84
สายใยตัดไม่ขาด
[เอก...☼]
ღ
ღ
“โธ่เว้ย!!!”
ผมยืนหัวเสีย ชกหมัดใส่กำแพงไปทีอย่างห้ามไม่อยู่ ผมไม่ควรจะรู้สึกแบบนี้ เพราะนกคือคนที่ผมเลือกแล้ว
แต่ทำไม…
ทำไมผมถึงยังหึงกายไม่หยุด
ผมวักน้ำใส่หน้าใส่หัวจนเปียกชุ่มดับความร้อนที่กรุ่นในหัวใจลง มันทั้งหงุดหงิด ทั้งโมโห จนอยากจะฆ่าใครสักคน
และคนคนนั้นก็คือไอ้เป้ ไอ้คนที่มากอดเอวเล็กนั้นไว้
ผมไม่รู้ว่าพวกมันเริ่มคบกันตั้งแต่เมื่อไหร่ และเพื่ออะไร
ผมไม่อยากรู้
เพราะยิ่งรับรู้ ผมยิ่งรู้สึกหงุดหงิด อยากลุกขึ้นไปดึงมือนั้นออก แล้วกระชากมันมาไว้ในอ้อมแขน อยากให้คนที่มันอ้อนมันกอดเป็นผม
ไม่ใช่ไอ้เป้!
ผมก้มหน้าวักน้ำใส่หัวจนชุ่มโชกแล้วเสยไปด้านหลังอย่างเคยชิน ผมเดินออกจากห้องน้ำกลับไปนั่งที่เดิม พยายามทำตัวให้เหมือนเดิม นกไม่ได้สนใจหัวที่เปียกชุ่มของผม แต่ใครคนหนึ่ง กำลังมองมาด้วยสายตานิ่งค้าง ก่อนจะเสหน้าหลบไปทางอื่น
ผมรู้ว่ามันเผลอมองผมหลายครั้ง เหมือนที่ผมเองก็เผลอมองมันหลายครั้งเหมือนกัน ผมพยายามละความสนใจจากมันไปหานก โอบมือไว้ที่เอวบางหลวม ๆ
นกหันมามอง ยิ้ม แล้วคีบอาหารมาป้อนผมบ้าง
“โอ๊ย ร้อน ๆ!!”
ไอ้เป้มันคีบหมูย่างจากเตาขึ้นมากินโดยไม่ระวัง
“ระวัง ๆ หน่อยสิฮะ เอ้าน้ำ ๆ ๆ”
ไอ้ตัวเล็กรีบจัดแจงคว้าแก้วน้ำไปป้อน ดูแลกันจนแทบจะกรอกปากอยู่แล้ว
“ร้อนจัง พองหรือเปล่าเนี่ย”
ไอ้เป้มันอ้าปากให้ดูลิ้น ไอ้ตัวเล็กส่องดู
“ไม่หรอก แค่แดง ๆ พี่เป้กินอันนี้ดีกว่า ไม่ร้อนแล้ว”
มันคีบหมูย่างในจานมันให้ไอ้เป้แทน
“ไม่กินรึไง ให้พี่เยอะแล้วนะ”
“ผมอิ่มแล้ว”
ไอ้เป้ยิ้ม รับเข้าปากไปเคี้ยว
ยิ่งมองยิ่งหงุดหงิด เพราะตอนที่ผมคบมัน มันไม่เคยออดอ้อนหรือดูแลผมเหมือนที่มันทำกับไอ้เป้ขนาดนี้มาก่อน
“แหม น่าอิจฉาจัง นกป้อนเอกบ้างดีกว่า”
นกคีบหมูย่างมาจ่อไว้ที่ปาก ผมอ้าปากรับ ใครบางคนเหลียวมามอง ก่อนเสหลบไปทางอื่น
“นี่ ๆ พวกเราไปเล่นสเก็ตน้ำแข็งกันไหม น่านะ”
นกยังไม่ยอมจบทริป
“ถ้างั้น…”
“อ๊ะ ห้ามปฏิเสธ ไปด้วยกันเลย”
นกรีบดักทางไอ้เป้ที่จะตอบปฏิเสธ ไอ้เป้เลยจำต้องเดินทางไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้
ไม่นานพวกเราก็มานั่งใส่รองเท้าสเก็ตอยู่ข้างลานน้ำแข็ง นกเคยเล่นที่อเมริกาบ่อย ๆ พอมาเมืองไทยเลยติดต้องมาเล่นเป็นประจำ
“กายมึงเล่นเป็นด้วยเหรอ”
ไอ้เต้ยถามเพื่อนมันหลังจากเงียบมานาน
“อืม พี่เชนเคยพากูมาเล่น ที่นี่แหละ”
ผมคิ้วกระตุกกับคำมัน
“แล้วมึงล่ะ”
“กูเล่นเป็น กูเคยมาเล่นกับพี่กูบ่อย ๆ”
ไอ้เต้ยมันตอบเสียงเหงา
พอใส่รองเท้าเรียบร้อย พวกเราก็พากันเดินเข้าไปในลานน้ำแข็ง ไอ้เต้ยกับไอ้เป้เคยเล่นบ่อย เลยดูชิว ๆ แต่ไอ้ตัวเล็กยังเก้ ๆ กัง ๆ เกาะรั้วไว้แน่นเป็นหลักยึด อาจจะเพราะเคยมาเล่นแค่รอบเดียว ยังไม่ชินเท้าและพื้นที่
“กาย จับมือพี่ไว้ดีกว่า”
ไอ้เป้ยื่นมือไปจับมือไอ้ตัวเล็กไว้ พากันเดินไปรอบ ๆ ในขณะที่ผม มีนกอยู่เคียงข้าง สักพัก นกก็แล่นลิ่วโลดโผนไปตามประสา ปล่อยผมให้วิ่งช้า ๆ ไปตามสไตล์
ไอ้เต้ยวิ่งช้า ๆ ตามหลังไอ้เป้และไอ้ตัวเล็ก
ผมไม่เข้าใจมันเลยสักนิด ว่าทำไมมันถึงยังฝืนมองภาพไอ้เป้กับไอ้ตัวเล็กอยู่แบบนั้น ทั้ง ๆ ที่มันกำลังเจ็บปวดกับภาพที่เห็น
ไม่นานนักไอ้เป้ก็ปล่อยให้ไอ้ตัวเล็กวิ่งเอง ส่วนมันก็วิ่งเคียงไปด้วยกัน
“เขายังไม่ได้เกลี่ยน้ำแข็ง ระวัง ๆ ไว้หน่อยละกัน”
ไอ้เป้มันเตือน ไอ้ตัวเล็กพยักหน้าหงึกหงักรับรู้
“โอ๊ย!!”
ไอ้เต้ยที่วิ่งเหม่อ ๆ ตามสองคนนั้น ถูกเด็กเฮ้วแต่งตัวแนวบีบอยวิ่งตัดหน้าจนล้ม ไอ้เป้กับไอ้ตัวเล็กหันกลับมามอง ไอ้เต้ยนั่งกุมเท้าเบ้หน้าครางด้วยความเจ็บปวด ไอ้เป้กับไอ้ตัวเล็กวิ่งกลับมาหามันทันทีไม่ต่างกับผมและนก
“กาย อยู่ที่นี่ไปก่อนนะ เดี๋ยวพี่พาเต้ยไปเช็กก่อน”
ดูท่าจะไม่ได้เจ็บธรรมดา ไอ้เป้รีบพยุงไอ้เต้ยออกไปนอกลานน้ำแข็งทันที โดยมีเจ้าหน้าที่วิ่งเข้ามาช่วย
“นกเป็นห่วงจัง เดี๋ยวนกไปช่วยดูอีกแรงดีกว่า”
นกเคยเป็นอาสาสมัครมาก่อน เห็นคนบาดเจ็บเป็นไม่ได้ ต้องวิ่งเข้าไปช่วยตลอด พอนกไปก็เหลือแค่ผมกับกายเพียงสองคน
“ผมขอตัวไปดูไอ้เต้ยก่อนดีกว่า”
มันเลี่ยงที่จะอยู่กับผมเพียงลำพัง มันรีบเดินไปยังประตูทางออก แต่ยังไม่ทันจะถึงดี ไอ้เด็กเฮ้วคนเมื่อกี้ก็วิ่งตัดหน้าไปอีกรอบ ไอ้ตัวเล็กเสียหลักล้ม ผมรีบเข้าไปประคองทันที
“ขะ ขอบคุณครับ”
มันพยุงตัวยืนดี ๆ ก้มหน้าเดินออกไปจากลานน้ำแข็ง ตามติดด้วยผม แต่พวกไอ้เต้ยไม่ได้อยู่แถวนี้แล้ว พวกเราเดินไปถามเจ้าหน้าที่
“อ้อ น้องเขาถูกพาไปเช็กอาการที่ห้องพยาบาลน่ะ”
เจ้าหน้าที่รายงาน ผมพยักหน้า ไอ้ตัวเล็กเดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนแสตนด์ข้าง ๆ ก้มหน้าถอดรองเท้าออก เห็นมันทำหน้าเหมือนเจ็บ ๆ ผมรีบตามไปดู
“ไม่เป็นไรฮะ”
ปฏิเสธทั้ง ๆ ที่พอผมจับหน้าก็เบี้ยวซะขนาดนั้น ผมถอดถุงเท้ามันออก ข้อเท้ามันดูบวมหน่อย ๆ ด้วย
ผมเดินไปหาเจ้าหน้าที่อีกรอบ
“ฝากดูแลเด็กคนนั้นด้วยนะ เตือนได้เตือน เพราะวิ่งเล่นไม่ระวังจนทำคนบาดเจ็บมาสองคนแล้ว อย่าให้รู้ว่าเด็กคนนั้นไปทำใครบาดเจ็บอีก ไม่งั้น ผมจะเอาเรื่องพวกคุณทั้งหมด”
ผมบอกแค่นั้น แล้วเดินกลับไปหาไอ้ตัวเล็กต่อ เห็นเจ้าหน้าที่พากันลนลาน รีบไปเรียกเด็กคนนั้นพร้อมผู้ปกครองมากล่าวตักเตือนทันที
ไอ้ตัวเล็กยังนั่งคลำข้อเท้าตัวเองอยู่ มันถอดรองเท้าอีกข้างออกแล้ว
“เจ็บมากไหม”
ผมย่อตัวลงไปถาม
“ไม่ครับ”
ปากแข็งจริง ๆ
ผมถอดรองเท้าสเก็ตตัวเองออก เปลี่ยนเป็นรองเท้าธรรมดาแทน
“ไปเช็กก่อนดีกว่า เผื่อซ้นหรือแพลง”
“ไม่หรอก”
มันยังเถียง ผมมองหน้าเอาเรื่อง มันหุบปากลงฉับ ลุกขึ้นเดินเขย่ง ๆ มือหนึ่งหิ้วรองเท้าสเก็ต อีกมือหิ้วรองเท้าตัวเอง ผมรวบเอาของทุกอย่างของมันมาถือเอง แล้วโอบเอวมันไว้เพื่อพยุง
“ไม่เป็นไร ผมเดินเองได้”
“ถ้าไม่อยากถูกอุ้มก็เงียบ ๆ ไปเลย”
มันเม้มปากแน่น ปล่อยให้ผมพยุง
ผมเจ็บแปลบที่หน้าอก
ตั้งแต่ผมบอกเลิกมัน มันก็ไม่เคยต่อว่าหรือด่าทอในความเลวทรามของผมเลยแม้แต่คำเดียว
จะกี่ครั้งแล้ว ที่มันต้องเจ็บตัวเพราะผม
และกี่ครั้งแล้ว ที่ผมไม่เคยปกป้องมันได้ อย่างที่ผมเคยสัญญาเอาไว้
“อ้าว กายเป็นอะไร” นกทักทันทีที่เห็น
“โดนไอ้เด็กเวรนั่นมันโฉบเอาด้วยอีกคนน่ะ”
นกปรี้ดแตกทันที เดินออกไปโวยวายกับเจ้าหน้าที่ ซ้ำยังวีนผู้ปกครองเด็กนั่นเสียงดัง ผมไม่ได้สนใจอะไรมาก นั่งดูข้อเท้าที่เริ่มขึ้นสีช้ำหน่อย ๆ
ข้อเท้าคงแพลงจริง ๆ
“อ๊ะ พี่เอกเบา ๆ”
ผมสะดุดเสียงร้องแบบนั้นนิดหน่อย แต่พยายามทำเป็นไม่ใส่ใจ
“แม่ง ไอ้ผู้ปกครองเวรนี่”
นกเดินบ่นกลับมา คนดูแลยื่นชุดปฐมพยาบาลมาให้ เพราะตัวเธอเองกำลังดูแลคนสองคนก่อนหน้าอยู่ นกเลยอาสาพันข้อเท้าให้ไอ้เต้ยแทน
“ของกายขาแพลงนิดหน่อย แต่ของเต้ยนี่สิ สงสัยจะเดินไม่ได้ไปสักพัก”
นกบอก ไอ้เป้มีสีหน้ากังวล มองน้องมันทีสลับกับกายที คงกำลังชั่งใจว่าจะดูแลใครดี
เพราะนั่นก็น้อง นี่ก็แฟน
“กูดูแลกายให้ก็ได้ มึงพาเต้ยกลับบ้านไปก่อนเถอะ”
ผมอาสา
“ไม่เป็นไรฮะ ผมกลับเองได้”
ไอ้ตัวเล็กรีบปฏิเสธ ผมเลยแกล้งบีบข้อเท้ามันไปเบา ๆ จนมันร้องโอ๊ย
“สภาพแบบนี้เนี่ยนะ”
มันหุบปากลงฉับ ไม่มองหน้าผมเลยสักนิด
หลังจากปฐมพยาบาลเบื้องต้น ผมขับรถไปส่งนกที่คอนโดนก แล้วขับต่อไปที่บ้านกายอีกที
มันนั่งเงียบมาตลอดทั้งเส้นทาง พอถึงบ้านก็รีบเปิดประตูก้าวลงจากรถเดินเขย่ง ๆ ไปเปิดประตูรั้วบ้าน ผมรีบตามไปช้อนอุ้มมันไว้ในอ้อมแขน
“ไม่เป็นไร ผมเดินเองได้”
“ที่นายทำ เขาเรียกกระโดดไม่ใช่เดิน”
มันเม้มปากแน่น ยอมอยู่นิ่ง ๆ ผมอุ้มมันก้าวผ่านประตูรั้วเดินตรงไปหยุดยืนอยู่หน้าประตูบ้าน
“กุญแจ”
ประโยคคำถาม แต่น้ำเสียงออกคำสั่ง มันรีบล้วงหยิบอย่างไว แต่ผมเปิดไม่ถนัด มันเลยไขเปิดเอง
ทุกอย่างภายในยังคงเหมือนเดิม แม้กระทั่งภาพ ‘ดั่งดวงอาทิตย์’ ที่ข้างฝา
ตอนแรกก็คิดว่ามันจะเอาไปทิ้งซะอีก เพราะรูปและข้าวของทั้งหมดของมัน ผมเก็บลงลังหมดแล้ว เก็บเพื่อไม่ให้นกเห็น
และเพื่อให้ผมลืมมัน
ตอนแรกว่าจะวางมันไว้บนโซฟา แต่ดูท่าจะขึ้นบันไดลำบาก ผมเลยอุ้มมันขึ้นห้องแทน
“ไปอาบน้ำก่อน พี่จะไปเตรียมยามาทาให้”
“ไม่เป็นไร พี่รีบ..”
มันเบรกคำพูดลง เมื่อผมจ้องตามันเอาเรื่อง
ผมปล่อยให้มันอาบน้ำ สักพักมันก็เดินออกมาในชุดเรียบร้อย เป็นเสื้อยืดกางเกงขาสั้นเหนือเข่า ชุดเก่งของมันนั่นแหละ
“นั่งสิ”
ผมสั่ง มันเดินเขย่ง ๆ มาทิ้งตัวลงนั่งข้างเตียง ผมหยิบยามานั่งที่พื้นตรงหน้ามัน แล้วลงมือนวดข้อเท้าให้
ไร้คำพูดใด ๆ จากเราทั้งคู่ มันเงียบ เงียบเอามาก ๆ จนได้ยินเสียงลมหายใจเข้าออกของเราทั้งคู่ด้วยซ้ำ
ผมก้มหน้านวดเท้ามันไปเรื่อย ๆ
กระทั่ง…
มีเม็ดน้ำปริศนาร่วงแหมะลงมาบนหลังมือ
และอีกหลายแหมะต่อจากนั้น
ผมเงยหน้ามอง ก็เห็นมันนั่งก้มหน้ามองเท้าตัวเองโดยมีน้ำตาร่วงไหลเป็นทาง ผมเจ็บแปลบไปทั่วทั้งอก
มันคงพยายามอดทนมาตลอด…
จนถึงตอนนี้
มันนั่งร้องไห้เงียบ ๆ อย่างที่เคยเป็น ผมวางยาไว้ที่พื้น ลุกขึ้นไปนั่งข้าง ๆ แล้วรวบตัวมันมากอด
ผมผิดที่ทำร้ายจิตใจมัน
ผมผิดที่โลเล
ผมผิดที่ทำให้มันเจ็บ
หรือพูดให้ถูก
ผมผิดที่มารักมัน และทำให้มันรัก
ผมผิดมาตลอด ตั้งแต่ต้น
“พี่ขอโทษ”
สำหรับทุกความเลวร้ายที่ทำไป
“พี่ขอโทษ”
ที่ทำให้นายต้องร้องไห้ครั้งแล้วครั้งเล่า
น้ำตามันเปียกไปทั่วทั้งอก ผมกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น จูบซับที่หัวมันเบา ๆ
“พี่ขอโทษ”
คงเป็นคำเดียวที่ผมพอจะพูดได้ในตอนนี้
ผมเสยคางมันให้เงยขึ้น ดวงตามันคลอไปด้วยหยาดน้ำ ไหลรินลงมาเป็นทาง ราวกับมีใครสักคนมาเปิดก๊อกให้น้ำไหล
ผมก้มลงไปจูบมันเบา ๆ ที แล้วนิ่งค้างไว้อย่างนั้น
ผมรู้ว่าผมผิดที่จูบมัน แต่ผมต้องการปลอบประโลมมัน และอยากให้มันรับรู้ ว่าผมยังอยากปกป้องและดูแลมันเสมอ
แม้จะทำได้ไม่ดีนักก็เถอะ
ผมขยับริมฝีปากบดเบียดปากมันมากขึ้น ส่งผ่านความรู้สึกบางอย่างไปให้ มันเองก็ไม่ได้ขัดขืน ซ้ำยังขยับปากตอบรับรสจูบนุ่มนวลจากผมอีกด้วย
มันยังคงร้องไห้
ร้องไห้ให้กับผู้ชายเลว ๆ อย่างผม
ผมโน้มวางมันลงบนเตียง ถอนริมฝีปากมาจูบซับน้ำตาให้เบา ๆ แล้วเคลื่อนไปทั่วทั้งหน้า
“พี่ขอโทษ”
ผมบอกมันอีกครั้ง จูบซับไปที่ต้นคอไล่ต่ำลงไปที่ยอดอก ลงมาถึงติ่งไตที่ผมแสนคิดถึง แม้มันจะเล็ก แม้มันจะไม่มีเสน่ห์มากมายเหมือนอกตูม ๆ ที่ผมเคยสัมผัส
แต่เมื่อผมลงลิ้นหรืองับมันเบา ๆ ร่างที่นอนอยู่ ก็จะผวารับแทบจะทันที แค่นั้นก็ทำให้ผมร้อนจนไม่อาจถอนตัวได้แล้ว
ผมกะพริบตาอีกครั้งเมื่อตะวันยามเช้าสาดแสง ผมหันไปมองข้างเตียง คนที่ผมกอดไว้ทั้งคืนหายไปแล้ว ผมลุกออกจากเตียงเดินไปอาบน้ำ แล้วเดินไปหามันข้างล่าง
ทั่วทั้งบ้านว่างเปล่า…
มีเพียงอาหารเช้าวางไว้บนโต๊ะและกระดาษโน้ตแผ่นเล็ก ๆ สีขาวแปะไว้
‘อาหารเช้าตอบแทนสำหรับความใจดีที่มอบให้ และผมขอโทษที่เผลอปล่อยตัวปล่อยใจไปกับเรื่องเมื่อคืน ฝากล็อกบ้านด้วยนะฮะ ซ่อนกุญแจไว้ใต้กระถางต้นเฟื้องฟ้าอันที่สาม ขอบคุณครับ’
ผมยืนมองอาหารมากมายตรงหน้า แม้ของทุกอย่างจะเป็นของโปรดของผม แต่คิดว่าผมจะกินลงรึไง
ถึงจะอย่างนั้น ผมก็เลือกที่จะทิ้งตัวลงนั่ง และกินทุกอย่างจนหมด มันอุตส่าห์ทำให้ ผมไม่อยากทำร้ายน้ำใจมันอีก
ผมออกจากบ้านล็อกกุญแจ แต่ไม่ได้ซ่อนไว้อย่างที่มันบอก เพราะผมอยากเอาไปให้มันกับมือตัวเอง
“แหม มึงกับนกนี่ร้อนแรงเป็นบ้าเลยว่ะ”
ไอ้โอมมันแซว ผมเงยหน้ามองมันด้วยความแปลกใจ มันชี้มายังหน้าอกผม ผมก้มมองแผงอกที่เกือบเปลือยเปล่าของตัวเอง
พอดีวันนี้แอร์ที่ห้องสภาเสีย เรียกช่างแล้ว กำลังจะมา พัดลมสำรองก็ไม่มี เราต้องเปิดหน้าต่างเพื่อให้ลมโกรก แต่มันก็ยังร้อนอยู่ดี พวกผู้ชายเลยพากันปลดกระดุมเสื้อกันคนละเม็ดสองเม็ด
ส่วนผมเกือบทั้งตัว
สิ่งที่เห็นคือรอยข่วนแดง ๆ นกไม่มีทางมาทำรอยแบบนี้แน่ ๆ
นอกจาก…
ผมร้างไปไม่ถึงเดือน ร่างกายของกายแทบจะเหมือนครั้งแรกที่มีอะไรกัน ผมแน่ใจว่ากายไม่ได้มีอะไรกับเป้แน่ ๆ
พอพักเที่ยง ผมรีบเดินลิ่ว ๆ ไปที่คณะไอ้ตัวเล็กทันทีเพื่อคืนกุญแจ ถ้าไม่เจอก็คงเป็นโรงอาหารร้านประจำที่มันชอบ พอไปถึง เห็นแค่ไอ้เต้ยนั่งเหม่อพิงหลังไว้กับเสา ข้าง ๆ มีไม้ค้ำยันพิงไว้
“เต้ย”
คนที่กำลังนั่งเหม่อหันมามอง
“กายล่ะ”
มันพยักหน้าไปยังริมบึง แล้วหันไปนั่งเหม่อต่อ ผมปล่อยมันไว้อย่างนั้น ก้าวตรงไปยังริมบึง มองหาไม่นานก็สะดุดเข้ากับร่างของใครบางคน ที่นั่งซบหน้ากอดเข่าไว้
แม้เพียงแผ่นหลัง ผมก็จำได้แล้วว่าเป็นใคร
ผมเดินไปทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ ไอ้ตัวเล็กไม่ได้สนใจการมาของผมแม้แต่น้อย ไม่ใช่เพราะผมย่องเบาแบบที่ผ่านมา เพราะผมเดินเหยียบมาทั้งเศษใบไม้ และกิ่งไม้แห้งจนดังกรอบแกรบมาตลอดทั้งเส้นทาง
แต่ที่กายไม่ได้ยิน เพราะกายกำลังเหม่อ
ผมนั่งมองมันเงียบ ๆ
ดวงตาคู่นั้น ทอดมองไปยังเวิ้งน้ำเบื้องหน้า ดวงตาที่เคลือบไปด้วยความเศร้า
และผม…
คือคนที่ทำให้มันมีดวงตาแบบนั้น
ไม่รู้ว่าผมนั่งมองมันอยู่นานแค่ไหน ผมแค่อยากมอง
มองคนที่ผมรักเท่านั้น
มันขยับตัวถอนหายใจทิ้งไว้กลางอากาศ ละมือจากหัวเข่าหันมามอง มันทำหน้าแปลกใจที่เห็นผม
“พี่เอก…”
ไม่ได้ยินเสียงเรียกแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ
ผมมองหน้ามัน ก่อนเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างที่คอมัน มันรวบจับแล้วรั้งไปด้านหลัง แต่ผมก็รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร
สร้อยพระอาทิตย์
สิ่งที่มันเคยให้ผม ผมไม่รู้ว่ามันเอามาใส่เพราะอะไร เพราะมันยังคิดถึงผม หรือเพื่อเป็นตัวแทนผม หรือเพื่ออะไร แต่มันไม่เจ็บรึไง ที่เอามาใส่ไว้แบบนั้น
“พี่เอากุญแจมาให้”
ผมยื่นกุญแจคืน มันรับไปถือไว้
“ขอบคุณครับ ผมขอตัว”
มันลุกขึ้นยืน ผมรั้งข้อมือมันไว้
“พี่ขอโทษนะ สำหรับทุกอย่าง”
มันยืนนิ่ง ก่อนค่อย ๆ บิดข้อมือออก
“คิดซะว่า พี่กำลังเมายาคลายกล้ามเนื้อที่ทาให้ผมละกัน”
มันพูดแค่นั้นแล้วเดินจากไป ทิ้งให้ผมนั่งนิ่ง ใช้สายตาทอดมองเวิ้งน้ำด้านหน้าแทนมัน
To Be Con...
อ่านคอมเม้นท์ของแต่ละคนแล้วสะใจพิลึก
Book & e-book:
https://goo.gl/FSOuuM