ตอนที่ 1
บังเอิญ โลกกลม พรหมลิขิตผมไม่รู้ว่าอนาคตชีวิตของผมจะเป็นอย่างไร การอกหักจากรุ่นพี่ที่ผมรู้จักเพียงแค่ไม่กี่เดือนนั้นทำให้ผมค่อนข้างดำเนินชีวิตของตัวเองแบบสะเปะสะปะ ผมรู้ผมไม่น่าจะฝังจิตฝังใจอะไรขนาดนั้น แต่มันก็เป็นไปแล้ว . .
ผมเรียนมหาวิทยาลัยชั้นปีที่ 1 มาเป็นเวลา 2 ปี เนื่องจากคณะที่ผมเรียนครั้งแรกนั้นไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่นัก หรืออาจเป็นเพราะที่แรกที่ผมสอบติดนั้นมีเขาคนนั้นอยู่ก็เป็นได้ ไม่รู้สิ . . การติดคณะบัญชีของมหาลัยที่นี่สร้างความภูมิใจให้กับวงตระกูลของผมเป็นอย่างดีเพราะญาติๆก็เรียนกันให้พรึ่บ
มหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของประเทศ . . สาวๆหน้าตาดี บางคนไม่ใช่ดาราแต่ก็สวยยิ่งกว่านางฟ้า ส่วนผู้ชายน่ะเหรอ ก็หล่อๆกันดี ผมไม่ค่อยจะสนใจเท่าไหร่หรอก แม้คนที่หักอกผมเขาจะเป็นเพศเดียวกันกับผมก็ตาม แต่ผมรู้ ในใจผมอ่ะยังชอบผู้หญิงอยู่ เขาคนนั้นได้ใจผมไปทั้งๆที่เป็นผู้ชายเหมือนกันได้ยังไงผมยังไม่รู้เลย
“ปอนด์ มึงขับรถดีๆดิวะแม่ง! มึงจะชนหลังชาวบ้านเค้ามาเป็นสิบๆคันแล้วนะ” ไอ้คิก เพื่อนใหม่ของผมเรียกเสียงดัง สงสัยคงเห็นผมเหม่อๆ เปิดเทอมมาเป็นเวลากว่าสองเดือนแล้ว กิจกรรมรับน้องผ่านไป ผมไม่ได้เป็นเดือนเหมือนตอนอยู่ที่เก่า แต่นั่นก็เป็นสิ่งดี เพราะแค่เรียนอย่างเดียวก็จะเป็นบ้าอยู่แล้ว มีนสูงเหี้ยๆ!
“เออๆ”
“ไอ้เหี้ยนี่แม่งชอบเหม่ออยู่ได้ เหม่อถึงกลอยที่วันนี้ไม่มาเรียนใช่ม้า”
“ทำไมต้องเหม่อถึงเค้า?” มันพาดพิงถึงนิสิตสาวชั้นปีเดียวกันเรียนคณะเดียวกันที่มีข่าวออกไปว่ากิ๊กกับผมอยู่ ข่าวออกไปได้ไงวะ เคยคุยกันไม่ถึงสองสามคำเลยด้วยซ้ำ
“มึงกับเค้าไม่ได้กิ๊กกันเหรอ” เพื่อนใหม่ที่อายุน้อยกว่าหนึ่งขวบนี้ค่อนข้างจะเสือกเก่งอยู่เหมือนกัน แต่เพราะมีมันชีวิตผมเลยไม่ค่อยเหงาเท่าไหร่ อ๋อ เพื่อนที่ชอบไปด้วยกันอีกคนน่ะคือไอ้บูม ตอนนี้มันกำลังเล่นโทรศัพท์อยู่เบาะหลัง ไม่พูดไม่จาเหี้ยไรเลย
“จะกิ๊กกันได้ยังไงล่ะ?”
“อ้าว แล้วใครมาแพร่ข่าวมั่วๆซั่วๆแบบนี้ได้ ไม่มีมูลนี่หว่า”
“กูงงตรงที่กูเป็นข่าวได้ไงมากกว่า”
“โอ๊ยยยย มึงอย่ามาทำเป็นไม่รู้ตัว ถึงมึงจะซิ่วมาจากบ้านนอก แต่หน้าตามึงก็อินเตอร์เกินกว่าจะเป็นปุถุชนคนธรรมดาได้ กูก็งงว่ามึงมาเป็นเพื่อนกับกุ๊ยอย่างกูกับไอ้บูมได้ไง” ชาวจังหวัดมหาลัยเก่าของผมอย่าโกรธมันนะครับ ไอ้นี่มันไม่ได้เป็นคนมีนิสัยดูถูกคนอื่น แต่มันเป็นคนปากเสีย . .
“มึงกับเชี่ยบูมจะกุ๊ยได้ไง” บ้านพวกมันสองคนรวยๆกันทั้งนั้นครับ เอ่อ? ผมมาอยู่คณะนี้ที่นี่ฐานะของผมดูธรรมดาไปเลยเมื่อเทียบกับเพื่อนๆรุ่นเดียวกัน
“ก็หน้าตาดูกุ๊ยๆยังไงล่ะ”
“ว่าไปนั่น”
“ไอ้ห่านตดสองคนนี่ เลิกเถียงกันแล้วรีบๆขับรถไปซะไอ้ปอนด์ กูหิวข้าวว้อย!!!!” ไอ้บูมเริ่มจะเหวี่ยง
“อืม แดกไหนดีละ”
ตอนนี้เป็นเวลาเย็นย่ำพอดีเรียนเสร็จประมาณบ่ายสามบ่ายสี่ครับ พวกผมชอบหิวข้าวกันหลังเรียนเสร็จทุกที และพอสองทุ่มสามทุ่มกว่าๆก็ได้เวลาเริ่มชวนกันออกร่อน
กรุงเทพรถโคตรจะติด ผมคิดถึงมอเก่าของผมที่รถแม้จะติดบ้างแต่ก็ไม่หนักเท่าที่นี่ และเมื่อคิดถึงมอเก่า แต่ของเขาคนนั้นก็ลอยเข้ามาอยู่ในหัวผม . .
ป่านนี้คงจะมีความสุขอยู่กับแฟนเค้าล่ะนะ คู่ที่โคตรจะสมกันอย่างกับอะไรดี ถึงแม้ผมอยากจะจับพวกเขาแยกออกจากกันหรืออิจฉาตาร้อนมากสักเท่าไหร่ จิตใต้สำนึกของผมก็อยากที่จะเห็นคนที่ผมรักมีความสุข ยิ้มอย่างสดใสได้เต็มที่ ซึ่งตลอดเวลาที่เขาอยู่กับผม . . เขาไม่เคยยิ้มสดใสแบบนั้นเหมือนที่ยิ้มกับแฟนของเขา
และมึงจะไปคิดถึงเขาอีกทำไม! มึงซิ่วหนีมาเพื่อที่จะลืม ไม่ใช่เพื่อที่จะให้คิดถึงยามห่างไกลสักหน่อย!
ปี๊นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน! ผมสะดุ้งตัวโยน พร้อมๆกับที่ไอ้คิกตะโกนด่าผมอยู่ข้างๆตัว “ไอ้สัด! หัวใจจะวาย มึงลงจากรถไปเลย! กูขับเอง!”
“เอ่อ ไม่เป็นไร รถกู กูขับเอง”
“แต่ดูท่าว่าจะไปไม่รอด มึงครับ กูยังอยากมีชีวิตอยู่เพื่อมองสิ่งสวยงามบนโลกมนุษย์อยู่นะ ตั้งใจขับรถหน่อยดิวะ ไอ้ห่านนี่”
“ครับๆๆ”
ขี้โวยวายชิบหายเลยครับ ไอ้คิกกับไอ้บูม แต่ก็เพราะมันสองคนนี่แหละ ผมถึงยิ้มออกได้ การมาเรียนอยู่กรุงเทพคนเดียวห่างบ้านเกิดเมืองนอน(จังหวัดที่ผมซิ่วมานี่แหละ)มันก็เหงาอยู่ ดีที่ไอ้สองคนนี้มันพอจะเข้าใจถึงแม้ว่าพวกมันจะเป็นคนกรุงเทพมาตั้งแต่กำเนิดก็เถอะ
มากินข้าวแถวๆทองหล่อ สักพักพวกมันก็แยกตัวไปหาเพื่อนไม่ก็ไปหากิ๊ก พวกนี้ไปเที่ยวกับผู้หญิงทุกคนได้ถึงแม้ว่าเธอพวกนั้นจะไม่ใช่แฟนหรืออะไร รู้จักคนเยอะชิบหาย ส่วนผมน่ะเหรอ เมื่อถูกทิ้งแล้วก็เปล่าเปลี่ยวเอกานั่งเหงาแดก ไม่รู้จะทำอะไรต่อ?
ความเหงามันกัดกินหัวใจ . . ผมพยายามกดความรู้สึกนี้ลงไปเท่าไหร่ แม่งก็ยังไม่หายเหงาสักที พยายามเอาเรื่องเรียนเข้าช่วย เรื่องการดูแลตัวเอง(เสื้อผ้าหน้าผมทุกอย่างเป๊ะ ที่ทำไม่ใช่อะไร ผมว่าง) ไปเที่ยว ซื้อของ ไหว้พระ ทำบุญ หรืออะไรก็แล้วแต่ ใจของผมยังต้องการใครสักคนที่จะมาทำให้ผมสดใสขึ้นมาอีกครั้ง เหมือนก่อนที่ผมจะเจอ “เขาคนนั้น” ผมจำได้ ผมเคยเป็นเด็กหนุ่มที่สดใสมากคนหนึ่ง ชอบยิ้ม ชอบล้อเล่นไปทั่ว
แต่ทำไม . . นิสัยเดิมของผมนั่นมันหายไป “ความรักน่ะ . . บางทีมันก็หาไม่ยากหรอกนะ ถ้ามึงเปิดใจ!!!!!!!!!” จู่ๆเสียงของไอ้ผู้ชายไร้สาระที่ผมเคยเจอคนหนึ่งก็แว้บเข้ามาในหัว เมื่อสองสามเดือนก่อนนี่แหละตอนที่ผมไปเที่ยวทะเลคนเดียวผมได้เจอกับมัน มันหาว่าผมจะฆ่าตัวตาย ผมเถียงกับมันสักพักกลายเป็นว่าผมกับมันอกหักเหมือนกันซะนี่ มันตะโกนคำนี้ก่อนที่มันจะหายตัวไป พร้อมกับทิ้งท้ายด้วยการบอกชื่อของมันเอาไว้
ว่าแต่ . . มันชื่ออะไรหว่า?
จำได้ว่าออกเสียงทอ ผมจำชื่อมันไม่ได้แต่จำคำพูดของมันได้แม่นยำ ทุกครั้งที่ผมรู้สึกเหงา ผมจะนึกถึงคำพูดของมันทุกครั้ง ซึ่งบางทีก็อยากจะเถียงอยู่นะว่า . .
กูเปิดใจแล้วเว้ยไอ้ห่า!! ไม่เห็นจะมีสักคนที่ใช่สำหรับกูเลย!! แหม มันก็ต้องมีบ้างล่ะนะที่มีคนเข้ามาคุยๆบ้างไรบ้าง อย่างกลอยที่เธอโคตรจะแสดงออกตั้งแต่ช่วงรับน้องแล้วว่าถูกใจผม ผมก็ลองคุยดูปรากฏว่ามันไม่ใช่ . .
“โอ๊ตจะฝืนไปทำไม โอ๊ตก็รู้ว่าโอ๊ตไม่ใช่สำหรับธาม”
เอ้าชิบ . . อะไรใช่ไม่ใช่ตอนนี้หว่า ผมรู้สึกว่าจะได้ยินเสียงมาจากโต๊ะข้างๆนี่แหละ ฉากที่ใช้ประดับกั้นผมกับโต๊ะนี้เอาไว้ทำให้มองไม่เห็นหน้าคนพูด
แต่เสียงโคตรจะคุ้นเลย . .
“อย่าเพิ่งพูดอย่างนั้นดิ โอ๊ตไม่เลิกหรอกนะ”
เฮือก! นี่มันคู่เกย์ชัดๆเลยนี่หว่า!! ขนลุกเล็กน้อยเมื่อเสียงที่สองมันค่อนข้างที่จะง้องอนไอ้เสียงแรกเป็นอย่างมากคงจะชอบเขามากสิท่า แต่ไอ้เสียงแรกนี่แม่งก็เล่นตัวใช้ได้เลยนา . .
เสือกซะงั้นกู . . “จะให้ธามพูดอีกกี่ครั้งว่าโอ๊ตไม่ใช่ ธามบอกเลิกโอ๊ตไปแล้วนะ”
“ธาม”
“อย่าแตะมือสิ!”
อูยยย . . ผมไม่เคยได้ยินอะไรแบบนี้มาก่อน ขอตื่นเต้นหน่อยละกันนะ ไม่ว่าเรื่องมันจะเป็นมาอย่างไรก็ตาม ผมรู้แค่ว่ามันน่าลุ้นดี
“ธามต้องรีบไปแล้ว มีงานที่สยาม”
“งานอะไร เดี๋ยวโอ๊ตไปส่ง”
“มันจะเป็นข่าว โอ๊ตจะเสียหาย”
“ไม่เห็นจะแคร์”
“แต่ธามแคร์นี่ โอ๊ตกำลังดัง ส่วนวงของธามเพิ่งจะเปิดตัว ธามไม่อยากให้เพื่อนๆต้องมาเสียหายร่วมไปกับธามด้วย”
บร๊ะ . . คือมันทั้งคู่เป็นดาราใช่ป่ะ อื้มมม เอาแล้วไง เอาแล้วววววววว อยากรู้หน้าจังเว้ยว่ามันทั้งสองเป็นใครมาจากไหน ถ้าเคยเห็นตามทีวีล่ะก็ . . ก็จั๋งหนับไปเลยเซ่!
“ธามไปละนะ”
“เดี๋ยวคืนนี้โทรหานะ”
“ถ้าว่าง ธามจะรับสาย”
ใจร้ายดีเหมือนกัน ผมได้ยินเสียงเลื่อนเก้าอี้ คนๆหนึ่งเดินตึงตังผ่านหน้าผมไป ตัวมันเล็กและก็บางถึงแม้จะสูงพอสมควรก็ตาม(ตัวเท่า”คนๆนั้น”ของผมเหมือนกันนะหนิ) ผิวขาวเจิดจ้า จมูกรั้น ปากแดง ใบหน้าจิ้มลิ้ม . .
เอ๊ะ . . จิ้มลิ้มงั้นเหรอวะ คุ้นชิบหาย!
ผมวางแบงก์พันลงบนโต๊ะก่อนที่จะเดินตามไอ้บ้านั่นไปเพราะความอยากรู้อยากเห็นว่าจะใช่มันที่ผมเคยเจอหรือไม่ที่ริมทะเล เจ้าของวาทะที่ดังก้องอยู่ในหัวผมบ่อยๆนั่นแหละ
ทุกอย่างมันเริ่มจะโป๊ะเชะเมื่อผมฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าไอ้เหี้ยนั่นมันบอกให้ผมอุดหนุนเพลงของมัน! เห้ย ต้องใช่มันแน่ๆ!!!!!!
แต่กว่าจะคิดได้ . . ไอ้นั่นมันก็ขึ้นแท็กซี่หายจ๋อมไปเรียบร้อยแล้ว
ว่าแต่ , , มันมีงานที่สยามงั้นเหรอ?2 BROKEN HEARTS
ไม่น่าเชื่อว่าผมจะมายืนอยู่ท่ามกลางแฟนคลับมหาศาลของไอ้เหี้ยนั่นที่สยามจนได้ . .
วงของมันชื่อ Cobra-sleek แปลว่าอะไรก็ไม่รู้(ได้ข่าวว่ามึงเรียนภาคอินเตอร์นะ - -“) ท่าทางจะดังในหมู่เด็กวัยรุ่นพอสมควร บางทีคนในวงมันอาจจะหน้าตาดี ไม่ก็มีฝีมือก็เป็นได้ เห็นพวกเพศผู้มากันให้รึ่มไม่รู้หมายความว่าไง แต่เมื่อไหร่มันจะออกมาแสดงฟะ? คือคนทั้งเยอะทั้งเบียดกันไปมา ผมไม่น่ามาถึงที่นี่เลย
สักพักก็ถึงคิวของวงมันที่ต้องออกมาแสดง ซึ่งนั่นก็ . .
เป๊ะ! เป๊ะอะไร เป๊ะลิ!
นั่นมันไอ้คนที่ผมเคยเจอที่ทะเล ของจริงเลยครับ! ตอนนั้นจำหน้ามันไม่ได้เพราะเป็นช่วงเวลาที่ใกล้มืดใกล้ค่ำมองไม่ค่อยเห็น แต่ตอนนี้แสงไฟส่องหน้าของมันชัดเจน . .
มิน่าล่ะ ไอ้โอ๊ตถึงอยากได้มันนักหนา
ความเป็นเกย์ควีนจ๋าสลัดทิ้งออกไปเหลือเพียงแต่นักร้องนำของวงร็อค มันทำได้ดีแฮะ มีความเป็นเอกลักษณ์ของเสียงแถมเวลาร้องเล่นหูเล่นตาเวลายิ้มก็มีเสน่ห์ . .
น่าหมั่นไส้ . . ไม่รู้ดิ เห็นหน้ามันแล้วรู้สึกอยากเถียงอยากด่า เกิดอะไรขึ้นกับผมไม่รู้ครับ มันเป็นไปเอง
“น่ารักสัด”
ไม่ใช่เสียงผมนะเหว่ย . . “หน้าแม่งไม่เหมาะกับเพลงร็อคเลยเนอะ”
“มึงว่าเขาจะมีแฟนเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายวะ?”
อืมมม กูเข้าใจละว่าทำไมคอนเสิร์ตย่อมๆนี่ถึงมีพวกเพศผู้มากันเยอะ ก็เพราะไอ้นักร้องนำคนนี้ยังไงล่ะ มันไม่ได้หน้าสวยน่ารักขาวอะไรมากมายนักหรอกครับ แต่จิ้มลิ้มค่อนข้างน่าทะนุถนอมหน่อย(สำหรับผมน่ะเหรอ ไม่ล่ะ ผมจำปากเสียๆของมันได้ดีทีเดียว) ว่าแต่มัน . . ฮอตจริงอะไรจริงเลยนะ . .
ผมมองมันอีกสักพักก่อนที่จะเดินหนีออกไปจากงาน เมื่อได้คำตอบในสิ่งที่อยากรู้แล้วจะอยู่ไปใยล่ะครับ ร้อนก็ร้อนคนก็เยอะนี่หว่า
แต่แวะอุดหนุนเพลงของมันสักหน่อย. . ผมจึงซื้อซีดีเพลงของมันพร้อมโฟโต้บุ๊คที่หน้างาน(ขายดีด้วยแฮะ) วงนี้เน้นนักร้องนำชิบหายเพราะโฟโต้บุ๊คเห็นหน้าของไอ้ธามหรา คนในวงก็หน้าตาดีกันอยู่นี่หว่า . .
ขึ้นมาบนรถในลานจอดรถเปิดดูโฟโต้บุ๊คของวงมันเล่นๆ ไปถ่ายที่ต่างประเทศ ไอ้เหี้ยธามแต่งตัวแนวดีครับ คล้ายเด็กอาร์ตหน่อยๆสีสันนี้จัดเต็มคือมึงเก่งใช่มั้ยเรื่องนี้ . .
“โอ๊ต อย่าทำแบบนี้!” ผมได้ยินเสียงหนึ่งลอดเข้ามา อะไรวะ? มาอ๊งมาโอ๊ตแถวนี้อีกละ ชื่อแม่งโคตรโหล
“ธาม อย่าดื้อหน่อยเลยน่ะ เดี๋ยวโอ๊ตจะไปส่ง”
“ไม่เป็นไร ธามกลับกับเพื่อนในวงได้”
“ไหนเหรอเพื่อนธาม อยู่แถวนี้ไม่เห็นมี มีแค่เราสองคน”
“ก็ เดี๋ยวมันก็มาไง”
อ้าวเฮ้ย! มันชักจะดวงสมพงศ์กันเกินไปแล้ว ไอ้เราก็ตั้งท่าเตรียมกลับคอนโดเต็มที่ ไหงดันมาเจอไอ้เชี่ยธามนี่อีกทีก่อนกลับด้วย ผมจิ๊ปากเซ็งๆ ไม่ชอบเห็นคู่เกย์สองคนนี้มันเถียงกัน รำคาญลูกกะตา ไม่ใช่อะไรหรอกครับคือไอ้คนหนึ่งในนั้นน่ะเป็นคนที่ผมไม่ชอบขี้หน้าสักเท่าไหร่
และที่แย่ไปกว่านั้น . . คือพวกแม่งมายื้อยุดฉุดกระชากกันหน้ารถผม กูจะออกไปยังไงล่ะทีนี้
“ธามให้โอกาสโอ๊ตไม่ได้เหรอ โอ๊ตทำอะไรผิดอะ ที่ผ่านมาโอ๊ตก็มีแต่ธาม ไม่ได้เจ้าชู้กับใครที่ไหนสักคนเลยนะ หรือธามหึงที่โอ๊ตมีข่าวกับ . .”
เฮ้ยๆๆๆๆ ไอ้หมอนี่ ผมจำมันได้ ผมเห็นหน้าของมันในโฆษณาบ่อยๆ กับเอ็มวีอีกตั้งหลายตัว(คืออารมณ์คนอกหักมันฟังเพลงในยูทู้ปเยอะน่ะครับ มันว่าง = =) มันชื่อไอโอ๊ตนี่เอง และที่แซ่บไปกว่านั้นคือมันตามง้อไอ้ธามชิบหาย น่าเอาไปเม้าชะมัด
แต่สต๊อป . . ผมเป็นผู้ชายมาดแมนแฮนซั่มนะเออ เรื่องแบบนี้มีแต่ผู้หญิงเค้าเม้ากันนั่นแหละ ผมได้แต่ทำหน้าเซ็งจะเป็นจะตาย เมื่อไหร่พวกแม่งจะเลิกทะเลาะกัน แล้วผมก็จะได้ไปๆสักที
“ไม่ใช่!” ไอ้ธามสวนขึ้นมาอย่างเหลืออด “โอ๊ตไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ ขอร้องล่ะ เลิกยุ่งกับธามสักทีเถอะ”
โถๆๆๆ ไอ้เลือกได้ . .
“ไม่”
“โอ๊ย!”
ตึง!
ไอ้ชิบหายเอ๊ย!!!!!! กูตกใจหมดพับผ่า! จู่ๆไอ้โอ๊ตมันก็ผลักตัวไอ้ธามให้ลงไปราบกับฝากระโปรงรถผม พวกมันคิดจะทำอะไรกันในลานจอดรถแบบนี้ฟะ? ที่สำคัญบนฝากระโปรงรถกู!!!!!
“ทำบ้าอะไรน่ะ!”
“เลิกยั่วโมโหโอ๊ตสักที”
จะตีกันหรือกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันก็ชวนไปทำกันที่อื่นเถิดโยม
แต่ดูจากสภาพการณ์แล้ว ไอ้ธามเสียเปรียบขนาดหนัก ทั้งตัวเล็กกว่า หอบของพะรุงพะรัง แถมไอ้โอ๊ตยังตั้งหน้าตั้งตาว่าจะเอาให้ได้ (เอาจูบน่ะ - -) ผมเห็นท่าไม่ดี จึงเริ่มคิดแผนอะไรออก
อย่างน้อยก็ให้กูได้กลับไปนอนคอนโดเย็นๆ เตรียมเรียนพรุ่งนี้เถอะวะ . .
ผมเปิดประตูออกไป โผล่หัว แล้วส่งเสียง
“ไอ้เหี้ยธาม กูก็นึกว่าใคร มาช้านะมึง กูรอโคตรนาน มาขึ้นรถเร็วๆดิ จะให้กูไปส่งมั้ยเนี่ยฮะ” ไอ้โอ๊ตที่กำลังคร่อมไอ้ธามทำหน้าเอ๋อ แต่ไอ้ธาม เอ๋อกว่า . .
“อ้าว เอ๋ออีก สรุปจะเอายังไง จะกลับกับกู หรือจะกลับกับผัวมึง”
“อะ ไอ้เหี้ยเอ๊ย ไม่ใช่ผัวกูเว้ย” ธามสะบัดมือของไอ้โอ๊ตออกก่อนที่จะเดินมาหาผม “โอ๊ต ธามกลับกับเพื่อนละกันนะ”
เอ่อ รับมุขกูด้วยรึ ดีมาก ถ้าไม่รับนี่หน้ากูคงแตกและอายจนไม่มีแผ่นดินให้ยืน
มันเปิดประตูขึ้นมานั่งบนที่นั่งข้างๆคนขับ ผมมองหน้ามัน
“ยังไม่รีบอีก รีบขับไปสิ!!!!” เอ่อ เออ ก็ได้ ผมรีบขับรถออกไป ก่อนที่โอ๊ตมันจะประมวลเหตุการณ์ได้เร็วกว่านี้ . .
“เอ่อ ขอบคุณมากๆนะ” ไอ้ธามพูดเก้อๆ มันถือเป้กับถุงมาเต็มสองมือคงเป็นของที่แฟนคลับซื้อให้
“ไม่เป็นไร กูเห็นมึงลำบากก็เลยอยากช่วย” ผมนี่มันเสือกชะมัดเลย แต่มันก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้วนี่
“เป็นแฟนคลับงั้นเหรอ” มันมองไปที่เบาะหลังผมซึ่งมีซีดีกับโฟโต้บุ๊คของมันวางทิ้งไว้อยู่ จะบ้ารึ กูเนี่ยนะจะเป็นแฟนคลับมึง “เดี๋ยวเซ็นต์ให้ละกันนะ”
“มึงจำกูไม่ได้เหรอ?” ผมเลิกคิ้วถาม
“เอ่อ กูว่ากูไม่เคยรู้จักคนที่หล่อมากขนาดนี้นะ?”
อืม มันชมว่าผมหล่อใช่มั้ย ?? แต่หน้ามันตายมากๆ คงไม่ได้ชม แค่ตั้งข้อสังเกตมากกว่า
“อ๋อ ไม่ใช่ดิ เคยรู้จักคนที่หล่อมากคนนึง เคยชอบมันด้วย แต่ตอนนี้มันเป็นแฟนเพื่อนไปแล้ว”
ไอ้หมอนี่มันช่างจ้อว่ะ . . “ว่าแต่มึงเป็นใครวะ?” มันหันหน้ามาถาม
“ทะเลไง”
“อะไร?”
“เคยเจอกันที่ริมทะเล หัวหินอ่ะ”
“ฮะ?”
“มึงเคยพูดกับกู”
“กูจำไม่ได้”
“แล้วกล้าขึ้นรถมากับกูได้ไงเนี่ย ถ้ากูพามึงไปทำอันตรายล่ะ?”
“หน้าตามึงน่าไว้ใจดีออก” เอ่อ กูควรดีใจใช่มั้ย ? “กูจำไม่ได้จริงๆนะ สรุปมึงเป็นใครวะ?”
หงายเงิบ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
กูจำมึงจนขึ้นใจ แต่มึงเสือกจำกูไม่ได้ ไอ้เวรตะไล!!!!!!!!
ไม่น่านึกถึงคำพูดของมันเลย จะได้ลืมๆมันไปซะ . .
แต่แล้วจู่ๆ . .
“อ๋ออออออออออออออ ไอ้โง่ที่เคยคิดจะฆ่าตัวตายเพราะอกหักใช่ป่ะ” ดูสิ่งที่ไอ้เหี้ยธามจำผมได้สิครับ!!!!!!!!!!+ เรื่องนี้ขอฮาๆ ดราม่าน้อยๆ แอบซึ้งเล็กๆ (อะไรของมัน?)
+ เม้นให้กำลังใจคนเขียนแหน่เด้อ
+ รักนะ ชุบุ