ลิฟท์แดง ตอนพิเศษ
//แจวมาแจวจ้ำจึ่งน้ำนิ่งไหลลึกนึกถึงคนแจว แจวมาแจวจ้ำจึ่งน้ำนิ่งไหลลึกนึกถึงคนแจว แจวเรือจะไปซื้อของ แจวเรือจะไปซื้อของ ขอเชิญพี่ๆ ปีสองลุกขึ้นมาแจว// เสียงกลองดังกึกก้องตีคู่มากับเพลงสันทนาการจากเหล่ารุ่นพี่และรุ่นน้องที่พร้อมใจกันเปล่งเสียงประสานแสดงถึงสมัครสมานสามัคคีที่กำลังก่อตัวขึ้นได้เป็นอย่างดี แน่นอนว่าบรรยากาศแบบนี้คงไม่ใช่เทศกาลกินเจ กินเลี้ยงโต๊ะจีนลิง หรืองานเทกระจาด ใช่แล้ว... มันคือฤดูกาลแห่งการต้อนรับนักศึกษาหน้าใหม่เข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย เด็กหนุ่มสาวหน้าตาละอ่อน ท่าทางกรุบกรอบ หรือที่เรามักเรียกกันว่า 'เฟรชชี่' ต่างเดินกันให้ขวักไขว้ทั่วมหาวิทยาลัยแห่งนี้
"ไอน้องตัวสูงๆ คนนั้น เชิญมาตรงนี้หน่อยครับ!" เสียงรุ่นพี่เจ้าของฉายา
'ติ๊ก ว้ากนรก' สั่งรุ่นน้องหนุ่มหุ่นสูงโปร่งที่หล่อเกินหน้าเกินตารุ่นพี่อย่างเขา
"ผม?" ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งชี้หน้าตัวเอง พร้อมทำหน้างงงวยว่า...เรียกกูใช่มั๊ย
"เออดิวะ จะให้ผมเรียกใคร มีคุณคนเดียวที่สูงอย่างกับเสาไฟแบบนั้น!" พี่ติ๊กตะคอกเสียงโหด แน่นอนล่ะ ด้วยส่วนสูง 188 เซ็นติเมตร ยิ่งทำให้ชายหนุ่มหนุ่มหล่อคนนี้ยิ่งดูโดดเด่นขึ้นไปอีก
เขาทำหน้าเลิ่กลั่กก่อนรีบพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นจากแถว เขารีบวิ่งไปหารุ่นพี่จอมโหดที่ดูพร้อมจะกินเลือดกินเนื้อเขาเสียให้ได้
"ป้ายชื่อคุณอยู่ไหน!" ถึงแม้จะอยู่กันใกล้แค่ไม่กี่เมตร แต่พี่ติ๊กไม่มีทีท่าว่าจะลดเดซิเบลเสียงลงเลย
"เลอะน้ำจิ้มไก่แล้วเช็ดไม่ออก เลยทิ้งไปแล้วครับ!" หนุ่มร่างสูงคิดว่ารุ่นพี่คนนี้น่าจะมีปัญหาในการได้ยิน จึงตะโกนตอบกลับด้วยเสียงที่ดังไม่แพ้กัน
"ใครสั่งให้คุณทิ้งครับ แล้วแบบนี้เพื่อนจะจำชื่อ จำภาคที่คุณอยู่ได้เหรอ!"
"น่าจะจำได้ครับ!" ชายหนุ่มร่างสูงตอบ
"ยอกย้อนเหรอวะ! ไหนๆ ผมอยากจะรู้ว่าจริงมั๊ย!!? น้องผู้หญิงที่ใส่รองเท้าสีแดงคนนั้น ลุกขึ้นหน่อยครับ!"
เสียงนักศึกษาปีหนึ่งดังอื้ออึ้งเซ็งแซ่ ทุกคนต่างหันซ้ายหันขวาเพื่อหาว่าเหยื่อผู้โชคร้ายคราวนี้คือใคร เด็กผู้หญิงร่างผอมเพรียวที่ส่วมรองเท้าคัชชูสีแดงค่อยๆ ลุกขึ้นยืน ป้ายชื่อบนหน้าอกเขียนว่า
'เอลิซาเบ็ธ ภาคฟิล์ม'"น้อง... เอลิซาเบ็ธ" พี่ติ๊กถ้วนชื่ออีกครั้งด้วยความงงระดับสิบแปด เพราะหน้าตากับชื่อของน้องคนนี้แม่งไม่น่าสัมพันธ์กันเลยแม้แต่นิดเดียว ตาตี่ชั้นเดียวที่มองอย่างไรก็สระอิดีดีนี่เอง จมูกแบบไร้ดั้งจนไม่น่าจะดำรงชีวิตผ่านการหายใจได้ บวกกับโหนกแก้มที่คาดว่าสูงพอๆ กับแนวเทือกเขาอัลไต... แม่งไม่น่าชื่อเอลิซาเบ็ธเถอะ พระเจ้า!!
"ตอนตั้งชื่อนี่ได้ปรึกษาใครก่อนรึเปล่า!" พี่ติ๊กถาม
"พ่อแม่ตั้งให้ชื่อ เอ เฉยๆ ค่ะ แต่แบบคือหนูว่ามันไม่ใช่ตัวตน หน้าตามีคาแรคเตอร์แบบหนูเหมาะกับชื่อนี้มากกว่าค่ะ" เอลิซาเบ็ธตอบหน้าตาย เรียกเสียงฮาจากเพื่อนๆ และรุ่นพี่แถวนั้นได้กึกก้อง
"พอๆๆๆ ไหนไอหนุ่มเสาไฟตรงนี้ชื่ออะไร และอยู่ภาควิชาอะไร ถ้าน้องตอบไม่ได้ ไอหนุ่มนี่ได้ซวยแน่!" พี่ติ๊กกลั้นขำและดึงบรรยากาศให้กลับมาอยู่ในสภาวะกดตึงเครียดเช่นเดิม
เอลิซาเบ็ธหยีตาลงเพื่อเพ่งที่ใบหน้าของเพื่อนร่วมรุ่นที่อยู่ตรงหน้า เด็กสาวทำท่าครุ่นคิดอยู่พักนึง ก่อนที่พี่ติ๊กจะตะคอกอีกครั้ง เอลิซาเบ็ธทำท่าสะบัดผม (ที่ไม่รู้จสะบัดอะไรเพราะผมสั้นแค่ติ่งหู) เป็นการแสดงออกว่าหนูพร้อมที่จะตอบแล้ว
"หนูขอตอบเลยค่ะ" เอลิซาเบ็ธพูดน้ำเสียงที่มั่นหน้าและมั่นใจ
"ตกลงไอหนุ่มนี่ชื่อ?" ว้ากเกอร์หนุ่มรีบตัดกลับเข้าสู่คำถาม เพราะเขาเริ่มเหนื่อยกับลีลาแบบรัชดาลัยของน้องเอลิซาเบ็ธเต็มแก่แล้ว
"ฌองพอล ภาคแอ็ดค่ะ!" (Advertising หรือสาขาโฆษณา)
"......." กลุ่มรุ่นพี่รุ่นพี่ที่อยู่บริเวณนั้นถึงกับอึ้งในคำตอบของเอลิซาเบ็ธ เพราะไอเด็กปีหนึ่งชายหนุ่มร่างสูงตรงหน้า แม่งไม่มีวี่แววจะชื่อออกสไตล์ยูโรเปี่ยนได้ขนาดนั้นแน่นอน หุ่นสูงโปร่งแต่ไม่ได้ดูผอมแห้ง กล้ามเนื้อที่เด่นชัดภายใต้ผิวสีส้มบ่มแดด หน้าตาออกแนวตี๋ๆ เซอร์ๆ แต่ก็ไม่ได้ดูซกมก สรุปสั้นๆ ว่าตำแหน่งเดือนคณะไม่หนีไปไหนแน่นอน ฟันธง!
"เอ่อ... คุณชื่อ... ฌองพอลเหี้ยอะไรนี่รึเปล่า?" พี่ติ๊กไปต่อไม่ถูกกันเลยทีเดียว เจอคำตอบแบบนี้เข้าไป
"ชะ...
ชื่อค็อปครับ อยู่ภาคฟิล์ม" หนุ่มร่างโปร่งยกมือเกาหัวแบบลวกๆ มองหน้าเอลิซาเบ็ธ พลางนึกในใจว่ามึงเอาตาตุ่มตอบเหรอวะเนี่ย!?
"โอ๊ย พลาดไปนิดเดียวเอง!" เอลิซาเบ็ธทำหน้าเซ็ง
//แม่งไม่นิดเลยเหอะ// ทุกคนนึกในใจพร้อมกัน
หลังจากนั้นหนุ่มค็อปผู้โชคร้ายถูกลงโทษให้ลุก-นั่ง พร้อมตะโกนชื่อและภาควิชาที่ตนเองอยู่เป็นจำนวน 180 ครั้ง ส่วนทางด้านเอลิซาเบ็ธผู้ซึ่งดูไม่ได้สำนึกอะไรทั้งสิ้น ก็ไม่วายพลอยโดนหางว่าวไปด้วย เด็กสาวรองเท้าแดงถูกสั่งให้ยืนอยู่บนโต๊ะนิ่งๆ 20 นาที ห้ามยิ้ม ห้ามหัวเราะ แต่ระดับเอลิซาเบ็ธเหรอจะมีปัญหากับโจทย์แค่นี้ นางไม่ได้ยืนเฉยๆ แต่กลับโพสต์ท่าประหนึ่งผู้เข้าแข่งขันอเมริกา เน็กซ์ ท็อป โมเดล พูดได้ว่าทุกคนที่เดินผ่านลานหน้าคณะนิเทศาสตร์คงต้องงงเป็นแน่แท้ ว่าตัวอะไรวะมายืนโพสต์ท่าประหลาดอยู่ตรงนี้
"แฮ่ก... แฮ่ก... เห้ย ทำไมถึงคิดว่าเรา... เราจะชื่อฌองพอลได้วะ... แฮ่ก" หลังจากผ่านการลงโทษมหาโหด ค็อปเดินมาหาเอลิซาเบ็ธผู้ซึ่งกำลังกระโดดลงมาจากโต๊ะหิน
"ฉันไม่คิด มันเป็นความรู้สึกล้วนๆ ค่ะ ฟิลลิ่งอะ ยู โนว" เอลิซาเบ็ธตอบพร้อมจ้องตาชายหนุ่มที่กำลังหอบแฮ่กๆ
"เหี้ย! เจ๋งว่ะ เธอแม่งเจ๋งโคตรๆ" ชายหนุ่มตบขาดังผั๊วะ
รุ่นพี่ที่อยู่ตรงนั้นได้แต่มองหน้ากันนิ่งๆ
//มึงว่าน้องปีนี้แม่งจะไหวมั๊ยวะเนี่ย กูสงสารคณะ...//.........................................
.........................................
และแล้วช่วงเวลาการรับน้องผ่านพ้นไปไวเหมือนโกหก ตัดภาพมาอีกทีตอนนี้เหล่าบรรดาเฟรชชี่ปีหนึ่งวัยใสได้กลายสภาพมาเป็นรุ่นพี่ปีสองอย่างรวดเร็ว
"เห้ย เบ็ดมึงจะกินอะไรวะ เดี๋ยวกูเดินไปซื้อให้" ค็อปถามเพื่อนซี้ที่เคยเดบิ้วต์ด้วยชื่อ 'เอลิซาเบ็ธ' แต่ปัจจุบันโดนกร่อนเสียงจนเหลือแค่ 'เบ็ด'
"โอ๊ย บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าเรียกฉันว่าเบ็ดเฉยๆ อีเสาไฟ ช่วยให้เกียรติชื่อของดิฉันด้วยค่ะ!"
"มันยาวไปว่ะมึง กว่าจะเรียกมึงแต่ละทียากฉิบหาย"
"แน่นอน ฉันไม่ใช่ผู้หญิงง่ายๆ"
"เออๆๆ แม่คนยากมากกกกกกก ตกลงจะแดกอะไรครับ"
"ดูจากหน้าของฉันแล้วจงทาย"
"น้ำตก ลาบเลือด ข้าวเหนียว แล้วก็..."
"สต็อปแค่ตรงนั้นเลยอีเสาไฟ!! ฉันขอรับเป็นข้าวราดแกงสักอย่างสองอย่างพร้อมผักเคียงก็พอ ขอบคุณค่ะ อ้อ แล้วก็ให้มันไวไวด้วยนะ จะได้คุยกันต่อเรื่องงานรับน้อง จะวันนี้วันพรุ่งอยู่แล้วนี่ยังไม่ได้ไฟนอลเวรตะไลไส้ติ่งอะไรเลย พูดตรงๆ ว่าฉันเพลียมากค่ะ โอ๊ย พูดแล้วมาสแคร่าจะไหล" เบ็ดพูดพร้อมหยิบกระดาษทิชชู่มาทำท่าซับน้ำตาละครๆ ของเธอ
"...เออ" ค็อปตอบอย่างเอือมระอา
นับตั้งแต่
เหตุการณ์ฌองพอล ค็อปและเอลิซาเบ็ธหรือเบ็ดของเพื่อนๆ กลายเป็นคู่ซี้คู่ฮาประจำคณะนิเทศศาสตร์ไปเป็นที่เรียบร้อย ทั้งคู่มักได้รับหน้าที่เป็นแกนนำในการทำกิจกรรมต่างๆ ของมหาวิทยาลัยและคณะอยู่เสมอ สองคนนี้สนิทสนมกันมากเสียจนเคยมีคนถามว่าตกลงแกสองคนเป็นแฟนกันใช่มั๊ย ทั้งคู่จะหันมาสบตากันพร้อมพูดว่า "กูยอมตายครับ/ค่ะ!"
หลังจากที่ทั่งคู่กินข้าวเสร็จ ค็อปและเอลิซาเบ็ธก็นั่งคุยเรื่องงานรับน้องที่กำลังจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ต่อทันที และเป็นไปตามธรรมเนียมปฏิบัติที่รุ่นพี่ชั้นปีที่สองจะต้องเป็นโต้โผใหญ่ในการจัดงาน และถ้าให้พูดว่าใครโดดเด่นที่สุดในชั้นปีที่สอง คงหนีไม่พ้นคู่ซี้คู่ฮาคู่นี้ เวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมง รายละเอียดหลายอย่างทุกสรุปจนเรียบร้อยเกือบหมด
"กรี๊ด เสร็จซะที น้ำตารื้น!" เอลิซาเบ็ธปลื้มปิติจนเก็บอาการไม่อยู่
"เว่อร์แล้วมึงๆ เออ ไอเบ็ดศุกร์หน้ากูไม่อยู่นะ"
"ทำไม ไปไหน ทำอะไร กับใครมิทราบ"
"อาจารย์ที่โรงเรียนเก่าอยากให้กูไปพูดแนะนำรุ่นน้องเรื่องเรียนต่อไรงี้ว่ะ"
"ต้องการให้ฉันไปช่วยมั๊ย ได้ข่าวว่าแกจบจากโรงเรียนชายล้วนด้วยหนิ โอ๊ย เด็กหนุ่มนับร้อยในวัยกลัดมัน พูดแล้วเสียวไส้ค่ะ" เอลิซาเบ็ธหยิบทิชชู่แผ่นเดียวกับที่ใช้ซับหน้าตาก่อนหน้านี้มาซับมุมปาก
"...กูไปคนเดียวนี่แหละ สงสารอนาคตของเด็ก" ค็อปตอบ
"ค่ะๆๆ ถ้าจะให้ฉันช่วยอะไรบอกแล้วกัน"
ชายหนุ่มยิ้มตอบให้เพื่อนคนสนิท จากนั้นมือยาวก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา กดโทรออกไปยังหมายเลขล่าสุดที่เพิ่งโทรไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว ค็อปใจเต้นระรัวเสมือนกำลังลุ้นผลสลากกินแบ่ง... แต่รอแล้วรอเล่า... รอเล่ารอแล้ว... รอจนนสุดท้ายสายตัดไป
"โทรหาต้น?"
"อื้ม ไม่รับสายเหมือนเดิม" ชายหนุ่มทำหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่แววตากลับแฝงไปด้วยความอ่อนใจ
"ช่างมัน ใครเค้าไม่เห็นค่าแกก็ช่าง ไม่ตายก็หาใหม่ได้ เพื่อนฉันออกจะหน้าดี ดีกรีเลิศ แถมสูงเป็นเสาไฟซะขนาดนี้ มาๆ เดี๋ยวฉันช่วยหา แกอยากได้แบบไหนบอกฉัน"
"รักกูที่เป็นกูและอยู่ดูแลกันตลอดไป"
"แหม มาเป็นสโลแกนเลยนะคะ คือแบบโจทย์ยากกว่า Pre-test อาจารย์เสาร์อีกค่ะ แต่ดิฉันจะตามล่ามาให้ได้ ขอให้วางใจค่ะ"
"เออ ขอทันก่อนกูตายนะ ฮ่าฮ่า" ชายหนุ่มพูดติดตลก
"โอ่ย ปากหรือกระบะอึคะนั่น ไม่เป็นมงคลเลยนะมึง" ใช่แล้ว ถึงแม้เอลิซาเบ็ธจะดูเป็นเด็กสาวหัวสมัยใหม่ แต่เธอเองไม่ชอบเวลาเพื่อนคนนี้พูดเรื่องความเป็นความตายแบบติดตลกเช่นนี้
"กูไปงั้นแหละ ไปก่อนนะเว้ยเบ็ด พอดีนัดพวกไอกากเล่นบาสไว้ เจอกันพรุ่งนี้เว้ย" ค็อปหยิบย่ามขึ้นสะพายหลัง ก่อนเดินจากไป
"อำลาไม่อาลัย ซี ยู ทูมอโร่วค่ะ"
เอลิซาเบ็ธรู้มาตลอดว่าเพื่อนคนสนิทของเธอมีแฟนเป็นผู้ชาย และเธอเองไม่มีปัญหาอะไรกับเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว ก่อนหน้านี้ทุกอย่างมันก็โอเคอยู่หรอก จนกระทั่งเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ไอค็อปเพิ่งถูกต้นบอกเลิก(หลังจากคบกันมาเกือบสามปี) ด้วยเหตุผลที่ว่า "เราอยากโฟกัสที่เรื่องเรียนมากกว่า" หลังจากนั้นค็อปก็พยายามติดต่อและบุกไปหาอีกฝ่ายถึงที่บ้าน แต่ทางฝ่ายของต้นก็สามารถหาทางเลี่ยงได้ทุกครั้งไป นี่ผ่านไปจะเดือนนึงแล้ว ไอค็อปก็ยังดูไม่ดีขึ้นเลย เอลิซาเบ็ธเห็นเพื่อนเป็นแบบนี้แล้วก็อดสงสารไม่ได้จริงๆ
"โธ่ พ่อค็อปผู้น่าสงสาร" เอลิซาเบ็ธพูดพลางกรีดอายไลนเนอร์ไปพลาง
---------------------
ค็อปมาถึงโรงเรียนทันเวลานัดแบบฉิวเฉียด เพราะเมื่อคืนชายหนุ่มมัวแต่ตื่นเต้นจนนอนไม่ค่อยหลับ รู้สึกตัวอีกทีก็ใกล้ถึงเวลานัดแล้ว ใช่แล้วครับวันนี้ค็อปจะต้องมาพูดแนะนำเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยและคณะที่เขากำลังศึกษาอยู่ นอกจากจะเป็นการให้ข้อมูลต่างๆ แล้ว นี่ยังเป็นการสร้างแรงบันดาลใจที่ดีให้กับรุ่นน้องในชั้นมัธยมปลายที่กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ
"มิสหมูครับ ห้องนี้ใช่มั๊ยครับ?"
"แหม นายบอดินทร์เส้นยาแดงผ่าแปดเหมือนตอนเรียนเลยนะจะ เดี๋ยวน้องๆ กำลังขึ้นมากันแล้ว เตรียมตัวมาพร้อมแล้วนะ?"
"แหะๆ ครับ" ชายหนุ่มร่างโปร่งได้แต่ยิ้มเขินๆ ให้อาจารย์คนสนิท
ค็อป หรือ นายบอดินทร์ ของอาจารย์ เป็นนักเรียนที่ถูกจัดอยู่ในประเภท 'เด็ก(เกือบ)หลังห้อง' ถึงแม้เขาจะเกเรเป็นไปบ้างตามประสาวัยรุ่น แต่สุดท้ายก็สร้างอภิหารโดยการสอบติดเข้าคณะนิเทศศาสตร์ ในมหาวิทยาลัยอันดับต้นๆ ของประเทศได้ เรียกว่างงกันไปทั้งโรงเรียนเลยในตอนนั้น
ความจริงค็อปเองไม่ใช่นักพูดที่เก่งกาจอะไรมากมายหรอก แต่ด้วยบุคลิกและความเป็นกันเองที่มักทำให้เขาได้รับหน้าที่อะไรเถือกๆ นี้อยู่บ่อยครั้ง อย่างวันนี้ก็เช่นกัน มิสหมูแจ้งว่าผู้ฟังส่วนใหญ่จะเป็นนักเรียนชั้นม.5-6 แต่จะมีน้องม.3 คนนึง ที่ขอเข้ามาฟังด้วย ซึ่งมิสหมูเองก็ไม่ได้ติดขัดอะไร
ค็อปเริ่มจากการแนะนำตนเองก่อน จากนั้นก็ต่อด้วยประวัติความเป็นมาของมหาวิทยาลัย คณะนิเทศาสตร์ประกอบไปด้วยภาควิชาอะไรบ้าง แต่ละสาขาจบไปสามารถทำงานอะไรบ้าง ฯลฯ และแล้วก็มาถึงช่วงการถามคำถาม กว่า 80% ของคำถามแม่งไม่พ้น "สาวคณะนี้สวยมั้ย?" "สาวคณะไหนสวยสุด?" "คณะไหนเรียนง่ายแต่เงินเดือนดีดีบ้าง?" ค็อปได้ยินแต่ละคำถามแล้วอยากจะเอาเท้าก่ายหน้าผากจริงๆ แต่เอาวะไหนๆ จะหมดเวลาแล้ว ขอถือโอกาสขมวดจบเลยแล้วกัน "งั้นพี่ขอเป็นคำถามสุดท้ายแล้วนะครับ" ทันใดนั้นเอง เด็กหนุ่มตัวเล็กท่าทางมึนๆ คนนึงก็ยกมือขึ้น
"น้องคนนั้น มีอะไรจะถามพี่ครับ?" ค็อปเรียก
"ทำไมพี่ถึงเลือกเรียนอันนี้ ทั้งๆ ที่เรียนอย่างอื่นอาจจะจบไปได้เงินมากกว่า"
//เห้ย! คำถามแม่งมีกึ๋นว่ะ// ท่าทางน้องคนนี้จะไม่ธรรมดาแน่นอน ค็อปคิดในใจ
"พี่ชอบดูหนังตั้งแต่ม.ต้นแล้ว ทุกวันเลยนะพี่ที่ต้องโดดเรียน... เอ้ย! รอเวลาจนหมดวิชาคาบสุดท้าย ในขณะที่เพื่อนๆ คนอื่นเลิกเรียนก็ไปเรียนพิเศษ แต่สิ่งที่พี่ทำคือวิ่งเข้าโรงหนังตลอด เพราะฉะนั้น พี่รักหนังพี่ถึงได้เลือกเรียนภาคฟิล์ม รู้นะว่าเงินมันก็สำคัญ ใครไม่อยากรวยบ้างวะ แต่อีกสิ่งนึงที่สำคัญกว่านั้น คือการได้ทำในสิ่งที่เรารัก เพราะต่อให้เหนื่อยขนาดไหน งานแม่งจะเยอะท่วมหัว ของเก่ายังไม่เสร็จของใหม่มาจ่อรอละ ไหนจะกิจกรรมทั้งในทั้งนอกคณะอีก... แต่ถ้ามันเป็นสิ่งที่เรารักล่ะก็ แม่งสู้ไม่ถอยว่ะ พี่พูดตรงๆ"
ตั้งแต่เริ่มกิจกรรมจนมากระทั่งถึงตอนนี้ ห้องเรียนที่เคยมีแต่เสียงคุยกันโวกเวกโวยวายกลับเงียบลงทันที เด็กทุกคนหันมองหน้ากันและตั้งคำถามกับตัวเองว่า 'อะไรคือที่สิ่งที่เรารัก'
"เก่งขึ้นเยอะเลยนะเรา น้องๆ ได้อะไรกลับไปเยอะแน่ๆ ขอบใจมากนะบอดินทร์" มิสหมูเดินพูดกับค็อปหลังจบกิจกรรม
"ชมกันขนาดนี้เดี๋ยวผมลอยนะครับ แหะๆๆ แต่จริงๆ ต้องขอบคุณน้องคนนั้นนะ ถ้าไม่ได้คำถามนั้นผมว่าวันนี้อาจจะออกอ่าวไทยไปแล้วก็ได้"
"ตัวเล็กๆ คนนั้นน่ะหรอ"
"ใช่ครับ คนที่ถามคำถามสุดท้ายเลยอะครับ"
"อ๋อ คนนั้นแหละเด็กม.3 ที่มิสบอก"
"น้องชื่ออะไรอะครับ"
"ไม่รู้เหมือนกัน มาสเตอร์สมบูรณ์ที่ดูแลชั้นม.ต้นเค้าฝากมาอีกต่อน่ะ"
"ไม่เป็นไรครับ งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ พอดีต้องไปทำงานคณะต่ออีก สวัสดีนะครับมิส"
พอกลับมาถึงคณะ ค็อปก็รีบตั้งหน้าตั้งตาปั่นงานที่ดองไว้ทันที กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ปาไปเกือบสองทุ่มแล้ว เอลิซาเบ็ธเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดก็ขอตัวกลับไปตั้งแต่หกโมง ชาวคณะที่ปกติแม่งหน้าสลอนกันเต็มก็พากันหายหัวไปไหนหมดไม่รู้ สรุปสั้นๆ ว่าบรรยากาศตอนนี้แม่งทั้งมืด... เปลี่ยว... วังเวง... ครบสูตรมาก
"ใกล้เวลาปิดตึกแล้วนี่หว่า ค่อยมาทำต่อพรุ่งนี้แล้วกันวะ" หลังจากค็อปเก็บของทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เขารีบปิดไฟพร้อมล็อคกุญแจห้องกิจกรรม ชายหนุ่มไม่ลืมที่จะยกนาฬิกาข้อมือคอยดูเวลา เขารีบวิ่งไปยังลิฟท์สีแดงคร่ำครึประจำคณะที่ปกติเขาไม่ค่อยชอบขึ้นสักเท่าไหร่หรอก จะขึ้นก็ต่อเมื่อเวลารีบๆ เท่านั้น เพราะอะไรน่ะเหรอ... เพราะเขาเป็นคนกลัวผีขึ้นสมองเลยก็ว่าได้
"ฉิบหาย อีกแล้วเหรอวะเนี่ย! แม่งลืมตลอด" เขาเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองลืมโทรศัพท์มือถือไว้ในห้อง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ ถ้าใครมาที่ห้องกิจกรรมแล้วเห็นโทรศัพท์ฝาพับสีดำ สภาพเหมือนผ่านสงครามเวียดนามวางอยู่บนโต๊ะละก็... ขอให้สันนิษฐานได้เลยว่าเป็นของค็อป ปีสอง ภาคฟิล์มแน่นอน
เสียงล็อคประตูดัง
//แกร๊ก// ค็อปเช็คกระเป๋าย่ามอีกรอบเพื่อให้มั่นใจว่าไม่ลืมอะไรอีก หลังจากนั้นชายหนุ่มร่างโปร่งจึงรีบวิ่งไปที่ลิฟท์ประจำคณะ เขากดลิฟท์อย่างไม่รีรอ เพราะเวลาทุกนาทีของเขามีค่า เขาอยากจะรีบไปให้พ้นตึกนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ก่อนที่ความคิดของเขาจะไปไกลเตลิดกว่านี้ เสียงลิฟท์เก่าคร่ำครึก็ดังขึ้น ประตูบานเก่าสีเลือดหมูค่อยๆ เปิดออกส่งเสียงดังครืดๆ ภายในปรากฏร่างเด็กหนุ่มอีกคน ที่หน้าตาดูซีดเซียว ไม่แสดงออกถึงสีหน้าอารมณ์ความรู้สึกใดใด ใบหน้าของเด็กหนุ่มค่อยๆ เงยขึ้น ดวงตาว่างเปล่าจ้องมองมาที่ค็อปอย่างไม่กระพริบ...
"เหี้ย! โดนแล้วมั๊ยล่ะกู!!!!" ค็อปนึกเสียงดังลั่น(ในใจ)
โปรดติดตามตอนต่อไป