บ่ายโมงของวันเดียวกันนั้น....
.
.
.
“อ้าวว่าไงไอ้เมฆ ไปยังไงมายังไงถึงมาหาข้าถึงบ้านได้” นายวันถามขึ้นเมื่อเห็นเด็กหนุ่มที่คุ้นหน้าคุ้นตามานานตั้งแต่เด็กๆ
“ก็มีธุระกับลุงวันนิดหน่อยแหละจ๊ะ” เด็กหนุ่มยกมือไหว้ พลางเดินขึ้นไปบนเรือน
“มีธุระกับข้างั้นรึ?” เจ้าของบ้านทำหน้าสงสัย ก่อนจะยกน้ำใส่ขันมาให้ “อะไรล่ะ”
“คือผมจะบอกว่า....” เมฆินทร์สีหน้าเขินเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็เฉลย “ผมกับโนเรารักกันน่ะครับ”
“เฮ้ย!!! ตาเถร” นายวันอุทานลั่นด้วยดวงตาเบิกโพลง “เอ็งพูดบ้าๆอะไรเนี่ย”
“ผมพูดจริงๆครับลุงวัน ผมรักโน และผมก็มาบอกให้ลุงรู้” ชายหนุ่มตอบชัดเจน “ผมก็ไม่ได้จะป่าวประกาศไปทั่วแต่ผมก็อยากให้ผู้ใหญ่ของผมกับของโนรู้ เพราะผมจริงจังกับโนนะครับ”
“พลั่ก!!!” เมฆินทร์หงายหลังลงกับพื้นเรือนอย่างแรงจากแรงถีบอย่างจังเบอร์ที่กลางหน้าอกของเจ้าบ้านที่อารมณ์คุกรุ่น คนที่นอนกองกับพื้นตกใจไม่น้อย หากแต่เขาก็ยังพยายามที่จะอธิบายความจริงต่อไป
“ลุงวันครับ”
“เอ็งหุบปากเลย ไอ้เมฆ เอ็งจะเป็นห่าอะไรก็ไม่สนหรอก แต่เอ็งจะโมเมว่าหลานข้าวิปริตแบบมึงไม่ได้ ไป!! มึงจะไปไหนก็ไป!!”
“แต่ลุงวันครับ...”
“เปรี้ยงงงง!!!” เสียงปืนลูกซองที่แขวนไว้ข้างฝาถูกคว้าอย่างว่องไว ทิศทางของกระสุนถูกยิงขึ้นฟ้าหนึ่งนัด เสียงของมันดังกังวาลและแผดก้องราวกับเสียงกรีดร้องของพญามัจจุราชที่สามารถพรากชีวิตของชายหนุ่มไปได้
“ข้าบอกให้เอ็งกลับไป”
“ผมไม่กลับ จนกว่าลุงจะเข้าใจผมกับ...”
“เปรี้ยงงงง!!!” เสียงปืนดังขึ้นอีกครั้ง และครั้งนี้ทิศทางของกระสุนนั้นพุ่งไปทางพื้นเรือนในรัศมีที่ไม่ไกลจากเมฆินทร์นัก ทำให้เจ้าตัวสะดุ้งโหยงและดีดตัวลอยราวกับบินได้
“ถ้าเอ็งยังพูดพล่อยๆอีก ข้าจะเป่าให้กระหม่อมกระจุยเลย”
.
.
เมฆินทร์ก้าวถอยหลังช้าๆ ก่อนจะค่อยลงไปจากบ้านของนายวันอย่างผู้แพ้ เขาเดินคอตกไปจนถึงกลางทาง มาพบนางชื่นและอโณชาที่วิ่งตาตื่นาแต่ไกล ก่อนที่ทั้งคู่จะหอบแฮ่กเมื่อพบว่าคนที่เป็นห่วงปลอดภัยดี
“ไม่เป็นไรใช่มั้ยพี่เมฆ/ไอ้หมา” สองคนประสานเสียง หนุ่มผิวคล้ำยิ้มแหยๆก่อนจะตอบ
“ยังไม่ตายครับ”
“นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ยครับ พี่เมฆ” อโณชาถามขึ้น ด้วยยังงุนงงกับเหตุการณ์ทั้งหมด
“ก็เพราะเอ็งนั่นแหละ” นางชื่นแผดเสียง “เพราะมันรักเอ็ง ลูกฉันถึงได้เกือบจะเอาชีวิตไปทิ้ง!!”
“ป้าชื่นว่ายังไงนะครับ ผม...ผมงงไปหมดแล้ว”
“แม่ครับ พอเถอะ ไม่ใช่ความผิดของโนมันหรอก” คนที่เพิ่งรอดกระสุนปืนมาหวุดหวิดปกป้องอโณชา “ผมทำตัวเองทั้งนั้น”
“แล้วมันได้อะไรขึ้นมาเฮอะ ไอ้หมา เอ็งจะเอาชีวิตไปทิ้งเพราะความรักงั้นหรอ ....ไอ้หมา ฟังแม่นะ ลำพังเรื่องความรักของเอ็ง ข้าก็ทำใจลำบากแล้ว แต่ถ้าฝั่งตาวันมันไม่เอาด้วยแบบนี้ ข้าเองก็ไม่เอาด้วยเหมือนกัน ข้าน่ะก็รักเอ็งไม่แพ้ที่เอ็งรักเจ้าโนมันหรอก และข้าก็จะไม่ยอมให้เอ็งต้องมาตายเพราะความรักโง่ๆแบบนี้ ” นางชื่นพรั่งพรูความรู้สึกทั้งหมด ด้วยดวงตาแดงก่ำเหมือนจะร้องไห้ และนางก็เลือกที่จะหันหลังให้กับคนทั้งคู่
“ลูกมันก็เลี้ยงได้แต่ตัว แต่ถ้าเอ็งเลือกที่จะตายแบบนั้นก็ตามใจ แต่ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าแม่อีก!!!”
นางชื่นค่อยๆเดินลับตาไป ทิ้งไว้แต่สองหนุ่มที่ยืนนิ่งงันโดยไม่พูดไม่จา
“ทำไมทำอะไรไม่ปรึกษากัน นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆแล้วนะ”
“พี่ขอโทษโน พี่ผิดเอง” ชายหนุ่มก้มหน้ายอมรับ
“ผมเข้าใจความรู้สึกพี่เมฆนะครับ” คนตัวบางแตะไหล่อีกคนด้วยรอยยิ้มเศร้าๆ “แต่พี่ก็ควรจะเลือกครอบครัวของพี่ ไม่ใช่คนนอกอย่างผม”
“โน อย่าทำแบบนี้” เมฆินทร์จับมือของอีกคนไว้แน่น “พี่ไม่ยอมให้มันเป็นแบบนี้แน่”
“ ผมขอเวลาคิดอะไรๆสักหน่อยเถอะครับ ช่วงนี้.... เราควรต้องห่างๆกันสักพัก”
ชายหนุ่มค่อยๆแกะมือของอีกคนออก ก่อนจะเดินจากไปทิ้งไว้แต่ไอ้หนุ่มบ้านนาที่กำลังเข่าทรุดลงกับพื้นและหลั่งน้ำตาลูกผู้ชาย
“มันต้องไม่เป็นแบบนี้สิ ไอ้เมฆ”
.
.
.
อโณชานั่งเหม่อมองท้องฟ้าอยู่ที่เฉลียงชั้นสองด้วยความรู้สึกสับสน เขาไม่ปฏิเสธหรอก ว่าเวลานี้ตัวเองก็มีใจให้กับลูกชายผู้ใหญ่บ้านไม่น้อย หากแต่....ความรู้สึกทั้งหมดมันเพิ่งจะเริ่ม และหากความสัมพันธ์ของเขามันจะก่อปัญหาให้กับใครต่อใคร .... ถ้าเป็นเขา เขาก็เลือกที่จะถอย เพราะเขารู้ ว่าเขาทำใจได้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาอกหักสักหน่อย
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ สามเดือนที่ผ่านมาแทบจะไม่มีใครโทรเข้าจนชายหนุ่มต้องเปลี่ยนโปรโมชั่นเป็นแบบเติมเงินให้เหมาะสมกับการใช้งาน และเมื่อเห็นว่าปลายสายเป็นเบอร์ของใคร เขาจึงตัดสินใจรับสายนั้น
“ว่าไงครับแม่”
“ชั้นจะโทรมาถามสารทุกข์สุขดิบไม่ได้รึไง นี่มันไม่ใช่แค่วันสองวันนะที่แกหายหัวไปน่ะ” ปลายสายยังคงมีนิสัยเช่นเดิม
“ทำอย่างกับแม่ใส่ใจผมนัก ปกติก็โทรมาตอนสิ้นเดือนอยู่แล้วนี่”
“เอาเถอะ ชั้นไม่อยากต่อปากต่อคำกับแกเท่าไหร่ แกสบายดีใช่มั้ย”
“ก็....” ชายหนุ่มนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง “สบายดีมั้งครับ”
“ก็ดี .... ความจริงที่โทรมาเนี่ย ชั้นก็มีเรื่องจะบอกอยู่เหมือนกัน ..... “
“เงินหมดอีกหรือไง”
“เปล่าหรอก ชั้นแค่จะบอกว่า ชั้นจดทะเบียนกับผัวใหม่แล้วน่ะ แกจำได้มั้ย ตาชิตน่ะ”
อโณชาค้นหาชื่อและหน้าตาของคนชื่อชิตในความทรงจำ และก็พบว่าเป็นหนึ่งในผู้ชายหลายๆคนของแม่ หากแต่เขาก็รู้จักผู้ชายคนนี้เพียงผิวเผินมาก
“ทำไมถึงเลือกตาคนนั้นล่ะแม่”
“คนเราดีไม่ดีก็ดูกันยามยากนี่แหละ ช่วงที่แกแย่ๆ แม่ก็ได้เค้าช่วย ถึงเค้าจะดูทึ่มๆขัดกับสเปคชั้นสักหน่อย แต่ก็ดีกว่าพวกไก่แก่แม่ปลาช่อนคนอื่นๆ” แม่ตอบตรงไปตรงมา
คำว่าผู้ชายซื่อๆทึ่มๆ ทำให้อโณชานึกถึงใบหน้าของคนๆหนึ่งลอยขึ้นมาในความคิด คนที่เขาควรจะต้องตัดสินใจแล้วว่าจะเดินหน้าหรือถอยหลังกับผู้ชายคนนี้
“แล้วแกล่ะ ไปอยู่ที่นั่น ไปได้กับชาวนาที่ไหนบ้างมั้ย” คำถามของแม่ยังตรงกับบุคลิก
“เฮ้อ .... ไม่มีหรอกครับ มาทำงานไม่ได้มาหาแฟนนี่”
“แล้วไอ้จอนล่ะ เห็นมันมาถามหาแก ได้เจอกันหรือยัง”
“เจอกันครับ....แต่ผมกับจอนไม่ได้เป็นอะไรกันมานานแล้ว”
“แล้วแกเป็นอะไรของแกล่ะ ฉันรู้นะ....ตอนนี้จิตใจของแกไม่ได้เป็นปกตินักหรอก”
“แม่....รู้ได้ยังไงไง” อโณชาตกใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินแม่ของตนพูดเช่นนั้น
“เพราะชั้นเป็นแม่แกไง ทำไมชั้นจะไม่รู้เช่นเห็นชาติ แกอาจจะใสซื่อกับคนอื่น แต่แกไม่อ่อนหวานกับชั้นนักหรอก แล้วที่แกมาพูดเสียงอ่อยๆใส่ชั้นนั่นแสดงว่าแกคงมีเรื่องไม่สบายใจอะไรอยู่ ...แต่ก็เอาเถอะ ชั้นก็ไม่ได้ขอให้แกมาระบายกับชั้นหรอก แกเองก็โตรู้เรื่องรู้ภาษาแล้ว แต่ยังไงชั้นก็เป็นแม่แก มีอะไรให้ช่วยได้ก็บอกมาแล้วกัน”
“เอ่อ....” อโณชาหลับตา และถอนหายใจเบาๆ “ขอบคุณมากครับแม่ เอาเป็นว่าผมยินดีด้วยกับแม่แล้วกัน เรื่องแฟนใหม่น่ะ”
.
.
.
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก!” เสียงเคาะประตูบ้านเกษตรอำเภอดังขึ้นในเช้าตรู่วันหนึ่ง ผู้ที่อาศัยในบ้านทั้งสองคนมองหน้ากันเล็กน้อย ก่อนที่นฤบดินทร์จะเป็นคนไปเปิดประตูให้เมื่อเจ้าของบ้านพยักหน้ายินยอม
บานประตูไม้ถูกเปิดออกเผยให้เห็นแขกผู้มาเยือนที่คุ้นหน้าแต่แปลกตาออกไปด้วยสภาพที่ดูอิดโรยกว่าทีเคยเห็น
“ขอคุยด้วยหน่อยสิ จอน”
“ผมหรอครับ พี่เมฆ” ขจรเกียรติย่นคิ้วอย่างแปลกใจด้วยไม่คิดว่าชายตรงหน้าจะมีธุระกับตน
“ใช่ .... นายนั่นแหละ” เมฆินทร์ย้ำคำแน่นหนัก
“งั้น .... คุยข้างในดีมั้ยครับ”
เมฆินทร์พยักหน้ารับ ก่อนจะเดินตามอีกคนเข้าไป นฤบดินทร์มองแขกผู้มาเยือนด้วยแววตาที่แปลกใจไม่ต่างกับผู้เป็นบ่าวนัก หากแต่ด้วยหลายๆอย่างที่ผ่านมาทำให้เขาเลือกที่จะประพฤติตัวเย็นชาให้กับผู้มาเยือน
“มีเรื่องอะไรล่ะเนี่ย”
“พี่มีเรื่องอยากจะคุยกับจอนสักหน่อยน่ะหน่อง”
“งั้น....ผมต้องหลบไปที่อื่นก่อนมั้ย”
“ไม่ต้องก็ได้ .... อยู่ฟังด้วยกันนี่ล่ะ เผื่อหน่องจะมีความคิดอะไรดีๆ”
.
.
.
“สมน้ำหน้า ทำอะไรไม่คิด” นฤบดินทร์พูดสั้นๆเมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด พลางยักไหล่อย่างไม่แยแสต่อความรู้สึกของคนที่กำลังทุกข์หนัก
“ก็รู้ว่าผิด แต่ยังไงพี่ก็ไม่ยอมให้มันจบลงแบบนี้นะ”
“แล้วไง ซมซานมาที่นี่เพื่ออะไร ผมน่ะนะ....”นฤบดินทร์ตอกย้ำ แต่ชายผู้ทุกข์ร้องก็ยกมือห้ามไว้
“ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย เพราะพี่แค่จะขอยืมตัวจอนไปด้วย...เท่านั้นเอง” เมฆินทร์เฉลยความต้องการ ทำเอาอีกสองคนต้องหันมองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจนัก
“ผม.... น่ะหรอครับ” คนที่ถูกอ้างถึงเลิกคิ้ว “ผมจะทำอะไรได้”
“พาผมไปหาแม่ของโนที่อยู่กรุงเทพหน่อยได้มั้ย ผมยินดีทำทุกอย่าง .... ขอแค่พาผมไปหาแม่ของโน ให้ผมได้ไปพูดกับท่าน แต่ถ้ามันจะทำให้ทุกอย่างแย่ลงไปกว่าเดิม ผมก็คงต้องยอมแล้ว แต่ผมขอดิ้นรยต่ออีกหน่อยเถอะ”
ขจรเกียรติและนฤบดินทร์มองหน้ากันเป็นเชิงถามใจ ก่อนที่ฝ่ายเกษตรอำเภอจะหยักหน้าและถอนหายใจเสียงดังด้วยสีหน้าเซ็งๆ
“ตกลง .... แต่พี่เมฆสัญญาแล้วนะว่ายินยอมทุกอย่าง”
“ใช่ ผมสัญญา”
“หึหึ....ตกลง งั้นเราจะไปกันเดี๋ยวนี้เลยมั้ยครับ”
“ได้...ได้สิ ไปกันเดี๋ยวนี้เลย” เมฆินทร์มีสีหน้าแช่มชื่นขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
รถกระบะของเมฆินทร์บึ่งทะยานออกไปด้วยความเร็วด้วยความที่คนขับคงจะอยากให้ถึงกรุงเทพให้เร็วที่สุด นฤบดินทร์มองรถคันนั้นที่ค่อยๆแล่นลับตาไปพลางส่ายหัวเบาๆ พลางนึกเป็นห่วงเมฆินทร์อยู่ลึกๆ เขาคงมัวแต่หูตามืดบอกเพราะความรักจนลืมที่จะสังเกตแววตาเจ้าเล่ห์ของคนที่พาไปด้วย ถึงแม้นฤบดินทร์จะพอมองออกว่า ขจรเกียรติไม่ได้เป็นคนที่ชั่วร้ายมากนักเหมือนในอดีต แต่เชื่อเถอะ ขึ้นชื่อว่าหมาจิ้งจอกน่ะ ต่อให้เอามาหัดให้กินพืชแต่มันก็ไม่ทิ้งนิสัยเจ้าเล่ห์หรอก
“อย่าแกล้งตานั่นแรงนักก็แล้วกันนะจอน” นฤบดินทร์อมยิ้มพลางภาวนาในใจ ก่อนจะเดินเข้าบ้านไปอย่างอารมณ์ดี บางทีให้ไอ้หนุ่บ้านนอกโดนซะมั่งมันก็ดีเหมือนกัน
“ผมขอค่านำทางห้าหมื่น” ขจรเกียรติแจ้งเงื่อนไขของตนเมื่อรถแล่นข้ามทางแยกเดิมบาง ซึ่งคำพูดนั้นทำให้กามนิตหนุ่มถึงกับต้องรีบจอดรถเข้าข้างทาง
“ห้าหมื่น นายจะบ้ารึไง!!!” เมฆินทร์สบถลั่น
“ไม่เป็นไร งั้นผมขอลงตรงนี้แล้วกันครับ” ขจรเกียรติยิ้มเจ้าเล่ห์ และเปิดประตูรถออกไป
“โว้ยยย ไอ้....!!!!” เมฆินทร์ตะโกนอย่างเหลืออดและหมดทางเลือกเมื่อเจอเด็กเมื่อวานซืนอย่างขจรเกียรติย้อนเกล็ดเข้าอย่างจัง! มาต่อแล้วครับ
ช่วงนี้จะวุ่นๆนิดหน่อย แต่ก็ไม่มากมายเหมือนช่วงก่อนบวช
ยังพอมีเวลาจัดการนิยายบ้างอะไรบ้างอยู่
สำหรับเรื่องนี้ก็ใกล้จะเข้าโค้งสุดท้ายแล้ว
ตามแพลนที่วางไว้ น่าจะอีกสักสองตอนน่าจะจบ
และมีตอนพิเศษในหัวอยู่อีกสองตอน
โดยทั้งหมดทั้งปวง จะลงสลับกันระหว่าง เพทุบายในสายหมอก กับเรื่องนี้นะครับ
ส่วนความถี่ในการลง ตอนนี้ก็อาจจะห่างสักหน่อย (แต่พยายามไม่ให้เกินอาทิตย์)
หลังสงกรานต์ อะไรๆ น่าจะเข้าที่เข้าทางมากกว่านี้
ขอบคุณสำหรับการติดตาม และยินดีต้อนรับมิตรรักนักอ่านที่เพิ่งเข้ามาคอมเมนท์และได้รู้จักกันนะครับ
ขอบคุณคุณ Penda สำหรับการตรวจคำผิด เดี๋ยวลงเสร็จผมจะกลับไปแก้คำผิดนะครับ
ส่วนหมาน้อย พี่ลงพี่เมฆให้อ่านแล้วนะ
ขอรางวัลหน่อยเร็ว