T@NG[รวมเรื่องสั้น] 鸱尾 ขอ 'กิน' บ้างดิ! (29/5/58)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: T@NG[รวมเรื่องสั้น] 鸱尾 ขอ 'กิน' บ้างดิ! (29/5/58)  (อ่าน 49666 ครั้ง)

ออฟไลน์ koikoi

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +311/-13

ออฟไลน์ Sirada_T

  • We Will [Luk] You!!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
                                                        สิ่งที่คนหน้าตา(ไม่)ดี ไม่มีวันเข้าใจ
                                                                      (ค้อนpart)


          ผมตื่นขึ้นมาพร้อมกับคนในอ้อมแขน...  ผมค้อนครับ  หน้าตา...ถ้าให้บอกก็คงไม่ดีล่ะมั้งนะ...  ผิดกับคนที่นอนข้างๆ  หล่อโคตรๆไม่รู้จะหล่อไปไหน.... ผมยังแปลกใจตอนรู้ว่ามันชอบผม...  จริงๆผมเองก็แอบมองมันมาพักใหญ่ๆ  เพราะผมเริ่มสังเกตว่ารอบๆตัวผมจะต้องมีมันคอยป้วนเปี้ยนตลอดเวลา  ตอนแรกแค่สงสัย แต่พอมองมันไปนานๆก็กลับหลงรักมันซะนี่  พยายามบอกตัวเองแล้วว่ามันไม่มีทางเป็นจริง  แต่มันก็ยังเกือบทำให้ผมอดใจไม่อยู่...   เขาตั้งใจมอมเหล้าผมเมื่อคืน... ผมรู้  แลผมก็ยอมให้เขามอม  เพียงแต่ตอนเมาผมกลับเห็นว่าเขาน่ารักตอนนั้นความรู้สึกผิดชอบชั่วดีมันหายไปหมดเหลือแต่ความต้องการและผมก็ต้องการเขามาก  จนเกือบจะทำเรื่องที่ผิดมหันต์ใส่เขา   โชคดีที่เราเข้าใจกันก่อนและผมก็ได้รักกับเขาสักที...
   “ค้อนนนน...  ช่วยที  ลุกไม่ไหว”แค่ลืมตาตื่นเสียงติดจะอ้อนนั้นก็เรียกชื่อผมทันทีแม้ประโยคต่อมามันจะคล้ายๆคำสั่ง...  แต่มันก็ชื่นใจไม่น้อย  ตาของกระดาษยังปิดสนิทและดูจะไม่ลืมง่ายๆมีแค่ปากที่ขยับไปมาชวนให้เอาปากไปประกบ...  ผมไม่รอช้า  ปากผมแนบไปกับปากที่งึมงำไม่ได้ความ  ไม่ว่าจะกี่ครั้งก็ไม่พอ... ไม่เคยเพียงพอสำหรับคนๆนี้เลย
   “ครับๆ  จะไปไหนครับที่รัก...”ผมกระซิบเบาๆแล้วเป่าลมเข้าที่ต้นคอ  กระดาษย่นคอแล้วหัวเราะคิกคัก  ผมเพิ่งสังเกตว่าที่ๆผมนอนอยู่ไม่ใช่ห้องของผม  คงเป็นห้องของคนตรงหน้านี้  เพราะเขาบอกผมเองว่าห้องเขาอยู่ใกล้มอและใกล้ร้านเหล้าที่เรากินกันเมื่อคืน
   “ไปห้องน้ามมมมมมมม”กระดาษชูมือขึ้นสองแขนแบบเด็กๆ  ผมหัวเราะไม่เคยคิดมาก่อนว่าเขาจะมีมุมเด็กๆแบบนี้ด้วย  แต่มันก็น่ารักดี...  ผมช้อนตัวเขาอุ้มขึ้นแล้วพาทั้งตัวผมและคนในอ้อมกอดไปที่ห้องน้ำ 
   “โฮ่งๆ  บ๊อกๆๆ”ผมก้มลงมอง  ลูกหมาตัวเล็กที่ผมให้ลูกชิ้นบ่อยครั้งและตอนนี้คนที่เป็นเจ้าของก็คือกระดาษ  เขาตั้งชื่อมันว่ากรรไกร  ตอนนี้เหมือนพวกผมกำลังเล่นเป่ายิ้งฉุบกันอยู่  มีค้อนกระดาษกรรไกร  และกระดาษก็ห่อหัวใจค้อนซะมิดเลย พูดเองก็เลี่ยนเองแฮะ...
   “กรรไกร...  ออกไปก่อน เดี๋ยวค่อยเล่น  ไม่ดื้อจะซื้อลูกชิ้นให้นะ”ผมไล่  มันฉลาดพอที่จะเข้าใจ  ไอ้กรรไกรวิ่งดุ๊กดิ๊กออกจากห้องน้ำ  ผมหันไปยิ้มให้มันแล้วอุ้มคนในอ้อมกอดไปวางในอ่างอาบน้ำ... ดาษปรือตามองแต่มือยังโอบรอบคอผมก่อนจะส่งจุ๊บแบบมึนๆมาให้
   “งืมๆ...  อาบน้ำให้หน่อยน้าาาาาาาาา  คิคิ...”เหมือนคุยกับคนเมาไม่ผิด ผมส่ายหน้าแต่ก็แอบยิ้มไม่ได้  ผู้ชายที่แสนเพอร์เฟ็คกลับมาชอบคนหน้าตาบ้านๆอย่างผม...  แอบปลื้มใจไม่หยอก  ผมจัดการเปิดน้ำ  เสื้อผ้าไม่ต้องถอดเพราะเราไม่ได้ใส่ทั้งคู่ตั้งแต่เมื่อคืน  เขยิบที่ทางก่อนจะลงไปนั่งแช่ด้วย  ดันตัวอีกคนให้มาพิงที่อก...  กระแสน้ำร้อนและเย็นผสมกับจนอุ่นได้ที่ เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆจนคนที่หลับตาอยู่ทนไม่ได้ต้องลืมตาขึ้นมองแล้วเอาน้ำสาดหน้าตัวเองให้ตาสว่าง...
   “ยอมลืมตาแล้วเหรอครับ...”ผมหัวเราะก่อนจะได้รับหน้าเบ้ๆมาจากอีกฝ่าย
   “ง่วง...”กระดาษเอามือมาคล้องคอผมก่อนจะจูบ  มันเป็นการแตะปากธรรมดาที่ดีที่สุด...  เพราะมันมาจากคนที่ผมรักและเขาก็รักผม
   “ล้างให้หน่อยสิ... อึดอัด...”เขากระซิบเบาๆพอๆกับหน้าที่แดงก่ำ  ผมว่าเขาคงพยายามทำให้ดูเชี่ยว...  ทั้งๆที่ตัวเขาแทบจะแดงเป็นลูกตำลึง...  ดูก็รู้ว่าเขินแค่ไหนที่พูดประโยคนั้นออกมา...
   “ครับๆ  ตามบัญชาครับสุดที่รัก  งั้นนอนพิงมานะ  ยกตัวขึ้นหน่อยครับ”ผมกระซิบตอบ  ซึ่งกระดาษก็ทำตามอย่างว่าง่าย  ผมค่อยๆไล่นิ้วลงไปเบื้องล่างที่นั่งอยู่บนตักของผม  ค่อยๆสอดมือเข้าไปก่อนจะคว้านไปทั่วให้น้ำที่ติดค้างข้างในไหลออกมา... 
   “อ๊ะ...  งือ....  เบาๆ  เจ็บๆ...”กระดาษตีผมเบาๆเวลาผมไปสะกิดโดนจุด  เขาเบ้ปากแบบยั่วผมพอประมาณ  เอาจริงๆคือเบ้เพราะเจ็บหรือแสบ  แต่ผมคิดว่ามันยั่วผมมากๆเลยนะ  แต่ผมก็เป็นคนดีพอ...ไม่ทำอะไรตอนคนที่ผมรักเจ็บหรอก  แต่ถ้าหายดีแล้วก็ไม่แน่  ผู้ชายนะครับ ของแบบนี้มันเรื่องธรรมชาติ...
   เราสองคนใช้เวลาไม่นานก่อนที่ผมจะอุ้มอีกคนที่ห่อผ้าเช็ดตัวมานอนที่โซฟา  อยากพาไปที่เตียงนะครับ  แต่สภาพเตียงนี้บอกเลย  ยิ่งกว่ามรสุมเข้า   ผมให้อีกคนกินยาทั้งแก้ปวดแล้วก็แก้ไข้แก้อักเสกก็ด้วย  เรียกว่าดักทุกทาง  อยากทายาให้ด้วยแหละครับ  แต่เผอิญเจ้าของห้องเขาบอกไม่มี  ไว้เดี๋ยวออกไปซื้อแล้วผมจะกลับมาทาให้แล้วกัน... 
   “โฮ่งๆ   งืดๆๆ”ผมหันไปตามเสียง  เจ้ากรรไกรพยายามตะกุยโซฟาให้คนหันไปสนใจมันบ้าง  ผมหัวเราะอีกครั้งแล้วอุ้มมันขึ้นมา  ส่วนกระดาษก็ยื่นมือของเจ้ากรรไกรไปนั่งเล่น  ผมแยกตัวออกมาปล่อยให้หนึ่งคนกับหนึ่งตัวนั่งเล่นกันไป  แอบแว้บไปหยิบเสื้อกับกางเกงให้คนที่นั่งรอใส่แล้วก็แว้บกลับมาจัดการกับสภาพเตียง  ดึงผ้าปูออก  รื้อผ้าใหม่มาปูก่อนจะขยำผ้าเก่าม้วนๆลงถัง  เดี๋ยวคงต้องซักมือ  ไม่งั้นคราบที่เลอะอยู่คงเอาไม่ออกโดยเฉพาะคราบเลือด  มีนิดหน่อยครับ...  ก็ครั้งแรกนี่หน่า...  ผมเดินเข้าครัวรื้อของในตู้เย็นที่พอจะทำอาหารได้ออกมา   แอบเห็นแป้งโรตี... งั้นผมทำปอเปี๊ยะให้กินแล้วกัน...  คือมันเป็นปอเปี๊ยะใซส์บิ๊กอ่ะครับใส้ข้างในคือผัดวุ้นเส้น  แค่คนละสองชิ้นก็ถือว่าเยอะพอๆกับผัดวุ้นเส้นหนึ่งจาน    ผมจัดการผัดวุ้นเส้นให้เรียบร้อย  เอาขึ้นมาม้วนใส่แป้งโรตีแล้วเอาไปทอดให้เหลืองกรอบ  เทน้ำจิ้มไก่มาจิ้ม...  อร่อยอย่าให้เซด...  เป็นเมนูสิ้นคิดที่ผมทำบ่อยดึกๆเวลาหิว  ผมทำแกงจืดเต้าหู้เพิ่มอีกอย่างให้ซดน้ำคล่องๆคอ   ทำเสร็จผมก็ยกไปวางไว้ตรงหน้าโต๊ะที่กระดาษนั่งเล่นกับเจ้ากรรไกรอยู่...  กระดาษมองหน้าผมแล้วสลับกับอาหาร
   “ปอเปี๊ยะไซส์ควายมากเลย”นั่นเป็นประโยคแรกที่เห็นอาหารของผม...   ผมยิ้มแล้วเดินไปเปิดอาหารให้เจ้ากรรไกร  มันวิ่งดุ๊กๆมารอกิน  พอเทเสร็จผมก็เดินไปนั่งข้างๆคนที่นั่งรออยู่
   “เราก็นึกว่าจะทำอะไรแบบในนิยาย  พระเอกเท่ห์ๆไรงั้น...”กระดาษบ่นพึมพำแต่ผมก็พอได้ยินและนั่นทำให้ผมหน้าชา...
   “คนหน้าตาห่วยๆมันก็ทำได้แค่นี้แหละ... โทษทีแล้วกันที่ไม่ได้หรูแบบในนิยายที่นายอ่าน”ผมพูดนิ่งๆแต่อารมณ์นั้นคงส่งถึงคนข้างๆ  กระดาษหันมากอดผมแล้วพร่ำขอโทษใหญ่
   “ขอโทษๆ   น่ากินแล้วๆ  แค่นี้ก็พอแล้ว  ไอ้อย่างอื่นออกไปซื้อข้างนอกก็ได้  กินเหอะๆ  อร่อยแน่ๆเลยก็คนทำ ทำเก่งอยู่แล้วใช่มั๊ยเนอะๆ”กระดาษรีบอ้อน  แล้วตักปอเปี๊ยะเข้าปากคำใหญ่...
   “แค่กๆๆ  อร่อย  แค่ก... อร่อยมากเลย แค่กๆๆ”ผมมองอีกคนที่สำลักไม่หยุดแต่ก็พยายามจะพูดชมอาหาร  ดูท่าจะรีบกินเกินไป  ผมส่ายหน้าแล้วคว้าแก้วน้ำมาให้กระดาษค่อยๆซด...  จนพอหายดี  ตาแดงๆที่เหมือนจะน้ำตาซึมเพราะไอหนักหรืออะไรก็แล้วแต่หันมาสบตาผมอย่างออดอ้อน...
   “ที่ทำให้แค่นี้เพราะของในตู้เย็นมีแค่นี้  ไว้มื้อเย็นเดี๋ยวออกไปซื้อ  อยากกินอะไรบอก  เดี๋ยวทำให้”ผมเฉลยคำตอบ...  จริงๆผมทำได้หลายอย่างครับ  แต่ผมไม่ชอบที่กระดาษพูดแบบนี้กับผมมันเหมือนบอกว่าผมไม่ทำอะไรให้เขาเลย...  ซึ่งผมเปิดตู้เย็นไปก็มีแต่น้ำกับเบียร์  ของที่พอทำได้ก็เหลืออยู่แค่นี้แถมอยู่ลึกสุดๆเกือบค้นไม่เจอ...
   “จริงนะ...  มื้อเย็นอยากกินข้าวผัดปู  กุ้งชุบแป้งแล้วก็ปลาหมึกผัดไข่เค็ม...”ผมฟังเมนูที่เจ้าตัวพูดแล้วแทบจะส่ายหน้า  แต่ละเมนูย่อยง่ายทั้งนั้น....  นี้ลืมรึเปล่าว่าตัวเองเจ็บอยู่...  แต่เอาเถอะ  สนองเขาหน่อย  ผมกินไปนั่งนึกรายการของที่ต้องซื้อ...  ถ้าหอนี้อยู่ใกล้มอ...  แสดงว่าถัดไปจะมีตลาดกับห้างอยู่ใกล้ๆ  คงพอไปหาซื้อของจากที่นั่นได้... 
   หลังจากทำอะไรเรียบร้อย  ผมก็จัดการให้กระดาษไปเปลี่ยนชุดในห้องส่วนผมก็แอบหยิบๆชุดของมันมาใส่  พยายามเลือกตัวใหญ่สุดๆแล้วด้วย...  โชคดีที่ตัวเราสูงไล่เลี่ยกัน  คงมีแต่ขนาดตัวที่ผมใหญ่กว่าจนกินขาด  โอเค  ผมอ้วนนิดหน่อย  แต่กระดาษต่างหากที่ผอมจนเกินไป...  ผมยืมได้แค่เสื้อส่วนกางเกงผมต้องใส่ตัวเก่าของผม  จากนั้นเราสองคนก็มุ่งหน้ามายังห้างที่เลยหอพักมาสองซอย  ซื้อของใช้ของผมนิดหน่อยเพราะเมื่อเช้าได้แค่อาบน้ำกะบ้วนปาก   ซื้อเครื่องปรุงบางอย่างที่ผมเช็คในครัวแล้วว่าไม่มี แต่ของส่วนใหญ่ต้องมาซื้อที่ตลาดที่อยู่ข้างๆ  ผมจัดการซื้อเนื้อปูแกะแล้ว  กุ้งกับปลาหมึก  ไข่เค็มอีกสองลูก  แป้งชุบกับพวกผักชีต้นหอมที่เจ้าของห้องไม่เคยใส่ใจซื้อมาเก็บไว้... ผมอยากรู้จริงว่าเขาใช้ชีวิตอยู่มาได้ไงตั้งนาน...
   พอเสร็จจากซื้อของคนข้างๆผมกลับบ่นอยากกินเค้กหน้ามอ...  แต่ทางที่ไปไว้ที่สุดคือเดินตัดมอไป...  ขอโทษเถอะครับ  พูดตรงๆว่าผมไม่กล้าโคตรๆ  เดินกับเดือนคณะที่มีสาวๆหมายปองเป็นร้อย  ไอ้ผมรึก็หน้าตาธรรมด๊าธรรมดาอยู่ต่างคณะไม่มีวิชาไหนลงตรงกัน   ใคร๊ใครมันจะหาเหตุผลให้ได้ว่าทำไมผมสองคนถึงมารู้จักกัน...แต่ก็นะครับ...  เพื่อแฟนที่รัก  ผมกับกระดาษเดินขึ้นไปเก็บของบนห้อง  เล่นกับไอ้กรรไกรนิดหน่อยแล้วก็ให้มันอยู่ในห้อง...  ไอ้กรรไกรก็เชื่องดีครับ  บอกให้รอก็รอ  ไม่เห่าไม่ตะกุยสักนิด...  ผมคว้ากุญแจรถมา  ก่อนที่กระดาษจะส่ายหน้าโยนกุญแจฟีโน่มาให้แทน... 
   “หน้าร้านไม่มีที่จอด...”ยอมครับ...  ผมวางกุญแจคืนที่  แล้วล็อคห้องให้เรียบร้อย  พยุงคนที่เดินกระเผลก ให้ลงมาถึงรถฟีโน่ที่จอดไว้ใต้หอ  แล้วผมก็ให้กระดาษซ้อนส่วนผมเป็นคนขับ  พยายามให้มันเอาหน้าซุกกับหลังผมให้มากที่สุด  ยอมพาไปแล้วก็หลบๆให้ผมหน่อยเถอะคร้าบบบ  ผมยังหาคำตอบให้ชาวบ้านเขาไม่ได้...
   “ไปเลยยยย”เจ้าตัวดีกอดเอวผมแน่นทั้งๆที่ผมยังไม่ทันสตาร์ทเครื่องยนต์  บางทีก็แอบขำไม่ได้...  คนที่ผมรักแม่งโคตรน่ารัก...  ผมตีไฟเลี้ยวเข้ามหา’ลัย  ผ่านคณะไหนไม่ตื่นเต้นเท่าผ่านคณะจิตวิทยา  แทบอยากจะบิดร้อยยี่สิบให้ผ่านไปโดยเร็ว...  ได้ยินเสียงคนหัวเราะจากด้านหลัง  คงเป็นกระดาษที่เห็นผมเร่งเครื่องเร็วขึ้นเลยหัวเราะออกมา  พอพ้นคณะผมก็ผ่อนคันเร่ง  ขับแบบธรรมดา... ไม่นานเราก็ถึงร้านเค้กที่หน้ามอ  อีกอย่างที่ผมต้องกลัว  ร้านนี้เด็กผู้หญิงมหา’ลัยมานั่งกินกันเยอะ  โอกาสเสี่ยงเจอแฟนคลับของกระดาษมีขึ้นเป็นเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์...
   “แก๊...  กระดาษอ่ะ  กระดาษมา”แม่ง!ครับ...  ชัดเจน  แค่เดินเข้าร้อนเสียงกรี๊ดของกลุ่มนักศึกษาก็ดังขึ้นเป็นหย่อมๆ  กระดาษโปรยยิ้มไปทั่วก่อนจะเดินไปหน้าตู้กระจกที่ใส่เค้กไว้เรียงราย...
   “เอาบลูเบอร์รี่ชีสเค้กครับ  แล้วก็เอาแอลมอนเค้กอีกชิ้นหนึ่ง...  ค้อนเอาอะไร...”กระดาษหันมาถามผม  ผมมองแล้วจิ้มไปชิ้นหนึ่ง  เค้กอะไรไม่รู้ครับ  แค่เห็นว่ามันน่ากินดี  เป็นช็อกโกแลตมีสตอเบอร์รี่อยู่ด้านบนลูกหนึ่ง...     
   “แล้วก็เอาโกโก้ร้อนสองแก้วนะครับ”กระดาษจัดการเสร็จสรรพ...  ผมมีหน้าที่อะไร... จ่ายตังสิครับถามได้...  พอได้เค้กเราก็เดินมานั่งที่โต๊ะในร้าน  มีผู้หญิงรายล้อม และหลายคนก็จ้องมองเราทั้งคู่...
   “กระดาษ...  ผมว่า...  คนมองเราเยอะไปรึเปล่า”ผมถาม  กระดาษมองไปทั่วก่อนจะโปรยยิ้มอีกครั้งแล้วหันมาหาผม
   “ก็ช่างเขาสิ...  ไม่เห็นเป็นไร”กระดาษยักไหล่แบบไม่แคร์จากนั้นก็จ้วงเค้กเข้าปากพร้อมทำตาพริ้ม... ดูไปดูมานี้ออกแนวน่ารักมากกว่าหล่อนะครับ เดือนคณะนี้
   “กระดาษ... หวัดดี จำเราได้เปล่า เนยอ่ะ ที่เรียนเซคเดียวกับนายอ่ะ”ผู้หญิงคนหนึ่งครับ สวยมากกกก.... เดินมาทักทายกระดาษที่กำลังกินเค้กอย่างเอร็ดอร่อย ผมยื่นกระดาษทิชชู่ให้มันเช็ดปากก่อนที่มันจะหันไปทักทายเพื่อนกลับ
   “จำได้ดิ... เนยมีไรอ่ะ”
   “อ่อเปล่าหรอก... แค่ไม่เคยเห็นเนยมากินเค้กเลย เลยแปลกใจอ่ะ แล้วนี้มากับเพื่อนเหรอ?”เนยถามแล้วทำตาแวววาว น่ากลัวครับบอกตรง...
   “อ๋อ... ปกติเราซื้อกลับไปกินที่หออ่ะ ไม่ค่อยมากินคนเดียว  แล้วนี้ก็แฟนเราไม่ใช่เพื่อนหรอก”ผมทำตาโตเมื่ออีกคนพูดจบ เนยหันมามองผมสลับกับกระดาษไปมาก่อนจะปิดปากบิดตัวเขินเหมือนกระดาษไปบอกรักเธอ
   “จริงดิ เราก็ว่าแล้ว มิน่าเราเห็นออร่าม่วงๆจากพวกนายตอนเดินเข้ามา  งั้นเราขอตัวนะ  จะไปเล่าให้เพื่อนฟังก่อน  มันรอกรี๊ดอยู่ด้านโน่นอ่ะ ไปนะ บาย”รีบไปรีบมามากครับ ผมหันไปมองอีกคนที่หันกลับมากินเค้กอย่างสบายอกสบายใจ ผมเหลือบไปเห็นครีมเค้กติดอยู่ที่มุมปากของกระดาษพอดี เลยส่งทิชชู่ไปให้อีกแผ่น แต่กระดาษไม่ยอมรับ กลับยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผม
   “เช็ดให้หน่อยสิครับ นะ...”ยอมแพ้เพราะคำว่านะ... เลยอ่ะครับ อ้อนจนอยากพากลับหอไปนอนกอดไม่ยอมปล่อยสัก7วัน7คืน แน่นอนว่าไม่ใช่แค่กอดธรรมดาๆหรอกครับ
   “เลอะเทอะจริง... กินจะเสร็จยังเนี่ย เดี๋ยวต้องไปซักผ้ากับทำอาหารต่ออีกนะครับ”กระดาษพยักหน้าแล้วจ้วงเค้กเข้าปากคำใหญ่แล้ววางช้อน ซดโกโก้อีกรอบก่อนจะลุกขึ้นนำหน้าผม
   พอกลับถึงหอ ผมก็จัดการดึงผ้าปูที่นอนเข้าไปในห้องน้ำ ซักๆขัดๆตรงที่เลอะคราบอะไรต่างๆ  เห็นกระดาษทำท่าจะเข้ามาช่วยแต่พอมองเห็นรอยที่ทำไว้ก็หน้าแดงแล้วเดินกลับออกไป  ผมก็ได้แต่หัวเราะขำๆครับ แล้วก็ไม่ได้เรียกอะไรปล่อยให้เขาอยู่ข้างนอกไปจนขัดเสร็จตรงที่เลอะก็แบกใส่กาละมังออกมาจากห้องน้ำ กระดาษหยิบน้ำที่เทไว้ให้ส่งให้ผมพร้อมกับรับกาละมังจากผมออกไปที่ระเบียง...  จัดการสะบัดๆแล้วตากให้โดนแดด ผมหันไปมองที่เตียงที่ถูกเปลี่ยนผ้าปูผืนใหม่ลายใหม่ สงสัยคนที่เดินหน้าแดงออกมาคงจะมาจัดการแทนผมแน่ๆ ผมไปรื้อของที่เพิ่งซื้อมาใหม่ จัดการเตรียมของเอาไว้เสร็จสรรพ แล้วกระดาษก็เดินเข้ามาพอดี
   “ช่วยป่ะ?”ตัวพร้อมเสียงชะโงกเข้ามาในครัวที่แบ่งไว้เป็นโซนๆ
   “อยากก็ไปแกะเปลือกกุ้งครับ”ผมชี้ไปที่กุ้งที่แช่น้ำทิ้งไว้  ส่วนตัวเองกำลังหั่นปลาหมึกอยู่ จากนั้นก็ไปหุงข้าว ปลอกไข่เค็มแยกไข่เค็มออกมาพอเสร็จแล้วก็เริ่มทำโดยเริ่มจากปลาหมึกผัดไข่เค็ม  ผมก็ทำเท่าที่จำได้ พอเสร็จก็เรียกให้คนที่ยืนมองอย่างอยากรู้อยากเห็นข้างๆมาชิมรสชาติ
   “เฮ้ย! อร่อยอ่ะ อร่อยมากกกก”ผมหัวเราะแล้วตักขึ้นใส่จานล้างกระทะก่อนจะเทน้ำมันลงไปใหม่ คราวนี้กระดาษเป็นคนเอากุ้งชุบแป้งครับ ส่วนผมค่อนกลับค่อยตักกุ้งที่สุกแล้วขึ้น ไม่นานก็เสร็จกุ้งชุดแป้งทอดที่สีเหลืองหอมกรุ่นน่ากิน ผมไล่กระดาษให้ไปจัดโต๊ะส่วนตัวเองก็ไปคดข้าวเอามาผัดข้าวผัดปู... ผมเทเนื้อปูไปไม่เยอะครับเอาแค่พอมีกลิ่นแล้วก็ซีนเก็บเข้าช่องฟรีชไป จากนั้นก็ยกจานข้าวออกมาวางบนโต๊ะ ผมอมยิ้มน้อยๆเมื่อเห็นกระดาษเอาดอกไม้ที่อยู่บนโต๊ะนั่งเล่นมาวางบนโต๊ะอาหาร แอบน่ารักนะเนี่ยแฟนผม
   “โห... น่ากินทุกอย่างเลย อยู่กับค้อนนานๆ เราอ้วนแน่เลย”กระดาษเอามือลูบพุงตัวเองป่อยๆ ผมหีวเราะก่อนจะยื่นช้อนส้อมให้อีกฝ่าย
   “ก็อย่ากินเยอะสิครับ  เป็นคนเรียกร้องให้ทำเองนะ...”ผมยิ้ม กระดาษก็ยิ้ม แต่เป็นยิ้มแห้งๆอ่ะนะครับ...
   “ไม่คิดว่าจะทำได้น่ากินแล้วก็อร่อยขนาดนี้นี่หน่า... ไม่อยากกินเหลือด้วย เสียดายอ่ะ...”บ่นแล้วก็เบ้ปาก เหมือนตอนนี้ในหัวกระดาษพยายามสู้กับความคิดตัวเองอย่างหนัก
   “งั้นเดี๋ยวคราวหน้าจะลดปริมาณแล้วก็ไม่ทำอาหารที่ใช้น้ำมันเยอะๆบ่อยแล้วกันนะ”
   “โหย  แฟนใครเนี่ยน่ารักโคตรเลย...”กระดาษยิ้มแล้วบีบแก้มผมไปมา
   “น่ารักแล้วรักผมบ้างมั๊ยล่ะครับ หืม...”
   “รักโคตรๆเลย  รักไปหมดเลยเนี่ย ไม่เหลือไว้รักคนอื่นแล้วให้ค้อนไปหมดแล้วนะเนี่ย...”มันทำท่าควักหัวใจแล้วส่งมาให้ผม
   “งั้นเอาความรักของผมไปแทนแล้วกันเนอะ  ดูแลให้ดีๆนะครับ ทำหายไปผมร้องไห้แน่ๆเลย”ผมทำท่าควักหัวใจส่งกลับไปให้กระดาษ...
   “จะดูแลแบบยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมเลยครับ....สัญญา!”
   “น่ารักแบบนี้จัดให้อีกสักทีดีมั๊ย... หายดีแล้วรึยังเนี่ย....”ผมแกล้งมองแบบกระลิ่มกระเหลี่ย
   “ย๊างงงงง.... ยังไม่หาย  เอาไว้ก่อนน้า ...”เสียงโอดครวญพร้อมกับท่าปฏิเสธที่ทำเอาผมอดหัวเราะไม่ได้ ผมเดินอ้อมโต๊ะไปกอดคนอีกคนเบาๆก่อนจะจุ๊บเหม่งแล้วเดินกลับมานั่งที่เดิม...
   “ม่ะ... กินข่าวกัน!”
   “โฮ่งๆๆๆ”

-----------------------------------------------------------------------------------------

ใครเรียกร้องพาร์ทค้อน!!! เอามาเสิร์ฟให้ล่ะคร้าบบบบ  ที่จริงแต่งไว้ตั้งแต่ตอนพาร์ทกรรไกรล่ะ แต่ลืม... แต่งต่อไม่จบ เพิ่งเปิดไปเจอเลยแต่งให้จบก่อนจะเอามาลง... ตอนนี้แต่งซีรีย์น้องมังกรทั้ง9อยู่  ตอนต่อไปของเจียวถูครับ 

ตัวอย่างตอนต่อไป...

        “ทั้งหมด30บาทครับ รับขนมจีบเพิ่มมั๊ยครับ”
   “ไม่เอา...”
   “งั้นบอกชื่อมาสักทีจะได้มั๊ยครับ....”
   “อ่านปากฉันนะ No – Way!!!”
   “รับมา30บาทพอดีนะครับ ทานให้อร่อยนะครับ”

ตกลงเจียวถูนี่มังกรที่ชอบปิดหรือมังกรที่ชอบกิน...? รออ่านนะครับ  ขอเว้นไปสักอาทิตย์ล่ะกันเนอะ  ลงถี่เกินไปแล้ว ฮาๆๆ :katai3:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-04-2014 01:14:03 โดย IMJokerz »

ออฟไลน์ koikoi

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +311/-13
อ่านแล้วอยากกินด้วยอ่ะหิว

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
น่ารักกันจัง  :mew1:
ค้อนกับกระดาษในที่สุดก็.... แล้ว นึกว่าคู่นี้จะไม่มีต่อซะแล้ว

รอมังกรจ้า

ออฟไลน์ Sirada_T

  • We Will [Luk] You!!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
มาแจ้งข่าวครับ....

มังกรน้อง8จะมาตอนเย็นหรือดึกของวันนี้นะครับ :)

ออฟไลน์ Sirada_T

  • We Will [Luk] You!!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
 
椒图 'รับให้ผมจีบ'เพิ่มมั๊ยครับ?


เคยมีตำนานกล่าวไว้ว่ามังกรคือสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ในแผ่นดินจีน ทุกคนต่างเคารพบูชา โดยจำแนกมังกรได้เป็น 9 จำพวก... อันประกอบไปด้วย  ปี้ซี่ ชือเหวิ่น ผูเหลา ปี้อั้น เทาเทีย หยาจื่อ  ซวนหนี เจียวถู และฉิวหนิว โดยมังกรแต่ละตัวจะมีความชอบที่แตกต่างกัน... จึงทำให้สถานที่ที่จะพบเจอมังกรแต่ละตัวนั้นมักจะไม่เหมือนกัน หากแต่แท้จริงแล้ว... มังกรทั้งเก้านั้นต่างก็คือพี่น้องที่กระจัดกระจายกันออกไป มังกรทั้งเก้านี้ต่างออกไปส่งต่อสายเลือดของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ยังดินแดนต่างๆทั่วชมพูทวีป... จนเวลาล่วงเลยผ่านมาหลายพันปี...


‘เรื่องราวของลูกหลานเจียวถู มังกรที่ชอบปิด...’





Hello! Everybody! My name is < ARTZ > !!

โอไฮโย โกไซมัส!! มินนะซัง!! วาตาชิโนะนามาเอะวะ <อาร์ซ> !!

      ผมเป็นลูกครึ่งครับ ครึ่งคนครึ่งมังกร... รู้ได้ไงน่ะเหรอ... ความลับครับ!
      ผมเจอ ‘มัน’ เมื่อ3วันก่อน... ที่เซเว่นหน้าปากซอยบ้านผม มันหล่อครับ แต่มันกวนประสาทผมมากๆ...
      ดังนั้นนะครับ.... อย่าได้เจอะได้เจอกันตลอดไปเลยนะครับ!

      โชคชะตาโคตรเล่นตลกกับผมเลย!

      สามวันต่อจากที่ผมได้บ่นไปข้างต้น...
      มันกลายมาเป็นพนักงานเซเว่นที่หน้าปากซอยบ้านผม... มันเป็นอะไรที่แย่มากที่ผมชอบกินซาลาเปาลาวาที่ขายในเซเว่นมาก... และแถวนั้นมีเซเว่นที่เดียว...

      ผมเกลียดโชคชะตามากๆครับ!!

      ผมเบื่อเวลาที่มันมองหน้าผมแล้วแอบอมยิ้ม...
      ผมเบื่อเวลาที่มันคิดเงินแล้วแอบจับมือผม...
      ที่สำคัญนะครับ! ผมเกลียดเวลาที่มันถามผมว่า...
      ‘รับขนม <จีบ> เพิ่มมั๊ยครับ’


i hATe YoU!! <Window>



   
เป็นอีกวันที่ผมต้องมองหน้าไอ้พนักงานหน้าตากวนโอ๊ยที่สุดเท่าที่ผมเจอมาเพื่อแค่...
“ขอซาลาเปาลาวาสองลูก”


      มันยิ้มแล้วตอบกลับมาว่ารอสักครู่นะครับ อย่างกับหุ่นยนต์อัตโนมัติ  ผมไม่รู้ว่ามันอยู่ทุกกะเลยรึเปล่า เพราะทุกครั้งที่มา ผมจะเห็นมันหน้าสลอนอยู่ที่เคาเตอร์คิดเงิน แล้วเป็นอันรู้กันว่าซาลาเปามันต้องสั่งพนักงาน ช่ายยยย... พนักงานที่น่าถีบที่สุดซะด้วย  มันครางฮึมฮัมพร้อมกับหยิบซาลาเปาของผมใส่กล่องพลาสติก ปิดฝาแล้วเอาเข้าไมโครเวฟ.... ผมจ้องไมโครเวฟทุกๆหนึ่งวิ เพราะไม่อยากจะมองหน้ามันไปมากกว่านี้... ถ้าไม่ติดว่าผมชอบกินนะ สาบานได้ว่าผมจะไม่มาเหยียบที่นี่อีกเลยล่ะ...

      ซาลาเปาสองลูกถูกจับใส่ถุงควันร้อนๆทำให้ถุงเกิดไอน้ำเกาะ  แค่คิดถึงครีมลาวาข้างในที่ทานตอนร้อนๆ ผมก็แทบอดใจไม่ไหว...

      “ทั้งหมด30บาทครับ รับขนมจีบเพิ่มมั๊ยครับ”
      “ไม่เอา...”
      “งั้นบอกชื่อมาสักทีจะได้มั๊ยครับ....”
      “อ่านปากฉันนะ No – Way!!!”
      “รับมา30บาทพอดีนะครับ ทานให้อร่อยนะครับ”

      ผมรับถุงซาลาเปามาไว้ในมือ แล้วเดินออกนอกร้าน มีเสียงตื้อดือดังตอนประตูเปิด พอพ้นสายตาของเจ้านั่นมาได้ น้ำลายผมก็สอ ท้องเริ่มทำการประท้วงเรียกหาลาวาร้อนๆแสนอร่อยในทันที... อืม... เนื้อครีมนุ่มๆ ไหลเยิ้มจนผมแทบจะละลายไปพร้อมกับมัน  แค่กินไปคำเดียวก็หยุดแทบไม่ได้ต้องกินคำต่อไปและต่อไป... พอคำสุดท้ายหมดลง ท้องผมก็ตึงเปรี๊ยะ! ได้เวลาเดินย่อยกลับเข้าบ้านสักที... ไว้เจอกันใหม่พรุ่งนี้นะ ซาลาเปาลาวาที่รัก...




      สวัสดีครับ! ผมชื่อวินโดวส์ครับ ที่แปลว่าหน้าต่างน่ะ  แม่บอกว่าเพราะมีหน้าต่างจึงทำให้คนเรามองเห็นข้างนอกเสมอ ผมก็ไม่รู้หรอกว่ามันเกี่ยวข้องอะไรกับชื่อที่ตั้งให้ผม  แต่มันเท่ห์ดีผมก็ไม่คิดจะเปลี่ยนหรอกครับ...
      ผมเป็นพนักงานเซเว่นครับ ที่จริงแค่ชั่วคราวน่ะ ผมมาทำแทนเพื่อนที่ลาออก เดี๋ยวพอเขาหาคนใหม่ได้ผมก็กลับไปทำงานของผมเหมือนเดิม อย่าถามนะครับว่างานอะไร ผมอธิบายมันไม่ถูก... เอาเป็นว่าตอนนี้ผมเป็นพนักงานเซเว่นธรรมดาๆแล้วกันนะครับ...

      งานขายของ... มันก็ไม่มีอะไรมากนะครับ แค่พอได้ยินเสียงตื้อดือก็ตะโกนว่าสวัสดีครับยินดีต้องรับครับ ซึ่งบางที ไม่สิ! หลายๆทีเลย ที่ผมตะโกนบอกสุนัขอยู่เรื่อยไป... คือสุนัขกับเซเว่นมันของคู่กัน หลังๆก็ชินครับ ปล่อยมันไป...
   
      อ่อ! มีอีกเรื่องที่น่าสนใจ ทุกวันครับ ย้ำนะครับว่าทุกวัน! จะมีผู้ชายคนหนึ่ง ก็ดูดีในแบบเซอร์ๆ อธิบายยังไงดีล่ะ เขาดูซกมกแต่ไม่สกปรกน่ะครับ ผมนี่เป็นคนอธิบายอะไรให้เข้าใจยากนะครับ ข้ามไปบ้างก็ได้นะถ้าไม่เข้าใจน่ะ  ผู้ชายคนนั้นจะมาซื้อซาลาเปาลาวาทุกวัน ก็ไม่รู้จะติดใจอะไรนักหนา... ผมลองกินดูมันก็งั้นๆแถมแพงด้วย ลูกละตั้ง15บาท... แต่พอเห็นหน้าเขาตอนที่เดินออกไปกินข้างนอกร้านแล้วก็ขำไม่ได้  เหมือนผู้หญิงได้กินเค้กอร่อยๆแล้วทำหน้าฟิน... อ่า... ใช่ล่ะ! หน้าฟิน แบบฟินมากๆอ่ะครับหลับตาพริ้ม ปากงี้ ฉีกไปจะถึงหูอยู่ล่ะ  แต่แปลกนะครับ ผมถามชื่อเท่าไรก็ไม่ตอบ ดูเป็นคนนิสัยเสียนะว่ามั๊ย  ผมอุส่าต์จะทำความรู้จักลูกค้าประจำสักหน่อย แต่ก็งั้นล่ะครับ  ทำไงได้...  ผมว่าเขาเป็นคนตลกมากกว่าน่ากลัวนะ...
   
      “น้องคะ เอาซาลาเปาลาวา4ลูกค่ะ...”ผมมองหน้าผู้หญิงที่มาซื้อก่อนจะพูดคำพูดประจำที่ต้องฝึกให้ชิน

      “รอสักครู่นะครับ”

      ผมก้มลงค้นก่อนจะพบว่าเหลือซาลาเปาลาวาแค่4ลูกเท่านั้น  แต่....ให้ตายสิ! วันนี้ ‘เขา’ ยังไม่ได้มาซื้อเลยนะ แบบนี้เขาก็ไม่ได้กินน่ะสิ...

      “เอ่อ... ขอโทษนะครับ เหลือซาลาเปาลาวาแค่2ลูก รับอย่างอื่นแทนได้มั๊ยครับ”ผมตัดสินใจเดินไปบอกผู้หญิงที่รออยู่

      “งั้นเหรอคะ... งั้นเอาใส้หมูสับมาอีกสองลูกก็ได้ค่ะ”ผมพยักหน้ารับก่อนจะไปจัดการตามที่ลูกค้าต้องการ...
   
      “เอาซาลาเปาลาวาสองลูก”

      ‘เขา’ มาแล้ว วันนี้เขามาเย็นกว่าปกติ ที่จริงเขาก็ไม่เคยมาตรงเวลาอยู่แล้วล่ะ... แต่นี่มันเย็นกว่าที่เคยๆผ่านมา ผมยิ้มแล้วตอบรับกลับไปก่อนจะไปหยิบซาลาเปาลาวาสองลูกที่ผมเอาหลงไว้ด้านในสุด สองชิ้นที่ผมเก็บเอาไว้ให้เขา... ผมจับมันอุ่นก่อนจะเอาออกมาใส่ถุงแล้วคิดเงินให้เขาตามปกติ  วันนี้เขาดูซึมๆไม่ค่อยเหมือนอย่างเช่นทุกวันที่จะมองผมแบบเหวี่ยงกว่านี้  พอได้ของที่ต้องการ เขาก็เดินออกไปนอกร้าน หยิบมันขึ้นมาแล้วกัดลงไปหนึ่งและคำต่อไป... ผมทำใจทนไม่ได้สุดท้ายผมก็ต้องทิ้งเคาเตอร์ไว้แล้วเดินออกไปหาเขา

      ตื้อดือ...

      เขาหันกลับมาตามเสียง ปากยังคงกัดซาลาเปาไว้เต็มคำ  เมื่อเขาเห็นผม เขาก็หันกลับไปเหมือนเดิม... ผมเดินไปยืนข้างเขา แต่เขาก็ไม่สนใจผม

      “วันนี้ซาลาเปาไม่อร่อยเหรอครับ”ผมลองถามออกไป...
   
      “เปล่าหรอก.... มันก็เหมือนทุกวัน อร่อยดี...”ผมแอบตกใจนะที่เขาตอบผมกลับมาอย่างปกติสามัญ แต่มันไม่ปกติเลยสำหรับคนอย่างเขา...

      “งั้นทำไมไม่ยิ้มล่ะครับ ไม่ทำหน้ามีความสุขเวลาที่ได้กินน่ะ ระวังลาวามันจะร้องไห้เอานะครับ...”ผมหันไปบอก....

      “แล้วตอนนี้ผมไม่ได้ยิ้มหรือไงล่ะ ผมก็ยิ้มไง...”

      เขาหันหน้ามาให้ผมดูเต็มตา  รอยยิ้มฝืนๆนั้นทำให้ผมใจเสีย... ทั้งๆที่ผมไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร ไม่รู้กระทั่งชื่อหรืออายุ  แต่ผมกลับเป็นห่วงเขามาก...

      “อย่าฝืนเลยครับ... ผมรู้นะ... ว่าตอนนี้คุณไม่ได้ยิ้มจากใจเลยสักนิด เขาว่ากันว่าดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ... ตอนนี้ตาคุณเศร้ามากเลยนะครับ หัวใจคุณกำลังร้องไห้อยู่รึเปล่า?”
   
      ผมลูบไหล่เขาเบาๆ ผมเพิ่งรู้ว่ามันบางแค่ไหนก็วันนี้... ไหล่เขาเกร็งทันทีที่ผมแตะลงไป ซาลาเปาลาวาอีกหนึ่งลูกถูกยัดเข้ามือผมก่อนที่เขาจะวิ่งออกไปโดยที่ไม่หันกลับมามอง... นี่ผม... ทำอะไรพลาดไปรึเปล่านะ?

      ‘เขา’ หายไปแล้วทั้งสิ้น3วันเต็ม.... เป็น3วันที่มีซาลาเปาลาวาถูกเก็บเอาไว้สองลูกเสมอในทุกๆเย็นที่เช็คสต๊อกสินค้า... ผมยังคงกันซาลาเปาสองลูกนี้ไว้เผื่อว่า... เขาจะเดินเข้ามาทำหน้าเหวี่ยงๆใส่ผมแล้วสั่งซาลาเปาลาวาสองลูกอีกสักครั้ง...  มันคงเป็นฝันลมๆแล้งๆ เพราะแค่ชื่อเขาผมยังไม่รู้เลย...  อีกแค่2วัน... พนักงานที่รับไว้ก็จะมาเริ่มงานได้  นั่นหมายถึงผมจะไม่มีโอกาสได้เจอกับเขาอีก... เพราะผมเองก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะขอทำงานเป็นพนักงานที่นี่ต่อ...

      ก็แค่ภาวนาว่าในอีกสองวันนี้ เขา... จะกลับมาหา ‘ซาลาเปาลาวา’ ที่ยังรอเขาอยู่บ้างก็เท่านั้น...
   
      ไม่รู้สิ... บางทีในตอนนั้นผมอาจจะลืมนึกไปว่า... ซาลาเปาลาวาไม่ได้มีขายที่เซเว่นแห่งนี้ที่เดียว...

      สุดท้ายเขาก็ไม่ได้มา... ผมเองก็ได้เวลากลับแล้ว หมดกะงานของผมมีพนักงานใหม่เข้ามาแล้วก็มีพี่พนักงานคนอื่นเตรียมที่จะสอนงานให้กับเขา... ผมเก็บกระเป๋าที่ใส่ของก่อนจะเปิดประตูสำหรับพนักงานออกมา ยกมือไหว้และทักทายรุ่นพี่กับน้องมาใหม่ ก่อนจะเดินออกจากร้าน... หมดแล้วสินะ... ความหวังของผม...

      “โดวส์ๆ เอานี้ไปด้วย!”รุ่นพี่พนักงานเอาของใส่ถุงส่งให้กับผม
      “อะไรอ่ะครับพี่... ผมต้องจ่ายเงินป่ะเนี่ย”
      “ม่ายๆ ไม่ต้อง เดี๋ยวพี่จัดการเอง  เห็นเราเก็บไว้นานแล้ว เผื่อว่าจะอยากได้ ซาลาเปาลาวาไง”
      
      พี่พนักงานเฉลย  ผมชะงักไปครู่นึง ก่อนจะยกมือขอบคุณแล้วเดินออกจากที่นั่น...
   
      ผมเดินกลับจนเกือบจะถึงหอพัก... มันเป็นหอพักราคาไม่แพงเท่าไร แต่มันสะดวกตอนที่ผมมาทำงานที่เซเว่นนี้  ผมคงต้องคืนห้องนี้แล้วกลับบ้านสักที...

      “เอาซาลาเปาลาวาให้สองลูกหน่อยสิ...”

      เหมือนภาพสโลว์โมชั่น ผมค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองตามเสียง ร่างของคนคุ้นเคย....

      ‘เขา’ ยืนอยู่ตรงหน้าผม... นี่ผมไม่ได้ฝันไปใช่ไหม...

      “นี่... มีรึเปล่า?”ผมกำลังจะส่ายหน้ากลับไป  แต่แล้วก็นึกขึ้นได้ก่อนจะหันไปยิ้มให้กับเขา...

      “รอสักครู่นะครับ...”

      ผมเปิดประตูห้อง เดินไปที่ไมโครเวฟ เอาซาลาเปาลาวาสองลูกออกมากดอุ่น แล้วใส่จานเดินออกไปหาเขา... เขามองหน้าผมสลับกับจานก่อนจะหยิบไปแค่หนึ่งลูกแล้วยืนพิงระเบียงหน้าห้องผม...

      “ผมชื่ออาร์ซ... ออกเสียงซอโซ่ด้วยนะ...”

      ผมเงยหน้ามองเขาอย่างตกใจปนดีใจ  คำถามที่ผมถามเขามาเกือบสิบรอบที่เราเจอกัน... เขายอมตอบผมในเวลาสุดท้าย เวลาที่เราอาจไม่ได้เจอกันอีกแล้ว...

      “อืมมมม.... อร่อย... ยังอร่อยเหมือนเดิมเลย...”

      ผมหันไปมองคนที่ละเลียดกินซาลาเปาลาวาที่หลับตาพริ้ม รอยยิ้มนั่น... เขากลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วสินะ...

      “อ้าว... นายไม่กินเหรอ? กินสิ ฉันอุส่าต์แบ่งให้ชิ้นหนึ่งนะ ไปล่ะ เจอกันพรุ่งนี้ที่ร้านนะ”

      อาร์ซบอกแล้วเดินลงบันไดไป... ผมส่งเสียงเรียกเขาไม่ทัน... ผมแค่จะบอกเขาว่าผมไม่ได้เป็นพนักงานเซเว่นสาขานั้นแล้ว... สุดท้ายผมก็ทำได้แค่หยิบซาลาเปาอีกหนึ่งลูกที่เหลือค่อยๆละเลียดกินมัน... น่าแปลกที่มันอร่อยกว่าที่ผมเคยกินมา... เมื่อยามที่ผมนึกถึงเจ้าของใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุขตอนที่ได้กินมันก็เท่านั้นเอง...
   
      ผมย้ายออกจากหอในเช้าของอีกวัน  ผมไม่เห็นวี่แววของอาร์ซเลยในเช้าวันนี้ เดินวนไปที่เซเว่นเผื่อจะเจอเขาซื้อซาลาเปาลาวาอยู่ก็ไม่เห็น... สุดท้ายผมก็ต้องย้ายกลับไปบ้านโดยที่ยังไม่ได้บอกลาเขาเลยสักคำ...

      เกือบหนึ่งอาทิตย์ที่ผมกลับมาอยู่บ้าน  มันแปลกมากที่ผมกินซาลาเปาลาวาที่เซเว่นสาขาแถวบ้านแล้ว มันกลับไม่อร่อยเหมือนอย่างที่เคย... ผมแทบจะตระเวนไปเซเว่นทุกที่ที่ผมสามารถไปได้ เพื่อหาซาลาเปาลาวารสชาติที่ผมคุ้นเคย...

      เสียงเมโลดี้ดนตรีที่ผมคุ้นเคยเพราะผมใช้มันเป็นเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ดังขึ้นที่เบาะข้างที่นั่งคนขับ ผมโยนเอาไว้เองแหละ... หน้าจอขึ้นเบอร์ที่ไม่รู้จัก  ผมกดรับก่อนจะเสียบหูฟังเข้ากับหูของตัวเอง
   
      “สวัสดีครับ”
      -วินโดวส์!-
      “ครับ? นั่นใครครับ”
      -ไม่บอก!-
      “อ้าว... แล้ว...”
      -นายหายหัวไปไหนเป็นอาทิตย์! ซาลาเปาลาวาที่เซเว่นไม่เห็นอร่อยเหมือนตอนนายทำเลย ฉันให้เวลานาย5นาที มาที่นี่เดี๋ยวนี้!!-
      “ที่นี่? ที่ไหนล่ะครับ”
      -ไม่บอก! รีบมา อย่าให้ฉันโมโห-
      “โห... ไม่บอกอะไรสักอย่าง... ผมจะไปหาถูกมั๊ยครับอาร์ซ”
      -ถ้านายมาทัน ฉันจะตอบคำถามนายวันละข้อ ดังนั้น ด่วน!!-

      เสียงตัดไปแล้ว... ผมอมยิ้ม  ห้านาทีสินะ... ได้เลย! แล้วคุณจะต้องตอบคำถามผมทุกข้อแน่ อาร์ซ!

      สี่นาที สามสิบห้าวินาที ผมมาหยุดอยู่ตรงหน้าผู้ชายที่ชื่ออาร์ซ ในมือเขาถือซาลาเปาลาวาที่กัดแล้วทุกลูกอยู่เกือบ10ลูก...
   
      “มันไม่อร่อย... ทำซาลาเปาลาวาให้สองลูกหน่อยสิ...”

      หน้าเซเว่นที่ผมเคยทำงานอยู่ ที่ๆผมกับเขาเจอกัน... 

      ผมยิ้ม แต่เขาไม่ยิ้ม... ผมหมายถึงที่ปากน่ะนะ แต่ที่ตาเขาน่ะ มันเต็มไปด้วยความสุขจนแทบล้นทะลักเลยล่ะ...
   
      “รอสักครู่นะครับ...”

      ผมใช้สิทธิ์ที่รู้จักกับพี่พนักงานเก่าๆขอแอบเข้าไปรื้อซาลาเปาลาวามาอุ่นเองสองลูกก่อนจะเอาไปคิดเงิน  อาร์ซเดินตามเข้ามาก่อนจะว่างเงินให้สามสิบบาท...

      “รับมา30บาทนะครับ ‘รับให้ผมจีบ’เพิ่มมั๊ยครับ...”

      ผมยิ้มให้เขา...
   
      “ก็เอาสิ...”

      และเขาก็ยิ้มกลับมาให้ผมทั้งปากทั้งตา...

      ผมไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับเขาเลย รู้แค่ว่าเขาชื่ออาร์ซ ชอบกินซาลาเปาลาวาที่ ‘ผมอุ่น’ ให้เอามากๆ แต่ผมว่าแค่นั้นก็เพียงพอแล้วที่ผมจะชอบเขา... บางทีผมอาจจะชอบเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเจอกันแล้วก็ได้... ใครจะไปรู้... เนอะ!

 

Hello! Everybody! My name is < ARTZ > !!

โอไฮโย โกไซมัส!! มินนะซัง!! วาตาชิโนะนามาเอะวะ <อาร์ซ> !!

      ผมเจอกับ ‘มัน’ เมื่อประมาณ2สัปดาห์ก่อน... ที่เซเว่นหน้าปากซอยบ้านผมเอง
      ผมไม่ชอบขี้หน้ามันเอามากๆ ถ้าไม่ติดว่าผมชอบ ‘ซาลาเปาลาวา’ ล่ะก็... ผมจะไม่ไปเหยียบที่นั่นเลย...
      แต่ทำไม... ‘มัน’ ถึงดูผมออก... ไม่เคยมีใครจับความรู้สึกของผมได้...

      โชคชะตาเล่นตลกอะไรกับผมอยู่!!

      เมื่อมันหายไปเป็นอาทิตย์... ผมแทบบ้า ซาลาเปาลาวาของโปรดกลับไม่อร่อยเลยสักนิด...
      มันทำอะไรกับผมกับแน่... ผมกลัวมันจริงๆนะ...

      ผมว่าโชคชะตาอยากมีเรื่องกับผมแล้วล่ะ!!

      สุดท้ายผมก็ทนไม่ได้... ต้องไปหาเบอร์โทรศัพท์มันมา...
      เพียงเพื่อให้มันมาอุ่นซาลาเปาลาวาให้กิน... แต่มันแปลกมากๆ...
      ทำไมวันนี้ซาลาเปาลาวาอร่อยกว่าที่ผมเคยกินมาตลอดชีวิตซะอีก... ผมว่ามันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ...
   
      ที่สำคัญนะครับ!!


i LikE YoU!!<Window>

ผมจะไม่บอกมันเด็ดขาดครับ!!!


--------------------------------------------------------------------

ขอโทษคร้าบบบบบ  :sad4:

มาช้ากว่าสัญญาไป1วันเต็ม เมื่อคืน ลืม.... //น้อมรับความผิดครับ

จัดหน้ายากส์มาก! ถ้าไม่ว่างไม่จัดจริงๆนะเนี่ย!!!

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
 :-[ น่ารักมากอ่ะ
อาร์ซนี่หนุ่มซึนป่ะเนี่ย

รอมังกรตัวต่อไปนะ อิอิ  :mew1:

ออฟไลน์ koikoi

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +311/-13

ออฟไลน์ KKKwanGGG

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
สนุกมากครับ น่ารักทุกคู่เลย แต่ที่ชอบมาก ๆ ก็ สัก - นัท , ต๊อก - พรต , ต้นน้ำ - ปักษา , ค้อน - กระดาษ

ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ Sirada_T

  • We Will [Luk] You!!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
ผมเป็นคนบ้า... แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย


SP. สงกรานต์บานบุรี~
       


              สวัสดีครับทุกท่าน  หวังว่าทุกท่านคงยังไม่ลืมกระผม นายนัทคนบ้าผู้น่ารักที่สุดในโลกที่มีผัวนามว่าสักผู้ที่หล่อเหี้ยๆ หล่อแบบมากกว่าเหี้ยสักสามระดับ มีเพื่อนตัวน้อยๆชื่อว่าต๊อกซึ่งไอ้ตัวน้อยๆของมันก็ใหญ่ว่าผมสักยี่สิบเท่าได้ ที่สำคัญไอ้เพื่อนตัวน้อยนี่มันก็มีเมียครับ เมียมันบอกไปชื่อคงคุ้นหูหลายๆท่าน นั่งก็คือพรตเมียรักของไอ้ต๊อกผู้ซึ่งมีลูกติดนามว่าน้องก้อยที่โตมาแล้วเสือกแปลงร่างจากเด็กผู้หญิงกลายเป็นเด็กผู้ชายแล้วได้ชื่อใหม่คือลิตเติ้ลซึ่งแม่งก็แปลว่าเล็กเหมือนกับชื่อก้อยของมันแล้วที่ยิ่งกว่านั้นคือมันเองก็มีผัวชื่อเหี้ยๆเลยว่ายุง  อย่าถามว่ามันไปได้กันยังไง  พูดทีไรผมนี่อยากจะเตะก้านคอไอ้ยุงทุกที  
            เอาล่ะครับ! ผมเล่ามาขนาดนี้  ถ้าจำผมไม่ได้ก็ปิดหน้าต่างไปนะครับ ฝนจะตกแล้ว เอ้ย! แหม่ อากาศร้อนขนาดนี้  ฝนตกนี่ผมจะไปแก้ผ้าเล่นน้ำฝนเลยเหอะ  นี่ผมพล่ามอะไรอยู่ ใครรู้พิมสรุปให้ผมฟังที ผมยังไม่รู้เลยเนี่ย เอิ๊กๆ  

            “อิม... อยู่ไหนครับเนี่ย”
            มาแล้วๆ เสียงผัวที่น่ารักที่สุดในสามโลกของผม... อิอิ
           “แบร่! ฮาๆๆ  เหวอดิเหวอ  เห็นเค้าน่ารักใช่มั๊ยล้า คิกคิก”
           ผมหัวเราะเอิ๊กอ๊ากด้วยความสะใจหลังจากที่แกล้งคนรักที่กำลังเดินมาหาให้ตกใจได้นิดหน่อย แต่แหม่... ปกติมันเคยตกใจกะใครเขาที่ไหนล่ะครับ
           “มาทำอะไรตรงนี้ครับ หืม... ไปแต่งตัวได้แล้วครับ นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวแบบนี้ ผมเรียกว่ายั่วนะครับ”
          มันทำสายตากรุ่มกริ่ม ไม่รู้เลยครับ แหม่! ไม่รู้เลยว่ามองหัวนมผมอยู่อ่ะ!  
         “ปิดตาๆๆ  ของสงวนห้ามมอง  อย่าดื้ออย่าซน ทำตัวดีๆ เชื่อฟังเมียนะครับ”ผมเอามือปิดตามันแล้วก็พล่ามอะไรนิดหน่อยก่อนจะวิ่งจู๊ดเข้าห้องแล้วกดล็อคประตู                                  
          วันนี้ผมมีนัดครับ เป็นปาร์ตี้เล็กๆกับเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ และลูกสาว เอ้ย! ลูกชายของมันลืมตัวครับ โทษที... ปกติก็มัวแต่จะนึกว่ามันมีลูกสาวตลอดเวลานึกถึงสมัยก่อนที่ลูกมันพูดจ๊ะจ๋านี่โคตรคิดถึงเลยครับ  โตมานี่มีแต่วะกับโว้ย... โคตรเถื่อนอ่ะบอกตรง  บ้ารับไม่ด้ายยยยยย!!!
              ก็อกๆ  
              “อิมครับ แต่งตัวเร็วๆนะ คนอื่นรออยู่ที่สนามหญ้าแล้วนะครับ”
              สักเคาะประตูพร้อมร้องบอก  ผมเดินไปที่หน้าต่างห้องแล้วแง้มมอง  จริงด้วยครับ เพื่อนๆกับลูกและผัวลูกเพื่อนมารอกันหมดแล้ว พร้อมกับสามีที่รักของผมที่กำลังเดินออกจากบ้านไปรวมตัวกับผู้อื่น ผู้ตัวอื่นจริงๆครับ  เพราะที่อยู่นี้ไม่มีใครเป็นตัวเมียสักคน...    
           
            ผมรีบคว้าเสื้อลายดอกสีส้ม กางเกงเลสีแดง แว่นตากันน้ำสีเขียว ปืนฉีดน้ำสีชมพู สะพายขึ้นบ่า  ก่อนจะเปิดหน้าต่างแล้วเล็งปืนไปยังเบื้องล่าง  
            “ตายซะ! ไอ้พวกสัตว์ประหลาดทั้งหลาย  ข้าพเจ้านามว่านัทนี่สุดน่ารัก ผู้เป็นตัวแทนของไฟจราจร จะลงทัณฑ์แกเอง  กร๊ากกกก  นี่แหน่ะๆๆ”
             สาดปืนที่เต็มด้วยน้ำลงไปด้านล่าง โดนบ้างไม่โดนบ้าง  ใครตั้งสติได้ก็วิ่งหลบลงไปก่อน  สุดท้ายก็เหลือแต่คนที่ไม่เคยเจอฤทธิ์เดชของผมยืนงงจนตัวเปียกซก... ไอ้ยุงตัวเห้นี่เอง...  
            “ไอ้บ้า ไอ้สัด! ลูกเขยกูเปียกหมดล่ะ หยุดฉีดเดี๋ยวนี่ ถ้าไม่หยุดกูจะเอาผัวมึงไปซ่อน!”ไอ้ต๊อกตะโกนขึ้นมา
           “ไอ้เลววว  เอาจุดอ่อนกูมาเล่นงาน  โธ่ เทพไฟจราจรได้โปรดอภัยให้ข้าด้วย  ข้ามไม่สามารถปราบเจ้าเหล่าร้ายได้  ข้ากลัวสามีหาย โฮ...”
            ผมยกมือขึ้นยอมแพ้แล้วพร่ำเพ้อไปเรื่อยจนมีคนตะโกนให้หยุด  
           “หยุดเพ้อเจ้อแล้วลงมาด่วนเลย  ไม่งั้นผัวมึงหายแน่  สิบ... เก้า...”ไอ้พรตตะโกนขู่ผมยกยิ้มแล้วชูสองนิ้วสู้ตายให้มัน  
          “น้องนัทสู้ตายค่ะ!”
          ผมปีนขึ้นบนหน้าต่างยืนตัวเต็มความสูงก่อนจะปล่อยตัวลงมาจากชั้นสองของบ้าน  ร่างกายตกลงตามแรงโน้มถ่วง ได้ยินเสียงโหวกเหวกดังลั่นตอนที่ผมกระโดดลงมา  
           หมับ!
         “จับนางฟ้าได้แล้ว!”
          สักวิ่งเข้ามารับผมไว้ได้ก่อนที่จะร่วงลงพื้น  แข็งแรงจริงๆ ผัวผมครับผัวผม ฮาๆๆ    
          “ไอ้บ้า ไอ้สัด! นี่ถ้า สักมันวิ่งไปรับมึงไม่ทัน หัวกระแทกพื้นกระโหลกยุบเลยนะเหี้ย!”
          ผมหัวเราะแห้งให้กับคำด่าของไอ้พรต มันเบิ๊ดกระโหลกผมไปทีนึง  
          “มึงตบหัวกูก็แรงพอๆกับหัวกูกระแทกพื้นแล้วล่ะสัดพรต  ไอ้ห่าต๊อก  มาเอาเมียมึงไปเก็บบบบบ!!”
          ผมพยุงตัวลงจากอ้อมกอดอบอุ่นของสุดที่รัก ก่อนจะลงยืนแล้วเดินไปหาคนที่ยืนตัวเปียกซกอยู่กลางสนาม  
         “อ้าว ร้อนก็ไม่บอก  บ้านกูมีห้องน้ำ โธ่ๆๆ  น่าจงจารรรร”ผมเอามือยีหัวมันก่อนจะหัวเราะร่า  วันนี้สะใจจริงๆ  
         พับๆๆๆ  
         “โอ๊ย อ๊ากกก  ไอ้เลววว  สะบัดผมใส่เรอะ  เป็นหมาเหรอนี่  ไอ้หมายุง ไอ้หมายุ๊งงงงงง”
          ผมวิ่งหนีไปเกาะสักไว้หลังจากที่ไอ้ยุงมันมองหน้าผมแล้วก็สะบัดหัวใส่ ท่าคล้ายๆหมาสะบัดขน มันเดินทำหน้ายุ่งๆไปรับผ้าขนหนูจากไอ้ลิตเติ้ลเมียมัน  

          หลังจากทักทายกันพอเป็นพิธี  พวกเราก็ได้ฤกษ์ดีรวมหัวกันนั่งบนโต๊ะพลาสติกมีไอ้หมา  หมาที่ผมเลี้ยงไว้นอนอยู่ใต้โต๊ะอีกที  พวกเราเฮฮากันตามประสาลูกผู้ชาย  ถึงอายุจะขึ้นเลขสี่  แต่หน้าตายังดีเหมือนเดือนมหาลัยอยู่นะครับ ฮาๆ  
        “เฮ้ย เดี๋ยวกูไปเปิดเพลงแปป”
        ผมบอกก่อนจะลุกขึ้น  เดินไปเปิดเครื่องเสียงที่แบกกันมาไว้นอกบ้าน  กดเลือกเพลงไปมา แล้วก็เจอเพลงที่ผมต้องการ  
 
       ‘สวัสดีวันปีใหม่พา ให้บรรดาเราท่านรื่นรมย์  
      ฤกษ์ยามดีเปรมปรีดิ์ชื่นชม  ต่างสุขสมนิยมยินดี...’
 

       ผมเดินกลับมาที่โต๊ะ คนที่เหลือนั่งฟังเพลงสักพักก่อนจะมีคนถามเสียงเครียดๆขึ้นมา  
       “พี่บ้า วันนี้มันวันสงกรานต์นะพี่...”
        เป็นไอ้ลิตเติ้ลนั่นเองที่คงทนไม่ได้เลยถามขึ้นมาลองเชิง
       “อือ แล้ว...?” ผมพยักหน้ารับ  มันพูดถูกวันนี้วันสงกรานต์ ก็ไม่ผิดนี่
          “แล้วเพลงมันเป็นเพลงปีใหม่... พี่บ้าเข้าใจอะไรผิด?”
           มันถามอย่างสงสัย...  มีเสียงหัวเราะขำๆจากคนที่รู้ทันผมดังขึ้นมาคนนึง  จะใครซะอีกล่ะครับ  ไอ้สักที่รักของผมนี่ไง
           “น้องก้อยผู้น่ารักและอ่อนต่อโลกนะครับ...  เดี๋ยวพี่บ้าสุดหล่อจะถามอะไรน้องก้อยสักหน่อย  วันนี้คือวันสงกรานต์ ถูกไหมครับ”ไอ้ลิตเติ้ลพยักหน้า  ผมครางฮืมแล้วถามต่อ  
             “แล้ววันนี้มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าอะไรรู้ไหมครับ”  
             “ก็วันปีใหม่... ไทย  อ๋อ!!!”
             มันทำหน้าราวกับตรัสรู้  ผมหัวเราะรวน  ในขณะที่ไอ้พรตได้แต่ตบไหล่ลูกตัวเองเบาๆแล้วบอกว่าอีกนานกว่าจะตามทันคนอย่างผมได้... คนอย่างผมนี่มันยังไงกันอ่ะ!!!  

               หลังจากนั้นพวกเราก็เฮฮากันตามประสาคนโสด(ไม่จริง) คนไม่ซิงแถมยังไม่โสด แหม่... ก็มีผัวมีเมียมาคุมทั้งนั้น  ส่วนเรื่องแก๊งค์และบริษัท... อย่าถามครับอย่าถาม  มีผัวดูแลทั้งที  ล่มจมบัดซบไปหมดแล้วครับ เอิ๊กกกก.... ล้อเล่นนะผัว อย่าใจน้อย เดี๋ยวหัวล้านไว คิกคิกคิก...
             “เป็นเห้ไรวะบ้า... เดี๋ยวหน้าตึงเดี๋ยวขำเดี๋ยวขมวดคิ้ว  พวกกูตามมึงไม่ทัน”
              ไอ้พรตยกขาเตะเอวผมเรียกสติ...  โว๊ะ ไอ้พวกนี้ขัดใจคนบ้า!
             “ขอโทษทีที่ตามไม่ทัน พอดีสมองกูใช้เครื่องยนต์แสนล้านแรงม้า ติดจรวดเทอร์โบ ไม่อยากจะโม้ว่าติดบอลลูลลอยฟ้า แถมอีกทีว่าติดป้ายขายเซลล์ ฮาๆๆๆๆ”
              ผมหัวเราะเอิ๊กอ๊ากด้วยความสะใจ  ไอ้พรตไอ้ต๊อกส่ายหน้าอย่างเอือมระอา  แต่คนอย่างไอ้บ้า... ชิกชิกคูลคูลกันไป อุวะฮาฮ่า
              จู่ๆทั้งโต๊ะก็เงียบครับ... รู้จักมั๊ยครับเดดแอร์ ที่อยู่ๆทุกคนก็เงียบพร้อมกัน  พวกเราชะงักแล้วมองหน้ากันไปมา เสียงดนตรีบรรเลงระรัวคล้ายเสียงหัวใจเต้น  เหงื่อกาฬไหลซึมบริเวณไรผมจนเปียกชื้น ผสมกันเสียงเกาขนแกรกๆของเจ้าหมาที่นอนอยู่  เสียงลมพัดหวิดไหวใบไม้กระทบกันตามแรงลู่ลม  สายตาทั้งหกคู่สอดประสาทประหนึ่งว่ากำลังจะมีเหตุร้ายบังเกิด!  
           “ไอ้เหี้ยยยยยย   กูยอม กูแสบตาาาาาาาาาา”
           เป็นไอ้พรตที่ร้องขึ้นก่อน ก่อนจะตามด้วยเสียงซี๊ดซ๊าดของหลายคนที่กระพริบตาปริบๆไหลหยดน้ำตาออกจากเบ้าตาที่แดงเถือก  
          “ฮาๆๆๆ  มึงแพ้มา39ครั้งแล้วนะไอ้พรต  ทำสถิติใหม่เหรอมึง กร๊ากกก”ผมหัวเราะร่วน    
          “พ่อพรตนี่ไม่ไหวเลย  สู้ผมก็ไม่ได้”ไอ้ลิตเติ้ลครับ ไอ้ตัวเล็กมันอวดใหญ่หลังจากที่ชนะพ่อมันได้อีกครั้ง  
         “เออ สาดดดด  จำไว้นะมึง... รอบหน้ากูไม่แพ้แน่ ถ้าแพ้กูยอมขึ้นขย่มไอ้เหี้ยต๊อกสามวันสามคืน”ไอ้พรตลั่นคำสัญญา
          “ปกติมึงก็ขึ้นขย่มอยู่แล้วไม่ใช่เหรอวะ หรือกูจำผิด ฮาๆๆ”ไอ้ต๊อกขายเมียตัวเองครับ  
            จากนั้นเป็นไง... ก็โดนฝ่ามือพิฆาตตบดังพลั๊วะสนั่นโต๊ะครับ  พวกเราเงียบประมาณสามวิ  แล้วก็... ก็ลั่นสิครับ ถามได้  
           ผมหันไปอ้อนไอ้สักเป็นพักๆ  มันเองก็ผสมโรงหยอดคนโน่นคนนี่ตามสไตล์คนนิ่งๆอย่างมัน   ไอ้ต๊อกไอ้พรตตอนนี้ปีนไปนั่งตักขย่ม เอ๊ย! โยกหัวตามจังหวะเพลงที่ผมเปิดไว้ครับ  ส่วนลิตเติ้ลกับไอ้ยุง ช่างมันครับ ขี้เกียจอธิบายแล้ว...
             บางทีผมก็คิดนะ... ว่าการที่คนเราจะได้มาเจอมาคบกันเนี่ยมันเป็นพรหมลิขิตหรือว่าตัวเราะลิขิตเอง  ไม่แน่ถ้าวันนั้นผมไม่หนีออกจากบ้าน  ถ้าวันนั้นไอ้สักไม่เดินผ่านมา  หรือถ้าตอนนั้นผมไม่มากับมัน  วันนี้ผมจะได้นั่งตรงนี้มั๊ย  หรือผมกำลังทำอะไรอยู่...

             โอ๊ย! พูดแล้วอยากย้อนเวลา!

             “สักกกก....  อิมอยากได้ไทม์แมชชีน”  
             “เอาไปทำไมครับ หืม...”สักก้มมามองหน้าผมที่เลื้อยอยู่แถวๆท้องของมัน นุ่มอ่ะ อุ่นจัง  
             “อยากย้อนเวลา  อยากรู้ว่าถ้าไม่เจอสักตอนนี้อิมจะอยู่ที่ไหนทำอะไรอยู่”
             ผมยู่ปาก  อยากรู้ๆๆ  มีไทม์แมชชีนขายที่ไหนไหม...  ให้ขายตัวไปซื้อไทม์แมชชีนก็ยอม ฮาๆ  
             “ไม่ต้องหรอกครับ  เพราะยังไงอิมก็จะนั่งตรงนี้นี่แหละ สักรู้”
             “ทำไมอ่ะ  มึงเป็นผู้หยั่งรู้อนาคตเหรอ  ไอ้สัก มึงปลอมตัวมาเหรอวะ ม่ายยยย”ผมยกหัวขึ้นมาแล้วส่ายหน้าแบบที่คิดว่ากวนตีนที่สุด  
             “พูดไม่เพราะอีกแล้วนะครับ ที่สักรู้น่ะ ก็เพราะว่า ต่อให้วันนั้นสักไม่เจออิม  แต่สักก็จะต้องตามหารักแท้ของสักให้เจอ  นั่นก็คืออิมไงครับ”
              มาพร้อมสายตาหยดย้อยทำเอาผมหายบ้าไปชั่วขณะ
            “อ้วกกกก  ไอ้เหี้ย กูเลี่ยน”ไอ้ต๊อกขัดขึ้นกลางปล้อง  ผมหันไปเขม่นสายตาใส่มัน  
             “มึงไม่เคยพูดก็หุบปาก  คนจะหามอย่าเอาคานมาสอด”ผมหันไปแว้ดใส่
             “หามขึ้นเตียงแล้วยกขาให้อ่ะดิคนอย่างมึงอ่ะ  โด่วๆ”
            ไอ้ต๊อกพูดครับ  ผมมองหน้ามันไป  เห็นไอ้พรตที่นั่งข้างหน้ามันหน้าแดงขึ้นเรื่อยๆ... แหม่  เห็นคนหวานกันเลยอายแทนงั้นสิเพื่อนกู  น่ารักจริงงงง
           
          เอ๊ะ! เดี๋ยว.. ไม่ใช่ล่ะๆ  

           “ไอ้เหี้ยต๊อกกกก...  มาทำบัดสีบัดเถลิงในบ้านกูได้ไง... ไอ้เหี้ย เอามือออกจากกางเกงเมียมึงเลยสาดดดด  แยกๆ ลุกเลยลุก....”
           ผมถลาไปคว้าตัวไอ้พรตให้ลุกขึ้นจากตักผัวมัน แม่ง! ขึ้นครับขึ้น  มาทำไงได้ไง  ไอ้สักยังไม่เคยทำผมแบบนี้เลยนะ (อ้าว!)  
           “แหม่... อีกนิดกูจะเสร็จอยู่แล้วครับเพื่อน  ขอต่อเวลาแปปไม่ได้เหรอวะ”
            ไอ้ต๊อกมองหน้าผมแล้วยิ้มยียวน(ตีน)มาก ส่วนไอ้พรตก็ก้มหน้าก้มตาเขินชิงแชมป์หน้าแดงเป็นมะเขือเทศเน่าแห่งประเทศไทย จัดโดยไอ้บ้าคนนี้แหละครับ
          “ไปว่าวไป๊! ไอ้เหี้ยนี่!”ผมโวยวาย...  หันไปมอง  อ้าว ไอ้ยุงกับไอ้เติ้ลหายไปแล้ว  ดีมาก สงสัยทนมองพ่อกับพ่อ(?)ทำบัดสีกันไม่ได้
           “ฮาๆๆ  นานๆจะเห็นมึงขึ้นทีนะเนี่ย  มาๆ มานั่งๆ กูไม่ทำอะไรล่ะ”ผมมองตามอย่างไม่ไว้ใจ  แต่ไอ้ต๊อกมันก็ไม่ได้ทำอะไรตามที่พูด  ผมเลยสบายใจไปหน่อยนึง

            ซ่าๆๆๆ

            “ไอ้เหี้ยยยยย  ใครเปิดสปริงเกอร์น้ำ!”
             ความวัวไม่ทันหายความควายเข้ามาแทรก!  ผมกระโดดหลบน้ำที่สาดใส่ผมจนเปียกซ่ก  

              ใคร! ใครหน้าไหนบังอาจมาแกล้งผมวะครับเนี่ย!

              แต่หลบให้ตายยังไงผมก็เปียกมะล่อกมะแล่กอยู่ดี  เพราะบ้านผมติดสปริงเกอร์ไว้ทั่วสนามหญ้า เต็มปากเต็มหน้าเลยครับกูเนี่ย...
              “พ่อพรต พ่อต๊อก น้าสัก พี่บ้า...  สวัสดีปีใหม่ไทยวันสงกรานต์นะครับ”
             ผมหันไปมองตามเสียง  ไอ้ยุงกับไอ้เติ้ลกำลังช่วยกันถือพวงมาลัยแล้วก็ขันเงินที่ใส่น้ำเอาไว้...  แหม่... ผมงี้น้ำตาไหลพรากเลยครับ
              “ไอ้เหี้ยยุง  กูรู้มึงเปิดสปริงเกอร์ ปิดเลยสัด!”ผมตะโกนสวนน้ำที่พุ่งเข้าปากอยู่เป็นระลอกๆ...  แหวะ...  
             “ฮาๆ  ครับๆ”
             มันตะโกนตอบกลับมาจากนั้นมันก็เดินหายเข้าไปในบ้านใหม่  สักพักน้ำที่พุ่งอยู่ก็หยุดลงไป  สาบานได้เลยว่า วันพรุ่งนี้ผมจะจัดการถอดสปริงเกอร์น้ำออกแล้ว!
              “พ่อมานั่งตรงนี้หน่อยดิ  น้าสักกับพี่บ้าด้วย  มานั่งๆๆ”
              ไอ้เติ้ลมันดันหลังทุกคนให้ไปนั่งที่เก้าอี้  ข้างกายมีไอ้ยุงที่ถือพวงมาลัยมาสี่พวงกับขันอีกหนึ่งใบ  
              “ผมกับยุงขอรดน้ำดำหัวพ่อกับน้าแล้วก็พี่นะครับ  ในวาระวันปีใหม่ไทย ทุกคนก็อวยพรให้ผมด้วยนะ”
               ไอ้เติ้ลพูดแล้วมันก็ค่อยๆรดน้ำให้พ่อมันสองคน  คู่นั้นมันก็อวยพรอะไรกันไปตามเรื่อง จากนั้นมาก็มารดน้ำผมกับสัก  
              “กูขอให้มึงเป็นคนดี  ทำอะไรก็ได้แต่สิ่งดีๆ  เรื่องเหี้ยๆบัดซบอะไรขอให้แม่งตายไปตั้งแต่วันนี้  ตัวเหี้ยๆอะไรที่เกาะอยู่ก็ขอให้หายไป”ผมพูดแล้วเหล่ตาไปที่ไอ้คนข้างๆมัน
            “ส่วนน้าขอให้เราทั้งคู่รักกัน  ขอให้ชีวิตเราดีขึ้นๆ  ทุกอย่างที่คิดประสบความสำเร็จ  ถ้าท้อหรือเหนื่อยก็กลับมาพัก  มาหาพ่อหาน้า  กลับมาเอากำลังใจนะ”ไอ้สักเอาน้ำในมือลูบหัวทั้งสองคน ผมก็เอาน้ำในมือแปะๆที่หัวไอ้เติ้ล
          “ส่วนมึง...”
           ผมหันไปมองไอ้ยุง  ก่อนจะคว้าขันน้ำทั้งหมดมาราดใส่หัวมัน...
          “โชคดีสำลีแปะหัว ไอ้สัด!”ผมหัวเราะเบาๆกับความสะใจน้อยๆที่เกิด...  

            จากนั้นมหกรรมต่อสู่กันด้วยน้ำจัดมาเต็ม...

            ถึงปีนี้พวกเราจะไม่ได้ออกไปไหน  ถึงอายุเราจะมากขึ้นทุกปีทุกปี   แต่ตราบใดที่ข้างกายผมยังมีมัน... ที่รักของผม...  ผมก็ยังอยากจะเป็นคนบ้า  อยากจะเป็นคนแบบนี้ที่จะสามารถยืนข้างมันไปได้ตลอด...  

             แต่ตอนนี้เหรอ...  

           “สักกก  มึงสาดน้ำใส่กู  ไอ้เหี้ย...”

            ขอตัวไปเล่นน้ำสงกรานต์ก่อนก็แล้วกัน!!  


_____________________________________________________

Talk

จะบอกว่าแต่งเสร็จตั้งแต่วันศุกร์แล้วค่ะ แต่เน็ตพังorz นี่มาจิ้มๆจากมือถือ ใช้เวลาเกือบชั่วโมงเลย... เห็นเรื่องที่อัพล่าสุด เดือนสี่ปีที่แล้ว... #รู้สึกหายหัวไปนานมากค่ะ คือกำลังอยู่ในช่วงม.6ที่กำลังจะแอด นี่ก็สอบหมดแล้วรอยื่นคะแนน ไม่ได้จะบอกว่าจะมาอัพต่อนะคะ ตอนนี้ทำงานอยู่ว่างน้อยมาก ฮา.... แต่ถ้าว่างจะรีบมาแต่งเรื่องอื่นต่อค่ะ

หวังว่าจะไม่มีใครค้างกับตอนนี้เนอะ.....

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
อิมยังเกรียนเหมือนเดิม สุขสันต์วันสงกรานต์ค่ะ

ออฟไลน์ Aumy8059yaoi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
พี่บ้ายังเกรียนได้ตลอดรอดฝั่งจริงๆ 5555

ป.ล.เค้ายังรอมังกรอีก7ตัวน๊าาาา คนเขียนอย่าทิ้งกันน๊าาาาาา :ling1:

แล้วก้ขอเรื่องอื่นๆด้วยนะค่ะ ชอบอ่ะ มากๆๆๆๆๆๆๆเลย :mew1:
 :pig4:

ออฟไลน์ Aomampapeln

  • แมวเหมียว เมี๊ยว เมี๊ยว~
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
 ก็ยังเป็นคนบ้าที่น่ารัก​เหมือนเดิม :-[ :-[
รออัพครั้งต่อไปนะค่ะ สู้ๆ ✌✌
Ps.ยังไม่ลืมมังกรอีก 7 ตัวนะค่ะ ☺☺

ออฟไลน์ iNklaNd

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 663
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
น่ารักทุกเรื่องเลย
แต่บางเรื่องก็อ่านไป น้ำตาไหลไป
เศร้ามากๆ

ออฟไลน์ Sirada_T

  • We Will [Luk] You!!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
鸱尾 ขอ 'กิน' บ้างดิ!


               เคยมีตำนานกล่าวไว้ว่ามังกรคือสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ในแผ่นดินจีน ทุกคนต่างเคารพบูชา โดยจำแนกมังกรได้เป็น 9 จำพวก... อันประกอบไปด้วย  ปี้ซี่ ชือเหวิ่น ผูเหลา ปี้อั้น เทาเทีย หยาจื่อ  ซวนหนี เจียวถู และฉิวหนิว โดยมังกรแต่ละตัวจะมีความชอบที่แตกต่างกัน... จึงทำให้สถานที่ที่จะพบเจอมังกรแต่ละตัวนั้นมักจะไม่เหมือนกัน หากแต่แท้จริงแล้ว... มังกรทั้งเก้านั้นต่างก็คือพี่น้องที่กระจัดกระจายกันออกไป มังกรทั้งเก้านี้ต่างออกไปส่งต่อสายเลือดของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ยังดินแดนต่างๆทั่วชมพูทวีป... จนเวลาล่วงเลยผ่านมาหลายพันปี...


--------------------------------------------------------------------------------------

 
‘เรื่องราวของลูกหลานชือเหว่ย มังกรที่ชอบกลืนกินและเหม่อมอง...’


   “เฮ้ยเจต ไปกินข้าวกัน”ร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มเดินมาเคาะประตูเรียก ก่อนที่ผู้ที่ถูกเรียกชื่อจะเงยหน้าขึ้นมองแล้วส่งเสียงตอบกลับไป
   “ครับพี่ ไปก่อนเลยครับ เดี๋ยวผมตามไป”คนที่ยืนอยู่พยักหน้ารับแล้วเดินออกไป เหลือเพียงชายหนุ่มผมสีแทนที่ทำหน้านิ่งๆเหมือนไม่สนใจโลกค่อยๆเก็บของบนโต๊ะลงในลิ้นชัก ทีละชิ้น ทีละชิ้น ก่อนจะคว้าโทรศัพท์และกระเป๋าตังออกมาเป็นอย่างสุดท้ายแล้วลุกขึ้นเดินตามคนอีกคนที่ยืนรออยู่หน้าประตูใหญ่ของบริษัท

   เป็นเรื่องที่คุ้นเคยกันดีของคนในออฟฟิศ ที่เมื่อถึงเวลาพักกลางวันเมื่อใด ชายหนุ่มสองคนนี้มักจะไปกินข้าวด้วยกันเสมอ ไม่ว่าใครจะติดธุระอย่างไร อีกฝ่ายก็จะยังคงรอและไปพักเที่ยงพร้อมกัน  ถึงจะมีหลายเสียงในบริษัทซุบซิบนินทาให้ผ่านมาระคายหู  แต่ก็ใช่ว่าเจ้าตัวจะรู้สึกยินดียินร้ายอะไร ซ้ำยังปล่อยผ่านจนข่าวลือนั้นซาลงและมีเรื่องใหม่เรื่องอื่นเข้ามาแทนที่ จวบจนกระทั่งทุกวันนี้ ทุกอย่างยังคงเป็นเหมือนเดิม  เช้าตอกบัตรเข้าทำงาน ต่างคนต่างอยู่ เดินผ่านก็ทักทายกันตามประสาคนรู้จัก มีบ้างที่เจตจะได้รับขนมเล็กๆน้อยๆมาวางอยู่บนโต๊ะ เขากินขนมเหล่านั้นตลอดถึงจะไม่รู้ว่าใครเอามาวางไว้ แม้จะมั่นใจเกินแปดสิบเปอร์เซนต์ว่าเป็นคนที่เขาคิดไว้นั่นแหละที่เอามาวาง
   “วันนี้จะกินอะไร?”เสียงเรียบๆเอ่ยถาม  เจตหันไปมองตามแล้วกวาดตามองร้านอาหารภายนอกบริษัท
   “กระเพาะปลาครับ”การตอบสั้นๆยังคงเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวอย่างหนึ่งของเจต ซึ่งเจ้าตัวเคยบอกว่า ชอบที่จะมองมากกว่าพูด ซึ่งทุกคนก็ดูจะเข้าใจเขาได้ดี ตราบใดที่งานที่เขาทำยังไม่มีสิ่งใดผิดพลาดจนเกินจะให้อภัย ซึ่งนั้นคงเป็นการยาก เพราะสิ่งที่เจตทำนั้นดีกว่าเพื่อนร่วมงานหลายๆคนมากนัก จึงไม่มีใครสงสัยโวยวายอะไร ปล่อยให้เจตทำงานอยู่คนเดียวเงียบๆแบบที่เจ้าตัวต้องการ
   เมื่อเดินมาถึงร้านกระเพาะปลา เจตเดินไปรินน้ำใส่แก้วแล้วเดินมานั่งที่โต๊ะ เนื่องจากร้านไม่ได้ใหญ่โตมากนักและไม่มีลูกจ้างคอยให้บริการ ลูกค้าส่วนใหญ่ที่มาจึงต้องบริการตัวเองหากไม่อยากคอแห้งตายเพราะหิวน้ำไปเสียก่อน
   “งั้นผมเอากระเพาะปลาพิเศษสองชามครับ  ชามนึงไม่ใส่ไข่กับเครื่องในนะครับ เอาหน่อไม้เยอะๆ”เสียงของอีกคนสั่งอยู่หน้าร้านก่อนจะตามมานั่งที่โต๊ะ หยิบแก้วน้ำไปดูดน้ำอึกใหญ่
   “อาการข้างนอกร้อนมากเลยเนอะ เจตว่ามั๊ย”
   “มันก็ปกตินี่ครับพี่  นี่ประเทศไทยนะไม่ใช่สวิต”เจตว่าหน้าตาย  ขณะที่ใครอีกคนมองหน้าแล้วเผลอหลุดขำพรืดออกมาดังลั่น
   “โอเคๆ พี่ขอโทษ พี่ผิดเองแหละที่ลืมไปว่านี่ประเทศไทย”เจตพยักหน้าและเหม่อมองคนที่เดินผ่านไปผ่านมา  คนที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ชื่อตั้ว  คาดว่าน่าจะมาจากกระตั้ว แต่ถ้าถามกันตามจริง ก็ไม่มีใครรู้เหมือนกัน เพราะพอรู้จักกันก็ได้ยินแต่คนเรียกว่าตั้วๆมาตลอดจนเขาเรียกตามไปอย่างเคยชิน เจตมองคนที่เดินผ่านไปมาอยู่อย่างนั้นจนกระเพาะปลาพิเศษสองชามมาเสิร์ฟเขาจึงได้เริ่มลงมือรับประทานอาหาร
   “เดี๋ยวเจต  อันนั้นของพี่  ของเจตไม่ใส่ไข่ ไม่ใส่เครื่องในแล้วก็หน่อไม้เยอะๆ ชามนี้”ตั๊วเลื่อนชามกระเพาะปลาตรงหน้าตัวเองสลับกันของอีกคนนึง  เจตพยักหน้ารับแล้วลงมือปรุงรส
   “วันนี้งานเป็นไงบ้างเจต”เสียงตั้วดังถามขึ้น  เจตละสายตาจากชามกระเพาะปลาสบตากับคนตรงหน้าแล้ววางช้อนลง
   “ก็ดีพี่...  งานก็เหมือนๆเดิม  คนก็คนเดิมๆ ปัญหาก็ปัญหาเดิมๆ ไว้วันไหนมีอะไรแปลกใหม่ผมจะเล่าให้พี่ฟังแล้วกัน”เจตตอบ พร้อมกับรับทิชชู่มาจากคนตรงหน้าเพื่อเช็ดขอบปากที่เลอะเทอะออก
   “เหรอ อืม... ก็ดี  งานพี่เนี่ยสิ โดนคอมเพลนจากลูกค้ามา ปวดหัวน่าดู  เรื่องมากเอาแต่ใจสุดๆไปเลย พอแก้ให้ก็บอกไม่ชอบอีก นี่ไม่รู้จะทำยังไงแล้วเนี่ย”ตั้วส่ายหน้าอย่างปลงๆ
   “พี่ก็ทำได้อย่างนะครับ... ทำใจ”
   “อุ๊บ! โอ๊ย! โอเคๆ งั้นพี่จะทำใจล่ะกันนะ ฮาๆๆ ปลอบใจหน้าตายของเรานี่ พี่ดูทีไรก็ขำทุกทีสิหน่า”ตั้วเอามือกุมท้องแล้วปาดน้ำตาที่ไหลที่หางตาเล็กน้อย  ทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรกันอีกจนกระทั่งกระเพาะปลาทั้งสองหมดชาม

   “พี่เก็บเงินเลยครับ”


--------------------------------------------------------------------------------------


   เป็นอีกวันนึงที่การทำงานผ่านไปอย่างเชื่องช้า  เจตละสายตาจากจอคอมพิวเตอร์แล้วนวดที่ขมับเบาๆ เป็นเวลาบ่ายคล้อยย่ำเย็นหลังจากการกลับมาจากช่วงพักกลางวัน เจตเหลือบมองนาฬิกา

   ‘อีก 2 ชั่วโมงจะเลิกงานแล้วสินะ’ เขาคิดในใจคนเดียว พักนี่เขามักจะเพลียๆในการทำงาน เพราะตำแหน่งของเขาต้องใช้ไอเดียมากในการนำเสนอ ทำให้เขาต้องคิดรูปแบบต่างๆในทุกๆวัน กว่าจะรู้ตัว มือของเจตก็คลำหาอมยิ้มที่ปกติจะมีติดตัวเอาไว้ประมาณสองสามแท่งไว้อมเวลาที่คิดอะไรไม่ออก แต่เขาก็นึกขึ้นได้ว่าแท่งสุดท้ายนั้นเพิ่งจะหมดไปเมื่อบ่ายนี่เอง และเขาก็ยังไม่ได้ไปซื้อใหม่เสียที

   “เจต หิวยัง เอาขนมเปล่า?”เสียงพี่ในบริษัทตะโกนถามจากโต๊ะทำงานฝั่งตรงข้าม  เจตหันมองก่อนจะตะโกนกลับไป
   “เอาเลยครับพี่ ผมไม่หิวครับ”เขายิ้มกลับให้แทนคำขอบคุณ จากนั้นก็ลงมือทำงานในมอบหมายของตัวเองต่อไป เพราะความอ่อนล้าของสมองบวกกับดวงตาที่พร่าเพราะแสงจากจอคอมพิวเตอร์ทำให้เจตต้องละลายตาจากจอคอมสักครู่ใหญ่ จังหวะนั้นเองเจตก็เหลือบมองเห็นเงาของคนร่างสูงมายืนค้ำโต๊ะ
   “ก๊อกๆ เอาขนมมาส่งครับผม”ใบหน้าคุ้นเคยโผล่เข้ามายิ้มใส่ หากเป็นปกติ คงจะมีมาแต่ขนม ไม่แน่ใจเท่าไรว่าทำไมวันนี้ตั้วจึงมาด้วยตนเอง แต่เจตก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก พลางละมือจากแป้นพิมพ์คีย์บอร์ดมารับขนมไทยโบราณรูปทรงสามเหลี่ยมที่ถูกห่อเอาไว้ด้วยใบตองทรงสวยคาดทับด้วยใบมะพร้าวและกลัดเอาไว้ด้วยไม้กลัดบนปลายยอด
   “ตั้ว ซื้อไรมาอ่ะ ขนมใส่ไส้เหรอ ไม่แบ่งพี่ๆบ้างเลยนะ”เสียงหยอกเอินแสดงความเป็นคนเองจากคนรอบข้าง แม้จะไม่ได้อยู่แผนกเดียวกัน แต่ตั้วก็เดินเข้านอกออกในจนเป็นที่คุ้นชินของคนในแผนกเสียแล้ว
   “โถ่พี่ก็... ไว้คราวหน้านะครับ รอบนี้ผมไม่คิดว่าพี่ๆจะอยู่ครบกันขนาดนี้”ตั้วยิ้มเรียกเสียงหัวเราะและรอยยิ้มเอ็นดูจากพี่ๆทุกคนในแผนกได้เป็นอย่างดี
   “วันนี้ไม่มีงานเหรอ”เสียงจากคนข้างตัวทำให้ตั้วก้มไปมอง เห็ฯคนที่พูดกำลังก้มหน้าก้มตาสนใจกับของว่างในมือ
   “ว่างไง เลยแวะมา เดี๋ยวจะกลับไปแล้ว”เจตพยักหน้าบรรจงค่อยๆแกะไม้กลัดออกวางไว้ข้างตัว คลี่ใบมะพร้าวออกมาและเปิดใบตองออกเพื่อดูเนื้อใน
   “ข้าวเหนียว?”เจตพูดขึ้นงงๆเมื่อมองเห็นเนื้อในของขนมตรงหน้า แทนที่จะเป็นขนมใส่ไส้อย่างที่คิดไว้ตามรูปทรงบรรจุภัณฑ์ที่เห็น แต่เจตก็ไม่ได้คิดอะไรคว้าข้าวเหนียวก้อนนั้นใส่ปากหน้าตาเฉย ปล่อยให้คนเอามายืนอึ้งแล้วปล่อยเสียงหัวเราะอย่างอดไม่ได้
   “เฮ้ยเจต กินจริงดิ... อันนั้นมันหมดแล้ว พี่ใส่ข้าวเหนียวมาแกล้งเราเฉยๆ ข้าวเหนียวนั้นพี่ซื้อมาตั้งแต่เช้าแล้วเอามากินกับหมู โถ่! ฮาๆๆ”หัวเราะไปปาดน้ำตาไป ตั้วดึงมือของอีกคนไว้ก่อนที่จะหยิบข้าวเหนียวไปกัดต่ออีกคำหนึ่ง แล้วหยิบห่อใหม่ที่ซุกไว้ในกระเป๋ากางเกงมาให้
   “เอ้านี่! อันนั้นอ่ะแกล้ง อันนี้ของจริง เจ้าอร่อยด้วยนะ ลองๆ ส่วนอันนี้เดี๋ยวพี่เอาไปทิ้งให้”ตั้วแย่งข้าวเหนียวในมือเจตมาถือไว้เอง ก่อนจะแกะไม้กลัดขนมอีกห่อออกแล้วยื่นขนมไทยกลิ่นหอมไปตรงหน้า เนื้อสีขาวขุ่นของกะทิสดใหม่หอมๆ และกลิ่นหวานนิดๆ ของเนื้อมะพร้าวที่ผสมกับน้ำตาลปี๊บส่งกลิ่นออกมายั่วเย้าใจของคนตรงหน้า เจตไม่รอช้าที่จะรับขนมใส่ไส้ไปจากมือตั้ว ใช้ไม้กลัดแทนส้อน ตัดแบ่งขนมออกเป็นสองชิ้น จิ้มชิ้นแรกเข้าปาก ก่อนจะจิ้มอีกชิ้นแล้วเอาไปจ่อให้ที่ปากของอีกคน
   “แบ่งกัน”คำพูดสั้นๆแต่เข้าใจง่ายตามความหมาย ตั้วอ้าปากรับก่อนจะเก็บกวาดเศษใบตองและไม้กลัดออกจากโต๊ะ เดินไปทิ้งขยะทั้งหมดลงในถังแล้วยกมือไหว้พี่ๆในแผนกเพื่อขอตัวลา
   “พี่ไปแล้วนะเจต ตอนเย็นเจอกันนะ”

 
--------------------------------------------------------------------------------------

   เวลาผ่านไป2ชั่วโมงนิดๆ เจตกำลังเก็บของออกจากโต๊ะเพื่อที่จะกลับบ้าน ส่วนคนที่รอนั้นยังคงไม่มา  เจตเหลือบมองเป็นบางทีที่มีคนเดินผ่านหน้าแผนก เมื่อรู้ว่าไม่ใช่ก็ก้มลงเก็บของต่อไป ทำแบบนี้สักสี่ห้าครั้งจนคนในแผนกเริ่มสังเกตเห็น
   “เดี๋ยวตั้วก็มาเจต  ทางนั้นอาจจะกำลังคุยธุระอยู่ ไม่ต้องห่วงหรอกหน่า ตั้วเคยผิดนัดเราที่ไหนล่ะ”พี่แม๊กซ์อดีตหนึ่งในขบวนการร่วมล้อคู่รักเงียบๆคู่นี้พูดขึ้นมา
   “เปล่าสักหน่อยพี่... ผมไม่ได้มองสักหน่อย”เจตปฏิเสธ หากแต่สายตายังคงเหลือบมองที่หน้าแผนกเป็นระยะๆ
   “โอเคครับโอเค ไม่ได้มองเลย... เน๊อะ!”แม๊กซ์หันไปหัวเราะร่ากับคนข้างๆที่หาเรื่องล้อเจตได้สำเร็จ เจตส่ายหัวเบาๆ แล้วก้มหน้าก้มตาเก็บของต่อให้เสร็จ ไม่ถึงสองนาทีเป้ใบเก่งก็ถูกสะพายขึ้นบ่าหนึ่งข้าง เจตกระชับมือให้แน่นกันเป้ร่วงตกก่อนจะเดินออกจากแผนก แต่ก็ไม่ลืมหันไปบอกลาคนอื่นๆที่ยังคงทำโอทีกันต่อ เดินไปได้ไม่ไกล เสียงวิ่งกระหืดกระหอบก็ดังขึ้นมากระชั้นชิด ก่อนจะหยุดลงที่ข้างกาย มือหนารั้งแขนของเจตไว้ให้หยุดยืนนิ่งๆครู่หนึ่ง
   “เดี๋ยวเจต แปป ขอพักก่อน ไม่ไหวแล้ว แฮกๆๆ”ตั้วแลบลิ้นออกจากปาก อีกมือที่ว่างก็พัดตัวเองไม่หยุดบ่งบอกว่าอีกฝ่ายเหนื่อยขนาดไหนที่วิ่งตามเจตออกมา
   “ทำไมไม่รอล่ะ พี่บอกแล้วไงว่าเดี๋ยวตอนเย็นเจอกัน”ตั้งถามหลังจากพักจนหายเหนื่อย
   “ก็เจอแล้วนี่ครับ ไม่งั้นพี่จะคุยกับผมได้เหรอ”เจตถามกลับ พลางส่งผ้าเช็ดหน้าให้อีกฝ่ายเอาไปซับเหงื่อ
   “พี่หมายถึง... โอเคๆ พี่พูดไม่เคลียร์  คราวหน้ารอพี่ที่แผนกนะ”เจตพยักหน้าทำความเข้าใจ ก่อนจะช่วยถือกระเป๋าของอีกฝ่ายให้ เมื่อเห็นว่าตั้วยังไม่หายเหนื่อยเท่าไรนัก  ทั้งสองคนเดินคู่กันไปเรื่อยๆจนถึงร้านข้าวต้มโต้รุ่งเจ้าหนึ่งแถวๆหอพัก ตั้วเดินไปหยิบเมนูส่วนเจตก็เดินไปนั่งรอที่โต๊ะ
   “เจตเอายำไข่ดาวเหมือนเดิมใช่ไหม ยังเอาหมึกผัดไข่เค็มอีกมั๊ย”เสียงคนตรงข้ามที่นั่งรอจดเมนูจากอีกคนถาม เจตพลิกเมนูในมือไปมาแล้วส่งคืนให้ตั้ว
   “เอาเหมือนเดิม เอาหมึกด้วย แล้วก็เพิ่มคะน้าปลาเค็มมาอีกจานแล้วกัน พี่ชอบไม่ใช่เหรอ”ตั้วไม่ได้พูดอะไร แต่จดเมนูลงกระดาษในมือแล้วเดินเอากระดาษไปส่งให้กับเดินเสิร์ฟที่ยืนรออยู่
   “ถามจริง ทำไมกลางวันถึงกินข้าวเหนียวไป พี่นึกว่าเจตเห็นแล้วจะไม่กินซะอีก”ตั้วถาม เจตที่กำลังมองโต๊ะกับบรรยากาศรอบๆหันมาสบตาก่อนจะหันกลับไปมองที่อื่นเหมือนเดิม
   “ก็พี่ให้มา...”
   รอไม่นาน อาหารที่สั่งก็ทยอยมาเสิร์ฟพร้อมกับถ้วยข้าวต้มอีกสองถ้วยและน้ำแข็งอีกสองแก้ว  ตั้วรับน้ำแข็งไปวางตรงหน้า แกะขวดน้ำแล้วเทใส่แก้วทีละใบ ส่วนเจตรับถ้วยข้ามต้มแล้วเอามาคนเบาๆทั้งสองถ้วย ค่อยๆใช้ปากเป่าไล่ความร้อนออกไปสักครู่ถึงได้ส่งชามที่ดูจะเย็นลงไปให้อีกฝ่าย ตั้วรับชามมาคล้ายเป็นเรื่องปกติ ก่อนจะลงมือกินอาหารตรงหน้าไปอย่างเงียบๆ
   “รอบนี้อร่อย”เสียงของเจตดังขึ้นพร้อมๆกับช้อนที่ตักยำไข่ดาวไปไว้ในชามของตั้ว ตั้วพยักหน้า ตักยำไข่ดาวขึ้นมาใส่ช้อน เป่านิดๆแล้วเอาเข้าปาก
   “อืม... อร่อยดี  ดีกว่ารอบที่แล้วเยอะเลย สงสัยพ่อครัวคนละคนกัน”ตั้ววิจารณ์แล้วตักหมึกผัดไข่เค็มส่งให้เจตบ้าง
   “แลกกัน... อันนี้ก็อร่อย  นี่หนวดที่เจตชอบเลยนะ นี่พี่เสียสละให้นะเนี่ย”
   “พี่ไม่กินหนวดต่างหากล่ะ”เจตเถียงกลับเบาๆ ส่วนตั้วก็ได้แต่หัวเราะแล้วก้มหน้าก้มตากินกันต่อไปจนทุกอย่างเกลี้ยงจาน เจตดูดน้ำในแก้วเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้เมื่อพนังงานเดินมาทอนเงินทอน

   เจตกับตั้วเดินไปด้วยกันในซอยทางเข้าหอ  ระยะทางระหว่างหอกับที่ทำงานของทั้งคู่ไม่ได้ไกลมากนัก แต่ก็ไม่ได้ปลอดภัยพอที่จะเดินคนเดียวได้แบบชิวๆ เพราะเหตุนี้การเดินกลับพร้อมกัน หาอะไรกินแล้วก็เดินเข้าหอด้วยกันแบบนี้ก็เป็นความคิดที่ไม่เลวเท่าไรนัก
   “กินอมยิ้มอีกแล้วน่ะ...”ตั้วบ่นให้กับอีกคนที่หยิบอมยิ้มที่ซื้อมาใหม่ยัดเข้าปาก
   “เดี๋ยวฟันก็ผุแบบคราวที่แล้ว แล้วก็ต้องลางานไปอุดอีกหรอก”เจตเหลือบมองหน้าคนข้างๆ
   “เดี๋ยวแปรงฟัน...”คำตอบสั้นๆที่เป็นเอกลักษณ์ถูกตอบออกมา  ตั้วหันมามองแล้วส่ายหน้าอย่างปลงๆ
   “งั้นแบ่งมากินอันนึง”ตั้วแบมือขอ คนถูกขอมองมือสลับกับหน้าของคนที่ขอก่อนจะดึงอมยิ้มออกมาจากปากตัวเอง
   “มีอันเดียว...”อมยิ้มในมือของเจตถูกยื่นไปตรงหน้าของคนที่ขอคล้ายกับเป็นคำท้าทายว่าอีกฝ่ายจะกล้าพอที่จะกินของต่อจากเขาหรือเปล่า  ตั้วเลิกคิ้วมอง ก่อนจะอมยิ้มแล้วอ้าปากอมอมยิ้มในมือของอีกฝ่ายเข้าปากอย่างไม่รังเกียจ ส่วนเจตก็รีบดึงมือกลับ ปากก็เอาแต่บ่นพึมพำว่า ‘กล้าเกินไปแล้ว’
   “เจต  มือพี่ยังว่างอยู่นะ”เจตหันไปตามเสียง แล้วก้มลงมองมือของอีกฝ่ายที่ยังยื่นมาอยู่ตรงหน้า

   “ก็เอาอมยิ้มไปแล้ว...”

   ตั้วส่ายหน้าก่อนจะมองลงที่ข้างตัวของอีกฝ่าย

   “พี่ไม่ได้หมายถึงอมยิ้ม พี่หมายถึงอีกอย่างนึงต่างหาก...”

   น่าเสียดายที่พนักงานในบริษัทในเคยล้อคนทั้งคู่เอาไว้ เพราะไม่ได้มาเห็นภาพบางอย่าง ไม่แน่ว่าถ้ามีใครมาเห็นเหตุการณ์ตอนนี้ กระแสข่าวลืออาจจะโด่งดังขึ้นมาอีกครั้ง เพราะภาพที่จะได้เห็นก็คือ...


   
ผู้ชายสองคนที่สะพายกระเป๋ากันคนละข้าง คนๆหนึ่งกำลังอมอมยิ้มพร้อมกับอมยิ้มเล็กๆ ในขณะที่อีกคนเอาแต่มองรอบตัว โดยที่ ‘มือข้างหนึ่งของทั้งสองคน กำลังเกาะกุมเอาไว้ด้วยกัน’ ในซอยเล็กๆที่จะไม่มีใครเข้ามาเห็นพวกเขาในช่วงเวลาแบบนี้นั้นเอง....

--------------------------------------------------------------------------------------


แอร๊ยยย!! จบไปอีกเรื่องแล้วกันซีรีย์มังกร นี่เอาคู่พี่รองมาก่อนเลย น้องๆรอไปก่อน ถ้าใครจำได้ ตอนที่แล้วบอกว่าเริ่มทำงานพิเศษแล้ว  คือคู่นี้อิคนเขียนได้แรงบันดาลใจจากพี่ๆในออฟฟิศค่ะ  :hao7: ทั้งฉากชวนไปกินข้าว ฉากขนมใส่ไส้ไส้ข้าวเหนียว(อันนี้คนอื่นแกล้งค่ะ แต่คนเขียนมโนเอา) แต่พี่เขากินจริงๆนะ จำได้ว่าฮากันทั้งแผนก ฉากอมยิ้มนี่ก็ด้วย แต่ว่าเรื่องจริงคงไม่มีใครอมต่อเนอะ... (ข้ามไปปปป) บ่นกับเพื่อนที่มาทำงานพร้อมกันนานมากแล้วว่าอยากเขียนคู่นี้  สุดท้ายก็เข็นมาลงได้จริงๆ  พล็อตตอนนี้อยากได้เป็นอะไรที่เรียบๆ ไม่ต้องตื่นเต้น แต่แอบหวานอยู่ในที สุดท้ายเลยลงมาเป็นแบบนี้แหละค่ะ

ส่วนคู่อื่นๆ...  ก็รอพล็อตก่อนนะคะ... อีก8วันจะประกาศผลแอดแล้ว คนเขียนนี่ใจจะวายค่ะ ไม่รู้จะได้ที่ไหน (ฮา)
// ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าค่าาาาาาา  :bye2:

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
ขออนุญาตเม้นท์ตั้งแต่เรื่องแรกนะค้าา..^^

รักสองตระกูล
:heaven ซึ้งจังเลยค่าา~ ดีจังค่ะที่เจ้าชายได้ครองรักกันดั่งใจหวังจริงๆ เสียที (คือเราปักใจเชื่อมากเลยค่ะ ว่าทั้งสองคนคือเจ้าชายที่กลับชาติมาเกิดใหม่อีกครั้ง <<< ไปเอาความมั่นใจมาจากไหน :laugh: ) มีความสุขตามทั้งสองคนไปด้วยเลย~ ><

I wiil pray
… มันต้องไม่ใช่อย่างนี้สิค้าา o9 คุณคนเขียนใจร้าย~ น้ำตาเราไหลพรากๆ แล้วน้า T^T น้องภาต้องใช้ชีวิตให้มีความสุขมากๆ นะคะ ให้สมกับที่ที่หนึ่งได้ฝากความรักและความหวังดีไว้กับหนูคนที่เป็นดังเช่น 'ที่รัก' ของที่หนึ่ง และอีกอย่าง ที่หนึ่งเขาจะได้นอนหลับฝันดีไปตลอดกาลด้วยเน้อ~

ผมเป็นคนบ้า แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย
… ฮ่าๆ นัทตลกจังเลย ไม่อยากเป็นมาเฟียจนหนีออกจากบ้านไม่พอ ยังถูกคนอื่นมองว่าเป็นบ้าก็ไม่แคร์แบบนี้นี่สุดโต่งได้อีกค่ะ เมื่อเป็นแบบนี้แล้วก็สบายคุณพ่อไปเลยสินะคะเนี่ย เพราะ คราวนี้นอกจากจะได้ตัวลูกชายกลับมาบ้านแล้วทั้งที นัทยังพ่วงสักที่จะมารับตำแหน่งทั้ง 'หัวหน้าแก็งค์' และ 'ลูกเขย' ไปในคราวเดียวกันด้วยเลยน้า~ คุ้มจริงๆ เลยนะคะคุณพ่อ! >\\<

คนแรกXสุดท้าย... คำว่ารัก ก็แค่เนี๊ยะ
… น่ารักจังเลย :-[ โดยเฉพาะตอนที่น้องสุดท้ายตีแขนพี่คนแรกจนแดง แล้วตัวเองก็น้ำตาคลอเพราะรู้สึกผิดน่ะค่ะ โอ๊ยย~ น่าหยิกจริงๆ เลยค่าา~ มันเขี้ยวเหลือเกิน~

คำว่ารัก ก็แค่เนี๊ยะ!
… พี่เหรับยาดมสักหลอดไหมคะพี่ ท่าทางจะเหนื่อยน่าดูเลยนะคะน่ะ ก็แหม~ ต้องวิ่งรอบสนามตั้ง 50 รอบเลยนี่นา :laugh: กะจะแกล้งเขาแท้ๆ นอกจากจะไม่สำเร็จแล้วตัวเองยังต้องทำตามคำสั่ง(ของตัวเอง)อีกต่างหาก ฮ่าๆ เราเอาใจช่วยให้น้องคิมใจอ่อนกับพี่เหไวๆ ก็แล้วกันนะค้า~ >\\< 

พิเศษจากผมเป็นคนบ้าฯ
… เห็นด้วยกับสักเลยค่ะ ว่าพี่นัทเป็นคนบ้าที่น่ารักที่สุดในสามโลก~ >< ท่าทางการเป็นคนบ้าคงจะเป็นงานอดิเรกของพี่นัทอีกอย่างหนึ่ง นอกจากการอ่านหนังสือที่เป็นงานหลักใช่ไหมคะเนี่ย เพราะพี่นัทดูจะจริงจังกับสองสิ่งนี้มากเลยเน้อ~ แต่อะไรก็ไม่น่าดีใจไปกว่าการที่ได้ยินพี่นัทบอก 'รัก' สักหรอกนะค้าา ^^

คำว่ารัก... ก็แค่เนี๊ยะ! (เที่ยวXท่อง)
… พี่เที่ยวเป็นสุภาพบุรุษกว่าที่เราคิดไว้อีกนะคะเนี่ย :hao7: และที่ไม่น่าเชื่อเลยก็ตรงที่พี่เที่ยวเขียนไดอารี่บอกรักท่องเนี่ยล่ะค่ะ มันเป็นอะไรที่อิมพอสสิเบิลมากๆ ฮ่าๆ ฟรุ้งฟริ้งได้อีกจ้า ><

คำว่ารัก... ก็แค่เนี๊ยะ! (ต้นน้ำXปักษา)
:m3: น่ารักโฮกกกก เราชอบคู่นี้~ นี่แหละหนาที่คนเขาพูดกันว่า 'อย่าตัดสินว่าใครเป็นแบบไหนแค่เพียงตาเห็นเท่านั้น' เราเชื่อหมดใจเลยจ้า ^^ ถึงยังไงหมอปักษาก็เหมาะที่จะเป็นฝ่ายถูกกอดที่สุดแล้วล่ะเน้อ~ ><

คำว่ารัก... ก็แค่เนี๊ยะ! (เมฆาXน้ำฝน)
… พี่น้ำฝนเจ้าเล่ห์ได้อีกค่าา >< ต้องขอขอบคุณกองหนุนทั้งหลายด้วยนะคะเนี่ย ที่ทำให้ภารกิจรักครั้งนี้ประสบผลสำเร็จได้ด้วยดี เฮ้อ~ น้องเมฆเกิดทีหลังพี่น้ำฝนก็ต้องทำใจหน่อยนะคะ เพราะชั้นเชิงของน้องยังห่างจากพี่เขาโขเลยล่ะจ้า

ก็แค่นางฟ้า... ของผม
… นันท์โชคดีแล้วนะคะที่ได้มาเจอกับนนท์ ได้เจอกับความรักที่ยังคงมีอยู่จริงๆ เสียที ส่วนคำพูดว่าร้ายพวกนั้นนันท์อย่าไปใส่ใจเลยค่ะ ถึงยังไงคนเหล่านั้นก็ไม่มีค่าพอให้นันท์ต้องสนใจมากไปกว่า 'การประคับประคอง' ความรักนับจากนี้ของนนท์กับนันท์หรอกนะคะ ^^

เจ้านายครับ... มึงเป็นผัวกูนะ!!
… โธ่ต๊อก~ เล่นโกหกพรตมาตั้งสิบกว่าปีโดนโกรธแค่นี้ยังถือว่าน้อยไปนะคะเนี่ย น่าตีจริงๆ เลยเชียว คนบ้านี่! ปล่อยให้พรตกัดก้อนเกลือกินมาได้ตั้งนานสองนานนะคะ แต่ความรักของทั้งสองคนหวานมากๆ เลยล่ะค่ะ แถมยังซึ้งด้วยน้าา~ :mew4:

ปล. แอบอยากให้มีฉากที่พี่นัทกับเดอะแก็งค์มารุมสหบาทาเจ้าพวกตัวร้ายที่มาปากดีใส่ต๊อกกับพรตจังเลยค่ะ คงเท่ห์น่าดูเลยนะค้าา ><

คำว่ารัก... ก็แค่เนี๊ยะ! (ตอนพิเศษรวมทุกคู่ 1,2)
…  เป็นเกมส์ที่น่าสนุกมากๆ เลยค่าา พี่น้ำฝนครีเอทได้อีก! ทั้งขำทั้งสงสารเหล่าเคะน้อยๆ (ยกเว้นพี่ปักษา?) ทั้งหลายจังเลยค่ะ โดนต้มกันเสียเปื่อยขนาดนั้น แถมน้ำตายังไหลพรากๆ กันทุกคนแบบนั้นอีกน่ะ (ยังยกเว้นพี่ปักษา? อยู่ดีนั่นล่ะค่ะ) น่าจับมาฟัดแก้มซ้ายแก้มขวากันทุกคนเลยน้า~ (แต่อันนี้รวมพี่ปักษาด้วยนะคะ :laugh: ) แบบนี้ก็น่ากลัวว่าคุณเมะทั้งหลายจะถูกเหล่าเคะเขาแก้แค้นคืนเหมือนกันนะคะเนี่ย หึหึ สนุกแน่ล่ะงานนี้~

คำว่ารัก... ก็แค่เนี๊ยะ! (ตอนพิเศษ คิมหันต์Xเหมันต์)   
… น้องคิมเด็กน้อยแสนทะเล้นช่างน่าเอ็นดูเหลือเกิน~ ขี้อ้อนจนน่าหยิกจริงๆ เลยเชียว~ แถมโรแมนติกแบบนี้พี่เหก็ปีนขึ้นมาจากหลุมรักของน้องคิมไม่ได้กันพอดีสิค้า เอาใจช่วยพี่เหให้น้องคิมบอกรักพี่ไวๆ ด้วยคนนะคะ >\\< 

คำว่ารัก...ก็แค่เนี๊ยะ! (ตอนพิเศษ คนแรกXสุดท้าย) 
…  พี่คนแรกมาดเหมือนคุณชายเลยเน้อ~  งื้อ~ ทะนุถนอมน้องสุดท้ายเสียจนน้องขี้อ้อนหนักกว่าเดิมเลยนะคะน่ะ >< เป็นคู่รักที่อ่อนโยนกั่นเหลือเกินค่าา

ปล. อยากรู้จังเลยว่าใครยุให้น้องสุดท้ายขึ้นคร่อมพี่คนแรกแบบนี้กันคะ? ไม่ใช่อะไรหรอกค่ะ เราแค่อยากจะบอกว่า 'คุณทำดีมากค่า' ^^ 

ลิตเติ้ลยุง  โอเค! มึงเป็นผัวกู! 
… หนูก้อยน่ารักมากเลยค่ะ ท่าทางคงดีใจน่าดูเลยนะคะที่ได้รู้ว่าตัวเองเป็นผู้ชายน่ะ ฮ่าๆ แถมยังโดนยุงหลอกให้ลองทายาเองด้วย สงสัยหนูก้อยคงจะไม่ได้ฉุกคิดเลยล่ะสิคะ ว่าท่าทางล่อแหลมในการทายาของหนูมันไม่ไปสะกิดอารมณ์หื่นของยุงเข้าน่ะ สุดท้ายก็เลย~  เรียบร้อยโรงเรียนยุงจนได้ :laugh:   

รักทั้งทีต้องปากแบบนี้สิหน่า!     
… จอมทัพอย่าไปทำอะไรให้ขุ่นใจน้องนพเข้านะคะ ถ้ายังไม่อยากหูดับไปเสียก่อน ฮ่าๆ สมน้ำหน้าชะนีตอนเปิดเรื่องเสียเหลือเกินค่ะ กล้ามากที่มาต่อปากต่อคำกับน้องนพ (ผู้ชนะสิบทิศ) ของเรา?

รักสุดท้าย... คือนิรันดร์   
… เราเพิ่งจะได้รู้นี่ล่ะค่ะว่า 'น้ำตา' ที่ไหลพรากๆ ของเราคุ้มค่ากับตอนจบแบบนี้เหลือเกิน :heaven เพราะปกติถ้าตัวละครตายตอนจบ อาการหน่วงจะต้องตามมาตลอด แต่กับเรื่องนี้ดันเรียกรอยยิ้มของเราขึ้นมาแทนเสียอย่างนั้นล่ะค่ะ เฮ้อ~ ชอบแบบนี้จังค่าา

In Camera คุณครับ รักนะ...
… พี่ฟิล์มทำเนียนดึงน้องกล้องมานั่งตักไม่พอ ยังจะไปซุกไปไซร้น้องเขาอีกน้า เจ้าเล่ห์จริงๆ เลยเชียว~ อีกอย่าง ไหนๆ คุณพ่อของพี่ก็ให้มาน้อยแล้ว พี่ฟิล์มก็ยอมๆ ให้น้องกล้องเป็นฝ่ายกดพี่แทนก็แล้วกันนะค้าา >< เพราะถ้าน้องกล้องไม่ได้ใช้ 'ของ' ของตัวเองก็น่าเสียดายแย่เลยเน้อ~

ผมเป็นคนบ้า...  แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย ตอน...  บ้าก็รัก(ว่ะ)ครับ
… ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนทั้งสักแล้วก็พี่นัทยังหวานกันไม่เปลี่ยนแปลงเลยนะค้าา :-[  แต่พี่นัทอย่าหนีไปเป็นคนบ้าบ่อยนักสิคะ  สงสารสักบ้างเถ้ออ~ ออกตามพี่นัททุกครั้งจนน่าเป็นห่วงว่าจะเป็นอะไรไปอีกคนจังเลย เพราะอดหลับอดนอนนั่นล่ะค่ะ ฮึก~ ฝากบอกพี่นัทด้วยนะคะ T^T

พี่เนียนน่ะผมรู้...แต่ที่พี่ไม่รู้คือผม 'รัก'
… น้องสาววายคือจุดพีคของเรื่องนี้เลยค่ะ :laugh: ถ้าพี่ดราฟหน้าไม่เด็กจริงนี่เป็นพี่เนียนไม่ได้เลยนะคะเนี่ย เรื่องนี้น่ารักมากเลยค่าา :m3: อลันก็บุคลิกนุ่มๆ สุขุมๆ ดูเป็นผู้ใหญ่ควรค่าแก่การปกป้องพี่ดราฟมากเลย~ และอาจพูดได้ว่า 'การเข้าค่ายครั้งนี้ได้อะไรมากกว่าที่คุณคิด!!!' ใช่หรือเปล่าคะพี่ดราฟ~ *กระแซะๆ*

สิ่งที่คนหน้าตา(ไม่)ดีไม่มีวันเข้าใจ
… โอ๋ๆ :กอด1: ถอนตัวตอนนี้ก็คงจะไม่ทันแล้วล่ะค่ะกระดาษ~ เพราะค้อนเขาตีตราจองหนูไว้ทั้งตัวแล้วนี่น้าา แอร๊ย~ >\\< เรื่องพละกำลังนี่วัดจากแค่รูปร่างหน้าตาไม่ได้เลยจริงๆ ขอซูฮกให้ค้อนเลยค่ะ! ว่าแต่ ป่านนี้กรรไกรคงไม่ตื่นขึ้นมาเป็นพยานรักให้กับทั้งสองคนใช่ไหมคะเนี่ย หุหุ

ผมเป็นคนบ้า... แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย ตอนพิเศษ  วันพ่อ
… ซึ้งตามคุณพ่อทั้งสองท่านไปด้วยเลยค่ะ :mew4: แต่ยังไม่ถึงกับร้องไห้นะคะ เพราะว่าเราถูกความเกรียนของพี่นัทกับสักมาสกัดไว้เสียก่อน ฮ่าๆ อ่านแล้วรู้สึกอยากกลับไปเป็นเด็กอีกครั้งจังเลยค่ะ เวลาที่เราอยากแสดงความรักจะได้ไม่ต้องมานั่งเขินอายเหมือนกับตอนที่โตแล้วแบบนี้ด้วยเน้อ~ ^^

ผมเป็นคนบ้า... แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย ตอน วันปีใหม่
:m20: สักคิดได้ยังไงคะที่จะฝากลูกๆ เอาไว้ในตัวของพี่นัทน่ะค่ะ ครีเอทได้อีกค่าา >< คู่นี้เขาหวานกันทุกเทศกาลเลยนะคะเนี่ย แต่อะไรก็ไม่น่ารักเท่ากับการที่พี่นัทปรับบุคลิกของตัวเองให้เหมือนกับตัวละครในหนังสือแจ่มใสแล้วล่ะค่ะ น่าร๊ากกก~ ^^

Line Play VS พรหมลิขิต ตกลงเราเจอกันเพราะ..?
… อัศจรรย์เหลือเกินค่าา >< นี่เราคิดไปไกลถึงขนาดที่ว่าเกอร์เป็นตัวละครในเกมส์ที่วาร์ปออกมาเพื่อมารักกับอคินโดยเฉพาะเลยนะคะเนี่ย (<<< คือมโนไปไกลมาก :laugh: ) ทีนี้ในเมื่อเกอร์มึนมา อคินก็แค่มึนตามเกอร์ไปก็พอเน้อ~ รักกันๆ ไว้ดีที่สุดแล้วจ้า

囚牛 ใช่'รัก'รึเปล่า... ผมว่า'ใช่'นะ
… พี่ซองไม่ต้องคิดมากแล้วล่ะค่ะ เราคิดว่าพี่แค่รอให้มิวสิคเดินหน้าจีบพี่แบบเต็มตัวเลยดีกว่านะคะ แล้วในระหว่างนั้นพี่ซองแค่นั่งทำหน้าน่ารักๆ โชว์แก้มแดงๆ ก็พอแล้วล่ะค่าา >< ขี้คร้านมิวสิคจะต้องรีบบึ่งมาหาพี่ทันทีเลยเชียวน้า~

ผมเป็นคนบ้า... แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย สเปเชียล... สงกรานต์ของคนบ้า
… พอสองคู่เขามารวมกันทีราวกับว่ามีรถบรรทุกน้ำตาลมาคว่ำอยู่แถวๆ นี้เลยนะคะเนี่ย ฟินแลนด์มากมาย~ :impress2: แถมพรตกับนัทก็แสนที่จะทะเล้นเหลือเกินค่ะ จนบางครั้งคุณสามีหวิดจะเป็นลมกันหลายรอบเลยเชียว เพราะเดี๋ยวก็จุ๊บเดี๋ยวก็หอมกันเป็นว่าเล่นเลยนะคะคุณภรรยา~

สิ่งที่คนหน้าตา(ไม่)ดี ไม่มีวันเข้าใจ (ค้อนpart)     
… กระดาษขี้อ้อนจังเลย~ :-[ แต่อย่าหลุดปากเรื่องของหน้าตามากนักสิค้าา สงสารค้อนบ้างเถ้อ~ คนฟังไม่โกรธแต่ความน้อยใจนี่เรียกได้ว่าพุ่งเข้าชนเต็มๆ เลยล่ะค่าา นี่ถ้าไม่เป็นเพราะกระดาษน่ารัก และค้อนก็ 'รัก' กระดาษมากๆ ป่านนี้อาจมีคนนั่งร้องไห้น้ำมูกโป่งเพราะว่าโดนแฟนเคืองไปแล้วนะคะเนี่ย ^^

椒图 'รับให้ผมจีบ'เพิ่มมั๊ยครับ?     
… อาร์ซ หนุ่มซึนสินะค้าา สงสัยว่าเรื่องที่บอกว่าตัวเองชอบซาลาเปาลาวาจะเป็นแค่ข้ออ้างเสียแล้วล่ะมั้งคะเนี่ย เพราะความจริงแล้วตั้งใจจะไปมองหน้าโดว์คนอุ่นซาลาเปามากกว่าสินะคะ หุหุ น่าร๊ากกกจริงๆ เลยน้าคนซึนๆ เนี่ย

ผมเป็นคนบ้า... แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย SP. สงกรานต์บานบุรี~
… พี่นัทยังเกรียนเทพเหมือนเดิมเลยค่า แต่เอ๊ะ! ความจริงก็มากขึ้นกว่าเดิมเยอะอยู่เหมือนกันนะคะเนี่ย :laugh: แต่พี่นัทไม่ต้องกังวลไปหรอกน้า เพราะความแบ๊วของพี่ช่วยมาลบล้างความบ้าให้ไม่เยอะเกินไปแล้วล่ะค่าา (หราาา..มั่นใจ?) เอาเป็นว่าเรามีความสุขทุกครั้งที่ได้อ่านเรื่องราวของทุกคู่เสมอเลยล่ะค่ะ :heaven

鸱尾 ขอ 'กิน' บ้างดิ!
… พี่ตั้วเขาวางแผนมาดีนะคะเนี่ย หึหึ ใช้กลยุทธ์ 'น้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยังกร่อน' เข้าหาเจตแบบนี้ เป็นอะไรที่ชาญฉลาดมากเลยล่ะค่าา o13 แล้วสุดท้ายเจตก็จะไปไหนเสียจริงๆ ด้วยเน้อ~ นอกจากจะผลัดกันเข้ามาในวิ่งเล่นในหัวใจของแต่ละฝ่ายแทนแบบนี้ไงล่ะค้าา :hao7: ดีงามมากค่า~

ปล. ต้องขออภัยด้วยนะคะหากเราใช้พื้นที่ในการเม้นท์มากไป รอตอนต่อไปจ้า..^^                                               

ออฟไลน์ sodawan1

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 363
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1

ออฟไลน์ KKKwanGGG

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
อิมก็ยังบ้าได้น่ารักเหมือนเดิม ....... ขอบคุณครับ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด