ผมทรุดไปนั่งบนโซฟาที่ยังคงความอุ่นจากร่างสูงที่พึ่งลุกไป นั่งขดตัวพิงไปแนบกับเบาะเพื่อรับไออุ่นของตะวันจาหโซฟาให้มากขึ้น
"อุ่นจัง"
กว่าผมจะเดินออกจากห้องก็เกือบ 10 โมงแล้ว สงสัยคงไม่ได้เรียนคาบเช้าซะแล้ว สายมาได้ชั่วโมงแล้ว ตอนนี้ผมกำลังก้าวออกจากลิฟท์ เดินเอื่อยๆ ไม่เร่งรีบนัก เพราะว่ายังไงคาบเช้าก็ไปไม่ทันแล้ว จะเรียนคาบบ่ายก็เที่ยง ผมก็คิดว่าคงไม่เร่งรีบอะไร สุดท้ายผมก็ไม่ได้ไปเฝ้าตะวันแบบที่ตั้งใจไว้ ช่างเถอะ ผมเดินคิดไปเรื่อยๆจนเดินออกมาหน้าคอนโด
"อ๊ะ" วันนี้เป็นอีกครั้งที่ทำผมตกใจ ตะวันยังอยู่ แล้วถ้าผมตาไม่ฝาดสายตาของตะวันก็ฉายความรู้สึกเป็นห่วงเมื่อมองมาที่ผม
'ไม่มั้ง ผมคงคิดไปเอง' ผมบอกตอกย้ำกับตัวเองในใจ
"ตะวัน เป็นอะไรรึป่าว ทำไมยังอยู่ล่ะ" ผมเดินเข้าไปหาตะวัน พร้อมกับส่งยิ้มสดใสไปให้เหมือนเดิม
"ทำไมพึ่งลงมา" เสียงทุ้มไม่ตอบ แต่ถามกลับมาอีกแบบ
"เอ๊ะ ตะวันรอเหรอ" ใจผมรู้สึกว่ามีน้ำหล่อเลี้ยงขึ้นยังไงไม่รู้ เมื่อคิดแบบนี้
"เปล่า แค่จะบอกว่าวันนี้จะไม่กลับมานอน" ใจที่แห้งเหี่ยวของผมกับมาอีกครั้ง ผมคิดอะไรไปเนี่ย ก็รู้คำตอบอยู่แล้วแท้ๆ
"จะไปไหน กับใคร" ผมถามขึ้นเสียงสูง เวลาเจอคำพูดแบบนี้ผมมักจะออกอาการร้ายกาจเสมอ
". . . . . ."ตะวันไม่ตอบอีกแล้ว พร้อมกับร่างสูงที่เดินกลับไปขึ้นรถของตัวเอง ผมไม่ได้ตามไปขึ้นรถ ผมรู้สึกว่าวันนี้เหนื่อยล้าเกินกว่าจะตอแยตะวัน หากแต่รถของตะวันยังจอดนิ่งอยู่หน้าผม ไม่ขยับไปไหน
"ขึ้นมา" เป็นอีกครั้งที่ตะวันพูด ผมไม่ขัดขืนหรือโกรธอะไรตะวัน ผมรู้ว่าไม่มีสิทธิ์แบบนั้น แค่นี้ตะวันก็ให้สิทธิ์ผมในการแสดงความเป็นเจ้าของมากเกินไปแล้ว
บนรถก็ยังคงความเงียบเหงาอยู่เช่นเดิม แต่วันนี้แอร์ที่ควรจะหนาว กลับไม่มีลมออก ตะวันไม่เปิดแอร์ ผมไม่รู้ว่าตะวันทำเพื่อผมหรือป่าว แต่เพียงแค่นี้ มันก็ทำให้ผมรู้สึกดีไม่น้อย เรามาถึงมหาวิทยาลัยเกือบเที่ยง รถค่อนข้างติดมากในตอนสายแบบนี้
วันนี้เป็นอีกวันที่จบลงอย่างอ่อนล้า คงเพราะผมมีร่างกายที่อ่อนแอเกินกว่าจะรับรู้อะไรอีกแล้ว ผมมาทำงานที่ซุปเปอร์อย่างฝืนร่างกายเต็มทน แต่ก็ต้องทำ นี่ก็จะได้เวลาที่ผมต้องไปทำงานที่ร้านข้าวต้มแล้ว
"สวัสดีครับคุณลุง"ผมทักทายลุงเจ้าของร้านอย่างคุ้นเคย คุณลุงเป็นคนใจดี และท่านก็สงสารผมเลยรับผมมาเป็นลูกจ้าง ผมนั่งทำงานอย่างเหนื่อยล้า รู้สึกว่าวันนี้เหนื่อยกว่าทุกวัน ผมนั่งทำงานไปอย่างเลื่อนลอย ร่างกายของผมมันหนักเหลือเกิน ‘มีหวังพรุ่งนี้ต้องหยุดเรียนแน่ๆ’
"อ๊ะ" อีกแล้ว วันนี้เป็นรอบที่สามแล้วที่ผมต้องตกใจ นั่นรถของตะวันจอดอยู่ฝั่งตรงข้ามกับร้านข้าวต้มที่ผมนั่งล้างจานอยู่ตอนนี้ รถกำลังดับสนิท ก่อนที่ผมจะมองเห็นร่างสูงของคนคุ้นเคยลงมาจากรถ พร้อมกับอ้อมมาอีกฝั่งหนึ่ง ก่อนจะเปิดประตูรถ พร้อมกับร่างเล็กบางร่างหนึ่ง
เพล้ง!!
"เฮ้ย ลื้อทำไรเนี่ยอาไนท์"เสียงลุงเจ้าของร้านดังขึ้นเสียงดัง เมื่อมือของผมปล่อยจานล่วงลงพื้นจนแตกเสียงดัง
"ผู้ชาย" ผมมองภาพตรงหน้าอย่างตกใจ ไม่จิง เป็นไปไม่ได้ นั่นมันเด็กผู้ชายแน่ๆ ถึงแม้จะดูบอบบาง แต่ก็ผู้ชายชัดๆ แล้วยังท่าทางอ่อนโยนของตะวันที่แสดงออกโดยการโอบร่างบางอย่างทนุถนอม กับรอยยิ้มที่จิงใจ ที่ผมคนนี้ไม่เคยได้ ไม่! ผมไม่ยอม!! ผมวิ่งข้ามถนนไปอีกฝั่งโดยไม่คิดจะกลัวรถที่กำลังสัญจรไปมา ผมไม่สน ต่อให้ผมตาย ผมก็ต้องรู้เรื่องให้ได้ ว่าทำไมตะวันถึงคบกับผู้ชาย ทุกครั้งผมเจ็บปวดที่ตะวันออกไปกับคู่ขา แต่ก็ชินชาแล้ว เพราะพวกนั้นก็ยังเป็นผู้หญิง แต่นี่ ตะวันเปลี่ยนจะคบผู้ชายงั้นหรอ?? ถ้าใช่ แล้วผมล่ะ ทำไมตะวันถึงไม่เลือก หรือเพราะผู้ชายคนนี้สวยหวานเหมือนผู้หญิงงั้นหรอ ผิดกับไนท์คนนี้ที่สารรูปดูแทบไม่ได้ใช่ไหม
"ตะวัน"เสียงผมกรีดร้องเสียงดังเมื่อวิ่งมาจะถึงตัวตะวันอยู่แล้ว ผมไม่รู้ว่าหน้าตาตอนนี้ของผมเป็นยังไง ดูไม่ได้ขนาดไหน ตะวันถึงได้หันมามองผมแล้วทำหน้าตกใจขนาดไหน
"นี่มันอะไรกัน!!" ผมมองหน้าของผู้ชายหน้าสวยคนนั้นอย่างเคียดแค้นมากแค่ไหนไม่รู้ แต่ตะวันเลือกที่จะเอาตัวขึ้นมาบังผู้ชายหน้าสวยไว้ข้างหลังแบบนั้น ปกป้องกันขนาดนี้!!! แล้วจะให้ผมคิดยังไง
"ทำไมมาอยู่นี่" ตะวันก็ยังคงเป็นตะวัน เลือกที่จะถามคำถามกับผมมากกว่าจะตอบคำถามของผม
"ผู้ชายคนนี้มันเป็นใคร" ผมกรีดร้องขึ้นเสียงดัง ผมไม่สนแล้ว คนรอบข้างจะมองยังไง แต่ผมต้องการคำตอบ "มานี่เลยนะ นายหน้าด้าน หน้าตาก็ดีทำไมไม่ไปเอาคนอื่นมาเป็ยผัว ห๊ะ" ผมผลักตะวัน พร้อมกับกระชากแขนของคนคนนี้อย่างแรง ผมไม่รู้ว่าผมเอาแรงมาจากไหนทั้งที่ก่อนหน้านี้ จะบืน็แทบจะไม่ไหวแล้ว แต่ตอนนี้ใจมันร้องแต่อยากจะทำลายคนตรงหน้า
"โอ๊ย อะไรเนี่ย ปล่อยคาปูนะ" เสียงเล็กร้องขึ้นอย่างตกใจ มือบางที่ผมจับไว้พยายามดึงออกจากมือผม
"นี่แน่ะ มารยานักนะ" ผมไม่รู้ว่าทำไมถึงลงมือกับคนนี้ ปกติไม่ว่าตะวันจะมีคู่ขากี่คนที่ผมต้องไล่ ผมก็ไม่เคยใช้กำลัง แต่เพราะว่าคนนี้เป็นผู้ชาย ตะวันควงผู้ชาย ใจผมเจ็บเหลือเกิน ผมต้องการระบาย ผมไม่รู้ว่าตบคนนี้ไปกี่ครั้ง ผมไม่รู้ว่าผมจิกทำร้ายคนนี้ไปกี่ครั้ง ใจผมมันหายไปแล้ว มันไม่มีความรู้สึกอีกแล้ว น้ำตาผมไหลนองหน้าเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าตอนนี้มันเจ็บเหลือเกินกับภาพตรงหน้า ตะวันผลักผมจนล้มไปกระแทกกับพื้น เพื่อช่วยเด็กคนนั้น เข่า กับมือผมขูดกับพื้นจนเลือดออก แต่ผมกลับไม่รู้สึกเจ็บซักนิดเดียว มันชาจนไม่มีความรู้สึกอะไรอีกแล้ว ผมมองภาพตะวันกอดเด็กคนนั้นอย่างปลอบโยน
"เฮ้ย คาปูเป็นไรไปวะตะวัน" ร่างสูงโปร่งหนาเดินออกมาจากร้านอาหารกึ่งผับ พร้อมกับวิ่งเข้ามาทรุดตัวดูอาการของคนหน้าสวยอย่างตกใจ
"ฮือ เจ็บๆ" คนหน้าสวยร้องไห้โฮ พร้อมกับผละจากร่างสูงของตะวันเข้าหาหนุ่มอีกคน
"มึงพาคาปูไปโรงบาลที กูมีเรื่องต้องสะสาง" ตะวันพูดพร้อมกับลุกขึ้นมากระชากผมลุกอย่างแรง พร้อมกับดันผมขึ้นรถจนหัวผมกระแทกขอบประตูรถจนเลือดออก แต่ผมมันชาแล้ว ไม่รู้สึกอะไรเลย
ปัง!!!
ประตูห้องในคอนโดหรูกระแทกปิดเสียงดัง
"ทำอะไร!!!" ตะวันตะคอกขึ้นเสียงดัง นัยน์ตาสนิมมองหน้าผมอย่างโกรธมาก
"ไนท์ต้องถามตะวันมากกว่า ว่าทำอะไร" ผมตะโกนตอบกลับเสียงดังไม่แพ้กัน
"อะไร!!" ตะวันตะคอกถามอีกครั้ง เหมือนไม่เข้าใจที่ผมพูด
"ทำไมตะวันถึงควงเด็กนั่น ไปเจอเป็นเด็กขายอยู่ที่ไหนล่ะ" ผมไม่เคยพูดจาหยาบคายประชดประชันตะวันแบบนี้มาก่อน แต่อารมณ์ของผมตอนนี้ไม่มีเวลามาห่วงอะไรอีกแล้ว
เพี้ย!!!
"มันจะมากไปแล้วนะ!!!" ตะวันตบหน้าผม!! ผมตกใจมาก ม่านตาตอนนี้บิดเบือนไปทุกที ทำไมกัน ผมคิดว่าผมชาชินมันแล้วนะ แต่บอกผมทีว่าความรู้สึกเจ็บจนหายใจไม่ออกแบบนี้คืออะไร
"ตะวันตบไนท์" ถึงแม้ผมจะไม่ใช่คนสำคัญสำหรับตะวัน แต่ตะวันก็ไม่เคยทำร้ายผม ผมมองหน้าตะวันอย่างเจ็บปวด ตะวันเองก็มองมือตัวเองอย่างตกใจไม่น้อย
"ก็นายหยาบคาย ทำไมถึงกลายเป็นคนน่ารังเกียจแบบนี้ ห๊ะ!" ตะวันพูดอะไรนะ น่ารังเกียจงั้นหรอ?? ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าตะวันคิดกับผมแบบนี้ เพราะตะวันไม่เคยพูดเลย
"นี่ซินะ คือความรู้สึกของตะวัน เข้าใจแล้ว ไนท์เข้าใจแล้ว" ผมพูดพึมพำไปอย่างเลื่อนลอย "งั้นก็เชิญไปคลุกอยู่กับของต่ำๆแบบนั้นเถอะ!!" ผมตะโกนออกไปสุดเสียง พร้อมกับมองหน้าร่างสูงอย่างดูถูก
"ฉันไม่คิดว่านายจะน่ารังเกียจขนาดนี้" ร่างสูงกัดฟันพูดก่อนจะพาร่างของตนออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
ปัง!!!
ร่างของผมทรุดลงกับพื้นอย่างหมดแรง นี่ซินะไนท์ คำพูดที่ต้องการฟังจากตะวัน คำพูดแบบนี้ซินะ ที่แกอยากฟังเพื่อจะเลิกยัดเยียดตัวเองให้กับเค้าซะที
'แกมันน่ารังเกียจไอไนท์!!' ผมพูดตอกย้ำตัวเองอีกครั้ง และอีกครั้ง
คืนนี้ก็ผ่านไปโดยที่ตะวันไม่กลับมาคอนโดอีกเลย ผมคงจะน่ารังเกียจมากจนตะวันไม่อยากจะอยู่ด้วย แล้วผมจะหน้าด้านอยู่ต่อไปทำไมล่ะ จนถึงตอนนี้ก็พึ่งรู้สึกตัว ว่าตัวเองหน้าด้าน เหมือนที่คู่ขาหลายๆคนของตะวันพูดจิงๆ
ผมก้มลงลื้อกระเป๋าเดินทางใบย่อมออกมา จิงๆผมพอจะรู้นานแล้ว ว่าซักวันผมคงต้องไปจากที่นี่ แต่ไม่คิดว่าจะมาถึงไวแบบนี้ ผมเช่าอพาร์ทเม้นเล็กๆที่เงินเดือนผมพอจ่ายได้มาสองเดือนแล้ว โดยที่ยังไม่ได้เข้าไปอยู่ ถึงเวลาแล้วซินะที่ผมจะออกไปอยู่ที่ที่ผมควรอยู่
ผมก้าวออกจากห้องพร้อมกับปิดประตูให้เรียบร้อย ผมออกมาจากลิฟท์พร้อมกับเดินมาที่เคาน์เตอร์เพื่อฝากกุญแจห้องไว้ ผมไม่ได้ทิ้งโน๊ตอะไรไว้ให้ตะวันอ่าน เพราะผมคิดว่าตะวันคงจะรังเกียจทุกอย่างที่เป็นผม เพราะงั้นตะวันก็คงจะไม่อ่านโน๊ตแน่ ดีไม่ดีอาจจะมันเผาทิ้งก็ได้
ผมตัดสินใจก้าวออกมาจากชีวิตตะวันได้แล้วซินะ ตอนนี้ผมอยู่ภายในห้องขนาดเล็กที่ไม่ได้ครึ่งของคอนโดของตะวันเลย ผมมองไปรอบๆห้อง ก่อนจะมาหยุดอยู่ตรงเตียงเดี่ยวเล็กๆ ร่างของผมล้มตัวลงไปอย่างแรงโดยไม่กลัวว่าจะเจ็บ
ตอนนี้มันชาหมดแล้ว ร่างกายของผมไม่มีอะไรให้เจ็บอีกแล้ว พอแล้วไอ้ไนท์ แค่นี้แกก็ทำให้เค้ารังเกียจมากที่สุดแล้ว แกจบความน่ารังเกียจของแกซักที อย่าให้เค้ารู้ว่าแกยังน่ารังเกียจมากกว่านี้อีกแล้ว
ผมหลับไปตอนไหนไม่รู้ รู้แต่ว่าตอนนี้เป็นที่ผมต้องเริ่มชีวิตกับการเรียนแล้ว ผมไม่กลัวว่าจะเจอตะวันที่มหาวิทยาลัย เพราะยังไงถ้าตะวันเลือกจะเกลียดผม หน้าของผมตะวันก็คงไม่อยากจะมองด้วยซ้ำ
ผมลุกขึ้นเข้าไปห้องน้ำ กระจกในห้องน้ำใบเล็กฉายภาพใบหน้าซีดเซียวที่ยับยู่ยี่จนยิ่งดูไม่ได้เข้าไปใหญ่ ผมมองมันอย่างเฉยชา ก่อนจะทำความสะอาดร่างกายให้เรียบร้อย
เช้านี้ผมเข้าห้องเรียนโดยเลือกที่จะนั่งหลังห้องมากกว่าที่จะนั่งหน้ากับตะวันเหมือนปกติ ผมนั่งลงที่แถวสุดท้ายก่อนจะมองเหม่อรอบห้อง จนถึงเวลาเกือบจะเข้าเรียน ผมก็เห็นร่างสูงของตะวันเดินเข้ามา ผมมองตาม จนกระทั่งตะวันทรุดตัวนั่งลงที่เดิม เห็นไหมล่ะ ผมเดาไม่ผิด ผมไม่ได้สำคัญกับตะวันจนถึงขั้นที่ตะวันจะมองหาผมจริงๆ วันนี้ผมนั่งเรียนอย่างเหม่อลอยโดยไม่รู้ว่าอาจารย์สั่งงานอะไรบ้าง
"อะ....เอ่อ" เสียงพูดดังขึ้น พร้อมกับนิ้วเล็กจิ้มสะกิดผม ผมหันหน้าไปข้างหลังตามแรงเรียก
"คือว่า สนใจรวมกลุ่มทำงานกับเราไหมอ่าไนท์" เค้าถามผมอย่างประหม่า หากแต่รอยยิ้มที่ส่งมาให้อย่างเป็นมิตร ทำให้คิดได้ว่าตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยมา ผมมัวแต่ตามติดอยู่กับตะวัน จนไม่รู้จักเพื่อนในเซตเลย ผิดกับตะวันที่เป็นคนคุยเก่งและเพื่อนเยอะจิงๆ
"ขอโทษนะ" หากแต่ผมเลือกที่จะปฏิเสธความหวังดีนั้นทิ้งไปซะ ผมนั่งคิดมาตลอดทั้งคลาสแล้ว ผมจะไปทำเรื่องดรอปเรียน เพราะตอนนี้เงินของผมหมดไปกับค่าเช่าอพาร์ทเม้นล่วงหน้าหลายเดือนแล้ว เพราะงั้นเงินที่จะใช้ต่อยังไม่มี ผมเลือกที่จะทำงาน มากกว่าเรียน หนึ่งเหตุผลก็เพื่อจะไม่เจอตะวัน ผมกลัวสายตาตะวันที่มองผมอย่างรังเกียจ พอแล้วกับบทร้ายที่รับมาตลอด ผมเหนื่อยแล้ว
ผมกลับมานอนมองเพดานอยู่ในห้องแคบๆเล็กๆหลังจากทำเรื่องดรอปเรียนเสร็จ ตอนนี้ผมรู้สึกว่าร่างกายไม่มีแรงเลย อาจเพราะตั้งแต่เมื่อวานแล้วที่ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย ร่างกายขยับเคลื่อนไหวแต่ละทีทำให้ผมเหนื่อยหอบ ผมพยายามหลับตาเพื่อจะนอนอย่างสงบ ไม่อยากจะตื่นขึ้นมาฝันร้ายแบบเมื่อคืนอีกแล้ว แต่ทำยังไงก็ไม่หลับซักที เมื่อคืนกว่าผมจะหลับได้ ก็ต้องพึ่งยานอนหลับไปเยอะนัก แต่ตอนนี้ก็ยังนอนไม่หลับซักที
เหนื่อย เมื่อยล้า ไม่มีแรงจะขยับไปไหนแล้ว ผมรู้สึกเจ็บไปหมด ทั้งร่างกาย และใจ ที่ผมเคยคิดว่ามันด้านชาเสียแล้ว
วันคืนผ่านไปอย่างเชื่องช้า นี่เป็นคืนที่สามที่พ้นต้องพึ่งยานอนหลับ นี่ก็สามวันแล้วที่ผมนอนอย่างเดียวโดยไม่ทำอะไรเลย นอนไปเรื่อยๆ ไม่กิน ไม่เข้าห้องน้ำ ไม่ทำอะไรเลย แต่เมื่อหลับตา มันก็วนเวียนอยู่แต่หน้าของตะวัน ผมอยากจะลืม ลืมไปให้หมด
ก๊อก ก๊อก ก๊อก ปัง!!
"ไนท์" ผมเหมือนได้ยินเสียงของตะวันร้องเรียกผมเสียงดัง ยังกับฝันดีที่ตะวันจะเรียกชื่อผมคนเดียว ผมยิ้มให้ ผมคิดว่ายิ้มของผมคงจิงใจที่สุด ตอนนี้ร่างกายของผมไม่เจ็บปวดอีกแล้ว รู้สึกว่ามันเบาสบาย ล่องลอยอยู่บนสวรรค์ ผมอยากจะอยู่ไปนานๆ ผมมีความสุขจังเลย
เปลือกตาบางขยับไหว พร้อมกับร่างกายที่เริ่มขยับอย่างแผ่วเบา เรียกให้ร่างสูงที่เฝ้าอยู่ไม่ห่าง ขยับมาใกล้อย่างดีใจ
"ไนท์ๆ" ผมได้ยินเสียงเหมือนตะวันดังอยู่ใกล้ๆ พร้อมกับมือหนาที่จับมือผมบีบเบาๆอย่างเรียกหา หากแต่ตาของผมมันเปิดช้าเหลือเกิน
"ไนท์ๆ" เสียงตะวันดังเรียกผมไม่หยุด ในที่สุดผมก็พยายามฝืนเปลือกตาจนมองเห็นหน้าตะวันอยู่ใกล้ๆ
ต่อข้างล่างค่ะ
v
v
v