Chapter 39
หลังจากที่กิตติกรและอดีตเลขาของพายุถูกตำรวจดำเนินคดีไปนั้น วารินทร์ก็เป็นผู้เข้าไปทำหน้าที่แทนทุกอย่างแทนเลขาคนเก่า ซึ่งกว่าทุกอย่างจะลงตัวก็กินเวลาไปหลายวัน และวันนี้เป็นวันอาทิตย์ซึ่งวารินทร์และพายุได้มีโอกาสอยู่บ้านเพื่อผ่อนคลายจากปัญหาต่างๆที่รุมเร้าเข้ามาตลอดสัปดาห์ ในเช้านี้วารินทร์เลือกที่จะออกมานั่งดื่มชาในสวนตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อซึมซับบรรยากาศของธรรมชาติที่ไม่ได้สัมผัสมานาน
“ตื่นเช้าจังเลยนะ หนูวารินทร์” สุดาและสุพจน์ที่ตื่นแต่เช้ากะว่าจะลงมานั่งดื่มกาแฟในสวน แต่ก็ถูกใครบางคนตัดหน้าไปก่อนแล้ว
“เชิญนั่งครับ” วารินทร์ยิ้มให้น้อยๆ ก่อนจะเอ่ยชวนคนมาใหม่ให้นั่งลงด้วยกัน
“พ่อกับแม่ตื่นเช้าจังเลยครับ” พายุที่ลงมาตามหาวารินทร์ ก็บังเอิญเห็นผู้ให้กำเนิดทั้งสองคนกำลังนั่งลงกับว่าที่ลูกสะใภ้ใหญ่ของบ้านพอดี จึงเอ่ยทักทายและเดินเข้าไปร่วมวงด้วย
“พายุเองก็ตื่นเช้าเหมือนกันนี่ลูก…แล้วนี่พวกยายทมไปไหนหมดเนี่ย” สุดาถามหาสาวใช้ในบ้านอย่างใจเย็น
“ถ้าจะทานกาแฟเดี๋ยวผมจะจัดการให้ครับ” พูดจบวารินทร์ก็ลุกขึ้นแล้วเดินหายไปในครัวอย่างรวดเร็ว ระหว่างนั้นคนที่พึ่งหายไปก็กลายเป็นหัวข้อสนทนาทันที
“จริงๆแล้ว หนูวารินทร์เค้าก็ไม่ได้เป็นคนไม่ดีนะ…แต่ที่เค้าดูเหมือนร้ายเพราะเค้าถูกร้ายใส่ก่อน” สุดาเริ่มวิเคราะห์ตัววารินทร์ให้ผู้ร่วมโต๊ะฟัง หลังจากที่สุดาพยายามสังเกตการณ์กระทำทุกอย่างของวารินทร์มานานพอสมควร
“เรื่องที่บริษัท ถ้าไม่ได้วารินทร์…ก็ไม่รู้จะเสียหายไปอีกเท่าไรนะครับคุณแม่” ทั้งสุดาและสุพจน์พอจะทราบเรื่องมาบ้างที่มีเกลือเป็นหนอนในบริษัทอย่างกิตติกรและเลขาคนก่อนของพายุ และคนพวกนั้นก็ถูกเปิดโปงโดยวารินทร์
“เค้าอยู่ของเค้าดีๆ ถ้าไม่มีใครไปยุ่งเค้าก็ไม่ทำใครก่อนหรอกนะ ผมห่วงก็แต่พี่สาวคุณที่ดูท่าทางจะไม่วางมือง่ายๆ” ทั้งสามคนมองหน้ากันอย่างหนักใจ ทุกคนรู้ดีว่าลดาเป็นพวกชอบเผด็จการคนอื่น ด้วยอำนาจเงินและความมีชื่อเสียงทำให้ลดาได้ทุกอย่างที่ต้องการ แต่กับเรื่องนี้ต่อให้เกิดเป็นนางฟ้าก็ไม่รู้ว่าจะเอาวารินทร์อยู่หรือเปล่า
“คุณควรจะบอกให้พี่คุณหยุดนะสุดา…ดูจากเรื่องที่ผ่านๆมาทุกเรื่อง ตั้งแต่ครั้งแรกที่เค้ามาอาละวาดกับเจ้าวายุ เรื่องที่ทำให้ลูกเราตีกันเกือบตาย ทุกอย่างมีเหตุเสมอนะ…และผลมันก็เกิดจากการกระทำของวารินทร์ทั้งสิ้น…คนที่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้หลายๆอย่างดั่งใจคิดในเวลาสั้นๆอย่างวารินทร์…ไม่ใช่ว่าใครก็ทำได้หรอกนะคุณ” สุพจน์บอกสุดาเพื่อหวังจะให้ภรรยาของเค้าห้ามปรามพี่สาวจอมรั้นให้ได้ เพราะถ้าหากวารินทร์เอาคืนเองคงมีเลือดตกยางออกกันแน่ๆ
“ฉันจะพยายามนะคะคุณ”
“ขอโทษที่ทำให้รอนะครับ” วารินทร์ที่เดินเข้าใหม่ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรมาก จัดการยกกาแฟเสิร์ฟให้ทุกคนทันที
“หืม…หนูรู้ได้ยังไงว่าฉันดื่มกาแฟไม่ใส่คอฟฟี่เมท…ของผมก็กาแฟดำเซ้นส์ดีนี่เรา” วารินทร์เพียงแค่ยิ้มนิดๆให้กับคำชมเชยที่ทั้งสองกล่าว ก่อนจะหันไปสนใจการมองต้นไม้และสรรพสิ่งรอบกายต่ออย่างสงบนิ่ง
“วันนี้คุณอยากไปไหนหรือเปล่าวารินทร์” วารินทร์ที่ได้ยินคำถามก็ยกชาจิบก่อนจะหันมาสนใจคนถาม
“ไม่ล่ะ…เดี๋ยวนารินทร์จะมาที่นี่…และดูเหมือนจะมาถึงแล้วด้วยสิ” พูดยังไม่ทันขาดคำ เสียงของนารินทร์ที่ตะโกนเรียกวารินทร์ตั้งแต่หน้าบ้านก็ดังไปทั่วบ้านตามคาด วารินทร์จึงลุกขึ้นและค่อยๆเดินไปหาน้องชายของตัวเอง
“พ่อกับแม่จะว่ายังไงครับ เรื่องผมกับวารินทร์” พายุถือโอกาสนี้พูดเรื่องนี้ขึ้นทันที เค้าอยากฟังความคิดเห็นของพ่อแม่ แม้ว่าอย่างไรเสียเค้าก็ไม่มีทางปล่อยวารินทร์ไปแน่ๆ
“แม่ก็ไม่ห้ามนะ หนูวารินทร์เค้าก็เป็นคนดี ถึงจะดูดุๆไปบ้าง…แกเองเถอะตาพายุ ท่าทางจะได้เมียดุ ขืนนอกลู่นอกทางระวังจะตายไม่รู้ตัว” สุดาพูดหยอกลูกชาย เรียกเสียงหัวเราะได้จากลูกชายคนโตและสามีได้ไม่น้อย
“หัวเราะอะไรกันครับ ขอร่วมวงด้วยคนได้ไหมเนี่ย” วายุเดินเข้ามานั่งร่วมวงพร้อมกับยกแก้วกาแฟในมือขึ้นดื่ม
“เปล่า พูดเรื่องสะใภ้ใหญ่น่ะ ว่าแต่แกเถอะไอ้วายุ ไม่คิดจะบอกพ่อบอกแม่หรือไง สะใภ้เล็กของบ้านน่ะ”
“เห้ย พี่พายุ…ผมชัดเจนกว่าพี่อีก ถึงไม่บอกพ่อกับแม่ก็รู้ใช่ไหมครับ” จากนั้นทั้งสี่คนพ่อแม่ลูกก็คุยกันเรื่องทั่วๆไป ซึ่งนานมากแล้วที่ไม่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันแบบนี้ ทำให้ทั้งสี่คนคุยกันจนลืมเวลา
“ทุกคนครับ พี่รินทร์ให้ตามทุกคนไปทานข้าวต้มกันครับ” นารินทร์เดินออกมาตามทุกคนที่กำลังคุยกันอย่างออกรส ซึ่งทุกคนก็เดินกันตามเข้ามาในห้องอาหารในขณะเดียวกัน วารินทร์ก็กำลังขะมักเขม้นกับการจัดโต๊ะอาหาร
“จริงๆ หนูวารินทร์ไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้นะจ๊ะ…ฉันรู้สึกเกรงใจหนูจังเลย”
“ปล่อยสะใภ้ใหญ่ทำไปเถอะครับแม่ เค้าชอบของเค้า” พายุพูดกับสุดาแต่ตาก็จ้องวารินทร์ไม่วางตาเช่นกัน ซึ่งวารินทร์ก็ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธกับคำพูดที่มีความนัยของพายุ ซึ่งต่างกับนารินทร์อย่างสิ้นเชิง…
“พูดบ้าอะไรพี่พายุ พี่รินทร์ไม่ได้เป็นอะไรกับพี่สักหน่อย” นารินทร์พูดเสียงขึงขัง
“นี่ไม่ต้องไปยุ่งเรื่องของเค้าเลย เราอ่ะมานี่” วายุดึงตัวนารินทร์เข้ามากอดพร้อมกับฝังจมูกลงบนกลุ่มเส้นผมสีดำที่ส่งกลิ่นหอมยั่วยวนใจวายุตลอดเวลา
“ตายแล้ว ขอโทษค่ะคุณหญิง พอดีวันนี้ทมตื่นสายไปหน่อย เดี๋ยวจะรีบทำอาหารเช้าเสิร์ฟให้นะคะ” เสียงของหัวหน้าแม่บ้านดังมาจากหน้าห้องครัวเมื่อเห็นว่าผู้เป็นนายทั้งหลายเดินเข้ามาในห้องอาหารแล้ว โดยไม่รู้ว่าอาหารทุกอย่างถูกจัดขึ้นโต๊ะเรียบร้อยแล้ว
“ไม่เป็นไรหรอกทม วันนี้หนูวารินทร์เค้าเข้าครัวเองน่ะ…ทีหลังก็อย่าตื่นสายอีกล่ะ ตอนเช้าฉันกับคุณสุพจน์ได้กินกาแฟก็เพราะหนูวารินทร์ชงให้ เธอนี่จริงๆเลย” สุดาพูดไม่ได้จริงจังมากนัก ทมก็ได้แต่ก้มหน้ายอมรับความผิดพร้อมกับขอโทษเสียงอ่อน
“นี่พี่รินทร์ไปว่ายน้ำกันเถอะ” นารินทร์เอ่ยชวนพี่ชายของนเพราะรู้สึกคั่นเนื้อคั่นตัวแปลกๆ อยากลงไปแช่อยู่ในน้นานๆ
“ไหนมาหาพี่สิ” วารินทร์สังเกตอาการของนารินทร์ครู่เดียวก็รู้ทันที ว่าสาเหตุมาจากอะไร
“คงใกล้ถึงเวลาแล้ว…ไปลงเล่นน้ำกันก็ได้”
“คุณรอผมสักครู่สิ เดี๋ยวผมลงด้วย” พายุท้วงบอกวารินทร์
“คุณทานข้าวไปเถอะ เดี๋ยวผมกับนารินทร์จะลงไปกันก่อน” พูดจบวารินทร์ก็ดึงตัวนารินทร์ขึ้นไปบนห้องเพื่อเปลี่ยนกางเกงว่ายน้ำ สองพี่น้องวายุเทพจึงรีบเร่งทานอาหารเช้ากับสุพจน์และสุดาจนเสร็จเรียบร้อยก็ขึ้นไปเปลี่ยนกางเกงว่ายน้ำเพื่อตามลงมาเล่นน้ำกับสองพี่น้องวารีรินทร์บ้าง
“อ้าว คุณสองคนยังไม่ลงกันอีกหรอ” พายุถามขึ้นเมื่อตัวเองมาที่สระว่ายน้ำแล้ว สองคนที่ล่วงหน้ามาก่อนยังคงสวมชุดคลุมอาบน้ำสีขาวเอาไว้พร้อมกับนั่งคุยกันบนเก้าอี้ข้างสระ
“พอดีคุยกันนิดหน่อยกำลังจะลงน่ะ” พูดจบวารินทร์และนารินทร์ก็ปลดชุดคลุมอาบน้ำออกทันที และเมื่อพายุและวายุได้เห็นภาพตรงหน้านั้น ทำให้ทั้งคู่เกิดอาการปั่นป่วนขึ้นจนแทบจะอดใจไม่ไหวกับเรือนร่างที่แสนจะยั่วยวนตรงหน้า
“พี่ว่าไม่ต้องเล่นแล้วมั้ง” วายุไม่พูดเปล่าเพราะดึงตัวนารินทร์เข้ามาไว้ในอ้อมกอดพร้อมกับขโมยหอมแก้มด้วย ทำเอานารินทร์เขินจนหน้าขึ้นสีและโวยวายกลบเกลื่อน
“ไอ้พี่วายุบ้าปล่อยนะ ทำอะไรไม่อายฟ้าอายดินเลยหรือไง…พี่รินทร์ช่วยนาด้วย” วายุหัวเราะกับท่าทีของนารินทร์ แต่ก็ยอมปล่อยแต่โดยดี และเมื่อนารินทร์หลุดไปได้ ก็โดดลงสระทันที
“แบร่~ แน่จริงจับให้ได้สิ ไอ้ผีหื่น” นารินทร์แลบลิ้นปลิ้นตาหลอกวายุ เมื่อเห็นดังนั้นวายุก็กระโดดตามนารินทร์ทันที และพยายามไล่ต้อนนารินทร์อย่างเอาเป็นเอาตาย
“คุณจะไม่ลงหรือครับ”
“ลงสิ” เมื่อวารินทร์ตอบพายุก็เดินจูงวารินทร์ลงไปในสระพร้อมกัน…วารินทร์ว่ายน้ำไปเรื่อยๆอย่างรวดเร็วผิดกับคนไล่ตามที่แทบจะว่ายตามไม่ทัน
“รอเมื่อยแล้วนะพี่วายุ จะให้รอไปถึงเมื่อไหร่” นารินทร์พูดเยาะเย้ยวายุ เพราะตังแต่เริ่มว่ายน้ำไล่ต้อนกัน วายุไม่แม้แต่จะเฉียดเข้าใกล้นารินทร์ได้เลย พอทำท่าจะเข้าใกล้พอโผล่หน้ามาอีกทีนารินทร์ก็ไปโผล่อีกที่หนึ่งแล้ว
“อย่าให้จับได้นะ โดนหนักแน่ๆ” วายุพูดอย่างคาดโทษ แต่นารินทร์ก็ไม่สะทกสะท้านอะไรพร้อมกับทำหน้าเซ็งๆใส่ ทำเอาวายุเกิดลูกฮึดแล้วว่ายจับนารินทร์อย่างเอาเป็นเอาตาย
“โถ่เว้ย…ทำไมไวอย่างนี้วะ” วายุสบถอย่างหัวเสีย นารินทร์ก็หัวเราะใส่อย่างสะใจที่เห็นวายุหงุดหงิดอย่างนั้น
“มึงตามเค้าไม่ทันหรอกไอ้วายุ มึงอย่าลืมสิในน้ำเนี่ย ถิ่นเค้านะ”
“เออว่ะ…เฮ้ย นาโกงพี่นี่ แสบนักนะ” นารินทร์ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ก่อนจะว่ายน้ำเล่นต่อไปอย่างสบายใจ วารินทร์เห็นภาพที่น้องชายตัวเองมีความสุขแบบนี้ก็สบายใจ อยากให้นารินทร์ยิ้มได้แบบนี้ทุกวันก็เพียงพอแล้ว
“วารินทร์” เมื่อวารินทร์หันไปตามเสียงเรียกจากด้านหลัง ก็ถูกปิดปากด้วยจูบอย่างรวดเร็วพร้อมกับถูกคนเรียกดึงลงไปใต้น้ำด้วย…จูบใต้น้ำที่แสนอ่อนโยนและเสน่หา
“ขึ้นกันเถอะครับ” พายุพูดจบก็ดึงตัววารินทร์ขึ้นจากน้ำทันทีพร้อมกับเดินไปสวมเสื้อคลุมให้อย่างรวดเร็ว ร่างกายนี้เค้าจะเก็บไว้ดูคนเดียว ไม่ว่าใครพายุก็ไม่อยากให้เห็นทั้งนั้น
“ขอบคุณ” พายุยิ้มก่อนจะนั่งลงแล้วดึงตัววารินทร์ลงมานั่งตักพร้อมกับขโมยหอมแก้มอย่างรวดเร็ว โดยการกระทำของพายุอยู่ในสายตาของสุพจน์และสุดาที่กำลังยืนมองลงมาจากชั้นสอง
“ดีจังเลยนะคะ”
“ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน” ทั้งคู่มองหน้ากันแล้วอมยิ้มอย่างมีความสุข ที่ได้เห็นลูกๆของตัวเองมีชีวิตชีวาเหมือนวันนี้ โบราณเคยกล่าวไว้ว่า ถ้าลูกเป็นทุกข์ พ่อแม่เป็นทุกข์ยิ่งกว่า และเมื่อลูกมีความสุข พ่อแม่ก็พลอยมีความสุขไปด้วย สุดาและสุพจน์เข้าใจความหมายของคำพูดนั้นอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งก็วันนี้นี่เอง
...จบ...
ตอนแล้วนะครับ 55555555555
ช่วงนี้งานยุ่งๆ ขอโทษทีน้าาาาาา