▲▲As an escort #เพื่อนนอน ตอนที่ 10 ▼▼ UP!! 06/04/2018
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ▲▲As an escort #เพื่อนนอน ตอนที่ 10 ▼▼ UP!! 06/04/2018  (อ่าน 17806 ครั้ง)

ออฟไลน์ mkianit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-3
ขอแล่นเรือไปกับคุณธีร์นะคะเราว่าตรรกะคุณฐามันแปลกๆอะ55555ยังสงสัยทำไมเอาหนูปูรณ์มาขายได้ทั้งที่บอกว่ารัก หืมมมมมมมมมม

ออฟไลน์ manami_01

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 980
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-1
งื้ออออออ ไม่เข้าจายยยยยยทำไมคุณฐาต้องทำแบบเน้อออ

ปากบอกแค่น้องชายคนที่รักแต่ก็มีเซ็กซ์กะปูนท์

ถ้าแค่น้องต้องทำแบบนั้นมั้ยยยยย

ออฟไลน์ Toffeenut

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
▲▲As an escort
#เพื่อนนอนตอนที่ 7













“น้ำส้มหรือนมสดดีครับ?” เสียงทักทายพร้อมรอยยิ้มกว้างจากบาร์เทนเดอร์ที่ไม่ยอมเสิร์ฟเหล้าให้เขาเอ่ยขึ้นในตอนเกือบๆ เที่ยงของวัน เพราะวันนี้เป็นวันหยุด หมายถึงปูรณ์ไม่ต้องเข้าไปฝึกงานที่บริษัท แต่งานที่คลับไม่ได้หยุดตามไปด้วย และบ่ายวันนี้เขาก็มีนัดที่สปาชั้นสามเพื่อดูห้องรับรองใหม่ที่จะเปิดให้บริการหลังจากปิดปรับปรุงมาเกือบเดือนแล้ว


“เดี๋ยวนี้ไม่ถามเสิร์ฟเหล้าให้พี่แล้ว”


“เพิ่งจะเที่ยงเองครับ พี่ปูรณ์คงไม่ได้อยากเมาแล้วไปคุยงานใช่ไหม”


“หมายถึงถ้าเย็นนี้พี่ว่าง วินจะยอมให้พี่ลองเครื่องดื่มสูตรใหม่ของวินหรือเปล่า”


“แรงนะครับสูตรนั้น”


“ตั้งใจจะมอมใครเหรอ?”


“เพื่อนพี่ปูรณ์แหละขอมา เห็นบ่นว่าหลังๆ เจอแต่คนเรื่องเยอะๆ เลยอยากหาเครื่องดื่มไว้ช่วยชีวิตตัวเองบ้าง”


“พูดเป็นเล่นไป”


“น็อกมาสองสามรายแล้วนะครับ หลับตรงโซฟาด้านนอกนี่เลย พี่นัทเลยรับเงินสบายๆ”


“ระวังเถอะ เดี๋ยวแขกก็ฟ้อง”


“เจอลูกอ้อนพี่นัทไปที ขี้คร้านว่าจะลืมไปหมดว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง” รอยยิ้มขบขันนั้นทำให้ปูรณ์ต้องยิ้มตาม หลังๆ มานี้เวลาเขาลงมานั่งที่บาร์ ก็จะมีวินคอยคุยเป็นเพื่อน เล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ฟัง อัพเดทข่าวช่วงที่เขาไม่อยู่ แถมยังรับหน้าแทนได้ดีด้วยเวลามีคนถามถึงเอสคอร์ทค่าตัวแพงที่สุดของที่นี่


“แต่เห็นทีว่า พี่ปูรณ์อาจจะได้ลองใช้เครื่องดื่มของผมเร็วๆ นี้แล้วล่ะครับ” คำพูดแฝงนัยบางอย่างพร้อมสายตาที่มองไปยังประตูกระจกที่เป็นทางเข้าชั้นเจ็ดทำให้ร่างบางบนเก้าอี้ต้องหมุนตัวหันไปมองตาม ดวงตาเรียวสวยเบิกขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นร่างสูงของคนที่ไม่ได้เจอกันนานเดินเข้ามา กำลังจะยกมือขึ้นไหว้ดังเช่นทุกครั้ง แต่ก็ไม่ทันคนที่รีบสาวเท้าเร็วๆ เข้ามาหาเมื่อเห็นว่าเป้าหมายที่ต้องการพบอยู่ตรงหน้าง่ายดายกว่าทุกครั้ง


ริมฝีปากของอนลกดจูบทักทายลงบนแก้มนิ่มอย่างไม่ทันให้ใครได้ตั้งตัว มือสองข้างที่ยังพนมค้างไว้ถูกดึงไปกุมไว้หลวมๆ แม้การ์ดของคลับจะเข้าประชิดหลังจากนั้นเพียงไม่กี่วินาทีก็ไม่ได้ทำให้ร่างสูงสะทกสะท้าน


“ฉันแค่มาหาปูรณ์เฉยๆ” เอ่ยเสียงเรียบบอกคนรอบตัว และรอให้ปูรณ์พยักหน้าลงเพียงนิด การ์ดสี่ชีวิตจึงยอมถอยไปอยู่ห่างๆ แต่ก็ไม่ยอมปล่อยให้เอสคอร์ทคนดังได้คลาดสายตา


“ฉันคิดถึงเธอ” เมื่อคนอื่นๆ ทิ้งระยะห่างมากพอที่จะไม่ได้ยินเสียงบทสนทนาเบาๆ ที่เกิดขึ้นอนลก็เอ่ยสิ่งที่ติดอยู่ในใจมาเกือบสี่เดือนออกมา และคนที่รับฟังก็เพียงแค่แย้มรอยยิ้มบางๆ รับคำทักนั้น


“ผมใกล้เรียนจบแล้ว ฝึกงานด้วยน่ะครับ เลยไม่ได้ลงมาที่นี่เลย”


“แสดงว่าวันนี้ว่าง?”


“ก็ไม่เชิงครับ จริงๆ มานั่งรอประชุมตอนบ่ายมากกว่า”


“ประชุม?”


“ผมต้องรอคุยกับผู้รับเหมาเรื่องสปาส่วนที่ปิดปรับปรุงไปน่ะครับ วันนี้เป็นวันนัดเซ็นรับมอบงานด้วย”


“ฉันคิดถึงเธอจริงๆ นะ”


ประโยคอ่อนหวานประโยคเดิมถูกเอ่ยอีกครั้งด้วยน้ำเสียงทอดอ่อนกว่าที่เคย แต่สิ่งที่ได้รับก็มีเพียงรอยยิ้มแบบเดิมเท่านั้น


“ผมไม่สะดวกรับงานช่วงนี้นะครับคุณนล”


“แค่ทานข้าวมื้อกลางวันก็ไม่ได้เชียวหรือ?”


“ผม...” เมื่อเห็นท่าทางลังเลพร้อมกับอาการกัดริมฝีปากน้อยๆ แบบที่คนคุ้นเคยรู้ดีว่ากำลังหาทางเลี่ยงอยู่ ผู้ที่เจนจัดในการใช้ลูกล่อลูกชนมากกว่าจึงหลอกล่อต่อ


“แค่มื้อกลางวัน ทานที่นี่ และฉันสัญญาว่าจะไม่แตะต้องตัวเธอ”


ดวงตาเรียวสวยก้มลงมองมือสองข้างที่ถูกเกาะกุมไว้ตั้งแต่อนลทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ แต่เจ้าของมือกลับยักไหล่แล้วเอ่ยต่อไปอย่างคนเจ้าเล่ห์


“ฉันจะยอมปล่อย ถ้าเธอยอมตกลงทานข้าวด้วย”


เมื่อเห็นท่าทีที่อ่อนลงของคนตัวเล็กกว่า ผู้มาเยือนจึงรีบสำทับคำอ้อนไปอีกครั้ง


“เถอะนะปูรณ์ ฉันแค่คิดถึงและอยากทานข้าวกับเธอแค่นั้นเอง”


“ก็ได้ครับ”





อาหารสี่อย่างบนโต๊ะกระจกทรงกลมล้วนแล้วแต่เป็นของที่ปูรณ์ชอบทั้งสิ้น เห็นได้ชัดว่าคนตรงหน้ากำลังพยายามอย่างยิ่งที่จะเอาใจเขา ต่างจากทุกครั้งที่พบหน้ากันที่เขามักจะถูกเรียกร้องให้เป็นฝ่ายเอาใจคนๆ นี้


“ทานเยอะๆ เธอผอมลงนะรู้ตัวไหม” พูดพร้อมกับตักกุ้งซอสมะขามตัวใหญ่วางลงบนจานให้


“ช่วงฝึกงานก็แบบนี้แหละครับ ถ้างานเยอะๆ ก็ไม่ค่อยมีเวลาทานข้าว” ปูรณ์เอ่ยขอบคุณพลางตักอาหารในจานอื่นคืนให้บ้าง ซึ่งฝ่ายนั้นก็ยิ้มรับแล้วชวนคุยต่อ


“ฐาใช้งานเธอหนักเหรอ”


“ไม่หรอกครับ แต่ผมก็อยากเรียนรู้ไวๆ ด้วย เผื่อจะช่วยงานคุณฐาได้มากขึ้นบ้าง”


“ถ้าได้ลูกน้องแบบเธอ คนเป็นเจ้านายคงดีใจแย่”


“เพราะคุณฐาดีกับผมมาก ผมเลยต้องตอบแทนให้มากๆ ด้วยเหมือนกันครับ”


“แล้ววันนี้เจ้านายเธอไปไหนล่ะ ฉันโทรหาแต่เช้าก็เป็นเลขารับโทรศัพท์แทน บอกแต่ว่าคุยกับลูกค้าอยู่ จะโทรกลับตอนเย็นๆ”


“คุณฐาไปพบลูกค้าที่ระยองน่ะครับ ไปตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็นแล้ว”


“แปลกใจเหมือนกันที่ไม่พาเธอไปด้วย”


“คงเพราะเป็นธุระด่วนน่ะครับ” แม้จะตอบเลี่ยงไปเช่นนั้นแต่ปูรณ์ก็รู้เหตุผลหลักดียิ่งกว่าใคร


เพราะหลังจากสถานการณ์ไม่ปกติในค่ำคืนนั้นผ่านพ้นไป แม้ในตอนเช้าปูรณ์จะลืมตาตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดที่อบอุ่นคุ้นเคย แต่หลังจากวันนั้นก็ดูเหมือนคนทั้งสองต่างพยายามหลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกันมากเกินกว่าที่เคยทำในอดีต น้อยครั้งที่จะอยู่กันสองต่อสอง แม้จะเป็นเวลางานแต่การพูดคุยกันของทั้งคู่ยังมีเลขาของฐานัฐหรือบุคคลที่สามอยู่ร่วมวงสนทนาด้วยเสมอ หากแต่ไม่ได้เป็นเพราะอึดอัด หากเป็นเพราะทั้งคู่รู้ดีว่ากำลังพยายามเว้นระยะห่างเพื่ออะไร หรืออาจจะเพื่อใครสักคน


ยิ่งการไปต่างจังหวัดและต้องค้างคืน ฐานัฐคงเลี่ยงการพาปูรณ์ไปด้วยเหมือนเช่นที่เคยทำผ่านๆ มาแน่ๆ


“แล้ววันนี้ คุณนลตั้งใจมารอคุณฐาที่นี่เหรอครับ”


“ไม่หรอก ฉันตั้งใจมาหาเธอ”


“คุณรู้ว่าผมอยู่ที่นี่?”


“รู้แค่ว่าฐาไปต่างจังหวัดกับเลขา เลยเดาต่อเองว่าถ้าเธอไม่ได้ไปด้วยเธอก็น่าจะอยู่ที่นี่ แล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆ ที่ได้เจอ”


“แต่อานลอาจจะผิดหวังหลังจากตอนนี้ก็ได้นะครับ” น้ำเสียงทุ้มที่เอ่ยแทรกพร้อมร่างสูงของเจ้าของคำพูดที่ถือวิสาสะหย่อนกายลงนั่งบนที่พักแขนของเก้าอี้ของปูรณ์ทำให้คนที่กำลังจะตักอาหารใส่จานชะงัก เงยหน้าขึ้นมองถึงเห็นว่าเป็นหลานชายของเพื่อนสนิทที่กำลังจ้องมองเขาด้วยแววตาไม่พอใจอย่างเปิดเผย


“คุณธี” น้ำเสียงเอ่ยเรียกบางเบาพร้อมมือที่วางลงบนแขนอย่างจะปรามในทีนั้นยิ่งทำให้คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันมากขึ้นกว่าเดิม


“สวัสดีครับอานล” ธนาดลจงใจเมินต่อเสียงปรามนั้นด้วยการเอ่ยทักทายผู้สูงวัยกว่าแทน แม้จะด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแต่ก็ยังยกมือไหว้ตามมารยาทเช่นที่เคยเป็นมา ก่อนจะก้มลงคุยกับเจ้าของเก้าอี้ที่เขาทิ้งตัวลงนั่งบนพนักวางแขนอยู่


“ผมเห็นว่าทีมผู้รับเหมามาพร้อมแล้วเลยมาตามคุณ”


“ถึงเวลานัดแล้วเหรอ? แต่ปูรณ์ก็ยังทานข้าวไม่เสร็จเลย”


“ไม่เป็นไรครับคุณนล ปกติผมก็ไม่ได้ทานเยอะอยู่แล้ว”


“มิน่า เธอถึงผอมลงขนาดนี้” ไม่พูดเปล่า เพราะมือข้างหนึ่งบนโต๊ะยื่นมาลูบบนหลังมือบางเบาๆ ประกอบคำพูดนั้นด้วย “ถึงจะทำงานหนักแต่เธอก็ต้องรู้จักดูแลตัวเอง”


“ครับ...” ตอบรับด้วยรอยยิ้มจาง พลางพยายามดึงมือกลับ “ถ้าอย่างนั้นผมอาจจะต้องขอตัวก่อน ขอโทษที่ไม่ได้อยู่ทานด้วยจนจบมื้อนะครับ”


“ไว้โอกาสหน้าฉันจะมาหาใหม่”


“.....”


“หวังว่าเราจะได้เจอกัน และไม่ใช่แค่การทานข้าวแบบนี้” รอยยิ้มมุมปากนั้นเรียกสายตาไม่พอใจอย่างเด่นชัดจากคนที่ไม่อยู่ในบทสนทนาแต่ทว่าไม่มีใครสังเกตเห็น ปูรณ์ลุกขึ้นจากเก้าอี้เมื่ออนลเป็นฝ่ายลุกขึ้นก่อน ก่อนจะพุ่มมือไหว้ลาอีกครั้ง


“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ สวัสดีครับคุณนล”











“คุณธี”


“.....”


“คุณธีครับ”


มือบางเอื้อมคว้าข้อมือของคนเดินลิ่วๆ นำหน้าไว้ให้ต้องหยุดเดิน ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลกว่าที่เคย


“โกรธอะไรหรือครับ?”


“ผมมีสิทธิ์โกรธด้วยหรือไง?”


“.....”


“คุณทำงาน ผมไม่มีสิทธิ์ไปก้าวก่ายอยู่แล้ว” เน้นคำว่าทำงานจนคนฟังชะงัก แต่คนตัวเล็กกว่าก็ยังใจเย็นพอที่จะอธิบาย


“ผมไม่ได้ทำงานครับ คุณนลแค่แวะมาหาคุณฐาและนั่นก็แค่นั่งทานข้าวเฉยๆ”


“ปกติแค่คุณทานข้าว ก็ได้ชั่วโมงละเท่าไหร่ล่ะ?”


“ถ้าคุณกำลังตัดสินผมจากภาพที่คุณเห็น ผมก็ไม่มีอะไรต้องอธิบายอีกนะครับ”


น้ำเสียงเรียบตึงพอกันนั้นทำให้คนที่กำลังโมโหชะงักบ้าง ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่เพื่อระบายความอึดอัดที่คับแน่นในใจเต็มไปหมด


“ผมตั้งใจจะมาชวนคุณทานข้าวกลางวันเพราะเห็นว่าอาฐาไม่อยู่ คุณน่าจะไม่มีเพื่อนทานข้าว ไปหาที่ห้องไม่เจอคุณ โทรหาคุณก็ไม่รับ ลงมาข้างล่างก็เจออานลนั่งจับมือมองคุณตาเชื่อมอยู่แบบนั้นจะให้ผมคิดยังไง”


“แล้วคุณต้องคิดอะไรด้วยเหรอครับ”


“ปูรณ์”


“มันก็แค่การนั่งทานข้าวเฉยๆ ไม่มีอะไรมากกว่าที่คุณเห็นเลยสักนิด”


“.....”


“ถ้าคุณตัดสินผมจากอดีต คุณก็จะเห็นแค่อดีต ถ้าคุณมองผมเป็นผมที่อยู่ตรงหน้าคุณ คุณก็จะไม่คิดไปไกลกว่าภาพตรงหน้าเท่านั้น”


“.....”


“คุณธีเริ่มเข้าใจหรือยังครับ ว่าทำไมอาคุณถึงห้ามนักหนาว่าไม่อยากให้คุณมายุ่งกับผม เพราะเรื่องพวกนี้มันจะตามติดไปกับชีวิตผมและผมก็ทำได้ดีที่สุดแค่นี้ ถ้าคุณคิดมากใจคุณก็จะหนัก และถ้าคุณแบกอดีตผมไว้คุณก็ไม่มีวันมองเห็นผมตอนนี้ตรงหน้าคุณ”


“.....”


“คุณยังมีเวลาคิดและเวลาถอนตัวนะครับคุณธี ก่อนที่อะไรมันจะถลำลึกไปไกล แล้... อื้ออ”


ปลายประโยคขาดห้วงลงเพราะริมฝีปากได้รูปที่ก้มลงมาทาบทับจนปิดสนิท หยุดทั้งคำพูดเจรจา และท่าทีต่อต้านที่คนตัวเล็กกว่าแสดงออกให้เห็น ริมฝีปากหยักกดลงไปค่อนข้างแรงในตอนแรก ก่อนจะค่อยๆ คลายอารมณ์หนักหน่วงลงตามสัมผัสที่เนิบช้า แล้วแปรเปลี่ยนให้กลายเป็นความหวามไหวเมื่ออีกคนยอมเผยอริมฝีปากออก ดูดดึงทั้งน้ำหวานและริมฝีปากล่างจนบวมช้ำ จวบจนเสียงหายใจผะแผ่วดังขึ้นพร้อมแรงดันตรงหน้าอกธนาดลถึงค่อยยอมคลายสัมผัสนั้นออก ก่อนจะกดจูบลงไปบนริมฝีปากที่ขึ้นสีแดงเรื่อนั้นอีกครั้ง และอีกครั้ง


“ผมขอโทษ” หยดน้ำที่เลอะรอบมุมปากถูกนิ้วโป้งค่อยๆ ปาดออกให้อย่างนุ่มนวล “ผมใจร้อนเอง ผมขอโทษที่ตัดสินคุณแบบนั้น” แขนสองข้างรวบคนที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกมากอดไว้แนบอก มือสองข้างทั้งโอบประคองและลูบผมนุ่ม ลูบแผ่นหลังบอบบางไปมาอย่างจะปลอบโยน


“ยกโทษให้ผมนะคนดี ผมไม่ได้ตั้งใจ”
   

“.....”
   

“ผมไม่พอใจเพราะผมคงหึงคุณมาก ใจผมมันร้อนไปหมดตอนที่เห็นคุณอยู่กับอานลสองต่อสอง”
   

“...การ์ดมีเป็นสิบเลยนะครับตอนนั้น”


“ผมหน้ามืดเองนี่นา”


“.....”


“เอาเป็นว่าผมขอโทษนะครับ ยกโทษให้ผมได้ไหม”


หลังคำขอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนนั้น ร่างในอ้อมกอดก็ยืนนิ่งไปชั่วขณะ เนิ่นนานกว่าหัวทุยสวยจะผงกขึ้นลงเบาๆ ให้เจ้าของอ้อมกอดใจชื้นและได้ยิ้มกว้าง


“ผมสัญญาว่าผมจะใจเย็นกว่านี้ แต่เรื่องหึงคุณผมไม่อยากรับปากเลย”


“คุณธี...”


“เพราะผมรักของผมมาก ผมหึงก็เป็นเรื่องธรรมดาถูกไหม แต่ผมจะไม่วู่วามแบบวันนี้อีกแล้ว”


ถ้อยคำเหยียดยาวท้ายๆ ประโยคนั้นไม่สามารถทำให้ปูรณ์จับใจความอะไรได้เลยแม้แต่น้อย เพราะในสมองขาวโพลนไปตั้งแต่ได้ยินคำๆ นั้นแล้ว


...เพราะผมรักของผมมาก...


เป็นเขาได้แล้วจริงๆ ใช่ไหม? เจ้าของข้อความอ่อนหวานนั้น
คำรักที่เขาเคยเฝ้ารอมานานจากใครสักคน ตอนนี้อยู่บนมือที่หยิบยื่นให้เขาคู่นี้แล้วใช่ไหม?


ปูรณ์ไม่ได้ถามอะไรย้ำไปกับประโยคที่ได้ยิน แต่หัวใจที่เต้นรัวผิดจังหวะขึ้นมาเพราะประโยคนั้นก็ฟ้องว่าเจ้าของกำลังเต็มตื้นกับถ้อยคำบอกรักนั้นมากแค่ไหน
บางทีถ้าเป็นคนๆ นี้ เขาจะสามารถรักได้อย่างที่อยากรักใช่หรือเปล่า?


...เพราะผมรักของผมมาก...


เป็นคำรักที่มอบให้เขาคนเดียว และมีเขาเป็นเพียงคนเดียวที่ได้ครอบครองมันใช่ไหม?
หากคำถามหนึ่งที่ยังคงค้างคาใจก็ทำให้อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกไป



“คุณธีลืมผู้หญิงคนนั้นได้แล้วจริงๆ เหรอครับ”



คนที่คุณเคยเอ่ยบอกรักในวันแรกที่เรากอดกันใต้บรรยากาศสายฝนพรำ



“ไม่มีใครอยู่ในใจผมตั้งแต่วันที่คุณเดินเข้ามาแล้วล่ะปูรณ์”



เชื่อได้ใช่ไหม?
เขาเลือกที่จะเชื่อคำๆ นี้ได้ใช่หรือเปล่า


ร่างเล็กกว่าหลับตาลง พิงซบลงบนอ้อมกอดที่ยังคงกอดเขาอยู่อย่างทะนุถนอม
เลือกจะวางความเหนื่อยล้าทั้งหมดลง ณ ที่ตรงนี้


“ถ้าอย่างนั้น รอผมนะครับคุณธี”


รอวันที่หัวใจเขาเป็นอิสระจากเจ้าของเดิม ได้ปลดปล่อยพันธการบางอย่าง วันนั้นเขาคงตอบกลับคำนั้นไปได้เช่นกัน










“คุณฐา” เสียงเรียกอย่างระมัดระวังที่ดังขึ้นหน้าห้องทำงานหลังจากเขาเอ่ยอนุญาตให้คนที่เคาะประตูเดินเข้ามาได้ ทำให้คนที่กำลังอ่านเอกสารจากแฟ้มในมือชะงัก เงยหน้าขึ้นจากตัวหนังสือที่เรียงกันยาวเหยียดก็เห็นร่างบางในชุดนอนเรียบร้อยยืนเก้ๆ กังๆ อยู่หน้าห้อง


“เข้ามาสิปูรณ์”


“ผมมากวนเวลาคุณทำงานหรือเปล่าครับ”


“ไม่หรอก แต่รบกวนขอกาแฟสักแก้วได้ไหม”


“ดึกขนาดนี้แล้ว เป็นชาดีกว่าไหมครับ”


“ได้ ตามใจเธอ”


“งั้นสักครู่นะครับ”


คนที่โผล่หน้ามาเพียงครู่ หายลับไปหลังประตูอีกครั้ง และไม่เกินสิบนาทีจากนั้น กลิ่นชาหอมกรุ่นก็ลอยนำคนชงชาเข้ามาภายในห้องทำงานที่ติดกับห้องนอนใหญ่ ข้างๆ ถ้วยชาสีขาวสะอาดยังมีคุ้กกี้ชิ้นเล้กวางไว้อีกสองชิ้น


“เผื่อรองท้องครับ ผมเห็นคุณยังไม่ได้ทานข้าวเย็นเลย”


“จริงๆ ฉันทานมาตอนบ่ายสามแล้วนะ”


“รวบไปกี่มื้อครับนั่น” คำถามรู้ทันนั้นทำให้คนงานยุ่งอดไม่ได้จะยีหัวทุยสวยเบาๆ


“ทำเป็นรู้ดี”


“ก็เวลาคุณฐางานยุ่งๆ ก็ทานข้าวไม่เป็นเวลาตลอด”


“ฉันถึงขอบคุณเธอไง ที่คอยเตือนคอยบอกฉันอยู่เรื่อย”


“.....”


“ไม่มีเธอ ฉันก็คงแย่เหมือนกัน”


“ไม่หรอกครับ ไม่มีคุณต่างหากที่ผมคงแย่”


“ชมกันไปมาแบบนี้ไม่ได้คุยกันสักทีแน่ๆ เธอมีธุระจะคุยกับฉันใช่ไหม?”


“เอ่อ ก็...”


“ไม่ต้องเกรงใจนะ มีอะไรที่เธออยากได้อยากบอกหรือเปล่า?”


“ผม...”


“เด็กดีของฉัน” มือหนึ่งลูบศีรษะคนอ่อนวัยกว่าอย่างอ่อนโยน มองแววตาสับสนตรงหน้าแล้วก็ส่งยิ้มให้ “เธอจะมาขอฉันย้ายไปอยู่ที่อื่นหรือเปล่า?”


“คุณ?”


“ฉันอยู่กับเธอมานานพอจะมองความสับสนในแววตาเธอออก” มือหนึ่งเกลี่ยใต้ตาเบาๆ และคนถูกมองจนทะลุก็ได้แต่หลุบตาลงต่ำหนีสายตาคมคู่นั้น “ไม่เป็นไรเลยนะปูรณ์ ฉันให้ได้ทุกอย่างที่เธอต้องการอยู่แล้ว”


“ผมแค่จะขอลงไปอยู่ห้องเดิม”


“ฉันจะให้เธออยู่ห้องนี้ ส่วนฉันจะกลับไปอยู่ที่บ้าน”


“คุณจะลำบาก”


“ไม่หรอก ชั้นเจ็ดตอนนี้อาจจะอันตรายเกินไปสำหรับเธอ”


“.....”


“รับปากมาก่อนสิปูรณ์ สามข้อที่ฉันจะขอจากเธอ”


เพราะฐานัฐรู้ดี นี่ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงง่ายๆ อย่างแค่การย้ายห้อง

แต่มันคือการเปลี่ยนแปลงที่เด็กน้อยตรงหน้าเขากำลังจะก้าวออกจากปีกของเขาที่เคยปกป้อง ออกจากความรู้สึกที่พันธนาการกันเอาไว้ตลอดมา

และสิ่งที่เขาอยากได้เป็นข้อแลกเปลี่ยนคือความมั่นใจว่าปูรณ์จะปลอดภัยภายใต้โลกที่ปูรณ์กำลังจะเลือกนั่น



“ข้อแรก ไม่ว่าเธอจะเจอกับอะไร ให้รู้ไว้ว่าฉันอยู่ข้างเธอเสมอ ไม่ว่าจะถูก หรือผิด ฉันคือคนๆ หนึ่งที่จะอยู่กับเธอทุกเวลา”


“.....”


“สอง ให้ฉันได้รับรู้ความเป็นไปของเธอทุกๆ สองอาทิตย์ จากปากเธอเอง”


“.....”


“และสุดท้าย อย่ารักใครมากกว่าที่รักตัวเอง”


“คุณพูดเหมือนเป็นคุณเองที่จะไปไหนไกล”


“ฉันพูด เพื่อให้เธอมั่นใจว่าฉันจะอยู่กับเธอตลอดเวลาต่างหาก”


“.....”


“รับปากฉันได้ไหม?”


“ครับ”


“ดีมากเด็กดี เธอรู้ดีใช่ไหมว่า ที่ผ่านมา ฉันไม่เคยปล่อยให้เธอคลาดสายตาไปไหนไกล และถ้าถึงเวลาที่ฉันจะปล่อย ฉันต้องได้แน่ใจว่าเธอจะมีความสุข”


“ผมจะพยายามครับคุณฐา”


“ไหน ขอฉันดูหน้าคนที่รับปากว่าจะมีความสุขหน่อยสิ”


มือหนึ่งเชยคางของคนที่ก้มหน้าลงต่ำให้เงยขึ้นสบตากัน ในดวงตาเรียวคู่นั้นคลอคลองไปด้วยหยาดน้ำใส ความไม่แน่ใจ ความสับสน กระทั่งความกลัวไหลวนปนกันอยู่บนตาคู่สวย ทว่าเมื่อมองสบเข้ากับนัยน์ตาคมดุที่มั่นคงยิ่งกว่าครั้งใดๆ ความหมายที่แฝงในดวงตาคู่คมนั้นก็คล้ายจะช่วยปลอบโยนกันดังเช่นที่เคยเป็นเสมอมา


“เธอรู้ใช่ไหมว่าสำหรับฉันแล้ว เธอเป็นคนสำคัญกว่าใคร”


“ผมรักคุณฐานะครับ” พร้อมประโยคนั้นที่ชัดเจนที่สุดตั้งแต่ปูรณ์เคยเอ่ยถ้อยคำที่สื่อความหมายเดียวกันนี้ออกมา หยดน้ำที่กลั่นออกมาจากอารมณ์อ่อนไหวอันหลากหลายก็ไหลหยดเปรอะเปื้อนสองแก้มเนียน


“เก็บคำว่ารักของเธอเอาไว้”


...เพราะฉันรักเธอไม่ได้


“แล้วให้ฉันเป็นแค่คนสำคัญในชีวิตเธอก็พอ”


“คุณฐาเป็นคนนั้นเสมอเลยนะครับ”


“เธอก็เป็นคนนั้นปูรณ์”


รอยจูบที่กดลงซับหยาดน้ำตาบนเปลือกตาบางแทนคำอวยพร แทนการปลดปล่อย
คำบอกรักครั้งสุดท้าย ช่วยปลดโซ่ที่พันธนาการหัวใจดวงหนึ่ง หากกลับรัดรั้งหัวใจอีกดวงโดยไม่มีใครรู้ตัว



ไม่มีใครรู้ดีเท่าเขา ไม่มีใครเจ็บปวดเท่าเขา



“ขอโทษนะ”


ที่ฉันไม่อาจตอบรับความรู้สึกนั้นของเธอได้
แต่ได้โปรดเก็บเอาความรู้สึกล้ำค่านั้นไว้มอบให้ใครที่คู่ควรกับมัน



ครั้งสุดท้ายที่ริมฝีปากทั้งสองแตะลากันอย่างแผ่วเบา


นกตัวน้อยกำลังจะกางปีกเพื่อบินออกไปตามทาง
ผู้ฟูมฟักที่ทำได้แค่เฝ้ามองจากรังนอน และอวยพรให้นกตัวนั้นโชคดี

















..TBC..














>> ขอโทษที่มาช้าค่ะ TT TT แต่ตอนต่อไปจะมาเร็วขึ้นแล้วสัญญาเลย
เพราะเราจะพาไปอ่าน side story ของคุณฐาและย้อนเวลากัน ^^

Happy New year ย้อนหลังด้วยนะคะ
มีความสุขกันมากๆ มีเงินเยอะๆ ด้วย 55










ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
จากเหตุการณ์ตอนนี้ก็หวั่นใจเหลือเกินว่าจะมาม่าแน่นอนในความสัมพันธ์ของธีปูรณ์ แต่เราก็ยังจะหวังค่ะว่ามันจะออกมาดี ธีของแม่ต้องเป็นคนที่ทำให้โลกของหนูปูรณ์สดใสแน่นอน ถึงแม้คนเขียนจะให้มาม่าเรา เราก็จะไม่ทิ้งความเชื่อนี้!!!!

:hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ farhhhh

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เราจะลงกอดคุณฐาไว้เอง ปูรณ์ะไปหารักแท้ก็ไปเลยนะ เดี๋ยวทางนี่พี่ดูแลเอง คุณฐาป่วยหรอ ใกล้ตายหรือเปล่า ถึงได้ปิดกั้นตัวเองขนาดนั้น หื้มมมม

ออฟไลน์ yasperjer

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
ผ่านมา7ตอนก็ยังเลือกทีมไม่ถูกอยู่ดี
ฮือ ทำไมคุณฐารักน้องปูรณ์ไม่ได้
ยังไงก็ได้แค่อยากเห็นปูรณ์มีความสุขจริงๆซักที

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ Toffeenut

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
▲▲As an escort
#เพื่อนนอนตอนที่ 8













Thanath’s Part


ผมเติบโตมากับครอบครัวนักธุรกิจที่เห็นเม็ดเงินสำคัญกว่าความสัมพันธ์ที่จับต้องไม่ได้ พ่อกับแม่แต่งงานกันเพราะเหตุผลทางการเมืองของพวกผู้ใหญ่ ทั้งที่ตอนนั้นแม่มีลูกติดอยู่แล้วหนึ่งคนคือพี่ชายผม เราเป็นครอบครัวเหว้าแหว่งที่ยิ่งเหว้าแหว่งมากขึ้นเมื่อผมพบเจอความจริงบางอย่างเข้า


มีคนบอกว่า ถ้าเราเริ่มต้นโกหก เราก็ต้องโกหกไปเรื่อยๆ เพื่อปิดบังเรื่องโกหกแรก


และผมก็มีเรื่องโกหกเรื่องใหญ่มากหนึ่งเรื่องในชีวิต โกหกเพราะผมไม่สามารถบอกความจริงทั้งหมดให้ใครฟังได้ ผมเคยเลือกจะเล่าส่วนเสี้ยวหนึ่งของเรื่องนี้ให้เจ้าของเรื่องได้รับรู้ แต่ผมก็เล่าได้เพียงไม่ถึงครึ่งของเรื่องจริงที่ผมมี


คนสำคัญที่ผมโกหกคือปูรณ์..


วันที่ผมยอมเล่าเรื่องพี่สาวของเด็กคนนั้น คือครั้งแรกที่ผมยอมเผยส่วนเสี้ยวของอดีตที่อยากฝังลึกไปพร้อมกับโศกนาฎกรรมที่ฝังชีวิตครอบครัวหนึ่งให้จากไปตลอดกาล


อดีต ผมเคยมีผู้หญิงที่ผมรัก เธอเป็นคนสดใส เป็นสาวน้อยลูกครึ่งญี่ปุ่นที่มาเรียนแลกเปลี่ยนและเราได้เจอกัน ผมตกหลุมรักดวงตาอ่อนหวาน ถูกดึงดูดด้วยอารมณ์อ่อนไหวที่เราต่างพากันสร้างขึ้น เราคบกัน และการคบกันนั้นก็พาเราทั้งคู่ก้าวสู่ความลับที่เคยถูกปิดตาย


ผมรู้เพียงแค่ว่าเธอเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น มีพ่อเป็นคนไทย พ่อและแม่ของเธอเจอกันเพราะการประชุมหุ้นส่วนและผู้ถือหุ้นของบริษัท ปกติแล้ว ผมเคยได้ยินแค่เรื่องผู้หญิงไทยถูกชาวต่างชาติหลอก แต่เรื่องที่ผมรับรู้กลับสวนทางกับสิ่งที่เคยได้ยิน พ่อของเธอไม่เคยยอมรับเธอเป็นลูก ไม่เคยยอมรับผู้หญิงคนนั้นเป็นภรรยา ความสัมพันธ์ที่ฝ่ายหนึ่งยึดถือไว้ด้วยหัวใจด้วยชีวิต อีกฝ่ายกับให้ราคาแค่ของเล่นข้ามคืน ...ของเล่นที่มีหลักฐานและพยานเป็นผู้หญิงที่เติบโตมาให้ผมรัก ก่อนผมจะมารู้ทีหลังจากการตามสืบหาตัวเธอว่า ผู้ชายคนนั้น คนที่ไม่เคยรับเธอเป็นลูก คือผู้ชายที่มีลูกชายกับภรรยาที่สมรสกันอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้วสองคน และหนึ่งในสองนั้นก็คือผมเอง


ความจริงที่ประดังเข้ามาทำให้เจ็บปวด แต่ไม่เจ็บปวดเท่าความจริงที่ต้องเผชิญหลังจากนั้น ผมมารู้ทีหลังว่าพ่อผมยังคงติดต่อกับผู้หญิงญี่ปุ่นคนนั้น ทั้งๆ ที่เธอกลับบ้านเกิดเธอไปแล้ว ยื่นสายใยที่เรียกว่าเมียน้อยให้คนที่รักตัวเองอย่างหมดหัวใจ สิบกว่าปีที่สายใยจอมปลอมนั้นถูกถักทอขึ้นด้วยเชือกที่มองไม่เห็น ทั้งคู่แอบเจอกันและสายสัมพันธ์ที่ไม่เคยมีใครคิดว่ามันผิด จนเกิดพยานขึ้นเป็นเด็กน้อยอีกคนหนึ่ง และเป็นอีกครั้งที่เด็กคนนั้นถูกทิ้งขว้างอย่างไม่มีใครต้องการ


ผมบอกปูรณ์ไปว่าเขาถูกครอบครัวทางญี่ปุ่นทิ้งให้อยู่เมืองไทยกับญาติเพราะฐานะทางบ้านที่ไม่ได้ดีพร้อม แต่ความจริงแล้วเลวร้ายกว่านั้นนัก ปูรณ์ถูกทิ้งให้อยู่ที่นี่เพราะพ่อของผมรับปากว่าจะดูแลเด็กคนนี้ แต่คำว่าดูแลกลับอยู่ในกรอบของแค่มูลนิธิ ผมแน่ใจด้วยซ้ำว่าพ่อไม่เคยแยแส ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเด็กคนนั้นโตมาอย่างไร แม้แต่ชื่อที่เคยตั้งทิ้งไว้ส่งๆ พอถูกที่มูลนิธิเปลี่ยนให้ใหม่ ผมว่า พ่อผมใจร้ายมากพอที่จะลืมเด็กคนนั้นได้จริงๆ ด้วยซ้ำ


ผมสงสารปูรณ์ตั้งแต่บังเอิญเจอความลับในกล่องสีดำใบนี้ และความสงสารทำให้ยื่นมือเข้าไปหา โอบอุ้มเพราะต้องการชดเชยความผิดในส่วนที่ผู้มีพระคุณของผมได้ก่อ แต่ผมไม่เคยคิดว่าความสงสารนั้นจะก่อให้เกิดความรู้สึกลึกซึ้งบางอย่าง ที่พันธนาการหัวใจของผมและเขาเอาไว้


แต่เขาคือน้องชาย...


ผมรู้มาตลอดว่าปูรณ์รัก แต่ผมรักปูรณ์ตอบอย่างเปิดเผยไม่ได้ ถ้าผมต้องการรักษาเขาไว้ ผมต้องวางเขาให้ห่างจากตัวที่สุด แต่ในทางกลับกัน หากผมต้องการปกป้องเขา ผมก็ต้องเก็บเขาไว้ใกล้มือที่สุดเช่นกัน


เพราะผมไม่อยากให้เขามีจุดจบเหมือนครอบครัวจริงๆ ของเขา จุดจบที่ผมก็ไม่แน่ใจในสาเหตุของการจากไปนั้นนัก แต่ผมเองในชีวิตวัยนั้น ก็กลัวเกินกว่าจะค้นหาความจริงได้ต่อไป ที่ผมทำได้ก็เพียงชดเชยให้ปูรณ์ รักเขาอย่างที่เคยรับปากกับพี่สาวเขาไว้
และผมมั่นใจ นั่นเป็นสิ่งเดียวที่ผมทำได้ดี


รักเขามากกว่าความรักทั้งหมดที่ผมเคยมีให้ใคร...





ปูรณ์นอนคนเดียวไม่ได้..


ช่วงแรกที่เรานอนด้วยกัน ปูรณ์จะผวาตื่นกลางดึก บางคืนนอนหลับไปสักพักก็จะตื่นทั้งเพราะฝันร้ายและบางครั้งก็ตื่นขึ้นเองอย่างไม่มีสาเหตุ ผมชอบที่จะนอนกอดเขาเอาไว้ ถ่ายทอดไออุ่นของผมไปให้ นานวันเข้า ผมก็ค้นพบว่าถ้าผมกอดเขาเอาไว้เขาจะนอนหลับได้สนิทจนถึงเช้า หลายเดือนผ่านไปจากช่วงแรกที่เจอกัน อาการนอนไม่หลับเขาเริ่มดีขึ้น เขานอนคนเดียวได้บ้าง แต่ผมไม่เคยปล่อยให้เขาต้องนอนคนเดียวนาน สิ่งที่ผมไม่เคยคิดคือจะมีวันหนึ่งที่เราจะไม่ได้นอนด้วยกันอีกแล้ว
วันที่ผมต้องปล่อยมือเขาไป


ผมยอมรับว่าผมใจหาย แต่ก็ละอายเกินกว่าจะหวง ผมเฝ้ามองเขาจากที่ของผม จากความรู้สึกที่ผมพยายามกันเขาเอาไว้ ยอมรับอย่างไม่ค่อยเต็มหัวใจดีนักเรื่องเจ้าธี แต่ผมเชื่ออย่างหนึ่งว่า ไม่ว่าปูรณ์จะรักผมหรือไม่ จะอยู่กับผมหรือกับใคร ผมก็สามารถที่จะดูแลเขาได้ ดูแลแบบที่เคยทำมาตลอด แม้ว่าอาจจะไม่ได้ใกล้ชิดมากเท่าเดิมก็ตาม


แต่ความรักของผมจะอยู่กับเขา จะคอยประคองชีวิตเขาเอาไว้ ส่วนหัวใจ เป็นเรื่องของเจ้าตัวว่าเลือกจะฝากไว้ให้อยู่ในมือใครดูแล


“เธอใช้ห้องนอนใหญ่ได้เลยตามสบายนะ ข้าวของเครื่องใช้ ถ้าอยู่ๆ ไปแล้วขาดเหลืออะไรก็บอก”


“คุณพูดเหมือนคุณจะไม่กลับมา”


“ก็ฉันยกห้องนี้ให้เธอแล้ว”


“แต่มันเป็นห้องของคุณนะครับ”


“ก็คิดว่าตั้งแต่นี้มันจะเป็นของเธอ”


“คุณฐา...” เจ้าตัวครางเรียกชื่อผมเสียงอ่อน น้ำตาคลอดวงตาคู่สวยที่สะดุดตาผมตั้งแต่แรกเห็น ปูรณ์เป็นเด็กขี้อ้อน ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะขาดความอบอุ่นตั้งแต่เด็ก ไม่เคยรู้สึกว่าได้รับความรักจากใคร พอมาอยู่กับผม เจ้าตัวก็เหมือนเจอหลักยึด หลายครั้งที่ผมเคยอยากตั้งคำถามว่าปูรณ์รักผมเพราะเขาไม่มีใคร หรือรักเพราะผมเป็นผมจริงๆ แต่ผมก็ตัดคำถามสงสัยนั้นทิ้งไปทุกครั้ง เพราะผมไม่เคยอยากดูถูกความรู้สึกของใคร


โดยเฉพาะเด็กน้อยตรงหน้าคนนี้


ผมอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้ปูรณ์เบาๆ เขาคงรู้สึกเหมือนที่ผมรู้สึกว่าถ้าผมก้าวออกจากห้องนี้ เราคงห่างกันขึ้นอีกนิด และมันก็น่าใจหายมากพอสำหรับคนที่อยู่ด้วยกันมาหลายปี  แต่ผมก็หวังอยากให้เขาได้เดินด้วยตัวเอง เติบโตด้วยตัวเอง และรักใครได้อย่างใจของตัวเอง


“เด็กขี้แย” ผมแหย่เขาหวังจะให้เขายิ้มให้บ้าง “อย่าร้องไห้ให้ฉันยิ่งเป็นห่วง แค่เราไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว แต่เวลางานเราก็เจอกันได้ตลอดนี่ ฉันยังรอให้เธอมาเป็นผู้ช่วยฉันอยู่ ถ้าเรียนจบแล้วเธอไม่เปลี่ยนใจนะ”


“ผมบอกแล้วว่าผมจะอยู่กับคุณ”


นี่คงเป็นความเห็นแก่ตัวข้อหนึ่งของผมเอง ผมไม่เคยปล่อยมือปูรณ์ได้จริงๆ เสียที ผมรั้งเขาไว้ กระตุกปลายเชือกที่รั้งความสัมพันธ์ของเราทุกครั้งที่รู้สึกว่ามันตึงเพราะเขาไกลออกไปให้ใกล้เข้ามา ไม่เคยยอมปล่อยให้เชือกหลุดมือ ไม่ยอมให้เขาปล่อยเชือก แม้จะรู้ว่าเชือกเส้นนี้เปราะบางขนาดไหนและก็ยื้อมันไว้ ดึงมันไว้อยู่อย่างนั้น


เพราะผมรู้ดีว่าผมทำไม่ได้ ผมปล่อยให้เขาจากไปจริงๆ ไม่ได้เสียที


เขาจะรักใคร ใครจะรักเขา ผมก็ต้องแน่ใจว่าคนนั้นเป็นคนดี เป็นคนที่จะไม่ทำให้เขาเจ็บปวด แม้ผมจะทำแบบนั้นอยู่บ่อยครั้ง ถึงไม่เคยตั้งใจแต่ผมรู้ตัว และนั่นก็เป็นความเห็นแก่ตัวที่ผมปฏิเสธไม่ได้


ถ้าเพียงแต่เขาจะไม่ใช่น้องชายที่มีสายเลือดร่วมกันถึงครึ่งผมก็คงพันเชือกเส้นนั้นรัดเราเข้าด้วยกันไว้ตั้งแต่แรกแล้ว


“ดูแลตัวเองดีๆ”


“คุณก็เหมือนกันนะครับ อย่าลืมทานข้าวเช้าก่อนไปทำงาน อย่าดื่มกาแฟเกินสองแก้ว อย่านอนดึก”


“เธอสั่งเหมือนฉันเป็นเด็กห้าขวบ” ผมหัวเราะ ลูบกลุ่มผมนุ่มเล่นอย่างเพลินมือ กลิ่นหอมของปูรณ์ทำให้ผมผ่อนคลาย


ขณะเดียวกันก็กระตุ้นความรู้สึกผิดบาปอย่างช้าๆ


“ผมมีอะไรอยากพูดกับคุณเต็มไปหมด แต่เราไม่ได้จากกันแบบนั้น ผมเลยแค่อยากบอกให้คุณดูแลตัวเองดีๆ”


“อืม”


“ผมจะตั้งใจฝึกงาน ตั้งใจกลับไปสอบ แล้ววันหนึ่งผมจะไปช่วยแบ่งเบาภาระคุณตอนนี้นะครับ”


ส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมสร้างธุรกิจ พยายามแยกบริษัทตัวเองออกมาจากบริษัทแม่ พยายามลงทุนทางด้านอื่นที่ไม่ทับเส้นธุรกิจทางบ้านก็เพราะอนาคตของเด็กคนนี้


ผมอยากสร้างทางเดินดีๆ และมั่นครอเอาไว้ให้เขาได้ก้าวเดิน


“ฉันจะรอดูความสุขของเธอ”


เพราะผมก็หวังเพียงแค่นี้


แค่อยากเห็นคนที่ผมรักมีความสุขได้เต็มหัวใจ ..ก็เท่านั้นเอง






..........





ข้างนอกฝนตกอีกแล้ว


ผ่านมาเกือบอาทิตย์ที่เขาพักอยู่ห้องนี้เพียงลำพัง จากคนที่นอนไม่ค่อยหลับเวลานอนคนเดียวช่วงแรกๆ กลับหลับสนิทไม่แม้แต่จะฝันด้วยซ้ำ กลิ่นกายของเจ้าของเดิมยังคงลอยวนอยู่รอบกายในห้อง อย่างน้อยก็ช่วยให้เขาอุ่นใจขึ้นมาได้บ้าง อีกอย่าง ช่วงกลางวันก็เจอกันที่บริษัท ปูรณ์ไม่ได้รู้สึกว่าชีวิตตัวเองเปลี่ยนไปมากนัก แค่เพียงแต่เหมือนตัวเองเติบโตขึ้นอีกก้าวมากกว่า และเป็นก้าวที่เขาไม่เคยกล้าจะเดินก่อนหน้านี้เท่านั้นเอง


อากาศเย็นที่แตกต่างกับน้ำอุณหภูมิที่เพิ่งอาบเสร็จทำให้คนผิวซีดห่อเสื้อคลุมอาบน้ำให้กระชับลำตัวมากยิ่งขึ้น จากที่ตั้งใจว่าอาบน้ำเสร็จจะออกมาหาอะไรง่ายๆ ทำเป็นมื้อเย็นก็กลับเปลี่ยนใจเดินไปอุ่นนมสดให้ร้อนจากไมโครเวฟหนึ่งแก้วใหญ่ แล้วถือไปนั่งตรงพื้นมุมห้องที่ปูพรมหนานุ่มไว้ พร้อมกับทอดสายตาฝ่าความมืดมองสายฝนด้านนอก ทิ้งสายตาได้เพียงไม่นาน เสียงออดที่ดังขึ้นทุกๆ ค่ำคืนในเวลาเดิมแบบนี้ก็จุดรอยยิ้มน้อยๆ แต้มมุมปาก ร่างบางกระชับชุดคลุมอาบน้ำอีกครั้งก่อนเดินไปเปิดประตูห้อง ยิ้มกว้างอีกนิดเมื่อเห็นผู้มาเยือนหอบถุงข้าวของมาเต็มสองมือ



“หอบอะไรมาเยอะแยะเลยครับคุณธี”


“ผมมาชวนคุณปาร์ตี้”


“ปาร์ตี้?”


“ใช่ สองคน”


“เนื่องในโอกาสอะไรหรือเปล่าครับ”


“สำคัญนิดหน่อย แต่จริงๆ หาเรื่องมาทานข้าวกับคุณมากกว่า”


“ผมเพิ่งอาบน้ำเสร็จ แต่ยังไม่ได้แต่งตัวเลย คุณธีเข้ามาก่อนสิครับ ขอผมไปเปลี่ยนชุดแป๊บหนึ่ง”


“ไม่ต้องรีบนะปูรณ์ ตามสบายเลย คิดว่านี่เป็นห้องตัวเอง”


“มุกนี้เก่าแล้วนะครับ ยังจะเล่นอีก”


ร่างสูงหัวเราะเพราะคำเย้านั้น “นิดหนึ่งน่า ว่าแต่เตาอบใช้ได้ใช่ไหม?”


“คุณธีจะทำอาหารเองเหรอครับ” ถามพร้อมก้มมองถุงในมืออีกฝ่ายอีกครั้ง เขาถึงเพิ่งสังเกตว่าเป็นอาหารสด ไม่ใช่กับข้าวที่ซื้อมาสำเร็จแล้วอย่างทุกทีที่ธนาดลมาหาแล้วชวนทานข้าวด้วยกัน


“ผมเพิ่งให้แม่สอนมาสดๆ ร้อนๆ เลย อยากอวดวิชาน่ะ”


“ครัวจะไม่ไหม้ใช่ไหมครับ”


“ดูถูก” สิ้นคำนั้นทั้งคู่ก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน ก่อนปูรณ์จะพยักหน้าขึ้นลง แล้วเอ่ยบอก


“งั้นรอผมสักครู่นะครับ เปลี่ยนชุดแป็บเดียว เดี๋ยวผมออกมาช่วย”


“อือ เดี๋ยวผมเตรียมของรอ”


หายไปไม่นาน คนอาบน้ำเพิ่งเสร็จก็ออกมาอีกครั้งด้วยชุดง่ายๆ อย่างเสื้อยืดสีขาวและกางเกงนอนขายาว บนโต๊ะตัวใหญ่กลางครัวมีของวางรออย่างกระจัดกระจาย กวาดตามองสองรอบปูรณ์ก็ได้คำตอบให้ตัวเองแต่ก็ยังถามออกไปเพื่อยืนยันว่าสิ่งที่ตัวเองคิดนั้นไม่ผิด


“คุณธีจะทำสเต็กแซลมอนเหรอครับ?”


“ใช่ มีสลัดด้วย นี่น้ำสลักสูตรลับของคุณแม่เลย”


“เพราะมันเป็นสูตรลับ คุณแม่คุณเลยไม่ยอมบอกวิธีแต่ทำให้มาแทนเลยเหรอครับ?” คนตัวเล็กกว่ากล่าวเช่นนั้นเมื่อเห็นน้ำสลัดที่ปรุงเรียบร้อยแล้วในขวดแก้วใบใหญ่


“โธ่ มันยากนี่นา แล้วนี่ผมก็ไปช่วยมาเองกับมือ”


“ช่วยทำอะไรครับ”


“หยิบน้ำมันงา”


“เป็นประโยชน์มากเลยครับคุณธี” ว่าด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ “แล้วสเต็กปลานี่จะรอดเหรอครับ”


“ก็คุณแม่ปรุงมาแล้ว เหลือแค่ทำให้สุกเท่านั้นเอง”


“คุณธีจะใช้เตาอบ?”


“อ้าว แล้วไม่ใช่แบบนั้นเหรอ”


พอเห็นสีหน้างงงวยที่ตั้งคำถามอย่างจริงจัง ปูรณ์ก็ส่ายหน้าช้าๆ พร้อมกับมือบางก็ดันแผ่นหลังคนตรงหน้าให้หลีกทางให้


“ย่างบนกระทะน่าจะดีกว่าครับ”


“อ๊ะ เคยเห็นคุณแม่ทำเหมือนกัน”


“คุณธีดูสนิทกับคุณแม่คุณนะครับ ผมได้ยินคุณพูดถึงบ่อยๆ”


“ก็คุณพ่อทำแต่งาน” ร่างสูงยักไหล่ “ถ้าคุณโตมากับใครคุณก็จะสนิทกับคนนั้นแหละ บางครั้งผมยังเกรงๆ เวลาคุยกับพ่อตัวเองด้วยซ้ำ”


คู่สนทนายิ้มจางกับคำเล่านั้น ก็ดีกว่าเขาไม่ใช่หรือ ที่โตมากับความโดดเดี่ยว ไม่มีใครเลย


“ผมโตมากับมูลนิธิน่ะครับ ไม่ได้สนิทกับใครหรอก แต่จริงๆ ก็มีนัทที่โตมาด้วยกัน”


“ผมขอโทษนะปูรณ์ถ้าทำให้คุณรู้สึกแย่”


“ผมไม่เป็นไรแล้วครับ” มันดีขึ้นมากแล้วถ้านับจากตอนนั้น “ตอนนี้ผมโอเคดี”


“ตอนนี้คุณมีผมนะ” ร่างสูงยิ้มให้อย่างจริงใจ ก่อนวางมือข้างหนึ่งลงทับมือบางบนโต๊ะแล้วบีบเบาๆ “ผมจะอยู่ข้างๆ คุณ แค่อย่าคิดว่าตัวเองไม่มีใคร”


“ขอบคุณนะครับ” มือสองข้างกระชับเข้าหากันก่อนมือเล็กกว่าจะปล่อยออก หันไปหยิบกระทะ แล้วเปลี่ยนเรื่องคุย “ถ้าวันนี้คุณธีกลับบ้านมา แล้วไม่ต้องอยู่ทานข้าวเย็นที่บ้านเหรอครับ”


“อ๋อ คุณพ่อคุณแม่ผมไปออกงานน่ะ อาฐาก็ไปนะ ทุกคนเลยไม่ว่างทานข้าวที่บ้านกัน”


“อ๋อ”


“แต่ถึงคนที่บ้านว่างกัน ผมก็อยากมาทานข้าวกับคุณมากกว่า”


“ขยันหยอดจังเลยครับเดี๋ยวนี้”


“ก็ขยันขนาดนี้คนแถวนี้ก็ไม่ยอมใจอ่อนสักที”


ไม่มีเสียงพูดตอบรับจากคนยืนอยู่หน้าเตา มีเพียงเสียงเนยหอมๆ ที่สัมผัสกับอาหารในกระทะเท่านั้นตอบกลับคนตัวสูงที่ยืนจัดจานอยู่


แต่เขาก็รู้ ว่าอีกคนกำลังค่อยๆ เปิดใจให้กัน ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ได้มายืนในห้องนี้ ทานข้าวด้วยกันสองคนบ่อยแบบที่เรียกได้ว่าแทบจะทุกวันแบบนี้หรอก





“อร่อย” คำชมเต็มปากหลังจากเคี้ยวไปจนเต็มแก้มทำให้คนที่มีหน้าที่เพียงทำให้อาหารตรงหน้าสุกเลิกคิ้วยิ้มอย่างล้อเลียน


“ชมเองแบบนี้ก็ได้ด้วยเหรอครับ”


“หรือคุณจะเถียงว่าไม่อร่อย”


“ไม่เถียงหรอกครับ คุณแม่คุณทำอาหารอร่อยจริงๆ” เพราะไม่ใช่แค่เพียงครั้งนี้ แต่ที่ผ่านๆ มา ธนาดลก็นำอาหารฝีมือมารดามาฝากเขาด้วยอยู่บ่อยครั้ง


“ไว้ผมจะให้คุณไปเรียนกับคุณแม่ จะได้ทำให้ผมทานบ้าง”


“หืม?”


“ผมเล่าเรื่องคุณให้ท่านฟังเยอะแยะเลย นี่ทุกครั้งท่านก็บอกให้เอาขนมนู่นนี่มาฝากคุณเยอะๆ”


“คุณธี...” ร่างบางเอ่ยเรียกเสียงอ่อน ไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะจริงจังถึงขั้นนี้


“ผมชอบคุณ ผมบอกคุณไปแล้วว่าผมชอบ ผมก็บอกแม่ไปแล้วเหมือนกัน”


“แล้วท่านไม่ว่าอะไรเหรอครับ?”


“ว่าอะไร? นี่แม่อยากเจอคุณจะแย่ แล้วคุณล่ะ พร้อมไปเจอแม่ผมหรือยัง?”


“ผม...”


“ไปในฐานะเพื่อนก็ได้ปูรณ์ ในฐานะคนที่ผมจีบอยู่ก็ได้ ผมไม่ได้ต้องการจะผูกมัดหรือเร่งรัดคุณด้วยเรื่องนี้หรอกนะ แค่อยากให้คนที่ผมรักได้เจอกัน พูดคุยกันบ้างเฉยๆ”


คนที่ผมรัก...


หัวใจเต้นผิดจังหวะไปเพียงครู่ก่อนเจ้าของมันจะรวบรวมสติแล้วส่งยิ้มกลับไป


“รอผมพร้อมกว่านี้ได้ไหมครับ”


“ได้อยู่แล้ว”


“ขอบคุณนะครับคุณธี”


“ผมสิต้องขอบคุณ ที่คุณยอมให้ผมอยู่ตรงนี้” ปลายนิ้วยื่นไปเกลี่ยมุมปากคนตรงหน้าทั้งๆ ที่ไม่ได้เลอะอะไร “ผมอยากขอบคุณที่คุณทำให้ผมมีความสุข”


“คุณก็ทำให้ผมมีความสุขครับ” ปูรณ์ตอบไปอย่างที่ใจนึก เขาคิดมาตลอดว่าตัวเองรักใครอีกคน


...แต่เวลานี้ความสุขก็อยู่ตรงหน้า


“เดี๋ยวทานเสร็จเราไปนั่งดูหนังกันไหม ผมติดหนังที่ชอบมาจากบ้านให้คุณเลือกสี่ห้าเรื่อง พรุ่งนี้วันหยุดทั้งที นอนดึกๆ หน่อยก็น่าจะไม่เป็นไร”


“คุณวางแผนมาหมดแล้วไม่ใช่เหรอครับ?”


“รู้ดี” คนถูกต่อว่าไม่จริงจังส่ายหน้ายิ้มๆ ก่อนจะลงมือทานอาหารมื้อค่ำต่อจนอิ่ม หลังจากเก็บกวาดเรียบร้อย ธนาดลก็ขอตัวไปอาบน้ำก่อนเพราะรู้สึกไม่ค่อยสบายตัว คนที่รอยู่ห้องจึงจัดแจงหาผ้าห่มผืนนุ่มๆ สองผืนมากองไว้บนพรมหน้าโทรทัศน์จอใหญ่ พร้อมของกินเล่นที่อีกฝ่ายเตรียมมาจากบ้าน


“ผมปิดไฟตรงนี้นะ” ร่างสูงร้องบอกให้เจ้าของห้องตอนนี้พยักหน้า พอห้องมืดสมใจเหลือเพียงแสงไฟจากจอโทรทัศน์ คนที่อยู่ในชุดนอนคล้ายๆ กันจึงทิ้งตัวลงนั่งซุกใต้ผ้าห่มอยู่ข้างกัน


“คุณชอบเรื่องนี้เหรอ?”


“ผมยังไม่เคยดูครับ แต่เรื่องอื่นผมดูหมดเลยเลยอยากลองเรื่องนี้มากกว่า หรือคุณธีเบื่อแล้ว?”


“ไม่เลย ผมชอบเรื่องนี้ที่สุดในทั้งหมดที่ผมเอามา ปีนี้ดูไปสี่ห้ารอบแล้วด้วยซ้ำ”


“สนุกขนาดนั้นเลยเหรอครับ”


“โดยรวมก็สนุก แต่ผมชอบฉากหนึ่งในเรื่องมากกว่า ผมดูหนังวนๆ ก็เพื่อรอดูฉากนั้นฉากเดียว”


“หืมม?”


“ถ้าคุณดูจบผมจะให้คุณทายว่าฉากไหน”


“ทายถูกแล้วจะได้อะไรครับ”


“ได้เหมือนในหนัง”


คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันเพราะรอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั้น แต่ก็ปัดรอยยิ้มรบกวนนั้นทิ้งไปแล้วหันไปสนใจภาพที่ฉายอยู่ตรงหน้าต่อ
เรื่องราวในจอฉายไปเรื่อยๆ จากวินาทีเป็นนาที จากนาทีเป็นชั่วโมง ท่าทางของทั้งคู่ที่ตอนแรกเพียงนั่งกอดผ้าห่มอยู่ข้างๆ กันก็เปลี่ยนเป็นซุกอยู่ภายใต้ผ้าห่มเพราะอากาศเย็นทั้งจากเครื่องปรับอากาศและฝนด้านนอกที่ยังคงไม่หยุดตก และแม้จะอยู่ใต้ผ้าห่มผืนนิ่มคนละผืน แต่เวลาผ่านไปก็เริ่มขยับเข้าหากันไม่รู้ตัว


“คุณธีชอบฉากนี้เหรอครับ”


ฉากนี้ที่ว่าคือฉากขอแต่งงานตอนใกล้จะจบเรื่อง ในหนังไม่ได้สื่อถึงความโรแมนติกหรูหราหากแต่เป็นคำพูดธรรมดาในวันที่ตัวเอกเดินเล่นด้วยกันในสวนสาธารณะหลังเลิกงาน แล้วฝ่ายชายก็หันมาถามฝ่ายหญิงด้วยคำพูดสั้นๆ แค่ว่า คุณอยากเดินจับมือกับผมแบบนี้ไปตลอดชีวิตของคุณไหม และรอยยิ้มของนางเอกก็เป็นคำตอบและตอนจบของเรื่องราวทั้งหมด


“คุณอยากถูกขอแต่งงานเหรอ?”


“มะ.. ไม่ใช่นะครับ” ปฏิเสธพลางนึกไปถึงคำพูดที่คุยกันทิ้งไว้ก่อนหนังเริ่มฉายแล้วใบหน้าก็พลันขึ้นสีแดงเรื่อ


“จริงๆ ผมชอบฉากที่พระเอกเจอนางเอกครั้งแรก”


คนฟังนึกย้อนไปถึงฉากที่ว่าก่อนจะค่อยๆ นึกภาพในหนังที่เพิ่งดูจบไปแล้วพูดออกมา “ฉากที่พระเอกเห็นนางเอกอยู่อีกฝั่งถนนเหรอครับ?”


“ใช่”


“แต่ฉากนั้นไม่มีอะไรเลยนะครับ”


“มีสิ พระเอกยิ้มออกมาทันทีที่เห็นนางเอก แล้วหลังจากนั้นเขาก็ตามหาเธอ ผมคิดว่าฉากที่ไม่มีบทพูดนี่แหละน่าจะบอกเราว่าให้ใช้ใจดูหนังเรื่องนี้เยอะๆ แล้วผมก็มาเข้าใจเอาตอนหลังๆ ว่า ในฉากที่ผมชอบนั้น พระเอกคงคิดว่าแน่ๆ ว่าเขาเจอแล้วคนที่อยากอยู่ด้วย”


“.....”


“แล้วไม่ว่าหลังจากนั้นจะเป็นยังไง ถ้าผมเจอคนที่ชอบ ผมจะตามหาเขา บอกว่าผมชอบ และทำทุกอย่างให้เขาตอบตกลงในวันที่ผมขอแต่งงาน”


“คุณธี...”


“หนังมันก็เนื้อเรื่องธรรมดา แต่พอผมชอบดู ผมก็คิดว่ามันพิเศษ”


“.....”


“แล้วผมก็อยากให้คุณคิดเหมือนกัน”



ไม่รู้ว่าธนาดลหมายถึงหนัง หรือเรื่องอะไร


แต่ปูรณ์ก็ไม่ได้ถอยหนีตอนอีกฝ่ายขยับเข้ามาใกล้ ยอมปล่อยให้มือข้างหนึ่งโอบประคองไว้ที่ข้างแก้ม ยิ้มบางๆ รับสัมผัสที่เกลี่ยเบาๆ บนผิวแก้มเย็น ก่อนจะหลับตาลงเมื่ออีกคนโน้มตัวเข้าหา


รสจูบเย็นๆ แตะแผ่วเบาบนริมฝีปากอิ่ม แช่ค้างเนิ่นนานคล้ายรอดูท่าที จนเมื่ออุณหภูมิของริมฝีปากที่แตะกันเพิ่มขึ้นจนอุ่น ริมฝีปากบางได้รูปที่เริ่มก่อนจึงค่อยๆ ขยับอย่างเนิบช้า กลืนกินริมฝีปากอีกฝ่ายทีละน้อย ค่อยๆ เปิดสัมผัสเพื่อหาความอบอุ่นที่มีมากกว่า จนมั่นใจว่าถูกตอบรับ จึงเพิ่มแรงดึงดูดระหว่างกันจนปลายลิ้นทั้งสองค่อยๆ เกี่ยวพันกันอย่างไม่รู้ตัว


เสียงจูบกันดังก้องสะท้อนห้องมืดที่มีเพียงความเงียบ ริมฝีปากบดเบียดกันแลกเปลี่ยนอารมณ์หวามไหวที่ค่อยๆ ถูกกระตุ้นเพราะบรรยากาศ ปลายนิ้วแกร่งลากไล้จากแก้มเนียนไปตามลำคอระหงเรื่อยลงจนถึงแผ่นหลังบอบบาง สอดปลายมือทักทายผิวกายที่สั่นระริกตอบรับใต้เสื้อยืดเนื้อดี และเมื่อเนื้อผ้าสีขาวที่เกะกะขวางทางถูกถอดออก เจ้าของเสื้อที่ท่อนบนเปลือยเปล่าจึงค่อยๆ ถูกประคองให้เอนกายลงบนพรมผืนนุ่มช้าๆ


และนั่นก็ทำให้ร่างบางกว่าได้สติขึ้นมา


“ไม่นะครับคุณธี ไม่ใช่ตอนนี้”


“ปูรณ์...” น้ำเสียงสั่นไหว แววตาสั่นสะท้านมองตอบกันในความมืด ก่อนถ้อยคำปฏิเสธจะถูกเอ่ยอีกครั้ง


“ไม่ใช่ที่นี่ด้วยครับ” ...นี่เป็นห้องคุณฐา


“.....”


“.....”


ความเงียบปล่อยให้สองร่างพากันค้นหาความหมายที่ซ่อนไว้ใต้แววตา และผู้ที่ค้นพบมันก่อนก็อาจจะไม่ใช่ผู้ชนะในการแข่งขันครั้งนี้


“เป็นอาของผมเหรอ?” เสียงทุ้มเอ่ยถาม กดกลั้นความเจ็บปวดไม่มิด


“.....”


“คนที่ซ่อนอยู่ในใจของคุณ”


“ผม...”


“ที่คุณไม่เคยยอมให้ผมเข้าใกล้ได้มากกว่านี้ เป็นเพราะเขาใช่ไหม?”


“คุณธี”


“.....”


“.....”


“ผมขอโทษนะปูรณ์” พร้อมคำขอโทษ เสื้อที่ถูกถอดทิ้งถูกสวมใส่อีกครั้งโดยคนที่ปลดเปลื้องมันออก ริมฝีปากได้รูปกดลงบนหน้าผากเนียนอย่างพยายามสะกดกลั้นอารมณ์


“คุณคงอยากได้เวลา”


“.....”


“ผมเองก็เช่นกัน”


ทิ้งไว้เพียงเท่านั้นร่างสูงก็ลุกออกจากห้องไป


ทิ้งสายตาคู่หนึ่งให้ทอดมองตามในค่ำคืนที่ความมืดก็ยังคงไม่ได้ให้คำตอบแก่ใครได้ ว่าความรู้สึกสับสนเช่นนั้นเป็นเพราะหตุใด



รัก หรือ ไม่ใช่?

ไม่มีใครสามารถตอบคำถามนี้ได้เลย...


















..TBC..














>> ดราม่าหรือเปล่าไม่รู้ แต่นี่คือปมแรกของเรื่องเองค่ะ ^^

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันด้วยนะคะ










ออฟไลน์ masochism2018

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 428
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
 :a5: o22
ปวดหัวเลยคร่ะ

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
 o22
น้องปูรณ์จะรู้สึกยังไงถ้าได้รู้ว่าคุณฐาเป็นพี่ชายของน้อง..  :ling2:

 :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-10-2019 19:28:02 โดย tasteurr »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ yasperjer

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
ปมของอาฐานี่มัน....

ออฟไลน์ myd3ar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4
มันอึนๆ มึนๆ ไม่สดใสเลยน้องปูรณ์

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
คิดถึงเรื่องนี้ :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ mkianit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-3
กลัวใจจริงๆ

ออฟไลน์ Toffeenut

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
▲▲As an escort
#เพื่อนนอนตอนที่ 9













“พอเถอะครับคุณธี” มือบางข้างหนึ่งเอื้อมมารั้งมือที่ยกแก้วเหล้าแก้วแล้วแก้วเล่าเข้าปาก แม้คนเมาแทบไม่มีแรงขัดขืนแต่ดวงตาแดงก่ำก็ตวัดมองอย่างไม่ชอบใจนักที่ถูกขัดจังหวะ


“อย่าห้ามผมน่า” เสียงทุ้มส่งออกมาอ้อแอ้หากแต่คราวนี้กลณัฏฐ์ไม่ยอมเหมือนชั่วโมงที่ผ่านมา เพราะออกแรงเพิ่มอีกนิดแก้วเหล้าใบนั้นก็มาอยู่ในมือเขา และถูกส่งต่อไปให้คนดูแลที่ยืนอยู่ไม่ไกล รวมถึงขวดเหล้าที่เหลือของเหลวสีอ่อนอยู่เพียงก้นขวดด้วย


เสียงจิ๊ปากอย่างขัดใจดังมาจากร่างสูงที่ถูกฤทธิ์แอลกอฮอล์เล่นงาน มือที่ว่างจากแก้วเหล้ายกขึ้นคลึงขมับ นวดแรงๆ สองสามครั้งก็ถูกมือคู่เดิมที่แย่งแก้วเหล้าไปรั้งเอาไว้ สัมผัสอ่อนโยนรั้งคนที่ตัวสูงกว่าให้เอนนอนลงมาบนตักเพราะทั้งคู่นั่งเคียงกันอยู่ที่โซฟาตัวยาว ก่อนจะค่อยๆ คลึงขมับให้แทน สัมผัสนั้นวนไปมาซ้ำๆ อยู่เกือบห้านาทีเจ้าของทั้งมือทั้งตักจึงเอ่ยขึ้นก่อนเนิบๆ


“มีเรื่องอะไรไม่สบายใจอยากระบายไหมครับ”


คิ้วของคนบนตักขมวดเข้าหากัน ไม่แน่ใจว่าอยากพูดออกไปหรือแค่อยากดื่มเหล้าเงียบๆ เพื่อให้ตัวเองหลับไปได้ในคืนนี้ หนีทั้งความจริง ทั้งความสับสนที่ปะปนในหัวใจ แต่เสี้ยวหนึ่งเขาก็อยากระบายให้ใครสักคนได้ฟัง ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่เลือกเรียกเอสคอร์ทคนนี้ ...คนที่รู้ทั้งรู้ว่าเป็นเพื่อนสนิทของปูรณ์ให้ออกมาหา


“คุณรู้เรื่องเพื่อนคุณ...” พูดได้แค่นั้นก็เงียบไปอีกครั้ง แต่เจ้าของตักก็ใจเย็นพอจะไม่พูดแทรก นิ้วมือยังคงทำหน้าที่นวดคลึงขมับให้ผ่อนคลาย


“.....”


“คุณรู้เรื่องเพื่อนคุณกับอาของผมไหม?”


“.....”


ความเงียบเป็นคำตอบอย่างดี


“ทำไมวันนั้นที่ผมคุยกับคุณ คุณถึงไม่บอกผมเรื่องนี้”


“ผมจะมีสิทธิ์อะไรไปบอกล่ะครับ”


“.....”


นั่นสิ...เพราะแม้แต่ตัวเขาเองยังไม่มีสิทธิ์ได้รับรู้


เรื่องระหว่างคนสองคนเท่านั้น


“แต่คุณรู้ใช่ไหมว่าผมชอบเพื่อนคุณ”


เสียงทุ้มปร่าแปร่งทั้งเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์และความรู้สึกสั่นไหวของในใจ ทว่าสติยังคงหลงเหลือให้สามารถต่อบทสนทนาได้ด้วยเพราะไม่ใช่คนคออ่อนแต่ทุนเดิม


“ใครได้รู้จักปูรณ์ก็ชอบกันทั้งนั้นแหละครับ” สายตาที่ก้มลงมองมีแวววูบไหว รอยยิ้มชืดจางปรากฎบนใบหน้าที่หากไม่สังเกตก็ไม่พบแววเหนื่อยล้า “ปูรณ์เป็นคนอ่อนโยน หมอนั่นมักจะนึกถึงแต่คนอื่นจนไม่สนความรู้สึกตัวเอง อะไรที่ยอมได้ก็ยอมไปหมด แม้เรื่องบางเรื่องเจ้าตัวจะไม่เต็มใจเลยสักนิด แต่ถ้าลองมีคนขอร้อง คนใจอ่อนอย่างปูรณ์ก็ทำให้แทบทุกอย่าง”


“.....”


“ผมเคยบอกเคยว่าเป็นร้อยครั้งว่ามีแต่คนโง่ที่ยอมอะไรแบบนี้ แต่หมอนั่นก็ยังยิ้มและบอกเพียงแค่ว่าถ้าผมได้รักใครสักคนผมก็จะเข้าใจ”


“.....”


“แต่จนถึงวันนี้ ผมก็ยังไม่อยากแม้แต่จะเข้าใจเลยสักครั้ง”


สิ้นประโยคนั้น ความเงียบก็ขับกล่อมคนสองคนอย่างบางเบาในความมืดมิดของค่ำคืนที่ไร้แสงจันทร์ ไร้แสงดาว เนิ่นนานจนในที่สุดเจ้าของประโยคสุดท้ายเมื่อสักครู่ก็เอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง และคราวนี้ น้ำเสียงนั้นเจือแวววิงวอนขอร้องอย่างคนที่ตัดสินใจมาอย่างดีแล้ว


“พยายามอีกนิดได้ไหมครับคุณธี เรื่องบางเรื่องผมอาจไม่มีสิทธิ์บอก ไม่มีสิทธิ์อธิบาย แต่ถ้าลองพยายามอีกสักครั้ง คุณอาจจะได้รับคำอธิบายในเรื่องที่ใครคนไหนก็ไม่มีสิทธิ์ได้รู้ก็ได้”


“.....”


“ลองอีกครั้งแล้วถ้าคุณเหนื่อยก็แค่กลับมา...”


“.....”


“แล้วถ้ามีคราวหน้า ผมจะดื่มเป็นเพื่อนคุณเอง”


รอยยิ้มอ่อนหวานเผยบนใบหน้าเนียนที่แม้จะมองไม่ค่อยชัดในห้องที่ไฟเปิดเพียงแสงสลัว หากแต่รอยยิ้มนั้นกลับทำให้ธนดลยอมลุกขึ้น ไตร่ตรองทุกอย่างในใจเท่าที่สติเขายังคงไหว และเมื่อได้คำตอบ ร่างสูงก็หันมาส่งยิ้มให้


“ขอบคุณนะ” คำตอบสั้นๆ นั้นจากไปพร้อมกับเจ้าของดวงตาสีชาที่เดินออกจากห้อง ทิ้งเจ้าของห้องไว้กับรอยยิ้มที่ฝืนความอ่อนล้าไว้ยากเต็มที



ตอนไม่รู้จักความรัก... ก็ว่าไม่เคยเข้าใจ
แต่พอได้รัก... กลับยิ่งไม่อยากจะเข้าใจ











ควันร้อนลอยอ้อยอิ่งเหนืออ่างอาบน้ำสีขาว...


อุณหภูมิของน้ำในอ่างที่โอบล้อมผิวกายขาวซีดร้อนจนส่งผลให้ผิวบอบบางแดงเรื่อ ร่างกายที่อ้อนล้าค่อยถดตัวเองลงในอ่างให้ลึกจนกระทั่งระดับน้ำแตะริมฝีปาก ดวงตาเรียวปิดลงแล้วปลดปล่อยตัวเองให้ดำดิ่งในห้วงความคิดวกวนท่ามกลางความเงียบของยามกลางคืน ปล่อยให้เวลาผ่านไปนานจนอุณหภูมิของน้ำลดต่ำลงจนกลายเป็นความเย็นที่เข้ามาแทนที่ ตอนนั้นร่างกายเพรียวบางถึงยอมลุกออกจากอ่างอาบน้ำหินอ่อนขนาดใหญ่


กระจกในห้องน้ำไม่สะท้อนภาพใดเพราะเกาะพราวไปด้วยฝ้าเต็มแผ่น ปลายนิ้วหนึ่งจรดลงบนแผ่นกระจกนั้นแล้วลากไล้เป็นถ้อยคำและรูปร่างไร้ความหมาย เอื้อมมือหยิบชุดคลุมอาบน้ำที่แขวนไว้ด้านข้างมาสวม รวบจับสาบเสื้อเข้าด้วยกันพร้อมกับผูกเชือกเรียบร้อยแล้วจึงก้าวเท้าออกมาจากห้องน้ำ ปล่อยปลายผมที่ไม่ได้ถูกซับให้หยดน้ำหยดลงบนผ้าคลุมสีขาวสะอาดและตามทางเดินก่อนจะถึงเตียงกว้าง


“ผมกำลังคิดว่าถ้าอีกสิบนาทีคุณยังไม่ออกมาผมจะเข้าไปตาม”


เสียงทุ้มที่ดังมาจากฝั่งหนึ่งของห้องทำให้เจ้าของห้องตอนนี้หันขวับ ดวงตาเรียวที่เต็มไปด้วยความสับสนวูบไหวยิ่งกว่าเดิมเมื่อต้องสบกับดวงตาสีชาแน่วแน่ที่มองตรงมา มือเผลอกระชับสาบเสื้อคลุมเข้าหากันเมื่อร่างสูงนั้นขยับเข้ามาใกล้และเขาได้กลิ่นแอลกอฮอล์ที่ปนมากลับกลิ่นน้ำหอมประจำของอีกฝ่าย


“คุณธี”


“ผมอยากมาขอโทษคุณ”


ปูรณ์เงยหน้ามองร่างสูงที่เดินมาใกล้ รับฟังน้ำเสียงที่ทอดอ่อนอย่างเว้าวอนด้วยรู้สึกผิด


“ผมแค่สับสน หรือบางทีผมก็แค่...”


“.....”


“กลัว”


“ผม...”


“แต่ผมก็ยังอยากขอโอกาสจากคุณนะปูรณ์”


“.....”


“ให้ผมได้รักคุณเถอะนะ”


ดวงตาสองคู่ประสานสบกันท่ามกลางความสับสน หน่วยตาเรียววูบไหวเพราะความสั่นคลอนข้างในหัวใจ ขณะที่ดวงตาคู่คมกลับแน่วแน่ยิ่งกว่า หนักแน่นเพราะเขาถามหัวใจตัวเองมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วก่อนจะกลับมาที่ห้องนี้อีกครั้ง


และครั้งนี้ไม่มีใครอื่น ไม่มีความรู้สึกของใครเข้ามามีอิทธิพลหรือข้องเกี่ยว มีเพียงเขา และเจ้าของสายตาสั่นไหวตรงหน้าเท่านั้น


“นะ ปูรณ์...”


สองร่างที่ยืนตรงข้ามราวกลับมีแรงดึงดูดเข้าหากันเพียงเพราะคำวอนสั้นๆ นั้น มือข้างหนึ่งของผู้มาเยือนกลางดึกโอบข้างแก้มเพื่อให้รับกับองศาที่เรียวปากทั้งคู่จะได้สัมผัสกันอย่างแนบชิด มืออีกข้างที่ว่างคว้าเอวบางเข้ากอดแนบอก ริมฝีปากทั้งสองบดเบียดเข้าหากันอย่างโหยหา


รุนแรง ทว่าอ่อนโยนยิ่ง


ริมฝีปากอิ่มได้รูปทุกรุกเร้าอย่างหนักหน่วง ลมหายใจหอบกระชั้นเนื่องเพราะถูกพรากไปทีละน้อย เรียวลิ้นร้อนกวาดต้อนเอาความหอมหวานทุกหยาดหยด เกี่ยวพันกันด้วยความรู้สึกนับพันประการ เชือกของชุดคลุมอาบน้ำที่รัดรอบเอวซึ่งเป็นเสื้อผ้าเพียงชิ้นเดียวของร่างเล็กกว่าถูกปลดอย่างง่ายดายด้วยมือข้างที่กำลังไล้โลมไปทั่วผิวกายละเอียด เพียงไม่นาน ชุดคลุมทั้งชุดก็ถูกรั้งร่วงลงสู่พื้น พร้อมกันกับที่เจ้าของชุดในร่างเปลือยเปล่าถูกประคองให้นอนลงกับเตียงกว้างสีขาว ก่อนจะถูกทาบทับกักขังด้วยเรือนกายสูงใหญ่


รสจูบล้ำลึกล่อหลอกให้ไร้ซึ่งเรียวแรงต่อต้าน สัมผัสร้อนผ่าวลามเลียทั่วผิวกายเย็นชืดเพราะเพิ่งขึ้นจากน้ำ มือบางสองข้างโอบรอบก่อนรั้งท้ายทอยของคนด้านบนให้จูบนั้นยิ่งแนบชิดมากขึ้น


ในสติกึ่งเมา กึ่งรับรู้ ภาพในอดีตในวันแรกที่ทั้งสองได้แนบชิดกันผุดขึ้นมาในห้วงความคิดของธนาดลเป็นฉากๆ ภาพฉายซ้ำละเอียดราวกับกำลังกรอแผ่นหนังดูวนไปซ้ำๆ


ภาพผิวกายเนียนนิ่มที่ถูกเขาลูบไล้ เสื้อตัวบางที่ถูกกระชากจนกระดุมขาดแล้วหล่นกลิ้งไปบนพื้นห้อง ริมฝีปากอิ่มที่เม้มแน่นขัดขืนแต่ก็ถูกขบกัดจนห้อเลือด เรี่ยวแรงน้อยนิดที่พยายามดิ้นรนขัดขืนหากก็ถูกความเมาและเอาแต่ใจของเขาครอบครองทั้งเนื้อทั้งตัวจนไม่มีทางดิ้นหนี และในสำนึกนั้นสิ่งที่แว่วชัดที่สุดกลับเป็นเสียงกระซิบแผ่วเบาราวกับคนละเมอ



‘รักผม...’


‘รักผมไม่ได้เหรอครับ’




และก็เป็นเขาในตอนนั้นที่ตอบกลับไปด้วยสิ่งที่ฝังอยู่ในใจพร้อมกับสติอันน้อยนิด



‘เพลง’


‘ผมรักเพลง’




ร่างสูงแทบจะสร่างเมาได้ในนาทีนั้น ความเจ็บปวดในใจของคนที่เขากอดอยู่จะรุนแรงแค่ไหนกันนะ การอ้อนวอนขอความรักจากคนที่ให้รักกลับมาไม่ได้มันทั้งน่าสมเพชและน่าสงสารพอกัน


แต่ในนาทีนี้ เขาอยากเป็นคนเยียวยาแผลนั้น อยากปลุกปลอบจิตใจบอบช้ำดวงนั้นด้วยคำที่เขามั่นใจ
ความรู้สึกรักของเขาที่มอบมันให้คนคนนี้ไปแล้วจนหมดสิ้น


“ปูรณ์”


ริมฝีปากได้รูปกระซิบชิดริมฝีปากอิ่มแดงจากการจูบยาวนาน


“ผมรักคุณ”


“.....”


“รักแค่คุณ”


และเพราะมั่นใจในความรู้สึกของตัวเอง รวมทั้งอยากไถ่โทษ สัมผัสร้อนแรงบนเตียงกว้างจึงเหลือเพียงแค่ความอ่อนโยน ปลอบประโลม มีเพียงการจูบซ้ำๆ ไปทั่วผิวกายบอบบาง ไม่ล่วงเกินมากกว่านั้น ใช้สัมผัสนั้นทั้งบอกรักและขอโทษกับความผิดที่แล้วมา


ธนาดลรู้ว่ามันเป็นเรื่องยาก แต่รอยยิ้มเต็มแก้มที่ผ่านไปถึงนัยน์ตาที่แฝงรอยเศร้าอยู่เสมอยามที่เขากดจูบลงบนหน้าผากเนียนก่อนกระซิบบอกฝันดี ก็เป็นคำตอบอย่างดีว่าอีกคนเข้าใจในสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อว่าเขาไม่ได้ต้องการเพียงร่างกายนี้เหมือนใครที่เคยผ่านเข้ามา สิ่งที่เขาต้องการมันสำคัญกว่านั้น ยิ่งใหญ่กว่านั้น


และเขาก็พร้อมจะรอ วันที่ปูรณ์จะเป็นคนมอบทุกอย่างให้เขาด้วยตัวเองอย่างเต็มใจ










ฝนที่ตกตอนใกล้รุ่งทำให้อากาศตอนเช้าเย็นชื้น แอร์ในห้องนอนที่เปิดให้เย็นจัดอยู่เสมอเย็นลงกว่าทุกวันที่ตื่น ทว่าอ้อมแขนแข็งแกร่งที่โอบรัดเอวบางและแผ่นอกอุ่นของคนที่นอนซ้อนอยู่ด้านหลังก็ทำให้ความหนาวเย็นของอากาศแทบจะไม่มีผลกับความรู้สึก เรียวปากบางคลี่ยิ้มตอนที่วางมือลงทาบทับมือที่วางอยู่แถวหน้าท้อง และยิ่งแย้มรอยยิ้มกว้างยิ่งขึ้นเมื่อมีสัมผัสบางเบาจากริมฝีปากคนด้านหลังกดลงบนลาดไหล่เปลือย


“อรุณสวัสดิ์” เสียงทุ้มแหบพร่าอย่างคนเพิ่งตื่นนอน ริมฝีปากที่เพิ่งเอ่ยทักทายย้ายไปกดจูบลงข้างขมับสองสามครั้งจนคนถูกจูบเอียงคอหนีแล้วครางประท้วง


“ฮื่อ... พอก่อนครับ”


“อยากได้ morning kiss”


ดวงตาเรียวให้ไปค้อนให้คนด้านหลัง และนั่นก็ทำให้ปลายจมูกรั้นถูกงับเบาๆ


“คุณธี!”


“อย่าโมโหแต่เช้าสิ”


“ก็เพราะใครล่ะครับ”


“โอเคๆ ไม่แกล้งแล้ว ว่าแต่นี่ยังเช้ามากอยู่เลย นอนต่ออีกนิดเถอะ”


“ผมไม่ง่วงแล้ว”


“แต่ผมยังง่วงอยู่ เหมือนจะปวดหัวนิดๆ ด้วย” เสียงทุ้มเอ่ยอ้อน พร้อมกระชับอ้อมกอดเข้ามาอีกนิด


“ก็คุณธีดื่มเยอะเองนี่นา”


“แต่เมื่อคืนก็ไม่ได้เมามากนะ แล้วนี่ก็แค่ปวดหัวนิดหน่อย”


“ถ้าแบบนั้นผมไปหาอะไรร้อนๆ ให้คุณธีดื่มดีกว่า เผื่อจะได้ทานนยาแล้วจะได้นอนต่อ วันนี้ไม่มีธุระที่ไหนใช่ไหมครับ”


“ไม่มีธุระ แต่ก็ไม่เอา”


“หืม?”


“ไม่กินยา ไม่กินอะไรทั้งนั้น”


“ทำไมดื้อจังครับ”


“ผมอยากนอนกอดคุณแล้วหลับไปมากกว่า”


“คุณก็กอดมาทั้งคืนแล้ว”


“ให้กอดอีกทั้งวันก็ไม่พอ”


เถียงไปแบบนั้นพร้อมกับรัดคนตัวบางกว่าเข้าหาตัว ก่อนจะขู่อีกฝ่ายนิ่งๆ ว่าถ้าไม่ยอมหยุดพูดจะจูบจนปากช้ำ แค่นั้นอีกคนก็ก้มหน้างุด ซุกอกให้เขาได้ลูบผมลูบหลังก่อนจะหลับไปพร้อมกันอีกรอบ





และกว่าที่เจ้าของห้องจะตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็ตอนที่มีแรงเขย่าเบาๆ ที่ต้นแขนพร้อมเสียงเรียกชื่อซ้ำไปมา


“ปูรณ์ ปูรณ์”


“ฮื่อออ”


“ตอนเช้ายังดีๆ อยู่เลย ทำไมตอนนี้คุณตัวรุมๆ แล้วล่ะ”


“กี่โมงแล้วครับ?”


“ตอนนี้เกือบเที่ยงแล้ว ผมว่าคราวนี้คุณนั่นแหละที่ต้องตื่นมาทานข้าวทานยา”


“เจ็บคอจังเลยครับ”


“เดี๋ยวผมหาข้าวต้มร้อนๆ ให้”


“คุณทำเป็นเหรอครับ”


“เอาน่า ตอนนี้คุณลุกไปล้างหน้าล้างตาก่อนเถอะ ไหวไหม? ให้ผมอุ้มไปดีกว่า” ถามแบบไม่รอคำตอบก่อนจะช้อนร่างเพรียวบนเตียงแล้วอุ้มพาไปส่งที่หน้าห้องน้ำ หยิบผ้าขนหนูผืนเล็กยื่นส่งให้แล้วกำชับเสียงเข้ม


“ห้ามอาบน้ำนะ ล้างหน้าแปรงฟันก็พอ”


“ทีคุณยังอาบได้เลย เมื่อเช้ายังบ่นปวดหัวแท้ๆ” คนตัวร้อนเถียงเพราะเห็นอีกฝ่ายแต่งตัวเรียบร้อยด้วยชุดที่คงกลับไปเอาที่ห้องของเจ้าตัว


“ผมแค่แฮงค์ครับ ไม่ได้ป่วย”


“ผมก็ไม่ได้ป่วย แค่ตัวอุ่นนิดเดียว”


“เถียงเก่งแบบนี้แสดงว่าไม่เป็นไรมาก งั้นผมรู้แล้วแหละว่าจะพาคุณไปทานข้าวที่ไหนดี” แววตาที่มาพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ทำให้คนในห้องน้ำมองอย่างสงสัย แต่ธนาดลก็ไม่ได้ให้คำตอบอะไรกลับไป เพราะอีกไม่ถึงชั่วโมงคนตรงหน้าก็จะได้รับคำตอบเอง









บ้านหลังขนาดกลางแถบชานเมืองที่ปรากฎตรงหน้าหลังจากรถจอดสนิททำให้คิ้วเรียวที่แทบจะขมวดมุ่นมาตลอดทางยิ่งขมวดจนแทบจะผูกกันได้ แววตาสงสัยเงยขึ้นสบกับคนตาพราวระยับที่มองมาแต่ก็ยังไม่ยอมเอ่ยอธิบายอะไรให้เขาได้เข้าใจอยู่ดี ร่างสูงเพียงเดินอ้อมมายืนข้างๆ กันและเตะเอวให้เขาเดินตามทางปูหินอ่อนตรงไปข้างหน้า จนกระทั่งไปถึงห้องรับแขกที่มีหญิงชราท่าทางใจดีนั่งง่วนอยู่กับผ้าห่มถักผืนโตในมือ


“คุณยายครับ” เพราะธนาดลไม่เอ่ยบอกว่าจะพาเขามาที่ไหน ไม่เอ่ยเกริ่นนำอะไรทั้งนั้น ดังนั้นสรรพนามที่เอ่ยออกมาจากคนที่ยืนข้างจึงทำให้เขาตกใจอยู่ไม่น้อย อยากต่อว่าคนเจ้าเล่ห์ออกไปแต่ก็ไม่ทันเพราะหญิงชราที่ถูกเรียกเงยหน้าขึ้นมาเสียก่อนแล้วเอ่ยทักทายหลานชายตัวโตด้วยถ้อยคำส่อถึงความเอ็นดูอย่างเต็มที่


“มาแล้วเหรอพ่อตัวดี”


“โธ่ ทำไมทักผมแบบนั้นล่ะครับ ผมคิดถึงคุณยายจะแย่”


“คิดถึงจะแย่แต่หายไปเป็นเดือนจะให้ยายเชื่อรึไงน่ะเรา”


“ผมฝึกงานนี่ครับคุณยาย”


“แก้ตัวได้ตลอดนะคนเรา”


“โธ่ พูดความจริงก็หาว่าแก้ตัวอีก” ร่างสูงกอดเอวผู้เป็นยายแล้วเงยหน้าหอมแก้มที่เหี่ยวย่นตามวัยดังฟอด “นี่พอว่างก็รีบมาหาเลยนะครับ”


“ทำปากหวานไปเถอะ แล้วไหนเพื่อนที่บอกยายว่าจะพามาทานข้าวที่บ้าน” ถามพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมามองคนที่ยืนอย่างประหม่าอยู่ข้างๆ รอยยิ้มใจดีเผื่อแผ่มาถึงแขกผู้มาเยือนก่อนจะเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงใจดีไม่ต่างกัน


“ปูรณ์ใช่ไหมลูก ตาธีบอกว่าจะพาเพื่อนชื่อนี้มาที่บ้าน ว่าแต่เป็นแค่เพื่อนกันจริงหรือเปล่า?”


น้ำเสียงล้อเลียนจากหญิงชราใจดีทำให้แก้มคนฟังขึ้นสีเรื่อ แต่ก็ทำได้เพียงแค่ยกมือไหว้อย่างนอบน้อมตามมารยาท “สวัสดีครับ”


“ไหว้พระเถอะลูก”


ปูรณ์ยิ้มตอบรอยยิ้มที่ถูกส่งมาให้จากเจ้าของบ้าน ก่อนจะค่อยๆ เขยิบไปนั่งใกล้เมื่อถูกกวักมือเรียกอีกครั้ง


“หน้าตาก็ดี ผิวพรรณก็ละเอียด แถมยั่งยิ้มสวยอีก ไม่น่าเป็นเพื่อนกับตาธีได้นะเนี่ย”


“อ้าว คุณยาย” เสียงทุ้มประท้วง เรียกเสียงหัวเราะให้หญิงชราที่กำลังชมแขกของบ้านอย่างเอ็นดู


“ก็เพื่อนเราดูเรียบร้อยน่ารัก ไม่ได้ดูทะโมนแถมดื้อเหมือนเรานี่นา ว่าแต่นี่เป็นเพื่อนจริงเหรอ”


“ผมกำลังจีบอยู่ครับ” คำตอบตรงไม่อ้อมค้อมทำให้ผู้สูงวัยหมั่นไส้ ในขณะที่ผู้ถูกพาดพิงได้แต่ยิ้มเจื่อนเพราะทำตัวไม่ถูก


“ใจแข็งเยอะๆ นะลูก กับคนแบบนี้อย่าไปยอมง่ายๆ”


ปูรณ์ถึงกับหัวเราะออกมาเมื่อมือเหี่ยวย่นข้างนั้นละจากแขนหลานชายมาจับมือเขาไว้แล้วบีบเบาๆ “ครับ”


“โธ่ คุณยาย ไหนก่อนหน้าโทรคุยกันบอกว่าจะช่วยไงครับ ผมถึงกับพามาทานข้าวด้วย ทำไมตอนนี้กลับคำแบบนี้ล่ะ”


“ก็ยายถูกชะตากับปูรณ์เค้านี่นา เรามันเด็กดื้อ โดนแบบนี้แหละจะได้ไม่กล้าทำอะไรไม่ดี”


“ผมเสียหายนะครับ เกิดปูรณ์เชื่อคุณยายแล้วหักคะแนนผมทำไงอ่ะ”


“มีให้หักด้วยเหรอเรา กับยายนี่ติดลบตั้งแต่เกิดได้ไม่ถึงสามวัน”


“คุณยายยยย” เสียงท้วงรวมถึงกิริยาเหมือนเด็กโข่งนั้นเรียกเสียงหัวเราะอีกสองเสียงได้ไม่ยาก ความน่ารักของสองยายหลานทำให้ปูรณ์นึกถึงความอบอุ่นของครอบครัวที่เขาไม่เคยได้สัมผัส รอยยิ้มจางที่แต้มริมฝีปากติดรอยเศร้าจนคนมองสังเกตได้ และก็เป็นคนแก่ที่สุดที่ยื่นมือมาเปลี่ยนเรื่อง


“ไหนเรา ตาธีบอกว่าไม่ค่อยสบาย ยายเตรียมแกงจืดร้อนๆ กับกับข้าวสองสามอย่างไว้ให้ ไปทานกันเถอะ เผื่อต้องทานยา แล้วถ้าต้องนอนพักก็นอนที่นี่เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจยาย คนแก่แล้ว นานๆ ทีลูกหลานมาเยี่ยมก็อยากให้อยู่ด้วยนานๆ”


“ขอบคุณครับ ไปทานข้าวทานปลาก่อนเถอะเรา เย็นๆ เดี๋ยวดีขึ้นแล้วยายจะชวนทำขนมไปวัด”


“ไปวัดเหรอครับ?”


“ใช่ลูก พรุ่งนี้วันพระ ถ้าเราสะดวกก็ค้างที่นี่เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าจะได้ตื่นไปวัดกัน”


“เอ่อ ผม...” แม้จะอยากอยู่ตามคำชวนแต่ความเกรงใจก็มีอยู่ไม่น้อย ปูรณ์จึงหันหาอีกคนที่มาด้วยกันเป็นเชิงขอความเห็น ซึ่งอีกฝ่ายที่รอท่าทีอยู่แล้วรีบยิ้มกว้างก่อนจะบอก


“จริงๆ ผมก็ตั้งใจอยากพาคุณมาค้างที่นี่แหละ ขนมฝีมือคุณยายอร่อยมากเลยนะคุณรู้ไหม กับข้าวยิ่งอร่อย อยู่นานๆ แล้วคุณจะติดใจ”


พอได้ยินแบบนั้น คนอายุน้อยที่สุดจึงหันมาหาผู้อาวุโส แล้วแย้มรอยยิ้มกว้าง “ถ้าอย่างนั้นผมขอรบกวนด้วยนะครับ”










“คุณยายของคุณน่ารักมากเลยนะครับ ใจดีกับผมมากเลย” ในห้องโดยสารของรถคันหรูเสียงชวนคุยดังมาจากคนนั่งข้างคนขับ บนใบหน้ายังมีรอยยิ้มแต้มเมื่อนึกถึงสองวันที่ผ่านมาในบ้านหลังอบอุ่นแถบชานเมือง


“คุณยายก็ชมว่าคุณน่ารัก อยากให้ผมพาคุณมาหาบ่อยๆ ท่านยังแซวอยู่เลยว่าให้ผมรีบจีบคุณให้ติด ดังนั้นคุณอย่าใจแข็งกับผมนักเลยนะ เดี๋ยวคุณยายเสียใจ”


“เกี่ยวกันที่ไหนล่ะครับคุณธีก็”


“ไม่รู้แหละ ผมต้องรีบทำคะแนน เดี๋ยวเอาไว้วันหยุดคราวหน้าผมพาคุณมาที่นี่อีกดีไหม?”


“ถ้าคุณยายคุณไม่ว่าอะไร ผมก็อยากมานะครับ”


“คุณยายไม่ว่าหรอก จริงๆ นะปูรณ์ ท่านชอบคุณมากเลย”


“ผมก็ชอบท่าน ..ท่านทำให้ผมอยากนึกถึงญาติผู้ใหญ่ตัวเอง แต่ผมก็แทบไม่มีความทรงจำพวกนั้นให้คิดถึงเลย”


“.....”


“คุณโชคดีมากเลยรู้ตัวไหมครับ” รอยยิ้มเศร้าที่เก็บไม่มิดทำให้คนขับละมือข้างหนึ่งจากพวงมาลัยรถแล้วเอื้อมมาจับมือบางที่วางบนตักพลางบีบเบาๆ


“เล่าให้ผมฟังได้ไหม ผมอยากแบ่งความเสียใจมากจากคุณ”


มีความลังเลเกิดหลังคำถามนั้นชั่วครู่ แต่สุดท้าย ริมฝีปากอิ่มที่เม้มแน่นก็ค่อยๆ คลายออก แล้วเอ่ยตอบเสียงแผ่วด้วยคนเล่าเองก็จมกลับไปอยู่ในความทรงจำที่ครั้งนั้นก็ช่างมืดมนเหลือเกิน “ผมไม่ได้ไม่อยากเล่านะครับ แต่พอนึกย้อนไปแล้วผมกลับนึกไม่ออก มันขาดๆ หายๆ แล้วผมก็จำอะไรไม่ค่อยได้ ที่จำได้แน่ชัดก็มีแค่ผมโตมากับมูลนิธิ มีครูๆ คอยดูแล มีเพื่อนเพียงไม่กี่คน แต่ที่โตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กก็เป็นนัท”


“.....”


“ผมชอบตอนที่คุณยายคุณสอนทำขนม ให้ผมช่วยเป็นลูกมือทำอาหาร แล้วตอนที่ท่านกอด ผมก็รู้สึกอบอุ่น รู้สึกดี เหมือนผมไม่เคยรู้จักความรู้สึกแบบนี้มาก่อน”


“.....”


“บางทีที่ผมจำอะไรตอนนั้นไม่ค่อยได้ อาจจะเพราะมันแย่จนสมองสั่งให้ลืมก็ได้นะครับ แม้กระทั่งพี่สาวผมที่ผมเพิ่งมารู้จักเธอทีหลัง ผมก็จำไม่ได้แล้วว่าผมผูกพันกับเธอหรือเปล่า รู้แค่ว่าตอนนั้นเธอเหมือนครอบครัวเดียวที่ผมมี แต่พอเธอจากไป ผมก็ไม่ได้รู้สึกโหยหา รู้สึกแค่สิ่งที่ไม่เคยมีก็แค่กลับไปไม่มีเหมือนเดิม”


“ผมไม่เคยรู้เลยว่าคุณมีพี่สาว”


“มันเป็นความทรงจำสั้นๆ ช่วงหนึ่งที่ผมก็นึกไม่ค่อยออกด้วยน่ะครับ” 


“คุณเหงาบ้างไหมปูรณ์?”


แม้จะรู้ว่าไม่ควรตั้งคำถามแบบนี้ แต่ธนาดลกลับอยากให้อีกคนตอบ อยากให้คนข้างๆ ระบายความรู้สึกหนาหนักที่ทับถมในใจออกมาบ้าง อย่างน้อยให้เขาได้เป็นคนรับฟังความรู้สึกพวกนั้นบ้างก็ยังดี


“มันแย่กว่าเหงาอีกครับ”


“.....”


“ผมเคยรู้สึกแย่ เคยอิจฉาคนอื่นที่เค้ามีครอบครัวพร้อมหน้า มีความรักเหลือเฟือที่เผื่อแผ่ให้กัน ให้ขณะที่ผมเองกลับไม่มีใคร มันโดดเดี่ยวจนบางครั้งก็เกิดคำถามวนอยู่ในใจซ้ำๆ ว่าถ้าไม่มีใครต้องการแล้วจะให้ผมเกิดมาทำไม”


“.....”


“แต่ผมคิดว่าตอนนี้ผ่านความรู้สึกพวกนั้นมาได้ทั้งหมดแล้วล่ะครับ”


ปูรณ์เงียบไปนานหลังประโยคนี้จบลง เขาไม่ได้พูดออกไปแต่ในใจกลับหวนคิดถึงคนที่พาเขาก้าวผ่านความรู้สึกแย่ๆ พวกนั้น คนที่จับมือเขาผ่านอดีตที่โหดร้าย คนที่มอบแสงสว่างให้เป็นคนแรก


คนที่ประคับประคองหัวใจบอบช้ำดวงหนึ่ง เยียวยาจนมันดีขึ้น ดูแลจนจังหวะหัวใจแผ่วเบาที่เต้นอย่างอ่อนแรงเข้มแข็งได้ขึ้นมา
คนที่เขาเคยมอบความรัก มอบทุกอย่างที่มีไปให้ ...แม้สุดท้าย สิ่งเดียวที่ไม่ได้รับกลับมาคือรักเหมือนกันก็ตาม


“คุณธี”


หลังห้วงเวลาแห่งความเงียบเนิ่นนาน เสียงแผ่วก็เอ่ยเรียกชื่อเจ้าของมือที่กุมกันไว้แน่นบนตัก หันไปสบตาคนที่อยู่ข้างๆ เอ่ยถ้อยคำวอนขอที่ทำให้หัวใจสองดวง เริ่มเต้นในจังหวะเดียวกัน ไปพร้อมๆ กัน


“ความรักของคุณที่คุณเคยบอก ให้มันเป็นของผมได้ไหมครับ”


“.....”


“ของผมแค่คนเดียว”


แทนคำตอบนั้น ริมฝีปากได้รูปจรดลงบนหลังมือขาว คำสัญญาถูกเอ่ยออกมาแน่นหนัก ราวกับจะให้ฝังลึกแทนที่ทุกความทรงจำที่เคยผ่านมา และยินดีจะพูดย้ำซ้ำๆ ให้คนคนนี้ได้มั่นใจ


“มันเป็นของคุณอยู่แล้วปูรณ์”


“.....”


“ผมรักคุณคนเดียว”



















..TBC..














>> ก่อนอื่นต้องขอโทษจริงๆ ค่ะ
เราหายไปนานมากเลย ทั้งเรื่องงาน เรื่องส่วนตัว
แต่นี่จะไม่หายแบบนี้อีกแล้วค่ะ เราตั้งใจจะให้เรื่องนี้จบภายในเมษาถ้าเป็นไปได้ ^^
(เพราะเราอยากลงเรื่องใหม่แล้ว)

ฝากเรื่องนี้อีกครั้งด้วยนะคะ แฮ่ๆ










ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
ตอนเห็นว่านิยายเรื่องนี้อัพดีใจมากๆๆๆๆๆๆๆๆเลยค่ะ
ตอนนี้นัทกับคุณธีทำดีมาก อยากจะจับมาหอมหัวจังเลย

มาแบบสดใสขนาดนี้ แอบมีพายุลูกโตรออยู่หรือเปล่าคะ  :ruready

ออฟไลน์ yasperjer

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
ไม่ขออะไรมาก นอกจากอยากเห็นน้องปูรณ์มีความสุข

ออฟไลน์ ygff0429

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อยากเห็นปูรณ์มีความสุขแล้วอย่าดราม่าเลย สาธุ /\

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
คิดถึงหนูปูรณ์กับคุณธี
 :mew2:

ออฟไลน์ Toffeenut

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
▲▲As an escort
#เพื่อนนอนตอนที่ 10












‘ผมรักคุณคนเดียว’
 




ประโยคบอกรักที่วนอยู่ซ้ำๆ ในห้วงความทรงจำทำให้คนที่หลุดไปในห้วงอดีตหน้าขึ้นสีเรื่อ ชวนให้คนลอบมองที่นั่งข้างๆ กันต้องเอ่ยคำถามอย่างสงสัย


“วันนี้เห็นเธอยิ้มแบบนี้หลายครั้งแล้ว มีเรื่องดีๆ อะไรที่ฉันไม่รู้หรือเปล่า?” น้ำเสียงทุ้มที่ยังอบอุ่นอย่างที่เคยเอ่ยถามขณะที่มือก็ยังคงพลิกเอกสารไปมา สามตาคู่คมไม่ได้จับจ้องกดดัน เหมือนจะถามเพียงผ่านๆ แต่ใจเจ้าของรู้ดีว่าเขากำลังรอคอยกับคำตอบ


“ก็นิดหน่อยครับ”


“เกี่ยวกับเรื่องที่ไปบ้านคุณยายเจ้าธีวันเสาร์ที่ผ่านมา?”


“คุณฐารู้เหรอครับ”


“มีเรื่องอะไรของเธอบ้างที่ฉันไม่รู้”


คำย้อนนั้นทำให้ดวงตาคนตั้งคำถามหลุบลงต่ำ มือที่กำปากกาคล้ายจะสั่นระริกอย่างที่เจ้าของก็ไม่อาจรู้ตัว “ก็แค่ไปทานข้าว นอนค้าง แล้วคุณยายก็สอนทำขนมด้วยน่ะครับ”


“ฝีมือคุณยายดีมากเลยนะ ขนมอร่อย กับข้าวก็อร่อย ฉันเองยังชอบทาน”


“แล้วคุณยายยังใจดีด้วยนะครับ” ปูรณ์เงยหน้าขึ้นมาบอกแล้วยิ้มกว้าง ให้คนมองอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปลูบกลุ่มผมนุ่มนั้นเบาๆ


“ฉันดีใจนะที่เห็นเธอยิ้มได้แบบนี้”


“ผม...”


“อย่าลังเลที่จะมีความสุขเลยนะปูรณ์ เธอสมควรมีมันตั้งนานแล้ว”


“คุณฐาเอง ก็มีความสุขดีใช่ไหมครับ”


“นั่นส่วนหนึ่งก็ขึ้นอยู่กับเธอ”


“เอ๋?”


“เพราะฉันเคยบอกไปแล้วว่าฉันอยากให้เธอมีความสุข ถ้าเธอรู้สึกแบบนั้นได้จริงๆ ฉันก็จะมีความสุขไปด้วย”


ไม่รู้ว่าถ้อยประโยคหวังดีอย่างจริงใจนั้นควรทำให้คนฟังอย่างเขารู้สึกอย่างไรได้มากกว่ากัน ใจหนึ่งก็เป็นสุขเพราะรู้ว่าความหวังดีนั้นสัมผัสได้จริงๆ หากอีกใจก็คล้ายจะเจ็บปวดเมื่อเห็นอีกคนคล้ายจะปล่อยมือกันได้อย่างง่ายดาย


อาจจะเพราะที่ผ่านมาคุณฐาก็บอกอยู่แล้วว่าไม่ได้รัก ความรู้สึกลึกซึ้งที่มีแต่เขาที่จมอยู่กับมันมาตลอดสามปีเพียงฝ่ายเดียวจะหวังเรียกร้องอะไรตอนนี้คงไม่ได้สินะ


“อย่าได้คิดอะไรมากมายเลยปูรณ์” น้ำเสียงนั้นยังอ่อนโยน สัมผัสแผ่วเบาที่ลูบลงบนศีรษะทุยสวยก็ยังคงเหมือนเคย “ที่เป็นอยู่ตอนนี้มันก็ดีกับเธอมากไม่ใช่เหรอ ฉันเห็นเธอยิ้มได้ หัวเราะได้ แววตาของเธอบอกฉันแบบนั้น”


“.....”


“อย่าลังเลที่จะเปิดใจเลยนะ ฉันไม่ได้พูดเพราะอยากผลักไสเธอให้ใคร ฉันก็ยังเป็นฉันที่เธอรู้จักมาตลอด เราอาจจะไม่ได้อยู่ด้วยกันนั่นก็เพราะฉันอยากให้เธอก้าวไปข้างหน้า แต่ขอให้เธอรู้ไว้ ไม่มีวันไหนเลยที่ฉันปล่อยมือออกจากเธอ”


“.....”


“วันแรกที่เรารู้จักกันฉันหวังดีกับเธอยังไง จนถึงวันนี้มันก็ยังคงเหมือนเดิมแบบนั้น”


ความหวังดีที่ไม่เคยแปรเปลี่ยนเป็นอื่น ..รวมถึงไม่เคยเป็นความรักแบบที่ปูรณ์เคยต้องการ


“ขอบคุณนะครับคุณฐา” ปูรณ์พนมมือไหว้ คล้ายๆ ความรู้สึกที่ถูกผูกรั้งกันไว้ค่อยๆ ถูกคลายเกลียวลงทีละน้อย ทีละน้อย


“คนที่เธอควรขอบคุณมากกว่าฉันคือคนที่กำลังรอรับเธอหลังเลิกงานอยู่ตอนนี้หรือเปล่า?”


“ผม...”


“หน้าแดงซะแล้ว พูดแค่นี้”


ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่น ก้มหน้าลงไม่กล้าสบตาด้วยเพราะไม่รู้จะแสดงอาการกึ่งเขินอายนี้อย่างไรดี


“มีความสุขให้เยอะๆ ฉันขอจากเธอแค่นี้”


“ครับ”





“เย็นนี้คุณอยากทานอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า?” คำถามดังจากคนขับรถทันทีที่ทั้งคู่ขึ้นมานั่งเคียงกันเรียบร้อยเหมือนอย่างทุกๆ วันที่ผ่านมา


“กลับไปที่ห้องได้ไหมครับ ผมอยากทำแกงส้มที่คุณยายคุณสอน เผื่ออร่อยจะได้ทำไปฝากท่านด้วย ไปรบกวนท่านบ่อยๆ จนผมเกรงใจจะแย่”


“คุณไม่ต้องเกรงใจหรอก คุณยายผมเต็มใจ”


“ถึงจะอย่างนั้นแต่ผม...”


“หลานชายคุณยายก็เต็มใจ” รอยยิ้มของเจ้าของรถยืนยันประโยคที่โพล่งขึ้นแทรก และนั่นก็ทำให้ริมฝีปากอิ่มอดไม่ได้ที่จะแอบยิ้มออกมา


...ถ้าคุณฐาอยากให้เขามีความสุข เขาเองก็อยากมีความสุขให้เต็มที่เหมือนกัน


“ถ้าอย่างนั้น หลานชายคุณยายพาผมไปซุปเปอร์ได้ไหมครับ ที่ห้องมีของไม่ครบ ว่าแต่คุณอยากทานอะไรเพิ่มเป็นพิเศษหรือเปล่า”


“คุณจะทำแกงส้มกุ้งใช่ไหม เพราะคุณรู้ว่าผมชอบกิน”


“ไม่เกี่ยวเลยครับ เพราะคุณยายคุณสอนเมนูนี้มาต่างหาก”


“เพราะคุณยายรู้ไงว่านี่เมนูโปรดผม ถ้าอย่างนั้น ผมอยากได้ไข่เจียวกุ้งสับ กับกุ้งทอดซอสมะขามเพิ่ม คุณทำเป็นหรือเปล่า”


“คุณธีจะไม่ทานอย่างอื่นเลยเหรอครับ”


“ผมชอบนี่นา”


“แน่ใจนะครับว่าจะไม่เบื่อ”


“คุณไม่รู้เหรอ ว่าผมเป็นคนที่ชอบอะไรแล้วก็จะชอบอยู่แบบนั้นอย่างเดียว ไม่เบื่อง่ายๆ หรอก” ความนัยที่มาพร้อมประโยคเคลือบเสียงหัวเราะทำให้คนฟังหน้าขึ้นสีแดงเรื่อ เดี๋ยวนี้ปูรณ์เขินบ่อยเพราะอีกฝ่ายชอบพูดจาทำนองนี้ใส่เขาตลอด และเขาเองก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเปลี่ยนเรื่องให้พ้นตัวไปเท่านั้น


“งั้นมือนี้คุณธีให้ผมออกค่าอาหารเองนะครับ พวกเครื่องปรุงอะไรด้วย คุณธีจ่ายมาหลายมื้อแล้ว”


“แต่ผมไปรบกวนคุณ ให้ผมออกน่ะดีแล้ว”


“ไม่เป็นไรครับ” ได้โอกาสคนที่แพ้ย่อยยับทุกครั้งที่โดนหยอดจึงอยากเอาคืนบ้าง “เพราะผมเองก็เต็มใจเหมือนกัน”





หลังจบมื้อเย็นที่กว่าจะซื้อของ กว่าจะทำ กว่าจะทานเสร็จก็กินเวลาเกือบสามชั่วโมง สองคนที่ตอนนี้คนหนึ่งอิ่มจนแทบจะจุกก็ย้ายที่นั่งจากโต๊ะอาหารมาเป็นบนพื้นพรมหน้าโซฟาเพื่อเริ่มกิจกรรมดูหนังที่เดี๋ยวนี้ธนาดลชอบหอบแผ่นหนังมาชวนปูรณ์ดูด้วยกันบ่อยๆ


“คุณยายโทรมาบอกด้วยว่าอาหารของศิษย์เอกอร่อยมากเลย”


เพราะหลังจากที่ทำอาหารเสร็จ ปูรณ์ก็แบ่งส่วนหนึ่งให้เด็กที่คุณธีโทรตามให้มาเอาอาหารไปฝากคุณยาย ทั้งแกงส้มกุ้ง และกุ้งทอดซอสมะขาม พอได้ยินคำชมแบบนั้น คนที่ลองทำอาหารก็ยิ้มขึ้นมาได้เต็มแก้ม


“ไม่สู้ที่คุณยายทำหรอกครับ”


“ไม่สู้ได้ไง ผมกินข้าวเกือบสามจาน ถ้าขืนยังเป็นแบบนี้ทุกวันผมแย่แน่ๆ ซิกส์แพ็คผมคงหายหมด”


“เคยมีด้วยเหรอครับ”


“อ้าว ผมเป็นนักกีฬามหาลัยนะ ดูถูกกันนี่นา ผมแก้ผ้าให้คุณดูตอนอิ่มๆ นี่ยังได้ ผมหุ่นดีนะเผื่อคุณไม่รู้”


“ผมไม่รู้ครับ... แล้วก็ไม่ได้อยากรู้ด้วย คุณธีอย่าเนียนนะ” 


“โธ่ ผมนึกว่าคุณจะหลงกลให้ผมแก้ผ้าอยู่ด้วยซะแล้ว”


“เดี๋ยวนี้ทะลึ่งใหญ่แล้วนะครับ”


“ผมชอบเห็นคุณหน้าแดง”


“.....”


“น่ารักดี”


พูดมาแบบนั้นแล้วเขาจะเถียงอะไรได้ สุดท้ายคนที่ถูกทำให้เขินครั้งแล้วครั้งเล่าจึงใช้มุกหนีเดิมคือการมุดตัวเข้าใต้ผ้าห่มแล้วเปลี่ยนเรื่อง


“ดูหนังดีกว่าครับ คุณธีชวนผมดูหนังไม่ใช่เหรอ มัวแต่คุยเล่นอะไรไม่รู้”


เสียงหัวเราะที่ดังแว่วมาทำให้แก้มซับสีเลือดฝาดมากขึ้น รู้ดียิ่งกว่ารู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจ้องมองเขาอยู่ด้วยสายตารู้ทัน แต่การไม่ตอบโต้ก็น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดตอนนี้แล้ว





“ปูรณ์”


“.....”


“ปูรณ์”


“.....”


“ปูรณ์ครับ”


“อื้อ...”


“ถ้าคุณไม่ตื่นผมอุ้มคุณเข้าไปในห้องนะ”


“.....”


“แล้วถ้าผมนอนด้วยคืนนี้คุณจะไม่โกรธตอนตื่นมาใช่ไหม”


“.....”


“แค่นอนเฉยๆ ผมสัญญาจะไม่แอบทำอะไร”


“.....”


“แต่แอบหอมแก้มนิดเดียวคุณคงไม่รู้หรอกเนอะ”


ธนาดลพูดทั้งหมดนั่นอยู่คนเดียวพลางอุ้มคนที่หลับไปตั้งแต่หนังยังเล่นไม่ถึงกลางเรื่องให้เข้าไปนอนบนเตียงในห้องดีๆ อดไม่ได้ที่จะก้มลงจูบเบาๆ บนหน้าผากเนียนพร้อมบอกฝันดี ตั้งใจว่าจะกลับไปนอนที่ห้องถึงแม้จะพูดเล่นไปแบบนั้นก็ตาม แต่มือเรียวของคนหลับที่กำชายเสื้อเขาเอาไว้ก็ทำให้ต้องทรุดตัวลงนั่นบนเตียงนั้นแทน


“หลับไม่รู้เรื่องแท้ๆ ยังรั้งผมไว้อีก”


ปลายนิ้วสะอาดเกลี่ยปอยผมที่ปรกระหน้าตา ระหน้าผากออกให้อย่างเบามือ นั่งข้างๆ มองใบหน้าเนียนที่หลับพริ้มใต้แสงสลัวพลางยิ้มอย่างอ่อนโยน


“รักผมบ้างรึยังนะปูรณ์” คำถามสุดท้ายดังขึ้นในความเงียบของยามค่ำคืน ก่อนที่ร่างสูงจะหลับตามไปช้าๆ ด้วยความง่วงงุนเช่นเดียวกัน










ในขณะเดียวกันที่เกิดความสงบเงียบขึ้นภายในชั้นแปด โถงกลางของชั้นเจ็ดที่เปิดไฟสว่างไสวแทบจะตลอดเวลากลับมีลูกค้าวีไอพีนั่งดื่มอยู่คนเดียวเงียบๆ ที่บาร์กลางโถง เหล้าแก้วแล้วแก้วเล่าถูกเสิร์ฟและเติมเข้าปากไม่ขาดสาย หากในขณะที่แก้วล่าสุดกำลังจะถูกกรอกตามไปนั้น มือบางของเจ้าของเรือนผมสีบลอนด์สว่างก็ยื่นมาห้ามเอาไว้ได้เสียก่อน


“ทำไมช่วงนี้ลูกค้าของเราถึงเอาแต่มาเมาที่นี่ก็ไม่รู้นะครับ”


“ก็ที่นี่เป็นบาร์เหล้า”


“ปกติคุณนลขึ้นมาดื่มเหล้าที่ชั้นเจ็ดเหรอครับ?”


“แล้วปกติเพื่อนฉันสอนให้เอสคอร์ทที่นี่บริการลูกค้าด้วยการยอกย้อนแบบนี้หรือไง”


“คุณฐาสอนให้เรา ตามใจ ลูกค้าต่างหาก” คำว่าตามใจถูกเน้นด้วยน้ำเสียงยั่วยวน พร้อมๆ กับที่สะโพกกลมกลึงของร่างบอบบางนั่งเบียดลงพนักเก้าอี้ที่อนลนั่งดื่มอยู่


“ถ้าอย่างนั้นก็ปล่อยมือจากแก้วเหล้าของฉันได้แล้ว”


“ถ้าเอาแต่ดื่มแล้วเมา คืนนี้ก็ไม่สนุกสิครับ”


“ฉันไม่ได้มาเพื่อสนุก” ดวงตาคู่คมแวววับ จับจ้องเอสคอร์ทอันดับสามของที่นี่อย่างไม่สบอารมณ์เพราะถูกก่อกวน


“อย่างนั้นหรือครับ?” มือบางยอมปล่อยแก้วเหล้าตามคำบอก แต่ก็ใช้มือข้างเดียวกันนั้นไล้เรื่อยไปตามท่อนแขนแกร่ง ไหล่หนา ก่อนจะกึ่งๆ โอบบ่ากว้างเอาไว้แล้วโน้มกายเข้าหาแล้วเอียงหน้าถาม “ทั้งที่คนส่วนมาก มาที่นี่เพื่อหาความสนุกแบบนั้นแท้ๆ”


“ฉันไม่ได้ต้องการ”


“คุณนลไม่ต้องการ หรือคนที่คุณนลต้องการให้ความสนุกคุณนลไม่ได้กันแน่”


“นี่เธอ!”


แม้จะถูกเสียงดังใส่ แต่กลณัฏฐ์ก็ยังเผยรอยยิ้มยั่วยวนแบบที่เจ้าตัวถนัด “จะไม่สนใจผมจริงๆ เหรอครับ?”


“หึ” เสียงทุ้มต่ำหัวเราะในคอ เขารู้จักเอสคอร์ทคนนี้อยู่บ้าง แต่ก็ไม่เคยเรียกใช้บริการเพราะเขาไม่เคยชอบท่าทียั่วยวนเปิดเผยแบบนี้ เขามองว่ามันดูจงใจล่อให้คนเข้าหามากเกินไปและไร้เสน่ห์ เพราะคนที่มีเสน่ห์ในสายตาเขาคือคนที่อยู่นิ่งๆ ไม่ต้องพยายามจนน่ารำคาญ แต่ก็ยังดึงดูดสายตาเขาได้แบบเอสคอร์ทอันดับหนึ่งคนนั้นต่างหาก


หากแต่ผู้จัดการก็บอกเขาแล้วว่าช่วงนี้ปูรณ์ไม่สะดวกรับแขก เขาถึงต้องมาดื่มเหล้าอยู่แบบนี้แทน


แต่ดูเหมือนความตั้งใจของเขากำลังถูกทำลายลงเสียแล้ว


“ไหนลองบอกมาสิ ว่าเธอมีอะไรน่าสนใจ”


ขาข้างหนึ่งของคนถูกตั้งคำถามยกขึ้นไขว่ห้างทั้งที่ยังนั่งหมิ่นเหม่บนพนักเก้าอี้ ใบหน้าสวยเกินชายก้มลงต่ำ สบตาคนที่เงยหน้าขึ้นท้าทายพลางแย้มรอยยิ้มที่ทำให้คนติดใจมาแล้วนับไม่ถ้วน ก่อนจะก้มลงกระซิบชิดริมหู


“ของแบบนี้ เขาไม่ได้บอกกันด้วยคำพูดนี่ครับ” ริมฝีปากได้รูปไม่ได้ละออกมาหลังเอ่ยถ้อยประโยคนั้นจบ กลับจงใจขมเม้มแผ่วเบาไล่เรื่อยตามใบหู ลำคอ จนถึงต้นคอที่กลิ่นน้ำหอมผู้ชายยังคงหอมฟุ้ง “แล้วตำแน่งอันดับสามของผม ก็ช่วยการันตีให้คุณได้นะครับ ถ้าคุณอยากรู้”


“ฉันไม่ได้อยากรู้”


“.....”


“แค่อยากลองดูเท่านั้น” สิ้นถ้อยคำนั้น มือที่เคยถือแก้วเหล้าก็รั้งร่างบางให้นั่งคร่อมลงมาบนตัก ริมฝีปากหยักบดจูบลงบนกลีบปากอิ่มที่ยั่วยวนอยู่ไม่ห่าง เพิ่มความร้อนแรงตามแรงมือที่บีบเค้นอยู่ตรงช่วงเอวบางก่อนจะสอดเข้าไปในชายเสื้อเชิ้ตเนื้อนุ่ม ลูบผิวเนื้อเนียนใต้ร่มผ้าอย่างย่ามใจเมื่อคนบนตักคล้อยตามอย่างไม่มีทีท่าจะห้าม เสียงจูบดังขึ้นระหว่างคนทั้งคู่เนิ่นนานจนเรียกเสียงครางอย่างพอใจในลำคอของทั้งสอง ก่อนที่คนตัวบางกว่าจะเป็นฝ่ายผละออกมาก่อน


“ผมมีเวลาแสดงให้คุณเห็นจนถึงเช้า”


“.....”


“แต่ต้องไม่ใช่ตรงนี้ครับ”


หลังจากนั้นมือบางก็คล้องโอบรอบลำคอแกร่งเมื่อตัวเขาถูกอุ้มขึ้น ริมฝีปากถูกปิดอีกครั้งและอีกครั้งด้วยริมฝีปากคู่เดิม และกลณัฏฐ์ก็ต้องใช้เวลาทั้งคืนเพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองนั้นน่าสนใจจริงตามที่ได้เอ่ยอวดอ้างเอาไว้










“คุณธี”


“.....”


“คุณธีครับ ตื่นได้แล้ว” แรงเขย่าเบาๆ ที่แขนและเสียงเรียกแว่วๆ ทำให้ร่างสูงบนเตียงค่อยๆ ลืมตาตื่น กระพริบตาช้าๆ เพื่อปรับกับแสงสว่างภายในห้อง ก่อนจะเอ่ยถามทั้งที่ยังง่วงงุน


“กี่โมงแล้ว”


“หกโมงครึ่งแล้วครับ วันนี้ยังต้องเข้าบริษัทอีก คุณธีตื่นไปอาบน้ำแต่งตัวก่อน เดี๋ยวค่อยกลับมาทานข้าว ผมทำข้าวต้มกุ้งเอาไว้”


“เช้าจัง ผมขอนอนอีกนิดได้ไหม”


“ถ้านอนอีกนิดคุณธีจะไปทำงานสายนะครับ”


“ไม่เป็นไร บริษัทพ่อ ไม่มีใครว่าผมหรอก”


“โตแล้วทำไมงอแงแบบนี้ครับ”


“ผมง่วง”


“คุณลุกไปอาบน้ำก่อนเดี๋ยวก็หายง่วงแล้ว”


“ผมอาบในห้องคุณได้ไหม”


“แต่ที่นี่ไม่มีเสื้อผ้าคุณธีนะครับ”


“เดี๋ยวผมเดินไปเปลี่ยน”


“.....”


“นะ”


“.....”


“ไม่งั้นผมหลับต่อ” ไม่เพียงขู่เท่านั้น แต่คนกึ่งง่วงกึ่งงอแงก็ยังทำท่าว่าจะนอนต่อตรงนั้นจริงๆ


“ลุกเลยครับคุณธี อาบที่นี่ก็อาบที่นี่ เดี๋ยวผมไปเตรียมชุดคลุมกับผ้าเช็ดตัวผืนเล็กให้”


“จูบก่อน”


“ไม่ครับ”


“นะ จูบนิดเดียว”


“ไม่ –“


“นะครับ”


“ทำไมพูดยากแบบนี้ล่ะครับเช้านี้”


“ถ้าคุณจูบผมจะว่าง่ายให้คุณเลย”


“.....”


“นะ”


จุ๊บ...


ไม่รู้เพราะคำว่า “นะ” ด้วยน้ำเสียงออดอ้อนหรือสายตาที่มองมานั้นกันแน่ที่ทำให้ปูรณ์ก้มลงไปจูบบนริมฝีปากของคนที่ยังนอนอยู่บนเตียงเบาๆ ด้วยความรวดเร็ว


“ทีนี้ก็ลุกได้แล้วครับ”


“ครับๆ”


ฟอดดด...


“คุณธี!”


“ก็คุณจุ๊บผมแล้ว ผมเลยอยากหอมแก้มคุณคืนบ้างนี่นา”


“.....”


“จะได้หายกันไงครับ”


“เกเรชะมัดเลย”


“ผมชอบเวลาคุณดุผมแบบนี้จัง”


“ไปอาบน้ำได้แล้วครับ!”


“ครับๆ ไปเดี๋ยวนี้เลย”





“หอมจัง” เสียงทุ้มที่จู่ๆ ก็ดังขึ้นข้างหูพร้อมใบหน้าคมคายของคนพูดที่ชะโงกผ่านไหล่เขาไปหาข้าวต้มที่ควันยังกรุ่นอยู่บนหม้อทำให้ปูรณ์อดไม่ได้ที่จะสะดุ้งขึ้นนิดๆ


“เล่นอะไรแบบนี้ล่ะครับ”


“เพราะคุณมัวแต่เหม่อต่างหาก ตอนปิดประตูห้องคุณเมื่อกี๊ผมก็ออกจะเสียงดัง”


“ผมนึกถึงเรื่องของคุณอยู่”


“หืมม ห่างกันแค่สิบ ยี่สิบนาทีผมทำให้คุณคิดถึงได้ตั้งมากขนาดนี้เลยเหรอครับ”


“ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย ผมแค่สงสัยว่าเมื่อคืนผมไปนอนในห้องได้ยังไง แล้วทำไมคุณก็นอนที่นี่ด้วย ไม่กลับห้องของคุณ”


“คุณหลับไปตั้งแต่หนังยังไม่จบ ผมเลยอุ้มพาคุณไปนอนในห้อง แล้วคุณดึงผมไว้ผมเลยนอนด้วย”


“ไม่จริงหรอก”


“ตรงไหนล่ะครับที่ไม่จริง”


“.....”


“คุณหลับไปแล้ว คุณไม่รู้ตัวหรอกจริงไหม?”


“.....”


“แต่ผมไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าการจูบหน้าผากแล้วบอกฝันดีคุณหรอกนะครับ”


“คุณธี” เสียงผะแผ่วเรียกคล้ายปรามด้วยเพราะยังคงเขินอยู่เหมือนที่เคย


“ผมอยากให้เราเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ จัง”


“.....”


“ผมอยากตื่นมาเจอคุณทุกเช้า เข้านอนพร้อมคุณทุกคืน กินข้าวกับคุณทุกมื้อ ดูหนังกับคุณ อาบน้ำกับคุณ”


“ค... คุณธี”


“อันหลังนั่นล้อเล่นนะครับ พูดเผื่อฟลุ๊ค”


“ยังจะเล่นอีก”


“แต่ที่พูดมาผมพูดจริงนะครับ ผมอยากใช้เวลาในชีวิตผมไปพร้อมๆ กับคุณ”


“จะขอผมแต่งงานเหรอครับ” เพราะโดนเล่นงานมาทั้งเช้าทำให้ปูรณ์อดไม่ได้ที่จะแหย่กลับไปบ้าง


“ผมไม่คิดข้ามขั้นแบบนั้นหรอก” ถึงจะทำอะไรข้ามขั้นไปเยอะก็ตาม “มันต้องเริ่มจากขอคุณเป็นแฟนก่อน”


“.....”


“เป็นแฟนกับผมนะปูรณ์”


“.....”


“เป็นคนรักของผม เป็นคนที่ใช้เวลาในชีวิตไปด้วยกันเรื่อยๆ”


“.....”


“นะครับ”


แล้วคำสั้นๆ ที่ใช้อ้อนวอนที่ปูรณ์ได้ยินมาทั้งเช้าก็ดังขึ้นอีกครั้ง


“นะ”


แล้วเขาที่ใจอ่อนขนาดนี้จะทำอะไรได้นอกจาก...


“ครับคุณธี”















..TBC..














>> ตัดจบตอนที่กำลังหวานๆ นี่ก็พอเนอะ :)










CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
หวานๆแบบกังวลไปด้วย ปูรณ์รักคุณธีบ้างยังนะ ถ้าคุณฐาเกิดบอกรักปูรณ์ขึ้นมา น้องจะไม่ปล่อยมือคุณธีไปใช่ไหม ฮือออ เครียด  :ling3: :ling3:

ส่วนนัททำแบบนี้ทำไม หน้าที่หรือชอบคุณนล  แต่จากตอนที่แล้วคิดว่านัทชอบคุณธีซะอีก

ตอนนี้เหมือนจะมีปมแค่ว่าเรื่องอะไรที่ทำให้คุณฐาตอบรับความรักจากปูรณ์  ซึ่งมันจะไม่มีอะไรที่จะไปสั่นคลอนความสัมพันธ์ของธีปูรณ์แล้วใช่ไหมคะ
 :katai5:

ออฟไลน์ yasperjer

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
เป็นแฟนกันแร้วววววววววววว เห็นด้วยกับคุณฐาว่าอยากให้ปูรณ์มีความสุขซะที

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

ออฟไลน์ bojaebearyun

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
พออ่านตอนแปดจบละยิ่งรู้สึกไม่เข้าใจการกระทำคุณฐาเข้าไปใหญ่ 
สรุปว่าตอนนี้รักน้องเกินคำว่าน้องชายแล้วใช่มะ? หรือยังไง
แต่บอกตรงๆว่าไม่ชอบที่คุณฐาทำเลยซักอย่าง ไม่ชอบตั้งแต่แรก
คือตัวเองพลาดมาแล้วตอนรักพี่สาวน้อง ยังจะมาทำแบบนี้กับน้องอีกอะ
โคตรใจร้ายมากๆๆ พอมาเฉลยว่าเป็นตัวพี่ชายมันเลยยิ่งแบบอะไรวะ
ถ้าอยากชดเชยที่พ่อทำไม่ดี ถ้าสงสารและหวังดีกับน้องจริงๆ ก็ไม่ควรนอนกับน้อง
ไม่ควรทำตัวหาเศษหาเลยให้ความหวังน้อง ไม่ควรต้องให้น้องมาทำงานนี้ด้วยซ้ำ

ตัวเองรู้อยู่แก่ใจก็ยังจะทำให้น้องคิดแต่ปากย้ำรักไม่ได้นะ  มันทำร้ายน้องเกินไปปะ
ตบหัวลูบหลังสุดๆ นี่คือปกป้องแน่หรอ โคตรเห็นแก่ตัวอะ แย่มาก
มันเลยกลายเป็นแขยงคุณฐาเกินกว่าจะเชียร์ให้ก้าวข้ามคำว่าพี่ชายไปงานincestอะ

ตอนนี้อยากรู้ปมทั้งหมด ทำไมไม่บอกน้องแต่แรกว่าเป็นพี่ชาย ไม่รู้ว่าจะหักอีกกี่มุมกี่ดราม่า
แค่นี้ก็สงสารปูรณ์จะแย่ ถ้าเราเป็นปูรณ์ละรู้ความจริงคงช็อคมาก
เหมือนคุณฐาสร้างแผลในใจให้ปูรณ์ไปแล้วอะ
เอาแค่ไอเรื่องที่ทุกวันนี้น้องรู้สึกว่าตัวเองสกปรกมันเพราะอะไรและใครก็โมโหล้ะ
เลยไม่อินกะความห่วงใยที่คุณฐามีให้ปูนเฉยเลย
เพราะคุณฐาเห็นแก่ตัวสุดแต่เริ่มในความรู้สึกเรานะ มีแต่ได้กับได้

เชียร์ธีมากๆ ธีปูรณ์ขาดใจ ชอบเวลาธีกับปูรณ์อยู่ด้วยกันมากกกๆๆ น่ารักกกทั้งคู่
ยิ่งตอนพาไปหาคุณยายยิ่งน่ารักกกกโคตรรร
คือไม่รู้ธียังอยู่ในขั้นหลงน้องมากกๆอยู่รึป่าว แต่ก็เห็นกันชัดๆว่าธีทำให้น้องมีความสุขแบบจริงๆอะ
ความสุขที่น้องตามหามาตลอดชีวิตได้เป็นคนที่ถูกรัก
ธีทำให้น้องรู้สึกถึงความอบอุ่นของการมีใครซักคน ความรู้สึกของคำว่าครอบครัวที่น้องไม่เคยเจออะ
ไม่ใช่ปากบอกทำเพื่อน้องแต่จริงๆแล้วทำร้ายกัน แหนะขอแอบกัด 5555
แต่ในความเป็นแฟนกันแล้วก็ยังดูน่ากังวลมากกก คลื่นใต้น้ำมาก ไม่ไว้วางใจ  ฮืออออ
อยากให้ปูรณ์มีความสุขจริงๆซะที ไม่อยากให้น้องต้องเสียใจอีกแล้ว
น้องควรเป็นเมียสวยๆผัวเทินขึ้นหิ้งอยู่บ้านนิ่งๆให้เขารักมากๆได้แล้ว

ฮืออออ ขอโทษที่เม้นยาวและใส่อารมณ์นะคะ
คืออ่านรวดเดียวบู้มเลยอินจัดไปหน่อย  สนุกมากค่ะ
จะรอน้าาา อยากอ่านต่อมว๊ากกก

ออฟไลน์ rotedump

  • รถดั้มพ์ถังซัมจั๋ง
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 294
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0

ออฟไลน์ sweetie009

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
คุณฐาเป็นพี่ชาย แล้วคุณธีเป็นหลานชายคุณฐา  แสดงว่า คุณธีก็เป็นหลานชายปุณ  กินกันเองในครอบครัว

ออฟไลน์ fxxg0430

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ดิฉันไปอยู่ไหนมาเพิ่งมาเจอเรื่องนี้ อ่านรวดเดียวเลยค่ะ ก่อนอื่นขอบคุณคุณนักเขียนที่เขียนนิยายเรื่องนี้ค่ะ ทัชมาก ทัชจนนอนร้องไห้หมอนเปียกหนักมาก พรุ่งนี้ต้องเอาไปซักเพราะกลัวจะเป็นรา


รักปูรณ์จังเลยค่ะ คนแต่งทำให้เรารู้สึกหลงรักคนๆนี้ได้โดยไม่มีเงื่อนไขเลย น้องเป็นเด็กน่ารักสมกับคำบรรยายที่บอกว่าใครอยู่ใกล้ต้องหลงรัก เรารู้สึกว่าน้องยังผูกพันกับคุณฐาอยู่มาก มันอาจจะไม่ใช่รักแบบนั้นแล้วแต่คุณฐาคืออีกครึ่งนึงของชีวิตปูรณ์ เราสะเทือนใจทึกครั้งที่น้องไพล่คิดถึงคุณฐา เวลาที่น้องบอกว่าคุณฐาตัดใจง่ายจังเพราะไม่เคยรักใช่ไหม อะไรพวกนี้เราร้องไห้หนักมากกกกก


คุณฐา ไม่มีใครก็มาหาเราค่ะ ชอบค่ะ หล่อ รวย อบอุ่น พูดเพราะ เอาใจใส่ ฮื้อ ดีมาก แต่ก็ไม่ใด้ด้วยสายเลือดแบบ half แสดงว่าธีก็มีเลือดเดียวกันกับปูรณ์25% ใช่ไหม โอ้ยปวดตับ แต่ยังไงเราก็รักคุณฐาค่ะ อยากให้คุณฐามีความสุขกับชีวิตจริงๆ อ้อ ที่บอกว่าไม่รักๆ เราเชื่อว่าฐารักปูรณ์นะ รักมากเลยแหละ ถึงยอมได้ขนาดนี้


ส่วนพระเอกของเรา คุณธี เขาเป็นคนดีนะ แต่จะมีความเด็กๆอยู่เยอะ แล้วเรากลัวปัญหาต่อๆไปมากอย่างที่อาฐาและปูรณ์เตือนว่าธีจะไม่มีวันลืมอดีตของปูรณ์ น่ากลัวนะ อีกอย่าง ธีจะลืมได้ไหมว่าคนที่ตัวเองรักมีสัมพันธ์กับอาตัวเองมายาวนานสามปี แถมปูรณ์ยังเคยรักฐามาก คือเรากลัวใจธี แต่เชื่อว่าธีถูกเลี้ยงมาด้วยครอบครัวที่อ่อนโยน จะข้ามผ่านมันไปได้

พอดูวันที่แล้วก็กลัวจัง เราจะได้อ่านเรื่องนี้ต่อไหมคะ เผื่อคนเขียนแวะมาอยากบอกว่าเราเป็นกำลังใจให้ จะขายเล่มก็จะซื้อเลยตอนรี้ รักตัวละครทุกตัวเลย งื้อ ๆๆ ๆ  ผิดที่เราเจอกันช้าไป ..

ออฟไลน์ Keane

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 247
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-0

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
ดีมากเลยค่ะเรื่องนี้

เราเชียร์ไม่ถูกเลย

เราหวังว่า ปูรณ์จะมีความสุขนะ


ห่วงคุณฐาด้วย รู้สึกใจไม่ได้ กลัวว่าส่งปูรณ์ถึงฝั่ง แล้วจะตามแฟนเก่าไปยังไงก็ไม่รู้


และอยากเห็นนัทมีความสุขด้วย

ออฟไลน์ แพรพลอย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
คิดว่าทุกคนคงอยากให้ปูรณ์มีความสุขเหมือนกัน เราเองก็ด้วย
แต่พูดถึงเรือแล้ว...แม้หลายคนจะบอกว่าคุณฐาเห็นแก่ตัว ไหนจะเรื่องสายเลือดพี่น้องอีก
อันนี้เราไม่เถียง แต่ยังไงก็เลือกคุณฐาอยู่ดี เรารู้สึกว่าคุณฐาเองก็สมควรได้รับความสุขเหมือนกัน
ส่วนคุณธี โอเคว่าเป็นคนน่ารักดี ความพยายามพิชิตใจ ความเอาใจใส่ คือดีไปหมด
แต่ไม่รู้ทำไม เรารู้สึกว่ามันไม่ใช่อะ แต่ถ้าท้ายที่สุดแล้วทั้งคู่ได้ลงเอยกันจริงก็ไม่ได้อะไรมาก
ส่วนคุณฐาเราจะรับไว้เอง ไม่เป็นไรนะคุณฐา /กอดแน่นๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด