เข็มที่ 17 สารภาพเพราะห้องของศรศรัณย์นั้นอยู่ทางด้านหลังของตัวบ้าน อริญชย์จึงเลือกใช้ทางเดินลัดสวนเพื่อชมต้นไม้ กลิ่นกุหลาบที่หอมอบอวลไปทั่วทำให้อริญชย์แอบอมยิ้มว่าคืนนี้คงจะมีใครคนหนึ่งโดนเจ้าของกลิ่นหอมนี้โอบกอดไว้ทั้งคืน
ไม่ได้นึกอิจฉาที่ตัวเองไม่มีเจ้าของกลิ่นหอมเป็นของตัวเองบ้าง เพราะความทรงจำเลวร้ายด้านความรักในครอบครัวที่ฝังรากลึกอยู่ในใจบ่มเพาะให้คิดว่าการอยู่คนเดียวนั้นเหมาะกับตัวเองมากกว่า อีกทั้งตัวเองก็ผ่านการนอนกับผู้ชายมามากหน้าหลายตา เขาไม่ได้รังเกียจที่ตัวเองเป็นแบบนี้เพราะคิดว่าตัวเองมีอภิสิทธิ์เหนือร่างกายตัวเองรวมทั้งความพึงพอใจในเรื่องเซ็กซ์ แค่รู้สึกว่ามันไม่แฟร์กับคู่ในอนาคตถึงได้ตั้งกฏกับตัวเองว่าจะไม่รักใครง่ายๆ แม้จะเห็นเพื่อนร่วมงาน เพื่อนร่วมรุ่นหรือแม้กระทั่งผู้ปกครองของเด็กๆ ที่มาโรงพยาบาลเดินจับมือกันมาเป็นคู่ๆ ก็คิดแค่ว่ายินดีด้วยที่คนเหล่านั้นเจอคู่แท้แต่ไม่ได้คิดมากอะไร
ทั้งที่คิดแบบนั้นมาตลอดแต่ไม่รู้ทำไมช่วงนี้ถึงกลับคิดอะไรแปลกๆ อย่างเช่นว่า …สักครั้งหนึ่งในชีวิตที่ได้รู้จักความรักและการถูกรักมันจะเป็นยังไงกันนะ…
สงสัยเป็นเพราะอายุที่เริ่มมากขึ้นละมั้ง จะว่าขาดของก็ไม่ใช่ จะว่าเหงาก็ไม่เชิง แต่เหมือนชีวิตมันขาดอะไรบางอย่างไป
แล้วภาพเด็กหนุ่มที่คอยวนเวียนอยู่รอบตัวในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านก็ปรากฎขึ้น ไม่ใช่แค่ในความคิดแต่กลับมีรูปลักษณ์เป็นดอกกุหลาบที่ชูช่อลอยไปลอยมาอยู่เต็มสองข้างทาง
เขาจึงเอื้อมมือไปปัดให้พ้นทางแต่ดันจับพลาดโดนหนามตำจนเลือดไหลซิบ
“เจ็บจัง” อริญชย์ย่นปากพลางกดห้ามเลือด แล้วจู่ๆ เขานึกถึงวันที่โดนหนามแคสตัสที่ห้องตำ หนามนั้นเล็กกว่านี้แต่กลับให้ความรู้สึกเจ็บกว่านี้มากมายนัก
หยดน้ำใสเอ่อขึ้นที่หางตา อริญชย์ยกมือขึ้นจะปาดออกเมื่อลำแขนแกร่งสอดเข้ามาจากทางด้านหลัง กลิ่นหอมราวกับมีแสงอาทิตย์เจิดจ้าทั้งที่ฟ้ามืดสนิททำให้อริญชย์รู้ว่าเจ้าของอ้อมกอดเป็นใครก่อนที่จะได้ยินเสียงเรียกชื่อเสียอีก… ทำไมนายถึงมาได้ถูกที่ถูกที่เวลาตลอดนะ
…เวลาที่ฉันอ่อนแอและรู้สึกว่าต้องการใครสักคน…
“อาจารย์ครับ”
อริญชย์สูดจมูกกลั้นน้ำตาให้หยุดไหลแล้วตอบเสียงห้วนโดยไม่หันไปมองหน้า “มีอะไร”
เด็กหนุ่มสอดคางวางเกยลงบนบ่าแล้วตอบคำถาม “ผมกลับมาถึงเมื่อกี้เห็นพี่กับพี่ศรกำลังจูบกัน”
“แล้วยังไง” อริญชย์พยายามแกะวงแขนของเด็กหนุ่มออกจากรอบเอว แต่ยิ่งแกะแขนนั้นกลับยิ่งพันรัดแน่นขึ้นทุกที
“ทั้งสองคนบอกผมว่าไม่ถอนหมั้นแล้วและจะแต่งงานกันเดือนหน้า แล้วอาจารย์ล่ะจะทำยังไงต่อ”
“ก็แต่งกันไปสิ! ยังไงธาราก็ยังเป็นคู่ของฉันอยู่ดี เรื่องนี้มันเปลี่ยนแปลงไม่ได้แล้ว”
“เปลี่ยนได้สิครับ”
“จะให้เปลี่ยนยังไง”
“เปลี่ยนเป็นผมไงครับ”
อริญชย์สะดุ้งเฮือก “นายหมายความว่าไง”
“ผมจะเป็นคู่ของอาจารย์เอง”
“จะบ้าเรอะ! นายอย่ามาพูดมั่วๆ” อริญชย์พยายามจะผลักตัวเด็กหนุ่มออกไปแต่แขนแกร่งนั้นกอดแน่นจนเขาขยับหนีไปไหนไม่ได้
ธารินก้มหน้าลงฝังจมูกข้างซอกคอขาวแล้วสูดกลิ่นคนในอ้อมแขนจนเต็มปอด วันก่อนไม่ทันได้ดมให้แน่ใจแต่วันนี้มั่นใจมากว่าไม่ผิดแน่นอน “เด็กคนนี้ลูกผมไม่ใช่เหรอ ก็นี่มันกลิ่นผมชัดๆ ... เป็นเพราะคืนนั้นใช่ไหมครับ ที่เราสองคน... ในห้องน้ำ...”
พอหมดคำจะแก้ตัว อริญชย์จึงหยุดดิ้น “นายไม่จำเป็นต้องมารับผิดชอบหรือรู้สึกผิด คืนนั้นฉันเต็มใจเอง”
“ผมไม่ได้ทำเพราะรู้สึกผิด”
“แล้วเพราะอะไร”
“เพราะผมรักอาจารย์”
“โกหก!” อริญชย์ร้องเสียงดัง
“ผมไม่ได้โกหกนะ!” ธารินเถียงกลับเสียงดังกว่า “ผมรักอาจารย์จริงๆ รักตั้งแต่ตอนที่เจอกันวันแรก หลังจากนั้นก็ยิ่งรักมากขึ้นเรื่อยๆ ที่อาจารย์ถามผมว่าทำไมผมถึงไปคอยตามวอแว คอยเอาอกเอาใจ ผมไม่ได้อยากได้เกรดผมอยากได้อาจารย์ต่างหาก อยากได้ทั้งหมดของอาจารย์ไม่ว่าจะเป็นตัวหรือหัวใจ”
“นายก็พูดไปเรื่อย ตอนอยู่ด้วยกันขนาดฉันฮีทแทบตายนายยังไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย พี่นายเสียอีกที่หลงฉันหัวปักหัวปำ ฉันถึงเชื่อว่าเขาเป็นคู่ไง”
“ใครว่าผมไม่รู้สึก!” ธารินจับตัวร่างบางให้หันกลับมาเผชิญหน้าแล้วกดสะโพกให้ส่วนล่างของร่างกายแนบสนิท และเพื่อเป็นการยืนยันให้ชัดเจนเขาคว้ามืออริญชย์ดึงไปสัมผัสตรงเป้ากางเกงที่แม้จะมีผืนผ้าหนาขวางกั้นแต่ก็สัมผัสได้ถึงความร้อนและขนาดของร่างกายที่ขยายใหญ่ขึ้นมา
“เฮ้ย!” อริญชย์ร้องเสียงหลง แก้มขาวค่อยๆ ซับสีเข้มจนแดงไปถึงหู เขารีบชักมือออกแต่ก็ยังโดนร่างสูงบดเบียดสะโพกเข้าหา จะถอยหลังก็ติดอ้อมแขนที่รัดแน่น ตอนนี้เขาจึงทำได้แค่ยืนเฉยๆ ไม่ให้ร่างกายเสียดสีกันจนเกิดความร้อนมากไปกว่านี้
“ผมเก็บกดแทบตายเวลาอยู่กับอาจารย์ อยากขย้ำฉีกเสื้อผ้าออกให้หมดแล้วกลืนอาจารย์ลงไปทั้งตัว แต่ถ้าทำแบบนั้นผมคงต้องโดนอาจารย์เกลียดแน่ๆ ก็เลยต้องทำเหมือนไม่รู้สึกอะไร ผมอยากทะนุถนอมอาจารย์กลัวอาจารย์เจ็บ ไม่อยากทำให้อาจารย์กลัว อยากให้สบายใจเวลาอยู่กับผมไม่ใช่อยู่กับผมแล้วต้องมีแต่เรื่องเซ็กซ์เข้ามาเกี่ยวข้อง อยากให้รู้ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผมก็พร้อมมาหาและจะอยู่กับอาจารย์เสมอ แล้วทำไมผมถึงโดนมองว่าไม่รักอาจารย์ไปได้ล่ะครับ”
อริญชย์เงยหน้าขึ้นมองเด็กหนุ่มแต่แล้วก็ต้องก้มหน้าหนีเพราะบัดนี้สายตาใสซื่อที่เคยเห็นเสมอกลับดื้อดึงและร้อนแรงจนเขารู้สึกว่ากำลังมอดไหม้โดยเริ่มจากตรงพวงแก้มทั้งสองข้าง “น... นายรู้ใช่ไหมว่าโอเมก้าจับคู่แล้วจะมีอะไรกับคนอื่นไม่ได้... เพราะฉะนั้นถ้านายดึงดันจะอยู่กับฉันนายก็จะทำอะไรไม่ได้เลยนะแม้แต่จูบ”
“ผมทนได้” ธารินกล่าวหนักแน่น “ผมทนไม่มีเซ็กซ์ไปตลอดชีวิตได้แต่ผมทนอยู่ต่อไปไม่ได้ถ้าไม่มีอาจารย์ ขอโอกาสให้ผมพิสูจน์ตัวเองให้อาจารย์เห็นได้ไหมว่าผมรักอาจารย์จริงๆ รักไม่น้อยกว่าใคร ขอให้ผมเป็นคนที่ได้ยืนข้างอาจารย์นะครับ”
อริญชย์ยืนนิ่ง รู้สึกตัวเองเป็นไอศกรีมที่กำลังหลอมละลายเพราะคำสารภาพรักที่ร้อนแรงและตรงไปตรงมาของเด็กหนุ่ม ตากลมค่อยๆ เลื่อนขึ้นสบสายตาซื่อตรงที่มองมาที่เขาก่อนจะตอบเสียงเบา “แต่ฉันทนไม่ได้น่ะสิ”
เด็กหนุ่มเม้มปากสนิทก่อนจะหลับตาแน่นเพื่อหนีความพ่ายแพ้ที่กำลังเผชิญอยู่เบื้องหน้า เมื่อมือเรียวคล้องลงรอบคอแล้วดึงตัวขึ้นมาหา
“ฉันมันคนเซ็กซ์จัด อยู่กับฉันก็เหนื่อยหน่อยนะ”
“อาจารย์...” ธารินหายใจขัดเมื่อลมหายใจถูกช่วงชิงด้วยริมฝีปากอุ่นโดยไม่ทันตั้งตัว ตามด้วยเรียวลิ้นที่สอดแทรกเข้ามา เขาตอบรับทันทีด้วยการสอดมือเข้าใต้เรือนผมกดรั้งท้ายทอยและรั้งเอวร่างบางรับสัมผัสที่โหยหามาหลายวัน
ทั้งสองจูบกันเนิ่นนานก่อนที่เด็กหนุ่มจะนึกอะไรขึ้นได้จึงรีบผละออกเพราะกลัวจะเป็นอันตรายจากปฏิกิริยาต่อต้านตามที่เคยเห็นมาทั้งคลื่นไส้ อาเจียน หายใจไม่ออกบางคนหนักถึงขั้นชักต้องหามส่งโรงพยาบาล แต่คนเริ่มต้นจูบก่อนนอกจากจะไม่มีอาการผิดปกติใดๆ ยังยิ้มจนตาหวานทั้งที่ยังกัดริมฝีปากล่างของเขาไว้ครึ่งหนึ่ง
“มีปัญหาอะไรเหรอ”
“ทำไม… ไม่มีปฏิกิริยา…”
อริญชย์หัวเราะในลำคอแล้วแกะพลาสเตอร์ที่หลังคอออก ผิวเนื้อตรงนั้นยังคงขาวเนียนปราศจากรอยประทับแสดงความเป็นเจ้าของอย่างที่หลายคนเข้าใจ “แค่โดนยุงกัดแล้วมันแดงน่ะ เลยเอาพลาสเตอร์มาติดไว้แต่ตอนนี้หายแล้วล่ะ”
เด็กหนุ่มหน้าตาเหรอหรายังตามไม่ทันคนอายุมากกว่า แต่พอเห็นสายตาซุกซนกับรอยยิ้มหวานบนริมฝีปากบางรวมทั้งสองมือที่คล้องรอบคอตนไว้แน่น เขาก็รู้ตัวว่าโดนหลอกมาตลอดหลายวันและหลุดหัวเราะออกมาด้วยความโล่งใจ “อาจารย์นี่มันร้ายจริงๆ”
“ไม่ร้ายเข้าบ้านนายไม่ได้หรอก”
เพื่อเป็นการยืนยันว่าไม่ได้ฝันไปธารินก้มหน้าลงจูบคนในอ้อมแขนอีกครั้งซึ่งอริญชย์ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
“อาจารย์ไม่ได้โกรธผมเหรอ”
“โกรธสิ! โกรธมากด้วย!” อริญชย์ว่าพร้อมกับกัดปลายจมูกเด็กหนุ่มเป็นการเอาคืน “โกรธที่นายอ้ำอึ้งไม่พูดให้ชัดๆ ถ้าพูดตั้งแต่วันนั้นเรื่องก็จบล่ะ ฉันก็หลงเครียดอยู่ตั้งนานว่าโดนเด็กมันมาหลอกกินตับ”
“ก็พี่นนท์เพิ่งขู่ว่าอาจารย์โดนพักงานเพราะผม นาทีนั้นใครจะกล้าพูดล่ะครับกลัวเรื่องจะไปกันใหญ่” ธารินบอก “แล้วนี่ตกลงเรื่องมันเป็นไงมาไงกันแน่ครับทั้งเรื่องที่เราไปเที่ยวกันแล้วทำให้อาจารย์โดนพักงาน เรื่องที่จู่ๆ อาจารย์ก็จะมาแต่งงานกับพี่ผม เรื่องท้อง ตกลงมันเกิดขึ้นได้ยังไงครับ ยาคุมไม่ได้ผลเหรอ”
“ดูเหมือนที่ช่วงนี้ฉันมีอาการบ่อยๆ ไม่ใช่เพราะดื้อยาแต่เป็นเพราะมีคนแอบสลับยาน่ะ ฉันเอาไปถามเทียบกับที่คลินิคมาแล้วสรุปว่าไม่ใช่ยาคุมจริงๆ แถมยังเป็นยากระตุ้นไปอีกน่ะ แล้วฉันก็สังสัยว่า...” อริญชย์เว้นวรรคพลางเหลือบตาขึ้นมองผู้ต้องสงสัยรายแรก
“ไม่ใช่ฝีมือผมนะ!” ธารินรีบพูดเสียงดัง
“แน่นะ!” อริญชย์คาดคั้น
ธารินชูสองนิ้วขึ้นในอากาศพร้อมกับกล่าวด้วยท่าทางขึงขัง “สาบานให้เป็นหมันเลย ผมจะทำแบบนั้นทำไมล่ะครับ”
อริญชย์พยักหน้า “ฉันก็คิดแบบนั้นแหละเพราะถ้านายจะมาอึ๊บฉันแลกเกรดจริง การที่ฉันท้องมันยิ่งส่งผลเสียต่อนายมากกว่า”
“ผมบอกแล้วไงว่าไม่ได้คิดแบบนั้น”
“ก็แค่ไล่เรียงเหตุผลให้ฟัง” อริญชย์ว่า “แต่ฉันก็ไม่ได้คิดว่านายทำแต่แรกอยู่แล้วล่ะ”
“เพราะผมจริงใจกับอาจารย์ใช่ไหม”
“โง่ๆ แบบนี้ไม่น่ามีไปปัญหายากระตุ้นแล้วเอามาปลอมฉลากได้เหมือนขนาดนั้นต่างหาก”
“อาจารย์น่ะ” ธารินแกล้งทำเป็นคอตกแต่ถึงอย่างนั้นก็ดีใจที่อาจารย์เชื่อใจเขา “แล้วอาจารย์คิดว่าเป็นใครครับ”
“ยังจับโจรไม่ได้หรอก แต่ก็มีผู้ต้องสงสัยอยู่หลายคนเพราะฉันยังไม่ค่อยแน่ใจว่าเขาจะได้ประโยชน์อะไรจากการที่ฉันฮีทหรือท้อง” อริญชย์ว่า “แต่เรื่องนั้นต้องพักไว้ชั่วคราวเพราะตอนนี้สิ่งสำคัญกว่าคือฉันต้องหาพ่อให้เด็กคนนี้ก่อน”
“อาจารย์เลยคิดจะจับพี่ผมว่างั้น?"
“จับนายน่ะแหละ ไอ้เด็กบ้า!” อริญชย์เอื้อมมือไปจับแก้มเด็กหนุ่มแล้วดึงแรงๆ ด้วยความมันเขี้ยว “นายกับธารานี่เป็นพวกพูดแล้วไม่รู้จักฟังเหมือนกันจริงๆ ฉันเริ่มเข้าใจหัวอกคุณศรที่พูดจนขี้เกียจจะพูดแล้วล่ะ ฉันก็บอกนายจนปากเปียกปากแฉะแล้วไม่ใช่เหรอว่าฉันไม่ชอบหมอนั่น ยิ่งตอนนี้แค่เข้าใกล้ได้กลิ่นโชยมาก็จะอ้วกแล้วจะให้ไปจับคู่ด้วยได้ยังไง”
“อาอาน อ๊มเอ็บอ๊า~”
อริญชย์ดึงเล่นจนสาแก่ใจจึงหยุดมือและเล่าต่อ “แล้วพอพี่นายมาจ้างให้ฉันแต่งงานด้วยเพราะจะหาเรื่องถอนหมั้นคุณศรแลกกับการรับเลี้ยงเด็กคนนี้ไว้ ฉันเลยคิดได้ว่าหรือจริงๆ แล้วสองคนนี้จะชอบกันแต่เป็นพวกปากแข็งทั้งคู่ ถ้าจะเกลียดกันขนาดนี้ถอนหมั้นแต่แรกก็จบไปนานล่ะถึงจะบอกว่าเป็นคำสัญญารุ่นปู่รุ่นทวดก็เถอะ เป็นฉันนะ จะสิบล้านยี่สิบล้านก็บอกมาจะหามาจ่ายให้ครบทุกบาททุกสตางค์ หาไม่ได้ก็หนี ใครมันจะยอมทนแต่งงานกับคนไม่ได้รักวะ บ้าบอ!”
ธารินหัวเราะในลำคอ ต้องแบบนี้สิถึงจะสมเป็นอาจารย์รินของเขา “แล้วไม่กลัวผิดแผนเหรอครับ”
“ไม่เลยเพราะฉันมั่นใจมากว่ายังไงนายก็ชอบฉัน แต่อาจจะแค่ยังไม่รู้ใจตัวเองเฉยๆ”
ถึงเจ้าตัวจะพูดด้วยท่าทีมั่นอกมั่นใจจนน่าหมั่นไส้ แต่นาทีนี้อาจารย์จะพูดอะไรธารินก็คิดว่าน่ารักไปหมดแล้ว
“แล้วอาจารย์ไม่กลัวโดนไล่ออกเหรอครับ”
“แค่ท้องไม่ใช่ความผิดที่จะมาไล่ออกกันได่สักหน่อย ถ้าจะโดนก็คงเพราะไปยุ่งกับเด็กนักเรียนมากกว่า แล้วฉันก็ไม่แคร์ด้วย ออกจากที่นี่ก็ไปหางานที่อื่นทำก็ได้ ความสามารถระดับฉันมีโรงพยาบาลหรือคลินิครอต้อนรับอีกเยอะ”
“แต่อาจารย์ทุ่มเทแทบตายกว่าจะมาทำงานที่นี่ได้นะครับ”
“ก็พังเพราะความอยากของตัวเองจะโทษใครได้ล่ะ” อริญชย์ไหวไหล่อย่างช่วยไม่ได้ “แต่ถ้าพี่นายยอมช่วยฉันตามที่รับปากไว้จริง ฉันก็สบายเลยเพราะบ้านนายเป็นVIPของโรงพยาบาล แค่เขาเอ่ยปากคำเดียวใครจะกล้าหือ เจ้าล้านนี่ไม่ต้องพูดถึงขี้ประจบสอพอขนาดนั้นเผลอๆ จะพลิกลิ้นมาคอยพาฉันไปฝากท้องทุกเดือน นี่เป็นอีกเหตุผลที่ฉันยอมรับข้อเสนอของเขามาหลอกคุณศรเผื่อว่าแผนจับนายพลาด”
“ผมขอถามตรงๆ ได้ไหมครับ อาจารย์เคยคิดจะทำแท้งไหม... สักแวบหนึ่งที่คิดแบบนั้นน่ะมีไหมครับ”
“ไม่นะ” อริญชย์ส่ายหน้าก่อนจะก้มหน้าลงมองท้องตัวเองแล้วลูบเบาๆ “ความผิดพลาดของฉัน แต่ไม่ใช่ความผิดของเด็กคนนี้... เออ ที่ฉันบอกว่าจะมาจับนายน่ะ ไม่ได้หมายความว่าจะมาจับให้แต่งงานด้วยหรือบังคับเป็นพ่อนะ ฉันก็แค่อยากพิสูจน์ทิฐิบ้าๆ ของตัวเองที่ไม่คิดว่าจะมองคนพลาดน่ะ เด็กคนนี้ฉันเลี้ยงของฉันคนเดียวได้... ถึงตอนนี้จะยังจินตนาการภาพตัวเองตอนให้นมลูกไม่ออกก็เถอะ แต่เดี๋ยวมันก็ผ่านไปได้แหละหนักกว่านี้ยังผ่านมาแล้วเลย... เพราะฉะนั้นทั้งหมดที่นายพูดมาเมื่อกี้น่ะไม่ต้องทำจริงๆ ก็ได้นะ แค่นี้ฉันก็ดีใจแล้วล่ะ”
ธารินกวาดตามองคนตรงหน้าถึงสีหน้าจะเต็มไปด้วยความมั่นอกมั่นใจแต่ลึกลงไปในแววตากลับเต็มไปด้วยสั่นไหวและมีความกังวลหลายๆ อย่างที่เจ้าตัวไม่ยอมเปิดเผยให้ใครได้เห็น
“นั่นนายจะทำอะไรน่ะริน” อริญชย์ร้องถามด้วยความตกใจเมื่อจู่ๆ เด็กหนุ่มก็นั่งคุกเข่าลง
“ไม่ต้องห่วงนะครับอาจารย์” ธารินบอกพร้อมกับคว้ามือทั้งสองข้างมากุมไว้ “ผมจะรับผิดชอบทุกอย่าง ตอนฝากท้องผมจะพาไปฝากเองไม่ต้องลำบากคนอื่น โครงการคุณพ่อคุณภาพผมก็จะไปเข้าด้วยทุกคลาส ชื่อพ่อในใบสูติบัตรก็ต้องเป็นชื่อผมอย่าเว้นว่างไว้หรือไปเอาชื่อคนอื่นมาใส่นะ พอลูกเกิดมาไม่ว่าจะอาบน้ำเปลี่ยนผ้าอ้อมพาไปฉีดวัคซีนผมก็จะเป็นคนทำให้เอง แล้วทั้งหมดนี้ก็ไม่ใช่เพราะความจำใจแต่เป็นความเต็มใจครับ”
“นายก็พูดเวอร์ไป ถ้างั้นก็มาทำคลอดเองด้วยเลยไหมล่ะ”
“ถ้าอาจารย์อนุญาตก็ไม่มีปัญหาครับ นี่ถ้าแพ้ท้องแทนได้ผมก็จะทำให้ด้วย หมู่นี้คลื่นไส้ก็เลยกินอาหารไม่ค่อยลงใช่ไหมละครับ”
“ทำเป็นรู้ดี”
“รู้สิครับซูบไปตั้งเยอะ ปกติกอดเต็มมือกว่านี้”
“ก็อุตส่าห์กินไอศกรีมที่นายซื้อมาชดเชยให้วันละสิบลูกแล้วไง”
“รู้ด้วยเหรอครับว่าเป็นผม”
“ไม่ใช่นายแล้วจะเป็นใครที่ดูแลฉันดีขนาดนี้” อริญชย์บอก “ขอบใจนะ แล้วก็ลุกขึ้นได้แล้ว”
“ผมยังพูดไม่จบเลย”
“จะพูดอะไรอีก”
“คบกันนะครับ”
“อะไรของนายเนี่ย”
“ผมแค่อยากทำให้มันถูกขั้นตอน” ธารินบอก
“เราสองคนมันผ่านขั้นนั้นไปเยอะแล้วนะ”
“ก็อยากทำให้ครบครับ” ธารินยืนยัน “แล้วอาจารย์จะตอบว่ายังไงครับ”
อริญชย์มองตาเด็กหนุ่มกับมือที่จับไว้แน่นแล้วจึงพยักหน้า “อือ”
“ขอบคุณนะครับ” ธารินฝังริมฝีปากลงบนหลังมือที่กุมไว้ก่อนจะรั้งเอวบางเข้ามาใกล้แล้วจูบเบาๆ ลงบนหน้าท้อง “ผมสัญญาว่าจะดูแลทั้งสองคนอย่างดีที่สุดเลยครับ”
อริญชย์รู้สึกร้อนวาบไปทั้งหน้าคล้ายๆ กับว่าน้ำตามันจะไหลจนต้องตีมือรัวๆ ลงบนบ่ากว้างแก้เขิน “รินพอได้แล้ว ลุกขึ้นยืน”
ธารินยอมลุกขึ้นแต่ยังไม่ยอมปล่อยมือที่โอบไว้และจูบลงข้างขมับคนอายุมากกว่าก่อนจะค่อยๆ เลื่อนลงมาตามแนวสันจมูกจนมาถึงริมฝีปากบางที่เผยอรับทันที
“อาจารย์ครับ”
“มีอะไร”
“เข้าห้องกันไหมครับ”
อริญชย์อมยิ้มกรุ้มกริ่ม เขาเหลือบตามองคนอายุน้อยกว่าที่จ้องเขาไม่วางตาก่อนจะวางมือลงบนบ่าลาดแล้วเขย่งตัวขึ้นไปกระซิบที่ข้างหู “เอาท์ดอร์ก็โอเคนะ”
“คิดลึกอีกล่ะ” ธารินว่าพลางดึงตัวร่างบางที่กำลังงับใบหูเขาเล่นออกห่าง “นี่เริ่มมืดแล้วผมจะชวนไปนอนพักต่างหากครับ คนท้องนอนดึกมากไม่ดีนะครับ”
“เป็นอะไรกันทำเป็นมาสั่ง”
“อยากได้คำตอบว่าเป็นผัวหรือเป็นพ่อของลูกล่ะครับ”
อริญชย์ฟาดมือลงอกกว้างดังเพี๊ยะ! “เป็นเด็กเป็นเล็กดูพูดจาเข้า”
“แล้วผิดตรงไหนล่ะครับ… ไปครับ ไปนอนได้แล้ว”
“ท้องไม่ใช่ข้อห้ามของการมีเซ็กซ์ซะหน่อย” อริญชย์ว่า
“ผมรู้ครับ” ธารินบอก “แต่ผมเป็นห่วง”
อริญชย์ย่นปาก ไอ้เด็กบ้านี่ทั้งกอดทั้งจูบเขาจนสะท้านไปทั้งตัวแล้วจะมาตัดบทไล่ไปนอนเฉยๆ เนี่ยนะ เขาตวัดตาลงมองต่ำก่อนจะยกมุมปากขึ้นยิ้มเมื่อเห็นว่าคนปากแข็งกำลังแกล้งทำเป็นอดทนจึงค่อยๆ เลื่อนมือลงไปตามแผงอกกว้าง ต่ำลงไปจนถึงส่วนที่ยังคงร้อนรุ่มเพียงแค่เค้นคลึงเบาๆ เขาก็รับรู้ได้ถึงความอดทนที่กำลังจะขาดสะบั้น
“อาจารย์… อย่าครับ”
“ฉันอยากรู้ว่ารินที่ไม่อดทนน่ะมันเป็นยังไง ช่วยแสดงให้ฉันดูหน่อยสิ”
อริญชย์หอบหายใจแข่งกับเสียงหัวใจที่เต้นรัว ปลายเท้าเกร็งจิกลงบนเตียงจนผ้าปูยับย่นในขณะที่ปลายเล็บฝังแน่นลงบนแผ่นหลังกว้างของคนที่ทาบทับอยู่บนตัว ผิวกายของเขาร้อนรุ่มและชุ่มไปด้วยเหงื่อ กลิ่นกายหอมกรุ่นปะปนกันคละคลุ้งอยู่ในอากาศช่วยเป็นแรงกระตุ้นให้ต่างฝ่ายต่างขยับสะโพกเข้าหากันครั้งแล้วครั้งเล่า
หลังจากผลักประตูเข้ามาในห้องเด็กหนุ่มก็จู่โจมเขาด้วยจูบที่ร้อนแรงกว่าทุกครั้งและพอเขารู้ตัวอีกทีกางเกงก็ถูกเหวี่ยงหายไปไหนไม่รู้ร่างกายส่วนล่างเปียกแฉะพร้อมรับการสอดใส่ แล้วพอเด็กหนุ่มฝังร่างเข้ามาทุกอย่างก็ดูพร่าเลือนไปหมดราวกับลอยอยู่ในปุยเมฆที่มีพายุพัดโหมอยู่ด้านใน
“อ๊ะ! ริน… ฉันรู้สึกเหมือนกำลังจะตายเลย”
“ข… ขอโทษครับอาจารย์” ธารินหยุดพักแล้วใช้สองมือกอบกุมใบหน้าขาวให้หันมาหา ตากลมฉ่ำน้ำตาจนเขาต้องรีบจูบซับน้ำตาให้ “อาจารย์เป็นไงบ้าง เจ็บตรงไหนครับ”
อริญชย์ปรือตาขึ้นมองเด็กหนุ่มแล้วตอบด้วยเสียงสั่นพร่า “ไม่ได้เจ็บแต่เสียว”
“แต่เมื่อกี้อาจารย์บอกว่าเหมือนจะตาย”
“ฉันหมายถึงสำลักความสุขจนจะตายต่างหาก”
ได้ยินดังนั้น ธารินก็นึกอยากขย้ำให้สำลักความสุขตายจริงๆ สักที
“แล้วนี่หยุดทำไมทำต่อเร็วๆ เข้า กำลังดีเลยเชียว”
“ไม่ทำแล้ว กลัวอาจารย์ตาย” ธารินพูดหน้าตาเฉยทั้งที่ยังสอดค้างอยู่ในตัวร่างบาง
“ไอ้เด็กบ้า! นายนี่มันแสบจริงๆ” อริญชย์ค้อนขวับเข้าให้ เขายกขาขึ้นตีก้นแน่นๆ นั่นเป็นการแก้แค้นที่โดนแกล้งก่อนจะร้องเสียงหลงเมื่อเด็กหนุ่มถอนออกแล้วสอดกลับเข้ามาด้วยความรวดเร็วจนมิดด้าม “อ๊ะ!”
“แบบนี้ใช่ไหมครับที่อยากได้น่ะ” ธารินถามยั่ว เขาสอดมือเข้าใต้สะโพกมนแล้วกลับมาขยับอีกครั้งด้วยจังหวะที่ดุดันกว่าเดิม
“ใช่” อริญชย์โอบมือรอบแผ่นหลังกว้างแล้วยอมให้เด็กหนุ่มพาไปจนสุดทาง
ธารินพลิกตัวนอนหงายแล้วสอดแขนเข้าใต้ตัวร่างบางเตรียมจะกอด แต่อีกฝ่ายที่ยังไม่มีทีท่าจะหมดแรงก็ตะกายขึ้นมานอนพาดบนอกเขาเสียก่อนจนตั้งตัวรับแทบไม่ทัน
“นี่รินสัญญา ไม่สิ! สาบานมาเดี๋ยวนี้เลยนะว่าต่อไปจะไม่อดทนอีก”
“ทำไมล่ะครับ”
“ก็เพราะมันดีมากเลยน่ะสิ ครั้งก่อนว่าดีแล้วครั้งนี้ยิ่งสุดยอดเลย” อริญชย์ซุกหน้าลงสูดกลิ่นหอมของแสงอาทิตย์ที่ดูเหมือนจะเสพติดมากขึ้นทุกวัน เคยได้ยินแต่อัลฟาหลงกลิ่นโอเมก้า น่าตลกดีที่ตอนนี้เขากลับรู้สึกกลับกัน
ธารินหัวเราะในลำคอพลางจ้องมองคนที่เกาะตัวกลมอยู่บนหน้าอกเขา สำหรับคนอื่นๆ อาจจะเรียกอริญชย์ว่าเป็นกระต่ายเพราะผิวขาวตัวเล็กนุ่มนิ่มน่ากอด หรือเป็นเพราะเล่นละครเป็นกระต่ายขี้เซาตามที่เด็กๆ แซวแต่สำหรับเขาแล้วสิ่งที่ทำให้นึกถึงนอกจากความน่ารักคือแรงดึงดูดทางเพศกับความหื่นที่พร้อมจะมีเซ็กซ์ได้ตลอดเวลา
“อาจารย์ครับ”
“อะไร”
“อาจารย์คิดยังไงกับผม”
“คิดว่าเป็นพ่อของลูกไง”
“ไม่ใช่แบบนั้นสิครับ ผมอยากรู้ว่าอาจารย์รักผมบ้างหรือเปล่า ในเมื่ออาจารย์เคยบอกว่าไม่ชอบเด็ก ที่อาจารย์ยอมตกลงคบกับผมเพราะผมสารภาพรักหรือเพราะอาจารย์รักผมจริงๆ ครับ”
อริญชย์แสร้งทำเป็นครุ่นคิดอยู่อึดใจก่อนจะตอบด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ “เรียนจบแล้วจะบอก”
“ขอเป็นของขวัญแลกเกรดในการสอบกลางภาคนี้ไม่ได้เหรอครับ”
“ไม่ได้หรอกเพราะฉันวางแผนไว้แล้วว่าจะให้อะไรนาย”
“อีกตั้งสองปีเลยนะครับกว่าจะจบน่ะ”
“แล้วนายรอได้ไหมล่ะ”
“ได้ครับ”
“งั้นก็รอไป”
“อาจารย์น่ะ…”
เห็นเด็กหนุ่มทำหน้าหงอยอริญชย์ก็อดหัวเราะด้วยความเอ็นดูไม่ได้ เขายกตัวขึ้นเล็กน้อย เอามือยันคางไว้ข้างหนึ่งแล้วจับหน้าคนกำลังน้อยใจให้หันมาสบตา “ฟังนะริน คนอย่างฉันถ้าไม่เต็มใจคือไม่ทำเด็ดขาด สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับนายตอนนี้คือเรียนให้จบ เข้าใจนะ”
“รู้แล้วครับ ไม่เห็นต้องมาวางมาดอาจารย์เอาตอนนี้เลย” ธารินพึมพำ
“มีเด็กกำลังงอนหนึ่งอัตรา”
“ไม่ได้งอนครับ แค่น้อยใจ”
“โถ~ โถ~ โถ~”
ธารินหันหน้าหนี อริญชย์ไม่ได้พูดอะไรอีกนอกจากขยับตัวเล็กน้อยอยู่บนหน้าอกเขา เมื่อความเงียบค่อยๆ โรยตัวลงมาเขาก็รู้สึกว่าตัวเองต้องเป็นฝ่ายง้อจึงหันหน้ากลับมา แล้วก็พบว่าอริญชย์เขยิบขึ้นมาใกล้และจ้องมองเขาอยู่ ระยะห่างที่ปลายจมูกปัดกันไปมาทำให้คลื่นความร้อนที่สงบไปแล้วค่อยๆ ก่อตัวขึ้นอีกครั้ง
“ริน”
“ครับ”
“อีกรอบไหม”
คำถามที่มาพร้อมกับรอยยิ้มหวานทำให้เด็กหนุ่มหมดแรงจะขัดขืน
“ก็ได้ครับ”
เขาตอบตกลงแล้วฉกกลีบปากหวานที่อ้ารออยู่มาครอบครองก่อนจะพากันลอยละล่องไปอีกครั้ง
*************
แชทที่เจ้ารูกหมาใช้เต๊าะอาจารย์หมอของเค้าค่ะ
https://www.readawrite.com/a/d86b591a6c46b1aadcb3eb88b98b56bd