‘เทศกาลที่มีโอกาสนำไปสู่การมีเพศสัมพันธ์ของวัยรุ่นมากที่สุด ร้อยละ 40 ระบุว่าเป็นเทศกาลลอยกระทง ซึ่งเป็นสัดส่วนที่มากที่สุดเมื่อเทียบกับเทศกาลอื่น’
- มูลนิธิเพื่อนเยาวชนเพื่อการพัฒนาและมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล
บ้าน
By ตัวแม่*
มีเหตุผลอะไรที่ทำให้เราต้องการความรักจากใครสักคน
เพราะเขาหล่อ...ฟังดูมีน้ำหนักดี
เพราะเขาดูสนใจเรา...เป็นคำตอบที่อาจเข้าข้างตัวเองไปสักนิด
เพราะเรารักเขา...ก็เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่เมื่อลงทุนให้ใจกับใครไปแล้วก็ย่อมอยากได้หัวใจกลับมา
หรือจริงๆ มันอาจเป็นเพราะ...เราอยากถูกเติมเต็ม
เราอาจไม่เคยได้ความรักจากใครเลย แม้กระทั่งตัวเราเอง
“เพราะอยู่เมืองยิ้ม ยิ้มนะ ยิ้มนิด อีกนิด~”
ผมยิ้มระรื่นร้องเพลงสยามเมืองยิ้มของ 2007 Show Girls ออกมาเบาๆ อย่างอารมณ์ดี จริงๆ ผมไม่ค่อยร้องเพลงแนวนี้บ่อยนักหรอก แต่แค่ตอนนี้มันตรงกับอารมณ์มากเท่านั้นเอง คริๆ
หกสิบเอ็ด หกสิบสอง หกสิบสาม
ตามองเลขห้องที่ตัวเองเดินผ่านอย่างตื่นเต้น ในมือมีถุงพลาสติกพะรุงพะรัง ถุงหนึ่งบรรจุกระทงไว้สองอัน อีกสองสามถุงเป็นขวดเหล้า กับแกล้ม และพวกเทียนหอมสร้างบรรยากาศ
หกสิบสี่ หกสิบห้า หกสิบหก
ตามผลสำรวจขององค์กรอะไรสักอย่างที่ชื่ออ่านยากฉิบหายจนผมไม่คิดจะจำ วันลอยกระทงเป็นวันที่คนเสียตัวกันเยอะที่สุด ซึ่งมีสาเหตุมาจากหลายอย่าง ไม่ว่าจะเหล้ายาปาร์ตี้ อากาศเย็นๆ หรือแสงจันทร์นวลแจ่มที่ช่วยปลุกอารมณ์ให้อยากฉึกกะฉักปู๊นปู๊นกันได้
หกสิบเจ็ด หกสิบแปด
และนั่นแหละจุดประสงค์ที่ผมหอบของพวกนี้มาถึงห้องของเขา...ที่นี่
ถึงซะที
ห้องหมายเลขหกเก้า เอ๊ย หกสิบเก้า
ผมยกมือป้องปากแล้วเป่าลมปะทะฝ่ามือสูดกลิ่นปากที่ผ่านการกลั้วแล้วกลั้วอีกด้วยน้ำยาบ้วนปากเพื่อเช็คความมั่นใจ โอเคหอมตุๆ ดี
กลิ่นปากผ่าน บรรยากาศดี อุปกรณ์พร้อม ตูดล้างแล้วเรียบร้อย
ถ้าผลสำรวจแม่งไม่มั่ว
คืนนี้ผมต้องโดนยิ้ม
(*ยิ้ม คำแสลงที่หมายถึงการมีเพศสัมพันธ์)
ผมรู้จักกับเจ้าของห้องเมื่อสองเดือนก่อน เขาชื่ออเล็กซานเดอร์ ชื่อแม่งโคตรฝรั่งแต่หลักฐานความเป็นฝรั่งไม่ได้ปรากฏบนใบหน้าหรือสายเลือดใดๆ พี่อเล็กซานเดอร์เป็นคนร้อยเอ็ดแท้ๆ แต่มาเรียนเมืองหลวง เขาเล่าถึงที่มาของชื่อให้ฟังว่าก่อนจะคลอดแม่เขาดันไปดูหนังฝรั่งย้อนยุคเรื่องอเล็กซานเดอร์ แล้วฉากปรากฏตัวของพระเอกที่หล่อโคตรๆ ทำให้แม่เขาถึงกับน้ำเดิน เดินไปเดินมาปรากฏว่าน้ำที่พูดถึงนั้นคือน้ำคร่ำ คลอดเสร็จแม่เขาเลยตั้งชื่อให้ว่าอเล็กซานเดอร์เพื่ออุทิศแด่ความหล่อของพระเอก (แม่ประเภทไหนกันวะ) และอยากให้ลูกตัวเองหน้าหล่อแบบนั้นบ้าง สุดท้ายกลายเป็นว่าพี่อเล็กซานเดอร์ก็เป็นคนที่หล่อจริงๆ หล่อโคตรๆ แต่เป็นหล่อออกไปทางตี๋เอเชียแทนซะงั้น
เขาเป็นคนดังในวงการเน็ตไอดอล เราเรียนคณะเดียวกันแต่เขาเรียนปีสาม...ซึ่งแก่กว่าผมหนึ่งปีจริงๆ รู้จักกันมานาน ก่อนหน้านี้ผมแอบส่องเฟซบุ๊กเขาบ่อยๆ แต่ก็ไม่ได้อะไรมากเพราะแม่งมีแฟนอยู่แล้ว และโอกาสมาถึงผมตอนสองเดือนที่แล้วที่พวกเขาเลิกกัน จังหวะนั้นผมจ้องเข้าเต๊าะไข่เขาทันที
ส่วนผมชื่อเบิร์ดครับ เบิร์ดเดียวกับพี่ธงไชย แมคอินไตย เบิร์ดที่แปลว่านก นกที่แปลว่าโดนคนที่เราชอบเท เทที่แปลว่าเราชอบเขาแต่เขาไม่เอาเรา
ไม่รู้ว่าพ่อแม่บุญธรรมของผมพยากรณ์ชะตาชีวิตได้ล่วงหน้าหรือเปล่าจึงตั้งชื่อนี้ให้ เพราะยี่สิบปีที่ผ่านมา...ผม ‘นก’ ตลอด
ผมเชื่อว่าคนส่วนมากต้องเคยมีประสบการณ์นี้ คือในกลุ่มเพื่อนไม่ว่าจะกลุ่มกี่คน ขณะที่เพื่อนทุกคนในกลุ่มมีผัวมีเมียกันไปหมดแล้วมันจะมีอีเด๋ออยู่คนหนึ่งที่รู้จักความรักดีมาก ให้คำปรึกษาเรื่องความรักกับเพื่อนทุกคนได้ตลอด เป็นเครื่องประโลมใจในยามที่เพื่อนทะเลาะกับผัว(หรือเมีย)ได้เสมอ
แต่ไม่มีเป็นของตัวเอง
และอีเด๋อคนนั้นคือผม
ซึ่งมันผิด! ผิดมากๆๆๆ ปกติอีเด๋อคนนั้นต้องเป็นคนแก่เรียน บูชาคาน ไม่ก็มีรสนิยมประหลาด หรือลักษณะรูปร่างหน้าตาไม่แมสต่อคนส่วนใหญ่แต่ผมไม่ใช่! ผมโง่เรียน ไม่ได้ชอบอยู่คนเดียว รสนิยมแพง และที่สำคัญผมหล่อ! ไม่ได้มั่นหน้านะแต่ผมเนี่ยตี๋ขาวดั้งพุ่งระดับเดียวกับเน็ตไอดอลอย่างพี่อเล็กซานเดอร์ด้วยซ้ำ ลงรูปในอินสตาแกรมทีคนกดไลค์เป็นพันเป็นหมื่นติดที่เตี้ยไปหน่อยเท่านั้น
ถ้าพูดรวมๆ คือผมน่ะ...น่าอร่อยมาก
และนั่นคือสิ่งที่ผมไม่เข้าใจว่าทำไมตลอดชีวิตที่ผ่านมา ผมไม่เคยมีแฟนเลยสักคน ไอ้คนที่มาจีบน่ะมีเข้ามาเรื่อยๆ และผมก็ไม่ได้ปิดกั้นอะไร แต่พอดูใจได้สักพัก กำลังจะเข้าขั้นตกลงเป็นแฟนกันก็ต้องมีเหตุผลให้ต้องวืดกันไป และผมต้องกลับบ้านไปนอนร้องไห้ช่วยตัวเองทั้งคืน
เจ็บกว่าการไม่มีแฟน คือต้องทนเห็นเพื่อนในกลุ่มส่งแววตาสังเวช ยิ้มเยาะ หนักสุดคือหัวเราะใส่หน้าเพราะความนกของตัวผมเอง
ไม่ถุยน้ำลายใส่หน้ากูไปให้รู้แล้วรู้รอดเลยล่ะวะ
และในที่สุด โอกาสของผมก็มาถึง
พี่อเล็กซานเดอร์ที่แสนน่าหม่ำ เราคุยกัน นัดเจอกัน ได้ทำความรู้จักกันจริงๆ ตลอดสองเดือนที่ผ่านมา ผมว่าเราชอบพอกัน แต่ความสัมพันธ์มันยังคลุมเครือ
และคืนนี้ผมจะเผด็จศึก ตามคำแนะนำของกลุ่มเพื่อนรัก
‘มึง วันลอยกระทงนี้มึงก็จัดเลยดิ รวบหัวรวบหางแม่งเล้ย’ อีแก้ว เพื่อนที่คบกันมาตั้งแต่มัธยมบอกผมเมื่อสองวันก่อน แถมยังได้แรงสนับสนุนด้วยการพยักหน้ารัวๆ จากไอ้คำ รวมไปถึงอีแดงกับไอ้ดำฝาแฝดต่างเพศผู้เป็นเพื่อนที่เจอกันในมหา’ลัย ซึ่งทุกคน...มีแฟนกันหมดแล้ว
‘เชี่ย กูกับเขายังไม่ได้เป็นแฟนกันเลยนะโว้ย’ ผมโวยวาย
‘แหม จะรออะไรล่ะวะ รอนานเข้าไปเดี๋ยวก็ไม่ได้แดกอีก แมงมุมไต่เข้าไปทำใยในตูดมึงแล้วเนี่ย’อีแก้วผู้ยึดถืออุดมการณ์ความซิงเป็นสิ่งที่ผิดแนะ
‘รอบที่ผ่านๆ มานี่ยังไม่เข็ดอีกเหรอฮะ จะรอดูใจรอคบเป็นแฟนมึงก็นกทุกรอบ ข้ามขั้นไปเป็นผัวเมียเลยดีกว่า กูว่าเวิร์ค’
‘อีเชี่ย...’
‘ถ้ามึงจะตื๊อใครสักคน เขาสมควรจะเป็นคนที่มีค่าพอที่จะตื๊อป่ะ นี่หล่อรวยแบบพี่อเล็กซานเดอร์มึงยังไม่พอใจอีกเรอะ?’
‘ไม่ใช่อย่างนั้น กะ...กูแค่ไม่รู้ว่าจะต้องทำไง’
‘จัดอีเวนต์ลอยกระทง กินเหล้า มอมเมาด้วยบรรยากาศ ร้อยทั้งร้อยก็ยิ้ม’
และนั่นคือเหตุผลที่ทำไมคืนนี้ผมนัดเขา เรากะจะออกไปลอยกระทงด้วยกัน แล้วกลับมาที่ห้อง จิบแอลกอฮอล์และกินขนมกรุบกริบลงท้ายที่การจึ๊กกะดึ๋ยเพื่อกำจัดคำว่านกออกจากชีวิตของผมไปตลอดกาล
ผมคิดว่าเขาชอบผมนะและผมอยากให้ทุกอย่างระหว่างเรามันชัดเจน ซึ่งเซ็กซ์มันจะช่วยลบความคลุมเครือระหว่างเราได้
เซ็กซ์กับความรักมันก็อันเดียวกันนั่นแหละ
ใช่ป่ะวะ
ผมยกมือขึ้นจะเคาะประตู แต่เห็นรอยแง้มแวบออกมา ฮั่นแน่ แง้มประตูอ่อยขนาดนี้ต้องรู้ดีว่าจะได้จ้วงแทง ผมค่อยๆดันประตูกะจะเปิดไปเซอร์ไพร์ส ได้ยินเสียงอู้อ้ามาจากในห้อง หื้มมมมมดูหนังโป๊ปลุกอารมณ์ซะด้วยยย
“ผัวจ๋า...เมียไม่ไหวแล้วง่า”
“อื้มมมมม”
ผ่าง!
วินาทีที่เปิดประตูเข้าไปเห็นภาพคนสองคนกำลังนอนทับกันในท่าทางแบบเดียวกับเลขห้อง ความคิดแรกที่แวบเข้ามาในหัวผมคือ...
ไอ้เหี้ย หนังโป๊โฮโลแกรม!
ตบหัวตัวเองหนึ่งป้าบ ถุยยยย นั่นมันพี่อเล็กซานเดอร์กับผู้ชายแปลกหน้าที่ไหนไม่รู้สองร่างกอดก่ายกันอย่างเมามันส์ มีความสุขกันมากโดยที่ยังไม่รู้ว่ามีผมยืนมองตาปริบๆ อยู่ตรงนี้
นาทีนั้นผมเห็นตัวเองตะโกนเรียกเขาว่า ‘ไอ้เล็ก มึ๊ง!’ด้วยความโกรธแค้นและขี้เกียจเรียกชื่อเต็มเขวี้ยงของทุกอย่างในมือใส่เขาและคู่ขาแต่นั่นมันเป็นแค่ภาพในหัวเท่านั้น สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือยืนนิ่งน้ำตาคลอหน่วยราวนางเอกละครช่องมากสี บีบถุงพลาสติกแน่น แล้วหันหลังกลับ
ทันใดนั้นจับกลอนประตู และเหวี่ยงให้อ้าให้กว้างที่สุด พร้อมกับตะโกนด้วยเดซิเบลที่มั่นใจที่สุดว่าทุกคนในหอพักจะต้องได้ยิน
“หนังสดโว้ยยยยยยยยยยยย มาดูโว้ยยยยยยยยยยย”
ผมเดินออกมาหลังจากวางระเบิดตูมใหญ่ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของไอ้อเล็กซานเดอร์กับชายปริศนาในห้องที่เพิ่งรู้ตัวและคงกำลังรีบใส่เสื้อผ้ากันอยู่ รวมไปถึงเสียงเซ็งแซ่ผู้คนที่ออกมาจากห้องตัวเองอย่างสาระแนแห่บุญ
เดินมาไกลโดยไร้ทิศทาง สติสตังไม่เหลืออยู่กับตัวอีกต่อไป มีเพียงความคิดเดียวที่ยังคงค้างอยู่ในหัวตอนนี้
กูนกอีกแล้ว
“สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาวเฟสบุ๊ค วันนี้เบิร์ดมีอะไรจะมาระบาย ฮึก...”
สามสิบนาทีหลังจากก่อเรื่อง ผมพบตัวเองนั่งเอาเท้าจุ่มน้ำให้ปลาดูดนิ้วเล่นอยู่ที่ท่าน้ำแห่งหนึ่งแถวชานเมือง หลังจากที่ความเปล่าเปลี่ยวในใจพาให้ผมขับรถมาเรื่อยๆ โดยไม่รู้ทิศทาง เหงาเกินกว่าจะกลับหอที่เป็นที่ซุกหัวนอนในช่วงวัยมหา’ลัย
ส่วนบ้าน...คงไม่มีใครต้อนรับผมหรอก ผมไม่ใช่คนของบ้านนั้นจริงๆ ด้วยซ้ำ
ลมหายใจคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์ ตอนนี้เวลาเกือบสองทุ่ม เบียร์ที่ซื้อมากะจะมอมว่าที่ผัวก็หมดแล้วไปแล้วสองขวด บรรยากาศของวันลอยกระทงแถวนี้เฮฮาพอสมควร มีวัดใหญ่อยู่ฝั่งตรงข้ามที่เหมือนจะจัดงานยิ่งใหญ่ชาวบ้านมากหน้าหลายตาทยอยกันมาสักการะแม่น้ำที่ท่าน้ำหน้าวัดดูแล้วช่างเป็นประเพณีอันงดงาม...ที่คนทรามแบบผมไม่อินกับมันเอาเสียเลย
พี่อเล็กซานเดอร์โทรหาหลายสิบสายแต่ผมไม่รับ (เพราะกลัวโดนด่า)ขณะที่ตัวผมเองพยายามติดต่อเพื่อนในกลุ่มทว่าไอ้เพื่อนเวรพวกนี้แม่งไม่มีใครรับสักคนเช่นกัน...รักกูกันจริง
ระบายให้ใครฟังไม่ได้ก็ต้องมาระบายผ่าน Live ในเฟซบุ๊ก
และในเมื่อมันเป็นเฟซบุ๊กมันต้องไม่ธรรมดา
“เบิร์ดรู้ครับว่าวันนี้เบิร์ดไลฟ์รอบที่สิบเอ็ดของวันแล้วทุกคนก็คงรำคาญ แต่เบิร์ดมีเรื่องอยากจะบอกทุกคนจริงๆ พูดให้ถูกก็คือ...สั่งเสีย” ผมพูดกับคนดูที่กำลังพุ่งขึ้นเรื่อยๆ กว่าพันคนน้ำตาไหลทะลักออกจากตาอย่างอัดอั้น “ฮื้ออออออ...ฟี้ดดดดดด (เสียงสั่งขี้มูก)คนแรกที่ผมอยากฝากพี่อเล็กซานเดอร์ ระยะเวลาที่ผ่านมาที่เราใช้ด้วยกันผมมีความสุขมากจริงๆ ผมอยากให้พี่มีความสุขกับคนของพี่มากๆ นะครับ...แค่ก...แค่ก...ไอ้ควาย...แค่ก...”
ในเสียงไอมีความจังไรซ่อนอยู่หวังว่าคนดูคงฟังไม่ทัน
“คนที่สอง...พ่อแม่ที่แท้จริง...เบิร์ดขอบคุณมากๆ นะครับที่ไม่ได้เลี้ยงดูอะไรเบิร์ดมาทั้งนั้น อยากให้รู้ถึงแม้จะอยากรู้หรือไม่ก็ตามเบิร์ดโตมาอย่างมีความสุขดีครับแต่วันนี้เบิร์ดอยู่ไม่ไหวแล้ว ฮือออออ” ว่าแล้วอีกมือที่ไม่ได้ถือโทรศัพท์ก็หยิบปืนเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋าสะพายข้างตัวชูขึ้นโชว์หน้ากล้อง เท่านั้นแหละคนดูไลฟ์นี่พุ่งขึ้นไปสามพันกว่า เยอะเป็นประวัติการณ์สำหรับผมมาก คอมเม้นท์นี่เด้งรัวๆจนโทรศัพท์แทบค้าง
WisuwaneeTadasin เย้ยยยยยยยย พี่เบิร์ดใจเย็นๆๆๆๆ
Nooky Pee อย่าทำงี้เลยนะคะ
Perkperk Perk คิดดีๆ นะคะน้องเบิร์ด ผมกระหยิ่มยิ้มในใจ ตรงท่าน้ำนี้ไฟสลัวคนในเฟสบุ๊คคงดูไม่ออกหรอกว่าแท้จริงแล้วมันเป็นปืนปลอมที่ผมเพิ่งซื้อจากหน้าวัดตรงข้ามในราคายี่สิบบาท
“คนที่สามที่เบิร์ดอยากขอบคุณ คือกลุ่มเพื่อนรักของเบิร์ด แก้ว คำ ดำ แดง...ขอบคุณที่เป็นเพื่อนกันมาจนถึงทุกวันนี้...”
แล้วอีแก้วไอ้คำไอ้ดำอีแดงก็ปรากฏตัวในคอมเม้นท์อย่างกับหมาวิ่งเข้าหาเวลาเรียกกินข้าว โอ่โห้ ทีอย่างนี้ล่ะไวกันจังนะไอ้พวกผีพราย
Kaew Jaojom อีเบิร์ดมึงเป็นไร
Kum Ragummao ไอ้ซั้สสสส เป็นเชี่ยไรเนี่ย
Dang Dum มึงใจเหยดๆ
Dum Dang คนที่สามได้ไงสัด ตะกี้พ่อแม่กับป้ามึงปาไปสองแล้ว พวกกูต้องคนที่สี่ ไอ้ง่าว สาบานว่าผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้กูจะบล็อกเฟซไอ้ดำคนแรกเลยสัดมันใช่เวลามานับเลขไหม
“ฮึกกกก ทุกคนอย่าห้ามเบิร์ดเลยครับ เบิร์ดไม่มีกะจิตกะใจจะอยู่บนโลกนี้ต่อไปแล้ว คนที่เบิร์ดรักเค้าไม่ได้รักเบิร์ด แถมไปอ๊ะอ๊ะกับคนอื่นต่อหน้าต่อตาเบิร์ดอีก ฟรืดดดดดดด(เสียงสูดขี้มูก) ช่างมันเถอะครับกรึ้บ(เสียงกลืนขี้มูกลงคอ เค็มเหี้ยๆ) ถ้าเบิร์ดยิงตัวตายตอนนี้ก็คงไม่มีใครแปลกใจ เสียงปืนคงดังพอๆ กับเสียงประทัดที่นี่” เด็กแถวนี้เล่นประทัดดังจริงๆ ผมยืนยัน เล่นดังจนผมอยากเดินไปตบสักป้าบหัวแล้วด่าว่าบ้านพ่องเป็นโรงงานทำระเบิดเหรอ รบกวนไลฟ์ของเน็ตไอดั้ลอย่างกูมาก
ผมบีบน้ำตาใส่โทรศัพท์ขณะเอาปืนปลอมจ่อคาง ตอนนี้คอมเม้นท์ในเฟสบุ๊คเด้งจนแทบอ่านไม่ทัน ทั้งคอมเม้นท์ให้กำลังใจและความรักบางคนก็ฝากร้าน(สัด) มีคนเสนอตัวเป็นแฟน บางคนแชร์คลิปให้เพื่อนช่วยมาห้าม ฮ้าาาา นี่แหละที่ผมต้องการ
“ฮืออออ เดี๋ยวจะยิงแล้วนะ บายนะทุกคน...”
คอมเม้นท์อีก
“ฮือออออ จะยิงจริงๆ ละน้าาาาา”
แชร์อีก
“นับถอยหลังยิงดีกว่า สิบ...เก้า...แปด...เจ็ด...หก...ห้า...”
สนใจผมอีก
“สี่...สาม...สอง...ถุ้ย!”
เปล่าครับ นั่นไม่ใช่เสียงผมที่ถูกปืนปลอมลั่นใส่ แต่ที่พ่นน้ำลายขนาดนั้นเพราะจู่ๆ ก็มีสะเก็ดน้ำบางอย่างพุ่งใส่หน้า ทำเอาผมตกใจและปล่อยทุกอย่างในมือกระเด็นตกบนพื้นไม้หมดได้รสปะแล่มๆ ในปากอีกต่างหาก
“อุแหวะ เชี่ยไรเนี่ย”
ผมหันไปมองตัวการอย่างเอาเรื่อง ห่างจากปลายเท้าของผมออกไปไม่มาก ท่ามกลางกระทงมากมายที่ลอยเอ่อบนผิวน้ำดำมืดมีลุงคนหนึ่งโผล่หัวขึ้นมาลูบปากที่เพิ่งพ่นน้ำออกมาหยกๆ และหัวเราะชอบใจ แถมยังมีหน้ามาถามด้วยเสียงแหบๆ ว่า
“เมื่อไหร่มึงจะยิงวะ”
ไม่พูดเปล่า ว่ายมาเทียบท่าแล้วดันตัวเองขึ้นมานั่งข้างๆ กูอีกด้วย ผมรีบโกยไอโฟนขึ้นมาเพราะกลัวเขาจะขโมยแสงสลัวจากหลอดไฟเหนือหัวที่ส่องลงมาทำให้ผมเห็นว่าจริงๆ แล้วเขาไม่ใช่ ‘ลุง’ อย่างที่คิด ผู้ชายตรงหน้าน่าจะอายุมากกว่าผมไม่กี่ปีกะดูแล้วสักยี่สิบห้ายี่สิบหก เขาตัดผมรองทรงสั้นมีใบหน้าแบบผู้ชายไทยแท้ตาคม จมูกโต สันกรามชัดและปากบางกว้างทั้งเนื้อทั้งตัวเขามีแค่กางเกงบ็อกเซอร์สีดำเปียกๆ ตัวเดียว
ผมสำรวจไปตามร่างกายเขาปกติผมไม่ชอบคนที่เล่นกล้ามนะเพราะผมคิดว่ามันน่ากลัวมากกว่าน่ากอด แต่ของคนตรงหน้ามันช่างเป็นมัดกล้ามที่แน่นพอเหมาะพอดีไปซะทุกส่วนของร่างกายอกกว้างสีแทนที่แต้มด้วยหัวนมจุดสีชมพูเด่นนั้นเหมาะแก่การเอาตัวเข้าไปซุก ยังไม่นับท่อนแขนแข็งแกร่งที่น่ากัดนั้นอีก เขาสวมตะกรุดที่มีเขี้ยวของสัตว์บางชนิดห้อยอยู่บนเส้นพลาสติกสีดำให้อารมณ์ดิบเถื่อน
ก่อนจะเฉ่งต่อ ขอลอบกลืนน้ำลายหนึ่งอึกเพื่ออุทิศแด่ความเซ็กซี่นั้น
“มึงเป็นใครวะกะ...กล้าดียังไงมาพ่นน้ำใส่หน้ากู” วิญญาณนางเอกละครไทยขี้ทะเลาะเข้าสิง คนตรงหน้าไม่ตอบคำถาม แต่เลือกคว้าปืนปลอมที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมายิงเล่นอย่างหน้าตาเฉย
แต้กๆๆเสียงนกสับดังขึ้นตอนลั่นไกตอกย้ำความหน้าด้าน...หมายถึงกูเนี่ยแหละที่หน้าด้าน
“ปืนก็ปืนปลอม ปืนกากๆ แบบนี้เด็กน้อยมันยังไม่ซื้อเล่นเลย ทุเรศ” โทนเสียงแหบเสน่ห์ของเขามีสำเนียงเหน่อไปทางตอนใต้ของประเทศนิดๆ “แอบฟังอยู่ข้างล่างตั้งแต่มึงมาแล้ว กูถามจริงๆ มึงคิดว่ามึงรู้จักชีวิตดีแค่ไหนถึงจะคิดฆ่าตัวตายน่ะฮึแถมยังฆ่าตัวตายแบบปลอมๆ อีก แต่งตัวก็ดูดีมีการศึกษา ไม่น่ามีความคิดแบบนี้เลย”
เขาขว้างกระบอกปืนมาบนหน้าตักแล้วยิ้มสมเพชดูถูกผมหนึ่งที
“ไม่ห่วงตัวเองก็ห่วงใจพ่อแม่บ้างเถอะไอ้น้อง”
จากนั้นก็กระโดดลงน้ำกลับไปอย่างเดิมแบบที่ไม่เปิดโอกาสให้ผมได้พูดอะไรเลยทำได้แค่อ้าปากพะงาบๆ เพราะคำพูดเขามันจึกลงไปในใจ
แจ็คพ็อตกว่านั้นตอนก้มมองมือถือแล้วเพิ่งรู้ตัวว่า...ไลฟ์ของผมยังถ่ายทอดสดอย่างต่อเนื่องล่าสุดมีแต่คนมาคอมเม้นท์คำว่าตอแหลเต็มไปหมด
เหี้ยยยยย กูโป๊ะแล้วววว
ผมรีบกดปิดไลฟ์แล้วยัดมือถือลงกระเป๋ากางเกง ด้วยความโมโหสุดใจก็ลุกยืนขึ้น เห็นร่างของเขาว่ายน้ำไปเข้าซากกระทงที่รายล้อมกำลังจะอ้าปากด่าแต่ต้องหุบไว้เพราะตะลึงงันกับสิ่งที่เขากำลังทำไอ้ล่ำ(ตั้งชื่อแบบนี้ไปก่อน) กำลังล้วงเอาเงินเหรียญในกระทงของชาวบ้านไปอย่างถือวิสาสะ
โห มาพูดกับกูซะดิบดี มึงก็เลวอะไรไม่ต่างจากกูหรอกวะ
“ขโมย!” ผมตะโกน “ไอ้หัวขโมยกำลังเก็บเงินในกระทง มาดูเร็ว!” ผมตะโกนให้ชาวบ้านฝั่งตรงข้ามมาดูแต่ก็ไม่มีใครสนใจสักคน
“กะจองงองกะจองงองเจ้าข้าเอ๊ย มาดูหัวขโมยกำลังเก็บเงินในกระทงเร้วววว” พูดแบบโบราณก็แล้วผลยังเป็นอย่างเดิมผมได้ยินเสียงหัวเราะสมน้ำหน้าดังมาจากคนในน้ำยิ่งมีน้ำโหแหนะ มีการแลบลิ้นล่อหน้าด้วย
“เยาะเย้ยนักใช่มั้ยมึง เอานี่ไปแดก!”
ผมคว้าปืนเด็กเล่นบนพื้นแล้วเหวี่ยงสุดแรงเกิดกะจะให้โดนหัวเขา แต่ปืนดันหลุดมือตอนผมเหวี่ยงขึ้นข้างบน ชั่วขณะนั้นเหมือนภาพสโลว์โมชั่นที่ผมเห็นในหนัง ปืนหลุดออกจากมือผมไปกระทบเสาไฟด้านบน
ฟิ้วววววว ปึก
เด้งไปโดนหลอดไฟ
ฟ้าวววววววปั้ง
และสุดท้าย...กระดอนกลับมาฟาดหน้าผากกู(ได้ไงไม่รู้)
ทันใดนั้นดาวจับสิครับ เห็นปืนกระบอกเล็กๆ แบบนั้นแต่แรงปะทะของมันเหมือนคนเอาหนังสือแฮรรี่พอตเตอร์ภาคห้าเวอร์ชั่นแปลภาษาไทยมาฟาดหัว ผมเซถอยหลัง และก่อนที่จะรู้ตัว ร่างทั้งร่างก็ปะทะผิวน้ำเรียบร้อยแล้ว
ตู้ม!
“ชะ...ช่วยด้วย กูว่ายน้ำไม่เป๊น!!!!” ผมตะโกนก้องเพราะเท้าหยั่งไม่ถึงพื้น เป็นแม่น้ำในชุมชนเล็กๆ แบบนี้แต่ก็ลึกใช่เล่น ผมได้ยินเสียงหัวเราะสะใจที่ดังขึ้นของไอ้ล่ำ เลยแหกปากไปอีกรอบ
“จริงจริ๊งงงง! ช่วยกูดั้วะ...อั้ก...”
“เฮ้ย!”
ได้ยินเสียงเขาร้อง วินาทีต่อมาหูไม่ได้ยินอะไรอีกแล้วเพราะทั้งตัวจมอยู่ใต้น้ำ แล้วโลกก็ค่อยๆ มืดลง...มืดลง...มืด...ลง...
สิ่งสุดท้ายที่รู้สึกคือแรงดันของน้ำข้างตัว และมือหนาของใครสักคนที่โอบรัดคอผมเอาไว้
(ต่อด้านล่าง)