ปล.ด้วยรักและคิดถึง#หนุ่มสก๊อยคนแรกที่ได้ซ้อนท้าย
“กัส ช่วยหน่อยซิ”
ช่วยอะไรไม่รู้ รู้แค่บอกให้ช่วย และกัสก็ลุกขึ้นยืน โดยมีใครบางคนยืนกางแขนอยู่ตรงหน้า
“ติดกระดุมเสื้อให้หน่อยซิ”
ไอ้หยก
มึงเป็นบ้าหรือไง กระดุมเสื้อแค่นี้มึงติดเอาเองไม่ได้หรือไง
“ไม่ทำ”
นั่งลงทันที และหยกก็ขมวดคิ้วมุ่น ตีหน้าขรึม และแกล้งบ่นพึมพำเสียงเบา
“สมัยนี้โรคเยอะ แปรงฟันอยู่ดี ๆ แม่งนิ้วก็ล็อค เจ็บชิบหาย ติดกระดุมเสื้อก็ไม่ถนัด แม่ง จะมีกระดุมเสื้อทำไมวะ มันลำบากคนที่นิ้วล็อคนะเว้ย”
ปรายตามองไปที่คนที่นั่งอยู่เล็กน้อย และกัสก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง ยื่นมือออกมาตรงหน้าและจัดการติดกระดุมเสื้อให้คนที่แกล้งบ่นให้ได้ยิน
ติดจากเม็ดล่างขึ้นมา
แค่ติดกระดุมเสื้อให้โดยมีคนบางคนยืนทำหน้าเฉยอยู่ตรงหน้า มันไม่ได้มีอะไรน่าตื่นเต้นหรอกนะ
“ทำไมมือสั่นวะกัส”
มือไม่ได้สั่น
“เปล่า”
ปฏิเสธออกไปและหยกที่ยืนทำหน้าเฉยก็พยายามสะกดกลั้นรอยยิ้มของตัวเองเอาไว้ ไม่ให้เผลอยิ้มออกมา
ไม่รู้ว่าเป็นอะไร รู้สึกอยากให้กัสมันทำบางอย่างให้ แค่เรื่องง่าย ๆ เล็ก ๆ น้อย ๆ อาบน้ำอยู่ดี ๆ ก็นึกขึ้นมาได้ว่าอยากเห็น
อยากเห็นหน้ามันแบบชัด ๆ ตรง ๆ
“เจาะหูด้วยเหรอ”
มองไปเรื่อย มองหน้าแบบผ่าน ๆ ถ้ามองตรง ๆ ก็จะผิดสังเกตเกินไป ก็เลยมองไปเรื่อย มองเลยไปถึงใบหูแล้วก็เพิ่งสังเกตเห็นว่ากัสเจาะหู
“อือ”
เหรอ
“สองข้างเลยป่ะ”
“เปล่า”
อ่อ
“เหรอ”
อือ
“หิวป่ะ”
ไม่
กัสส่ายหน้าและก็ติดกระดุมมาถึงเม็ดบนสุด
มองที่ปลายคางของคนที่ชวนคุย และก็ผละออกห่างเมื่อติดกระดุมเสื้อให้อีกฝ่ายเสร็จ
“ขอบใจ”
ยิ้มเล็ก ๆ และกัสก็มองเห็นว่าอีกฝ่ายยิ้ม
ยิ้มทำไมวะไม่เข้าใจ
“มึงยิ้มทำไม”
ก็ไม่ทำไม อยากยิ้มก็ยิ้ม
“ก็มึงเป็นคนดีของสังคม กูก็ยิ้ม”
กูเปล่าเป็นคนดีของสังคม เพราะฉะนั้นมึงไม่เห็นต้องยิ้ม
ถ้ากูเป็นคนดีจริง พ่อกับอาคงไม่เกลียดกูขนาดนี้หรอก
ถ้ากูดีจริงคงไม่ถูกไล่ออกจากบ้านแบบนี้
“ไปอาบน้ำเหอะ แล้วก็ใส่ชุดนี้”
ชุดนี้ที่ว่า คือเสื้อเชิ้ตขาวแบบที่หยกใส่ และกางเกงยีนส์ตัวที่หยกเลือกให้
“กูไม่ใช่นักศึกษาแบบมึง ให้กูใส่แบบนี้ทำไม”
ก็ไม่ทำไม
“จะได้กลมกลืน”
เหรอ
“ไปส่งกูแล้วรอกูด้วยนะ กูจะไปไหว้พระ นิ้วก็ล็อค รถก็พังดีนะที่มีมึงอยู่ด้วย ไม่งั้นกูคงโคตรลำบาก”
ไม่จริงมั้ง
“เพื่อนมึงไม่มีหรือไง”
เพื่อนมี
มีเยอะด้วย
แต่กูไม่ได้อยากให้เพื่อนทำเรื่องแบบนี้ให้นี่หว่า กูอยากให้มึงทำ
“โทษทีว่ะ กูก็ลืมไปว่ารบกวนมึง”
เปล่า
ไม่ใช่แบบนั้น
“ไม่ได้พูดว่ารบกวน”
“เออช่างเหอะ กูไปเองก็ได้”
“ไม่ต้อง เดี๋ยวกูไปส่งเอง”
ก็แค่เนี่ยะ น่ารักนะมึง ทำหน้าลังเลใจ ทำท่ากลืนไม่เข้าคลายไม่ออกอย่างนี้แหละ กูว่ากูชอบมองนะ ไม่รู้ทำไม ชอบดูหน้าไอ้กัสทำหน้าเหมือนปลาสำลักน้ำ
“ไปอาบน้ำไป กูจะสายแล้ว”
ก็ได้
กัสเดินเข้าห้องน้ำไปแล้ว และหยกที่ยืนอยู่ก็มองตาม
ไม่รู้ยังไงเหมือนกันนะ เป็นแบบนี้มาพักใหญ่แล้ว
ใครว่าไอ้กัสมันดื้อ ใครเกลียดมันได้ลงคอก็แปลกแล้ว
ทำไมวะ แค่เข้าหามันหน่อย เข้าใจมันหน่อย สังเกตพฤติกรรมและความรู้สึกของมันบ้างไม่ได้หรือไง
มันน่ารัก
มันเป็นเด็กดี
เพียงแต่เหมือนมีบางอย่างที่ทำให้รู้สึกว่ามันดูขาด ๆ เกิน ๆ และหยกก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร
เรื่องอ่านหนังสือไม่คล่องนั่นก็แปลก โตป่านนี้แล้วทำไมถึงยังจำคำอ่านง่าย ๆ บางคำไม่ได้ ทั้งที่บางครั้งมันก็อ่านข้อความยาว ๆ บางประโยคได้คล่อง แต่บทจะอ่านไม่ได้ขึ้นมาคำง่าย ๆ มันก็อ่านไม่ได้ซะงั้น
แบบนี้มันเป็นเพราะอะไร
เรียนมาได้ สอบมาได้ขนาดนี้ ยังสงสัยอยู่ว่ามันทำได้ไง
มันบอกมันลอกเพื่อน
ดูมันตอบ
สติปัญญาระดับมัน ถ้าจะทำมันก็น่าจะทำได้ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงทำไม่ได้ ตัวเลขบวกลบคูณหารยาก ๆ บางอันมันก็ทำได้ แต่พอใส่ตัวหนังสือเป็นคำอธิบายเข้าไป ไอ้กัสมันกลับนั่งงง มันหมายความว่ายังไง
“หยก”
“เอ้อออ”
ขานรับ และก็รอฟัง ว่าคนในห้องน้ำจะพูดว่าอะไร
“ไม่มีผ้าขนหนู”
เหรอ
หยิบผ้าขนหนูที่แขวนอยู่มาถือเอาไว้ และก็เรียกคนที่อยู่ในห้องน้ำให้ออกมารับผ้าขนหนู
กัสเปิดประตูห้องน้ำออกมา
ยื่นมือออกมารับ แง้มประตูห้องน้ำออกมา และคนที่ยื่นผ้าขนหนูให้ก็ถึงกับยืนนิ่งอึ้ง
กระจกหน้าเคาร์เตอร์ล้างหน้ามันอยู่ตรงประตูห้องน้ำพอดี
ไม่ได้มองเข้าไปในห้องน้ำ แต่สายตาเหลือบไปมองที่กระจกและภาพสะท้อนที่ได้เห็นก็ทำให้หยก ถึงกับยืนอึ้ง
เหี้ยกัส
ประตูห้องน้ำถูกปิดเรียบร้อยแล้ว
และคนที่อยู่ในห้องน้ำก็ไม่ได้รู้เรื่องเลยสักนิดว่าเผลอทำให้ความรู้สึกของใครบางคนเตลิดไปไกล
เหี้ยยยยยยยยย
กูไม่เห็นอะไรนะ
กูไม่เห็นอะไรทั้งนั้น
กูแค่เห็นแว่บเดียว แค่เห็นนิดเดียว แค่เห็นว่าขาว
แล้วมึงจะขาวไปไหน
ผิวมึงตัวมึงมันจะขาวไปไหนมากมาย
แค่แว่บเดียว แต่ภาพมันติดตา ร่างกายเปลือยเปล่าของใครบางคนที่ได้เห็นเพียงแค่ไม่นาน มันติดตาจนทำให้หยกถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ
ไม่ได้มีส่วนเว้าส่วนโค้งแบบผู้หญิง
แต่แปลกที่มันดูน่าแตะต้องน่ามองน่าสัมผัส
“เหี้ยกัส”
บ่นพึมพำกับตัวเองเสียงเบา และหยกก็ถึงกับขมวดคิ้วมุ่น พยายามยืนอยู่นิ่ง ๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ของตัวเอง
กูเปล่าคิด
จะให้กูคิดอะไร
ร่างกายแบบเดียวกัน อะไรทุกอย่างมันก็มีเหมือนกูแหละ
ไม่มีอะไรแตกต่างกันเลยสักนิด เพียงแต่มัน...........
บ้า
เหี้ยเกินไปแล้ว
แม่งท่าจะบ้า
สะบัดหัวไล่ความคิดบ้าบอออกอย่างรวดเร็ว และหยกก็เตรียมอุปกรณ์สำหรับการสอบลงกระเป๋า
เสียงน้ำจากฝักบัวในห้องน้ำ ยิ่งพาให้จิตใจเตลิดไปไกล
คิดอะไรวะ
คิดอะไรเพ้อเจ้อแต่เช้าวะ เดี๋ยวก็ต้องไปสอบ จะให้คิดอะไรวะ มันก็ผู้ชายเหมือนกัน กูมีอะไรแม่งก็มีเหมือนกูแหละ จะไปคิดอะไรเยอะแยะวะ
นั่นมันไอ้กัส
ไอ้เด็กเหี้ย ที่ชอบทำตัวน่าเป็นห่วง และเป็นเด็กมีปัญหา
มันก็คือไอ้กัส
ไอ้เด็กกัส
“หยก ให้กูใส่ชุดนี้ใช่หรือเปล่า”
ใครบางคนเปิดประตูห้องน้ำออกมาแล้วและนุ่งเพียงผ้าขนหนูผืนเดียว ก่อนหน้านี้เห็นไม่ชัด แต่ตอนนี้เห็นโคตรชัด
คนเราถ้าไม่เคยคิดอะไรก็ไม่คิด แต่เวลาที่คิดขึ้นมา
ความคิดมันก็น่ากลัวจนแม้แต่ตัวเองยังกลัวความคิดของตัวเอง
“หยก”
แล้วก็เพิ่งได้สติ หยกรีบเมินหน้าหนีไปทางอื่นแล้วค่อยตอบคำถาม
“เออ.... ชุดนั้นแหละ”
เหรอ
เปลี่ยนเสื้อผ้าตรงนั้น และเป็นหยกที่ต้องเดินหนี
กัสไม่รู้ปัญหา ไม่รู้ว่าหยกเป็นอะไร
มองแล้วก็ไม่ทันได้คิด
แต่งตัวเรียบร้อย ใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย และเอาผ้าขนหนูไปตากไว้ และเดินมาหาหยกที่กำลังเก็บหนังสือลงกระเป๋า
“ป่ะ”
เหรอ
กัส....
ไปก็.....
เอ่อ.......ไปวะ ไปก็ไป
ก้าวขาเดินออกมาจากห้องด้วยกัน ล็อคประตูห้องเรียบร้อย เดินข้าง ๆ กัน
สิ่งที่หยกกำลังรู้สึกแปลกใจตัวเองก็คือ
นานแล้วที่ไม่ได้รู้สึกถึงอาการสั่นไหวของหัวใจที่เต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ แบบนี้
เพียงแค่เหลือบมองเสี้ยวหน้าของคนที่เดินอยู่ข้าง ๆ
ทุกอย่างยังคงเป็นปกติดี แต่มีบางอย่างที่แปลกออกไป
“กัส”
กัสเงยหน้าตามเสียงเรียก และหยกก็รีบเมินหน้าไปทางอื่น เพราะคิดไม่ออกว่าจะพูดอะไร
“เออ”
แล้วกูจะพูดอะไรวะ คิดไม่ออกจริง ๆ ว่าจะพูดอะไร
“มึง...มาห้องกูบ่อย ๆ แล้วแฟนมึงไม่ไปหาบ้างเหรอ”
แฟนเหรอ
แฟน
ยังไง
หมายความว่ายังไง แฟน.......
นิ่งเงียบ และกัสก็ขมวดคิ้วมุ่น หมายความว่ายังไงวะ
แฟน......บางทีมันอาจจะแปลว่า มาบ่อย ๆ หยกมันก็มีแฟนเหมือนกัน มันก็คงอยากพาแฟนมันมา
แล้วบางที.....
“ก็....เดี๋ยวจะไปหา”
ไม่ได้ไปหาแฟนนะ แต่หมายถึงว่า เดี๋ยวค่อยหา ถ้ามันจำเป็นต้องมี ก็ควรต้องหาหรือเปล่า จะว่าไปเพื่อนในกลุ่มก็มีแฟนกันทั้งนั้น แล้วทำไมกูถึงไม่มีวะ ในหัวไม่เคยคิด ลืมไปด้วยซ้ำว่าควรต้องมีแฟน แล้วมีไว้ทำไมวะ แฟนเอาไว้ทำอะไรได้บ้าง กูไม่รู้จริง ๆ
หรือว่ามีไว้ทำอย่างว่ากัน
แต่บางคนก็มีไว้รักกัน
บางคนก็ทำได้ทั้งสองอย่าง
กัสรู้เพียงแค่นั้น และเริ่มขมวดคิ้วมุ่น มันคงเป็นแบบนั้น แต่บางทีก็เห็นว่ายุ่งยาก เพื่อนชอบทะเลาะกับแฟน ด่ากันด้วยถ้อยคำหยาบคาย กูไม่ชอบแบบนั้น ถ้าให้มีแฟน กูไปซิ่งรถยังสนุกกว่า ไม่ต้องคิดอะไรเยอะ บิดไปเรื่อย ๆ ให้ชนะก็พอ
“แฟนมึงสวยป่ะ แล้วรุ่นมึงนี่มันต้องมีเด็กซ้อนท้ายไม่ใช่เหรอ เวลามึงแว๊น”
ใช่
บางคนก็มี
บางทีกูก็ยืมเพื่อน ก็ไม่เห็นมันว่าอะไร เมียเพื่อนบางคนยังชอบซ้อนกูเลย
“สวย”
ตอบกลับไปง่าย ๆ และเป็นหยกที่ถึงกับนิ่งเงียบ
เหรอ
ก็....คงสวยแบบที่มันชอบล่ะมั้ง
“แล้วแฟนมึงสวยมั้ยหยก”
ถามกูกลับซะงั้น สวยมั้ยเหรอ แฟนกูเหรอ
“ก็น่ารักดี”
ตอบเพียงแค่นั้น ไม่ได้พูดอะไรมาก แต่แค่ได้ฟังกัสก็รู้สึกเศร้าขึ้นมา
เศร้ามาก จนรู้สึกอยากร้องไห้
เหมือนโดนแย่งของรัก
ใจหยกมีให้คนอื่นมันก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก มันจะแปลกตรงไหนในเมื่อหยกมันหน้าตาดี นิสัยก็ดี อยู่ด้วยก็รู้สึกดี
แล้วจะแปลกตรงไหนถ้าหยกมันจะมีใครสักคน
“น่ารักมากมั้ย”
ถามย้ำไปอีกครั้งเหมือนลืมตัว และหยกที่เดินเรื่อย ๆ ก็ก้มหน้าลงเล็กน้อย ก่อนจะเหลือบสายตามองคนข้าง ๆ
“ไม่รู้คนอื่นมองยังไง แต่สำหรับกู กูว่าแม่ง...น่ารักมาก มองแล้วก็...กูว่าแม่งน่ารักสุดแล้ว...น่ารักแบบ....แปลกๆ”
มีด้วยเหรอวะ น่ารักแบบแปลก ๆ
“มีตาสิบดวงหรือไง”
ไม่ใช่หรอก
“มีตาแค่สองดวง สภาพร่างกายก็ดูปกติดี แต่แม่งพูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง”
แล้วมึงคุยกับเขารู้เรื่องได้ยังไง
ไม่ได้ถามต่อ เพราะไม่รู้จะถามไปทำไม ยิ่งถามยิ่งปวดใจ ยิ่งถามยิ่งเศร้า เศร้ามากจนรู้สึกว่าไม่อยากเดิน
อาการมันฟ้อง
ชัดเจนจนหยกที่เดินมาด้วยกันยังดูออก
“เป็นอะไร ทำหน้าอย่างกับคนจะร้องไห้”
หน้ากูเหมือนคนจะร้องไห้เหรอ
กูเปล่าร้องไห้ กูพยายามอยู่
“ไม่ได้เป็นอะไร”
ตอบกลับง่าย ๆ แต่คนที่อยู่ด้วยก็ดูออก ชัดซะขนาดนี้ เวลามึงโกหกใครคงลำบาก เพราะหน้ามึงมันออกอาการชัดเจนแบบไม่ต้องให้เดา
“มีที่ไหนล่ะแฟน กูก็หาอยู่เนี่ย ยังมีไม่ได้หรอก แฟนคลับกูเยอะ ขืนมีเดี๋ยวเสียเรตติ้ง กูมันคนของประชาชน”
ไอ้หยก
เหี้ย
ไอ้เหี้ยหยก
มึง..........
หน้ายังเหมือนเดิม แต่อาการเศร้าไม่เท่าเดิม กัสรู้ว่าตัวเองอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ เร็วมากเหมือนคนบ้า
และเวลานี้ยิ่งรู้สึกว่ามันชัดเจนมาก
เดี๋ยวเศร้าใจ เดี๋ยวก็อยากจะร้องไห้ พอมาตอนนี้รู้สึกโล่งใจจนอยากร้องไห้
โล่งใจ..........แต่ก็ยังอยากร้องไห้
“เป็นอะไร”
ไม่รู้ กูไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร มันบ้า ๆ บอ ๆ อารมณ์มันไม่มั่นคง กูไม่รู้จริง ๆ ว่ากูเป็นอะไร
“ใครจะไปเหมือนมึง มีสาวซ้อนท้ายคืนหนึ่งคงเปลี่ยนหน้าไปเรื่อย ๆ”
ไม่มี
กูยืมเพื่อน
กูไม่มีหรอกสาวซ้อนท้ายอะไรนั่นน่ะ กูชนะตลอด ทำไมต้องมีใครซ้อนท้าย มีแต่กูจะได้ของ แล้วแบ่งให้เพื่อน
“ไม่มี”
ตอบแบบไม่ทันคิด ตอบตามอารมณ์ และก็เป็นหยกที่หัวเราะออกมาเสียงเบา เพราะพอใจกับคำตอบนั้น
“จริงดิ”
จริง...
พยักหน้าน้อย ๆ และกัสก็เมินมองไปทางอื่น ไม่ได้มองหน้าคนที่ยิ้มกว้าง หยกยิ้มสวย ยิ้มจนกัสไม่กล้ามอง
“วันนี้มึงไปส่งกู แบบนี้กูก็ซ้อนมึงคนแรกเลยดิ”
ใช่....
ไม่ตอบ แต่หยกก็พอจะเข้าใจ
พยักหน้าน้อย ๆ พร้อมกับรอยยิ้มที่กัสไม่ทันได้มองเห็น เพราะเมินหน้าหนีไปทางอื่น
“ดีใจนะเนี่ย มึงอย่าขับตกหลุมตกบ่อบ่อย ๆ นะเดี๋ยวกูหวั่นไหว แม่ง มึงออกจะหล่อ หน้าตาดีขนาดนี้ คนซ้อนอย่างกูก็กลัวหวั่นไหวนะทำเล่นไป”
พูดอะไรของมึง
เหี้ยหยก พูดอะไรไม่เห็นเข้าใจ พูดไปยิ้มไป มึงเป็นบ้าหรือไง
“เป็นเหี้ยอะไรแต่เช้า”
ไม่รู้จะพูดอะไร รู้สึกเหมือนคล้าย ๆ ว่า.........กำลังเขิน
ไม่รู้จริง ๆ ว่าอาการแบบนี้เรียกว่าอะไร
แบบนี้อาจเรียกว่าเขิน จนพูดไม่ออก
บางทีมันอาจเป็นแบบนั้น
และคนที่ได้ฟังก็ยิ่งอมยิ้มเข้าไปใหญ่ ยิ้มหวาน ๆ และแกล้งพยักหน้าทำหน้าจริงจังใส่
“นั่นดิ กูไม่รู้ว่ะ แม่งไม่รู้เป็นอะไรจริง ๆ สงสัยอ่านหนังสือเยอะไปหน่อย เลยปวดหัวปวดตาแต่เช้า ไปส่งกูแล้วอย่าไปไหนนะ เผื่อกูเป็นลม นั่งรออยู่หน้าคณะห้ามไปไหนเด็ดขาดนะกัส กูกลัวเป็นอะไรไปแล้วไม่มีใครดู”
ไม่จริงมั้ง
แต่จะว่าไป ......... หน้ามึงก็ซีดอยู่เหมือนกัน
“รอก็ได้ กูไม่ไปไหน”
นั่นแหละ เข้าทางเลย กันไว้ก่อน เผื่อแม่งหงุดหงิดทนไม่ไหวแล้วหนี ที่ว่าจะพามันไปไหว้พระคงจบกัน
“ขอบใจนะ มึงนี่พึ่งได้จริง ๆ”
พึ่งได้จริง ๆ
พึ่งได้ อย่างกูเนี่ยนะพึ่งได้ เกิดมาไม่เห็นมีใครเคยบอกว่ากูพึ่งได้เลย มีแต่บอกว่าสร้างแต่ปัญหา เป็นภาระ
นี่ก็อีกเรื่องเหมือนกัน ที่ทำให้กูรู้สึกอยากร้องไห้
แต่ทำไม่ได้
“เออ กูรอจะให้รอตรงไหนก็บอกแล้วกัน เดี๋ยวกูจะนั่งรอ”
เป็นคำตอบที่ทำให้หยกยิ่งยิ้มกว้างเข้าไปใหญ่
ยิ้มไปเรื่อย และแอบเหลือบมองเสี้ยวหน้าของคนที่เดินข้าง ๆ อยู่เรื่อย ๆ
ไม่รู้นะ
ไม่รู้เหมือนกันว่ารู้สึกยังไง
แค่รู้สึกว่า
ไอ้เด็กเหี้ยนี่ แม่ง........เอาเข้าจริง ก็น่ารักดี น่ารักมาก ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงน่ารักได้ขนาดนี้วะ
มึงรู้ตัวเปล่าเนี่ย ว่ามึงน่ารักขนาดไหน
แต่ดูท่าทางแล้ว สงสัยแม่งจะไม่รู้ตัวเลยสักนิดจริง ๆ
TBC.