Xianxia: เทพยุทธหมีดำในตำนาน: #43 ถ้ำของเจ้าข้าจะรับเอาไว้ วะฮ่าๆๆ (5/11)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Xianxia: เทพยุทธหมีดำในตำนาน: #43 ถ้ำของเจ้าข้าจะรับเอาไว้ วะฮ่าๆๆ (5/11)  (อ่าน 22592 ครั้ง)

ออฟไลน์ Kirimanjaro

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-11-2017 11:38:57 โดย Kirimanjaro »

ออฟไลน์ Kirimanjaro

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
Re: Xianxia: Super Martial God Black Bear Emperor Monarch Domination
«ตอบ #1 เมื่อ26-08-2017 03:08:39 »


นิยายนี้เป็นประเภท Xianxia  หมายถึง  กำลังภายในบวกกับอภินิหาร

+++++






ซีคงหยูนั่งอยู่บนโขดหินและจ้องมองหมีดำตัวใหญ่ที่กำลังดื่มน้ำจากลำธาร  ธารน้ำนี้ไหลมาจากยอดเขาที่สูงที่สุดและขาวโพลนอันเนื่องจากพายุหิมะนิรันดร์  ลิ้นของหมีดำที่แลบเลียน้ำทำให้เกิดคลื่นกระเพื่อมเบาบางเป็นจังหวะบนผิวน้ำที่ใสกระจ่างประดุจผลึก  แต่กระนั้นซีคงหยูก็ยังคงมองเห็นเงาสะท้อนของ ‘ทวีปฟ้า’ ที่ลอยเลื่อนอยู่ระหว่างหมู่เมฆ

“เสร็จแล้ว?”

เขาเอ่ยปากถามเจ้าหมีดำที่นั่งเอื่อยเฉื่อยเลียอุ้งมือตัวเองราวกับสาวน้อยที่รักความสะอาดสุด ๆ

“อ๊ออออออ!!”  มันร้องและค่อย ๆ ย้ายก้นลุกอย่างเชื่องช้า

“งั้นกลับบ้านกันเถอะ  นี่ก็เลยเวลาอาหารเย็นแล้ว”

หมีดำยักษ์เหลือกตาค้อนอย่างชาญฉลาด  มันอยากจะยอกย้อนกลับไปแต่พูดภาษามนุษย์ไม่ได้  จึงทำได้แค่ชี้จมูกไปยังดวงอาทิตย์ที่น่าจะยังไม่ตกดินไปอีกนาน

ซีคงหยูยิ้มเบา ๆ  แล้วเดินเข้าไปโอบคอหมียักษ์  เขาเกาคางมันเบา ๆ แล้วค่อย ๆ ปีนขึ้นขี่บนหลัง  หมีดำเชิดหน้าขึ้นแล้วค่อย ๆ เหยาะย่างไปข้างหน้าเหมือนกับม้าศึกของจักรพรรดิ


+++++


บนถนนของเมืองสุยอัน  คนขี่หมีเดินเพ่นพ่านไม่ใช่เรื่องแปลก  แต่ที่แปลกคือหมีตัวนั้นเป็นสีดำ  และบนหลังหมีดำคือชายหนุ่มเสื้อดำที่ทุกคนรู้จักกันดีในเรื่องความเหลวไหลไม่เอาถ่าน  คุณชายสามแห่งตระกูลซีคง

คุณชายสามอายุยี่สิบเจ็ด  อายุยี่สิบเจ็ดไม่ใช่เรื่องแปลก  มีชายหนุ่มเป็นล้านที่อายุยี่สิบเจ็ดใน ‘ทวีปดิน1’  ‘ทวีปดิน2’ และ ‘ทวีปดิน3’  แต่คนเหล่านั้นหากไม่เป็นจอมยุทธมีชื่อก็เข้าไปเป็นกลไกต่าง ๆ ในยุทธจักร  บางคนก็สืบทอดกิจการของครอบครัว  ไม่ว่าโรงเตี๊ยมหรือขายปาท่องโก๋ซาลาเปา

มีผู้กล้าไปถามคุณชายสามว่า  ทำไมท่านไม่ทำอะไรเลย  คุณชายสามยิ้ม ๆ แล้วตอบกลับไปว่า  อยากได้คำตอบสั้น ๆ หรือยาว ๆ  คำตอบสั้น ๆ คือ  บ้านข้ารวย  แต่ถ้ายาว ๆ คือขี้เกียจตอบ  มันยาวไป

ผู้รู้บางท่านแอบวิเคราะห์ว่า  คุณชายสามแห่งตระกูลซีคงอาจจะกำลังฝึกปรือเต๋าแห่งความเกียจคร้าน  ยอดวิชาเร้นลับที่เคยสะท้านสะเทือนยุทธภพเมื่อห้าร้อยปีก่อน  แต่ไม่มีใครเคยเห็นซีคงหยูฆ่าไก่แม้สักตัวหนึ่ง  เขาใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย  กิน  ดื่ม  และพาหมีออกเดินเล่นในป่าใกล้ ๆ เมืองสุยอัน

ถ้าซีคงหยูเป็นซุปเปอร์สตาร์อันดับหนึ่ง  หมีดำของเขาก็เป็นซุปเปอร์สตาร์อันดับสอง  แม้ว่าจะมีหลาย ๆ คนที่ชอบหมี  แต่พวกเขาก็จะเลี้ยงหมีขาว  หมีเขียว  หมีแดง  หมีน้ำตาล  แม้กระทั่งหมีหยกม่วงที่หายากและมีราคาสูงลิ่ว  หมีดำเป็นคำแสลงที่แปลว่าขี้ขลาด  ในยุทธจักรที่ร้อนระอุและเต็มไปด้วยหนุ่มห้าวสาวหาญ  ใครกันล่ะจะหาหมีดำมาขี่เล่น

ทว่าด้วยความที่มันประหลาด  ทำให้ทุกคนเห็นหมีของคุณชายสามแต่ไกล  มันเป็นหมีที่รักสงบ  อุ้ยอ้าย  ตาเฒ่าซานที่ทำร่มขายตรงหัวตลาดบอกว่า  ตั้งแต่นั่งขายร่มตรงนี้มายังไม่เคยเห็นเจ้าหมีดำตัวนี้วิ่งเลย  มันเดินเอื่อย  มีขนอุย  บวกกับหน้าง่วง ๆ ของหมีและเจ้าของหมี ทำให้เด็ก ๆ ในเมืองสุยอันชอบวิ่งตามมาจับมากอดมันเล่น  จนบางทีพวกเด็ก ๆ ที่วิ่งตามเป็นพรวนจนดูเหมือนขบวนลูกเสือ

ซีคงหยูบิดขี้เกียจและเหลือบมองเช็คเรตติ้งไปรอบ ๆ  เขามีใบหน้าที่คมคาย  แม้ผิวจะไม่ขาวราวกับหยกตามขนบพระเอกหนังจีนกำลังภายในอันเนื่องจากชอบไปนอนหลับกลางแดดบ่ายบ่อย ๆ  แต่ก็ถือว่าดูดีทีเดียวล่ะ  ทว่าวันนี้ก็เหมือนทุกวันที่เด็ก ๆ สนใจหมีมากกว่าเขา  และพวกผู้หญิงก็เบื่อที่จะมอง  จอมยุทธหล่อ ๆ ในยุทธจักรมีมากมาย  เดินกันขวักไขว่ยิ่งกว่าแมลงวัน  ทำให้คุณชายซีคงดูจืดจาง  ยิ่งกับชื่อเสีย ๆ เรื่องความไม่เอาถ่านของเขาด้วยแล้ว  ต่อให้มีสาว ๆ คนไหนมาสนใจ  พ่อแม่ของนางก็คงมาฉุดพวกนางกลับบ้านเอาผ้ามัดตาเอาแส้เฆี่ยนแล้วให้คุกเข่าสำนึกผิดที่หน้าป้ายบรรพบุรุษเป็นแน่ 

“เรานี่ก็เพอเฟคท์ระดับหนึ่งนะ  แต่....”  คุณชายจอมลอยชายบ่นเบา ๆ  ก่อนจะส่ายหัวและถอนหายใจเฮือกใหญ่

“คุณชายยยยสามมม  คุณชายสามมม!!”

เสียงเรียกร้อนรนและร่างตุ้ยนุ้ยวิ่งฝ่าฝูงคนบนถนนหลักมายังหมีดำตัวยักษ์

  “ไง”

“คุณชายสาม  เกิดเรื่องใหญ่แล้ว  เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!!”

“อ่ะ”

ซีคงหยูตอบกลับสั้น ๆ เหมือนกับยิ้มบาง ๆ ของเขาที่ดูแทบไม่ใช้ความพยายามของกล้ามเนื้อใบหน้า

“เถ้าแก่หลี่บุกมาหานายท่านกับฮูหยิน  เขาว่านายท่านติดหนี้เขาอยู่หลายปีแล้วยังไม่ใช้คืน”

“อ่าฮะ”

“นายท่านบอกว่า  ไม่มี  ไม่หนี  ไม่จ่าย”

“สมเป็นพ่อข้า”

“แต่เถ้าแก่หลี่พาคนของสำนักดาบประตูทรราชมาด้วย”

“เล่นแรงแฮะ”

“นายท่านเลยต้องยอมทำตามเงื่อนไขของเถ้าแก่หลี่”

“อ้อ”

“เงื่อนไขที่ว่าก็คือ  นายท่านจะต้องส่งใครสักคนไปแต่งงานกับลูกเถ้าแก่หลี่เป็นการขัดดอก”

“อื้อฮึ”

“แต่ว่า..”

“ว่า”

“ลูกของเถ้าแก่หลี่เป็นผู้ชาย”

“แล้ว..”

มาถึงตรงนี้  บ่าวร่างอ้วนประจำตระกูลซีคงก็ขมวดคิ้วมองนายน้อยของตนอย่างพิพักพิพ่วน

“คุณชายสามมีพี่สาวมั้ย”

“ไม่มี”

“แล้วน้องสาวล่ะ”

“โน”

“คุณชายสามยังไม่เห็นปัญหาใช่มั้ย”

“โอ้ว อย่าบอกนะว่าจะส่งพี่ใหญ่ไปขัดดอก  ตกใจมาก  เรื่องนี้ต้องเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์”

“คุณชายสาม...”  อีกฝ่ายเน้นเสียงหนัก

“หา..”

“คุณชายใหญ่เป็นแม่ทัพอยู่ที่แดนเหนือ  คุณชายสองออกท่องยุทธจักรสร้างชื่อให้ตระกูลซีคง  คุณชายสี่ไปคุมกิจการเดินเรือทางใต้  คุณชายสามคิดว่าใครล่ะที่จะว่างแก้ปัญหาหนี้สินให้นายท่านได้”

แม้ว่าซีคงหยูจะเกียจคร้าน  แต่บางทีสมองของเขาก็ทำงานรวดเร็ว  เขาเหลือกตาแล้วกระพือเสื้อตัวเองให้หายตกใจ

“แต่ข้าเป็นผู้ชาย”

“เถ้าแก่หลี่ตั้งใจทำให้นายท่านอับอาย  เผื่อจะได้หน้าบางยอมคืนเงิน”

“ท่านพ่อไม่คืนหรอก”

“บ่าวก็คิดอย่างงั้น”

“เอ๊ะเดี๋ยว  นี่เจ้านินทาพ่อข้าหรอ”

“คุณชายสามอย่าสนใจเรื่องเล็กน้อย  คิดเรื่องที่สำคัญกว่านั้นดีกว่า”

“อย่างเช่น..?”

“เช่น  จะเลือกชุดเจ้าสาวแบบไหนดี”

“...”


 
+++++++++++++++



มีคนบอกว่า  พ่อค้าจะคดโกงหรือไม่ให้ดูที่หน้า  ถ้ายึดตามตำราห้าลักษณะเถ้าแก่หลี่น่าจะเรียกได้ว่าโคตรโกง  เพราะสิ่งแรกที่สะดุดตาซีคงหยูเมื่อเขาเดินเข้ามาในโถงคือลูกตาของเถ้าแก่หลี่  ข้างหนึ่งเล็ก  ข้างหนึ่งใหญ่  เหมือนเอาไข่ไก่กะไข่ห่านไปวางไว้ใกล้ ๆ กัน

ระหว่างที่คุณชายสามแห่งตระกูลซีคงสำรวจผู้มาเยือน  อีกฝ่ายก็กวาดสายตามองซีคงหยูขึ้น ๆ คง ๆ ลูบเคราแล้วทำเสียงอืม ๆ ในคออย่างพอใจซึ่งทำให้ซีคงหยูรู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก

“ท่านพ่อ”  ซีคงหยูเดินจูงหมีเข้ามาด้วย  เพราะตั้งใจจะใช้ขู่พวกนักดาบ

“หยูเอ๋อร์  เข้ามาสิ”

“นี่คงเป็น..”  ซีคงหยูปรายตาไปทางเถ้าแก่หลี่

“หลี่เทียนหลง  เรียกข้าท่านลุงหลี่ก็ได้”

“โอ้”   ซีคงหยูสบถในใจ หน้าอย่างนี้ยังจะกล้าเทียบกับมังกรฟ้า (เทียนหลง) พ่อแม่ของเถ้าแก่หลี่ต้องกินยาผิดขนานแน่ ๆ ตอนตั้งชื่อลูก

“ข้ามาเพื่อปฏิเสธการแต่งงาน”  คุณชายสามเข้าเรื่องทันที

เถ้าแก่หลี่ขมวดคิ้ว  กลุ่มนักดาบที่ยืนอยู่ข้างหลังเถ้าแก่หลี่เขย่าดาบยักษ์ที่กุมในมือกับพื้นจนเป็นเสียงตึบ ๆ  นี่ถ้าร้องว่าเวง อู้ฮูด้วยคงครบสูตร

“เราตกลงกันแล้วไม่ใช่เรอะซีคงเซี่ย”

“ท่านพ่อตกลง  แต่ข้าไม่ตกลง”  ซีคงหยูแย่งพูดแทรก

“เพ้ย  เป็นแค่ทรัพย์สินขัดดอก  อย่าพูดมาก”  นักดาบคนหนึ่งตวาดมาจากข้างหลังเถ้าแก่หลี่  เถ้าแก่หลี่ยกมือขึ้นห้ามอย่างมีสไตล์  ขณะที่ซีคงหยูโกรธจนหน้าเขียว  เขาเขม้นมองคนพูดกะจะจำหน้าเอาไว้ให้แม่น   วิญญูชนแก้แค้นสิบปียังไม่สาย  เอ้อ...สิบปีสั้นไป   ต่อให้สามสิบปีเลยเอ้า

นักดาบคนนั้นจ้องมองหน้าเขากลับอย่างไม่เกรงกลัว  เขามีโครงร่างสูงใหญ่ตามแบบของจอมยุทธที่ใช้ดาบยักษ์  แต่ก็ไม่ได้มีกล้ามเนื้อส่วนเกินจนดูผิดรูป  คางของเขาดูเรียวแสดงถึงความเยาว์วัย  ซีคงหยูประเมินว่าอีกฝ่ายอายุราว ๆ 19 - 21 ปี  เมื่อมองดี ๆ แล้ว  นักดาบคนนั้นก็มีหน้าตาคมคาย  คิ้วหงส์  ตามังกร  จมูกโด่งเป็นสัน  หน้าตาก็ดีไม่น่าปากหมาเลย  ซีคงหยูถลึงตาจ้องพักใหญ่ก่อนแค่นเสียงเฮอะ  เขาไม่ทะเลาะกับพวกเด็ก ๆ หรอก

“ท่านลุงหลี่...”  เมื่อเห็นว่าไม้แข็งใช้ไม่ได้  คุณชายสามก็ใช้ไม้อ่อน  “..ให้ข้าได้โน้มน้าวท่านลุงสักหน่อย  ที่ข้าปฏิเสธการแต่งงานนั้นไม่ใช่เพราะเห็นแก่ชื่อเสียงตัวเองอย่างเดียว  แต่เพราะชื่อเสียงของลูกชายท่านลุงด้วย  ผู้ชายกับผู้ชายแต่งงานกันชาวบ้านก็นินทา  ถ้าข้าเป็นส้วมหน้าบ้านท่านพ่อ  แต่งเข้าบ้านท่านก็เหมือนเอาส้วมไปแขวนไว้หน้าบ้านท่านลุงด้วย  ท่านลุงหลี่ลองคิดดูดี ๆ”

“หืม..”  หลี่เทียนหลงลูบเคราไปมา  พลางส่ายหน้าน้อย ๆ  ซีคงหยูเห็นว่ายังโน้มน้าวไม่ได้ผล  เลยอ้าปากจะพูดต่อ  แต่ซีคงเซี่ยโบกมือ

“หยูเอ๋อร์  เจ้าไปพักผ่อนเถอะ  พ่อจะคุยกะหลี่เทียนหลงต่อเอง”

ซีคงหยูชะงัก  หันไปมองพ่อตัวเอง  ถอนหายใจแล้วโค้งตัวคำนับลา

เขาเดินออกจากห้องโถงพลางแค่นเสียงในใจ  เพ้ย!  ตาแก่  ลงอีแบบนี้ขายลูกกินแล้วแน่ ๆ 



++++++++++


“นั่นใช่มั้ยคุณชายสาม”

“ใช่ ๆ ที่เขาว่าจะแต่งงานออกเรือน”

“จริงหรอ ๆ ข่าวใหญ่เลยนะเนี่ย  ใครกันเนี่ยที่ตาถั่วมาคว้าไปซะได้”

“ลูกชายของเถ้าแก่หลี่ไง”

“เถ้าแก่หลี่คนนั้นอ่ะนะ”

“คนนั้นแหละ”

“โอ้โห  คนพ่อหน้าแบบนั้น  ลูกจะหน้าแบบไหน  มิน่าถึงมาสนใจคุณชายสามได้  คงไม่มีใครเอาเหมือน ๆ กัน”

เสียงนินทาของพ่อค้าแม่ค้าตามถนนลอยมาเข้าหูซีคงหยู  เขาไม่มีอารมณ์ทะเลาะกะใครเลยได้แต่กัดฟันกรอด ๆ และกำหมัดแน่น  หมีดำตัวยักษ์ที่เดินข้าง ๆ เขาหันมาเลียแก้มปลอบใจ

“เสี่ยวหมี ๆ”  คุณชายสามตบคอหมีดำเบา ๆ อย่างใจลอยและพึมพำ “ถ้าต้องแต่งงานกะใครแต่งกับเจ้าดีกว่านะ”

“อ๊ออออออ”  หมีดำร้องประท้วง

“อะไรนะ  เจ้าก็ไม่อยากแต่งกับข้าหรอ”

หมีดำยกขาหลังข้างหนึ่งขึ้น

“อ๋อ  เจ้าตัวผู้หรอเนี่ย  เพิ่งรู้แฮะ”

“อ๊ออออออ”

มันร้องแล้วเดินนำหน้าไปด้วยความงอนที่เจ้าของไม่ใส่ใจถึงขนาดไม่รู้เพศ

“รอด้วยเสี่ยวหมี  โอ๋ ๆ อย่าโกรธนะ  เจ้าก็รู้ว่าข้าเล่นมุก”

ทั้งคู่เดินมาถึงประตูเมือง  ที่ประตูเมืองคนแน่นแออัด  เสียงจ้อกแจ้กจอแจ  เหมือนจะเดินออกไปไม่ได้  คุณชายสามจึงปีนขึ้นบนหลังเสี่ยวหมีเพื่อชะแง้ดูว่าเกิดอะไรขึ้น

สิ่งที่เขาเห็นคือ  ทหารหญิงในชุดแดงจำนวนมาก  เดินนำขบวนเข้ามาในเมือง  แกนกลางของขบวนเป็นเกี้ยวที่มีคนหามเป็นหญิงสาวในชุดขาว  พวกนางสะสวยประหนึ่งนางฟ้านางสวรรค์  ทว่าด้วยพละกำลังที่แสดงผ่านการแบกเกี้ยวทำให้ทุกคนรู้ทันทีว่าพวกนางเป็นผู้ฝึกปรือพลังยุทธ  เมื่อดูแล้วคนในเกี้ยวน่าจะมีฐานะสูงส่งไม่เบา  เพราะว่าขนาดคนหามเกี้ยวยังเป็นโฉมสะคราญที่มีกำลังฝีมือ  นายของพวกนางจะขนาดไหน

“สำนักวารีพิสุทธิ์”  ซีคงหยูแอบฟังจากชาวเมืองบางคนที่รอบรู้สักหน่อยพูดคุยกัน

เขาคิดทบทวนและพบว่าไม่เคยได้ยินชื่อสำนักนี้  คงเพราะว่าเขาขี้เกียจติดตามเรื่องในยุทธจักร  ก็เลยไม่ได้อ่านปูมบันทึกอะไรที่เกี่ยวข้องเลย  ซีคงหยูเดินไปฉุดแขนเสื้อของชาวเมืองผู้รอบรู้ที่กำลังสาธยายให้คนอื่น ๆ ฟัง

“นี่แน่ะพี่ชาย..”

“เจ้า..อ้อ  คุณชายสาม  ยินดีด้วย ๆ”

ซีคงหยูรู้สึกปลื้มใจในความโด่งดังของตัวเอง  ขนาดคนที่เขาไม่รู้จักยังรู้จักเขาเลย  แต่แล้วก็ขมวดคิ้ว

“ยินดีเรื่องอะไร”

“ได้ยินว่า ท่านจะแต่งงานออกเรือน  ยินดีด้วยจริง ๆ”

“อะแฮ่ม ๆ  ยินดีขนาดนี้  เจ้าไปแต่งแทนข้ามั้ย”

ชายผู้นั้นหัวเราะแห้งแล้วเปลี่ยนเรื่อง  “คุณชายสามเรียกผู้น้อย  มีธุระอะไรหรือ”

“พี่ชายรู้มั้ยว่า  สำนักวารีพิสุทธิ์  พวกเขามาทำอะไร”

“สำหรับเรื่องนี้..”   ชายผู้นั้นยิ้มมีเลศนัยแล้วถูมือไปมา ๆ

“เอ้า.. 5 ตำลึงทอง”  ซีคงหยูยัดเงินใส่มืออีกฝ่าย

“มิกล้า ๆ  เกรงใจคุณชายสามจริง ๆ”  ถึงจะพูดอย่างงั้นแต่ก็รีบคว้าไปกัดดูว่าทองจริงมั้ย  ทำให้ซีคงหยูรู้สึกเสียหน้านิด ๆ  ความเชื่อใจระหว่างมนุษย์อยู่ที่ไหนกัน  นี่ขนาดข้าให้เจ้าฟรี ๆ นะ

“สำนักวารีพิสุทธิ์...”  ซีคงหยูเตือนเมื่อเห็นอีกฝ่ายยังคงง่วนกับการเคี้ยวทอง

“อ้อ.. ผู้น้อยได้ยินจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ว่า  สำนักวารีพิสุทธิ์..พวกนางจะคัดเลือกศิษย์เข้าสำนัก”

“คัดเลือกศิษย์เข้าสำนัก”  ซีคงหยูทวนคำ  สายตาลุกวาว  นี่มันจุดเริ่มต้นของจอมยุทธนี่นา  เมื่อเด็กหนุ่มที่ไม่มีอะไรดี  ถูกคัดเลือกเข้าสำนัก  ตบตีกับศิษย์พี่ร่วมสำนัก  ถูกพี่เลี้ยงทั้งสาม  เอ๊ยบรรดาศิษย์พี่กลั่นแกล้งนานัปประการ  ตกภูเขา  เจอยอดวิชา  แล้วสำเร็จวิชายุทธออกไปแก้แค้น  จากนั้นก็กลายเป็นเจ้ายุทธจักร!

“คุณชายสาม”  อีกฝ่ายโบกมือไปข้างหน้าเมื่อเห็นว่าซีคงหยูยืนค้างเหมือนกำลังฝันกลางวัน

“เอ้อ...แล้วพวกนั้นจัดการคัดเลือกที่ไหนนะ”

“สำหรับเรื่องนี้...” 

“เอ้า  10 ตำลึงทอง”   ซีคงหยูกัดฟันจ่ายไปอีก

“มิกล้า ๆ  สถานที่คัดเลือกอยู่ที่ถนนปลาคาร์ปและมังกร”

“ถนนปลาคาร์ปและมังกร..  เสี่ยวหมี  พวกเราไปสมัครเข้าสำนักกันเถอะ”

คุณชายสามตบคอหมีแล้วพามันเดินออกไปจากหน้าประตูเมือง
ชายที่ให้ข้อมูลอ้าปากค้าง  จะร้องเรียกแต่ไม่ทัน  จึงได้แต่พูดพึมพำ

“เขารับแต่ผู้หญิงนะ...”

+++++

“อะไรนะ!”   ซีคงหยูตบโต๊ะลงทะเบียน  “ทำไมถึงรับแต่ผู้หญิง  นี่มันความไม่เท่าเทียมทางเพศ!”

“อ๊อออออ”  หมีดำร้องช่วยอีกเสียง

 “คุณชายใจเย็นก่อน  ต่อให้ท่านเป็นผู้หญิงเราก็ไม่รับ”

เจ้าหน้าที่ที่นั่งอยู่โต๊ะลงทะเบียนเป็นหญิงสาวท่าทางเยือกเย็น   นางพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ  สุ้มเสียงมีพลังซ่อนอยู่   น่ะ..นี่คือ  พลังที่ซ่อนเร้นของเจ้าหน้าที่ธุรการสินะ

“หา..”

“คุณชายคงอายุเกินสิบแปดปีแล้วสินะ  ถ้าท่านอายุเกินถึงจะฝึกปรือไปก็ไร้ประโยชน์  เพราะพ้นช่วงวัยที่เหมาะแก่การสร้างรากฐานแล้ว  ต่อให้ท่านเข้าสำนักได้ก็ได้เป็นแค่ศิษย์ชั้นนอก  ทั้งชีวิตของท่านจะหมดไปกับการผ่าฟืน  ตักน้ำ  และรับใช้ผู้อาวุโสในสำนัก  ข้าพูดความจริงเพราะเจตนาดี  หวังว่าท่านคงไม่ถือสา”

ซีคงหยูขมวดคิ้วมุ่น

“ข้าดูสิ้นหวังขนาดนี้เชียวเรอะ”

เจ้าหน้าที่ลงทะเบียนมองเขาอย่างประเมิน 

“ก็ไม่สิ้นหวังเท่าไหร่  ท่านน่าจะผ่าฟืนได้ดีเลยล่ะ”

“...”

ซีคงหยูถกแขนเสื้อขึ้น  แล้วคาเบะด้งกับอากาศ

“พี่สาว..”

“ว่าไงคะท่านลุง”

นี่เจ้าจะหาเรื่องกันใช่มั้ย  จะหาเรื่องกันจริง ๆ ใช่มั้ย  ซีคงหยูกัดฟันกรอด ๆ  แล้วปรับน้ำเสียงพูดให้นุ่มนวล

“น้องสาว...รับข้าเข้าสำนักเถอะนะ  ข้ามีความจำเป็นจริง ๆ”

“ท่านมีความจำเป็น  แต่สำนักเราไม่มีความจำเป็น  โปรดกลับไปเถอะ  ผู้สมัครคนต่อไปเข้ามา”

นางโบกมือไล่อย่างปราศจากเยื่อใย


+++++

เมื่อเดินออกจากกระโจมรับสมัครพร้อมกับหมีของเขา  คุณชายสามตบสีคอหมีดำเบา ๆ

“แผน A ใช้ไม่ได้  เจ้ามีแผน B มั้ย  พวกเราจะหนีการแต่งงานนี้ยังไง”

“อ๊ออออออ”

มันกำลังบอกว่า  มันไม่ได้เป็นเจ้าสาวด้วยซะหน่อยจะนับว่าเราไปทำไม

“เจ้านี่ช่างใจจืดใจดำ  ไหนเขาว่าเพื่อนแท้ต้องมีสุขร่วมเสพ  มีทุกข์ร่วมต้าน”

จู่ ๆ ซีคงหยูก็รู้สึกว่ามีสายตาจ้องมอง  เขาหยุดเดินและเงยหน้ามองคนที่ยืนขวางทางตรงหน้า  เมื่อพบว่าอีกฝ่ายเป็นใคร  คุณชายสามก็ได้แต่ถอนหายใจ  ศัตรูพบกันบนทางคับแคบจริง ๆ

“ฮ่าๆๆ”  นักดาบหัวเราะเย้ยหยัน  “คุณชายสามแห่งตระกูลซีคง  ขี้ขลาดขนาดจะต้องไปสวมกระโปรงหนีการแต่งงานเลยรึ”

ซีคงหยูยิ้มหยันกลับไป   “เจ้ากล้านัก  ก็ไปแต่งกับลูกชายเถ้าแก่หลี่ให้ดูสิ”

“ฮ่า ๆๆ”  เขาหัวเราะอีก  พลางยิ้มเป็นนัย  “เรื่องนั้น..เห็นทีจะเป็นไปไม่ได้”

“นั่นไงล่ะ  เจ้าก็ไม่ได้ดีไปกว่าข้าหรอกน่า  เป็นผู้ชายเหมือนกันน่าจะเห็นใจกันบ้าง  จะตามหาเรื่องข้าทำไมกัน”

“โอ๋อวิ๋น”  นักดาบพูดแล้วยื่นมือมาข้างหน้า

ซีคงหยูยื่นมือไปจับอย่างงง ๆ  “ห๊ะ”

“ชื่อของข้า โอ๋อวิ๋น”

“ซีคงหยู”

“รู้อยู่แล้ว”

“ข้าพูดตามมารยาท”  คุณชายสามงับกลับ  พลางคิดในใจ  หมอนี่ก็ชื่อก้าวร้าวอีกล่ะ  เมฆผยองงั้นรึ  ถ้าไม่มาดแมนแฮนซั่มขนาดนี้  คงน่ากวาดไปกองรวมกับตาลุงอัปลักษณ์หลี่เทียนหลง

นึกขึ้นได้ก็กวาดสายตาปราดอย่างระมัดระวัง  “เจ้าต้องการอะไร”

“ก็แค่ทำความรู้จัก  คุณชายสามและหมีดำผู้โด่งดัง”

“ถึงรู้จักกัน  ข้าก็ไม่เลี้ยงข้าวหรอกนะ”

“....”





++++
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-09-2017 11:36:18 โดย Kirimanjaro »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: Xianxia: Super Martial God Black Bear Emperor Monarch Domination
«ตอบ #2 เมื่อ26-08-2017 07:32:23 »

โอ้....น่าสนุก  ตาม  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
โอ๋หยุน ใช่ลูกชายเถ้าแก่หลี่ หรือเปล่านะ  :hao3:

ออฟไลน์ ก้มหน้าก้มตา

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
Re: Xianxia: Super Martial God Black Bear Emperor Monarch Domination
«ตอบ #3 เมื่อ26-08-2017 12:21:47 »

ทำไม ชอบสำนวนการเขียน
รอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ Kirimanjaro

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
Re: Xianxia: Super Martial God Black Bear Emperor Monarch Domination
«ตอบ #4 เมื่อ26-08-2017 14:23:18 »

แต้งกิ้ว ♥►MAGNOLIA◄♥  และ ก้มหน้าก้มตา  ที่เข้ามาให้กำลังใจคับ   :katai2-1:


++++


ไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้ทำความรู้จักอะไรกันต่อ  กระโจมคัดเลือกศิษย์สำนักวารีพิสุทธิ์ก็เปิดออกมา  คุณชายสามเหลียวมองเพราะได้ยินเสียงโล่และชุดเกราะของทหารหญิงชุดแดงที่ดังขึ้นจากการเคลื่อนไหวทำความเคารพ

“คุณชายซีคง..”  หญิงสาวท่าทางเยือกเย็นคนนั้นนั่นเอง   “ผู้อาวุโสเชิญท่านไปพบ”

ซีคงหยูชี้หน้าตัวเองอย่างประหลาดใจ  อีกฝ่ายพยักหน้าน้อย ๆ  คุณชายสามหันไปโบกมือลานักดาบโอ๋หยุนซึ่งแค่แค่นเสียงและทำหน้าเย็นชาใส่

“เชิญทางนี้”

เจ้าหน้าที่ลงทะเบียนพาเขาไปทางข้างหลังกระโจม  ข้างหลังกระโจมเป็นสวนท้อ  สวนแห่งนี้ชื่อว่าสวนร่ำรวยมั่งคั่งเป็นของเศรษฐีในย่านถนนปลาคาร์ปและมังกร  ในสวนมีเก๋ง (ศาลาแบบจีน)  และในเก๋งก็มีเกี้ยว  ในเกี้ยวมีผู้คน  แต่ระหว่างผู้คนและซีคงหยูมีม่านแพรขาวกั้น

เงาร่างในเกี้ยวนั้นเห็นเพียงแค่เป็นสตรี  มีผมยาวที่มวยขึ้นอย่างอลังการตามแบบอย่างชนชั้นสูง  ซีคงหยูสูดจมูกฟุดฟิด  เขาได้กลิ่นสมุนไพรและดอกไม้พิสดารที่มากไปกว่ากลิ่นดอกท้อ  หญิงสาวที่นำทางเขามาย่อตัวคำนับคนในเก๋ง  แล้วค่อย ๆ ถอยออกไปจากอุทยาน

“ผู้อาวุโส”  ซีคงหยูคำนับอย่างรู้งาน

อีกฝ่ายนิ่งเงียบไปอึดใจหนึ่ง  ก่อนจะถามด้วยสุ้มเสียงที่ไพเราะประดุจปักษาสวรรค์

“ยินว่าคุณชายซีคงมีเรื่องลำบากใจ”

“ผู้อาวุโสได้ยินมาไม่ผิด  พูดแล้วก็น่าละอาย  ผู้น้อยไร้ความสามารถ  ช่วยเหลือตระกูลไม่ได้  ต้องใช้ร่างกายชดใช้หนี้”

“คุณชายไม่ยินยอม?”

“เรื่องนั้น...”

“ในยุทธจักรมีเรื่องเล่ามากมายถึงหญิงสาวที่ชดใช้บุญคุณด้วยร่างกาย  หากสตรีสามารถเป็นวัวเป็นควายใช้หนี้ได้  เหตุใดบุรุษต้องมีข้อเดียดฉันท์กับเรื่องนี้”

ซีคงหยูเงยหน้าขึ้นมองเงาในเกี้ยวด้วยประกายตาวาววับ

“ท่านผู้อาวุโสคงไม่ได้เรียกผู้น้อยมาสอนสั่งแค่นี้?”

“นั่นเป็นมุมมองส่วนตัวของข้า  แต่สำหรับมุมมองของสำนักวารีพิสุทธิ์..”  นางทอดเสียง  และหยุดไปเหมือนกำลังครุ่นคิด  ซีคงหยูรอฟังจนแทบไม่กล้าระบายลมหายใจ

“..ตัดสินใจว่าจะรับคุณชายเป็นศิษย์ชายคนแรกของสำนัก”

“ขอบคุณผู้อาวุโส  ขอบคุณผู้อาวุโส”  คุณชายสามรีบคำนับแล้วคำนับอีก

“ไม่สงสัยเลยรึ?”

“ผู้อาวุโสมีจิตใจกว้างขวางประดุจมหาสมุทร  และมีความเมตตาประดุจพระโพธิสัตว์  เมื่อเห็นผู้น้อยเดือดร้อนท่านย่อมยื่นมือช่วยเหลือเป็นธรรมดา”

“ฮ่า ๆๆๆๆ”  นางหัวเราะเสียงติงตังจากม่านแพร  ก่อนจะใช้เสียงที่เย็นชากว่าเดิม “หยุด..  ข้าไม่ชอบคนขี้ประจบ  และสิ่งที่คุณชายพูดแสดงว่าท่านไม่รู้จักสำนักวารีพิสุทธิ์”

“ผู้น้อยล้างหูน้อมรอฟัง”

“ข้อหนึ่งสิ่งที่สำนักวารีพิสุทธิ์ชิงชังที่สุดคือการบังคับให้หญิงสาวแต่งงานเพื่อผลประโยชน์  ในมุมมองของสำนักแง่หนึ่งท่านย่อมเข้าเงื่อนไขที่จะเป็นศิษย์”

ซีคงหยูก้มหน้าซ่อนยิ้ม  นี่มันแจ๊คพ็อตชัด ๆ

“ข้อสอง  ข้าชังคนจากสำนักดาบประตูทรราช  ชัดเจนมั้ย”

คุณชายสามอมยิ้มอีก  แจ๊คพอตที่สอง  นี่สินะ  โชคของตัวละครเอก  เดินสุ่ม ๆ ก็เจอแหวนครองพิภพ  เพ้ย  เจอยอดคนให้การช่วยเหลือ  ชีวิตดี ๆ คือชีวิตที่เลซี่ไม่ต้องปีนเขาไปสมัครสำนักไหนอีก

แต่จู่ ๆ ซีคงหยูก็ขมวดคิ้ว  “แต่ว่า...ผู้น้อยไม่ได้มีข้อบาดหมางกับสำนักประตูทรราชขนาดนั้น”

“ฮ่า ๆๆๆ”  นางหัวเราะอีกครั้งมีแววเย้ยหยันนิด  ๆ ในเสียง  “คุณชายไม่รู้จริง ๆ หรือว่าคนที่คุณชายเจอหน้ากระโจมคือใคร”  อย่างไม่รอให้ซีคงหยูคาดเดา  นางพูดสำทับด้วยน้ำเสียงหนักทันที  “หลี่โอ๋อวิ๋น  ศิษย์เอกสำนักประตูทรราช  ลูกชายของหลี่เทียนหลง!”

ฟัค!!  ถ้าท่านไม่สปอยล์หนังสักเรื่องท่านจะนอนไม่หลับใช่มั้ย

   
+++++++

เมื่อซีคงหยูออกมา  นักดาบเจ้าปัญหายังคงรออยู่ที่หน้ากระโจม  คุณชายสามเห็นแล้วจึงกระโดดขี่หมีดำเพื่อเพิ่มความสูงและความน่าเกรงขาม  จากนั้นชี้หน้าตวาด

“หลี่โอ๋อวิ๋น  เจ้ากับข้ามีเรื่องต้องเคลียร์กัน!!”

หลี่โอ๋อวิ๋นสำลักหัวเราะอย่างไม่ใส่ใจ  ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงเยาะ  “รู้แล้วหรอ”

“ผู้หญิงดี ๆ มีเจ้าไม่แต่ง  มาแต่งกับข้าทำไมวะ”

ทันใดนั้น  ก็มีเสียงเป่าปาก  และแซวโห่จากชาวเมืองที่อยู่แถวนั้น

“วีดวิ้ว  เอาเลยคุณชายสาม  ปราบสามีให้สิ้นฤทธิ์  แต่งงานไปจะได้ไม่กล้าหือ”

“โอ้  นี่สินะแม่เสือสาว  เอ๊ย  เสือหนุ่ม”

“เพ้ย”  คุณชายสามตวาดใส่พวกจีนมุง  ก่อนหันไปกัดนักดาบหนุ่มต่อ  “เจ้ากะข้าไม่มีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน  เจ้าทำเช่นนี้มีเจตนาอะไร”

หลี่โอ๋อวิ๋นยักไหล่  “แต่พ่อข้ากะพ่อเจ้ามีเรื่องบาดหมางกัน”

“พวกคนแก่ก็ส่วนคนแก่  พวกเราคนหนุ่มแทนที่จะแยกย้ายหาเมีย  ทำไมต้องทำเรื่องให้วุ่นวายด้วย”

“ใช่  คนแก่ก็ส่วนคนแก่  ข้าถึงไม่แต่งกับพ่อเจ้าไง  และเจ้าน่าจะขอบคุณข้ามากกว่านะที่ทำให้เจ้าขายออก  คิดว่าชาตินี้เจ้าจะมีปัญญาหาเมียได้หรือไง”

“หลี่โอ๋อวิ๋น!”   ซีคงหยูโกรธจนหน้าเขียว  แต่แล้วก็นึกขึ้นได้  จึงหัวเราะร่า  “ฮ่า ๆๆๆ  แต่เสียใจด้วย  แผนร้ายของเจ้าต้องสิ้นสุดลงแต่เพียงเท่านี้”

“คุณชายสามสู้ ๆ”  เสียงกองเชียร์ดังขึ้นมาอีกเมื่อเห็นซีคงหยูเริ่มหัวเราะแบบดาวร้าย

“ตอนนี้ข้าคือศิษย์สำนักวารีพิสุทธิ์  ไม่มีใครบังคับข้าแต่งงานได้  หลี่โอ๋หยุน  เจ้าไสหัวไปแต่งกะหมีเถอะ”

“อ๊อออออออ!!”   เสี่ยวหมีร้องประท้วงที่โดนสบประมาท

นักดาบร่างสูงเพียงแค่เลิกคิ้วเหมือนกับคาดเอาไว้อยู่แล้ว  จากนั้นเขาจึงชักดาบออกมาแล้วตวาดไปทางกระโจม

“สำนักวารีพิสุทธิ์  พวกเจ้ายุ่งไม่เข้าเรื่อง!”

หญิงสาวท่าทางเยือกเย็นเดินออกมาจากกระโจมและประสานมือคารวะ

“คุณชายหลี่  อุตส่าห์มาเยือนการคัดเลือกศิษย์ของเรา  ขออภัยที่ไม่ได้ต้อนรับ”

สำนวนว่าเราไม่อาจตบหน้าคนที่ยิ้มให้  หลี่โอ๋อวิ๋นจึงได้แต่สอดดาบกลับเข้าฝัก  แล้วกล่าวด้วยเสียงห้าว

“ได้ยินชื่อเสียงสำนักวารีพิสุทธิ์มานานเหมือนอัสนีบาตฟาดกรอกหู  ว่าชอบทำลายความสุขของคนหนุ่มสาว  วันนี้ข้าได้มาเห็นกับตานับว่าไม่เสียคำร่ำลือ”

“คุณชายหลี่ชมเกินไป”

“สำนักเราบาดหมางกันก็จริงอยู่  แต่ไม่เห็นจะต้องทำขนาดนี้  นี่มันเรื่องส่วนตัวของข้ากับเขา”  หลี่โอ๋อวิ๋นชี้ไปทางคุณชายสามที่นั่งชมดราม่าอยู่บนหมี

“สำนักวารีพิสุทธิ์จะรับใครเข้าสำนักก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเราเหมือนกัน”

“เจ้า..”  หลี่โอ๋อวิ๋นโกรธเข้าไปใหญ่  เมื่อเห็นคุณชายสามแลบลิ้นปลิ้นตาใส่จากข้างหลัง  แต่ทันทีที่มือของเขาเลื่อนไปกุมด้ามดาบ  ทหารหญิงจากหน้ากระโจมก็กรูเข้ามาป้องกันสตรีชุดขาวทันที

“เจ้าจะเป็นศัตรูกับประตูทรราชจริง ๆ ใช่มั้ย”

“ถ้าคุณชายหลี่สามารถพูดแทนสำนักท่านได้  ผู้น้อยอาจจะตอบคำถามนี้”  นางกล่าวแล้วประสานมือค้อมตัวอีกที  “ถ้าคุณชายหลี่ไม่มีธุระอะไร  ขออภัยที่ไม่ส่ง”

“ช้าก่อน  เจ้าชื่ออะไร”

“ผู้น้อยเรียกว่าไป่หลันหลัน”

“ข้าจะจำเจ้าไว้”

หลี่โอ๋อวิ๋นพูดจบ  กระแทกดาบที่ชักออกมานิดหน่อยกลับเข้าฝัก  แล้วสะบัดหน้าจากไป

“ศิษย์พี่หญิงไป่”   ซีคงหยูรีบปีนลงจากหมีไปตีสนิท

“ศิษย์น้องลุงซีคง”

“เฮ้...”  คุณชายสามกระแอมอย่างอาย ๆ   “ยุทธจักรนับถืออาวุโสกันที่วรยุทธ  ศิษย์พี่หญิงอย่าได้เกรงใจที่จะเรียกข้าว่าศิษย์น้อง...เฉย ๆ”

นางยิ้ม  แต่ไม่ตอบอะไร
ซีคงหยูกระอักกระอ่วนกับความเงียบเลยกระแอมอีกแล้วพูดว่า

“ขอบคุณศิษย์พี่หญิงที่ช่วยขจัดภัยพาล  อภิบาลคนดี  ต่อไปนี้ศิษย์น้องคงต้องขอฝากเนื้อฝากตัวไว้ในการดูแลของท่าน”

“ศิษย์น้องซีคงขายร่างกายหรือขายศิลปะ”

“เฮ้ ๆ หมายความว่าไง”

“ถ้าไม่มีศิลปะก็ต้องเอาร่างกายมาแลก  ข้าถึงจะดูแลศิษย์น้องได้”

ไป่หลานหลานพูดแล้วก็เอานิ้วจิ้มที่อกจนคุณชายสามสะดุ้ง

“เอ่อ  ข้าไม่ขายทั้งสองอย่างได้มั้ย”

“เฮอะ งั้นก็ดูแลตัวเอง”  นางแค่นเสียงใส่แล้วสะบัดหน้ากลับเข้ากระโจมไปอีกคน

“เฮ้อ  ผู้คนเดี๋ยวนี้อารมณ์เปลี่ยนแปลงไว  เอาใจยากซะจริง”

ซีคงหยูบ่นพึมพำ  จากนั้นก็จูงหมีดำตัวยักษ์กลับบ้านเพื่อไปแจ้งข่าวท่านพ่อ





+++
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-09-2017 11:40:15 โดย Kirimanjaro »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: Xianxia: Super Martial God Black Bear Emperor Monarch Domination
«ตอบ #5 เมื่อ26-08-2017 15:13:34 »

ตลกดีค่ะ คำว่าหมีเยอะจนต้องค่อย ๆ อ่านอย่างระวัง ฮา
คุณชายสามดูเป็นคนเกรียน ๆ นะ ส่วนคุณชายหลี่ก็ดูท่าจะอยากได้คุณชายสามเป็นเมียมาก (หัวเราะ)

ปล. ชื่อเรื่องทำเราพรั่นพรึงไปพักหนึ่งเลย เราว่าชื่อยาวไป แล้วก็อย่าลืมใส่ข้อมูลบทที่กับวันที่อัพเดทลงไปในชื่อเรื่องด้วยนะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-08-2017 16:17:08 โดย sirin_chadada »

ออฟไลน์ Kirimanjaro

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
Re: Xianxia: Super Martial God Black Bear Emperor Monarch Domination
«ตอบ #6 เมื่อ26-08-2017 18:27:48 »

ขอบคุณคุณ sirin_chadada ที่แนะนำครับ   :3123:

+++++


ซีคงหยูกลับเข้ามาในบ้านก็เห็นพ่อของตนนั่งเช็ดน้ำตาป้อย ๆ ที่โต๊ะฝังมุกตัวสวยประจำบ้าน  เขาโบกมือไล่เสี่ยวหมีให้เดินไปที่อื่น  ก่อนรีบไปนั่งใกล้ ๆ ซีคงเซี่ย

“ท่านพ่อ  ใครทำอะไรท่าน”

“หยูเอ๋อร์...กลับมาแล้วหรอ”  ซีคงเซี่ยใช้แขนเสื้อปาดหน้าอีกที  แล้วหันมามองลูกชายคนที่สามอย่างเพ่งพินิจ

“ท่านพ่อเสียใจที่ข้าไม่ยอมแต่งงานกับลูกเถ้าแก่หลี่ใช่มั้ย   ข้ามันอกตัญญู  ข้าสมควรตาย  ข้าผิดไปแล้ว  แต่ยังไงข้าก็ไม่แต่ง  ฮ่าๆๆๆ”   

ซีคงเซี่ยฟังแล้วก็นึกอยากด่าในใจ  ไอ้ลูกเวร  แต่แล้วก็ถอนหายใจ

“เรื่องตาแก่แซ่หลี่น่ะช่างมันเถอะ  หยูเอ๋อร์  เข้ามาให้พ่อดูใกล้ ๆ ซิ”

คุณชายสามขนลุกอย่างบอกไม่ถูก  วันนี้ตาเฒ่าอารมณ์พิกล  จะหลอกลูกไปขายที่ไหนอีกหรือเปล่านะ

“หยูเอ๋อร์...”  เขาจับแขนลูกชายอย่างมั่นเหมาะ  “พ่อเลี้ยงเจ้ามาตั้งยี่สิบเจ็ดปี  ไม่นึกเลยว่าจะมีวันนี้”

“วันที่ข้าจะมีสามีใช่มั้ยท่านพ่อ  เพ้ยยย  ไม่ใช่ ๆ”

“เจ้านี่ตลกดี  สงสัยเลือดพ่อมันแรง  สมัยก่อนพ่อก็เป็นคนตลก  แม่เจ้าขำจนยอมเป็นเมียเลย”

ซีคงหยูทำหน้าไม่เชื่อ  เฒ่าสารพัดพิษอย่างท่านพ่อ  คงใช้ยาเสียสาวกะท่านแม่มากกว่า

“หยูเอ๋อร์..”

“มีอะไรก็ผายลมมาท่านพ่อ  จะขึ้นว่าหยูเอ๋อร์อีกสิบเจ็ดรอบมั้ย  ข้ามีเวลาไม่เยอะ”

“...”

อึ้งไปสักพัก  ซีคงเซี่ยก็ถอนหายใจ

“เฮ้อ  ไม่นึกไม่ฝันว่าในที่สุดเจ้าก็มีงานทำ  อย่างน้อยก็ได้ฝึกผ่าฟืน  หาบน้ำที่สำนักวารีพิสุทธิ์  พ่อดีใจจนน้ำตาไหลเลยล่ะ”

“นี่ท่านรู้แล้วหรอ”

“ข่าวเมืองนี้ไวจะตาย”

ซีคงหยูขบคิดตามและพบว่าจริง  ชาวบ้านช่างเมาท์ขนาดนี้  ความเป็นส่วนตัวอยู่ที่ไหนกัน  สวรรค์!

“หมายความว่าข้าไม่ต้องแต่งกะหลี่โอ๋หยุนแล้วหรอท่านพ่อ”

“เจ้ารู้ชื่อเขาแล้วรึ  อ้อใช่  ได้ยินว่าเจ้าไปปะทะคารมกะลูกเขยข้าที่ถนนปลาคาร์ปและมังกรนี่นะ”

“เรียกว่าลูกเขยอะไรกันท่านพ่อ  เดี๋ยวเตะเลยนี่”

“ข้าเป็นพ่อเจ้านะ”

“เรื่องนั้นน่ะช่างมันเถอะ  สรุปว่าข้าไม่ต้องแต่งแล้วใช่มั้ย”

ซีคงเซี่ยพยักหน้า  แต่ไม่ทันที่ซีคงหยูจะดีใจ  อีกฝ่ายก็ปริปากต่อ

“แต่...”

คุณชายสามใจเต้นตุ่มต่อม  โฆษณาสมัยนี้นี่ไว้ใจไม่ได้  เดี๋ยวก็มีดอกจันเต็มไปหมด

“..เจ้าก็รู้ใช่มั้ยกฎยุทธจักร”

“ห๊ะ”

“ถ้าจะบอกเลิกการหมั้นหมาย  ผู้ถูกเลิกสามารถท้าประลองกับคู่หมั้นเพื่อรักษาเกียรติยศของตนเองได้”

“เห้ย  มันมีกฎบ้า ๆ แบบนี้ด้วยหรอ  ฝ่ายบุคคลอยู่ที่ไหน  ข้าจะไปลาออกจากยุทธจักร”

ซีคงเซี่ยไม่สนใจที่ลูกชายพูดจาเหลวไหล  เขากล่าวต่อช้า ๆ

“แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าหลี่โอ๋หยุนเป็นยอดฝีมือระดับใด”

คุณชายสามส่ายหน้า  ขนลุกชูชันเมื่อนึกถึงตอนที่ฝ่ายโน้นชักดาบออกมาขู่คำรามที่ถนนปลาคาร์ปและมังกร  อึ๋ย ๆ เขาอนุญาตให้ใช้โปเกมอ.. เพ้ย  สัตว์วิเศษสู้แทนได้มั้ย  จะได้ส่งเสี่ยวหมีไปตายแทน

“อ๊ออออ!”  เสี่ยวหมีร้องจากนอกห้องราวกับรู้เจตนาชั่วร้ายของเจ้าของ

“หลี่โอ๋หยุน  เป็นศิษย์เอกของสำนักดาบประตูทรราช  พลังฝีมือของเขาอยู่ในระดับสุดยอดของเมฆาเคลื่อนคล้อย  หยูเอ๋อร์  เจ้าเปลี่ยนใจไปแต่งกับเขาตอนนี้ก็ยังไม่สาย  มีสามีเป็นยอดฝีมือ  สบายไปทั้งชาติ”

“ท่านพ่อ!”

ซีคงหยูขมวดคิ้ว  และนึกทบทวนเรื่องเกี่ยวกับชาวยุทธที่เคยรู้ ๆ มาบ้าง   พลังฝีมือของชาวยุทธในทวีปดิน1 แบ่งออกเป็นสี่ระดับ  ยอดกวีหวูไหว่ได้ประพันธ์ไว้ว่า  ตะวันขึ้นสาย  เมฆาเคลื่อนคล้อย  จันทราเลื่อนลอย  ดาราเงียบงัน 

สำหรับคนทั่ว ๆ ไป  รวมทั้งซีคงหยู  ถือว่าไม่ถึงขั้นตะวันขึ้นสายด้วยซ้ำ  จะเรียกว่าเป็นคนธรรมดาก็ไม่ผิด  ผู้ฝึกปรือระดับตะวันขึ้นสายเป็นจอมยุทธทั่ว ๆ ไป  หัวขโมย  นักล่าเงินรางวัล  ศิษย์ตามสำนักต่าง ๆ  ยอดฝีมือระดับเมฆาเคลื่อนคล้อยมักจะไม่ปรากฎตัวในที่สาธารณะ  พวกเขาล้วนแต่เป็นบุคคลสำคัญ  หรืออัจฉริยะของแต่ละสำนัก

หลี่โอ๋หยุนไม่ใช่เมฆาเคลื่อนคล้อยธรรมดา  แต่เขายังอยู่ในระดับสุดยอด  ซึ่งหมายความว่าก้าวเดียวเท่านั้นเขาจะก้าวเข้าสู่เขตแดนของจันทราเลื่อนลอย
 
“เฮฟเว่นอโบฟ!”   ซีคงหยูอุทานแล้วเหลือกตามองสวรรค์เบื้องบน


++++

ซีคงหยูอยู่หน้ากรงนกพิราบ  ในกรงมีนกพิราบสามตัว  ข้างมือเขาคือสมบัติของบัณฑิต  ในมือถือพู่กันและพู่กันก็จรดลงไปในกระดาษเบื้องหน้า  เจ้าตัวพึมพำเบา ๆ ตามตัวอักษรที่ปาดป้ายลงไป

“พี่ใหญ่  ช่วยข้าด้วย  เรื่องด่วนสุด ๆ  มีคนจะฆ่าข้า..  โอ๊ะ ฟังดูรุนแรงไป”  คุณชายสามขยำกระดาษแล้วเขียนใหม่

“ช่วยข้าด้วย  ข้ามีเรื่องกับว่าที่สามีของข้า...  โอ๊ะ  ฟังดูเป็นเรื่องผัวเมียตบกัน  ไม่ได้ ๆ”  ขยำกระดาษไปอีกก้อน

“พี่ใหญ่   ช่วยข้าด้วย  ข้ามีเรื่องกับยอดฝีมือหลี่โอ๋หยุน  มันสบประมาทพี่ใหญ่ว่าจู๋สั้นนิดเดียว  ด้วยความหน้ามืดโมโห  ข้าก็เลยท้าประลองกับมัน  แต่ท่านก็รู้ว่าข้าไม่มีพลังฝีมือ  ไก่สักตัวยังฆ่าไม่ได้  พี่ใหญ่ต้องช่วยข้านะ  จากน้องสามที่น่ารักของพี่”

คุณชายสามม้วนจดหมาย  แล้วใส่ในกระบอกที่ข้อเท้าของนกพิราบ  จากนั้นเปิดกรงให้ตัวนั้นออกมา 

“ไปหาพี่ใหญ่นะ”  เขาพามันไปที่หน้าต่างแล้วปล่อยออกไปข้างนอก

“ของพี่สองเขียนว่าไงดีนะ  เมียมีชู้ดีมั้ยนะ”

“นายน้อยยย  นายน้อยยยย!!”

บ่าวร่างอ้วนวิ่งเข้ามาที่หน้าห้องเขาอย่างกระหืดกระหอบ  นกพิราบในกระตกใจจนกระพือปีกขนปลิวว่อนไปหมด  ซีคงหยูย่นจมูกแล้วเดินไปดู

“มีอะไรห๊ะหลิวเกา”

“นายน้อยจะไปสำนักวารีพิสุทธิ์  ทำไมไม่บอกบ่าวสักคำ”

“ข้าต้องบอกเจ้าด้วยเรอะ  เจ้ากรมข่าวลือแห่งตระกูลซีคง”

“นายน้อยชมเกินไปแล้ว”

“ไม่ได้ชมเฟ้ย  แล้วเจ้ามีเรื่องอะไร”

“นายน้อย  ให้บ่าวตามไปด้วย  บ่าวจงรักภักดีต่อนายน้อย  กลัวนายน้อยจะไปพบกับความยากลำบาก  ถ้านายน้อยเดินทางตอนกลางคืน  ใครจะจุดกองไฟให้นายน้อยผิง  ในตอนกลางวันใครจะทำอาหารให้นายน้อยทาน”

ซีคงหยูฟังแล้วก็พยักหน้าหงึก ๆ อย่างเห็นด้วย  แต่แล้วก็ชะงัก

“เจ้าว่ายังไงนะ  จะไปด้วยอย่างงั้นเรอะ”

หลิวเกาพยักคางสามชั้นหงึก ๆ

“เจ้าตัวอ้วนเชื่องช้า  จะเป็นตัวภาระของข้าหรือเปล่า”

“บ่าววิ่งเร็วกว่าเสี่ยวหมี”

“โอเค  ผ่าน”

“อ๊อออออ!!”

“งั้นรอเดี๋ยว  ข้ากำลังเขียนจดหมายหาพี่สองกะน้องสี่”

เนื่องจากเวลาเร่งกระชั้น  คุณชายสามก็เลยเขียนไปเหมือน ๆ กันเรื่องจู๋สั้น  แล้วก็ปล่อยนกพิราบ  จากนั้นก็ขนสัมภาระเครื่องนอนหมอนมุ้งขึ้นหลังเสี่ยวหมีอย่างองอาจพร้อมกับบ่าวรับใช้หนึ่งคนไปยังค่ายชั่วคราวของสำนักวารีพิสุทธิ์ที่ถนนปลาคาร์ปและมังกร


++++++


ไป่หลันหลันกรีดนิ้วไล่ตามรายชื่อศิษย์ใหม่อีกครั้ง  การมาเมืองสุยอันถือว่าประสบความสำเร็จ  สำนักสามารถรับศิษย์ที่มีพรสวรรค์กว่าสิบคน  สามในนั้นมีพลังฝีมือระดับตะวันขึ้นสายเรียบร้อยแล้วตั้งแต่ยังไม่อายุ 18

นางไล่มาถึงรายชื่อสุดท้าย  ชื่อเจ้าปัญหา  นามนั้นถูกทวนในปากเบา ๆ

“ซีคงหยู”

รอยยิ้มลึกลับปรากฏที่มุมปาก  ไป่หลันหลันเป็นคนฉลาด  นางไม่เชื่อว่าเพียงเหตุผลที่คุณชายสามเข้าไปพัวพันกับสำนักประตูทรราชจะนำไปสู่การแหกกฎสำนักครั้งใหญ่โดยรับผู้ชายเข้าเป็นศิษย์เช่นนี้

“ผู้อาวุโสคงมีเหตุผลของนาง”

พึมพำอยู่ครู่หนึ่ง  ทหารชุดแดงก็เข้ามารายงานว่าศิษย์ใหม่ทุกคนมาถึงจุดรวมพลแล้ว  รวมทั้งคุณชายสามแห่งตระกูลซีคง  ไป่หลันหลันโบกมืออย่างเยือกเย็นให้ทหารหญิงเก็บกระโจมและค่ายชั่วคราวทั้งหมด

นางก้าวออกไปที่ลานกลางถนนปลาคาร์ปและมังกร  บริเวณนั้นถูกกันไว้สำหรับสำนักวารีพิสุทธิ์โดยเฉพาะ  และคนทั่วไปทำได้เพียงแค่ยืนดูห่าง ๆ  พ่อแม่ของเด็กสาวซึ่งเข้าสำนักบางคนก็ร้องห่มร้องไห้ด้วยรู้ว่าถึงเวลาที่ลูกจะต้องพรากจากไป  ไป่หลันหลันกวาดสายตาไปรอบ ๆ  ศิษย์ใหม่ทั้งหลายต่างมีสีหน้าต่าง ๆ กัน  บ้างก็คาดหวัง  บ้างก็เย่อหยิ่ง  บ้างก็เอียงอาย  และบ้างก็แอบหลับ..โดยเฉพาะไอ้คนที่นอนเอกเขนกอยู่บนหลังหมีดำ

ไป่หลันหลันยิ้มเย็น  นายสิบคู่ใจก็เดินเข้าไปเตะหมีดำให้ตื่นทั้งหมีทั้งเจ้าของ

“โอ้...จะไปกันแล้วเรอะ”

คุณชายสามเช็ดน้ำลาย  มองไปรอบด้วยสายตาบ๊องแบ๊ว  พวกเด็กสาวมองสวนกลับอย่างเหยียดหยาม  และนึกในใจว่า  ตาลุงขยะนี่  พวกนางไม่รู้ว่าทำไมซีคงหยูถึงผ่านการคัดเลือกได้  และทำให้จินตนาการของพวกนางเพริดไปร้อยแปด

ตาลุงนี่ต้องขายร่างกายให้เจ้าหน้าที่ทะเบียนแน่ ๆ  หน้าตาก็ดีไม่น่าหาความสำเร็จทางลัดเลย

ซีคงหยูรู้สึกถึงสายตาไม่เป็นมิตรของศิษย์ใหม่คนอื่น ๆ  เลยเสมองนกมองไม้และผิวปากไป  ไป่หลันหลันซึ่งไม่รู้ตัวว่าได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของข่าวซุบซิบโบกมือให้เคลื่อนพล  ทหารหญิงชุดแดงเดินนำหน้าไปอย่างเป็นระเบียบพร้อมกับธงทิว  ศิษย์ใหม่เดินตาม  และพวกศิษย์ปัจจุบันก็พากันไปหามเกี้ยวให้ผู้อาวุโส

คุณชายสามบอกเสี่ยวหมีให้รักษาความเร็วไปพร้อม ๆ กับขบวนและมองไปรอบ ๆ ด้วยความตื่นเต้น  ชาวเมืองสุยอันออกมาดูขบวนของสำนักวารีพิสุทธิ์ที่ค่อย ๆ เดินทางออกจากเมือง  และชี้ชวนกันดูอะไรต่าง ๆ ในชบวนพร้อมกับซุบซิบนินทา  พวกเด็ก ๆ ที่ชอบเล่นกับเสี่ยวหมีทำท่าจะถลันออกไปบอกลามัน  แต่พ่อแม่ของพวกเขารีบจับมันไว้เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของทหาร

นอกเมืองสุยอันเป็นเส้นทางที่ตัดผ่านป่าและเทือกเขา  สำนักวารีพิสุทธิ์อยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองห่างออกไปสามร้อยลี้  เมื่อเดินทางออกมาไม่ทันไร  ก็พบจุดที่พื้นดินลาดต่ำเต็มไปด้วยป่าพรุ  ไป่หลานหลานให้คนเอาสมุนไพรมาแจกกับศิษย์ใหม่  มันเป็นสมุนไพรกับยุงและแมลงมีพิษ  ซึ่งจำเป็นสำหรับคนธรรมดาที่ไม่สามารถเรียกปราณคุ้มครองกายได้

ทุกคนเดินกันอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย  ซีคงหยูฟังจากที่พวกเด็กสาวคุยกันว่าเป็นเพราะยอดฝีมือในขบวนใช้วิชาเซียนช่วยเหลือ   ซึ่งทำให้เขารู้สึกทึ่งกับความหลากหลายของวิชายุทธ   แต่ก่อนเขาเคยคิดว่าพวกจอมยุทธฝึกวิชาไปก็เพื่อต่อสู้กัน  และไม่เกี่ยวกับคนธรรมดา  แต่ดู ๆ แล้วมันก็มีประโยชน์กว่าที่คิด  บางทีอาจจะมีวิชาเซียนที่สร้างลมอัตโนมัติ  เอาไว้นอนเล่นตอนหน้าร้อน

“ศิษย์น้อง”   เขาสะกิดเรียกแม่นางคนหนึ่งที่ดูมีอายุมากที่สุดในกลุ่มศิษย์ใหม่   หน้าตาของนางดูธรรมดา  เหมือนลูกสาวชาวนา  มีผิวกร้านแดดกร้านลม  แต่มีใบหน้าที่อ่อนโยน

“มีอะไร”  จริง ๆ นางตั้งใจจะเพิกเฉยกับผู้ชายคนเดียวในขบวน  แต่ด้วยความใจอ่อนของนางทำให้ยอมปริปากคุย

“ข้าควรเรียกเจ้าว่าไง”

“ข้าแซ่จาง”

“ศิษย์น้องหญิงจาง  ข้าแซ่ซีคง  ชื่อหยู”

“ศิษย์พี่ซีคง”  นางประสานมือทักทายกลับ

“ศิษย์น้องหญิงจางดูมีสง่าราศี  ดูมีความเป็นผู้นำ  ไม่ทราบว่าพลังฝีมือของศิษย์น้องฝึกปรือถึงขั้นใด”

ผู้ถูกถามเม้มปากเล็กน้อย  ปกติแล้วการถามระดับพลังฝีมือเป็นเรื่องถือสาในยุทธจักร  แต่เมื่อมองสีหน้าที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวของซีคงหยูแล้ว  จางชุ่ยฮัวก็พบว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นมือใหม่ในยุทธจักรของจริง

“ตะวันขึ้นสายขั้นต้น  ไม่ทราบว่าศิษย์พี่ซีคง...”

“แหะแหะ   พูดแล้วก็น่าอาย  ข้าไม่เคยฝึกพลังฝีมือเลยน่ะสิ”

“อ้อ  น่าเสียดายจริง ๆ”  นางตอบกลับตามมารยาท  จากนั้นก็ไม่สนใจเขาอีกเลย

ซีคงหยูพบว่า  ความโด่งดังของเขาในการเป็นคุณชายไม่เอาถ่านของเมืองสุยอัน  กลับกลายเป็นคนจืดจางไร้ตัวตนที่นี่  โลกที่บูชายอดฝีมือย่อมไม่มีอะไรจะพูดกับมดปลวก   เขาถอนหายใจเดินกลับไปหาหลิวเกาและเสี่ยวหมี   และหวังว่าจะได้เจออะไรที่ดีขึ้นเมื่อไปถึงสำนักวารีพิสุทธิ์




++++


ที่มุมห่างไกลออกไปทางแดนเหนือของอาณาจักรวายุกระซิบ  แม่ทัพร่างสูงใหญ่ใบหน้าเหี้ยมหาญ  คิ้วหนายังกะแปรงทาสีบ้าน
  กัดฟันกรอด ๆ  กำจดหมายในมือ   พลังปราณของเขาสร้างความร้อนจนแผดเผามันหายไปสิ้นหมดแม้กระทั่งควัน

"จู๋สั้น...อย่างงั้นรึ"



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-09-2017 11:45:18 โดย Kirimanjaro »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
เหมือนว่าซีคงหยูจะโยนระเบิดใส่บ้านคนอื่น ส่วนตัวเองก็แจ้นไปที่อื่นเรียบร้อย (หัวเราะ)
รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ Wordslinger

  • แป้งจี่รีรีข้าวสาร
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1180/-5
ใช่คุณ Kirimanjaro คนเดิมหรือเปล่าคะ? ถ้าใช่ก็ขอบอกว่าคิดถึงมากๆ เลยนะคะ ในที่สุดก็กลับมาเขียนเรื่องต่อ ชอบงานเขียนของคุณมากๆ เลยค่ะ โดยเฉพาะเรื่องตามล่าหารุกแท้ แล้วก็เรื่องทางเพศ ^________^

ป.ล. ขอตัวอ่านเรื่องนี้ก่อนนะคะ

ออฟไลน์ พิศตะวัน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-3
เจอจู๋สั้นเข้าไปคงต้องรีบกลับเมือง555
สนุกค่ะ
มาต่อไวๆนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ตีสี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-5
    • 61'
ทายว่าพี่ใหญ่โกรธน้องชายตัวเองมากกว่าหลี่โอ๋หยุน

ออฟไลน์ backforred

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เรื่องกำลังเข้มข้นเลย :hao5: :hao5:
มาต่อไวๆนะ :katai1:

ออฟไลน์ wnkth

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-2
สนุกดี ต่อเลยๆครับ

ออฟไลน์ xkoxko

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ทำไมถึงแต่งได้ตลกขนาดนี้ 55555 สนุกมากๆค่ะ มาต่อไวๆน้า :mew1:

ออฟไลน์ Kirimanjaro

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
sirin_chadada: จะหนีได้จริงร้ออออ 5555+

Wordslinger: ช่ายครับ  จำได้คุณแป้งจี่ได้เหมือนกัน  รู้สึกผิดที่เขียนนิยายไม่ค่อยจบ

พิศตะวัน: ครับผม

ตีสี่:  5555  เหมือนจะใช่

backforred: มาต่อแระคับ

wnkth: แต๊งครับ

xkoxko: ช่วงนี้อ่านนิยายตลกเยอะคับ  เลยอยากแต่งมั่ง



++++


เทือกเขามังกรทะยานมีลักษณะเหมือนมังกรที่ขนดหางล้อมรอบอาณาจักรวายุกระซิบ  หางของมันขดไปทางทิศเหนือ  และค่อย ๆ เพิ่มความสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ ทางทิศตะวันตก  หากท่านอยู่ในหมู่บ้านไหนสักแห่งทางตะวันตก  ท่านจะเห็นยอดเขาสูงลิ่วเหมือนมังกรที่พุ่งตัวโผขึ้นไปกินดวงตะวัน  ในยามเช้าท่านจะเห็นประกายแสงหลากสีจากยอดเขา  ชาวบ้านร่ำลือว่าเป็นรัศมีเซียนผู้วิเศษที่กำลังบำเพ็ญเพียร

ทว่าสำหรับชาวยุทธมันไม่ใช่ความลับอะไร  ประกายแสงหลากสีนั้นเปล่งออกมาจากผลึกเงารุ้ง  ของวิเศษประจำสำนักวารีพิสุทธิ์   มีผู้สงสัยว่าทำไมเจ้าสำนักถึงวางของวิเศษประจำสำนักไว้กลางลานกว้างบนยอดเขาโดยไม่การป้องกัน  และก็มีผู้รู้อีกนั่นแหละ  ชี้ว่าจริง ๆ แล้วผลึกเงารุ้งไม่ได้มีค่าอะไร  นอกจากความสวยงามจากแสงที่มันเปล่งออกมายามต้องแสงอาทิตย์  มันก็ไม่มีคุณสมบัติวิเศษ  เจ้าสำนักวารีพิสุทธิ์จึงวางมันทิ้งไว้โดยไม่ใยดี

ไม่ว่าผลึกเงารุ้งจะเป็นของวิเศษจริงหรือไม่  มันก็ดูห่างไกลเสียเหลือเกินจากคุณชายสามที่อ้าปากค้างยืนมองประกายแสงของมันจากตีนเขา  ที่ตีนเขามีม่านหมอกมืดมัวไปหมด 

ไป่หลานหลานยกมือเป็นสัญญาณให้ขบวนหยุด  นางยื่นสองมือไปข้างหน้า  และร่ายรำ  ไม่ผิดแล้วมันคือการร่ายรำด้วยนิ้ว  นิ้วของนางเคลื่อนไหวอย่างซับซ้อน  ดูคล้ายกับรหัสต่าง ๆ ที่จำเพาะเจาะจง  การเคลื่อนไหวของแต่ละนิ้วทั้งสอดคล้องและแปลกแยกจนทำให้สายตาพร่าพราย

ทันใดนั้น  ม่านหมอกก็พลันสูญสลายจนมองเห็นซุ้มประตูหิน  ถัดจากซุ้มประตูหินมีบันได  และบันไดก็ทอดตัวยาวคดเคี้ยวขึ้นไปบนภูเขาดูราวกับไม่มีที่สิ้นสุด

ไป่หลานหลานหันกลับมากล่าวกับศิษย์ใหม่ทั้งหมด

“จากนี้ไปพวกเจ้าต้องเดินไปด้วยพลังของตนเอง  ถือเป็นด่านทดสอบสุดท้าย”

เมื่อสิ้นคำพูดนาง  เด็กสาวทุกคน  รวมทั้งซีคงหยูก็พลันรู้สึกเหมือนพลังบางอย่างถูกพรากออกไป  ความเหน็ดเหนื่อยที่ไม่เคยประสบมาตลอดการเดินทางก็ประเดประดังกลับเข้ามาจนแข้งขาของพวกเธอและเขาอ่อนระทวย  เป็นสัญญาณว่าวิชาเซียนที่ผู้อาวุโสใช้ได้ถูกถอนออกไปแล้ว

“เฮฟเว่นอโบฟ!!”  คุณชายสามแหงนคอตั้งบ่าดูยอดเขาสูงเสียดฟ้า  คราวนี้เขาไม่เห็นสวรรค์  เห็นแต่นรก

ไป่หลานหลานทำสัญญาณอีกที  ใต้เท้าของนางและของศิษย์พี่ทุก ๆ คน  รวมทั้งทหารหญิงก็มีวงแหวนและอักขระสีรุ้งหมุนวน  พวกนางค่อย ๆ ลอยขึ้นไปบนอากาศพร้อมกับเกี้ยวของผู้อาวุโสราวกับขบวนเสด็จของพระแม่มารดรที่ดำเนินกลับสวรรค์

“ศิษย์พี่หญิงไป่!”  ซีคงหยูตะโกน  เขาเกือบกระโดดเกาะขานางแล้วหากว่าเสี่ยวหมีไม่งับชายเสื้อเอาไว้  “พาศิษย์น้องไปด้วย”

ไป่หลานหลานไม่ตอบ  แค่ส่งสายตามองอย่างเย็นชาแล้วลอยลับหายไปบนภูเขา

“เจ้างับข้าไว้ทำไมเสี่ยวหมี”

“อ๊อออออ!”  เสี่ยวหมีร้องตอบแล้วหายใจฟืดฟาด

“มันคงจะบอกว่า  ห้ามโกงน่ะนายน้อย”

คุณชายสามปรายตามองหลิวเกา  เจ้าสิโกง  บรรพบุรุษของเจ้าสิโกงทั้งโคตร

“อะแฮ่ม”  ซีคงหยูกระแอมไออย่างรักษามาด “ในเมื่อเขาให้ใช้ความพยายามของตนเอง  เราคุณชายจะลดตัวลงไปปีนบันไดแบบสามัญชนหน่อยก็ได้  เสี่ยวหมี  เดินซิ”

พูดแล้วก็ขยับขาหนีบหลังเสี่ยวหมีแน่น ๆ ให้มันพาปีนขึ้นยอดเขา  เสี่ยวหมีเหลือกตาแต่ก็เดินไปตามคำสั่ง
ทว่าเมื่อพวกเขามาถึงซุ้มประตู  คุณชายสามก็ร่วงลงจากหลังหมี

“ไอ๊หยา!  เสี่ยวหมีเดินดี ๆ สิ”   เขาพยายามปีนขึ้นหลังหมีแต่ก็ร่วงลงมาอีก  ราวกับบนหลังของมันทาน้ำมันหมูเอาไว้
เมื่อเห็นซีคงหยูพยายามอย่างไร้ผลสี่ห้าครั้ง  หลิวเกาจึงออกความเห็น

“นายน้อยขอรับ  บ่าวว่ามันเป็นผนึกของประตูนี้  ไม่งั้นทุกคนคงขึ้นสัตว์วิเศษไต่เขากันหมดแล้ว”

ระหว่างที่พูด  ศิษย์ใหม่ร่วมสำนักอายุราว ๆ 14-15 ปีก็จูงหมีเขียวเดินผ่านทั้งสองคนและหนึ่งหมีไปพร้อมส่งสายตายิ้มเยาะ

“เฮฟเว่นอะโบฟ!”



++++



ไป่หลินหลิงกลับมาถึงสำนักก็ได้รับจดหมายจากนกกระเรียนสื่อสาร  นางวางถ้วยชาในมือลงและรับจดหมายจากมือไป่หลานหลานที่ไปแกะออกมาจากขานกกระเรียน

“เฮ้อ  ข้าเพิ่งกลับมา  เจ้าสำนักก็เรียกตัว”

“ผู้อาวุโสทำเรื่องใหญ่  ไม่ใช่แต่เพียงเจ้าสำนักที่ตกใจ  แม้แต่บรรพบุรุษก็อาจจะสะดุ้งในถ้ำบำเพ็ญพรต”  ไป่หลานหลานวิจารณ์อย่างตรงไปตรงมา

ไป่หลินหลิงปรายตามองอย่างไม่ถือสา  เพราะรู้ว่าศิษย์รับใช้ของตนเองก็เป็นเสียอย่างนี้  นางกรีดนิ้วเบา ๆ ชุดกาถ้วยชาก็ลอยกลับไปเก็บในกล่องหยก  ไป่หลานหลานหยิบเสื้อคลุมยาวสีฟ้าขลิบลายคุนเผิงโต้คลื่นด้วยใยไหมและไพลิน  (1) อันเป็นสัญลักษณ์แสดงฐานะของผู้อาวุโสประจำสำนักมาให้แก่ไป่หลินหลิง

นางลุกขึ้นยืนปลดมวยผมที่เกล้าไม้แล้วมัดใหม่รอบ ๆ ปิ่นไม้อู่ถง  จากนั้นสวมมงกุฎหยกสีน้ำเงินทับ  มือหนึ่งคลี่พัดจีบ  และอีกมือก็ถือกระบี่

“ข้าดูมาดแมนแฮนด์ซั่มหรือยัง”

“ผู้อาวุโสหล่อเหลาที่สุดในสำนักวารีพิสุทธิ์แล้ว”

ไป่หลานหลานตอบอย่างจริงใจ  เพราะในสำนักไม่มีผู้ชายคนอื่น  ส่วนซีคงหยูน่ะหรอ  เฮอะ  ไต่บันไดขึ้นมาให้ได้ซะก่อนเถอะ

ไป่หลินหลิงยิ้มบาง  จากนั้นก้าวเท้าเหยียบหน้าต่างแล้วกระโดดออกไป  นอกห้องของนางเป็นหน้าผาสูงลิ่ว  ไป่หลานหลานมองตามอย่างเยือกเย็นโดยไม่มีทีท่าตกใจ  และสักพักก็เห็นไป่หลินหลิงยืนอยู่บนหลังกระเรียนแดงร่อนสู่ตึกวารีอำไพอันเป็นที่ประชุมของสำนัก

+++++

ณ ตึกวารีอำไพ

เจ้าสำนักวารีพิสุทธิ์นั่งขมวดคิ้วอยู่บนบัลลังก์คุนเผิง  พนักวางมือข้างหนึ่งเป็นมัจฉาและอีกด้านหนึ่งก็เป็นนกวายุภักษ์  ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ นั่งประจำเก้าอี้ตำแหน่งการแปลงกายของคุนเผิง  ได้แก่  ต้าเผิง  เฟิงอวิ๋น คงคุน  ฉีเซี่ย  (2)

ทันใดนั้น  เสียงร้องนกกะเรียนดังแว่วมาจากท้องฟ้า  ตามด้วยเสียงดนตรีทิพย์และกลิ่นกำยานสวรรค์  ทุกคนไม่ต้องมองก็รู้ว่าใครมา  ทำสเปเชียลเอฟเฟ็คเวอร์ซะขนาดนี้

แต่ถึงกระนั้นยามที่ไป่หลินหลิงลอยละล่องลงมาจากหลังนกกระเรียน  ด้วยปลายเท้าซ้ายที่ทำท่าเหมือนเหยียบย่าง  เสื้อคลุมคุนเผิงปลิวไสวตามลม  พร้อมพัดจีบไม้กฤษณา  และรอยยิ้มที่เปี่ยมด้วยความมั่นใจ  ทำให้นางดูเหมือนกับเทพยดารูปงามลงมาเยือนโลกมนุษย์

ไป่หลินหลิงก้มหน้าเล็กน้อยทักทายเจ้าสำนักและผู้อาวุโสคนอื่น ๆ  แล้วย่างก้าวไปยังเก้าอี้ประจำตำแหน่งตนเอง เฟิงอวิ๋น 

“ผู้อาวุโสไป่!”

“เจ้าสำนักมีอะไรสั่งสอน?”

“ฮ่า ๆๆ”   เจ้าสำนักหัวเราะอย่างเดือดดาล  นางเป็นหญิงวัยกลางคน  เวลาที่หัวเราะรอยย่นจึงขึ้นมาบนหน้าผากอย่างน่ากลัว  “ผู้ใดกล้าสั่งสอนผู้อาวุโสไป่  ขนาดกฎสำนักร้อยข้อที่จารึกไว้ในโถงบรรพชนยังสั่งสอนเจ้าไม่ได้  ใครล่ะที่เจ้าจะฟัง!”

“หลินหลิงทราบความผิด”

“เจ้าทราบ?”


“เฮอะ"  ผู้อาวุโสที่นั่งฝั่งตรงข้ามบนเก้าอี้ต้าเผิงแค่นเสียงแทรก  นางเป็นหญิงสาวโฉมงามในเสื้อคลุมคุนเผิงสีม่วง  ความงามของนางเผ็ดร้อนเหมือนกับเครื่องเทศในแกงกะหรี่  "เจ้าสำนัก  คราวนี้ท่านต้องเลิกใจอ่อนและลงโทษนางเสียที  นางชอบทำตัวผิดธรรมนองคลองธรรม  เป็นหญิงแต่แต่งตัวเป็นชายทำความเสื่อมเสียให้สำนักยังไม่พอ  ยังจะชักนำศิษย์ชายเข้าสำนัก  นางคิดว่านางเป็นฉู่อ๋องหรือไงถึงจะสร้างฮาเร็มที่นี่”

“เส้าหยูเสวียน! ข้าจะแต่งตัวยังไงก็เรื่องของข้า  ข้าไปแต่งบนศีรษะลูกไม่มีพ่อของยายเจ้าหรือไง  อีกอย่างข้ายอมประนีประนอมกับเจ้าสำนัก  ออกไปคัดเลือกศิษย์ครานี้ข้าก็แต่งเป็นหญิง  เจ้าจะเอาอะไรอีก!”

“เจ้า..เจ้า  เจ้าว่าแม่ของข้าไม่มีพ่อ!”

“หัวไวดีนี่”  ไป่หลินหลิงรวบพัดจีบแล้วเคาะกับพนักเก้าอี้ดังตึบ ๆ  “เจ้าสำนักเชิญกล่าวต่อ  หลินหลิงเอาน้ำร้อนสาดไล่หมาบ้าแล้ว”

เจ้าสำนักกุมขมับ  ผู้อาวุโสสองคนเหมือนน้ำกับไฟ  ใกล้กันเมื่อไหร่เป็นได้เรื่อง

“ผู้อาวุโสไป่  เจ้ารับศิษย์ชายเข้ามา  ผิดธรรมเนียมที่เรามี  เจ้ามีอะไรอธิบายมั้ย”

“ผิดธรรมเนียมแต่ไม่ผิดกฎ  ในกฎสำนักร้อยข้อข้าท่องได้จนขึ้นใจ  ไม่มีข้อไหนที่ห้ามรับศิษย์ชาย”

เจ้าสำนักฟังแล้วก็สบถในใจ  เจ้าต้องท่องได้อยู่แล้วนี่  เพราะเจ้ามันคอยแต่จะแหกกฎและหาช่องโหว่ตลอดเวลา  คิดแล้วก็อยากได้ยาลูกกลอนแก้ไมเกรน

“ไป่หลินหลิง  อ่านปากข้า  ผิด-ธรรม-เนียม”

“เจ้าสำนัก  ธรรมเนียมเป็นของตาย  แต่คนมีชีวิต  ย่อมต้องเปลี่ยนแปลง  เรื่องนี้ต้องดีเบต”  ไป่หลินหลิงเคาะพัดอีกที

“ผู้อาวุโสเส้า!”

เส้าหยูเสวียนสะดุ้ง  หันไปหาแล้วก้มหน้ารับคำ “เจ้าสำนัก..”

“เจ้าไปดีเบตกะผู้อาวุโสไป่ซิ”

ฟัค!!

เส้าหยูเสวียนเลื่อนเก้าอี้ถอยกรูด ๆ  “หยูเสวียนมิกล้า  คำพูดและอากิวเม้นท์ไม่มีตา  อาจทำร้ายกันได้  แต่ถ้าให้ประลองดาบกระบี่  หยูเสวียนจะสั่งสอนนางจิ้งจอกแซ่ไป่แทนเจ้าสำนักเอง”

เจ้าของเก้าอี้เฟิงอวิ๋นยิ้มกริ่มแล้วหันไปหาเจ้าสำนักอีกครั้ง  “เรื่องมันก็แล้วไปแล้ว  ข้าวสารเปลี่ยนเป็นข้าวสุก  ศิษย์ก็รับเข้ามาแล้ว  ถ้าเราไล่เขาออกไปใหม่  ชาวยุทธก็จะว่าเราชักเข้าชักออก  ท่านก็รู้ใช่มั้ยว่าพวกเขาจะประดิษฐ์แสลงอะไรแบบไหนมาเย้ยหยันสำนักเรา”

“เจ้า...ปากสกปรก”   เส้าหยูเสวียนทาบอก

“จิตใจเจ้าสิสกปรก  ชักเข้าชักออกหมายถึงดาบก็ได้  กระบี่ก็ได้  จิตใจเจ้าต่ำช้ามาตัดสินวิญญูชนอย่างข้า  เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้แก่เหล่าศานุศิษย์   เจ้าสำนัก  ข้าขอเสนอให้ลงโทษผู้อาวุโสเส้า  นางควรเข้าห้องบำเพ็ญพรตกักตัวชำระจิตใจ”

หญิงสาวเสื้อม่วงทำท่าจะเป็นลม  เกิดมาไม่เคยเห็นคนไร้ยางอายกลับผิดเป็นถูกขนาดนี้
เจ้าสำนักกระแอมไอหนึ่งทีและตัดสินใจว่าจะไม่สนใจเรื่องไร้สาระที่ว่า

“ฮึ่ม  ความผิดของเจ้าไว้พวกเราจะค่อย ๆ พิจารณา  แต่ตอนนี้ศิษย์ใหม่ตัวปัญหาอยู่ที่ไหน”

“อืม..”  ไป่หลินหลิงเคาะพัดเป็นจังหวะ  “..กำลังโดนรับน้องอยู่”

เจ้าสำนักและผู้อาวุโสทั้งหมดมองหน้ากัน  สำนักนี้มีรับน้องด้วยหรอ..วะ



++++++


(1)  คุนเผิงเป็นสัตว์ในตำนานจีน  มันเป็นปลาที่สามารถแปลงกายเป็นนกได้ 
(2)  ต้าเผิง = นกยักษ์, เฟิงอวิ๋น = ลมและเมฆ, คงคุน = ปลาว่างเปล่า, ฉีเซี่ย = จักรวาลสอดคล้อง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-08-2017 22:56:17 โดย Kirimanjaro »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ผู้อาวุโสไป่จะติสท์เกินไปล้าวววว

ออฟไลน์ ตีสี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-5
    • 61'
ผู้อาวุโสไป่จะติสท์เกินไปล้าวววว

เราว่าตัวละครในเรื่องนี้ มีแต่พวกติสท์กับเกรียนทั้งนั้นอ่ะ

ออฟไลน์ แฟนตาเซีย

  • หืมม...?
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1

ออฟไลน์ wnkth

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-2
เห็นชื่อสำนักกับชื่อตำหนักแล้ว.... คงจะมีตำหนักวารีดำเนิน ด้วยแน่ๆ

ออฟไลน์ Kirimanjaro

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0

sirin_chadada: ฮี่ ๆ

ตีสี่: อ๊อออออออ!!  (แปลว่าเสี่ยวหมีปกตินะ  อย่าเอาไปรวมกับพวกบ้าพวกนั้นสิ)

แฟนตาเซีย:  :กอด1:

wnkth:  แหม   ยังไม่ได้คิดเลย


++++++

ย้อนกลับมาชมข่าวกีฬากันต่อ.. เพ้ย  ไม่ใช่

เลื่อยไม้อย่างขะมักเขม้น  ตัดไม้มาจากป่าข้าง ๆ ไสให้เป็นกระดาน  แล้วขัดด้วยกระดาษทรายจนเลี่ยม  อันที่จริงถ้าการชี้นิ้วสั่งหลิวเกาให้ทำนับเป็นเครดิตของคุณชายสาม  ก็ถือว่าคุณชายสามมีส่วนในงานนี้เป็นอย่างมากกกก

เสี่ยวหมีนั่งเลียรังผึ้งที่เป็นผลพลอยได้  ว่าง ๆ ก็ตบผึ้งทหารที่บินว่อนโกรธแค้นรอบตัวสักที  มันขม้ำรังผึ้งพลางเอียงคอมองอย่างสงสัยว่าพวกมนุษย์กำลังจะทำอะไร

หลิวเกาขัดเนื้อไม้หยาบส่วนสุดท้ายจนเรียบ  เป่าผงไม้ออกดังฟู่  ละอองผงไม้ลอยล่องในอากาศระหว่างที่บ่าวร่างอ้วนหยิบแผ่นไม้ขึ้นมาส่องใกล้ ๆ ดูความโค้งที่ถูกขัดเกลาอย่างประณีต  แก้วตาของเขาสะท้อนภาพคุณชายสามที่ลุกขึ้นตบมือด้วยความดีใจและป่าวประกาศชื่อนวัตกรรม

“ฮ่า ๆๆๆ  สำเร็จแล้ว   กระดานลากเลื่อนสารพัดนึก ver 1.00”

เขาหันไปกวักมือเรียกเจ้าหมีดำที่นั่งกินน้ำผึ้งอยู่

“เสี่ยวหมี  ไสก้นมานี่ซิ”

เสี่ยวหมีทำหน้าตกใจ  ปิดก้นแล้วหันหนี

“ฟัค!!  ใครจะอยากได้เจ้าเป็นเมียกัน  รีบ ๆ มาอย่าทำสะดีดสะดิ้ง”

หมีดำตัวใหญ่ถึงค่อย ๆ คลานมาและย่อตัวลงรอให้คุณชายสามปีนขึ้นไปขี่หลัง

แต่ซีคงหยูมีแผนอื่น  เขาผูกเชือกกับแผ่นกระดานเลื่อน  แล้วคล้องกับเสี่ยวหมีอีกที  จากนั้นก็ขึ้นไปนั่งเอกเขนกบนกระดานพร้อมกับหมอนอิงอีกหนึ่งใบ  คุณชายสามชี้นิ้วไปข้างหน้าอย่างองอาจและร้องออกมา

“เอ้า  ออกทะเลได้”

“อ๊ออออออ!”  เสี่ยวหมีร้องด้วยความฮึกเหิมแล้วไต่ขึ้นบันไดสำนัก

กระดานเลื่อนไถไปกับบันได  และผ่านซุ้มประตูไปโดยสวัสดิภาพ  ท่ามกลางการถอนใจอย่างโล่งอกของซีคงหยู

“อะฮ้า  ไม่ได้ลงมนตร์ผนึกห้ามของแบบนี้ไว้สินะ  ฮ่าๆๆ”  คุณชายสามหัวเราะชั่วร้าย  และกำลังคิดว่าถ้านั่งเลื่อนผ่านเด็กผู้หญิงเจ้าของหมีเขียวจะยิ้มเยาะสวนคืนไปสักที  หึหึ  บุญคุณต้องทดแทน  ความแค้นต้องชำระ  ยัยหมีเขียว  งานนี้เราต้องเจอกันหน่อย!

แต่ทันใดนั้น!
ก็มีเสียงหวีดหวิวจากท้องฟ้า  เหมือนกับมีวัตถุที่พุ่งด้วยความเร็วสูง   ศิษย์ใหม่ที่ไต่บันไดอยู่แหงนหน้ามองท้องฟ้าและเห็นประกายแสงสีขาวพวยพุ่งกรีดฟ้าลงมายังบันไดขึ้นภูเขา

“หวิ้ววววววววววววววววว  ตู้ม!!!”

แวบเดียวเท่านั้น  พลังงานของมันแผ่ออกมาจนเหมือนกับเวลาเดินเชื่องช้าจนแทบหยุดนิ่ง  ซีคงหยูเหลือกตามองเปลือกตาของเขากระพริบอย่างเชื่องช้าพอ ๆ กับฝุ่นผงที่ปลิวกระจัดกระจายระหว่างที่เวลาเกือบหยุดนิ่ง
มันคือกระบี่สีเงินแวววาว  ด้ามจับของมันแกะสลักเป็นหัวมังกรด้วยเหล็กสีน้ำเงินขาบเข้มดูลึกลับ  ดวงตาของมังกรเปล่งประกายแสงเรื่อเรืองประดุจมีชีวิต  แล้วคล้ายกับจับจ้องทุกสรรพสิ่งภายใต้รัศมีของมันด้วยความอาฆาต  ใบของกระบี่บางเฉียบ  คมของมันสะท้อนแสงแปลบปลาบลงสู่ปลายกระบี่  และปลายกระบี่ก็ปักลงไปที่เชือกผูกเลื่อนของซีคงหยูอย่างพอดิบพอดี

จากนั้น...
เหมือนเวลาไหลย้อนกลับ  กระบี่พุ่งวาบทะยานกลับสู่ยอดเขาในพริบตา

“อ้ากกกกกกกกก!!”

คุณชายสามกรีดร้องเมื่อเชือกขาดกระชากและเขาก็กระเด็นตกภูเขาไปพร้อมกับกระดานเลื่อนสารพัดนึก ver 1.00


++++


ไป่หลินหลิงยกฝักกระบี่รับกระบี่มังกรอาฆาตที่พุ่งกลับมาจากท้องฟ้า   มือหนึ่งขยับนิ้วใช้วิชาเซียนคันฉ่องวารีที่แสดงภาพซีคงหยูให้เจ้าสำนักและผู้อาวุโสดูพลางส่ายหัวช้า ๆ

“เฮ้อ  เด็กคนนี้  ออกจะเพี้ยน ๆ อยู่สักหน่อย”

เพี้ยนเหมือนเจ้านั่นแหละ  ทุกคนคิดเหมือน ๆ กันจนไม่ต้องหันไปมองตากัน

“อันนี้เรียกว่าด่านกระบี่อาฆาต  เป็นด่านพิเศษ  จะสุ่มโดนศิษย์ใหม่ผู้โชคร้าย”

สุ่มเตี่ยเจ้าสิ   เจ้าจงใจจิ้มไอ้เด็กนี่ชัด ๆ  ทุกคนแค่นเสียงในใจพร้อม ๆ กันอีกครั้ง

“เอาล่ะมาดูด่านต่อไป”  ไป่หลานหลานขยับนิ้วร่ายมนตร์  “ด่านนี้เรียกว่าด่านหินกลิ้ง  ก็ตามชื่อ..มันจะมีหินกลิ้งลงมาตามบันได  ใครหลบได้ก็หลบ  ใครหลบไม่ได้ก็ไม่ต้องหลบ”  ผู้อาวุโสไป่พูดอย่างไม่ยี่หระต่อภาพของพวกเด็กสาวที่กรีดร้องกลิ้งตัวหลบก้อนหินยักษ์

“ส่วนด่านต่อไป...”

เจ้าสำนักเริ่มทนดูไม่ได้จึงรีบเบรก  “ผู้อาวุโสไป่...”

ไป่หลินหลิงเงยหน้าขึ้นมองหน้าเจ้าสำนักด้วยรอยยิ้มละไม  “ถ้าท่านเจ้าสำนักอยากให้หยุดการรับน้อง  ท่านต้องสัญญาก่อนว่าจะไม่สืบสาวราวเรื่องหลินหลิงเรื่องรับศิษย์ชาย”

“ไป่หลินหลิง  เจ้าบังอาจนัก!  กล้าจับศิษย์ใหม่เป็นตัวประกันต่อรองเจ้าสำนัก!”  หญิงสาวเสื้อเขียวบนเก้าอี้คงคุนตบพนักเก้าอี้แล้วตวาด

“ศิษย์พี่ชวงก็พูดเกินไป  หลินหลิงไม่มีเจตนาเช่นนั้น”

“เฮ้อ...เอาอย่างงั้นก็ได้  ผู้อาวุโสไป่รีบส่งคนไปรับศิษย์ใหม่ขึ้นมา  ส่วนเรื่องรับศิษย์ชาย  เฮ่อ...”  เจ้าสำนักถอนหายใจไม่อยากพูดต่อ

เส้าหยูเสวียนเห็นทีเลยรีบใส่ไฟ  “เจ้าสำนักเอาอย่างนี้สิ  ในเมื่อผู้แซ่ไป่อยากรับน้องนัก  ก็ให้ศิษย์ชายปีนบันไดผ่านด่านทั้งหมดด้วยตัวเองเพียงคนเดียวขึ้นมา  รอดหรือไม่ถือว่าเป็นชะตาฟ้าลิขิต  โฮะ ๆๆๆ  หรือจะเรียกว่าแผนร้ายย้อนคืนสู่ตัวดีนะ  ไป่หลินหลิงเจ้าว่ายังไงล่ะ”

ผู้ถูกถามเพียงเลิกคิ้วเบา ๆ  แล้วสะบัดพัดจีบโบกช้า ๆ เหมือนคุณชายสูงศักดิ์

“แผนร้ายจะย้อนคืนใส่ตัวใครนี่ยังไม่รู้แน่  แต่ที่แน่ ๆ ข้าเชื่อว่าศิษย์ข้าย่อมดวงแข็งเหมือนกับข้า  ถ้าข้าดวงไม่แข็งคงไม่ได้นั่งเก้าอี้เฟิงอวิ๋นทั้ง ๆ ที่มีมดปลวกอย่างเจ้าคอยแทะขาเก้าอี้ข้าอยู่อย่างนี้”

ทั้งสองคนจ้องตากัน  อากาศพลันควบแน่นเหมือนมีประกายสายฟ้าแล่นแปลบปลาบ  ขณะที่คุณชายสามของเรานั้นยังไม่รู้ตัวว่าชะตากรรมของเขานั้นฟัคอัพกว่าศิษย์ใหม่คนอื่น ๆ มากแค่ไหน


++++++++++++++++


จนเย็นวันถัดไปนั่นแหละ  ที่สองชายกะหนึ่งหมีลากสังขารอันสะบักสะบอมขึ้นมาบนยอดเขาที่ตั้งสำนักวารีพิสุทธิ์ได้  เมื่อเขาเข้ามาในลานสำนักก็เห็นพวกเด็กสาวที่มาจากเมืองสุยอันด้วยกัน  หน้าตาเสื้อผ้าสะอาดสะอ้าน  ร่ายรำฝึกวรยุทธอยู่ที่ลานกว้างภายใต้การดูแลของเหล่าศิษย์พี่

“พวกเจ้า..ขึ้นมาถึงก่อนนานแล้วเรอะ  พวกเจ้าผ่านมาได้ไง  ด่านมฤตยูผิดมนุษย์มนาพวกนั้น”

ซีคงหยูครางอย่างไม่เชื่อสายตา

พวกเด็กสาวมองเขาด้วยสายตาเวทนา  หลาย ๆ คนแอบรู้สึกเห็นใจ  และซุบซิบกัน

“นี่ลุงคนนี้ยังไม่รู้สินะ”
“ยังไม่รู้ตัวแน่ ๆ”
“เราบอกเขาดีมั้ยนะ”
“นั่นจะใจร้ายไปหรือเปล่า”
“ปล่อยให้เข้าใจผิดต่อไปดีกว่านะ”

ซีคงหยูเห็นบางคนก็ยิ้มหัวเราะ  บางคนก็มองด้วยความเห็นใจ  แต่ไม่มีใครเอ่ยปากบอกอะไรกับเขา  เขาเลยได้แต่ส่ายหน้า  โดยที่ไม่รู้ตัวว่าในความโชคร้ายของเขาก็มีความโชคดีซ่อนอยู่  พวกเด็กสาวเคยคิดว่าเขาได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษเลยได้เข้าร่วมสำนักทั้ง ๆ ที่ไม่มีคุณสมบัติ  แต่เมื่อพบว่าจริง ๆ แล้วคุณชายสามผู้น่าสงสารไม่ได้มีเส้นสายอะไรในสำนักและดูเหมือนจะถูกพวกผู้อาวุโสกลั่นแกล้งด้วยซ้ำ  ความหมั่นไส้และความไม่ชอบหน้าก็เลยเบาบางลงไป

ไป่หลานหลานที่คุมการฝึกวรยุทธของศิษย์ใหม่มองซีคงหยูด้วยหางตา  และชี้ให้ศิษย์ในสำนักที่ตำแหน่งต่ำกว่าไปช่วยนำทางเขาไปยังที่พักศิษย์ใหม่

++++

คุณชายสามเดินพลางและเหลียวมองรอบ ๆ เหมือนพวกบ้านนอกเข้ากรุง  สิ่งก่อสร้างที่นี่วิจิตรพิสดารกว่าบ้านคหบดีที่รวยที่สุดในเมืองสุยอัน   กลางลานกว้างมีผลึกแก้วสีรุ้งลอยอยู่บนอากาศเหมือนกับดวงอาทิตย์ดวงที่สอง  ทำให้แสงบริเวณรอบ ๆ เปลี่ยนสีสันไปมาราวกับแดนสวรรค์

“ไม่ได้ ๆ เราเป็นคุณชายสามแห่งตระกูลซีคง  เราต้องแสดงท่าทีเหมือนกับว่าคร้านที่จะมองของพวกนี้สิ”

ซีคงหยูปลุกปลอบตัวเองและพยายามยืดอก  แต่เสี่ยวหมีที่เดินข้าง ๆ ทำลายภาพลักษณ์ของเขาโดยสิ้นเชิง  เพราะมันเงยมองทางโน้นที  ส่อนจมูกฟุดฟิดดมทางนี้ที  ราวกับกลัวคนจะไม่รู้ว่ามันไม่เคยพบเคยเห็นของพวกนี้

“เสี่ยวหมี  ทำตัวดี ๆ  ไอ้ลูกแก้วนั้นกลับบ้านแล้วข้าจะซื้อให้เจ้าเล่นสักสิบลูกเลยเอ้า”

“ฮ่าๆๆ”  ศิษย์สำนักที่ทำหน้าที่นำทางแอบได้ยินบทสนทนาก็หัวเราะ  แล้วจึงทำหน้าที่มัคคุเทศก์อย่างไม่มีที่ติ  “ลูกแก้วที่เจ้าจะซื้อให้หมีเล่นสิบลูกนั้นเรียกว่าผลึกเงารุ้ง  เป็นของวิเศษประจำสำนัก  จักรพรรดิแห่งอาณาจักรวายุกระซิบเคยขนเพชรนิลจินดามาครึ่งท้องพระโรงกองไว้ที่ตีนเขามังกรทะยานเพื่อขอแลกกับการยืมผลึกเงารุ้งไปให้พระสนมดูเล่นสองสามวัน  แต่เจ้าสำนักปฏิเสธไป”

คุณชายสามฟังแล้วก็กลืนน้ำลายเอื้อก ๆ  “ข้าล้อเล่นเฉย ๆ ศิษย์พี่  มองดูก็รู้ว่า โอ้วว  ช่างเป็นของวิเศษที่หรูหราราคาแพง  มีค่าครองเมืองมาก ๆ  คุณชายธรรมดา ๆ อย่างข้าอย่าคิดจะฝันไปแตะแม้สักปลายนิ้วเลย”

“ฮี่ ๆ  ข้ารู้ว่าเจ้าล้อเล่น”  อีกฝ่ายไม่ฉีกหน้าและมีรอยยิ้มละไม  เมื่อมองดี ๆ ซีคงหยูก็พบว่าศิษย์พี่ของเขาเป็นหญิงสาวหน้าตาสะสวย  เอวองค์ก็คอดกิ่ว ที่ควรเว้าก็เว้าที่ควรนูนก็นูน  ที่เขาว่ากันว่าฝึกวิชาฝีมือแล้วจะดูดีเหมือนผ่านมีดหมอมาร้อยรอบนี่เห็นจะจริง

“ว่าแต่..ศิษย์พี่มีนามอันสูงส่งว่ากระไร”

“ข้าแซ่หวู  นามชิงหรู  ส่วนเจ้าข้ารู้จัก...ศิษย์น้องลุงซีคง”

ซีคงหยูร้องเฮ้เบา ๆ  คนที่ไปเผยแพร่ฉายานี้ของเขาต้องเป็นไป่หลานหลานแน่ ๆ   เฮอะ  ศิษย์พี่หญิงไป่  แค้นนี้ข้าต้องชำระ

“ศิษย์พี่หญิงหวู  ถ้าข้าจะถามอะไรหน่อยจะได้มั้ย”

“ศิษย์น้องลุงเชิญถามมาได้  ไม่ต้องเกรงใจ”

ซีคงหยูกล้ำกลืนความเจ็บปวดและลูบหารอยตีนกาบนหน้าอย่างไม่รู้ตัว  “คือศิษย์น้องไม่เคยฝึกวิชายุทธ  หากจะเริ่มฝึกจะต้องทำอย่างไร”

“เจ้าก็จะต้อง...เอ๊ะ  เจ้าไม่มีพลังยุทธรึ”  นางชะงักเท้าและหันมาเอียงคอมองอย่างสงสัย  “เจ้าผ่านการคัดเลือกมาได้ยังไง  ไม่สิ  นั่นมันไม่สำคัญเท่ากับ...”  สายตาของนางมองไปยังหมีดำที่เดินอุ้ยอ้ายอยู่ข้าง ๆ ตัวของศิษย์น้องคนใหม่
“..เจ้าทำสัญญากับสัตว์วิเศษได้อย่างไร”

“เรื่องนั้น..”  ซีคงหยูลังเล  เขาปรายตามองเสี่ยวหมีที่เดินดมต้นไม้ใบหญ้าระหว่างทาง “...เรื่องมันยาว”

“ฮ่า ๆๆ  ข้าไม่เสียมารยาทถามความลับของศิษย์น้องหรอก  ถือเสียว่าข้าไม่ได้ถาม”

“คือไม่ใช่นะศิษย์พี่หญิงหวู  เรื่องนี้ข้าเล่าได้”

“ช่างเถอะ  สำหรับคำถามของเจ้า  การฝึกวรยุทธแบ่งออกเป็นการฝึกกายและฝึกจิต  ฝึกกายคือเสริมพลังของเนื้อหนัง  ฝึกจิตคือเสริมพลังปราณและเจตจำนง  เนื้อหนังเป็นภาชนะ  ปราณเป็นพลังงานที่จะมาเก็บกัก   ถ้าเจ้าฝึกให้ได้สมดุลกันผลลัพธ์ของมันก็จะออกมาดี”

“ศิษย์พี่หญิงพูดมาค่อนข้างแอบสแตรกซ์  ศิษย์น้องแอบตามไม่ทัน”

“ฮี่ ๆ  หนึ่งในสิ่งสำคัญสำหรับผู้บำเพ็ญพรตคือพรสวรรค์ทางปัญญา  โดยเฉพาะความสามารถที่จะเข้าใจความคิดนามธรรมยาก ๆ  เพราะวิชาฝีมือขั้นสูงคือการเข้าใจกฎลับของสวรรค์และจักรวาล”

“ศิษย์พี่หญิงจะว่าข้าโง่ใช่มั้ย”

“ฮี่ ๆ”


++++++++++


ปล.  ชื่อ  หลี่โอ๋หยุน  เปลี่ยนเป็น   หลี่โอ๋อวิ๋น  นะครับ  ผมสะกดผิดเอง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-08-2017 22:42:59 โดย Kirimanjaro »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
อ่านไป ขำไป
เสี่ยวหมีนี่ ทั้งฟังภาษามนุษย์ และอ่านจิตใจซีคงหยูออกด้วยนะ
พอไม่ถูกใจ ก็ร้อง อ๊อออออออออ ชอบบบบบ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

สำนักนี้ดูเหมืิอนเก่งกาจมาก
วิชาตัวเบานี่สุดๆเลย
ฝีปากยิ่งเก่งกาจเข้าไปอีก
พวกผู้อาวุโสของสำนักนี่ยอดเยี่ยม
แม้แต่เจ้าสำนักยังอ้าปากพูดไม่ทันเลย

คุณชายสาม ต้องได้ฝึกปรือเหนื่อยหนักแน่
แต่อดคิดไม่ได้ว่า ซีคงหยู ต้องได้ปาฏิหาริย์เรื่องพลัง
สามารถผลัดเปลี่ยนเนื้อเยื่อ เส้นเอ็นกระดูก /แบบเอาใจช่วยอ่ะ
ไรท์ ต้องเป็นคนตลกๆมีอารมณ์ขำๆแน่ๆ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ wikawee

  • มีชีวิตอยู่เพื่อทำฝันให้เป็นจริง
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-7
เป็นนิยายที่น่าสนใจ แต่บางมี่อ่านแล้วก็รู้สึกสะดุ้งเบาๆ เหมือนจะสุดแต่ก็ไม่สุด บางทีก็อ่านแล้วรู้สึกคาใจว่าสรุปแล้วเป็นแนวไหน จะจีนโบราณ แต่อ่านไปก็เหมือนไม่ใช่ เพราะมันมีแต่ความขัดเเย้งในตัวมันเอง แต่ก็ชอบพล็อตเรื่องน่าสนใจพอควร
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-08-2017 22:57:52 โดย wikawee »

ออฟไลน์ Kirimanjaro

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
♥►MAGNOLIA◄♥ :   5555  ดีใจที่ชอบเสี่ยวหมีครับ  มันคือพระเอกของเรื่อง  (เขี่ยคุณชายสามทิ้งแป๊บ)
ปาฏิหาริย์ของหยูหยูกำลังมาครับ  แต่จะเป็นโชคลาภหรือเคราะห์กรรม  ไม่แน่ใจเหมือนกัน  ฮ่าๆๆๆ

wikawee: เข้าใจความไม่สุดที่ว่าครับ
อันนี้ไม่เชิงว่าจีนโบราณ  แต่เป็นแนวกำลังภายในแฟนตาซี (Xianxia)  ซึ่งเรื่องจะเกิดในมิติและจักรวาลอื่นที่ไม่ใช่โลก  (แต่บางทีก็จะมีตัวละครข้ามมิติไปจากโลกมาเข้าร่างคนที่นี่)  เพียงแค่จะเอาวัฒนธรรมและภาษาจีนโบราณมาเป็นต้นแบบ  สำหรับผมมองว่ามันมีองค์ประกอบของนิยายวิทยาศาสตร์ค่อนข้างมากครับ  และองค์ประกอบเหล่านั้นจะเปิดเผยไปเรื่อย ๆ ตามเรื่องที่ดำเนินไป



++++++++++



ศิษย์ใหม่สำนักวารีพิสุทธิ์จะผ่านการเข้าค่ายคัดตัวเป็นเวลาสามเดือน  ผู้มีพรสวรรค์จะได้รับการคัดเลือกให้เป็นศิษย์ชั้นใน  ส่วนที่เหลือมีสองทางเลือก  หนึ่งคือเข้าหน่วยวารีโลหิต  เป็นทหารหญิงชุดแดงที่ทำหน้าที่คุ้มกันสำนัก  และสองคือเป็นศิษย์รับใช้งานจิปาถะให้กับผู้อาวุโสและศิษย์ชั้นใน  ที่ไป่หลานหลานขู่ว่าคุณชายสามจะต้องมาผ่าฟืนหาบน้ำก็ตรงนี้

ทว่าอันที่จริงแล้ว  การเป็นศิษย์รับใช้ก็ไม่เลวร้าย  ในหมู่ศิษย์รับใช้ก็มีระดับและการเมืองภายในที่ซับซ้อน  หากว่าท่านโชคดีได้รับใช้พวกขาใหญ่  อย่างผู้อาวุโสและศิษย์เอก  บางทีท่านก็จะได้ผลประโยชน์จากพวกเขาเหล่านั้น  ไป่หลานหลานคือหนึ่งในตัวอย่างนั้น  นางถูกเลือกให้ไปรับใช้ผู้อาวุโสไป่เพียงเพราะมีแซ่เดียวกัน  ผู้อาวุโสไป่ถ่ายทอดวิชายุทธเล็กน้อยให้นาง  แต่คำว่าเล็กน้อยสำหรับขาใหญ่  คือชิ้นปลามันที่ศิษย์ทั่วไปในสำนักจ้องมองจนตาโตเท่าไข่ห่าน

พวกศิษย์ชั้นในและศิษย์เอกไม่มายุ่งกับกิจการทั่วไปของสำนัก  พวกนางฝึกปรือวิชาฝีมือ  ออกไปผจญภัยสร้างชื่อเสียง  และประลอง  ประลอง  ประลอง  กับพวกนายน้อยที่หยิ่งยโสจากสำนักอื่น ๆ  น่าเบื่อใช่มั้ยล่ะ  แต่ทว่าชีวิตแบบนี้เป็นที่น่าอิจฉาของพวกศิษย์ชั้นนอกและผู้บำเพ็ญพรตพเนจร  เพราะพวกนางจะได้รับการคุ้มครองจากสำนัก  พวกนางสามารถยื่นกระบี่ออกไปแล้วพูดว่า  เพ้ย  หากพวกเจ้าไม่เห็นแก่หน้าสำนักวารีพิสุทธิ์  ข้าจะสั่งสอนพวกเจ้า

ใช่แล้วล่ะ  มันคือยันต์คุ้มกันภัย  คือไม้ไล่หมา  ไม่ให้ปลาเล็กปลาน้อยเข้ามาวอแว  แต่ในขณะเดียวกันมันก็คือภาระที่พวกนางจะต้องแบกรับชื่อเสียงของสำนัก  และนั่งกังวลเรื่อง ‘หน้า’ ตลอดเวลา  ว่าใครให้หน้าและใครไม่ให้หน้า  เพราะหน้าของพวกนางก็คือส่วนหนึ่งของหน้าของสำนัก

ซีคงหยูก็เป็นคนหนึ่งที่ฝันเฟื่องถึงการเป็นศิษย์ชั้นใน  เขานึกภาพตนเองนำเหล่าศิษย์น้องหญิงในชุดขาวของสำนักออกผจญภัย  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาไปเจอหลี่โอ๋อวิ๋น   เขาจะได้บอกว่า  เพ้ย  เจ้าคางคกหลี่โอ๋อวิ๋นนี่หยิ่งจองหองนัก  มันบังอาจอยากกินเนื้อห่านฟ้าอย่างศิษย์พี่  ศิษย์น้องหญิงที่น่ารักทั้งหลาย  ใช้คุณธรรมรุมยำตีนกันเถอะ

แต่การฝันเฟื่องอย่างเดียวไม่ได้ทำให้เขาเป็นยอดฝีมือ  เขาจึงเริ่มลงมือฝึกวิชาทันที  โดย...

“หลิวเกา  ข้าขี้เกียจออกไปนอกห้อง  เจ้าไปยืมตำราฝึกวิชาขั้นต้นที่หอสมุดมาซิ”

“หลิวเกา  โคจรปราณนี่ทำยังไง  มันดูน่าเหนื่อยจัง  เจ้าทำให้ดูหน่อยซิ  ถ้าข้าอารมณ์ดีเดี๋ยวจะทำตาม”

“หลิวเกา  ฝึกกล้ามเนื้อนี่มันต้องวิดพื้นกับโหนบาร์ด้วยเรอะ  มันจะได้ผลจริงเร้อ  ข้าขี้เกียจทดลอง  เจ้าลองทำดูซิ”

“เสี่ยวหมี  เพลงหมัดนี้มันแปลก ๆ นะข้าว่า  เหมือนเป็นวิชาหลอกให้คนเสียเวลา  เจ้าลองฝึกให้ดูหน่อย  ถ้าได้ผลเดี๋ยวข้าตาม”
“อ๊อออออออ!”

เวลาผ่านไปสองเดือนกับยี่สิบวัน  คุณชายสามนอนกินเชอรี่และอ่านปูมบันทึกเรื่องประหลาดของยุทธภพที่สนามหญ้าในบริเวณที่พัก  ตอนนั้นเป็นยามบ่ายอ่อน ๆ  เสี่ยวหมีขยับอุ้งมือรำหมัดอยู่ใต้ต้นสน  ขณะที่หลิวเกาซึ่งผอมลงไปมากและเห็นกล้ามเนื้อขึ้นเป็นเลา ๆ  คอยพัดวีให้กับนายน้อย

“นายน้อย”  หลิวเการ้องเรียกพลางขมวดคิ้วอย่างเป็นกังวล  “เหลืออีกไม่กี่วันก็จะมีการประลองคัดเลือกศิษย์แล้ว  นายน้อยฝึกวิชาไปถึงไหนแล้ว”

แทงใจดำจึ้ก ๆ  ซีคงหยูพลิกตัวหนีทำเป็นไม่สนใจ  “เดี๋ยวสิ  ข้าอ่านเรื่องนี้จบก่อน  อย่าเพิ่งชวนคุยเรื่องซีเรียส  ฮ่า ๆๆ  เรื่องคางคกทองคำตัวนี้ตลกจัง   จอมยุทธหานอวี้นึกว่ามันเป็นทองจริง  ที่แท้ก็ทองชุบ”

“นายน้อย...”

เมื่อเห็นว่าเลี่ยงไม่ได้  คุณชายสามเลยพลิกตัวกลับมาอีกที  “เฮ้อ  ข้าคงไม่มีพรสวรรค์  เลยรวบรวมพลังปราณไม่ได้”

“ไม่จริงนายน้อย  บ่าวว่านายน้อยแค่ไม่มีความพยายาม  วัน ๆ นายน้อยไม่เห็นจะทำอะไรนอกจากอ่านหนังสือแล้วหัวเราะคิกคัก”

ฟัค!!   นี่เจ้าแอบสตอล์คข้าใช่มั้ย  ทำไมหยั่งรู้ชีวิตข้าจนหมดเปลือก!

“นายน้อยรู้มั้ยว่า  เสี่ยวหมีสำเร็จวิชาหมัดวารีดำเนินขั้นสองแล้ว”

“อื้อฮึ”

“บ่าวเองก็สร้างเนื้อหนังขึ้นระดับหินทรายขั้นต้น”

“อื้อฮึ”

“พลังปราณของบ่าวอยู่ในระดับตะวันขึ้นสายขั้นต้นเกือบขั้นกลาง”

“อื้อฮึ”

“แล้วนายน้อยไม่คิดจะทำอะไรเลยหรือ”

“คิดสิ  ข้าก็คิดตลอดเวลา   ถ้าการนั่งคิดทำให้ข้าสำเร็จวิชาได้  ป่านนี้ข้าเข้าถึงระดับจันทราเลื่อนลอยแล้ว”

“นายน้อยต้องลงมือทำด้วย  ฝึกวิชาไม่ยากเลย  มันมีฮาวทูบอกเป็นขั้น ๆ  ทำ ๆ ไปตามที่เขาบอก  พลังพรตก็ขึ้นปรี๊ด ๆ เอง”

“เฮ้อ  มันยากตรงที่ข้าไม่มีแรงบันดาลใจน่ะสิ”

“นายน้อยอยากได้แรงบันดาลใจมั้ย  อ่ะ  บ่าวให้....หลี่-โอ๋-อวิ๋น”

“เฮฟเว่นอะโบฟ!!”

“นายน้อยอย่าลืม  ว่าคู่หมั้นของนายน้อยอาจจะมาท้าประลองได้ทุกเมื่อ  ถ้านายน้อยไม่ฝึกพลังฝีมือ  นายน้อยจะเอาชนะเขาได้ยังไง”

“เฮ้อ  ระดับของข้ากับเขามันห่างกันเกินไป  ป่านนี้ไอ้ผู้แซ่หลี่คงเข้าสู่เขตแดนจันทราเลื่อนลอยแล้ว”

“นายน้อยต้อง  พยายาม  พยายาม  พยายาม  และพยายาม  แล้วนายน้อยจะไปถึงคาเนกี้ฮอลล์”

“มันคืออะไรฟระ  ข้าก็อยากจะพยายามแต่ข้าไม่มีไฟ  เจ้าไม่เคยได้ยินเต๋าแห่งเส้นตายหรอ  เวลาที่ใกล้เดดไลน์  ไฟมันจะโชติช่วงเป็นพิเศษ  ข้าเชื่อว่าในสิบวันที่ข้ามีไฟลุกโชนอย่างเต็มที่  ข้าจะต้องสำเร็จพลังพรตแน่ ๆ”

“ฮี่ ๆ”

ซีคงหยูปรายตามองเมื่อเห็นอีกฝ่ายหัวเราะอย่างไม่เชื่อ  เขาจึงโยนหนังสือไว้ข้าง ๆ ตัวแล้วร้องเรียก

“เสี่ยวหมี”

“อ๊อออออออ!!”

“พวกเราไปหาประสบการณ์พิสดารกัน”  (1)


(1)   ประสบการณ์พิสดาร = fruitful encounter  แบบพระเอกนิยายจีนตกเขาเจอยอดวิชา  เจอของวิเศษ  อะไรประมาณนั้น


++++++++


ประสบการณ์พิสดารที่คุณชายสามของเราเล็งเอาไว้ก็คือ  การหน้าด้านเข้าไปขอยอดวิชาจากผู้อาวุโสประจำสำนัก  ฮี่ ๆ 
ซีคงหยูขี่หมีดำเดินทอดน่อง  และเปิดแผนที่ของสำนักไปด้วย

“ผู้อาวุโสเส้าหยูเสวียน  ข้าไม่รู้จักแฮะ  ฟังชื่อเหมือนพวกนางชี  ดูคนต่อไปดีกว่า”

เขาพลิกมองหาถ้ำเซียนของผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ในแผนที่  “ผู้อาวุโสชวงลี่เอ๋อ  ชื่อน่ารักจัง  แต่ข้าก็ไม่รู้จักอีกนั่นแหละ”

“ผู้อาวุโสหมิงอวี้กว๋อ  ผลไม้หยกหรอ  ชื่อน่ากินจัง  แต่ข้าก็ไม่รู้จักอีกนั่นแหละ”

“ผู้อาวุโสไป่หลินหลิง  คนนี้นี่เอง  แต่ที่พบกันวันนั้นนางดูเป็นคนซีเรียสจังเลย  นางจะยอมช่วยข้ามั้ยเนี่ย  นางบอกไม่ชอบคนประจบอีก  งั้นเราคุณชายต้องทำตัวไม่พินอบพิเทา  และก็ไม่หยิ่งยโส” (2)

ซีคงหยูคิดบทพูดในใจแล้วก็กระตุ้นให้หมีดำพาตนไปยังถ้ำเซียนที่หมายตาไว้
 
(2)   Not arrogant, nor servile

ซีคงหยูแอบซุ่มหลังต้นไม้หน้าถ้ำเซียนของไป่หลินหลิง  เขาคอยแอบดูลาดเลาจังหวะที่พวกศิษย์รับใช้เผลอ  โดยเฉพาะนางมารร้ายไป่หลานหลาน  เขาตัดสินใจที่จะเรียกไป่หลานหลานเช่นนั้น..ในใจ  เมื่อพบว่าทุกคนในสำนักเรียกเขาว่าศิษย์น้องลุงกันหมด  แม้กระทั่งพวกศิษย์พี่ที่อายุมากกว่า

คุณชายสามทำเสียงชู่ให้เสี่ยวหมีทำตัวเงียบ ๆ ไม่กระโตกกระตาก   นอกจากวิชาหมัดวารีดำเนิน   เสี่ยวหมียังได้เรียนวิชาจิ้งหรีดพรางตัวอีกด้วย  ทำให้มันสามารถซ่อนพลังชีวิตและพลังปราณได้ในระดับหนึ่ง

แต่ทันใดนั้น  ก็มีมือมาวางบนบ่า  คุณชายสามสะดุ้งสุดตัว  และหันขวับ

เขากำลังจะตะโกนด้วยความตกใจ  แต่อีกฝ่ายเอามืออุดปากและทำเสียงชู่ววว

ซีคงหยูเบิกตากว้างมองอีกฝ่าย  เมื่อหายตกใจ  อีกฝ่ายก็ปล่อยมือที่ปิดปากเขาไว้  ศิษย์น้องลุงแห่งสำนักวารีพิสุทธิ์ถามทันทีด้วยเสียงกระซิบ

“เจ้าเข้ามาได้ยังไง  สำนักนี้ห้ามผู้ชายเข้า”

“ฮ่า ๆๆ  แล้วเจ้าล่ะเข้ามาได้ยังไง  เจ้าก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน  เอ๊ะ  หรือเจ้าไม่มีจู๋”

ซีคงหยูเอามือกุมเป้าตัวเองทันทีเมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะพิสูจน์

“ข้าก็มีจู๋เหมือนกับเจ้านั่นแหละ  และข้าเข้าสำนักมาอย่างองอาจประดุจพญาราชสีห์  เพราะผู้อาวุโสไปก้มหัวขอร้องให้ข้ามาเป็นศิษย์ชายคนแรกของสำนัก”  ซีคงหยูทุบอกตัวเองบึก ๆ อย่างภาคภูมิใจ

“โฮ่  อย่างงั้นเรอะ”

“แล้วเจ้าล่ะเป็นใคร”  คุณชายสามถามพลางกวาดตามองขึ้น ๆ ลง ๆ  หมอนี่ก็หล่อดี  ไม่สิ  หล่อมาก  ปากนิดจมูกหน่อย ใบหน้าขาวราวหยก  ดวงตาเรียว  และมีรอยยิ้มที่มั่นใจในตัวเอง

“ถ้าเจ้าอยากรู้  ข้าจะชี้แจงแถลงไข   เพื่อปกป้องไม่ให้โลกถูกทำลาย  เพื่อความสงบสุขของยุทธภพ  นามข้านั้นก็คือ...”  อีกฝ่ายนิ่งคิดครู่หนึ่ง  “..หวางเซียนเหลย  ราชาผู้วิเศษสายฟ้า  ไวท์โฮลลล”

ไอ๊หยา!!  เดี๋ยวนี้ต้องแนะนำตัวอย่างมีสไตล์แบบนี้แล้วหรอ  ฉันตามแฟชั่นไม่ทันแล้วพี่จ๋า

“ข้าชื่อซีคงหยู  แล้วพี่ชายหวางมาทำอะไรที่นี่”

“โฮ่  เจ้าพูดเหมือนไม่รู้จักไป่หลินหลิง”

“ข้าต้องรู้จักแน่อยู่แล้ว  ผู้อาวุโสไป่คือคนที่เชิญข้ามาที่สำนัก”

“แต่เจ้าต้องไม่เคยเห็นหน้านาง  เจ้าถึงไม่รู้ว่านางนั้นคือโฉมสะคราญสุดยอดของแดนดิน  ความสวยของนางทำให้กระรอกหัวใจวายตายคาต้นไม้  และปลาหลีก็ถึงกับลอยหงายท้องด้วยความเสียใจที่งามไม่ได้เศษธุลีของนาง  และตัวข้านั้นก็คือคนที่ตกในห้วงรัก  ข้ามาเพื่อสารภาพความในใจอันร้อนรุ่มแก่แม่นางไป่  เจ้าไม่ได้มาด้วยจุดประสงค์เดียวกับข้าก็ดีแล้ว  มิเช่นนั้นข้าคงต้องกำจัดเจ้าซะ”

หวางเซียนเหลยพูดพลางใช้นิ้วโป้งงัดกระบี่ออกจากฝักเล็กน้อยเป็นการขู่

เมื่อซีคงหยูเห็นกระบี่ในมือชายหนุ่มคนนั้น  เขาก็ตาเหลือกด้วยความตกใจ 

“กระบี่...กระบี่นี้...”

เมื่อรู้ว่าตัวเองพลาด  หวางเซียนเหลยรีบใช้แขนเสื้อบังหัวมังกรที่ด้ามกระบี่  แต่สายไปเสียแล้ว

“หยะ..อย่าบอกนะว่า”  คุณชายสามพูดอย่างตกใจ  “กระบี่นี้เป็นกระบี่แบบผลิตขายเป็นเข่ง”

บิดาเจ้าสิขายเป็นเข่ง  ตระกูลเจ้าขายเป็นเข่งทั้งตระกูล   หวางเซียนเหลยด่าทอในใจ

“ไม่  กระบี่นี้มีเล่มเดียวในโลก”

“แล้วทำไมพี่ชายต้องแกล้งข้าตอนข้าปีนขึ้นเขาด้วย  ทำข้าตกใจแทบแย่”

“โอ้  ข้าเผลอทำกระบี่หลุดมือ”

“ฮ่า ๆ พี่ชายหวาง  ข้ารู้นะว่าท่านอิจฉาข้าที่ได้มีโอกาสใกล้ชิดผู้อาวุโสไป่  ท่านถึงแกล้งข้า  แต่ข้าไม่ถือสาหรอก  ท่านเป็นยอดฝีมือ  ย่อมมีความคิดอ่านต่างจากคนธรรมดา  กล้ารักกล้าเกลียด  นับถือ  นับถือ”

“โฮ่  เจ้านี่ใจกว้างดี  ว่าแต่เจ้ามาหาแม่นางไป่ทำไม”

 “สำหรับเรื่องนี้...”  ซีคงหยูลังเลเล็กน้อย   แต่ก็เล่าถึงต้นสายปลายเหตุเรื่องการท่องเที่ยวหาประสบการณ์พิสดารของเขาให้อีกฝ่ายฟังตั้งแต่ต้นจนจบ



++++++

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-09-2017 11:55:41 โดย Kirimanjaro »

ออฟไลน์ nightsza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-1
แล้วแบบนี้จะไปสู้ว่าที่สามี เอ้ย หลี่โอ๋อวิ๋น ได้ยังไงกันล่ะ

ออฟไลน์ พิศตะวัน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-3

ออฟไลน์ Grey Twilight

  • Moderator
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 392
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-17
ผมชอบงานเขียนของคุณคิริมันจาโรตั้งแต่เรื่องที่เป็น บันเทิงคดี แล้วนะครับ เพราะว่าคุณสามารถเขียนเรื่องและบรรยายได้ตรงกับ ‘ประเภทวรรณกรรม’ ที่ระบุไว้ได้ แถมยังมีเส้นเรื่องที่น่าสนใจมากด้วย อย่าง ‘เรื่องทางเพศ’ ก็เป็นอะไรที่ไม่ว่าผมจะกลับมาอ่านกี่รอบ มันก็สร้างเสน่ห์ได้อย่างน่าสนใจ คุณซ่อนนัยยะต่างๆไว้ในการบรรยายได้อย่างแยบยล (บางทีอาจแยบยลไปหน่อยนะครับ ผมอ่านมันมาสามรอบยังนัยยะบางอันไม่แตกเลย ฮะๆ) สมกับเป็นบันเทิงคดีที่ซ่อนความรู้ได้อย่างดีเยี่ยม

ในส่วนของเส้นเรื่อง คุณคิริมันจาโรก็วางคร่าวๆไว้ได้ดีมากนะ ผมประเมินจากเรื่องเก่าๆ ส่วนตัวผมคิดว่าคุณคิริมันจาโรไม่เก่งการใส่รายละเอียดในพล็อต แต่ถนัดการมองเห็นในมุมกว้าง อันนี้คงคล้ายๆกับผม ซึ่งข้อดีคือมันทำให้คนอ่านจะตื่นตัวได้ตลอดเวลา

สำหรับเรื่องนี้ เป็น Xianxia ที่คุณคิริมันจาโรทำออกมาแล้วผมก็ประทับใจตั้งแต่บทแรกเลยครับ เพราะอะไร? เพราะไม่ค่อยมีนิยายธีมจีนโบราณหรือธีมจีนที่ทำให้ผมอินได้สักเท่าไหร่ครับ (หัวเราะ) ผมคิดว่าด้วยลักษณะวรรณกรรมทำให้มันบรรยายแบบบางที Redundant เกินไป (สำหรับนิยายย้อนยุคโบราณ) หรือบางทีพล็อตก็สลับมากเกินไป แบบนิยายกำลังภายในรุ่นเก๋าๆ คือมันชอบเดินเรื่องแบบหนังสือ A song of ice and fire แต่บางทีก็สลับช่วงเวลา สลับเหตุการณ์ มันทำให้ผมปะติดปะต่อเรื่องไม่ค่อยได้ครับ อ่านแล้วงง พาลจนจะหยุดอ่านเอา

แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ คุณคิริมันจาโรเขียนโดยผสมการบรรยายเชิงทันสมัย (modern) ให้มันไม่ดูลึกเกินไปจนสัมผัสไม่ได้ นอกจากนี้ยังเป็นนิยายตลกที่ทำให้ผมขำได้แทบจะทุกตอนเลย นับถือครับ! มีนิยายไม่กี่เรื่องที่ทำผมกลั้นขำไม่อยู่ขนาดนี้นะ (หัวเราะ) อย่าง ‘ศิษย์น้องลุง’ เนี่ย คิดได้ไง! สุดยอด ผมนี่ขำจนปวดท้องเลย (ฮา) แถมเปิดเรื่องมา เจอตำราห้าลักษณะระบุว่าโคตรโกง ตาไข่ไก่กับตาห่าน นี่ก็ขำแทบตกเก้าอี้แล้วครับ แต่งเก่งจริงๆ ยกนิ้วให้

บุคลิกตัวละครในเรื่องแทบทั้งหมดก็มี sense of humor ได้อย่างน่าสนใจมากครับ ตลกกันได้ทุกคน กระทั่งพี่ใหญ่หรือท่านเจ้าสำนัก (ฮา) โดยเฉพาะน้องหมีของเรา น่าร้ากกกกกกกกก คือเปิดบทบรรยายผมก็ชอบแล้วครับ ขนฟูๆสีดำ ตัวนิ่มๆเดินช้าๆ แล้วก็นิสัยน่ารัก ตามเจ้าของต้อยๆ โดยเขาให้ทำอะไรก็เป็นลูกคู่ แต่ก็มีมุมร้องประท้วงน่ารักๆอีกแน่ะ โอย ยังกับหมีแพนด้าตัวเล็กๆ น่าเล่นที่สุด (หัวเราะ) แถมยังคล้องกับชื่อเรื่องอีกนะ เทพยุทธ์หมีดำในตำนาน โอย ฮาครับ คุณชายสามไปแต่งงานกับสามีไป๊ (เรื่องคือสงสารบ่าว โถ... มีความซื่อและจงรักภักดีกับเจ้านายติงต๊องก็อย่างนี้ละนะ ขอให้ว่าที่สามีของเจ้านายใจดีกับคุณบ่าวละกัน (ฮา))

มีคำถามนึงที่อยากถาม คืออยากรู้อายุของคุณเมฆผยองครับ (ไม่มีปัญญาจำชื่อจีน ยากเกินความสามารถครับ (หัวเราะ)) มันจะมี Age Gap ห่างกับคุณชายสามไหมเนี่ย ถ้ามาก เราไม่เชียร์! (ฮา) แต่ผมคิดว่าน่าจะอายุใกล้ๆกันนะ เพราะว่าปกติชาวยุทธ์ถ้าสำเร็จวิชานี่หน้าตาอ่อนกว่าอายุเยอะมากเลยล่ะ (เช่นเซียวเหล่งนึ่ง) ถ้าอายุเท่ากันนี่เราเชียร์ครับ! (ฮา) รีบๆตามมาเอาว่าที่ภรรยากลับไปได้แล้วครับ ผมเริ่มรู้สึกไม่ค่อยชอบขี้หน้าไป๋หลินหลิงขึ้นมาหน่อยๆแล้วล่ะ ผู้อาวุโสอะไรฟะ ทำไมติสท์ขนาดนี้ คือมันก็ดีนะในแง่เล่นการเมือง แต่ทำไมดูเหมือนนิสัยส่วนตัวจะเสียยังไงก็ไม่รู้แฮะครับ (หัวเราะ) ต้องให้พี่ใหญ่แห่งตระกูลซีคงมาปราบแล้วมั้ง จะได้ลบคำสบประสาทว่าจู๋สั้น (โอย ตรงนี้ก็ฮาครับ ท้องแข็งเลย) ในหมู่ผู้อาวุโส ผมกลับชอบผู้อาวุโสเส้านะ ดูคำพูดคำจาเปรี้ยวดี เออ กล้าด่าและกล้าตบ แต่ไม่กล้าสู้ด้วยวิชาดีเบต (ฮา) เหมือน Taylor swift แห่งเมืองจีน (หัวเราะ)

ผมว่านิสัยคุณชายสามนี่เกรียนใช้ได้เลยนะ น่าสนใจมาก มีความขี้เกียจเด่นชัดเป็นคาแรกเตอร์มากครับ (ฮา) อย่างฉากขึ้นบันไดก็เพียรพยายามหาช่องว่าง พอสำเร็จก็ดันหัวเราะชั่วร้ายอีกแน่ะ ยังจะไปเย้ยน้องหมีเขียวอีก (เกรียนจริ๊ง) ตอนฝึกวิชาก็ยังไม่วายแอบคิดด้วยความขี้เกียจ (หัวเราะ) ผมชอบนะครับ เพราะว่านิสัยแบบนี้มันพลิกพล็อตได้ตลอด แถมยังคาดเดาไม่ได้ แล้วก็เป็นนิสัยของตัวเอกที่ไม่ Heroic เกินไป ไม่เหมือนกับฝั่งคุณสามี อื้อหือ ฉากชักกระบี่กับแสดงพลังยุทธ์นี่เทิดฟ้าท้าดินมาก เป็นระดับสูงซะด้วย (ความจริงไอ้ฉากต่อปากต่อคำกับไป๋หลานหลานนี่ก็เกือบจะเท่นะครับ ‘ได้ยินชื่อเสียงสำนักวารีพิสุทธิ์มานานว่าชอบทำลายความสุขหนุ่มสาว แต่ไม่เห็นต้องทำขนาดนี้’ แต่ทำไมผมขำก็ไม่รู้อะ (หัวเราะ) นี่สงสัยควันออกหูมากที่ไม่ได้แต่ง สงสัยจะมีประเด็นเรื่องชอบคุณชายสามมานาน บังเอิญว่าเต๋าแห่งความขี้เกียจของคุณชายสามจะทำให้มองอะไรไม่เห็นเลย (หัวเราะ) ยิ่งคุณชายสามไปแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ ผมว่าฉากนี้มันแฟนกันทะเลาะกันชัดๆ (ฮา))

อีกนิดคือ...ที่คุณชายสามคิดว่าตัวเองเป็นเนื้อห่านฟ้าน่ะ ไม่เถียงนะครับ แต่เผอิญว่าคุณเมฆผยองนี่คงไม่ใช่คางคกอย่างที่คุณชายสามปรามาสน่ะนะครับ อาจจะเป็นมังกรหรือเหยี่ยวหรือราชสีห์ อะไรทำนองนี้นะครับ (ฮา)

แต่ก็ยังมีบางจุดที่อยากแนะนำนะครับ คือหนึ่ง ความยาวต่อตอน ผมไม่อยากให้ตัดเป็นช่วงๆ คือเข้าใจว่าตัดบางช่วงมันจะทำให้อารมณ์อิ่มตัวพอดีและอยากรู้ตอนต่อไป แต่บางทีมันก็สั้นไปน่ะครับ ให้เป็นตอนๆแล้วความยาวเหมาะสมดีกว่า ใช้คั่นด้วยเส้นคั่นเอา มันก็ตัดจุดอารมณ์ได้ดีเหมือนกัน ไม่ต้องรีบแต่งรีบลงขนาดนั้น ถ้านิยายมันดี (ซึ่งเรื่องนี้ผมกล้าประกันว่ามันดี) รอนิดหน่อยไม่ใช่ปัญหาครับ อีกเรื่องคือเรื่องเว้นบรรทัด อยากให้เว้นบรรทัดให้สบายตาหน่อยครับ (แบบโพสที่สองหรือโพสที่สามเนี่ยแหละครับ เว้นบรรทัดหน่อย ถ้าติดกันเป็นพรืดไปหมด อ่านแล้วมันไม่ค่อยมีช่วงจังหวะหยุดหายใจ หรือให้ซึมซับกับรายละเอียดของเรื่องเต็มที่น่ะครับ) ตอนล่าสุดเห็นว่ามีอธิบายอะไรเพิ่มด้วย ตรงนี้โอเคแล้วครับ แต่แทรกไว้ด้วยดอกจันแล้วแต่งสีหน่อยก็จะทำให้สะดุดตามากขึ้น ไม่กลืนไปกับเรื่อง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-08-2017 10:40:07 โดย Grey Twilight »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
หยูเอ๊ย........... :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
เอาแต่ขี้เกียจ นี่ก็ไม่ทำ นั่นก็ไม่ฝึก
ให้หลิวเกาอวบอ้วนฝึก จนไขมันเปลี่ยนเป็นกล้ามเนื้อ   o22
แม้แต่เสี่ยวหมี ก็สำเร็จบ้างและ  :ruready   อ๊ออออออ
ก็คอยปาฏิหาริย์ของหยูนะ  :z3: :z3: :z3:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ april

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +239/-12
คุณKirimanjaro ดีใจที่กลับมาเขียนนิยายอีกค่ะ พอเห็นชื่อคนเขียนก็รีบกดเข้ามาอ่านเลย

ออฟไลน์ Kirimanjaro

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
nightsza:  5555  นั่นสิ   เสี่ยวหมี  หลิวเการีบฝึกวิชาเข้านะ  จะได้ไปตายแทนคุณชายสาม

พิศตะวัน:  :mew1:

Grey Twilight: เซียนเซี่ยยุคนี้ของทางจีนก็เป็นแบบนี้เยอะเลยครับ  เพราะในแง่หนึ่งมันก็คือไลท์โนเวล  ก็จะบรรยายน้อยและเดินเรื่องเร็วกัน  ถ้าคุณชอบอ่านแนวนี้  โดยเฉพาะเรื่องตลก  อยากแนะนำให้อ่าน Cultivation Chat Group ครับ  ตลกกว่าที่ผมเขียนเจ็ดเท่า

พล็อตสลับนี่ผมนึกออก  แนวโกวเล้งยุคหลัง ๆ เลย  ผมชอบอ่านนะ  แต่มันต้องใช้พลังมากในการตามเรื่องให้แตก  แต่ว่ามันต้องได้อ่านรวดเดียวยาว ๆ  ให้เห็นภาพรวม  ถ้าตามอ่านเป็นตอน ๆ ผมก็งงเหมือนกัน 555

เมฆผยองก็ราว ๆ 19-21 ครับ  เขาเป็นอัจฉริยะของสำนัก  ก็เลยสำเร็จฝีมือขั้นสูงตั้งแต่อายุน้อย  อายุห่างกันกับตาลุงคุณชายสามมากทำให้ตะขิดตะขวงก็ต้องขออภัยด้วยฮะ  แหะแหะ

ไป่หลินหลิงนางก็เป็นคนร้าย ๆ ตอนล่าสุดก็คงจะเห็น  ผมเขียนไปผมก็คิดว่า  ถ้าเจอในชีวิตจริงคงต้องแบบ..อีนี่ต้องตบ

ตัดเป็นช่วงนี่คือแต่งได้เท่านั้นแล้วก็ลงเลยครับ  กำลังเห่อนิยาย  ไม่ได้กั๊กตอนไว้เลย 5555+

♥►MAGNOLIA◄♥ :  ไม่อยากจะบอกเลยว่า  เอาชีวิตจริงคนเขียนมาเป็นชีวิตหยู  ฮือๆๆๆ


april: ดีใจที่ยังจำกันได้และติดตามกันครับ  ยินดีต้อนรับสู่เรื่องใหม่


++++++


“ฮ่า ๆๆๆ”  อีกฝ่ายหัวเราะเยาะอย่างไม่เกรงใจเมื่อฟังจนจบ  “น้องชายซีคงมีวิธีหาประสบการณ์พิสดารที่พิสดารไม่ใช่เล่น  หากข้าเป็นผู้อาวุโสสำนักเจ้า  คงจับเจ้าใส่ตะกร้อให้ช้างเตะลงเขา”

“ไอ๊หยา!  แล้วข้าควรจะหาประสบการณ์พิสดารยังไง”

“โฮ่  โดยทั่วไปคนเขาก็จะไปเข้าร่วมด่านทดสอบในมิติลี้ลับตามสถานที่ต่าง ๆ เพื่อหาของวิเศษ  ตัวยาล้ำค่า  หรือยอดวิชาที่หายาก”

ทั้งคู่เดินคุยกันห่างจากถ้ำเซียนของไป่หลินหลิง  พวกเขาลัดเลาะหลบไปหลังภูเขาที่รกร้างไร้ผู้คน  ข้างหลังภูเขามีป่าไผ่มรกต  ลำต้นไผ่เป็นสีเขียวแวววาวเหมือนแก้วผลึก  และใบมันก็เหมือนเปล่งประกายแสงเรื่อเรือง

“พี่ชายหวาง  ข้าไม่มีพลังพรตแม้แต่น้อย  แล้วผู้น้องจะไปแข่งกับคนอื่นได้อย่างไร   ข้าอยากได้ทางลัด  อย่างเช่น  ถ้าได้ยอดวิชาเต๋าแห่งการนอน  เต๋าแห่งความขี้เกียจ  เต๋าแห่งการผัดวันประกันพรุ่ง  เก้าลอเก้า  ข้าต้องสำเร็จเต๋าเหล่านั้นอย่างรวดเร็วแน่ ๆ”  คุณชายสามนับนิ้วพลางคิดใคร่ครวญอย่างจริงจัง

หวางเซียนเหลยขมวดคิ้วจนแทบจะพันเป็นเลขแปด  แต่แล้วก็หัวเราะฮี่ ๆ

“ทางลัดน่ะมี  แต่น้องชายซีคงจะกล้าหรือไม่”

“ผู้น้องล้างหูรอรับฟัง”

หวางเซียนเหลยมองซ้ายมองขวาให้แน่ใจว่าไม่มีคนแอบฟัง  แล้วโน้มตัวไปพูดใกล้ ๆ หู  “เจ้ารู้มั้ยว่า  แม่นางไป่มีศัตรูอยู่หนึ่งคน  ศัตรูคนนั้นก็คือ  ผู้อาวุโสเส้า...เส้าหยูเสวียน”

ซีคงหยูทำตาโตเมื่อได้รับฟังเรื่องการเมืองภายใน

“ศัตรูของนางในดวงใจข้าก็เหมือนศัตรูของข้า  เอาอย่างงี้มั้ยล่ะ  ข้าบังเอิญมียอดวิชาที่เหมาะกับเจ้า  เหมาะเจาะอย่างไม่มีที่ติ  ถ้าเจ้าได้ไป  วรยุทธต้องรุดหน้าเหมือนเอาคัมภีร์เทใส่น้ำร้อนปิดฝาไว้สามนาที  เก่ง”

“โอ้โหหหห”

หวางเซียนเหลยคลี่พัดจีบอย่างมีมาดแล้วเดินไปที่หน้าผาริมป่าไผ่

คุณชายสามรีบเดินตามแล้วถูมือไปมา   “พี่ชายหวาง  แล้วข้าต้องทำยังไงถึงจะได้ยอดวิชานั้นมา”

“ฮี่ ๆ  อย่างที่ข้าบอก  เจ้ากล้าพอหรือเปล่า  เจ้าจะต้องสั่งสอนนางจิ้งจอกแซ่เส้า  ว่าอย่ามาแหยมกับแม่นางไป่”

“ไอ๊หยา  พี่ชายหวาง  นั่นน่ะผู้อาวุโสสำนักเลยนะ  ท่านจับมวยผิดรุ่นแล้ว”

หวางเซียนเหลยฟังแล้วก็เบือนหน้ากลับมามองด้วยหางตา

“เจ้าเคยได้ยินคำเปรียบเปรยเรื่องช้างกับมดมั้ย  มดหลายตัวก็รุมกัดช้างตายได้”

“โอ้  งั้นข้าก็คือมดสินะ”

“โน  เจ้าคือสิ่งชีวิตต่ำชั้นกว่านั้น  อย่างเห็ดราเป็นต้นฯ  แต่..”  อย่างไม่รอให้ซีคงหยูประท้วง  หวางเซียนเหลยรีบกล่าวต่อ  “ถ้าเจ้ารวบรวมฝูงมดได้มากพอ  ก็จะสามารถกัดช้างให้เจ็บ ๆ คัน ๆ ได้”

“พี่ชายหวางกำลังจะบอกว่า..”

“ฮ่า ๆๆ  ริจะประกอบอาชญากรรม  ก็ต้องมีการจัดตั้งองค์กร  แผนระยะแรกของพวกเราคือการรวบรวมกำลังคนและอิทธิพลในสำนักวารีพิสุทธิ์  เราจะตั้งพรรครีดไถเรียกค่าไถ่  และมุ่งก่อกวนพวกศิษย์ของเส้าหยูเสวียนเป็นพิเศษ”  หวางเซียนเหลยหันมากอดคออีกฝ่ายแล้วพาเดินกลับจากหน้าผาไปที่ป่าไผ่

“พี่ชาย..แต่ข้ามันคนโนเนม”

หวางเซียนเหลยรวบพัดในมือแล้วเอาเคาะหัว  “เจ้านี่มันเงื่อนไขเยอะซะจริง  เอ้านี่”  เขาล้วงของจากอกเสื้อแล้วโยนให้จนซีคงหยูรับแทบไม่ทัน   “นี่คือป้ายหยกแทนตัวของข้า  ข้าพอมีเส้นสายในสำนักอยู่บ้าง  ถ้าเจ้าแสดงป้ายนี้ให้แก่ศิษย์ในสำนัก  พวกนางจะปฏิบัติตามที่เจ้าบอก  เฮ้  อย่าแทะป้ายสิ”

หวางเซียนเหลยแทบน้ำตาตกเมื่อเห็นอีกฝ่ายเอาป้ายหยกคุนเผิงน้ำเงินไปแทะพิสูจน์

“ข้ากลัวเป็นของเก๊อ่ะ”

“....”


+++++++++



คุณชายสามขี่หมีดำกลับเรือนพักศิษย์ใหม่อย่างองอาจ  เมื่อถึงสนามหญ้าที่หลิวเกากำลังฝึกร่างกายอยู่  เขาก็ประกาศว่า
“ข้าได้กลับมาจากการพิชิตทวีปดิน1  เจอประสบการณ์พิสดารที่โพ้นทะเล  พบพานยอดเซียนผู้มากไปด้วยฤทธิ์  และกลับมาพร้อมกับสมบัติเต็มลำเรือ”

“ยินดีด้วยนายน้อย  ยินดีด้วยนายน้อย”  หลิวเการีบลุกไปพินอบพิเทาตามบท  แต่แล้วก็เหล่มองดวงอาทิตย์  “แต่นี่ยังไม่ถึงชั่วยามเลย  นายน้อยแน่ใจนะว่าได้ออกไปผจญภัยแล้วจริง ๆ ไม่ใช่แวะไปฉี่ข้างทาง”

“ฮี่ ๆ  ยินดีด้วย  ศิษย์น้องลุงซีคง”

เสียงดังมาจากข้างหลัง  ซีคงหยูหันขวับบนหมี  จากนั้นประสานมือคารวะ 
“ศิษย์พี่หญิงหวู”

“ข้าแวะเอาตารางการประลองคัดเลือกมาให้  และก็อยากไต่ถามศิษย์น้องว่า ธีสิสถึงไหนแล้ว  ฝึกวิชาถึงไหนแล้ว”

“ฮ่า ๆๆ  เรื่องนี้...”  คุณชายสามหัวเราะค้างแล้วก็กระแอมไอ  ทำไมคนเดี๋ยวนี้ชอบจี้ใจดำกันนักนะ  ช่างไร้หัวจิตหัวใจกันเสียจริง

“แต่ได้ยินว่าศิษย์น้องพบเจอประสบการณ์พิสดาร  สงสัยคงไม่ต้องห่วงแล้วล่ะมั้ง”  หวูชิงหรูพูดสายตาวาววับ  คนฉลาดอย่างนางเห็นก็รู้ว่าซีคงหยูยังฝึกวิชาไม่ถึงไหน

“เฮ่อ  พูดแล้วก็น่าอาย  ประสบการณ์พิสดารของข้าไม่ใช่ยอดวิชาโดยตรง  แต่ข้าได้รับการมอบหมายจากยอดคน  ให้ทำงานอันสูงส่ง  คุ้มครองยุทธภพ  ผดุงธรรมแทนสวรรค์”

“อื้อหืออ”  หวูชิงหรูร้องอย่างสนใจ  นางไม่ค่อยเชื่อนักหรอก  แต่ก็อยากฟังว่าศิษย์น้องลุงคนนี้จะโม้ว่าอะไร

“ศิษย์พี่หญิงหวู  ได้พบพานกันนับเป็นวาสนา  ในเมื่อเราสองมีวาสนาผูกพัน   ศิษย์พี่หญิงมาเป็นสมาชิกพรรคคนแรกของข้าดีมั้ย”

หวูชิงหรูขมวดคิ้ว  แต่ไม่ทันจะเอ่ยปากปฏิเสธ  ซีคงหยูก็ควักป้ายหยกออกจากอกเสื้อ

“นี่คือป้ายประกาศิตแทนตนของยอดคนผู้ลึกลับ  ท่านบอกว่าเมื่อยกป้ายขึ้นพลทหารนับแสนจะคุกเข่ารับบัญชา  เอ๊ะ  จริงมั้ยวะ”

“ป้ายนี้มัน...”  หวูชิงหรูอึ้งไปพักหนึ่ง  จากนั้นเมื่อขบคิดต้นสายปลายเหตุในสมอง  บวกกับการรู้ว่านิสัยแต่ผู้อาวุโสแต่ละคนเป็นอย่างไร  นางก็เริ่มหัวเราะ

หวูชิงหรูหัวเราะจนตัวงอ   ขณะที่คุณชายสามเกาหลังคอด้วยความอาย

“ทำให้ศิษย์พี่หญิงต้องหัวร่อเยาะเสียแล้ว  ที่แท้ป้ายหยกนี้ก็ของปลอม  ข้าก็ว่าอยู่แล้วว่าทำไมข้าจะโชคดีขนาดนั้น เลยลองทดสอบกับศิษย์พี่หญิงด้วยการเล่นใหญ่รัชดาลัย  เฮ้อ  โยนทิ้งดีกว่า”

“ฮ่า ๆๆๆ  อย่าโยน  นั่นป้ายของจริง  ข้าหัวเราะเพราะหมีของเจ้าน่ารักดี  ฮ่าๆๆๆ”

นางปัดหลังมือเช็ดน้ำตาที่เล็ดจากการหัวเราะ  แล้วเงยหน้าถาม

“ยอดคนที่ศิษย์น้องว่า  ต้องเป็นคุณชายรูปงาม  สวมเสื้อคลุมสีน้ำเงิน  ถือพัดไม้กฤษณาและกระบี่ใช่หรือไม่”

“โอ้  ศิษย์พี่หญิงประสบการณ์กว้างขวาง  ท่านรู้ได้อย่างไรล่ะเนี่ย”

“ฮี่ ๆ ยอดคนผู้นั้นมีชื่อเสียงโด่งดังมาช้านาน  ในเมื่อศิษย์น้องอยากให้ข้าเข้าพรรค  ก็เป็นอันว่าตกลง”

“ง่าย ๆ อย่างงี้เลยน่ะหรอ  งั้นแปะมือเป็นสัญญา”

คุณชายสามปีนลงจากหลังเสี่ยวหมีแล้วไปแปะมือกับหวูชิงหรู   นางยิ้มเป็นนัย  ประกายตามีแววระยิบระยับเหมือนกำลังทำเรื่องสนุก

“เดี๋ยวศิษย์พี่จะช่วยหาดาวไลน์ให้  ศิษย์น้องลองติดต่อรวบรวมคนอื่นอีกดู  แต่อย่าไปยุ่งกะไป่หลานหลาน  นางเป็นคนเคร่งเครียด  คงไม่มาเล่นด้วยกับพวกเรา”

“โอ้  ข้าก็ว่าอย่างงั้น”

ซีคงหยูรู้สึกสนิทกับศิษย์พี่หญิงคนนี้เข้าไปอีก  เมื่อทั้งสองคนแบ่งปันคำนินทานางมารร้ายแซ่ไป่


+++++


และในมุมต่าง ๆ ของสำนักวารีพิสุทธิ์ในวันนั้น

“ศิษย์น้องหญิงจาง  ข้ามีข้อเสนอที่เจ้าไม่อาจปฏิเสธได้”

“ศิษย์น้องหญิงเหยียน  เจ้าอยากเป็นสาวน้อยเวทม..  เพ้ย..สมาชิกพรรคหรือไม่”

“ศิษย์พี่หญิงสวี  อย่าถามว่าพรรคจะทำอะไรให้ท่าน  แต่จงถามว่าท่านจะทำอะไรให้กับพรรค”



+++++



เส้าหยูเสวียนตบโต๊ะเขียนหนังสือจนแท่นฝนหมึกลอยขึ้นมาบนอากาศ  แล้วตวาดว่า

“เจ้าคนชั่วร้ายแซ่ไป่  เจ้ากล้าดีอย่างไร”

ไป่หลินหลิง   พรมนิ้วร่ายมนตรา  แท่นฝนหมึกและเครื่องเขียนที่ลอยขึ้นมาก็ลอยค้างต่อในอากาศ  จากนั้นจึงเลิกคิ้วมองผู้อาวุโสแห่งเก้าอี้ต้าเผิง

“ผู้แซ่เส้า  เจ้านี่มันไร้มารยาทเสียจริง  เข้ามาเอะอะโวยวายในห้องเขียนหนังสือของข้า   เด็ก ๆ  ลากตัวมันออกไปประหาร”

เส้าหยูเสวียนหัวเราะอย่างดุร้ายกับการเล่นสวมบทบาทของอีกฝ่าย  พวกศิษย์รับใช้ของไป่หลินหลิงไม่มีใครกล้าเข้ามาใกล้  เพราะตามที่เขาว่ากันว่า  เทพยดาตบตีกัน  หญ้าแพรกก็แหลกราญ  “ผู้แซ่ไป่  อย่าทำเฉไฉ  เจ้าให้ศิษย์ชายตั้งพรรคแบบนี้  หมายความว่าอย่างไร”

“ก็หมายความว่าข้าอยากตั้งพรรคล่าหัวเจ้ายังไงล่ะ  และข้าก็ทำอย่างเปิดเผยสุด ๆ ด้วย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”

“เพ้ย  เจ้าคนคดโกง  การตั้งพรรคมันคือส่วนหนึ่งของโจทย์การประลองศิษย์ครั้งนี้  เจ้าจะโกงก็อย่าเอาข้ามาอ้าง  ข้าจะไปฟ้องเจ้าสำนัก!”

เมื่อเห็นว่าโดนจับไต๋ได้  ผู้อาวุโสไป่จึงเปลี่ยนท่าที

“เฮ้  ศิษย์น้องหญิงเส้า  เอาอย่างงี้ดีมั้ยเล่า  ทำไมเราไม่แลกกันเป็นข้ออ้างเพื่อเตรียมศิษย์ของตนเองล่วงหน้า  เราสองคนไม่พูด  คนอื่นก็ไม่รู้  ศิษย์ของพวกเราจะได้เอาชนะศิษย์ของศิษย์พี่หญิงชวงและหมิงได้ยังไงล่ะ”

เมื่อเห็นไป่หลินหลิงมีท่าทีอ่อนลง  เส้าหยูเสวียนจึงกอดหน้าอกหน้าใจที่ล้นเหลือของนางแล้วแค่นเสียง หึ

“ศิษย์น้องหญิงเส้าลองคิดดูดี ๆ ต่อให้ไปเปิดโปงข้าต่อเจ้าสำนัก  แต่ถ้าข้ายืนกรานกระต่ายขาเดียวว่าไม่รู้ไม่เห็น  คิดว่าเจ้าสำนักจะทำอะไรข้าได้อย่างงั้นหรือ  อย่างดีข้าก็แค่ต้องเข้าห้องคุกเข่าสำนึกผิด  แต่พรรคข้าจะอยู่ต่อไป  แทนที่เราจะมานั่งทำลายกัน  เรามาแบ่งปันกันรวยไม่ดีกว่ารึ”

“หึ”

“ไม่เอาน่า  ข้าต้องโน้มน้าวเจ้าอีกรึ  ที่เจ้าไม่ไปหาเจ้าสำนักก่อนมาหาข้า  ก็เพราะตั้งใจจะมาดีลอยู่แล้วไม่ใช่รึ  ในสำนักนี้มีคนที่รู้ทันข้าจริง ๆ ก็คือศิษย์น้องหญิงเส้า  ดังที่เขาว่าคนที่รู้ใจที่สุดไม่ใช่คนรัก  แต่เป็นศัตรู  เจ้าว่าจริงหรือไม่”

“อือฮึ  ถือเสียว่ายกประโยชน์ให้เจ้าสักครั้ง  ผู้อาวุโสไป่..ข้าไปล่ะท่านไม่ต้องส่ง”

เส้าหยูเสวียนถอยออกไปจากห้องหนังสือของไป่หลินหลิงโดยไม่พูดอะไรอีก  และในเย็นวันนั้นก็มีข่าวลือว่ามีพรรคตั้งใหม่เพิ่มอีกพรรค  ชื่อพรรคนักล่าจิ้งจอกขาว

(ไป่ แปลว่าสีขาว)



+++++++++++



หญิงสาวในเสื้อคลุมคุนเผิงสีเขียวมีโหงวเฮ้วที่ดูอารมณ์ร้อน  แต่ด้วยวัยและฐานะของนางทำให้นางต้องคอยจิบชาเย็นให้อารมณ์เย็นอยู่เสมอ

ตรงข้ามกับนางคือสตรีวัยใกล้กลางคนในเสื้อคลุมคุนเผิงสีคราม  หมิงอวี้กว๋อแห่งเก้าอี้ฉีเซี่ย  เบื้องหน้านางคือชาร้อน  เพราะผู้คนว่านางอารมณ์เยือกเย็นเกินไป  จึงต้องรับธาตุร้อนเข้าร่างกายให้สมดุล

“เจ้ามีธุระอะไรหรือลี่เอ๋อร์”  ร่างในเสื้อสีครามถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“ศิษย์พี่หญิงใหญ่มีสติปัญญาล้ำลึก  เรื่องที่ลี่เอ๋อร์มาหา  ศิษย์พี่หญิงใหญ่คงเดาได้แต่แรก”

หมิงอวี้กว๋อไม่ตอบ  ได้แต่ยิ้มละไม

“เฮ้อ  พวกนางสองคนปกติเป็นศัตรูกัน  ไม่นึกว่าจะจับมือกันเสียได้”  เจ้าของเสื้อคลุมสีเขียวกล่าวพลางทอดถอนใจ

“เจ้าของเก้าอี้คุนเผิงสี่แปลงไม่มีชนชั้นธรรมดา”  หมิงอวี้กว๋อปริปาก  “เส้าหยูเสวียนดูเหมือนกับชอบทำอะไรมุทะลุไม่รู้จักคิด  แต่จริง ๆ แล้วนางก็คมในฝัก  โบราณว่าประเมินความสามารถของคนให้ประเมินจากศัตรูที่เขามี  เส้าหยูเสวียนและไป่หลินหลิงรบรากันมาหลายปี  ความนี้ก็น่าขบคิดอยู่”

“แต่ครั้งนี้พวกนางทำเกินไปแล้ว  เอาโจทย์ของสำนักออกไปบอกก่อนเวลาทดสอบได้อย่างไร”

“เฮ่อ ๆ  ลี่เอ๋อร์  เจ้าก็อย่าสนใจการแข่งขันของเด็ก ๆ เลย”

“ศิษย์พี่หญิงใหญ่  ท่านก็รู้ว่านี่ไม่ใช่การแข่งขันของเด็ก ๆ  ท่านก็รู้ข่าวลือว่าเจ้าสำนักกำลังจะวางมือ  ตอนนี้ทุกคนต่างพยายามทำตัวให้โดดเด่นเพื่อจะได้มีโอกาสเป็นเจ้าสำนักคนต่อไป”

เมื่อฟังดังนั้น  หมิงอวี้กว๋อก็ปรายตามองศิษย์น้องหญิงของตนผ่านขอบถ้วยชา

“ลี่เอ๋อร์  หรือว่าเจ้าก็สนใจตำแหน่งเจ้าสำนักอยู่เหมือนกัน”

ชวงลี่เอ๋อร์เม้มปาก  “ลี่เอ๋อร์มิกล้า  ลี่เอ๋อร์เพียงแต่เกรงว่า  ถ้าสำนักเราอยู่ภายใต้การนำของเด็กสองคนนั้น  คงต้องมีปัญหาแน่ ๆ  ลี่เอ๋อร์คิดว่า  คนที่สมควรเป็นเจ้าสำนักคนต่อไปที่สุดคือศิษย์พี่หญิงใหญ่  เพราะศิษย์พี่หญิงใหญ่เปี่ยมทั้งคุณธรรมและปัญญา  สำนักวารีพิสุทธิ์ภายใต้การนำของศิษย์พี่หญิงใหญ่จะต้องเจริญรุ่งเรืองและโดดเด่นที่สุดในทวีป”

หมิงอวี้กว๋อฟังคำสรรเสริญแล้วก็ไม่เหลิงลอย   มุมปากประดับรอยยิ้มละไมอย่างไรก็ประดับอยู่อย่างนั้นไม่เปลี่ยนแปลง  ชวงลี่เอ๋อร์กำชายเสื้อสีเขียวของตนเองเพื่อซับเหงื่อเย็นเยียบในฝ่ามือ  ด้วยไม่รู้ว่าศิษย์พี่หญิงใหญ่จะมองหยั่งเห็นใจจริงของตนหรือไม่

“ถ้าเจ้าเดือดร้อนกับเรื่องนี้  วิธีแก้ก็ง่ายนิดเดียว  พวกเราทุกคนก็ร่วมกันเปิดเผยโจทย์ก่อนเวลาให้กับศิษย์พร้อม ๆ กัน  เจ้าสำนักกำลังจะวางมือ  นางคงไม่อยากจะมาวุ่นวายเอาเรื่องกับเรื่องไร้สาระแบบนี้  แต่..”   นางวางถ้วยชาในมือลง  “..ประเด็นสำคัญไม่ใช่การแก้ปัญหาที่พวกนางสร้างไปทีละเปลาะ  แต่ปัญหาใหญ่คือการสร้างพันธมิตรระหว่างเส้าหยูเสวียนและไป่หลินหลิง  ถ้าพวกนางยังสุมหัวอยู่ด้วยกัน  เจ้าก็จะต้องเผชิญกับปัญหาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด”

“ลี่เอ๋อร์ขอบคุณที่ศิษย์พี่หญิงใหญ่ชี้แนะ”

“เรื่องเล็กน้อย  อย่าใส่ใจ  ข้าไม่ได้แนะนำวิธีแก้ด้วยซ้ำ  เพราะข้าไม่ได้สนใจการเมืองพวกนี้  ไม่ว่าพวกเจ้าหนึ่งในสามคนใครจะได้เป็นเจ้าสำนัก  ขอให้เว้นที่ว่างสักนิดให้ข้ายืน  ข้าก็พอใจแล้ว”

“ผู้ใดจะไม่รู้ดีรู้ชั่วขนาดคิดกำจัดศิษย์พี่หญิงใหญ่”  ชวงลี่เอ๋อร์พูดอย่างตกใจและเป็นเดือดเป็นร้อน

หมิงอวี้กว๋อยิ้มน้อย ๆ  และโบกมือเป็นสัญญาณส่งแขก



+++++
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-09-2017 11:56:34 โดย Kirimanjaro »

ออฟไลน์ Kirimanjaro

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0

ช่วงนี้พระเอกไม่มีบท  คนเขียนก็เศร้าเหมือนกันฮะ   :hao5:


+++++



หวูชิงหรูเป็นผู้จัดหาห้องประชุมให้กับพรรคปลาทูสีน้ำเงิน  ห้องนั้นเป็นห้องเล็ก ๆ ในถ้ำเซียนลับแห่งหนึ่ง  นางเป็นผู้ที่มีฐานะสูงสุดเมื่อเทียบกับสมาชิกพรรคคนอื่น ๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กหน้าใหม่ของสำนัก  จึงสามารถจัดหาสถานที่แบบนี้ได้

ซีคงหยูกวาดสายตาไปรอบ ๆ  มือข้างหนึ่งวางบนหัวของหมีดำที่หมอบอยู่เพื่อสร้างความน่าเกรงขาม  สร้างออร่าของประมุขพรรค  เด็กสาวคนอื่น ๆ นั่งอยู่รอบ ๆ โต๊ะกลมที่ทำจากไม้โอ๊ค  บางคนก็มีสีหน้าเบื่อหน่าย  บางคนก็มีสีหน้าตื่นเต้น   บางคนก็มีสีหน้าเฉย ๆ และบางคนก็มีสีหน้ากระสับกระส่าย

ทางด้านซ้ายมือของคุณชายสามคือศิษย์น้องจาง  หญิงสาวหน้าตาธรรมดาที่เขาเคยคุยด้วยตอนออกจากเมืองสุยอัน  คนถัดไปคือศิษย์น้องเหยียน  เด็กสาวอายุ 16  ถักผมเปียสองข้าง  ใบหน้ามีกระเล็กน้อย  จากนั้นคือศิษย์พี่สวี  นางดูเป็นคนใจเย็นและพิถีพิถัน  และอีกคนคือยัยหมีเขียว  เด็กสาวใบหน้าเล็กจิ๋วผมหน้าม้าสั้น  และส่งสายตาปั้นปึ่งมาให้คุณชายสาม  นอกจากนั้นก็เป็นศิษย์พี่หญิงหวูและเด็กสาวอีกสองคนที่นางชักชวนมา  ทั้งสองคนนี้เป็นฝาแฝด  ชื่ออาสิบหกและอาสิบแปด

“ขอเปิดเข้าสู่วาระการประชุมพรรคปลาทูสีน้ำเงินอย่างเป็นทางการ  พรรคของเราเป็นพรรคท้องถิ่นที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของสำนักวารีพิสุทธิ์”  ซีคงหยูกล่าวอย่างคล่องแคล่ว  ด้วยความที่ปกติแล้วเขาว่างงาน  เขาจึงเป็นรับเป็นพิธีกรให้กับงานแต่ง  และงานบูชาบรรพชนของญาติพี่น้องอยู่บ่อย ๆ

“จุดประสงค์ของพรรคเรา”   คุณชายสามนั่งยืดตัวให้ตรงขึ้นอีกและกวาดสายตาไปรอบ ๆ  “..ยังไม่ได้คิด  และนั่นแหละคือวาระการประชุมแรกของวันนี้  สำหรับผู้ก่อตั้งพรรคคือยอดฝีมือนามหวางเซียนเหลย  เขามีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับสำนักวารีพิสุทธิ์  พวกเจ้าคงเห็นป้ายหยกแล้ว”

‘เขายังไม่รู้ใช่มั้ย’

พวกสาว ๆ กระซิบกระซาบกันผ่านพลังปราณโดยไม่ต้องกลัวว่าซีคงหยูจะได้ยิน  เพราะศิษย์น้องลุงคนนี้ไม่มีวรยุทธ

‘ยังไม่รู้แน่ ๆ’

‘ผู้อาวุโสไป่อีกแล้ว  จะแกล้งอะไรเขาอีกล่ะ  น่าสงสารจัง’

‘น่าสนุกจะตาย  พวกเจ้ารอดูก่อนสิ’

“ถ้าพวกเจ้าไม่มีข้อเสนออะไร  ขอเข้าสู่วาระการประชุมแรก  จุดประสงค์ของพรรคเราคืออะไร”

หวูชิงหรูรีบยกมือขึ้น  “กินดื่มและรื่นเริงสำราญ”

สองฝาแฝดพยักหน้าอย่างเห็นด้วย  และเริ่มเอาจอกสุราขึ้นมารินจิบกันคนละอึกบนโต๊ะ

“มุ่งแสวงหาสัจธรรมของความรัก”  ศิษย์น้องเหยียนยกมือเสนอความเห็นอีกคน

“บำเพ็ญประโยชน์ให้กับสำนักวารีพิสุทธิ์  อย่างออกไปกวาดลานฝึกวิชา”  ศิษย์พี่สวีออกความเห็นอันถูกต้องตามทำนองคลองธรรมของตน

“เลี้ยงหมี..”   ยัยตัวแสบพูดก่อนเว้นไปอึดใจหนึ่งก่อนจะพูดต่อ  “..และต้องเป็นสีเขียว  หมีดำน่าเกลียด”  นางย่นจมูกส่งสายตามาจนเสี่ยวหมีร้อง อ๊ออออ

ซีคงหยูกุมขมับในใจขณะที่เสแสร้งเป็นสนใจความเห็นของทุกคนอย่างเต็มที่  ในที่สุดเขาก็หันไปมองหญิงสาวคนสุดท้ายที่ดูปกติธรรมดาที่สุดและนิ่งยิ้มอยู่โดยไม่ออกความเห็น

“ศิษย์น้องหญิงจางล่ะ  มีความเห็นว่าอย่างไร”

นางสบตาซีคงหยู  ยื่นมือมาข้างหน้าและค่อย ๆ วางบนโต๊ะเหมือนกับกำลังวางหมากรุกฆาต  “โจมตีพรรคนักล่าจิ้งจอกขาว”

ทุกคนหันไปมองนาง  ซีคงหยูรู้สึกสนใจจึงถามต่อ

“ทำไมเจ้าถึงคิดอย่างงั้นล่ะ”

“ถ้าศิษย์พี่ซีคงคิดไม่ออก  ก็ควรลาออกจากตำแหน่งประมุขพรรค”  นางทิ้งระเบิดมาลูกเบ้อเร่อ

“ศิษย์น้อง!”  ศิษย์พี่หญิงสวีผู้รักสงบร้องอย่างตกใจ  ขณะที่ยัยหมีเขียวตบมือหัวเราะร่า

“เอาไปเลย”  ซีคงหยูโพล่งออกไปผิดความคาดหมายของทุกคน  ไม่พูดเปล่า  นิ้วดีดป้ายหยกเผิงคุนสีน้ำเงินไปให้ด้วย

ป้ายหยกหมุนติ้ว ๆ จนเกือบตกโต๊ะถ้าจางชุ่ยฮัวตะปบไม่ทัน   นางมองหน้าคุณชายสามด้วยความงุนงง  คนผู้นี้อ่อนปวกเปียกขนาดนี้เลยหรือ

“ในฐานะประมุขพรรคคนใหม่  ขอเชิญศิษย์น้องหญิงจางดำเนินการประชุมต่อ”

จางชุ่ยฮัวรู้สึกเหมือนพลาดอะไรไปสักอย่าง  แต่ก็สลัดความคิดไป  และยืดตัวขึ้น  ขณะที่ซีคงหยูเอนตัวลงไปกับพนักเก้าอี้มากกว่าเดิม  หวูชิงหรูหัวเราะคิกคักกับสองฝาแฝด  และจางชุ่ยฮัวก็เริ่มรู้สึกกดดัน  เพราะกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ประหลาดและไม่ได้มีน้ำหนึ่งใจเดียวกัน  น่าจะคุมยากกว่าที่คิด

..แต่ถ้าไม่ท้าทายก็ไม่สนุกสิ

“ความผิดพลาดของศิษย์พี่ซีคงคือไม่การไม่รู้ว่าผู้อาวุโสไป่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด”

เมื่อได้ยินจางชุ่ยฮัวพูดอย่างเปิดเผย  ศิษย์น้องเหยียนก็เอามือปิดปากอย่างตกใจ

“และไม่แปลกอะไรที่ศิษย์พี่จะไม่รู้ว่าผู้อาวุโสเส้าอยู่เบื้องหลังพรรคนักล่าจิ้งจอกขาว”

ซีคงหยูยิ้ม  “จริง..ข้าไม่รู้”

“คำถามคือ  ทำไมผู้อาวุโสทั้งสองคนที่ไม่ถูกกันถึงต้องจัดตั้งพรรคนอมินีขึ้นมาในเวลานี้”

เมื่อฟังมาถึงตรงนี้  ศิษย์พี่สวีก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย  และหมดความรู้สึกต่อต้านที่จางชุ่ยฮัวจะเป็นประมุขพรรค

“ประเด็นสำคัญจริง ๆ ก็คือ..เวลา”  นางอนุมานช้า ๆ เพื่อให้ทุกคนตามทัน  “สิ่งที่สำคัญที่สุดในเวลานี้  คือการประลองศิษย์ใหม่  ข้าเชื่อว่าเรื่องทั้งหมดนี้..ถ้าเป็นเรื่องจริงจัง  มันต้องเกี่ยวกับการประลองศิษย์ใหม่”

หวูชิงหรูหยุดหัวเราะคิกคัก  และเริ่มเพ่งมองจางชุ่ยฮัวอย่างจริงจัง

“ศิษย์พี่หญิงหวูคงสงสัยว่าทำไมข้าถึงคาดเดาเรื่องพวกนี้  เพราะหลังจากที่ศิษย์พี่ซีคงเชิญข้าเข้าร่วมพรรค  ข้าก็เริ่มสืบสาวเรื่องทั้งหมดจากทั้งศิษย์ใหม่กลุ่มเราเอง  และกลุ่มอื่น ๆ  มันเป็นเรื่องบังเอิญเกินไปที่ผู้อาวุโสสองคนจะเล่นแผลง ๆ พร้อมกัน”

“แต่ว่าการตั้งพรรคมันเกี่ยวอะไรกับการประลอง”  ศิษย์พี่สวีถามอย่างสงสัย

“นั่นคือสิ่งที่ข้าก็สงสัย  การประลองควรวัดที่กำลังฝีมือ  ทำไมเราถึงต้องพยายามรวบรวมคนและสร้างระบบจัดการคน  มันดูคล้ายกับ...”

“...การเฟ้นหาเสนาธิการ”  ซีคงหยูโพล่งออกมา  ก่อนจะกระแอมอาย ๆ เมื่อทุกคนหันมามองเขา  เขาจึงอธิบายต่อ  “ข้ามีพี่ชายเป็นแม่ทัพ  เลยรู้สึกคุ้น ๆ  เจ้าอธิบายต่อเถอะ”

แต่จางชุ่ยฮัวไม่ปล่อยเขาไปง่าย ๆ  “ศิษย์พี่ซีคง  พวกเราเป็นเด็กสาวชาวบ้าน  ไม่ใช่ลูกสาวหรือน้องสาวแม่ทัพ”

“ฮ่า ๆ แต่เจ้าฉลาดกว่าข้านะ”

หญิงสาวผู้มีใบหน้าสามัญส่ายหน้าช้า ๆ  “ศิษย์น้องมีสิ่งที่สงสัย  อยากให้ศิษย์พี่ซีคงช่วยแถลงไข  อะไรคือส่วนสำคัญของสงคราม”

“ฝ่ายเรา?  ฝ่ายตรงข้าม?”

“คือพรรคปลาทูสีน้ำเงิน  กับพรรคอื่น ๆ  แต่ว่า...อะไรที่ทำให้เราต้องต่อสู้กัน”

ซีคงหยูไถคางตัวเองด้วยนิ้วโป้ง

ศิษย์น้องเหยียนรีบยกมือ  “ให้ข้าตอบได้มั้ย  ให้ข้าตอบ”

ทุกคนพยักหน้า  นางจึงพูดอย่างตื่นเต้น  “ความรัก!”

หวูชิงหรูที่กำลังจะหยิบองุ่นเข้าปากชะงัก  แล้วเปลี่ยนใจเอาไปปาศิษย์น้องเหยียน

“ทรัพยากร”  คุณชายสามพูด  เสี่ยวหมีเหลือบตามองอย่างประหลาดใจ  เหมือนกับเพิ่งเคยเห็นซีคงหยู

“อะฮ้า   แล้วอะไรคือทรัพยากรของสำนัก  ศิษย์พี่หญิงหวูคงรู้ดีที่สุด”

หวูชิงหรูมองประมุขพรรคพลางอมยิ้ม  แล้วชูนิ้วทีละนิ้ว  “มีสองอย่าง  อย่างแรกคือเงินทางโลก  อย่างที่สองคือเงินเซียน”

“แบบกระดาษเงินกระดาษทองที่เผาให้อาแปะอากงใช่ป่ะ”

หวูชิงหรูปาองุ่นใส่คุณชายสาม

“ดังนั้นอาจจะสรุปได้ว่า...”  จางชุ่ยฮัวยังคงทำหน้าที่ประมุขพรรคอย่างไม่บกพร่อง  “..โจทย์การประลองก็คือการที่เราอาจจะได้จัดการทรัพย์สินหนึ่งในสองอย่างนี้ของสำนัก  และเป้าหมายของการประลองก็คือการสร้างผลประโยชน์ให้มากที่สุดให้แก่สำนัก”

“ถ้าอย่างนั้น  แปลว่าไม่ได้วัดที่พลังฝีมือแล้วสิ”  ซีคงหยูพูดแล้วก็ทำท่าจะลุกขึ้นเต้นฉลอง

“ฮี่ ๆ”   หวูชิงหรูหัวเราะ

“ทำไมข้ารู้สึกว่าท่านกำลังเย้ยหยันข้าล่ะศิษย์พี่หญิงหวู  มีอะไรก็เคลียร์มาเสะ”

“ถ้าพวกเราต้องลงพื้นที่จริง ๆ มันจะซับซ้อนกว่าที่คิด”  ศิษย์พี่หญิงสวีเป็นผู้อธิบาย  “ถ้าเราเจออุปสรรคอย่างเช่นโจรผู้ร้าย  หรือผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น  เราก็ต้องใช้วิชาฝีมือปราบ  ยังไม่นับการที่พรรคอื่น ๆ โจมตีปล้นสะดมภ์เราอีกด้วย”

เมื่อเห็นศิษย์น้องลุงทำหน้าห่อเหี่ยวนางจึงกล่าวต่อ  “แต่เราก็ต้องการผู้มีความสามารถด้านอื่นด้วย  ทั้งการทูต  การบัญชี  การเจรจาต่อรอง”

“ศิษย์พี่หญิงกล่าวถูกแล้ว”  จางชุ่ยฮัวกล่าวสนับสนุน  “ดังนั้นการประลองครั้งนี้จึงเป็นการเฟ้นหาเสนาธิการ  เพราะหัวใจสำคัญคือการใช้คนให้ถูกงาน  ดังนั้นต่อไป  การเฟ้นหาสมาชิกพรรคของเราจะต้องมีเป้าหมายที่แน่นอนมากกว่าเดิม”



++++



“ทูซีเรียส  ซีเรียสมาก ๆ  เสี่ยวหมี  ข้านึกแล้วว่าข้าไม่เหมาะกับงานนี้”

ซีคงหยูบ่นเมื่อเดินออกจากที่ถ้ำเซียนที่ประชุมพร้อมกับหมีดำคู่ใจ

“แต่ว่านี่ก็ต้องนับว่าการจัดตั้งพรรคสำเร็จสมประสงค์  ข้าก็ไปรับยอดวิชาสามนาทีจากพี่ชายหวางได้แล้วสินะ  หึหึ  ยัยแซ่จางไม่รู้ซะแล้วว่าตัวเองทำงานฟรี”

นึกขึ้นได้  คุณชายสามจึงพาเสี่ยวหมีเลี้ยวไปยังป่าไผ่มรกตที่นัดพบของเขากับหวางเซียนเหลย


++++


“นี่คือปูมบันทึกการประชุมพรรค”

ซีคงหยูชูสมุดขึ้นมาต่อหวางเซียนเหลยที่ยืนหันหลังให้  และกำลังกระพือพัดจีบชมวิวป่าเบื้องล่างจากริมหน้าผา  คุณชายรูปงามเบือนหน้ามาใช้หางตาแลดู

“ยอดเยี่ยมมาก  เยี่ยมจริง ๆ”

“พี่ชายหวาง  แล้วไหนล่ะยอดวิชาที่ท่านสัญญาไว้”

“ฮ่า ๆ  คนหนุ่มสาวนี่ใจร้อนเสียจริง  เอ้า  รับไป”

หวางเซียนเหลยสะบัดพัดจีบ  ม้วนคัมภีร์ไม้ไผ่ซึ่งปรากฏขึ้นมาจากความว่างเปล่า  ก็พุ่งเข้าไปในมือของซีคงหยูที่คว้ารับไว้อย่างเหมาะเจาะ  คุณชายสามรีบหยิบมันพลิกดูอย่างไม่เกรงเสียมารยาท

“วิชาเซียนสามสิบหกแผน”  เขาอ่านชื่อคัมภีร์  แล้วเงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยความคาดหวัง  “ถ้าข้าฝึกแล้วจะแปลงกายได้สามสิบหกร่างแบบซุนหงอคงใช่มั้ย”

“ฮ่า ๆๆ  มันมีประโยชน์กว่านั้น  เจ้าลองฝึกปรือมันดี ๆ แล้วจะรู้”  เขารวบพัดจีบ  เดินกลับมาจากหน้าผาอย่างเชื่องช้าและสง่างาม  จากนั้นก็แตะบ่าของซีคงหยู

“เจ้าทำได้ดีกว่าที่คาดไว้  ดังนั้นข้าจะแถมให้   นี่เป็นคำแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับผู้ที่จะฝึกพลังพรตขั้นตะวันขึ้นสาย”  ว่าแล้วก็กรีดพัดชี้ไปยังดวงอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้ายามเย็น 

“สวรรค์สร้างให้ดวงตะวันขึ้นตอนเช้าและตกในตอนเย็น  การโคจรของมันก็คือการไหลเวียนของพลังฟ้าและดิน  เกือบทุกชีวิตใช้ชีวิตตามการขึ้นและตกของมัน  ซึ่งแสดงว่าพวกมันอยู่ภายใต้กฎแห่งสวรรค์อย่างไม่บิดพลิ้ว  จะเกิดอะไรขึ้นหากมีใครสักคนขัดขวางการโคจรของพลังฟ้าดิน  อย่างหนึ่งที่เป็นไปได้ก็คือพลังจะแห้งเหือด  และอีกอย่างหนึ่งก็คือมันจะถูกเก็บกักหรือ ‘หน่วง’ เอาไว้  นั่นคือหัวใจของการบำเพ็ญพรตขั้นตะวันขึ้นสาย”

หวางเซียนเหลยปล่อยให้คุณชายสามที่ยืนเซ่ออยู่ซึมซับคำชี้แนะของเขา  ก่อนผิวปากเรียกนกกระเรียนแดงร่อนไปจากหน้าผาแห่งนั้น


++++++++++

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด