บานกระจกใสที่กั้นไว้ระหว่างห้องสตูดิโอนั้นทำให้เห็นกิจกรรมภายในได้อย่างชัดเจน แกเรนมองเด็กเทรนด์หน้าใหม่ที่กำลังฝึกเดินแบบอยู่ด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งแปลกใจและชื่นชมจนอดไม่ได้ที่จะยืนดูอยู่อย่างนั้น
ร่างสูงใหญ่สง่าผ่าเผยตกเป็นเป้าสายตาได้อย่างไม่ยากเย็น ทั้งลาดไหล่กว้าง ช่วงขาเรียวยาวได้สัดส่วนยิ่งเสริมให้ฝ่ายนั้นดูโดดเด่นขึ้นอีกเป็นเท่าตัว โดยเฉพาะดวงตาคมดุที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเชื้อสายทางตะวันตกยิ่งเสริมให้พีทน่าดึงดูดขึ้นไปอีก เส้นผมสีน้ำตาลเข้มหยักศกเล็กน้อยสื่อถึงความมีชีวิตชีวาของวัยหนุ่มจนคนมองชักจะตาพร่าขึ้นมา
...นี่มันม้ามืดชัดๆเลย..
“เจนนี่บอกว่าเขาเรียนรู้เร็วมาก สอนไปแค่รอบเดียวก็ทำออกมาได้ดี” แกเรนหันไปมองคนข้างกาย ใบหน้าสวยกำลังอมยิ้มเบาบาง นัยน์ตาเปล่งประกายความภาคภูมิใจเอาไว้จนปิดไม่มิด
“เขาเป็นเด็กดีนะ” บอสใหญ่ยืนมองคนที่ก้มหัวขอบคุณเทรนเนอร์ยกใหญ่หลังจากที่โปรแกรมการฝึกซ้อมจบลง
“ครับ...คุณเคย์ก็บอกแบบนั้น” ตลอดหลายวันที่ผ่านมากระแสที่เกี่ยวกับตัวพีทในโมเดลลิ่งนั้นค่อนข้างเป็นไปในทางที่ดี เพราะเจ้าตัวเป็นคนสุภาพอ่อนน้อมถ่อมตน ใครเห็นก็นึกเอ็นดู ฮานะได้รับคำชมไม่ขาดปากจากคนรอบข้างเกี่ยวกับพีททั้งที่เจ้าตัวเองก็ยังไม่รู้เสียด้วยซ้ำไปว่ากำลังเป็นที่จับตามองมากแค่ไหน
“แล้ว...ฮานะล่ะ” แกเรนยิงคำถามใส่โดยไม่ให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัว “คิดว่าเขาเป็นยังไง”
คราวนี้เจ้าตัวไม่แสดงท่าทีแบบเดิมออกมาให้เห็น นัยน์ตาสวยจดจ้องไปยังคนที่หันมามองทางนี้พร้อมกับยิ้มบางเบาไปให้ พีทดูแปลกใจเล็กน้อยแต่พอเห็นว่าเขายืนอยู่ข้างกันฝ่ายนั้นก็ก้มหัวให้เล็กน้อยเป็นการทักทาย
“หมายถึงอะไรเหรอครับ” ฮานะทวนคำถาม
“ก็...ในสายตาฮานะ พีทดูเป็นยังไง”
“เขา...” ริมฝีปากเผลอขบเม้มเข้าหากันเมื่อได้สบเข้ากับนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา “…เหมือนหมาโกลเดนท์ตัวใหญ่”
ได้ยินเพียงเท่านั้นแกเรนก็หลุดขำออกมาจนไม่สามารถหักห้ามตัวเองเอาไว้ได้ ยิ่งเห็นว่าพีททำหน้างุนงงเล็กน้อยก็ยิ่งตอกย้ำว่าอีกฝ่ายเหมือนเจ้าหมาขนทองตัวโตมากแค่ไหน
...ช่างเข้าใจเปรียบเทียบจริงนะ
แต่ก็เหมือนจริงๆแฮะ...ยิ่งตอนที่พีทมองมาทางนี้น่ะ ถ้ามีหูกระดิกพร้อมตีหางนี่ใช่เลย
“ฮานะ” เด็กหนุ่มตัวสูงเดินเข้ามาหาผู้จัดการส่วนตัวของตนด้วยสภาพใบหน้าที่ชุ่มเหงื่อ
“เป็นยังไงบ้าง เหนื่อยหรือเปล่า” ฮานะเงยหน้าขึ้นมองเจ้าเด็กตัวโตที่สูงเกือบแตะสองเมตร ก่อนจะส่งยื่นผ้าเช็ดหน้าไปให้
“นิดหน่อยครับ”
“เด็กหนุ่มๆเนี่ยมีพลังขับเคลื่อนเยอะจังน้า น่าอิจฉาจัง” บุคคลที่สามที่รู้สึกว่าตนเองเป็นคนนอกกะทันหันอดที่จะเอ่ยปากแซวไม่ได้เมื่อเห็นว่าคุณผู้จัดการเอาใจใส่เด็กใหม่เป็นอย่างดี
“ยังไม่แก่เสียหน่อยครับคุณน่ะ” ฮานะหรี่ตามองเจ้านายที่มากล้นไปด้วยเสน่ห์แม้อายุจะอยู่กลางเลขสามแล้วก็ตาม...นี่ถ้าคุณแกเรนยังรับงานอยู่ในวงการละก็บอกได้เลยว่าใครก็เทียบไม่ติด
“มันก็จริงน่ะนะ แต่คงสู้วัยหนุ่มไม่ได้หรอก...เธอว่างั้นไหมพีท” เมื่อเห็นว่าแหย่อีกฝ่ายไม่ได้ผลแกเรนจึงเปลี่ยนไปเล่นงานเป้าหมายใหม่
“พอเลยครับ” ฮานะโบกปัดอากาศไปมาเพื่อยุติการละเล่นปั่นหัวของเจ้านายซึ่งทางคุณแกเรนเองก็ดูจะมีความสุขเสียเหลือเกิน
“แตะนิดแตะหน่อยไม่ได้เลยนะ ขี้หวงจริงเชียว” ใบหน้าสวยเผยรอยยิ้มกรุ้มกริ่มออกมาอย่างไม่น่าไว้ใจ ยิ่งเห็นแววตามองค้อนของอีกฝ่ายก็ยิ่งสนุกไปใหญ่ ก่อนจะรีบยกมือยอมแพ้เพราะกลัวว่าฮานะจะงอนเขาเข้าจริงๆ “โอเค ถ้าอย่างนั้นผมไม่กวนแล้ว ขอตัวไปดูงานต่อก่อนก็แล้วกันนะ”
“ไหนบอกช่วงบ่ายว่างครับ” ฮานะอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้เพราะได้ฟังมาจากเลขาของอีกฝ่ายว่าช่วงนี้คุณแกเรนโหมงานหนักจนแทบจะไม่ได้พักผ่อนเพราะต้องวิ่งวุ่นเตรียมงานสำหรับโปรเจกต์ใหญ่ปลายปีนี้
“แค่แวะไปดูความคืบหน้าน่ะ” แกเรนยิ้ม แต่ก่อนจะเดินจากไปก็ยังมิวายที่จะหยุดพูดกับเด็กเทรนด์คนใหม่ “พีท”
“ครับ คุณแกเรน” เด็กหนุ่มรีบขานรับ
“ต่อไปนี้คงเหนื่อยไม่น้อยเลย ขอบคุณที่พยายามอย่างหนักนะ” มือข้างหนึ่งยกขึ้นวางบนไหล่หนาก่อนจะตบเบาๆสองสามทีเพื่อให้กำลังใจ ประโยคสุดท้ายถูกลดเสียงลงให้ได้ยินกันเพียงแค่สองคน “…ฝากดูแลฮานะด้วย” เสี้ยววินาทีที่สายตาสบประสานความหมายบางอย่างที่ผู้พูดต้องการจะสื่อถึงทำให้คนฟังพยักหน้ารับอย่างเข้าใจโดยบุคคลที่ถูกเอ่ยถึงยังคงไม่รู้ตัว
“คุยอะไรกันน่ะ” ฮานะเลิกคิ้วถามอย่างนึกสงสัยเพราะคิดว่าคุณแกเรนก็คงไม่พ้นแหย่เล่นไปตามนิสัย แต่พอเห็นสีหน้าที่จริงจังของอีกฝ่ายก็อดห่วงขึ้นมาไม่ได้ “เป็นอะไร คิ้วขมวดเชียว”
...คงไม่ถูกคุณแกเรนพูดอะไรแปลกๆให้ฟังใช่ไหมเนี่ย...
“เปล่าครับ” เด็กหนุ่มส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมยิ้มบางเบาออกมาอย่างผ่อนคลาย
“มีพิรุธนะ” ฮานะหรี่ตามองจับผิด...ยิ่งยืนอยู่ใกล้ก็ยิ่งทำให้ต้องเงยหน้าขึ้นคุยกันจนคอแทบจะเคล็ด “พีท”
“ครับ”
“ก้มลงมาทีสิ” นัยน์ตาสวยที่จับจ้องกวาดมองไปรอบข้าง เมื่อพบว่าตอนนี้ทั้งสตูดิโอเหลือเพียงพวกเขาจึงเอ่ยเร่งให้คนตัวสูงกว่าทำตามคำสั่ง “เร็วๆ”
“มีอะไรเหรอครั-”
ประโยคคำถามถูกกลืนหายลงไปเมื่อลำคอถูกอีกฝ่ายโอบคล้องก่อนจะออกแรงกดจนใบหน้าของทั้งคู่แนบชิด ริมฝีปากอุ่นนุ่มที่ยังคงมีรสขมของนิโคลตินเจือจางประทับลงข้างมุมปากแผ่วเบาก่อนจะขบเม้มกันอย่างอ้อยอิ่ง รู้ตัวอีกทีฮานะก็เคลื่อนใบหน้าออกห่าง ริมฝีปากสีสดที่อยู่ในระดับสายตาถูกเจ้าตัวเม้มเอาไว้จนขาวซีด
“วันนี้เธอเก่งมาก” ใบหน้าสวยยิ้มบางเบาในแววตาคู่นั้นดูภูมิใจในตัวเขาเป็นอย่างมาก แต่ถ้าหากตาไม่ฝาดและนึกเข้าข้างตัวเองจนเกินไปเขารู้สึกว่าฮานะกำลังหน้าแดง...
“นี่...ถือว่าเป็นรางวัลหรือเปล่าครับ” เสียงทุ้มเอ่ยถามในระยะประชิดพร้อมกับยกมือขึ้นประคองช่วงสะโพกเล็กให้เข้ามาใกล้จนสัมผัสได้ถึงไอร้อนที่แผ่ออกมาจากร่างกายของกันและกัน
“อา...ไม่รู้สิ” ฮานะเงยหน้าขึ้นมองตาสีเข้มคู่นั้นที่กำลังวูบไหว “ไม่รู้ว่ามันพอจะเป็นรางวัลให้เธอได้หรือเปล่าน่ะนะ”
เด็กหนุ่มรู้สึกร้อบวูบไปทั่วร่างเมื่อระยะห่างระหว่างกันเหลือเพียงศูนย์ ฮานะยกมือขึ้นมาจับบริเวณท่อนแขนของเขาเพื่อเป็นหลักยึด แววตาคู่สวยไร้ท่าทีเขินอายหรือตกประหม่าในตอนที่ช้อนขึ้นมอง
“มากกว่านี้…ได้ไหมครับ” เสียงทุ้มพร่าต่ำเว้าวอนพร้อมโอบกระชับรอบเอวเล็ก ใบหน้าคมเข้มเคลื่อนลงต่ำก่อนจะอ้อนขอรางวัลตามที่ต้องการ แต่กลับถูกอีกฝ่ายดันแผ่นอกเอาไว้
“ไม่ได้” ฮานะยิ้มขำเมื่อเห็นว่าเจ้าเด็กตัวโตหูลู่หางตกเมื่อไม่ได้ตามที่ต้องการ แต่พีทก็ไม่ดื้อดึงแววตาคู่นั้นไม่แม้นแต่จะแสดงความไม่พอใจออกมาให้ได้เห็น เจ้าตัวเพียงแค่พยักหน้ารับอย่างเข้าใจก่อนจะยืดตัวกลับไปยืนเต็มความสูงดังเดิม เห็นอย่างนั้นจึงทำให้อดที่จะเอ็นดูขึ้นมาไม่ได้ “มานี่สิ”
ว่าไว้เพียงเท่านั้นก็ออกแรงดึงมืออีกฝ่ายให้เดินตามเข้าไปในห้องล็อกเกอร์ของสตูดิโอ โชคดีที่ข้างในนั้นปลอดคนจึงไม่ต้องกังวลกับสายตาของใคร เสียงกดล็อกกลอนประตูดังขึ้นก่อนช่วงตัวสูงใหญ่จะถูกดันแผ่นหลังเข้าหาผนัง ฮานะยกแขนขึ้นโอบรอบต้นคอแกร่งพร้อมกับดึงใบหน้าของอีกฝ่ายลงมาใกล้
“ข้างนอกน่ะไม่ได้...แต่ถ้าในนี้…” รอยยิ้มกดลึกอยู่ข้างมุมปากตอนที่ถูกประกบจูบลงมาอย่างรวดเร็ว
ช่วงตัวถูกโอบกอดไว้แน่นจนแทบจมหายลงไปในแผ่นอกกว้าง สัมผัสนุ่มหยุ่นที่ขบเม้มอยู่บนกลีบปากทำให้ต้องหลับตาลงเพื่อรอรับเรียวลิ้นที่พยายามสอดแทรกเข้ามาข้างใน
ท่าทีเก้กังไม่ประสาทำให้หลุดยิ้มออกมาอย่างนึกเอ็นดูทันทีที่เห็นว่าเจ้าเด็กตัวโตเริ่มคุมจังหวะการหายใจเอาไว้ไม่อยู่เมื่อต้องมาเป็นฝ่ายไล่ต้อน ความชื้นแฉะที่เลียอยู่บริเวณรอบปากทำให้สมองนึกไปถึงลูกสุนัขโกลเดนท์รีทีฟเวอร์ตัวใหญ่กำลังออดอ้อนเจ้าของ
อา...ให้ตายสิ...น่าเอ็นดูชะมัดเลย..
“พีท” ฮานะพยายามประคองเสียงให้เป็นปกติเมื่อถูกฝ่ายนั้นซุกลงข้างซอกคอ ยิ่งถูกลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดก็ยากที่จะควบคุมสติ “พีท อื้ม ใจเย็นก่อน” ใบหน้าคมเข้มถูกประคองเอาไว้ เด็กหนุ่มหอบหายใจหนักด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ จังหวะชีพจรเต้นรัวจนรู้สึกปวดแปลบ
“ฮานะ..”
“ชู่ว...ฉันเข้าใจ” ปลายนิ้วลูบอยู่ข้างกรอบหน้าได้รูป นัยน์ตาสวยช้อนขึ้นมองอย่างปลอบประโลม ยิ่งได้เห็นแววตาที่สั่นไหวรอยยิ้มบางเบาก็ปรากฏขึ้นอย่างนึกเอ็นดู “ไม่รู้สึกแย่ใช่ไหม” ฮานะลูบหน้าผากที่ชื้นเหงื่อแผ่วเบาหวังเพียงให้อีกฝ่ายผ่อนคลายลง
เขารู้ว่าเด็กหนุ่มคงกำลังรู้สึกไม่ดีที่ไม่สามารถสร้างความวาบหวามให้เกิดขึ้นได้ดังใจนึก...เพราะพีทยังไม่เคยมีประสบการณ์ ก็ไม่แปลกที่จะตกประหม่าจนสติหลุดแบบนี้ ยอมรับว่ารสจูบที่ผ่านมาไม่ได้ทำให้รู้สึกลอยล่องเหมือนอย่างที่เคยได้ลิ้มรสมา แต่มันกลับแฝงไปด้วยความไร้เดียงสาและมุทะลุ ซื่อตรงต่อความรู้สึกจนยากที่จะปฏิเสธว่ารู้สึกดีไม่น้อย
ไม่ได้หวือหวาชวนให้ใจสั่นไหวอย่างบ้าคลั่ง...แต่กลับนุ่มนวลอ่อนโยนในแบบที่ไม่เคยได้พบเจอมาก่อน...
“...ขอโทษครับ” ฝ่ามือเล็กถูกกอบกุมไว้ข้างแก้มอย่างต้องการหาที่พึ่งเมื่อรู้สึกว่าตนไม่สามารถสร้างความพึงพอใจให้อีกฝ่ายได้
“ไม่เป็นไร” ฮานะยิ้มอย่างเข้าอกเข้าใจพร้อมกับเอื้อมมือไปคลึงหลังท้ายทอยเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงคิ้วขมวดปมแน่น “ไม่ต้องรีบร้อน…ฉันเข้าใจ”
“อีกครั้ง...ได้ไหมครับ” แต่แทนที่จะยอมล่าถอยเด็กหนุ่มกลับร้องขออย่างไม่ยอมแพ้
“นี่ หมกมุ่นเกินไปแล้ว” ฮานะบีบแก้มอีกฝ่ายจนใบหน้ายู่ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเอ็นดูในความมุทะลุดื้อดึง...เด็กๆนี่พลังล้นเหลืออย่างที่คุณแกเรนว่าจริงด้วยแฮะ
“นะครับ...ฮานะ” เสียงทุ้มต่ำออดอ้อน มือที่ประคองอยู่บริเวณสะโพกก็กระชับแน่นขึ้น ไอร้อนที่แผ่ออกมาจากช่วงตัวสูงใหญ่ทำให้จังหวะชีพจรเริ่มเต้นผิดจังหวะขึ้นเรื่อยๆจนต้องยอมคล้อยตามในที่สุด
“ครั้งสุดท้ายแล้วนะ” ฮานะต่อรอง เมื่อเห็นฝ่ายนั้นพยักหน้ารับก็สูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมอง “ใจเย็นๆ ไม่ต้องรีบร้อน คิดซะว่ากำลังกินอาหารที่ชอบจะได้ไม่ตื่นเต้น” คำปลอบใจแสนแปลกทำลายบรรยากาศที่ชวนประหม่าไปจนหมดสิ้น แต่ก็นับว่าได้ผลดีไม่น้อยเพราะฝ่ายนั้นเองก็ดูผ่อนคลายลงไปมาก
“ขออนุญาตนะครับ” เสียงทุ้มนุ่มกระซิบแผ่วเบาในตอนที่ใบหน้าเคลื่อนต่ำลงมาใกล้ ปลายจมูกโด่งกดลงที่ข้างแก้มแผ่วเบาก่อนจะเอียงปรับองศาจนได้ที่ ฮานะมองตามริมฝีปากที่เคลื่อนตัวมาประชิดก่อนจะย้ายขึ้นไปสบประสานกับนัยน์ตาสีเข้ม สัมผัสอุ่นชื้นที่ค่อยๆกดลงน้ำหนักให้ความรู้สึกวาบหวามมากกว่าครั้งแรก บริเวณริมฝีปากล่างถูกขบเม้มอย่างอ้อยอิ่งและค่อยเป็นค่อยไป เสียงชื้นแฉะดังคลอในตอนที่ฝ่ายนั้นปรับเปลี่ยนองศาหน้าและกดน้ำหนักลงมามากขึ้น
“อือ” ฮานะเผลอหลุดร้องในลำคอตอนที่ถูกประคองเอวเอาไว้แนบชิดและเพราะฝ่ายนั้นตัวสูงกว่าจึงทำให้ต้องเงยหน้าขึ้นรับจนรู้สึกตึงที่บริเวณต้นคอ รู้ตัวอีกทีก็ถูกดันตัวเปลี่ยนตำแหน่งจนแผ่นหลังแนบลงกับผนังเย็นชืดของห้องล็อกเกอร์ ไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศไม่มีผลเมื่อถูกไอร้อนจากเรือนกายสูงใหญ่โอบล้อมเอาไว้ก่อนจะต้องสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อรู้สึกได้ถึงสัมผัสของฝ่ามือที่สอดเข้ามาใต้เสื้อ
ปลายนิ้วที่ลูบอยู่บริเวณสะโพกคล้ายกับมีประกายไฟส่งผ่านเข้ามา ฮานะหอบหายใจหนักเมื่อรู้สึกเจ็บแปลบบริเวณปลายนิ้วก่อนจังหวะการหายใจจะผิดเพี้ยนเมื่อถูกป้อนจูบอย่างต่อเนื่อง ครั้งนี้ท่าทีเก้กังก่อนหน้าได้หายไปแล้ว...มีเพียงความค่อยเป็นค่อยไปแต่กลับทำให้รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองโดยที่เขาเองก็ไม่ทันได้สังเกต
ฝ่ายนั้นไม่ได้รุกล้ำอย่างตะกละตะกลามแต่กลับทำให้วาบหวามจนรู้สึกร้อนไปทั่วไปหน้า ฮานะวางมือลงบนแผ่นอกตึงแน่นที่แผ่ไอร้อนจัดออกมาก่อนจะยกแขนขึ้นโอบรอบบ่ากว้างพร้อมกับตอบรับสัมผัสไปอย่างไม่ยอมแพ้ เรียวลิ้นที่สอดแทรกเข้ามาในโพรงปากถูกดูดและขบกัดจนเกิดเสียงคลอแผ่วเบา เมื่อตอบกลับจนเป็นที่น่าพอใจก็ตั้งท่าจะถอนใบหน้าออกมาเพื่อพักหายใจแต่กลับถูกอีกฝ่ายล็อกต้นคอเอาไว้พร้อมกับบดจูบหนักหน่วงลงมาแนบแน่น
“พ..อื้ม พอก่อน” ฮานะพยายามประท้วงแต่กลับไม่เป็นผล เพราะยิ่งห้ามก็ยิ่งถูกขบกัดริมฝีปากแรงมากยิ่งขึ้น “พีท อื้อ” ดูเหมือนฝ่ายนั้นจะหลุดการควบคุมไปแล้วเป็นที่เรียบร้อยเพราะนอกจากจะไม่รับฟังอะไรแล้วยังตระโบมจูบหนักหน่วงจนเขาเริ่มที่จะตั้งรับเอาไว้ไม่อยู่
เอาล่ะ...ขอถอนคำพูดไร้เดียงสาก่อนหน้า เพราะตอนนี้จากเจ้าโกลเดนท์ตัวโตกลายเป็นสัตว์ป่าดุร้ายไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย
รู้ตัวอีกทีก็ถูกอุ้มตัวลอยไปวางลงบนเคาน์เตอร์หินอ่อนหน้ากระจกบานใหญ่ที่อยู่อีกฝั่งของห้อง ฮานะหอบหายใจหนักพร้อมกับสูดออกซิเจนเข้าปอดยกใหญ่เมื่อได้จังหวะ แต่เพียงไม่นานก็ถูกช่วงตัวสูงใหญ่แทรกเข้ามาประชิด รอบเอวถูกโอบกอดเอาไว้แน่นคล้ายกับกรงขัง ก่อนที่ฝ่ายนั้นจะก้มลงมาจูบอีกครั้งแล้วเลื่อนลงไปซุกลงข้างซอกคอแทน
“จ...จะทำอะไร” ฮานะเอ่ยถามเสียงสั่นเมื่อรู้สึกว่าปลอกคอที่สวมใส่ไว้ถูกกัดและดึงแผ่วเบา ก่อนเรียวลิ้นอุ่นชื้นจะแลบเลียลงบนผิวเนื้ออ่อน “พีท...อย่า”
“...ฮานะ” เสียงทุ้มต่ำสั่นพร่าราวกับคนที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ ยิ่งได้กลิ่นหอมประจำตัวของร่างในอ้อมกอดสติที่มีอยู่ก็เริ่มเลือนรางหายไปทีละนิด ฮานะตัวสั่นเล็กน้อยตอนที่ถูกเขาป้วนเปี้ยนอยู่บริเวณซอกคอ เด็กหนุ่มกดจูบลงบนลาดไหล่เล็กก่อนจะยอมล่าถอยออกมายืนเต็มความสูง แต่สายตากลับจดจ้องไปที่ไหล่กลมกลึงภายใต้เสื้อเชิ้ตขาวตัวใหญ่ที่ร่นเปิดโชว์กระดูกไหปลาร้าได้รูป แผ่นอกที่ขยับขึ้นลงตามจังหวะการหายใจเรียกความร้อนขึ้นมาโจมตีที่ใบหน้าจนต้องเคลื่อนสายตาหลบหนีเมื่อรู้สึกว่าตัวเองเริ่มเสียมารยาท
“ห้าม...ตรงนี้” ฮานะชี้ตรงปลอกคอที่เพิ่งถูกเขาลงไปวุ่นวาย ก่อนจะกระแอมแก้เก้อด้วยใบหน้าที่มีเลือดฝาดเจือจางอยู่ข้างแก้ม “เข้าใจไหม”
“…” เพียงเท่านั้นใบหน้าคมเข้มก็ขมวดคิ้วยุ่งขึ้นมาเล็กน้อยจนสามารถเรียกรอยยิ้มจากคนที่อายุมากกว่า
“ที่ปากได้...แต่ตรงนี้ ห้าม เด็ด ขาด” ฮานะยื่นคำขาด ในเมื่อมันเลยเถิดมาถึงขั้นนี้ก็ต้องมีข้อจำกัดเอาไว้บ้าง ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้มีท่าทีคุกคามจนน่าอันตรายแต่กันเอาไว้ก่อนจะดีกว่า “พีท”
“ครับ” เด็กหนุ่มถอนหายใจออกมาพร้อมพยักหน้าเข้าใจอย่างว่าง่ายก่อนจะสอดแขนเข้ามาโอบรอบเอวเอาไว้อย่างออดอ้อน
“นี่เป็นเด็กติดการสกินชิพหรือไงน่ะเรา” ฮานะหลุดขำออกมาเมื่อถูกเจ้าเด็กตัวโตป้วนเปี้ยนไม่ห่าง
ฝ่ายนั้นไม่ตอบอะไรกลับมาทำเพียงแค่วางคางไว้บนลาดไหล่ก่อนจะทิ้งน้ำหนักตัวลงมาจนเขาต้องเอนหลังพิงกับกระจกเพื่อเป็นเบาะรองให้เจ้าเด็กตัวโตได้ซบ เสียงของเครื่องปรับอากาศดังคลอในบรรยากาศที่เงียบสงบก่อนคำสารภาพจากความรู้สึกจะหลุดออกมาจนทำให้คนฟังต้องหยุดหายใจไปกะทันหัน
“ผมชอบฮานะ”
“...”
“...ชอบตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน” วงแขนแกร่งโอบกระชับแนบแน่นคล้ายกับเด็กหลงทางที่ต้องการที่พักพิง “และดูเหมือนจะชอบมากขึ้นเรื่อยๆ...”
“พีท...” ฮานะยังคงจับต้นชนปลายไม่ถูก ยอมรับว่าไม่ได้ตื่นตกใจ เพียงแต่ยังตั้งรับไม่ทันก็เท่านั้น...เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาเป็นฝ่ายที่คอยวิ่งไล่ตามเสมอ ตอนนี้จึงทำตัวไม่ถูกสักเท่าไหร่
“ขอโทษที่ทำให้คุณรู้สึกแย่” เสียงทุ้มดังแผ่วอยู่ข้างหูพร้อมกับแรงกอดกระชับที่แน่นขึ้น “ผม...แค่อยากให้คุณได้รับรู้”
“ไม่หรอกน่า...ไม่เป็นไร” ฮานะยกมือขึ้นลูบแผ่นหลังกว้างอย่างปลอบประโลม ทั้งที่ตอนนี้เขาเองก็ยังไม่สามารถรับมือกับเหตุการณ์นี้ได้
อา...ให้ตายสิ
เล่นมาสารภาพความรู้สึกต่อหน้าขนาดนี้ถ้าปฏิเสธออกไปก็คงจะใจร้ายเกินทน...ในเมื่อตั้งใจเอาไว้ว่าจะเริ่มต้นใหม่
หลังจากนี้จะเป็นยังไงก็ช่างมันแล้ว...
_____________________________________
เปลี่ยนทีมมาเซฟฮานะตอนนี้ยังทันค่าาาา /ดึงหูเจ้าเด้น
ฮานะเริ่มมูฟออนได้แล้วน้าา อยากให้ทุกคนช่วยอยู่เป็นกำลังใจให้พีทกับฮานะจนสุดทางด้วยนะคะ > <
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์และฟีดแบ็กที่น่ารักมากๆๆๆเลยค่ะมีกำลังใจขึ้นเยอะ
ฝากเป็นกำลังใจให้เจ้าเด้นได้ที่แท็ก #ดอกไม้ของพีท หรือจะคอมเม้นท์ก็ได้ค้าบบ พีทพีทรออ่านน้า~