบคุณทุกคนนะคะที่เป็นห่วงฟาง ตอนนี้ยังไม่หายป่วยเลยแต่ก็ไม่อยากให้คนอ่านรอกันนานวันนี้เลยมาอัพสักหน่อย กว่าจะแต่งจบตอนใช้เวลาหลายวันเลยค่ะเพราะแต่งได้ทีละนิดก็มึนหัวกว่าจะผสมเล็กผสมน้อยจนจบ แฮ่... ตอนนี้ก็ทิ้งปริศนา ทิ้งประเด็นของบ้านอาพฤกษ์เนอะว่าจะเป็นยังไง
ขอบอกอีกรอบนึงนะคะ ตอนแรกฟางแต่งให้อาพฤกษ์ออกจากบ้านเพราะครอบครัวยอมรับไม่ได้เรื่องเป็นเกย์(รายละเอียดจะแจกแจงต่อไปในตอนถัดๆ ไปถึงประเด็นนี้นะคะ ว่าใครรับไม่ได้) แล้วก็อีกเหตุผลหนึ่งคืออาพฤกษ์ไม่อยากเป็นหมอตามที่บ้าน ซึ่งประเด็นนี้ฟางขอเปลี่ยนอาชีพของครอบครัวอาพฤกษ์จากเป็นหมอ มาเป็นนักธุรกิจเหมือนกัน (ตอนแรกที่เขียนไปไม่ทันได้นึกถึงประเด็นตอนนี้เลยต้องแก้กะหันทัน ขอโทษด้วยนะคะ)
ซึ่งรายละเอียด ประเด็นร้อนของบ้านอาพฤกษ์จะค่อยๆ เฉลยนะคะ มันก็ไม่เชิงดราม่าหนักหน่วงอะไรหรอกค่ะ ไม่รู้จะเรียกมันว่าดราม่าได้ไหมด้วย ฮ่า... ฟางเป็นคนที่จำกัดความคำว่า “ดราม่า” ไม่เป็น ไม่รู้ว่าแบบนี้เรียกดราม่าไหม หรืออะไรยังไง แฮ่.... ขอบคุณค่า วันนี้จบเท่านี้เนอะ
เจอกันตอนหน้านะคะ คอมเมนต์ให้กำลังใจคนเขียนด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ
แวะไปคุยกันในเพจเฟสบุ๊คของฟางกันเยอะๆนะ ไปคุยกันได้นะคะ https://www.facebook.com/fgc32yaoi
สำหรับคนที่เล่นทวิตเตอร์และอยากพูดคุยถึงนิยายเรื่องนี้ช่วยกันติดแฮชแท็ก #น้องกันต์จัดให้ ด้วยนะคะ มาเล่นกันเยอะๆ เลยนะ ฟางเข้าไปส่องตลอดนะคะ แล้วจะแวะเข้าไปด้วยคุยค่ะ