my dangerous fire
รัก ร้อน เรา
ตอน 1 เก้ง begin
geng's
ผมชื่อ'เก้ง' กรกฎา นักเรียนชั้น ม.5 โรงเรียนมัธยมชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร
อาคารชีวะ ห้องประจำสำหรับ ม.5/1
โชคดีที่อยู่แค่ชั้นล่างติดบันไดทางใกล้เข้ามุมอาคารแค่นี้
อาการเจ็บแปลบจากการฉีกขาดช่วงล่างไม่รวมไข้ขึ้นตัวร้อน
นาทีนี้รู้สึกแย่จนอยากจะอาเจียน มึนงง ปวดหัวพื้นหมุนไปหมด
นอกจากจะเดินลำบากยังทำให้รู้สึกว่าเช้านี้โต๊ะประจำช่างอยู่ไกลเหลือเกิน
เพราะอะไรน่ะหรือ...
"ไหวมั้ย?" ยังมีหน้ามาถาม
"..." ผมเบ้หน้าอยากจะอ้วกแต่กลิ่นกายคนตัวสูงช่วยหิ้วปีกแนบชิดช่างน่าพิสมัย
ดึงดูดให้ชวนสูดกลิ่นเข้าเต็มปอดมากกว่าทุกวัน
แม่ม! ไอ้เลวนี่มันทำระยำกับกูยังวิสาสะเป็นปลิงส่วนตัว ให้อภัยไม่ได้เด็ดขาด
"เฮ้! เฟรม เก้งด้วย มึงสองตัวโดดซ้อมเช้านะเว้ย" เก็ททักเสียงดังเข้ามา
สัมภาระเต็มหอบ กระเป๋านักเรียนสอง ถุงเป้ชุดกีฬาใบใหญ่
"เออ..." ร่างสูงกลับรับคำซะงั้น มึงตอบเพื่อนก็ปล่อยมือจากเอวกูซิวะ
"จะทุกจันทร์เลยนะเดี๋ยวนี้น่ะ กูขี้เกียจโกหกจารย์โค้ชให้อีกล่ะ"
"ว่า?" ไม่ใช่ผมหรอก กรกฎาไม่มีแรงตอบ แดดมันร้อน
"กูบอกว่าเก้งป่วย อ้าวเชรี่ย ป่วยจริงดิ เก้งเป็นไรวะหน้าซีดๆ" เก็ทเข้าสำรวจผม
จ้องมองราว ตม. ตรวจหาของผิดกฏหมายต้องสำแดง
จะยื่นมือมาจับโดนคนตัวสูงใหญ่กว่าเข้าขวางฉับ ซ้ำเหวี่ยงผมหลบหลังแรงเกือบตะครุบกบ
-------------
โย่! ถึงห้องซะที (=0=)
เก็ทเป็นกัปตันทีมบาสเกตบอล หัวหน้าห้อง ประธานสภานักเรียน
ตามจริงประธานนักเรียนต้องพ่วงตำแหน่งประธานสารวัตรด้วย แต่เพื่อนใช้อำนาจบาตรใหญ่
ยกหน้าที่ประธานสารวัตรนักเรียนให้เต๋า เพื่อนในห้องอีกคนไป
"นี่ไม่สบาย" เฟรม
"อ้าวเหรอ ไม่สบายไปหาหมอยัง ตาโหลแบบนี้มีแรงรึเปล่านั่น" เก็ท
"..." เฟรมไม่ตอบ ยกกระเป๋าทั้งหมดของมันและผมกั้นเป็นคอกขังกูอีกล่ะ
พ่นลมหายใจ ทรุดนั่งเก้าอี้เกือบด้านหลังที่ประจำ
"เพลาๆ หน่อยนะเว้ยเรื่องนั้นน่ะ จารย์หมอนศรีจับตาดูอยู่ เพิ่งเตือนพวกกูไปเมื่อต้นเทอมเมื่อกี้" เก็ทส่งสายตาดุดันเล็กน้อย
เอ่ยอ้างพาดพิงเล็กๆ เรื่องฮอบบี้ผิดระเบียบสังคม
ในเวลากลางคืนวันศุกร์-เสาร์ของพวกเราเอง เรื่องซิ่งรถแข่ง
"กูรู้น่า เก็ท"
"เออ รู้ก็ดี" เท่านั้น สองคนนี้ไม่พูดมากความ
เก็ทมองลอดบังเกอร์สัมภาระมาที่ผม อดหลบวูบเป็นวัวสันหลังหวะ ความผิดติดจุกคอหอย
เพื่อนตี๋ร่างสูงหล่อเหลาสะอาดสะอ้านที่ผมมักเผลอไผลมองเห็นด้วยสว่างไสวเจิดจ้า
นาทีนี้เสมือนตัวเองแปดเปื้อนโคลนดำมีมลทิน
กำแพงล่องหนขยายใหญ่กั้นกลางระหว่างผมกับเก็ทให้ไกลห่างจนเกินเอื้อมมากยิ่งขึ้น
...ช่างน่าเจ็บใจเหลือเกิน
---------
"ฝากบอกทรายด้วย กูไปตรวจราชการพวกสารวัตรประตูหน้าแล้วประชุมต่อ เข้าช้าบอกเคารพก่อนเลย"
เก็ทจะผละไปทำหน้าที่ ฝากบอกทรายเพื่อนผู้หญิงรองหัวหน้าห้องรับช่วงต่อ
"อืม" เสียงเฟรมยืนคุมผมไม่ขยับไปไหน จังหวะสวนกับเพื่อนอีก 2 คนเขามาในห้องพอดี
"บี มาพอดี เอาถุงขนมมานี่ ไปด้วยกันก่อน" เก็ทฉวยของกินจากมือเพื่อนผู้ชายตัวเตี้ยกว่าผม...บี
กระเป๋าอย่างอื่นเก็ทหิ้วมาวางไว้ให้ก่อนหน้าแล้ว
เหมือนผม...มีเบลล์บอยเจ้าประจำดูแล
"ไปไหน ไม่ไป" บีเลียไอติมโบราณแท่งสีชมพูแต่เช้า
"อีก 15 นาทีจะเข้าแถว เร็ว! ไปเป็นเพื่อนหน่อย มึงด้วยมั้ยลม?" เก็ทลากแขนบีพร้อมเอ่ยถามเพื่อนอีกคน
"ไม่ กูยังไม่เก็บสนูปี้" ลมปฏิเสธ เลี่ยงเดินออกไปโต๊ะติดหน้าต่าง
แถวก่อนหน้าผม 2-3 ช่วงโต๊ะ ปล่อยบีไว้กับเก็ท
"ประชุมห้องจารย์หมอนศรีปกครองน่ะเหรอ ไม่ไปหรอก ม่ายอ๊าว!" บีงอแงกับเก็ท
"เร็ว โซบะตอนเที่ยง" เพื่อนตี๋หล่อยื่นข้อเสนอ
"เอาแบบใส่ไข่ดาวรูปหัวใจด้วย ไม่งั้นไม่ไป" โดนเพิ่มออฟชั่น
"โอเช จัดไป ยอม"
"ปล่อยดิไอ้เก็ท เดินเองได้หรอก" บีโดนเก็ทหิ้วไปจนได้
โวยวายแต่สองคนนี้ตัวกันทุกที
--------
----------
เก็ทกับบี ความรู้สึกในอกโหวงวาบในนอก
ให้แปลบปนตะขิดตะขวงใจเล็กๆ เกือบแทบทุกครั้งที่ผ่านมา
แต่หนนี้กลับแปลกออกไป ไม่มีตะกอนขุ่นหลงเหลือ
ซ้ำกลับแปรเปลี่ยนเป็นโปร่งโล่งสบายใจด้วยซ้ำ
อดเงยช้อนมองแผ่นหลังกว้างคนยืนพิงขอบโต๊ะตัวเองไม่ได้
...เพราะมันหรือเปล่า
...เพราะเหตุการณ์เมื่อคืนก่อนหน้า เรื่องมันกับผมหรือไร
หลบเลี่ยงสายตาคมเฉี่ยวหันมาสบตา
หันเห็นอีกคนตัวสูงกว่าผมเล็กน้อยอยู่ตรงนั้น...ลม
ไม่ชอบดวงตาโค้งสวยสองชั้นรับคิ้วเข้มโค้งคันศรได้รูปที่มองมาในเวลานี้ที่สุด
มองเชรี่ยอะไรของมัน
"เก้ง..." ไม่รวมเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยขานนาม
"...?" จะเรียกทำไม
คนที่ผมเกลียดปนริษยาอย่างที่สุด
นับตั้งแต่วินาทีแรกที่พบเจอ ณ โรงเรียนแห่งนี้
คนที่ไอ้เฟรมลอบมอง
คนที่รูปร่างหน้าตาคล้ายผมแต่ระดับความนิยมเกินกว่า
...เกลียดมาก
...กูเกลียดชังไอ้คนนี้...ลมเหนือ
"เก้งไม่สบายหรือเปล่า เป็นอะไรหน้าซีดๆ"
"...ไรเล่า?" ผมหันหนี เสียงแหบเป็นเป็ดถูกบีบคอจากการอาการไข้ขึ้น
จนตัวเองแปลกใจ
"แล้วนี่รอยอะไร!?"
"อะ!" สะดุ้งซิ
"ไหนดู!" ลมร้อนรนจนตระหนก
"โอ๊ะ! โอ๊ย อะไรเนี่ย" ผมเสียงหลง
ไม่นึกฝันว่าลมร้ายจะพุ่งเข้ามาเอื้อมจับเนื้อตัว
เปิดดึงคอปกเสื้อนักเรียน
กระชากชายเสื้อหลุดจากเข็มขัดแรงจนเกือบกระชากรังดุมขาด
เลิกเนื้อผ้าขึ้นสูงถึงหน้าท้อง
อ้อมหลังกดร่างผมเข้าหากระทั่งใบหน้าปะทะลิ้นปี่คนยืน
ได้กลิ่นขมิ้นชันกับดอกมะลิจางๆ จากผิวกายของมัน
(0-o) ฉิบหาย รอยแดงที่คอ ไม่รวมตำแหน่งในร่มผ้า
มันจะรู้หรือไม่รู้จริงกันแน่ เก้อกระดากปนเขิน ผสมหวาดผวาจับจิต
"เฮ้ย! ทำบ้าอะไรวะ?" ไอ้คนที่คุณก็รู้ว่าใคร
"กูต้องต่างหากที่ต้องถาม มึงทำบ้าอะไรวะ!?" ลมไม้ได้พูดกับผม ตะคอกอีกคนต่างหาก
เชรี่ยล่ะ! ไอ้ลมตะคอกเฟรม
ลมดึงเสื้อผ้าผมกลับคืนเดิม
เผลอกระชากกลับรุนแรงอับอายปั่นป่วนสับสน อยากหายไปจากโลกนี้
"กู..." เฟรมเสียงแหบติดขัดจนอดหันไปมองไม่ได้ แล้วก็...
(((โครม!)))
แผ่นหลังใหญ่กระแทกตู้เก็บอุปกรณ์วิทย์
บรรดา หลอดแก้วใส ตะเกียงน้ำมัน ถ้วยตวง
กรวยกลมต่างๆ นานาแข่งกันดังตะโกนกริ๊งแกร๊ง
กระทบกระทั่งกันเองจนกลัวว่าจะแตกหักเสียหาย
เพื่อนกว่า 10 คนในห้องเงียบกริหันมามอง
สภาพลมตัวเตี้ยกว่าเล็กน้อยกำคอเสื้อเฟรมหุ่นนักกีฬาบาสสูงใหญ่ที่ระดับ 180 ซม.
ดันติดตู้กระจกเตรียมง้างกำปั้นท้าตีต่อย---แม่เจ้า!
"อะ!" ผมตะลึงงัน
ลมโรคจิตหวงตัวไม่ยอมให้ใครจับง่ายๆ ยกเว้นเก็ทกับบีและอีกไม่กี่คน
นับจำนวนหัวได้ไม่เกิน 5 ทว่าวินาทีนี้ตัวติดไอ้เฟรมซ้ำขึ้นกู-มึง
"...กูเคยพูดอะไรกับมึง จำได้มั้ยเชรี่ยเฟรม!?" ลมเบาราวกระซิบหากแต่ไม่เคยเหี้ยมเท่านี้มาก่อน
"ก็...นั่นนะ" เฟรมอึกอัก
"กูต้องคุยกับมึง เดี๋ยวนี้ ตาม-มา!" ลมผละห่าง ก้าวนำที่ประตู
"แม่งเอ๊ย!" ไอ้เลวนั่นสบถหลบตาผมก่อนก้มงุดตามออกไปนอกห้อง
........
บ้าไปแล้ว นี่มันเกิดอะไรขึ้น ผมทรุดนั่งมึนงงกับเหตุการณ์
พักยกแค่ครู่เดียวเอกกับโจโจ้เพื่อนสนิทในกลุ่มก็เข้ามา
"อ้าวเก้ง ไอ้เฟรมล่ะ" เอก
"ทำไมกูเห็นมันคุยกับลมตรงนั้นได้วะ" โจโจ้มองลอดบานเกล็ดกระจก
ทะลุระเบียงทางเดินไปยังอาคารแสดงงานศิลปะข้ามสระน้ำเล็กๆ ด้านโน้น
ตรงนั้นโล่งไม่ค่อยมีคนผ่าน มองจากที่ไหนๆ ก็เห็นว่าทำอะไรกันอยู่
เราจดจ้องราวเห็นของแปลกด้วยสองคนไกลๆ นั้นท่าทางดุดันเกิน
"มีเรื่องอะไรวะ" โจโจ้ก่อน
"แปลกว่ะ ร้อยวันพันปีเสือกคุยกันได้ซะงั้น วันนี้ฝนท่าจะตกทั่วกรุงเทพ" เอกตั้งข้อสังเกต
"..." ใช่ ร้อยวันพันปี
"นี่กูตกข่าวเหรอวะ รู้มั้ยเก้ง สองคนนั่นมีเรื่องอะไรกัน?" โจโจ้จอมเจือก
"ช่างดิ!" ผมไม่สน ปวดหัวอยากนอน ทิ้งหัวหนุนแขนกับโต๊ะ
ลอบมองเลยผ่านสวนป่าโปร่งโล่งต้นไม้สูง
ไม่มีสรรพเสียงใดๆ ลอดมาให้ได้ยิน
แต่อาการทั้งคู่ยืนเท้าประจันหน้า บ่งบอกว่ากำลังห้ำหั่นกันอยู่กลายๆ
"อ้าวเฮ้ย! มีผลัก เชรี่ยแหล่ะเฟรมยอมได้ไงวะ" โจโจ้จับจ้อง
"มันคุยกันดีๆ หรือจะวางมวยกันแน่วะนั่น" เอกไม่ละสายตา
"กูว่าที่ไอ้เฟรมทำทิวป์แตกวันก่อนชัวร์ แต่แม่ม! เรื่องแค่นี้เนี่ยนะ" โจโจ้พาดพิงงานกลุ่ม
ทดลองชีววิทยาเลี้ยงสาหร่ายในวิชานี้
ตั้งเรียงรายบนระเบียงทางเดินรับแสงแดด
ผม เฟรม เอก โจโจ้ เต๋าและลมรวม 6 คน
ส่วนเก็ทกับบีมาช้าเพราะยุ่งประชุมสภานักเรียนจึงหลุดไปอยู่กลุ่มอื่น
นักบาสมือใหญ่สอดหลอดใสลงช่องสแตนเลสเล็กๆ ไม่ระวัง
ก้นแก้วกระทบแตกร้าวน้ำรั่วตั้งแต่วันแรกต้องรื้อตั้งการทดลองใหม่
ทำให้กลุ่มเราสรุปผลช้ากว่ากลุ่มอื่น 1 วัน
"หึ!" ผมเยาะกึ่งลำพองเล็กๆ
ก็ดี ลมเทพสีขาวโดนติฉินให้มัวหมองซะบ้าง ถึงจะเข้าใจผิดก็ตามทีเถอะ
----------
------------
ชั่วครู่เดียวแค่ 10 นาทีกว่าๆ เพลงมาร์ชเปล่งเสียงตามสาย
สัญญาณเรียกเข้าแถวหน้าเสาธงดังขึ้น
ไม่อยากเลย...กฏเกณฑ์สังคมตีกรอบให้เดินตามในทิศทางเดียวกัน น่าเบื่อชะมัด
"เก้ง ไหวมั้ย มีไข้อยู่หรือเปล่า?" แปลก ลมย้อนกลับมาที่ห้อง ทำไมไม่ไปเข้าแถว
"ไม่ อย่ามายุ่ง" ผม
"ไม่อยากยุ่งแต่มันจำเป็น ไปนอนห้องพยาบาลปะ"
"ไม่เอา ไม่ต้อง!" ผมสะบัด
"เก้ง...ลุก" อีกเสียงทุ้มนุ่มตามเข้ามาเอ่ยอ่อนโยน
"ฮึ่ม!" ความโกรธขึ้งทะลุปรอทแตก
เพราะไอ้สัดหมาบังอาจเห็นดีเห็นงาม
ทว่าร่างกายอ่อนแอจนมันเข้าช้อนหิ้วร่างกายลุกจากที่ง่ายดาย
"เออกูว่าอยู่ เสียงยังกับเป็ดถูกทับ นี่มึงไม่สบายจริงๆ เหรอวะเก้ง" เอก
"เออ!" กระแทกดังจากคนแบกผม กรกฎาไม่มีโอกาสโต้ตอบหรอก คอเจ็บ
"ไม่สบายยังเงียบไม่บอกกันวะ เดี๋ยวกูไปนอนห้องพยาบาลเป็นเพื่อนมึงดีกว่า" โจโจ้
"ป่วยการเมือง สัด!/โอ๊ย! เชรี่ยเอก" เอกเบิ๊ดเข้าให้โจโจ้ร้องเป็นหมาถูกทับหาง
"ไปกันเถอะ" ลมรอหน้าประตู ปล่อยเฟรมดันเอกหนีไม่ยอมให้เข้าช่วยพยุงผม ห่วงกูทำห่าน
"เอ๊ะ ที่คอมึงเป็นอะไรวะเก้ง?" เพราะหันมาทางนี้เอกเลยเห็น
"..." ผมอึ้ง ไอ้คนโอบผมก็เงียบฉี่ ทีอย่างนี้ละก็นะ
"แมงกัด มันเกา" ลมโกหกสีขาว เดินย้อนกลับมากันผมกับเฟรมออกห่างจากเอกช่างสงสัย
บ้าจริง นี่มันหมายความว่ากระไร เจ้าชายเทพบุตรบริสุทธิ์ผุดผ่องที่ใครๆ ให้สมญา
เวลานี้ทำบ่อประสาทสมองกรกฎารวนเร
"อะไรกัน ทั่วคอเลยนะเว้ย เป็นอะไรมากรึเปล่าวะ" เอกตื้อจะเอาให้ได้
"เฮ้ย! เดินไป อย่าเพิ่งยุ่ง" ไอ้เฟรมกระชับไหล่ผมชิดอกแรงมากจนเจ็บ
ผมมุดซุกหนีคดีอยากออกไปจากที่นี่
แล้วสองคนนั้นก็มีหัวข้อใหม่ ไม่ได้สนใจเราจริงจังเท่าใดนัก
"อ้าวนั่นนิสานี่หว่า โจโจ้ไปเร็ว นิสาคร้าบ!" เอกหน้าม่อกิ้งก่าเปลี่ยนสี
"เอก นี่มึงยังใฝ่อยู่เหรอวะ ห้อง 3 แล้วนะน้องนอมึงน่ะ กอสซิปลงว่าไปเป็นแฟนไอ้พระเอกหนังเรื่องใหม่แล้วด้วย" โจโจ้
สองคนนั้นแยกเดินลงฟุตบาต ปล่อยพวกผม 3 คนอยู่ใต้ซุ้มทางเดิน
"ไม่สน จะใฝ่ไม่ใฝ่กูแค่อยากเอาชนะ"
"โด่! อยากเอาชนะ กูเห็นนิสาเรียกใช้มึงกับไอ้เต๋า เอกคะเอกขา เต๋าคะเต๋าขา แม่มวิ่งหัวทิ่ม" โจโจ้ไม่ละ
ญาดานิสาเพื่อนหญิงห้อง ม.4/1 ปีนี้หล่นไปอยู่ห้อง ม.5/3
ดาราตัวประกอบเพิ่งเลื่อนขั้นเป็นนางรองในภาพยนตร์ที่เพิ่งเข้าฉายเมื่อเร็วๆ นี้
เอกจอมเลื้อยก้อร่อก้อติดตั้งแต่เข้าใหม่ ม.4 นับเป็นปียังไม่ก้าวหน้าแต่ไม่ถอยหลัง
อดนับถือความพยายามไม่ได้
--------------
สุดโคเวอร์เวย์ ลมบอกสองคนให้แยกทาง
"เอกโจโจ้ไปเข้าแถวก่อน เห็นเก็ทมันจะคุยเรื่องซ้อมเช้า"
ก็ดี ไม่อยากให้พวกมันยุ่งกับร่างกายผมเหมือนกัน
"อ้าว อยู่ดีๆ ความซวยมาเยือนซะงั้น" เอก
"กูไม่น่าโหวตเลือกไอ้เชรี่ยเก็ทเป็นกัปตันทีมเลยว่ะ ทั้งหัวหน้าห้อง ประธานนักเรียน ไม่ช่วยแถมยังกดขี่ข่มเหง หมดๆๆๆ" โจโจ้งุบงิบทวงบุญคุณ
"มึงนั่นแหละตื่นสายต้องมาแท็กซี่เอง แล้วจารย์โค้ชช่วงนี้มาคุฉิบ" เอกบ่นเป็นหมีกินผึ้ง
สองคนนั้นยอมเลี้ยวไปเข้าแถว ปล่อยเราสอง อ้อ ลมอีกคนยกขบวนไปอีกทาง
ท่ามกลางนักเรียนมากมายเดินสายไหลหลั่งไปทิศเดียวกัน
เราตัดผ่านกระแสฉีกแยกออกมา
"อีกนิดเดียว ขี่หลังมั้ย" คนตัวสูงหน้าตายโอบกอดแทบสิง
"ไม่อุ้มกูซะเลยล่ะ สัด!" ผมแกล้งท้า
"อยากอยู่แล้ว" ไม่พูดเปล่า
"เฮ้ย ไม่เอา ปล่อย!" ผมผวา
หวั่นไหวกับสายตาผู้คนมองมาหลากหลายอารมณ์ความรู้สึก
ประทุษร้ายการรับรู้ภายในให้บอบช้ำปั่นป่วนท้องไส้จนเกินทานไหว
ช่างน่าขัน คนที่ทำร้ายร่างกาย ทำลายจิตใจ
ทุบกำแพงความเชื่อมั่นกับคำว่ามิตรภาพระหว่างเพื่อนที่ก่อร่างสร้างมาเกือบ 14 ปีที่ผ่านมาพังภินท์
...มันหยามความเป็นชายของผม
...มันหมิ่นศักดิ์ศรีความเป็นคนของผม
...มันขยี้จิตใจ หัวใจของผม...ไอ้ชั่วเฟรม
เวลานี้กลับแตะต้องเนื้อตัวเหมือนเห็นกันเป็นสิ่งของชิ้นเล็กๆ
ดั่งประหนึ่งเด็กตัวน้อยๆ ไร้ทางปกป้องตัวเอง
คว้าหิ้วไปมาง่ายแสนง่ายไม่อาจขัดขืน
ส่วนอีกคนสีขาวเดินใกล้ ไม่แตะต้องไม่มองมาก็จริง
ทว่ามันผู้นี้กลับล่วงรู้ความลับอัปยศ ณ ก้นบึ้งใต้บ่อแห่งความเลวร้ายของผม
ช่างน่าสมเพช
ช่างอ่อนแอเหลือเกิน...กรกฎาเจ้าเอย
ดวงใจปวดหนึบ กดเปลือกตาช้าไม่ทันห้ามสายน้ำไหลพรากอาบหน้า
ได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเองแว่วดังจากที่ไกลแสนไกล...ทุกอย่างมืดดับและพังทลาย
*********************TBC by happy for you
ไม่อยู่ปีเก่าปีใหม่ เจอกัน ศุกร์ 11 มกราปีหน้า
แล้วค่อยมาอ่านจันทร์, พุธ, ศุกร์เสาร์ 4 วัน/สัปดาห์
~~~แฮปปี้นิวเยียร์~~~
ขอให้มีความสุขสวัสดี สมบูรณ์ทั้งสุขภาพกายและใจ
ปรารถนาสิ่งใดขอให้ลุล่วงโดยง่ายโดยพลันโดยทันทีใจนึก/puppyluv
*********
โอ้! รู้หมดเลยว่าเก้งแอบมองเก็ทอยู่ข้างเดียว
อ่านย้อน [my sassy รักนี้บีบวก] ตอน 24 กลับมาแล้ว P.16 reply#455
เก้งสังเกตูเก็ท หวงห่วงเก็ทเล็กๆ แต่ไม่ยอมให้จับตัวทั้งที่ตอนนั้นเป็นอะไรไม่รู้ ไม่เข้าใจตัวเอง
(เรื่องของเก็ทxบี ช่วง ม.4)
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=33920.450