42. พี่เสือ น้องกระต่ายกับการเปลี่ยนแปลง
กระต่ายตื่นขึ้นมาเพียงคนเดียว ได้ยินเสียงห้องข้างๆ เปิดประตูแล้วปิด
ดวงตากลมมองออกไปนอกหน้าต่าง นกตัวน้อยทำรังอยู่ที่ต้นมะม่วงข้างบ้าน ทุกอย่างช่างดูสงบเงียบ แต่เหตุใดหนอในใจเขากลับว้าวุ่น ? เด็กน้อยถอนหายใจเบาๆ ก่อนยันกายลุกขึ้น
แม้จะ 'จากมา' แต่คนที่รวดร้าวที่สุดกลับเป็นกระต่าย ข้างกายที่ว่างเปล่า เย็นเฉียบ ไร้วี่แววของสิ่งมีชีวิต ไร้ไออุ่นจากคนตัวโต
พยายามแล้ว... พยายามที่สุดแล้ว ที่จะเข้มแข็ง ที่จะยืนหยัดเพื่อยืนยันความคิดที่ว่า 'เป็นคนละคนกัน' และผลักไสตนเองไปยืนหลังเส้น
แต่มันทรมานเหลือเกิน... ทั้งความเปลี่ยวเหงา หวาดกลัว กระต่ายจำไม่ได้แล้วครั้งสุดท้ายที่กลัวความมืดนั้นเมื่อใดกัน เมื่ออกอุ่นนั้นปกป้อง คุ้มภัยตลอดมา ให้กระต่ายหลับสบายเสียจน... ไม่รู้ตัวว่าการมีพี่เสืออยู่ข้างๆ เป็นความสุขที่สุดแล้ว
วันนี้กระต่ายและพี่เสือต้องไปโรงเรียนแล้ว ระหว่างที่หยุดเรียนไป เพื่อนๆ ไม่ปล่อยให้เขาต้องเหงา พยายามโทรมาถามไถ่ตลอด ทั้งการบ้านและบทเรียนเพื่อนๆ ก็ช่วยเก็บไว้ให้ แต่มิใยที่เพื่อนๆ จะเป็นห่วงเป็นใยเพียงใด กระต่ายรู้ดีว่าสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจนั้นไม่อาจเผยออกมาได้
...จะให้ใครรู้ไม่ได้... ว่าพี่เสือคิดยังไงกับกระต่าย
เพียงแค่คิดว่าพี่เสือต้องโดนประนาม เหยียดหยันหรือกระทั่งถูกลงโทษ หรือไหล่กว้างตั้งตรง ดวงตาคมมีรอยอวดดีนั้นต้องจางหายไปแล้ว กระต่ายก็เสียใจเหลือเกิน
...เป็นความผิดใคร ?
พี่เสือหรือ... ?
ไม่ใช่สักนิด... หากกระต่ายตัดสินว่าความรักที่สาวๆ เหล่านั้นมีให้พี่เสือไม่ใช่ความผิด ดังนั้น รักที่พี่เสือมีให้กระต่ายย่อมต้องไม่ผิดเช่นกัน
เด็กน้อยวางมือบนเข่าสองข้าง ฟังเสียงเปิดประตูบ้าน เสียงออดแอดของจักรยานคันเก่าที่ลูกชายซ้อเง็กให้มาดังขึ้น
พี่เสือคงไปทำงานแล้ว...
สัปดาห์ที่ผ่านมา กระต่ายหมดเวลาไปกับการเจ็บป่วย มีพี่เสือคอยดูแลไม่ห่างกาย ราวกับจะย้อนเวลากลับไปถึงอดีต ที่กระต่ายยังไม่รับรู้ถึงเขตแดน แต่ทุกอย่างบอกกระต่ายว่า มันเปลี่ยนไปแล้ว... พี่เสือไม่ได้ปรนนิบัติน้องชายเช่นพี่ชายอีกแล้ว หากปฏิบัติราวกับกระต่ายเป็นราชินียอดรัก เป็นคนที่รักยิ่ง
ทุกครั้งที่พี่เสือจ้องมองตา ดวงตาคู่นั้นบอกทุกสิ่ง ความรักเปี่ยมล้น... เหมือนที่กระต่ายเห็นในดวงตาพี่ฟงกับคุณพ่อ ความห่วงใย... แม้จะไม่เอื้อนเอ่ย ไม่เร่งรัดคำตอบ แต่สายตานั้นก็ทำให้กระต่ายใจเต้นแรง ต้องมุดผ้าห่มหนี
พี่เสือบอกกระต่ายว่า กระต่ายไม่จำเป็นต้องรีบตอบ หรือจำเป็นต้องตอบ... เพราะพี่เสือจะรอเสมอ รอคอยอยู่ที่เดิม ไม่ว่าคำตอบจะเป็นอย่างไร ขอให้กระต่ายทำตัวตามสบาย เหมือนเดิมที่เคยเป็นมา
แต่กระต่ายทำไม่ได้!
เมื่อรู้แล้วว่าเส้นนั้นมีอยู่จริง ความรักพี่เสือมันล้ำขอบเขตที่ควรจะเป็นแล้ว กระต่ายก็ไม่อาจทำตัวไม่รู้เรื่องรู้ราวได้อีก
เขาจึงพยายามห่างออกมา... เพื่อรักษาสมดุลของหัวใจและให้อุ่นใจได้ว่า เขาจะเห็นเส้นแบ่งเขตอยู่บ้าง แม้มันจะหมิ่นเหม่เหลือเกินก็ตาม
กระต่ายพูดน้อยกว่าปกติ คุณพ่อเองก็อึดอัด ผู้ใหญ่เข้าใจว่าเด็กๆ ถึงเวลาเปลี่ยนแปลงตัวเองไปเป็นวัยรุ่น จึงไม่ได้กังวลนัก คุณพ่อยังล้อกระต่ายบ่อยๆ เลยว่า
"ต่ายน้อย ยังโกรธพี่เค้าอยู่เหรอ ? งอนทำไมล่ะลูก ?"
กระต่ายส่ายหน้าหวือ คุณแม่เดินเข้ามาบีบไหล่คุณพ่อเบาๆ
"ให้เวลาลูกหน่อยเถอะค่ะ"
ตลอดทางเดินเข้าโรงเรียนมีเพียงความเงียบ พี่เสือพยายามชวนคุย แต่พี่เสือไม่ใช่คนช่างพูดอยู่แล้ว ยิ่งพยายามยิ่งดูแปลกประหลาด พี่เสือจึงถอนหายใจ ไม่อาจกอบกู้สถานการณ์ได้ จึงยื่นมือออกไปกุมมือน้อย แต่ผลที่ได้รับกลับไม่ใช่อย่างที่คิด มือเล็กนิ่มสะบัดมือตัวเองออก กระต่ายสะดุ้งสุดตัว เผลอถอยหลัง
"หนู... หนู..."
พี่เสือพยายามฝืนยิ้ม แม้ในใจจะแหลกสลายไปแล้วก็ตาม "ไม่เป็นไรครับ... ใจเย็นๆ นะ ป่ะ เราไปหาเพื่อนๆ ดีกว่า"
แต่พอเจอเพื่อนๆ แล้วกลับยิ่งเลวร้าย ทุกคนนิ่งเงียบ เมื่อเห็นสองพี่น้อง สอางค์จึงลุกขึ้นกวักมือเรียก
สมาชิกในกลุ่มมากันครบ กระทั่งกระเจี๊ยบก็มาด้วย สอางค์ที่มีวุฒิภาวะสูงที่สุดถอนหายใจ ขยับแว่น ผลักชามก๋วยเตี๋ยวออกจากตัว
"เป็นไงบ้าง ? บรรยากาศมาคุซะกูแดกอะไรไม่ลง"
"เกิดอะไรขึ้นเหรอ" กระต่ายเห็นเพื่อนเป็นที่พึ่ง ฝนจึงดึงแขนน้องน้อยให้นั่งแทรกระหว่างตนกับสอางค์
"ต่ายน้อยล่ะ เป็นยังไงบ้าง ดีกับพี่เสือหรือยัง ?" ฝนถามกลับ เขี่ยหลอดในแก้วน้ำหวานเล่น
"อะ.. อืม..." กระต่ายโกหกไม่เก่ง ท่าทางดูก็รู้ว่ายังกระอั่กกระอ่วน
"ไม่มีอะไรหรอก ให้เวลาน้องหน่อย เพราะกูทำผิดจริง" พี่เสือตอบแทน จัมโบ้พยักหน้าเสริม สอางค์จึงหมดเรื่องถาม มองดูเพื่อนรอบตัวแล้วเหนื่อยใจ ทุกคนจ้องมาที่เธอเป็นสายตาเดียว เหมือนสมาชิกรอประธานเปิดประชุม
เด็กสาวขยับแว่นตามเคย หักนิ้วกร๊อบๆ กระแอมสองทีแล้วค่อยเริ่ม "คือ... ระหว่างที่ต่ายน้อยกับเสือหยุดเรียนไปอาทิตย์นึง... มีเรื่องเกิดขึ้น... เยอะเลย... แล้วมันเกี่ยวข้องกับทุกคนที่นี่ด้วย..."
เห็นสอางค์เกริ่นแล้ว กระต่ายชักใจไม่ดี ดวงตากลมเหลือบไปยังพี่ชายที่นั่งตรงข้ามตามนิสัย แต่พี่เสือกลับส่งสายตากรุ้มกริ่มไม่เข้ากับสถานการณ์ตอบกลับ
"คือ... เอาไงดี..."
"กูไม่ได้สนใจหรอกนะ" พี่เสือโพล่ง ท่าทางตะกุกตะกักชวนรำคาญมากกว่าอยากรู้อยากเห็น สิ่งที่พี่เสือสนใจมีเพียงคนที่นั่งตรงข้ามคนเดียวเท่านั้น แต่เมื่อเห็นสีหน้ากระต่ายแล้วจึงกระแอม พูดต่อ "เออ... มึงก็รีบๆ พูด"
สอางค์เป่าลมออกจากปากพรืด ตัดสินใจเด็ดขาด "เริ่มจากข่าวดี... ของไอ้ห่าโบ้ แต่ข่าวนรกสำหรับไอ้เจี๊ยบละกัน..."
จัมโบ้ลุกยืนขึ้น ยิ้มแต้ โค้งตัวเลียนแบบสุภาพบุรุษในหนัง "เราคบกันได้พักนึงแล้วครับ"
กระต่ายแทบตกเก้าอี้... เห็นหูแดงๆ ของหัวหน้าห้องแล้วจึงค่อยเชื่อ กระเจี๊ยบขบริมฝีปากแน่น ไม่ยอมพูดอะไรทั้งนั้น
"...เอ่อ... ยินดี..." กระต่ายชักไม่แน่ใจเสียแล้ว เมื่อจัมโบ้นั่งลง กระเจี๊ยบจึงมองคนประกาศข่าวอย่างกินเลือดกินเนื้อ สอางค์จึงต้องรีบเปลี่ยนหัวข้อ
"ข่าวที่สอง... เลวร้ายมากขึ้นรองลงมา... อีโป่งโดนไล่ออกจากบ้าน"
ข่าวนี้ทำให้กระต่ายหน้าซีด แต่ลูกโป่งแค่ถอนหายใจ
"กูไม่ค่อยเข้าเรียน เกรดตก... อืม... มึงกูรู้ เนาะโบ้ ? ข่าวเหี้ยๆ ไปถึงหูน้าธีตั้งแต่สองอาทิตย์ก่อนแล้ว... น้าเลยไล่กูออกจากบ้าน" เด็กหนุ่มยักไหล่ "มันก็สาสมนั่นแหละ แต่น้าให้กูไปอยู่คนเดียวที่คอนโด ตัดงบกู เรื่องก็แค่นั้น"
"อืม... แล้วไหนเรื่องที่น้ามึงมีลูก ?" ฝนกระทุ้ง ลูกโป่งทำหน้าราวกับไม่อยากตอบ แต่ทนสายตาของกระต่ายน้อยไม่ไหวจึงยอมเปิดปาก
"น้ากูไปเจอเด็กขายตอนวันที่พายุเข้า... วันที่เสือมีเรื่องอ่ะ แล้ว... พวกมึงคงไม่รู้ น้ากูเป็นคนแปลกๆ จะทำอะไรไม่ปรึกษาใคร ไอ้เด็กมันกำลังจะตายเพราะเหมือนจะยุ่งกับพวกมาเฟียอะไรแบบนั้น น้ากูเลยช่วยมา แล้วจะรับเป็นลูก"
กระต่ายตาโต "โอ้โห! อย่างกับในหนังแน่ะ!"
ลูกโป่งหัวเราะ ขยี้ผมเด็กน้อยอย่างเอ็นดู "โป่งก็ว่างั้นแหละ แต่เด็กมันปัญหาเยอะ... ไหนจะแม่เด็กอีก เห็นว่าเป็นบ้าไปแล้ว น้ากูเลยต้องออกเงินรักษาอีก... ไหนจะตัวเด็กที่แม่งโดนทรมานจนเพี้ยนไปแล้ว..."
"เด็กคนนั้นอายุพอๆ กับพวกเราน่ะ" สอางค์ที่เคยเห็นเด็กที่พูดถึงแล้วเอ่ย "เห็นน้าธีบอกว่าถ้าว่างๆ ก็ไปเยี่ยมมันได้"
"จริงเหรอ..." กระต่ายเห็นภาพเด็กรูปร่างใกล้เคียงกับตัวเอง แต่ผอมโซ เสื้อผ้าเก่าขาด เนื้อตัวสกปรกในอดีตขึ้นมา "อืม... คุ้นๆ เนอะพี่เสือ ?"
พี่ชายยิ้มกว้าง กระต่ายเผลอเรียกเขาด้วยความเคยชิน ทำให้เขามีความหวังบ้าง "ครับ"
"พล็อตน้ำเน่ามาก..." ฝนวิจารณ์ กลอกตา "วันนี้พวกเราว่างนี่ ไปหาหน่อยก็ดี"
สอางค์พยักหน้า "ดีๆ ไปดูหน้าคนที่แย่งความรักจากลูกโป่งดีกว่า! ไอ้เด็กติดน้า!"
หน้าใสๆ แดงจัด ขบฟันกรอด "กูไม่ได้ติด!"
"แล้วใครเครียดมาหลายอาทิตย์วะ ?"
"เหอะ มาด่ากูฟรีหลายทีด้วย"
"ไปยุไอ้เหี้ยโบ้ด้วย" เสียงสุดท้ายค่อนข้างระทม
เพื่อนๆ พากันวิจารณ์ลูกโป่งกันสนุกปาก บรรยากาศเก่าๆ จึงค่อยๆ กลับคืนมา จนสอางค์ต้องเริ่มปรามเมื่อชักเลยเถิด
"เฮ้ยๆ พอๆ เรื่องสุดท้าย... เครียดที่สุดแล้ว เชิญอภิปราย"
สอางค์นั่งลง คว้าแขนฝนให้ลุกขึ้น
เด็กสาวกัดริมฝีปากแน่น ดวงตาภายใต้แว่นกรอบกลมคล้ายจะมีน้ำตาคลอ "คือ... กูจะย้าย"
"ย้าย ?" กระต่ายทวนคำ บรรยากาศสนุกสนานมลายหายไปสิ้น
ฝนพยักหน้าเบาๆ "อืม พอจบมอสามเมื่อไหร่ ฝนจะย้ายโรงเรียนน่ะ"
"ย้ายไปไหน ?" น้องเล็กถามเสียงหลง
"ไปนิวซีแลนด์... ป้าฝนแต่งงานกับฝรั่งที่นิวซีแลนด์ แต่วันก่อน... วันที่เสือเกิดเรื่องน่ะ... ลูกชายป้า... แม็ก... แกเพิ่งเสียเพราะอุบัติเหตุ ป้าฝนทำใจไม่ได้ ลุงเลยชวนให้ฝนไปอยู่ด้วย เพราะป้ารักฝนมาก เลยคิดว่าน่าจะทำให้ป้าดีขึ้น... ป้าเองก็อยากให้ฝนไป..."
"ฝนไปตอนปิดเทอมก็ได้นี่นา" กระต่ายค้าน เกาะเพื่อนแน่นเป็นลูกลิง
"ตอนแรกฝนก็ว่าแบบนั้น... แต่ป้าฝนเป็นคนฝังใจมาก ตอนนี้ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ลุงเองก็ไม่มีเวลาดูแล ถ้าฝนไปอยู่ด้วย ฝนจะได้ช่วยดูแล แล้วลุงจะส่งเสียให้เรียนจนถึงมหาลัยเลย"
"ไปแบบเป็นลูกเลยสินะ ?" พี่เสือเพิ่งออกปาก ฝนยิ้มตอบ มือปาดน้ำตาออก
"ใช่... ต่ายน้อยอย่าร้องนะ ป้าฝนใจดีมาก เคยเลี้ยงฝนมาก่อน ตอนที่ยังไม่มีแม็ก ป้าชอบขอฝนไปเลี้ยงนานแล้ว ตอนเล็กๆ ฝนก็ติดป้ามาก... ไว้อีกซักพักต่ายน้อยไปเที่ยวหาฝนนะ"
กระต่ายก้มหน้างุด ซุกหน้ากับเอวบางของเพื่อน ไม่ยอมผละออกไป ฝนลูบศีรษะน้อยพลางนั่งลง ความเปียกชื้นซึมผ่านผ้ามายังผิวหนัง
น้องร้องไห้... เล่นเอาฝนอยากร้องไห้ไปด้วย
ฝนไม่อยากไป แต่ป้ามีบุญคุณกับฝนมาก ตอนที่ป้าเดือดร้อน ฝนจะนิ่งดูดายได้อย่างไร แล้วไหนจะอนาคตของฝนอีกเล่า
ทุกคนเงียบลง ได้ยินเพียงเสียงสะอื้นเบาๆ ของเจ้าตัวน้อยเท่านั้น...
บรรยากาศวันนั้นค่อนข้างอึมครึม เพื่อนๆ คนอื่นๆ ดูจะไม่กล้าเข้าใกล้พี่เสือยิ่งกว่าเดิม ซึ่งไม่ได้ทำให้เจ้าตัวเสียใจแต่อย่างใด แต่คนที่สังเกตและเดือดร้อนแทนไม่ใช่ใครอื่นนอกจากน้องชายฝาแฝด
คาบแรกของวัน หลินหลิน สาวน้อยที่สวยที่สุดของห้องหอบสมุดกองโตจากห้องพักครูมาพร้อมกระเจี๊ยบ ก่อนจะช่วยแจกสมุดคืนตามประสาเด็กดี แต่พอเห็นปกสมุดที่เขียนด้วยลายมือหวัดๆ แล้วสีหน้าเด็กสาวก็เปลี่ยนไป เธอกลืนน้ำลายอึ๊ก ก่อนจะเดินเลี่ยงๆ ไปยังโต๊ะพี่ชายฝาแฝด
"สะ... เสือ"
พี่เสือเงยหน้าจากหนังสือ ขมวดคิ้วน้อยๆ ท่าทางนั้นไม่ควรจะคุกคามเลย แต่หลินหลินก็หน้าซีดเผือกแทบจะเป็นลม ไม่ใช่เพราะข่าวลือของเพื่อนร่วมชั้นหรอก แต่ใครๆ ก็กลัวแฝดพี่คนนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เด็กสาววางสมุดคืนให้บนโต๊ะ เพราะเป็นเด็กดี ได้รับการอบรมมาอย่างดีตลอดเลยยิ้มแหยๆ
"สมุดจ้ะ"
เด็กหนุ่มพยักหน้า ไม่มีคำว่าขอบใจ หลินหลินถอนหายใจเฮือก รีบหันหลังหนี แต่เสียงทุ้มๆ ของแฝดพี่ดังขึ้นจากทางด้านหลัง
"ฉันไม่ชอบเลสเบี้ยน"
หลินหลินกลืนน้ำลายอีกรอบ เสือต้องพูดกับเธอแน่ๆ โฮ... ทำไมนะ ทำไมต้องเป็นหลินหลินด้วย "จ้ะ ?"
"แต่ต่ายน้อยชอบเธอ เธอจะเกลียดฉันก็ได้ แต่อย่าตีตัวออกห่างต่ายน้อย เด็กคนนั้นไม่รู้เรื่องอะไรด้วย"
เป็นครั้งแรกที่เสือคุยกับเธอ เสียงเสือฟังไม่คุ้นหูเพราะไม่ค่อยพูด ถึงหลินหลินจะอัธยาศัยดี แต่ก็เว้นเสือไว้คน กับเพื่อนๆ กลุ่มกระต่ายน้อยหลินหลินกับเพื่อนคนอื่นๆ ก็สนิทกันดี หลินหลินเลยพยักหน้าหงึกๆ
"จ้ะ"
"ก็ดีแล้ว ฝากบอกเพื่อนเธอด้วย" แค่นั้นจริงๆ เสือยกหนังสือขึ้นปิดหน้า เป็นอันจบบทสนทนา หลินหลินแทบไม่อยากเชื่อว่าเพิ่งคุยกับไอ้เสือดุหมาดๆ
"คือ... ไม่มีใครเกลียดต่ายน้อยหรอก"
แฝดพี่ไม่เงยหน้าจากหนังสือ ไม่ตอบอะไร
"...เธอคงรักน้องมากนะ" หลินหลินต้องขยายความ แต่เท้าเตรียมโกยแล้ว
รอยยิ้มบางๆ ปรากฏที่มุมปาก "เธอไม่รู้หรอก"
หลินหลินกลืนน้ำลายดังเอื๊อก "จ้ะ แล้วฉันจะบอกคนอื่นๆ ให้!" ไม่ต้องรอให้เพื่อนร่วมชั้นลดหนังสือลง เด็กสาวก็โกยอ้าวออกจากห้องไปแล้ว...
...พลอย เพื่อนอีกคนในห้องเจอหลินหลินอีกทีตอนกลับมาจากไปซื้อขนมกับกระต่ายน้อยพบกับเด็กสาวหน้าซีด มือถือโทรศัพท์คุยอยู่ในมุมมืด พลอยได้ยินแว่วๆ
"ฮือออ ตะเอง ผู้ชายน่ากลัวที่สุดเลยยย หลินหลินไม่เอาแล้ววว คราวหลังจะให้กระเจี๊ยบแจกสมุดคนเดียว!"
จริงอย่างที่หลินหลินว่า ไม่มีใครเกลียดกระต่ายน้อยลง เพื่อนๆ แวะเวียนมาถามไถ่ แต่กับพี่เสือกลับรีบเดินอ้อม เพื่อนบางคนที่เคยคุยเล่นกับพี่เสืออยู่กลับยิ้มแหยๆ ให้แล้วเบือนหน้าหนี
...กระต่ายไม่ชอบเลย
คิ้วสวยขมวดมุ่น ริมฝีปากเชิดรั้นขึ้น หลินหลินนั่งกินขนมอยู่ด้วยต้องเอานิ้วแตะอย่างเอ็นดู "ต่ายน้อย ขมวดคิ้วทำไม ? เจ็บตรงไหน ?"
"ไปห้องพยาบาลดีกว่ามั้ง ?" ลูกโป่งที่เป็นเพื่อนกันมานานชักเห็นท่าไม่ค่อยดี แต่ยังไม่ยอมวางป๊อกกี้ในมือลง
"ป๊อกกี้กู อีโป่ง" พลอยกระชากขนมกลับ
"ไม่เป็นไร" น้องน้อยส่ายหน้า "เราแค่สงสัย..."
"หืม ?" เพื่อนคนอื่นชะโงกหน้ามาด้วย
"ทำไมทุกคน... ห่างพี่เสือจัง ?" จริงอย่างที่กระต่ายว่า... นี่ขนาดมากินขนมกันตอนช่วงพัก ยังต้องมานั่งอีกมุมห้องเลย ทุกทีเพื่อนๆ ที่ไม่ใช่แค่ในกลุ่มจะมานั่งคุยกัน กินขนมกันที่โต๊ะกระต่ายนั่นแหละ ถึงกระต่ายจะรู้ว่าเมื่อก่อนเพื่อนๆ ก็กลัวพี่เสืออยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้กลัวขนาดนี้
พลอยทำท่าสยดสยอง "มันไม่ดีกับต่ายน้อยนะที่พูดงี้ แต่พลอยกลัวว่ะ"
กระเจี๊ยบเห็นช่องว่าง มือรีบตะปบขนมในถุงเพื่อนพลางบ่น "ผู้หญิงก็เงี้ยแหละน้า..."
"ถุย! มึงว่าเค้าได้เหรออีเจี๊ยบ!" ฝนซ้ำเติมทันที "เค้ารู้กันทั่วโลกแล้วว่ามึงเป็นเมียไอ้โบ้!"
หูซีดๆ ของหัวหน้าห้องแดงจัด ฝืนทำเสียงแข็งใส่ "มึงรู้ได้ไงว่าเป็นเมีย!"
"ใช่แต่ผู้หญิงจะกลัวนะ" กระต่ายน้อยเอ่ยอย่างหนักใจ ตอนนี้ทั้งห้องเพื่อนผู้ชายที่ไม่กลัวพี่ชายมีแต่ลูกโป่ง จัมโบ้กับกระเจี๊ยบ
"มันทำตัวมันเอง" สอางค์ตอบอย่างใจร้าย
"เอ่อ... แต่ยังไงก็เป็นพี่กระต่ายล่ะนะ" หลินหลินนิสัยดีที่สุดยิ้มแหยๆ ให้
"มึงเป็นผัวรึไง โฮ่!" ลูกโป่งแหย่กระเจี๊ยบต่อ "กูล่ะนึกภาพไม่ออกเล้ยยย"
เย้าแหย่กันได้สักพัก กระเจี๊ยบแทบจะเส้นเลือดแตกตายไปหลายรอบ ดีที่ได้หลินหลินคนงามทั้งใจและใบหน้าช่วยไว้ แต่เพื่อนเฮงซวยทั้งหลายแลบลิ้นปลิ้นตาไม่สนใจเอาเสียเลย
กระต่ายเมินเพื่อนในกลุ่มไป พี่เสือนั่งเหยียดขาริมหน้าต่าง คุยกับจัมโบ้อยู่ แต่แล้วก็หยิบหูฟังขึ้นมาอุดหู ท่าทางไม่สนใจสิ่งรอบข้าง ส่วนจัมโบ้ก็ถอนหายใจ ก่อนจะเดินมาทางกลุ่มเพื่อนๆ
"ว่าไงจ๊าาา ที่ร๊ากกก" ส่งเสียงทักไปก่อน หลังจากโดนลูกโป่งยุส่งจนจีบกระเจี๊ยบสำเร็จ หนังหน้าก็เลยหน้าตามเพื่อนไปด้วย กระเจี๊ยบแทบมุดโต๊ะหนีทีเดียว ฝนเป็นคนแรกที่นำเสียงเป่าปาก พลอยก็ปรบมือเป็นลูกคู่
กระต่ายไม่รู้... ไม่รู้อะไรดลใจ...
พี่เสือดูอ้างว้าง... โดดเดี่ยว... แม้จะเป็นคนรักสันโดษอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้กลับต่างออกไป...
ทุกๆ ครั้งที่เพื่อนๆ นั่งคุยกันสนุกสนาน พี่เสือก็ไม่เคยร่วมวงด้วย... แต่ไม่ดูอ้างว้างขนาดนี้
...ทำไมนะ...หลินหลินเป็นคนแรกที่ผิดสังเกตกระต่ายน้อยได้ เพราะปกติหน้าที่ห้ามทัพจะไม่ใช่หน้าที่เธอ แต่เป็นของกระต่ายน้อย เธอจึงเห็นทุกการเคลื่อนไหวของน้องน้อยชัดเจน
เด็กสาวปลีกตัวออกมาจากกลุ่ม สะกิดน้องเล็กเบาๆ
"มีอะไรหรือเปล่า ?"
กระต่ายน้อยขบริมฝีปาก ใบหน้าน่ารักดูเศร้า "หลินหลิน... ทำไม... พี่เสือดูโดดเดี่ยว... ทั้งๆ ที่เมื่อก่อน... ก็...."
หลินหลินยิ้มอ่อนโยน ถ้าหากเมื่อเช้าแฝดพี่ไม่คุยกับเธอ เธอคงไม่เริ่มเข้าใจอะไรบางๆ แบบนี้ "เพราะเมื่อก่อนมีต่ายน้อยไง"
ดวงตากลมแวววาวมองกลับมา มีทั้งความสงสัย ไม่เข้าใจ หลินหลินหัวเราะ
"หลินหลินไม่รู้นะว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างต่ายน้อยกับพี่ แต่ว่าคนที่ทำให้เสือเป็นแบบนี้ได้มีต่ายน้อยคนเดียว... เพื่อนๆ จะคิดยังไงกับเขา... สำหรับเขาแล้ว ไม่สำคัญเท่ากับต่ายน้อยเลย" เธอเว้นจังหวะ มองใบหน้าอ่อนหวานค่อยๆ ขมวดมุ่น
"ต่ายน้อยล่ะ ?"
กระต่ายไม่ตอบ สะบัดศีรษะพรืด ไม่เข้าใจตนเอง... ทำไม... ไม่เข้าใจอะไรเลย ที่กระต่ายน้อยเหินห่างจากพี่ชายมา ไม่ใช่เพราะเกลียดกลัวหรือรังเกียจนะ แต่...
...เส้นบางๆ อยู่ตรงนั้น กระต่ายมองเห็นตัวเองอยู่หลังเส้นนั้น
"ต่ายน้อย ? ต่ายน้อยคิดยังไงล่ะ ?" เสียงหลินหลินถามมาอีกครั้ง
กระต่ายควรทำยังไง... กับพี่ชายที่ล้ำเส้นมาแล้ว เขาถอยแล้ว แต่ฝ่ายนั้นยังเพียรพยายามเข้ามาใกล้
เจ้าตัวน้อยหลับตาแน่น ก่อนจะลืมขึ้นแล้วกระพริบตาปริบๆ
เส้นนั้นมีอยู่จริง...และสำคัญมาก
...แต่พี่เสือ ณ ตอนนี้ เวลานี้
สำคัญที่สุดกระต่ายน้อยไม่ตอบเพื่อน ขาเล็กๆ วิ่งโผเข้าไปหามุมเงียบๆ ที่มีคนนั่งอยู่เพียงคนเดียว
พี่เสือลืมตาขึ้น เบิกตากว้าง มือดึงหูฟังออก แล้วอีกมือหนึ่งก็ยื่นไปรับร่างเล็กที่กระโจนเข้าหา "ต่ายน้อย!?"
กระต่ายไม่ตอบ ซุกใบหน้ากับอกอุ่น
เพื่อนๆ ในห้องที่คุ้นชินกับภาพแบบนี้แล้วพากันถอนหายใจเบาๆ
"พี่น้องดีกันละ"
"ว่าแต่ทะเลาะกันเรื่องนี้น่ะเหรอ ?"
"นี่คงกลับมาจี๋จ๋าเหมือนเดิมสินะ"
"หลินหลิน หล่อนจะร้องไห้ทำไม!?"
"ฮึก! มันซึ้งนี่นา! เหมือนลูกสาวจะออกเรือนเลย"
"ต่ายน้อยยย ทนใจแข็งได้อาทิตย์นึงสินะ"
"หึๆ นรกสำหรับไอ้ห่าเสือเลย"
"สมน้ำหน้า"
"ไอ้วัช เอามาให้กูสองร้อย ยังไงกูบอกแล้วว่าพี่น้องต้องดีกัน!"
"เชี่ยยย!"
"เก็บตังค์โว้ย! พนันอะไรไม่พนัน ฮ่าๆๆๆๆๆ"
กระต่ายหน้าแดงจัด เงยหน้าขึ้นสบ...
อายเพื่อนๆ ที่สุดเลย!
แต่แล้วเมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าคมกระจ่างก็ทำให้หูอื้อไปหมด...
พี่เสือ...
หัวใจดวงน้อยเต้นโครมคราม พี่เสือกระชับอ้อมแขนเข้า หัวเราะเสียงดัง "งั้นประกาศตรงนี้เลยละกัน พี่เสือรักต่ายน้อยนะ!" พี่เสือพูดไม่เบา เพื่อนทั้งห้องเงียบกริบชั่วครู่ก่อนจะอึกทึกเหมือนเดิม ใครบางคนที่อยู่หลังห้องตะโกนอย่างปากไวออกมาว่า
"จะประกาศห่าอะไรล่ะ! คนแม่งรู้กันหมดละ!"
"ไอ้พี่ติดน้อง!"
ยิ่งแซวพี่เสือ แต่ทำไมกระต่ายน้อยกลับรู้สึกเหมือนโดนพาดพิงไปด้วยเลยล่ะ ? แก้มนวลร้อนผ่าว แม้พี่เสือจะไม่ได้จูบต่อหน้าเพื่อนๆ แต่ท่าทางกอดแน่นอย่างหวงแหนกลับทำให้กระต่ายอับอายไม่ต่างกัน
สอางค์สบสายตากับเพื่อนในกลุ่มแล้วกลอกตา
หากดูภายนอก... จะเป็นพี่ชายที่หวงน้องน้อย...
ซึ่งก็ดีไป... ถ้าหากพวกนั้นรู้ความจริง... มันจะยังแซวเล่นเป็นเรื่องสนุกแบบนี้ได้อีกหรือ ?
บรรยากาศหลังจากนั้นผ่อนคลายขึ้น เพื่อนๆ กลับมาพูดคุยกับพี่เสือได้ตามปกติ กระต่ายน้อยเบาใจไปเยอะ จนกระทั่งเลิกเรียน ลูกโป่งดึงชายเสื้อเพื่อนตัวเล็กไว้
"ไปเยี่ยมลูกชายน้าธีไหม ?"
สอางค์ขยับแว่น หันกลับไปมองเพื่อนสาวอีกคน "ฝนล่ะ ?"
เด็กสาวถอนหายใจ ส่ายศีรษะ "กูไม่ไปได้ไหม ? เดี๋ยวกูก็ไม่อยู่แล้ว คงช่วยอะไรไม่ได้มาก"
"...กูจะไปเรียนพิเศษ" กระเจี๊ยบตอบเบาๆ แต่ไอ้ตี๋ยักษ์เสนอหน้าตอบด้วย
"กูจะไปเรียนพิเศษก๊ะอีเจี๊ยบ"
"ถุ๊ย!" ลูกโป่งอดรนทนไม่ได้ "ไอ้สันหลังยาวอย่างมึงไปเรียนตั้งแต่เมื่อไหร่ ?"
"อ้าว ไอ้ห่านี่ กูจะเข้าสายวิทย์ กูก็ต้องขยันๆ หน่อยสิวะ"
ฝนเหยียดริมฝีปากอย่างดูถูก "น้ำหน้าอย่างมึงคงไปเฝ้าเมียมากกว่า"
หูซีดๆ ของหัวหน้าห้องแดงแปร๊ด "มะ... ไม่ใช่..."
"ยังดีที่กระเจี๊ยบมันรักดี" สอางค์พูดอย่างปลงๆ "พวกมึงไปเหอะ กระเจี๊ยบ กูฝากไอ้เหี้ยนี่ด้วยละกัน ถ้ามันเรียนต่อมอปลายได้เพราะมึง มึงจะได้บุญยิ่งกว่ายกช่อฟ้าเชียวนะ"
กระเจี๊ยบไม่ตอบอะไร แต่เดินดุ่มๆ ออกจากกลุ่ม จัมโบ้ยืนเกาศีรษะแกรกๆ จนกระทั่งหัวหน้าห้องเดินไปได้ครึ่งทาง ไม่เห็นคนตามมาเลยหันกลับไปตวาด
"อีโบ้! มึงจะมาไม่มา!"
จัมโบ้หัวเราะกึกๆ วิ่งเข้าหาคนตัวผอมเหมือนหมาเจอเจ้าของ ตะโกนลั่นๆ "ไปจ้า ไป!"
"เออ งั้นกูไปมั่งละ" ฝนยักไหล่แล้วโบกมือลาเพื่อนๆ
ลูกโป่งจึงหันกลับมามองคนที่เหลือ "เอ่อ... แล้วพวกมึงว่าไง ?"
สอางค์โคลงศีรษะ ลูบหัวเพื่อนรักพลางเอ่ย "กูไป มึงกลัวเข้าหน้าน้ามึงไม่ติดไม่ใช่เหรอ ?"
ลูกโป่งมองเพื่อนอย่างซาบซึ้ง ก่อนหันไปหาฝาแฝด "แล้วพวกมึงอ่ะ ?"
น้องเล็กนิ่วหน้าอย่างใช้ความคิด ก่อนจะตอบ "เราไม่รู้เราจะช่วยอะไรได้นะ... แต่ว่า... ถ้าโป่งอยากให้ไป เราก็จะไป"
เพื่อนตัวเล็กยิ้มให้ ส่วนพี่เสือนั้นแค่ไหวไหล่ "ต่ายน้อยไป กูไป"
หลังจากโทรรายงานที่บ้านแล้ว ฝาแฝดก็ไปยังคอนโดแห่งหนึ่ง กระต่ายแหงนหน้าคอตั้งบ่า กระซิบถามสอางค์ว่า
"นี่น้าธีอยู่ในนี้เหรอ ?"
สอางค์พยักหน้า "เมื่อก่อนโป่งก็เคยอยู่ บ้านอางค์ก็อยู่ติดกัน"
พี่เสือคำนวนในใจคร่าวๆ หันไปหาเพื่อน "น้ามึงนี่เงินเดือนเท่าไหร่ ?"
"ไม่เคยถาม" ลูกโป่งตอบทันใจ "น่าจะหลายอยู่อ่ะ.. รู้แค่นั้น"
สอางค์รูดคีย์การ์ดเข้าไป ยกมือไหว้ยามและพี่สาวที่หน้าเคาเตอร์ ก่อนจะพาไปขึ้นลิฟต์ที่ต้องรูดการ์ดอีกรอบ
"อธิบายก่อนนะ คือเด็กที่น้าธีเก็บมาเนี่ย โดนทำร้ายมาหนักมาก เลยหวาดระแวงไปหมด แกเลยคิดว่า ถ้าให้เด็กรุ่นเดียวกันลองไปอยู่ใกล้ๆ เด็กนั่นอาจจะคลายเครียดลง"
ลูกโป่งเบือนหน้าหนี สอางค์เลยอธิบายต่อ "อีโป่งมันอิจฉาเด็กนั่น เพราะมาแย่งความรักน้ามันไป... เด็กเหี้ยๆ แต่ก็นะ... ทั้งๆ ที่โดนไล่ออกจากบ้านแล้ว แต่พอรับเด็กคนนี้มา น้าธีก็ให้ลูกโป่งมาค้างได้ แต่ต้องมาช่วยดูแลเด็กคนนั้นด้วย"
"แล้วเด็กคนนั้นชื่ออะไรเหรอ ?" กระต่ายชูมือถาม
"อ๋อ..." สอางค์ยังไม่ทันตอบ ประตูลิฟต์ก็เปิด เด็กสาวจึงพาเพื่อนๆ ออกมา ทันทีที่สัมผัสกับพรมนุ่มบนพื้น กระต่ายก็อุทานดัง "อ๊ะ"