Ominous Bird นกบอกลาง [จบแล้ว]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

ควรจะมีภาคต่อไหม ?

มีก็ดี :D
34 (82.9%)
ไม่มี จบแค่นี้ก็ฟินแล้ว ~
3 (7.3%)
มีก็ได้ไม่มีก็เฉยๆ
4 (9.8%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 41

ผู้เขียน หัวข้อ: Ominous Bird นกบอกลาง [จบแล้ว]  (อ่าน 70220 ครั้ง)

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
นั้นอ่านที่ตอบมา โดนเด้กกินอีกละสินะดัฟ

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
เป็น fc ดัฟเต็มตัวเเล้วเรา ฮ่าๆ

ออฟไลน์ Hang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ทำร้ายง่าาาาา :ling1:

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
 – บันทึกของคอร์ส –
   
อย่าเพิ่งฉงนใจว่าข้าคือใคร
   
ข้าเข้าใจดีว่าข้าเป็นเพียงตัวประกอบเท่านั้น
   
ข้าจะแนะนำให้พวกเจ้าฟังแล้วกันก่อนว่าข้าคือใครก่อนที่จะร่ายยาวเกี่ยวกับบันทึกไร้สาระที่ข้าบันทึกมันเอาไว้ ไม่ว่าจะเรื่องน่าฉงนใจ หงุดหงิด หรือเรื่องบ้าบอคอแตก ข้าก็จะบันทึกมันถ้าหากว่านิ้วของข้าไม่อูมจนกำมันไม่ได้
   
ข้าเป็นปีศาจกระต่ายตัวอ้วนที่สุดในตระกูล ชุดที่ข้าใส่อยู่นั้นก็ต้องตัดพิเศษโดยเฉพาะเพื่อป้องกันไม่ให้มันเหมือนคนในตระกูลข้ารุ่นก่อนๆ ที่มารับงานราชาการกับราชาปีศาจแล้วชุดเกิดปริแตกตอนงานแต่งงานของท่านราชาปีศาจองค์ก่อน ซึ่งโชคดีที่ราชาปีศาจไม่ติดใจเอาความอะไรกับญาติของข้า
   
ข้ามีใบหูยาวสีขาวโพลนบนหัวของข้ามีหมวกใบเล็กที่ข้าได้มาเป็นของขวัญของท่านคาร์บิลัส มันเป็นหมวกใบเล็กสีดำที่ประดับด้วยแคแรทสีส้มสด ชุดที่ข้าใส่ชายเสื้อด้านหลังมันลากยาวถึงพื้น พวกปีศาจงี่เง่าชอบมาแกล้งเหยียบมันจนข้าสะดุดล้มบ่อยๆ
   
ข้าเกลียดเจ้าพวกนั้นทึ่สุด
   
อ้อ มันมีอยู่ในบันทึกด้วย ข้าจะเปิดให้พวกเจ้าอ่านแล้วกัน

วันที่น่าอับอายที่สุดของข้า
   
วันนั้นเป็นวันที่อากาศดีท้องฟ้ากระจ่างใส ข้าเดินถือเอกสารที่สูงท่วมหัวด้วยความเคยชินและกระโดดโหยงเหยงไปตามทางฮัมเพลงในลำคอเบาๆ
   
โฮกกกก
   
เสียงคำรามมาพร้อมกับร่างหมาป่ายักษ์ดวงตาสีแดงก่ำในปากของมันมีเลือดไหลหยดติ๋งๆ ใสพื้น
   
ข้าพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้โยนเอกสารในมือที่สำคัญกว่าชีวิตแล้วค่อยๆ หันกลังกระโดดหนีทันที ในระหว่างที่ข้ากระโดด
หนีกระดาษแผ่นแล้วแผ่นเล่าค่อยๆ ปลิวออกไป แต่ข้าก็ไม่มีความกล้าพอที่จะเก็บมันขึ้นมาอยู่ดี
   
จนกระทั่งกระดาษในมือที่ข้าถือมาปลิวตกจนหมด ข้าตัดสินใจหันมาเผชิญหน้ากับมัน
   
เจ้าหมาป่าแยกเขี้ยวยิงฟันใส่ข้า ในชั่วขณะหนึ่งเหมือนข้าเห็นซากของตัวเองในฟันคมๆ ของมัน
   
ใครปล่อยให้หมาป่านี่เข้ามาในคฤหาสน์นี่ได้กัน..
   
ข้ากลั้นหายใจจนพุงของข้าหยุดกระเพื่อม หางสั้นๆ ของข้ากระดิกไปมาอย่างประหม่า ข้าพยายามควบคุมสติที่มือลากนิ้วบนอากาศพร้อมท่องเวทป้องกันตัวเบื้องตัวที่เคยร่ำเรียนมา
   
ปิ้ง
   
ฮื่อออ
   
เจ้าหมาป่าดูไม่สบอารมณ์มากกว่าเดิมเมื่อเวทที่ข้าร่ายทำให้มันมีดอกไม้งอกเพิ่มขึ้นมาบนหัว
   
ข้าลอบกลืนน้ำลายเอือก
   
ข้าใช้เวทมนตร์ได้ไม่คงที่นัก บางทีก็ออกมารุนแรง บางทีก็ออกมาปัญญาอ่อนเช่นนี้
   
พวกเจ้าเห็นถึงความน่าอับอายนี่ไหม
   
ข้าถอนหายใจ หยิบแครอทที่พกมาในเสื้อออกมาเคี้ยวหงับๆ เพื่อให้สติที่กระเจิดกระเจิงกลับมาแทนที่ความอับอายในตอนนี้ โชคดีที่แถวนี้ไม่มีใคร
   
“ ว้าวว หมา ดัฟฟ์ชอบหมา แก๊ซซ ! ”

เล็กแหลมมาพร้อมกับร่างมนุษย์เด็กที่วิ่งมาทางหมาป่าด้วยความเร็วสูงและกระโจนไปเกาะหลังของหมาป่าทำให้ดูคล้ายกำลังควบกระทิงอยุ่ยังไงยังงั้น

อิ๋ง
   
เจ้าหมาป่าที่เดิมทีดูดุร้ายลู่หูที่ตั้งลงอย่างสิ้นท่าหมอบลงบนพื้น
   
กระต่ายตัวอ้วนหูลู่ลงอย่างเสียใจเมื่อรู้ว่าตนเองนั้นอ่อนแอยิ่งกว่าเด็กเสียอีก
   
ช่างน่าอายเหลือเกิน

   วันที่ท่านคาร์บิลัสนั้นสิ้นท่า
   
ถ้าจะให้กล่าวถึงท่านคาร์บิลัสที่ทุกคนในดินแดนปีศาจเคารพนั้นคงต้องเป็นคำว่า ทรงอำนาจ หล่อเหลา เด็ดขาด ไม่มีความปราณีอะไรใดๆ ต่อผู้ที่อยู่นอกเหนือของดินแดนตัวเอง อย่าว่าแต่ดินแดนเดียวกันเลยข้าว่า เพราะท่านคาร์บิลัสไม่เคยแม้แต่จะส่งยิ้มให้สักครั้งเพียงแต่กระทำทุกอย่างอย่างเอาใจใส่กับชาวปีศาจ ไม่ว่าปัญหาเล็กใหญ่ท่านก็จะช่วยไกล่เกลี่ยให้เสมอ เอาเป็นว่าข้าเคารพท่านคาร์บิลัสมาก แม้ว่าท่านคาร์บิลัสจะชอบอู้งานก็ตามที
   
ไม่สิ ดูเหมือนว่าข้าจะกล่าวอะไรผิดไป
   
มีอยู่ผู้นึงที่ท่านคาร์บิลัสยอมทุกอย่าง
   
เป็นอีกาที่เข้ามาอยู่ในดินแดนปีศาจได้ไม่นาน ผิวสีซีดตัดกับผมสีดำสนิทแววตาที่ไม่สื่ออารมณ์ใดๆ เป็นปกติ อ้อ ใช่ ก่อนที่อีกาจะเป็นแบบนี้ เคยเป็นอีกาผู้ร่าเริงมาก่อน แต่แบบนี้ก็ไม่เลว ข้าชอบความเงียบมากกว่า อีกาที่ข้าพูดถึงก็คือท่านฟาร์คัสนั่นเอง
   
ท่านคาร์บิลัสยอมท่านฟาร์คัสถึงขั้นยอมให้ถีบลงเตียงเลยทีเดียว
   
ข้าจะย้อนกลับไปในวันนั้นให้พวกเจ้า
   
วันนั้นข้าถือถาดชาสมุนไพรอุ่นๆ เคาะประตูขออนุญาตท่านคาร์บิลัสเช้าไปในห้อง ได้ยินเสียงตอบของท่านฟาร์คัสข้าก็ไม่ได้เอะใจ เดินพรวดเข้าไปทันเห็นภาพที่ท่านฟาร์คัสถีบท่านคาร์บิลัสที่นอนเอื่อยบนเตียงมากองบนพื้นอย่างสิ้นท่า
   
ท่านคาร์บิลัส..
   
ข้าครางชื่อเรียกในใจ ดวงตาเบิกกว้าง หูตั้งชันขึ้นอย่างตื่นตกใจ หางสั้นๆ ของข้าฟูขึ้นมาด้วยความตื่นตระหนก
   
“ เอาชามาสิ คอร์ส ” ท่านฟาร์คัสเอ่ยเรียกข้าด้วยสีหน้าปกติทั้งๆ ที่เพิ่งกระทำอะไรบางอย่างไป
   
“ ขอรับ ” ข้าขานรับเดินอ้อมเตียงไปหาท่านฟาร์คัสและยื่นแก้วชาให้
   
“ ฟาร์คัสสส เจ้าปลุกข้าด้วยการถีบอีกแล้วเหรอ ! ”
   
ข้าเกือบสะดุ้งทำน้ำชาหกราดพื้นเมื่อร่างที่กองบนพื้นพุ่งพรวดเข้าไปหาท่านฟาร์คัสในชั่วพริบตา ท่านคาร์บิลัสสวมกอดเอวของท่านฟาร์คัสด้วยสีหน้าเสียใจ
   
ข้าพบว่าเมื่อท่านคาร์บิลัสมาอยู๋กับท่านฟาร์คัสแล้วมักจะแสดงอารมณ์ต่างๆ ที่ข้าไม่เคยในตอนปกติอยู่เสมอ ทำให้ข้าไม่ตกกับสีหน้าของท่านคาร์บิลัส ที่ข้าตกใจมีเพียงลูกถีบของท่านฟาร์คัสเท่านั้น
   
“ ข้าจะเอาชาราดหัวเจ้า ถ้าเจ้ายังไม่เอามือออกไปจากเอวข้า ” ท่านฟาร์คัสกัดฟันพูดเสียงเย็นใช้สายตาเชือดเฉือนคาร์บิลัส
   ท่านคาร์บิลัสเบ้หน้าเซ็งๆ ยอมปล่อยมือจากเอวของท่านฟาร์คัส “ ก็ได้ๆ ข้าไม่กอดก็ได้ ” และหันมาทางข้า “ ขอข้าสักแก้วสิคอร์ส ”
   
ข้าสะดุ้งนิดหน่อยเมื่อถูกเรียกชื่อ “ นี่ขอรับท่านคาร์บิลัส ชาสมุนไพรที่ท่านชอบ ”
   
ท่านคาร์บิลัสตอบส่งๆ ในลำคอซดชาที่ข้านำมาให้หมดในครั้งเดียวและไปงอนง้อกับท่านฟาร์คัสต่ออีก
   
ข้าถอนหายใจจัดวางแก้วบนถาดให้ดีและตัดสินใจออกไปทำงานต่อปล่อยให้ท่านฟาร์คัสและท่านคาร์บิลัสได้มีเวลาส่วนตัวอีกครั้ง

โครม !!
   
เสียงดังกระแทกพื้นดังสนั่นจนพื้นสะเทือน
   
ร่างกระต่ายตัวอ้วนกระโดดโหยงรีบวิ่งแถ่ดๆ ออกจากห้องทันทีโดยไม่กล้าแม้แต่จะหันหลังกับมาดูด้วยซ้ำ !
   
“ คาร์บิลัส ! ”
   
เสียงคำรามเรียกชื่อนายเหนือหัวของข้าด้วยความโมโห
   
อา..
   
อย่างที่ข้าตั้งชื่อบันทึกอันนี้ไว้นั่นแหละ
   
วันสิ้นท่าของท่านคาร์บิลัส
   
เพราะข้าหาคำอื่นที่ดีกว่านี้มาใช้บรรยายไม่ได้

   วัน ไข่ๆ ของข้า
   
ข้าไม่ชอบกินไข่สักเท่าไหร่
   
เพราะมันมีกลิ่นเหม็นคาว
   
แต่ไม่ได้หมายความว่าข้าจะเกลียดเค้กหรือทาร์ตไข่หรอกนะ
   
ข้าแค่ไม่ชอบตอนมันดิบๆ เท่านั้นแหละ
   
ในระหว่างที่ข้าเดินผ่านห้องทำงานของท่านคาร์บิลัสข้าแอบได้ยินเสียงคุยกันเล็ดลอดออกมา ซึ่งต้องขอบคุณหูยาวๆ ของข้าที่ทำให้ได้ยินมันชัดเจน
   
“ ฟาร์คัส ถ้าข้ากับเจ้ามีลูก เจ้าจะออกลูกเป็นไข่ไหม ? ”

   ข้าได้ยินเสียงกัดฟันกรอดๆ
   
“ ไม่มีทาง !! ”
   
ก่อนจะกลายเป็นเสียงตะคอกและต่อมาด้วยการเสียงการต่อสู้กันในห้อง
   
พวกเจ้าไม่ต้องตกใจ ตอนนี้มันเป็นเรื่องที่ได้ยินเป็นปกติจนข้าชินแล้วล่ะ
   
ข้าเลยเดินต่อไปเพื่อหาอะไรมายัดใส่ท้องที่เริ่มหิวอีกครั้ง


“ เจ้าเอามันไปฟักที ”

   “ ขอรับ ท่านฟาร์คัส ”

กระต่ายตัวอ้วนพูดพลางกระดิกหูตอบ
   
ข้าเงยหน้ามองร่างสูงของท่านฟาร์คัสยื่นมืออูมๆ ไปรับไข่สีขาวสนิทอันยักษ์มาถืออุ้มไว้ แขนสั้นๆ ของข้าเกือบจะโอบมันไม่มิดเลยล่ะ
   
ท่านฟาร์คัสหันซ้ายหันขวาก่อนที่จะพูดกับข้าอีกครั้ง “ ข้าฝากไว้กับเจ้า เจ้าอย่าบอกใครล่ะว่าข้าฝาก ” พูดด้วยน้ำเสียงข่มขู่และรีบหายไปจากคลองจักษุทันที
   
ข้าเอียงคอคิดชูไข่ขึ้นมาพิจารณาใกล้ๆ จนดวงตาของข้าสะท้อนเป็นรูปเปลือกไข่
   
คงไม่ใช่ลูกของท่านฟาร์คัสหรอกนะ ?
   
เพราะเท่าที่ข้ารู้ อีกาในเมืองมนุษย์ออกลูกเป็นไข่นี่
   
ข้าเอาไข่ที่ท่านฟาร์คัสฝากมาไปไว้ในห้องของข้า ข้าเอาผ้าห่มมาสุมๆ ไว้ว่างมันไว้ที่ริมหน้าต่างโดยไม่ลืมเอาอะไรรั้งไข่เอาไว้ไม่ให้ตกลงมาแตก
   
ผ่านไปหลายเดือนจนข้าเกือบลืมไปแล้วว่ามีไข่อยู่ในห้องนอนโพรงไม้อุ่นๆ ของข้า
   
เปรี้ยะ
   
ข้ากระดิกหูเมื่อได้ยินเสียงอะไรแตก ข้าขยี้ตาย้ายร่างอ้วนๆ เดินเข้ามาดูต้นกำเนิดเสียงทันที เพราะยังมีอีกเสียงแตกอีกหลายเสียงดังต่อเนื่องพร้อมกับรอยแตกบนไข่
   
ข้าต้องเรียกท่านฟาร์คัสไหมนะ
   
แต่ไม่ดีกว่า ตอนกลางคืนท่านคาร์บิลัสห้ามให้ใครก็ตามย่างกรายไปแถวห้องท่านนี่
   
โผละ
   
ข้าชะงักค้างอยู่กับที่
   
เมื่อพบว่าไอ้สิ่งที่อยู่ในไข่เป็นร่างของกระต่ายตัวอ้วนสีขาวโพลนเหมือนกับข้าไม่ผิดเพี้ยน
   
ตาสีดำมันวาวดูซื่อๆ นั่น
   
นี่มันข้าชัดๆ
   
เจ้ากระต่ายจิ๋วเอียงคอกระโดดพรวดมาเหยียบบนหัวข้า

   “ ขอรับ ขอรับ นี่ขอรับ ท่านคาร์บิลัส ~ ”
   
ให้ตายเถอะ
   
นั่นมันคำพูดติดปากของข้า !

---------------------
ตกใจกับตอนพิเศษล่ะสิ 555555555555555  :hao7:

โครตขัดอารมณ์อึมครึมเรื่องเลยล่ะ :P

เอาเป็นว่าเอามาเบรคอารมณ์ก่อน มาอ่านอะไรสนุกๆ ชิวๆ บ้าง

 :L1: รักคนอ่านค่ะ อิอิ
   
        

   
   
   
   
   

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
ไข่!!

ฟาร์คัสเอามาจากไหนคะนั่น ใช่ลูกของฟาร์คัสกับคาร์บิลัสป่าว??
(ไม่รู้ว่าเรื่องนี้ผชจะท้องได้ไหม??)

อยากให้ทั้งสองคนมีลูกบ้าง เยอะๆเป็นโหลเลย  :hao3:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ฟาร์คัสเอาไข่ที่ไหนมาน่ะ คงไม่ใช่ลูกฟาร์คัสกับคาร์บิลัสนะ...คงแปลกพิลึก...ออกลูกเป็นกระต่าย(ที่อยู่ในไข่)เนี่ยนะ

ออฟไลน์ Hang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
โอ้ววววว อีกาออกไข่เป็นกระต่าย..... เอ๊ะ!ฟาคัสมีชู้หรอออออออออออออออ!!!!!!!!!!!!!!  :m31: (เพ้อเจ้อ555)

ออฟไลน์ NONSENSE

  • เพ้อฝัน ไปวันวัน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 644
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-2
Woww มาลงที่นี่ด้วยหรอคะ   
ติดตามอยู่นะคะ

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
คืออารายยย

ออฟไลน์ NuTonKaw

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
ไข่นั้นนนนนน โถ่ถูกฟักผิดคน :mew6:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
---- ตอนที่ 26 ----------
   
คาร์บิลัสคลายมือของตัวเองออกพร้อมสลายเวทที่ได้ร่ายเอาไว้ให้กับฟาร์คัส เดินเข้าไปยืนขวางหน้าฟาร์คัสเอาไว้เพื่อที่จะได้เป็นฝ่ายเจรจาให้แทน เพราะถ้าหากปล่อยให้ฟาร์คัสที่มีอารมณ์ละเอียดอ่อนเรื่องเพื่อนไปคุย อาจจะทำให้เกิดเรื่องได้
   เพราะดูๆ แล้วเอลล์ในร่างนี้แล้วเคี้ยวยากไม่ใช่เล่น..
   
เมเออร์สูดหายใจลึกข่มความหวาดกลัวที่ยังแผ่ออกมาจากราชาปีศาจ และตบมือเรียกความสนใจมาที่ตัวเอง “ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะจะมาสืบหาความจริง สงครามมันกำลังจะเกิด.. โปรดให้ความสำคัญกับมันก่อนเถอะ ”
   
เอลล์ในร่างปลอมๆ แค่นเสียงหึไม่พูดอะไรต่อสวมหน้ากากเข้าดังเดิมแล้วตะโกนเสียงดังลั่น “ ลุกขึ้นมา !! ตอนนี้อสูรมันบุกเข้าในปราสาทได้แล้ว สิ่งที่เราต้องทำตอนนี้คือหาหัวหน้าพวกมัน ในระหว่างที่หาก็ไล่บี้พวกอสูรให้หมด ! ”
   
ทหารภูตที่ล้มกองกันบนพื้นรีบลนลานหยิบอาวุธของตัวเองยืนเหยียดตรงด้วยท่าทางที่ฝึกมาอย่างดี  “ ขอรับ !! ”   เสียงประสานกันของทหารภูตที่พูดพร้อมกันดังก้องฟังแล้วให้ความรู้สึกฮึมเหิม ผู้ที่เป็นหัวหน้าของทหารภูตในแต่ละหน่วยเดินแยกออกมาตกลงกันถึงพื้นที่ที่ตัวเองจะออกค้นหา ใช้เวลาไม่ถึงอึดใจทหารภูตก็แยกย้ายกันไปทำตามหน้าที่อันทรงเกียรติของตัวเองทันที
   
ตัวแทนของดินแดนที่จะปกป้องดินแดนของตัวเองจากอันตราย !
   
เมื่อเหลือเพียงพื้นที่ว่างๆ มีเพียงบุคคลที่ทรงอำนาจในดินแดนเหลืออยู่ ฟาร์คัสดึงชายเสื้อของคาร์บิลัสเป็นเชิงว่าให้ถอยไป
   
คาร์บิลัสยิ้มเจื่อน “ ฟาร์คัส เดี๋ยวข้าคุยให้ก็ได้ เจ้าไม่ต้องคุยเองหรอก ”
   
ฟาร์คัสไม่สนใจเดินอ้อมคาร์บิลัสมาเผชิญหน้ากับร่างในชุดกษัตริย์ที่ดูจะสูงกว่าปกติเกือบเท่าตัวมีเพียงการแต่งกายเท่านั้นที่คล้าย
   
“ .. ฟาร์คัส ” คาร์บิลัสครางชื่อฟาร์คัสหงอยๆ เมื่อพบว่าอีกฝ่ายก้าวผ่านตัวเองไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ได้ให้ความสนใจอะไรเลยแม้แต่น้อย
   
หมับ ..
   
คาร์บิลัสเลิกคิ้วเมื่อรู้สึกถึงชายเสื้อตัวเองที่ถูกอะไรบางอย่างดึง
   
“ หิวง่ะ.. ฆ่าบี้ลัส ” ดัฟฟ์พูดในขณะที่เคี้ยวชายเสื้อของคาร์บิลัสแก้หิวไปพลางๆ
   
คาร์บิลัสแทบจะซัดดัฟฟ์กลับดินแดนปีศาจ “ ข้าขอถอนความคิดที่เผลอซาบซึ้งเจ้า ไอ้มังกรตะกละงี่เง่า ! ”
   
ดัฟฟ์คายชายเสื้อที่เต็มไปด้วยคราบน้ำลายออกและเบะปากใส่คาร์บิลัส “ บุ่ยยย ๆ ดัฟฟ์ไม่ได้ตะกละสักหน่อย ! ”
   
“ เงียบ ” ฟาร์คัสหันมาพูดใส่ดัฟฟ์กับคาร์บิลัสด้วยน้ำเสียงเย็นชาเจือความหงุดหงิด ทำให้ทั้งคาร์บิลัสและดัฟฟ์หุบปากฉับไม่กล้าพูดอะไรต่อทันที
   
เจ้าอีกานั่นมันน่ากลัวตรงไหนกัน 
   
เมเออร์คิดเงียบๆ ในใจ เมื่อเห็นราชาปีศาจที่เดิมที่แผ่รังสีอะไรบางอย่างชวนให้หายใจติดขัดแต่พอถูกเจ้าอีกานั่นเอ็ดนิดหน่อย

กลับกลายเป็นบรรยากาศเศร้าสลดรอบๆ แทน
   
ให้ตาย...
   
เมเออร์สบถเสียงเบา
   
“ เจ้าคือใครกันแน่ ? ” ฟาร์คัสมองหน้ากากที่คล้ายกับเอลล์ไม่ผิดเพี้ยนด้วยสายตาเย็นชา
   
ร่างในชุดกษัติรย์เอียงคอไปมาและพูดด้วยน้ำเสียงกวนๆ “ นั่นสินะ ข้าคือใครกัน ? ”
   
อารมณ์ของฟาร์คัสเหมือนถูกราดน้ำมันร้อนๆ ทำให้ตอนนี้ไฟเดิมทีที่เผาไหม้เกิดประกายไฟอยู่อย่างเงียบเชียบได้โหมขึ้นมาเป็นกองเพลิงขนาดย่อมที่โหมอย่างรุนแรง
   
“ ข้าให้ตอบอีกครั้ง !! ” ฟาร์คัสตะคอก ความสุขุมที่มีเริ่มไม่อยู่นิ่งเหมือนกับอารมณ์ของฟาร์คัส
   
ในชีวิตของฟาร์คัส
   
คำว่าเพื่อน นั้นหาได้ยาก เพื่อนคนแรกของฟาร์คัสก็คือบาร์ลิน แต่ก็ถูกหักหลังจนเหมือนกับปีกที่ใช้โผบินไปในท้องฟ้าหักไปหนึ่งข้าง สิ่งที่ช่วยพยุงฟาร์คัสไม่ให้คลุ้มคลั่งไปซะก่อนคือปีกอีกข้างที่มีคาร์บิลัสคอยประคับประคองไม่ให้เป็นอันตราย ปีกคู่เดิมที่ได้หักไปแล้วของฟาร์คัสกำลังเริ่มก่อตัวขึ้นใหม่เมื่อฟาร์คัสยอมรับให้เอลล์เป็นเพื่อนของตัวเอง

ทำให้ฟาร์คัสค่อนข้างมีปฏิกิริยารุนแรงถ้าหากเพื่อนคนใหม่ที่มีเพียงคนเดียวของตัวเอง ผิดแปลกไปจากเดิม แล้วยังถูกสวมรอยโ
ดยใครสักคนแทนอย่างแนบเนียน
   
ข้าที่ไม่ใช่เจ้าของร่างยังรู้สึกโมโห
   
ถ้าหากเป็นเอลล์..
   
ฟาร์คัสหลับตาลงไม่อยากคิดถึงความรู้สึกของเอลล์
   
ทำไมข้าจะไม่รู้ล่ะ ถ้าถูกสวมรอยตำแหน่งเดิมทีที่ควรจะเป็นของตัวเองมันเป็นยังไง
   
“ ว้า จริงจังไปได้น่า ท่านปีศาจอีกา ~ ” หน้ากากถูกถอดออกมาอีกครั้งด้วยหน้าตาที่เปลี่ยนไป
   ฟาร์คัสกัดฟันกรอดเมื่อใบหน้าของเอลล์ถูกแทนที่ด้วยหน้าของตนเอง วาดนิ้วในอากาศเป็นตราเวทสีดำและดึงคทาเวทของตัวเองออกมาถือ “ ความอดทนของข้ามีจำกัด ” ฟาร์คัสพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาแต่แววตานั้นตรงข้าม แววตาของฟาร์คัสกำลังแผดเผาความหงุดหงิดของฟาร์คัส
   
ใบหน้าของฟาร์คัสส่งสีหน้าอ่อนใจออกมา “ ไม่สนุกเลย อีกา ” พูดด้วยน้ำเสียงเซ็งๆ
   
คาร์บิลัสถึงกับกลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่

น่ารัก !!
   
ข้าอยากให้ฟาร์คัสทำสีหน้าแบบนั้นบ้าง !!

อีกฝ่ายท่องเวทสั้นๆ เปลี่ยนใบหน้าของตัวเองอีกครั้ง ใบหน้าค่อยๆ เปลี่ยนรูป ใบหูเรียวยาวตามแบบฉบับชาวภูต ดวงตาที่หลับ

ไปลืมตาอีกครั้งด้วยดวงตาสีทองที่มีสีเขียวสดเจือปนอยู่

เอลล์ที่ผละออกมาจากลุกซ์แล้วแอบดูอยู่เงียบๆ ถึงกับสะดุ้งเฮือก

นั่นมันดวงตาที่มีแต่เชื้อสายกษัตริย์เท่านั้นที่จะมี !

“ หมายความว่ายังไงกัน .. ” เอลล์พูดด้วยน้ำเสียงสั่นยิ่งกว่าเดิม ร่างที่มั่นคงสั่นเทิ้มอย่างห้ามไม่อยู่ ดวงตามีน้ำตาคลอหน่วง

ท่านพ่อตั้งใจคงจะเอาคนอื่นเป็นกษัตริย์แทนข้าอยู่แล้ว

ร่างที่เพียบพร้อมไปด้วยเวทมนตร์วิชาความรู้

ทั้งการค้าและการรบ

รวมถึงเชื้อสายกษัตริย์ที่เข้มข้น

บุคลิกลักษณะความเป็นผู้นำดินแดน

คนๆ นี้เหมาะกับการเป็นกษัตริย์มากกว่าข้าซะอีก..

“ ใจเย็นๆ เอลล์ เจ้าใจเย็นๆ ” ลุกซ์รีบจับไหล่ที่สั่นสะท้านของเอลล์ให้อยู่นิ่งๆ แต่ผลที่ได้ก็คือน้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตาเอลล์มากกว่าเดิม

เอลล์หลับตาลงอีกครั้งแต่น้ำตาก็ยังคงไหลออกมา

“ แท้จริงแล้ว.. ข้าคงเป็นแค่หุ่นเชิดสินะ ลุกซ์ ” เอลล์พูดเสียงสั่น

“ ไม่เอลล์ เจ้าไม่ได้เป็นหุ่นเชิดของใครทั้งนั้น เมเออร์น่าจะมีเหตุผลที่ใช้เจ้านั่นมาแทนเจ้าชั่วคราว ” ลุกซ์รีบพูดรัวเป็นพัลวัน

หัวใจของลุกซ์นั้นเย็นวาบ ราวกับถูกน้ำเย็นๆ สาด

เมเออร์ เจ้าทำร้ายเอลล์ของข้าอีกแล้ว !!

เอลล์คลี่ยิ้มแกะมือลุกซ์ออกและเดินนำช้าๆ ออกไปในทิศทางตรงกันข้ามกับกษัตริย์ที่ท่านพ่อเลือกเอาไว้    

“ เอลล์ ! เจ้าจะไปไหน ” ลุกซ์ที่เพิ่งได้สติเพราะไม่คิดว่าเอลล์จะแกะมือตัวเองออกรีบก้าวยาวตามไปติดๆ ทันที

“ ก็ไปตามล่าหาหัวหน้าอสูรไงล่ะ ลุกซ์ ” เอลล์ยิ้มจางทั้งๆ ที่น้ำตายังคงไหลออกมาจากดวงตา

แววตาลุกซ์ส่อความเจ็บปวดออกมา “ งั้นขึ้นขี่หลังข้าเอาดีกว่า เจ้ายังไม่ต้องใช้เวทตอนนี้หรอก ” ลุกซ์กลายร่างกลับเป็นมังกรไฟพ่นลมหายใจที่เป็นประกายไฟออกมาเบาๆ ใส่เอลล์เชิงว่าขึ้นมาสิ

เอลล์ลูบหัวลุกซ์เบาๆ แล้วก้าวเหยียบขึ้นตามผิวขรุขระของมังกรไปนั่งตรงที่เป็นคอของมังกรที่พอมีกระจุกขนนุ่มพอได้จับยึดไม่ให้ร่วงตกลงไปบนพื้นซะก่อน เอลล์นอนราบลงบนตัวลุกซ์เอาหน้าซุกกับคอยาวๆ ของมังกร

ลุกซ์เหลือบหันมาดูเอลล์ไม่พูดอะไรโผบินขึ้นไปบนท้องฟ้าและคำรามออกมาเสียงดังลั่นด้วยความฉุนเฉียว เพราะความเจ็บใจที่
ตนไม่สามารถทำอะไรได้

“ ลุกซ์... ” เอลล์กระซิบลุกซ์เสียงเบา

ฮื่อออ

ลุกซ์ส่งเสียงคำรามในลำคอเชิงรับรู้

“ ข้าว่าถ้าหากข้าตาบอด ข้าอาจจะไม่เจ็บปวดแบบนี้ก็ได้... ”

ลุกซ์ไม่ตอบอะไรกับคำพูดของเอลล์

เพราะรู้ดีว่าสิ่งที่เยียวยาราชาภูตได้ดีที่สุดตอนนี้คือ ความเงียบและใครสักคนที่อยู่ข้างกายเท่านั้น
   
   
“ เป็นยังไงล่ะ อีกา ~ ข้าหล่อใช่ไหมล่ะ หึ ” ร่างในชุดกษัตริย์คลี่ยิ้มออกมาด้วยหน้าตาคมคายผมสีน้ำตาลเข้มซึ่งใบหน้าก็คล้ายกับเมเออร์สามถึงสี่ส่วน
   
ฟาร์คัสพูดอะไรไม่ออกไปพักนึง เมื่อพบว่าหน้าตาของเจ้านี่เหมือนกับเมเออร์มาก “ เจ้าเป็นอะไรกันเมเออร์กัน ? ”
   
“ บอกชื่อเจ้าก่อนสิแล้วข้าจะบอกชื่อข้า ” พูดพลางยิ้มกวนประสาท
   
ฟาร์คัสขมวดคิ้วไม่สบอารมณ์เมื่อถูกเปลี่ยนเรื่องแต่ก็ยอมตอบ “ ฟาร์คัส ”
   
ร่างในชุดกษัตริย์ยิ้มกว้างอย่างถูกใจ “ ข้าชื่อฟลอยด์ เจ้าอีกา ถ้าเจ้าเบื่อๆ ราชาปีศาจมาหาข้าก็ได้นะ ! ”
   
คาร์บิลัสเดิมยืนดูเงียบๆ ถึงกับลุกลี้ลุกลนทันที “ อย่ามายุ่งกับฟาร์คัสของข้า ! ”
   
ฟลอยด์ก้าวเข้าไปหาฟาร์คัสอย่างนึกสนุกเดินเข้าไปหาฟาร์คัสยื่นมือไปหมายจะคว้าตัวฟาร์คัสมากอดแกล้งราชปีศาจ
   
แต่ก็ต้องชะงักมือที่เกือบจะคว้าแขนฟาร์คัสไว้ซะก่อน
   
เมื่อมีดาบที่แผ่กลิ่นอายน่าขนลุกออกมาขวางมือไว้
   
ดวงตาของคาร์บิลัสไม่มีกลิ่นอายการล้อเล่นแม้แต่นิดเดียว พร้อมที่จะลงมือฟันให้มือของฟลอยด์ขาดทันทีถ้ากล้ายื่นมือมากกว่านี้
   
ฟลอยด์เก็บมือและยักไหล่ “ จริงจังไปได้น่า ท่านราชาปีศาจ ”
   
คาร์บิลัสไม่ตอบลดดาบลงมาเหน็บไว้ที่เอว
   
เมเออร์ที่ยืนเงียบอยู่นานตัดสินใจพูดตัดบท “ มีอะไรจะถามก็รีบถาม ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาเล่นหรอกนะ ” ถึงเมเออร์จะพูดมันออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่ในใจแทบจะบ้าคลั่ง ด้วยความวิตกกังวลว่าดินแดนของตัวเองจะเป็นยังไงบ้าง สิ่งที่พอช่วยให้เมเออร์ไม่สติแตกไปก่อนคือฟลอยด์นั่นเอง
   
ถึงจะดูทำตัวเหลวไหล ไร้สาระ
   
แต่พอถึงเวลากลับมีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวกับพลังเวทย์ล้นเหลือพอๆ กับเอลล์
   
ทำให้เมเออร์ยังคงยืนรออยู่นิ่งๆ ได้
   
ฟาร์คัสไม่ถือสากับคำพูดเหน็บกลายๆ ของเมเออร์เพราะเข้าใจดีว่าอีกฝ่ายกำลังวิตกกังวล “ เจ้าเป็นอะไรกับเมเออร์กัน ”
   
ฟลอยด์ขยิบตาให้ฟาร์คัสข้างนึง “ ให้ข้ากอดทีนึงสิแล้วข้าจะบอก ”
   
ฟาร์คัสขมวดคิ้วครุ่นคิด
   
ส่วนคาร์บิลัส..
   
ชูดาบชี้หน้าฟลอยด์แล้วตะคอกเสียงดังลั่น “ อย่ามาทำรุ่มร่ามกับฟาร์คัสของข้า !! ”
   
ฟาร์คัสถอนหายใจเซ็งๆ
   
ไอ้คนที่มันทำรุ่มร่ามกับข้าบ่อยๆ มันก็เจ้าไม่ใช่เหรอคาร์บิลัส
   
ดัฟฟ์เดินเข้าไปใกล้ฟาร์คัสดึงชายเสื้อของฟาร์คัสมาเคี้ยวพร้อมถามคำถามที่สงสัย “ แม่ อุ่มอ้าม อืออะไอ แก๊ซ ”
   
ฟาร์คัสกลอกตาเมื่อรู้ว่าถึงคิวเสื้อของตัวเองที่จะโดนดัฟฟ์แทะ แต่ก็ตอบดัฟฟ์ด้วยความใจเย็น “ เจ้ายังไม่โตพอที่จะรู้จักมันหรอกดัฟฟ์ ”
   
ดัฟฟ์คายเสื้อฟาร์คัสเบะปาก “ แง้ ! ดัฟฟ์โตแล้ว !  น้องก็มี แก๊ซ ”
   
“ เจ้ารู้จักแต่คำว่าหิวก็พอแล้วล่ะ ”
   
“ แง้ หิว ! ” ดัฟฟ์เอียงคอและพูดต่อฟาร์คัส ก่อนที่จะลืมประเด็นที่ตัวเองสงสัยมุ่งเป้าไปที่ท้องที่ว่างเปล่าของตัวเองทันที “ แม่ ดัฟฟ์ หิวววว ”
   
“ ตอบข้าสักที ฟลอยด์ ”
   
ฟลอยด์ถอนหายใจเซ็งๆ “ ก็ได้ๆ ข้าว่าครอบครัวเจ้ามันวุ่นวายชะมัดเลย ” ฟลอยด์เว้นช่วงพูดสักพักหันไปสบตากับเมเออร์
   
เมเออร์พยักหน้ารับ หลังจากไตร่ตรองแล้วว่ายังไงก็ไม่ส่งผลอะไรอยู่ดี
   
“ ข้าเป็นลูกของเมเออร์อีกคน ” ฟลอยด์ตอบเสียงเรียบด้วยสีหน้าจริงจัง
   
ฟาร์คัสเลิกคิ้วสูงจ้องหน้าฟลอยด์สลับกับเมเออร์ทันที
   
พูดเป็นเล่น !?
   
เมเออร์คิ้วกระตุกเมื่อรู้สึกถึงสายตาหลายคู่จ้องมาที่ตัวเอง
   
ฟลอยด์หลุดหัวเราะออกมาเสียงดัง “ ฮ่าๆ ข้าอำแค่นี้ก็เชื่อข้าอีก จริงๆ แล้วข้าเป็นลูกของน้องชายท่านเมเออร์น่ะ ” ฟลอยด์หยุดพูดกลอกตาไปมาอย่างใช้ความคิด “ เขาเรียกอะไรน้า... อ้อ ใช่ ถ้ากับท่านเมเออร์ ท่านเมเออร์มีศักดิ์เป็นอาของข้า ส่วนข้ากับเอลล์เป็นลูกพี่ลูกน้องกันไงล่ะ ”
   
ฟาร์คัสถอนหายใจยาวๆ ออกมา
   
รู้สึกโล่งใจแปลกๆ ที่เมเออร์ไม่เอาคนนอกมาแสดงเป็นกษัตริย์แทนที่เอลล์
   
เพราะถ้าหากใช้ญาติมาทำ คงจะมีเหตุผลของเมเออร์
   
“ งั้นก็แยกย้ายกันดีกว่า ! ไปใครไปมันนะ แล้วเจอกัน ” ฟลอยด์ตะโกนบอกพร้อมกับวาดอักขระภาษาเวทบนอากาศ เมื่อมือของฟลอยด์หยุดเขียนมันก็กลายเป็นวงเวทในอากาศ ฟลอยด์กระโดดเข้าไป โดยมีเมเออร์กระโดดตามไปติดๆ เมื่อผู้ที่ต้องการจะโดยสารไปกับวงเวทของฟลอยด์หมดลง
   
ก็เหลือเพียงอาคันตุกะจากดินแดนปีศาจที่เหลือ..
   
“ งั้นก็ไปตามหาหัวหน้าของอสูรกันเถอะ ”
   
“ อืม ”
   
“ หิวว ง้า ”

----------

ตอนนี้รู้สึกทั้งหน่วงทั้งป่วนเลยล่ะ 555555 # ตีกันมั่วละ

 :mc4: ขอบคุณทุกคอมเมนต์ค่ะ

แถลงการณ์กับตอนไข่ไข่ : ฟาร์คัสไปขโมยไข่ที่คาร์บิลัสตั้งใจจะเอาฟักเป็นลูกค่ะ 55555 ไข่อันนี้มันพิเศษหน่อยคือถ้าใครเอามาฟักมันจะไปกลายเป็นแบบคนนั้น คือถ้าเลี้ยง 2 คน ก็จะเอาเอกลักษณ์ของทั้งสองคนมาใส่ ฟาร์คัสที่ยังไม่อยากมีลูกเพิ่มเลยเอาไปยัดให้กระต่ายน้อยของเราค่ะ  :z2:

 # ช่วงตอบเมนต์สุดมันสส์

คุณ BlueCherries : เรื่องนี้ท้องไม่ได้ค่ะ แหะๆ  :hao5: เพราะถ้าท้องฟาร์คัสนี่คงฟักไม่หวาดไม่ไหวเลยมั้ง 5555

คุณ sirin_chadada : ไม่ใช่ลูกฟาร์คัสค่ะ 555555 ฟาร์คัสเล่นชู้นะเนี่ย มีลูกเป็นกระต่ายเนี่ย

คุณ Hang : เล่นชู้กับฟลอยด์ดีกว่า  :hao7:

คุณ NONSENSE :  :man1:

คุณ •♀NoM!_KunG♀• : ฟาร์คัสเล่นชู้ !!

คุณ NuTonKaw : แง่ะ แอบทายถูกนะคะเนี่ย  :really2:



   


      
   
   
   

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
ญาติเอลล์ แต่เวทย์สูสีกับเอลล์ด้วยเหรอ?

แต่กวนประสาทสุดๆเลย ให้ตาย  :serius2:

(แอบคิดว่าจะให้ฟาร์คัสมีลูกเยอะๆ สงสัยจะกินแห้วซะแล้ว)

จบศึกนี้ฟาร์คัสให้รางวัลคาร์บิลัสก็ดีนะคะ ใช้แรงงานฮิมเยอะเหลือเกิน 555+

ออฟไลน์ Hang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ทำไมรู้สึกไม่ชอบฝอย ทำไมหว่าาา เหมือนจะมีปันหาตามมาด้วยละมั้ง  :ruready

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
ญาติเอลล์ แต่เวทย์สูสีกับเอลล์ด้วยเหรอ?

แต่กวนประสาทสุดๆเลย ให้ตาย  :serius2:

(แอบคิดว่าจะให้ฟาร์คัสมีลูกเยอะๆ สงสัยจะกินแห้วซะแล้ว)

จบศึกนี้ฟาร์คัสให้รางวัลคาร์บิลัสก็ดีนะคะ ใช้แรงงานฮิมเยอะเหลือเกิน 555

คือพ่อของฟลอยด์เป็นน้องชายของเมเออร์ ซึ่งพลังเวทย์พวกนี้ก็ใกล้ๆ กันค่ะ แต่เกิดช้ากว่าเฉยๆ เลยอดเปนกษัตริย์ อิอิ แล้วฟลอยด์ที่เป็นลูกนี่ก็ฟลุ๊คได้พลังเยอะพอดี ก็เลยพอฟัดฟอเหวี่ยงกับเอลลฺได้
# จริงๆ อยากตอบตรงกว่านี้แต่มันไม่ได้ 55555 มันแบบบ จุ๊ๆ เนอะ  :mew1:
 

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
หาตัวการให้เจอ

ออฟไลน์ yamanaiame

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
แงะ หิวว ดัฟฟ นี่จะหิวตลอดเวลาเลยน๊าาา

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
   “ ฮืออออออออ โรซานเจ้าทำให้ข้าเจ็บก้น ! ” เสียงจิ้งจอกตัวเล็กโวยวายปนร้องไห้ขณะที่กำลังโดนอุ้มอยู่ในมือของโรซาน
   
โรซานขมวดคิ้วหงุดหงิด ผมเผ้าสีเปลือกไม้ที่เมื่อคนผ่านสงครามมาดูจะยุ่งเหยิงมากกว่าเดิมเมื่อความหงุดหงิดเข้าครอบงำ “ โว้ย ใครจะไปรู้วะ ว่าเจ้าจะพูดมากขนาดนั้น ถ้าไม่โดนข้าปิดปากเจ้า เจ้าก็ไม่หยุดร้องสักที ”   จิ้งจอกตัวน้อยซุกหน้าแหลมๆ ของตัวเองเข้าไปในหางด้วยความอับอายมากกว่าเดิม “ ฮือ ! ใครใช้ให้เจ้ากรอกเหล้าใส่ปากข้าล่ะ เจ้าก็รู้นี่ว่าข้าคออ่อน ”
   
โรซานหยิบหางของเอสเตอร์ขึ้นมาจนเอสเตอร์ห้อยต่องแต่ง “ ก็เจ้างอนข้านี่ ข้าก็ต้องทำให้เจ้าเปิดปากด้วยเหล้าสิ ”
   
เอสเตอร์ขนฟูกว่าเดิมด้วยความความไม่พอใจที่ถูกห้อยพยายามเอาเท้าตะกุยมือของโรซานที่ถือหางของตัวเองอยู่ “ ข้าเจ็บ ปล่อยข้านะ ! ”
   
“ งั้นก็ใช้ร่างมนุษย์ซะสิ ข้าชอบร่างนั้นของเจ้ามากกว่าร่างจิ้งจอกงี่เง่านี้เยอะ ”
   
“ ฮืออ ปล่อยข้า ข้าไม่อยากให้คนอื่นเห็นหน้าข้าตอนข้าร้องไห้หรอกนะ ” เอสเตอร์โวยวายเสียงสั่นพยายามอย่างยิ่งยวดในการดิ้น
   
โรซานปล่อยมือออกจากหางเอสเตอร์ตามที่อีกฝ่ายต้องการ
   
ซึ่งเอสเตอร์ที่กำลังจดจ่อกับการตะกุยมืออยู่นั้นก็ร่วงผลักลงไปทันทีโดยไม่มีการเตรียมพร้อมแต่อย่างใด
   
โรซานยิ้มเมื่อเห็นร่างของสุนัขจิ้งจอกดิ้นพล่านอยู่บนพื้น
   
“ ฮือ ! โรซาน ข้าโกรธเจ้าแล้ว !! ” ร่างของสุนัขจิ้งจอกกระโดดโหยงมายืนจ้องหน้าโรซานหางฟูฟ่องตั้งขึ้นเพราะความโมโหที่ถูกปล่อยโดยพลการ
   
“ ข้าขอโทษ เอสเตอร์ ข้าจะไม่ทำอีกแล้ว ” โรซานพูดด้วยสีหน้าเศร้าสลดนั่งยองๆ ตรงหน้าเอสเตอร์ พลางก้มหน้ามองต่ำ

   “ เอ๋ .. ? ” หางฟูฟ่องค่อยๆ ตกลงแล้วเดินเข้าไปใกล้โรซาน “ โรซาน ? ” และเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยความงุนงงเพราะการยอมจำนนที่ง่ายกว่าที่คิด
   
“ จ๋า !! ” โรซานขานรับเสียงเข้มแสยะยิ้มคว้าเข้าที่ตัวเองเอสเตอร์และขว้างออกไปทันที
   
เอสเตอร์เบิกตากว้างขณะที่ลอยละลิ่วด้วยความช็อค แต่สัญชาตญาณของร่างกายก็ยังคงทำงานได้ดีเอสเตอร์เปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ทันใดค่อยๆ ลงมาเหยียบพื้นอย่างช้าๆ
   
“ โรซาน ! เจ้าขว้างข้าอีกแล้วนะ ฮืออ ” เอสเตอร์ชี้หน้าโรซานอย่างคาดโทษทั้งๆ ที่กำลังร้องไห้อยู่ “ เจ้าขว้างข้าเกือบร้อยรอบแล้วนะ ตั้งแต่ข้าเดินทางมากับเจ้า ฮือออ ”
   
โรซานยิ้มเผล่ “ ก็เจ้าในร่างนี้คุยด้วยง่ายกว่านี้ ”
   
“ ร่างไหนก็เหมือนกันนั่นแหละ ฮือ ข้าจะคืนร่างเป็นจิ้งจอกแล้ว ! ” เอสเตอร์เตรียมจะวาดมือในอากาศเรียกวงเวทของตัวเองออกมา
   
โรซานจับมือเอสเตอร์มากุมไว้ทันที “ ไม่เอาน่า เอสเตอร์ เจ้าในร่างนี้น่ารักคุยง่ายกว่าเยอะ เอางี้ถ้าวันนี้เจ้าอยู่ในร่างนี้ ข้าจะพยายามพูดดีๆ กับเจ้าแล้วกัน ”
   
เอสเตอร์เอียงคอไปมาอย่างครุ่นคิดถึงความคุ้มค่าที่จะทำ แต่เมื่อกลั่นกรองออกมาก็ได้ผลออกมาว่า “ ตกลงตามนั้นก็ได้โรซาน เจ้าสัญญาแล้วนะ ว่าจะไม่ด่าข้า ”
   
โรซานพยักหน้ารับ “ ตามนั้นนั่นแหละ ข้าแค่จะพยายามนะ ”

   เอสเตอร์ขมวดคิ้ว “ เจ้าเคยเห็นข้าเป็นเจ้าชายบ้างไหม โรซาน ” ดวงตาเริ่มแดงก่ำขึ้นมาอีกครั้งเมื่อนึกถึงเรื่องนี้
   
“ ไม่เลย ” โรซานบอกสั้นๆ
   
“ ฮืออออ ”
   
“ เอาน่า อย่างน้อยข้าก็ชอบเจ้าตอนร้องไห้นะ ” โรซานลูบหัวเอสเตอร์เบาๆ เชิงปลอบ “ เอาล่ะ พวกเราเดินทางกันต่อดีกว่า เดี๋ยวภารกิจของข้ากับเจ้าจะไม่เสร็จสักที ข้าอยากกลับไปนอนกินเหล้าสบายๆ ที่วังของเจ้าเต็มทนแล้ว ”
   
เอสเตอร์พยักหน้าหงึกหงัก ก้าวขาตามโรซานอย่างว่าง่าย
   
นี่เป็นเหตุผลที่ข้าชอบโรซานตอนไม่มีเหล้า
   
เพราะอารมณ์ของโรซานจะรุนแรงกว่าปกติเมื่อกินเหล้าเข้าไปแล้ว
   
แล้วแพะรับบาปก็คือข้าไงล่ะ ฮือออ
   
“ เอ้า ข้าไม่ได้ด่าเจ้า เจ้าก็หาเรื่องร้องไห้อีกได้อีกนะ !! ” โรซานโวยวาย
   
เอสเตอร์ไม่ตอบโรซาน
   
ทำไงได้ล่ะ มันเป็นนิสัยของข้าไปแล้วนี่
   
ฮืออออ

-------------

คิดถึงคู่นี้ค่ะ 55555555  :hao7: บทเลยตามมานิดหน่อย

ตอนหน้าเนื้อเรื่องเต็มๆ ค่ะ  :katai4:

* ภาพนิยายค่ะ XD
   



[attachment deleted by admin]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-09-2015 22:55:06 โดย Foggy Time »

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
เอสเตอร์เด็กขี้แย

ผ่านมาแว้บๆแล้วก็ไป  :hao4:


(แอบตกใจที่โรซานชอบดึงหาง มันน่าจะเจ็บน่าดูเลยนะ จับแล้วเหวี่ยงเนี่ย)

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ง้องแง้ง

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
เอสเตอร์น่ารักกกกกก
ว่าแต่อย่าลืมหาอะไรให้ดัฟกินนะ 555555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Hang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
รูปภาพ ..... โอ้ งามมมแท้แต่ดูไม่ออกว่าใครเป็นใคร สีผมเหมือนกันไปหมดเบยยย :really2:

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
-----ตอนที่ 26--------

ฮืมม
   
เสียงกู่คำรามในลำคอของลุกซ์ทำให้อากาศสั่นสะเทือนและผู้คนที่อยู่ข้างล่างต่างมองขึ้นฟ้าอย่างหวาดหวั่น ภาพมังกรขนาดยักษ์กางปีกกว้างจนบดบังทัศนียภาพบนท้องฟ้าทำให้พื้นที่ใต้ท้องนั้นดำมืดไปหมด นัยน์ตาสีเพลิงกลอกไปกลอกมาหาสิ่งที่ตนต้องการอย่างใจเย็นไม่สนใจเสียงวิพากษ์วิจารณ์หรือกรีดร้องอะไรทั้งสิ้น
   
มีแต่ป่ากับอสูรธรรมดาเต็มไปหมด
   
มังกรไฟพ่นลมหายใจที่เป็นไฟออกมาทางจมูกอย่างหงุดหงิดจนเกิดเป็นเพลิงขนาดย่อมไหลลู่กลับไปด้านหลัง แต่คนที่นั่งด้านหลังก็ไม่ได้ตกใจแต่อย่างใด เมื่อลูกไฟโลมเลียผ่านใบหน้าและหายไป

“ อย่าพ่นไฟสิ ลุกซ์ เจ้าจะทำให้ข้าร้อนกว่าเดิมนะ ” เอลล์เอ็ดเสียงดุแต่น้ำเสียงที่พูดยังแฝงความเหนื่อยล้าของเจ้าตัวไว้อย่างเต็มเปี่ยม ดวงตาที่เพิ่งจะกลับมามองเห็นอีกครั้งสั่นไหวอย่างควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ทั้งๆ ที่เจ้าตัวพยายามจะกดมันไว้ไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการกระทำของตัวเอง
   
ลุกซ์ส่งเสียงคำรามในลำคอเชิงรับรู้แล้วจึงตอบ “ ก็มันน่าหงุดหงิดนี่ ข้าพยายามหาช่วยเจ้าก็มีแต่อะไรไม่รู้วิ่งพล่านเต็มพื้นไปหมด ทั้งสัตว์ทั้งอสูรจนข้าตาลาย ”
   
เอลล์ยิ้มแล้วดึงขนอ่อนนุ่มตรงคอลุกซ์ออกมากระจุกนึง
   
“ โฮกก !! ” ลุกซ์หลุดเสียงร้องคำรามออกมาด้วยความเจ็บทำเอานกที่เกาะต้นไม้แถวนั้นบินหนีกันอย่างจ้าละหวั่น “ ทำอะไรของเจ้าน่ะ เอลล์ ข้าเจ็บนะ ”
   
เอลล์โปรยขนของลุกซ์ให้ปลิวไปตามลมแล้วจึงพูด “ ข้าแค่ทำให้อารมณ์ของเจ้าจางลงสักหน่อยด้วยการดึงความสนใจไปที่ความเจ็บแทนไงล่ะ ”
   
“ บอกข้าดีๆ ก็ได้ ” หัวมังกรยักษ์เหลือบกลับมามองเอลล์ด้วยสายตาตัดพ้อเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนจะบินต่อ
   
เอลล์หลุดหัวเราะออกมาเสียงเบา “ อย่างน้อยเจ้าใจเย็นลง ”
   
ลุกซ์ไม่ตอบรับอะไรยอมกลับไปมองหาสิ่งที่ตนต้องการตัวข้างล่างอย่างตั้งใจด้วยใจที่เย็นลง
   
เมื่อกี้อาจจะความใจร้อนทำให้ข้าหงุเหงิดจนมองข้ามอะไรบางอย่างไปก็ได้
   
เอลล์น่าจะรู้ถึงความจริงข้อนี้เลยดึงอารมณ์ของข้ากลับมา
   
“ ดูๆ ไปแล้ว ท้องฟ้านี่สีสวยจังนะ ”
   
ลุกซ์สะดุ้งเกือบจะหยุดบินไปชั่วขณะนึง
   
ทำไมอยู่ๆ เอลล์ถึงพูดถึงเรื่องนี้กัน ?
   
ลุกซ์จึงอดรู้สึกเป็นห่วงเอลล์ไม่ได้
   
ราชาภูตของข้า..
   
เอลล์เหลือบมองท้องฟ้าสีกระจ่างใสแล้วยิ้มจางออกมา “ ข้าชอบสีฟ้าที่สุดเลยล่ะ มันให้ความรู้สึกสุขุม เป็นกลาง เปิดรับทุกคน ให้ความรู้สึกดีๆ เวลาที่มอง ”
   
“ ข้าชอบสีแดง ”
   
เอลล์พยักหน้าหงึก “ อีกอย่างที่ข้าชอบมัน เพราะมันทำให้ข้ารู้สึกเหมือนเป็นอิสระ ” เอลล์หลุบตาลงต่ำลูบขนอ่อนนุ่มของลุกซ์เล่น “ เจ้าว่าไหม ถ้าหากข้าได้มองเห็นในช่วงเวลาที่ดีกว่านี้ก็คงดี ”
   
ลุกซ์ขยับปีกให้ช้าลงบินช้าลงกว่าเดิมเพื่อตั้งใจฟังสิ่งที่เอลล์กำลังจะพูด
   
“ ทำไมข้าต้องมองเห็นในวันที่เกิดสงครามกัน... ” เอลล์ยังคงยิ้มจางแต่น้ำเสียงนั้นสั่นไหว
   
ใครว่าราชาภูตเป็นผู้ที่เข้มแข็งที่สุดกัน
   
ใครๆ ก็สามารถอ่อนแอได้ทั้งนั้น
   
เมื่อเรื่องหลายเรื่องถาโถมเข้ามา
   
ก็ทรุดลงได้เหมือนกัน
   
“ อย่างน้อยเจ้าก็กลับมามองเห็นนะเอลล์ ” ลุกซ์พยายามเสียงอ่อนโยนแม้เสียงที่ออกมาจะคล้ายเสียงคำรามแหบๆ ของมังกร “ ข้าดีใจนะที่เจ้ามองเห็น มันไม่สำคัญหรอกว่าเจ้าจะมองเห็นวันไหน แค่เจ้ามองเห็นข้าได้ยิ้มให้ข้าได้ ข้าก็ดีใจแล้วล่ะ ”
   
“ อืม ” เอลล์รับคำเบาๆ เผลอยิ้มจริงๆ ออกมาอย่างไม่รู้ตัว เอลล์ตบหลังคอลุกซ์เบาๆ “ รีบหาเถอะ ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคุยกันหรอกนะ ”
   
ลุกซ์ส่งเสียงในลำคออย่างขอไปทีด้วยอารมณ์ที่กระจ่างใส
   
ขอแค่เอลล์ร่าเริงก็พอ
   
ชีวิตข้าขอแค่นี้เท่านั้น
   
ปั่กๆๆ
   
อารมณ์ดีๆ เมื่อกี้หายไปพลันเมื่อมือที่ลูบคอเบาๆ อยู่ดีๆ แปรเปลี่ยนเป็นการตีหนักๆ แทน “ นั่นๆ ลุกซ์ เจ้าลงไปดูตรงนั้นหน่อย ! ”
   
ลุกซ์เหลือบมองทิศทางที่มือเอลล์ชี้และมองตามไปทันที
   
เป็นเหมือนหมู่บ้านแถบชนบทนอกปราสาทที่ดูเรียบง่ายน่าอยู่ เพียงแต่ว่าตอนนี้หมู่บ้านทั้งหมู่บ้านกำลังถูกล้อมไปด้วยอสูร บ้านบางหลังถูกโจมตีพังไปกว่าครึ่ง ทางเดินที่ยุบเป็นหลุมไม่สามารถใช้สัญจรได้ ชาวภูตที่ดูเหมือนว่าหลงเหลืออยู่ไปรวมตัวกันที่กลางหมู่บ้านเป็นกระจุกหย่อมๆ ต่างพากันกอดกันกลมอย่างหวาดกลัว คนที่ยังคงยืนอยู่เป็นชาวต่างเผ่าชาวต่างๆ ที่ดูแปลกตาไม่เหมือนชาวภูต กำลังช่วยกันปกป้องชาวภูตกันอย่างสุดความสามารถแม้ว่ามีเพียงชาวภูตไม่กี่คนเท่านั้นที่ออกมาช่วยสู้
   
เสียงดาบฟาดฟันสลับกับการปล่อยเวทลูกย่อมใส่กัน เสียงความหวาดกลัวสลับกับเสียงด่าทอ ดังขึ้นมาถึงข้างบนชวนให้รู้สึกหดหู่ ลุกซ์เหลือบมองเอลล์อย่างรู้ความหมายบินถลาลงเกือบถึงพื้นแล้วพ่นอ้าปากพ่นไฟลูกยักษ์ใส่อสูรทุกตัวที่อยู่บนพื้น แม้ร่างจะขนาดใหญ่เทอะทะแต่ลุกซ์กับเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่วไล่พ่นไฟใส่อสูรที่วิ่งโรมรัมเข้ามา
   
“ มังกร ! ” เสียงพร่ำเรียกจากผู้คนที่เหลือน้ำเสียงเจือด้วยความหวาดกลัวว่าเมื่ออสูรถูกฆ่าจนหมดตนเองจะกลายเป็นเป้าหมายต่อไปในการฆ่าของมังกร คมดาบเดิมที่ใช้ฟาดฟันอสูรเปลี่ยนมาชี้เข้าที่มังกรยักษ์อย่างไว้เชิง
   
อสูรที่ถูกไฟของมังกรที่เป็นถึงลูกน้องอันดับต้นๆ ของคาร์บิลัสเผาเข้าไป ทรุดตัวล้มกองบนพื้นอย่างสิ้นท่า แม้จะไม่กลายเป็นชี้เถ้าก็ตามแต่ตามเกล็ดแข็งๆ ที่ดูเหมือนสะท้อนการต่อสู้ได้ทุกอย่างเปลี่ยนเป็นสีเสนิทไม่ทอประกายแวววาวแต่อย่างใด
   
เอลล์ก้าวขาลงจากตัวมังกรและเดินเข้าไปหาด้วยรอยยิ้มจาง
   
พร้อมรูปลักษณ์ใหม่
   
เสื้อคลุมกษัตริย์ได้เปลี่ยนเสื้อนักเดินทางเรียบๆ สีโทนอ่อนสบาย ผมสีเหลืองอ่อนที่เดินทีปล่อยตามธรรมชาติถูกรวบลวกๆ ไว้ดูคล่องตัวกว่าปกติ ดวงตาสีโกเมนเปลี่ยนเป็นสีอำพันเช่นเดียวกับอีกข้าง ทิ้งรูปลักษณ์กษัตริย์ไปโดยสิ้นเชิง ส่วนหน้ากากเปลี่ยนเป็นสร้อยคอลวดลายแปลกตาแทน
   
กษัตริย์มีได้เพียงองค์เดียวเท่านั้น
   
หากมีสองคนนับว่าเป็นกบฎ
   
เอลล์คิดเช่นนี้จึงได้เปลี่ยนรูปลักษณ์ของตัวเอง
   
“ พวกเจ้าไม่เป็นอะไรนะ ” เอลล์มองดาบที่ชี้มาที่ตัวเองอย่างไม่หวาดหวั่น
   
คมดาบที่ชี้ไม่ได้เอาลงเพราะความไม่ไว้วางใจของผู้ที่ถือ “ พวกเจ้าเป็นใครกัน ? มาดีหรือมาร้าย ” คนแคระที่ถือดาบใหญ่กว่าตัวเองเป็นเท่าตัวเงยหน้าถาม
   
เอลล์เหลือบไปมองลุกซ์เชิงว่ากลับมาเป็นคนสักที
   
คอที่ชูไปมาอย่างองอาจของลุกซ์ตกลงมาทันที ลุกซ์อ้าปากพ่นควันออกมาจางๆ ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นคนในเวลาไม่ถึงอึดใจ “ มาดีสิ ” ลุกซ์เดินเข้ามาเอามือแตะไหล่เอลล์นัยน์ตาสีเพลิงมองสำรวจพื้นที่รอบๆ
   
อย่างน้อยก็ไม่มีชาวภูตตาย..
   
“ ข้าจะเชื่อพวกเจ้าได้ยังไง ในเมื่อเจ้าสามารถฆ่าอสูรได้ง่ายๆ แบบนั้น  ถ้าหากพวกเจ้าต้องการฆ่าพวกข้าด้วยคงทำได้ง่ายๆ ” กษัตริย์ของเมืองมนุษย์ถามอย่างไม่ไว้ใจ

เอลล์ยังคงยิ้มตอบ “ ถ้าข้ามาร้ายจริง ข้าคงจะฆ่าพวกเจ้าไปพร้อมกันแล้วล่ะ ” ไม่พูดเปล่าเอลล์วาดวงเวทรักษาบนใต้เท้า อักขรแต่ละตัวเต็มไปด้วยความบรรจงการตวัดปลายตัวอักษรทำให้ดูแล้วรู้สึกถึงความอ่อนโยนของวงเวท
   
“ นั่นเจ้ากำลังทำอะไร !! ” ชาวภูตที่กอดกันกลมตะโกนถามดวงตาเบิกโพลงดวงความหวาดกลัวว่าจะถูกโจมตีอีกครั้ง ความหวั่นวิตกถาโถมเข้ามาในหัวทันที
   
เอลล์ไม่ตอบจนกระทั่งวาดอักขรเวทจนเสร็จเพื่อให้สิ่งที่ตนกำลังกระทำตอบคำถามแทน
   
ในช่วงขณะที่จะถูกตั้งข้อกังขาอีกครั้ง
   
ผู้ที่บาดเจ็บทั้งบริเวณก็รู้สึกถึงเวทรักษาอันอ่อนโยนและทรงพลังกว่าที่กำลังใช้รักษาตัวเองเป็นเท่าตัว เวทสีทองทักถอบนบาดแผลคล้ายภาพลวงตาแผลที่ฉีกขาดค่อยๆ เชื่อมกันจนสนิทอย่างน่าประหลาดจนเกิดเสียงอุทานด้วยความแปลกใจของผู้ที่บาดเจ็บ
   
“ แล้วคิดว่าข้ามาร้ายหรือเปล่าล่ะ ? ” เอลล์ยิ้มจางที่ช่วยขับกล่อมให้เจ้าตัวดูอ่อนโยนกว่าเดิม
   ลุกซ์ที่ยืนข้างๆ อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอยากกอดทันที แต่ก็ยังคงยืนด้วยท่าทางเคร่งขรึมเพื่อความเป็นการเป็นงาน
   
“ ข้าเชื่อเจ้าก็ได้ ” คนแคระคนเดิมถอนหายใจลดดาบในมือลงและเก็บใส่ฝักดาบ “ ข้าชื่อมารัส พวกท่านล่ะ ? “
   
“ ข้า เอลล์ ส่วนนี่ ลุกซ์ ” เอลล์แนะนำแทนลุกซ์เสร็จสรรพ
   
มารัสพยักหน้าหงึกหงักอย่างขอไปทีและหันไปมองคู่หูของตัวเองที่กำลังขะมักเขม้นกับการราดยาพิษใส่อสูรที่ล้มกองกันเป็นเบืออยู่ข้างหลัง “ ใจคอเจ้าจะไม่แนะนำตัวเลยรึไง เกททิน ”
   
เกททินเงยหน้าขึ้นมามองด้วยสานตาไม่สบอารมณ์และก้มลงสนใจสิ่งที่ตนกำลังทำต่อ “ ข้าชื่อเกททิน ”
   
เอลล์หันไปมองมนุษย์ที่นั่งกองอยู่บนพื้นหมดมาดไปโดยสิ้นเชิง แต่ไม่พูดอะไรเมื่อเห็นร่างที่เดิมชี้ดาบมาที่ตัวเองนั่งสัปหงกไปแล้ว คนอื่นๆ ที่อยู่รอบๆ หยักหน้าให้เอลล์เชิงทักทายแต่ไม่ได้แนะนำตัวแต่อย่างใด
   
เอลล์มองภาพตรงหน้าด้วยความดีใจ
   
เมื่อเห็นชาวภูตเปิดปากพูดคุยกับชาวดืนแดนอื่นอย่างเป็นปกติโดยไม่มีความหยิ่งทระนงเหมือนแต่เดิม สีหน้าเคร่งเครียดสลับกับยิ้มกว้าง
   
บางทีมันอาจจะไม่ได้มีข้อเสียเพียงอย่าวเดียว
   
มันอาจจะทำให้ชาวภูตเปิดใจมากยิ่งขึ้น
   
ลุกซ์เอามือหยาบลูบหัวเอลล์เมื่อรู้ถึงความรู้สึกของเอลล์
   
มารัสที่พยายามมองการแต่งตัวของเอลล์และคาดเดาว่าอีกฝ่ายมีฐานะแบบไหนและชาวอะไร พอทำเงินอะไรให้หรือไม่ หรือบอกแหล่งขายเหล้าก็ได้
   
ชุดดูดี ไม่เหมือนชาวภูตทั่วไป
   
อย่างน้อยๆ ก็ต้องมีฐานะพอสมควร
   
เทียบกับการแต่งกายและพลังเวท
   
หูแหลมกับดวงตาสีทองธรรมดา
   
ให้ข้อมูลเพียงแค่เป็นชาวภูตเท่านัน้

มารัสถอนหายใจ ตัดสินใจบอกข้อมูลที่รู้มาให้กับเอลล์โดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ เพราะรู้ดีว่าสงครามที่เกิดขึ้นยิ่งปล่อยไว้นานจะยิ่งเรื้อรัง สู้รู้ตัวการจะช่วยให้จบมันได้ไวขึ้น ดีไม่ดีอาจจะได้การตบรางวัลด้วย “ เอลล์ ข้ารู้มาว่า ผู้นำอสูรพวกนี้เป็นขุนนาง ”
   
เอลล์ขมวดคิ้วเป็นปมหันกลับมามองมารัสด้วยความข้องใจ
   
“ ท่านโกหกข้ารึเปล่า ? ”
   
“ ขอสาบานด้วยความสัตย์จริงว่าข้าไม่ได้โกหก ”
   
เอลล์คิดด้วยความหนักใจ
   
พูดเป็นเล่น จะมีขุนนางที่คิดร้ายต่อดินแดนของตัวเองได้ลงคอขนาดนี้เชียวหรือ
   
“ อาจจะเป็นจริงก็ได้เอลล์ ” ลุกซ์พูดด้วยสีหน้าอ่านยาก “ เจ้าก็รู้นี่ว่า เราไม่สามารถอ่านใจใครได้เหรอกนะ ไม่อย่างงั้นกบฎจะเกิดขึ้นมาได้ยังไงล่ะ เอลล์ ”
   
เอลล์พยักหน้าสีหน้าเคร่งเครียด
   
ลุกซ์เอามือนวดหว่างคิ้วของเอลล์จนคลาย “ อย่าเครียดสิเอลล์ ถ้ามีจริงๆ เราก็แค่ลงโทษสถานหนัก . สงครามมันเกิดขึ้นมาแล้ว ตอนนี้เราแก้อะไรไม่ได้แล้วล่ะ เอลล์ สิ่งที่ได้ตอนนี้คือรีบยุติมันไงล่ะ ”

เอลล์ยิ้มตอบ
   
“ นั่นสินะ ”
   
“ ระวัง !! ”
   
อึ่ก...
   
ลุกซ์เบิกตากว้างเมื่อกลางลำตัวของตัวเองถูกทะลวงด้วยกรงเล็บแหลมคมของอสูร

----------------------
 :katai5: คลานมาอัพเงียบๆ
      
   
   
   
   
   
   
   
   
   

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
เห้ยยยยยยยยยยยยยย

 o22 o22

ทำไมลุกซ์โดนเสียบได้ล่ะเนี่ย เวงกำๆ มังกรน่าจะหนังเหนียวนะ รักษาตัวเองได้ไหมนั่น

 :hao5:

ลากเอลล์กลับไปอยู่กับฟาร์คัสเถอะค่ะ กลัวฮิมได้รับบาดเจ็บ

(ส่วนลุกซ์ก็หาหมอแถวๆนั้นรักษาไปก่อนละกัน อย่าเพิ่งตายเน้อ)

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
โง้วววว

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
เอ้ยยยยยยยย ใครแทง
สถานการณ์กำลังจะดีอยู่แล้วเชียว
งื้อออ อย่าเป็นอะไรไปนะลุกซ์

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
ลุกซ์ตอบโต้กลับทันทีด้วยการซัดอสูรออกไกลจนมันไถลไปกับพื้นและเผลอขมวดคิ้วเมื่อเห็นรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไปของอสูร
   
เอลล์มองภาพตรงหน้าด้วยความตกใจ แต่สติที่มียังคงแจ่มชัดไม่กระเจิดกระเจิงไปเพราะการฝึกฝนมาตลอดยามที่มองไม่เห็นอะไร ต่อให้เรื่องคอขาดบาดตายยังไงสิ่งที่พึงมีก็คือสตินั่นเป็นคำสอนที่เอลล์ถูกพร่ำสอนมาตลอด เอลล์ท่องเวทรักษาเยียวยาลุกซ์ทันทีโดยไม่คิดอะไรทั้งนั้น “ ลุกซ์ เจ้าอย่าเป็นอะไรนะ ” เอลล์ไม่แม้แต่จะกำจัดศัตรูก่อนด้วยซ้ำเพราะกลัวว่าลุกซ์จะตาย
   
ลุกซ์เอามือกุมท้องยิ้มแห้งๆ ให้เอลล์ “ คิดว่านะ ” แล้วหันหาตัวการทันที
   
ฮื่อออ
   
อสูรที่เดิมทีนอนกองอยู่บนพื้นกลับมายืนอย่างมั่นคงอีกครั้งเกล็ดไหม้ๆ ของมันเปลี่ยนเป็นสีดำมันวาวเขาบนหัวงอกยาวกว่าเดิมรวมถึงกรงเล็บที่ใช้ทะลวงท้องของลุกซ์
   
เลือดหยดลงบนพื้นเป็นวงกว้าง
   
ดูทั้งสวยและน่าสยดสยองในเวลาเดียวกัน
   
“ ทำไมมันถึงได้ฟื้นขึ้นมาอีกล่ะ !! ” กษัตริย์เมืองมนุษย์โวยวายชี้ดาบสั่นๆ ไปที่อสูรรอบตัวที่เริ่มล้อมกรอบเดินกันเข้ามาอีกครั้ง
   เกททินเหลือบมองด้วยสายตาเหยียดหยาม “ ใครจะไปรู้ล่ะ ไอ้งั่ง ! ” และหยิบยาพิษออกมาเตรียมไว้ในมือเพื่อที่จะโจมตีเมื่อมีโอกาส ที่เกททินไม่โยนยาพิษใส่อสูรทันทีเลยก็มีเหตุผลไร้สาระอยู่คือ เจ้าตัวงกยา ส่วนเหตุผลที่มีสาระคือต้องการดูเชิงอสูรก่อน
   
มารัสปักดาบบนพื้นดึงตัวเองขึ้นมายืนอีกครั้ง “ เฮ้อ ข้าว่าจะจิบเหล้าของโรซานซะหน่อย ยังจะมีก็อกสองอีก ”
   ส่วนชาวภูตและคนอื่นๆ ที่เพิ่งถูกรักษาไปหยกๆ ก็มานั่งรวมกลุ่มกันตรงกลางอีกครั้งจนหนาแน่น ปล่อยให้ผู้มาเยือนทั้งหลายออกแนวตั้งรับแทน
   
มันไม่ใช่ความเห็นแก่ตัวอย่างที่ใครคิด
   
เพราะการพ่ายแพ้ในครั้งแรกมันได้ฝังใจชาวภูตไปแล้ว
   
ยิ่งภาพที่มังกรไฟที่ช่วยกำจัดอสูรให้ถูกอสูรทำร้ายเข้าอีกครั้ง
   
มันกระตุ้นให้ชาวภูตรู้สึกหวาดกลัวยิ่งกว่าเดิม
   
ทั้งๆ ที่คิดว่ามันกำลังจะดีขึ้นกลับแย่ลง
   
ชาวภูตก้มตัวลงกอดเข่าด้วยความรู้สึกผิดและกำมือแน่นเมื่อได้ยินเสียงคำรามอื้ออึงในลำคอของอสูร
   
ลุกซ์ลูบท้องที่เลือดยังไม่หยุดไหลของตัวเองเซ็งๆ
   
จะให้ข้าเลียมันก็ยังไงอยู่นะ
   
เวทรักษาของเอลล์ช่วยให้ไม่รู้สึกเจ็บแผลแต่แผลที่หน้าท้องของลุกซ์กลับไม่มีทีท่าจะสมานกันแต่อย่างใดยังคงเป็นเนื้อเหวะและเลือดที่ไหลออกมา
   
เอลล์หน้าซีดลงอย่างน่าเป็นห่วง “ ลุกซ์ทำไมมันถึงไม่หายละ ” มือสั่นๆ พยายามวาดวงเวทรักษาบนหน้าท้องให้ลุกซ์อีกครั้ง
   
ลุกซ์จับมือเอลล์ไว้และลูบมันเบาๆ “ ช่างมันไปก่อนน่า ข้าไม่เป็นอะไรหรอกเอลล์ แผลแค่นี้จิ้บๆ สบายมาก ”
   
โฮก !
   
เหล่าอสูรคำรามออกมาเผยให้เห็นเขี้ยวแหลมๆ เมื่อมีตัวเริ่มคำรามตัวอื่นก็เริ่มคำรามตามจนเกิดเป็นเสียงระคายยหูที่ฟังแล้วขนลุก
   
ลุกซ์ปล่อยมือจากเอลล์หันไปเผชิญหน้ากับอสูรที่เพิ่งทำร้ายตนไปหมาดๆ
   
และต้องสะดุ้งอีกครั้งเมื่อรู้สึกถึงพื้นที่สั่นสะเทือนจากการย่ำเท้าและลงฝีเท้าหนัก
   
ตึง... ตึง.. ตึง..
   
มันเป็นเสียงของตัวอะไรกันแน่.. ?
   
ลุกซ์ครางฮื่อในลำคออย่างตึงเครียดเมื่อเสียงฝีเท้าหนักหยุดย่ำลงทำให้พื้นที่ในบริเวณเงียบสนิทไม่มีเสียงอะไรแม้แต่อย่างเดียว
   
“ มันคืออะไร.. ” เด็กชาวภูตที่ยื่นหน้าออกมาดูต้นเสียงด้วยความอยากรู้และต้องเบิกตากว้างน้ำเสียงสั่นเพราะความกลัวที่จับขั้วหัวใจ
   
โฮกกกกกกก
   
เสียงคำรามดังลั่นจนพื้นดินสั่นสะเทือนใบไม้บนต้นไม้พริ้วไหวอากาศแปรปรวน
   
เอลล์ที่เดิมเพียงตั้งหน้าตั้งตารักษาลุกซ์รับหันหลังไปมองทันทีเพราะเสียงที่ว่ามันอยู่ข้างหลังเอลล์
   
นัยน์ตาสีแดงก่ำขนาดยักษ์กำลังเผชิญหน้ากับเอลล์
   
เอลล์เผลอกลืนน้ำลายลงคออย่างไม่รู้ตัว
   
เพราะเพียงแค่ขนาดนัยน์ตานั้นก็มากกว่าเอลล์เป็นที่เท่าตัวแล้ว

ลุกซ์ที่เหลือบหันมามองบ้างถึงกับสะดุ้ง “ เฮ้ย เดี๋ยวๆ นี่เจ้าจะตัวใหญ่เกินไปแล้วนะ ”
   
แทนคำตอบของชาวภูตอสูรคำรามออกมาเสียงดังลั่นแขนทรงพลังปล่อยหมัดใส่เอลล์ทันที
   
เอลล์กระโดดหลบทันทีที่เห็นมืออสูรขยับ ในมือถือคทาเวทถักทอจากไม้เลื้อยชี้ไปที่อสูรด้วยสีหน้าเด็ดเดี่ยว เอลล์สูดหายใจลึกกลืนความรู้สึกทั้งหมดลงไปหรือเพียงเพียงสมาธิจดจ่อกับการต่อสู้
   
เพราะในที่แห่งนี้มีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถต่อกรกับอสูรนี้ได้
    
แสงสว่างทอประกายวาบจากคทาของเอลล์พร้อมกับการปรากฎตัวของงูสีขาวอมเหลืองขนาดยักษ์มันชูคอขึ้นขู่ฟ่อใส่อสูรและฉกไปที่ดวงตาของอสูรทันที
   
ร่างอสูรยักษ์คว้าหมับเข้าที่ตัวงูได้ทันควันแต่งูที่ถูกจับก็ไม่ได้สิ้นฤทธิ์แต่อย่างใดงับเข้าที่เกล็ดแข็งๆ อสูรพยายามอย่างยิ่งในการแทงเขี้ยวลงในเกล็ดให้จมลึกเพื่อปล่อยพิษร้าย นัยน์ตาของอสูรเปลี่ยนสีเป็นสีดำใช้กรงเล็บอีกของมืออีกข้างแทงเข้าที่หัวงู
   ในขณะเดียวกันนั้นเอลล์ก็ได้เปลี่ยนคทาเวทให้กลายเป็นดาบผสานเวทความหนักอึ้งของดาบบอกถึงความทรงพลังของดาบถ้าหากถูกแทงเข้าไปพลังของดาบก็จะประทุออกและสลายร่างของอสูรทันที เอลล์กระชับมือที่ถือดาบทั้งๆ ที่เริ่มเหงื่อผุดตามไรผม
   มารัสที่เดิมทีกำลังไล่ฟันอสูรที่ฟื้นขึ้นมาอีกครั้งเห็นดาบของเอลล์ก็โยนดาบในมือของตัวเองทิ้งทันที “ มาข้าเอง !! ” มารัสตะโกนเสียงดังลั่นพุ่งตัวไปหาเอลล์พร้อมกับยื่นมาออกไปรับดาบ
   
เอลล์เลิกคิ้วงงๆ ยื่นดาบที่ถือให้มารัสไปอย่างเผลอไผลเพราะไม่คิดว่าจะมีใครมาแย่งดาบในมือ
   
มารัสแสยะยิ้มอย่างพอใจเมื่อได้ดาบที่ทรงพลังมาถือ แววตาของมารัสทอประกายความตื่นเต้นพุ่งตัวเข้าไปหาอสูรยักษ์ตามสัญชาตญาณทันที
   
อสูรหันมาทองมารัสทันทีและยื่นมือมาหมายจะคว้าตัวมารัสเอาไว้
   
เกททินเห็นภาพตรงหน้าถึงกับสะดุ้งจนตัวลอย “ โว้ยยยย ไอ้บ้ามารัส ตามีไว้ทำไมวะ ไม่เห็นไงว่ามันอันตราย ! ” ล้วงเอายาพิษในเสื้อท่องเวทเสริมความแม่นยำในการโยนและปาใส่ดวงตาของอสูรยักษ์ ซึ่งเมื่อปาเสร็จก็หลบกรงเล็บของอสูรที่สู้ด้วยอยู่ได้อย่างเฉียดฉิว
   
อสูรยักษ์ขว้างงูที่สิ้นฤทธิ์ในมือทิ้งไปและกุมดวงตาของตัวเองคำรามออกมาอย่างเจ็บปวด เลือดค่อยๆ หยดไหลผ่านมือของอสูรจนทั้งมือของอสูรเต็มไปด้วยเลือด
   
“ เพราะว่าข้ารู้ไงว่าจะช่วยข้า ” มารัสยิ้มอย่างอารมณ์ดีกระชับดาบในมืออีกครั้งเตรียมจะฟันเข้าที่ตัวอสูรซ้ำอีกครั้ง
   เอลล์เบิกตากว้างพุ่งตัวเข้าไปคว้าคอเสื้อของมารัสและพาร่างของมารัสห่างออกมาจากอสูรทันที
   
“ โอ้ยย ปล่อยข้า เมื่อกี้ข้าจะฟันตามันได้แล้วนะเฟ้ย ” มารัสโวยวายตัวดิ้นขลุกขลักพยายามให้ขาที่เหยียบอยู่บนอากาศได้เหยียบพื้นอีกครั้ง
   
ลุกซ์จัดการใช้เวทไฟกับกรงเล็บที่งอกยาวออกมาจากนิ้วแทงเข้าที่ท้ายทอยของอสูรใกล้ตัวที่สุดและถอยห่างออกมายืนใกล้ๆ เอลล์ “ เจ้าเห็นอะไรกันเอลล์ ” โดยที่ไม่รู้ตัวเลือดของลุกซ์ค่อยๆ เปลี่ยนสีเป็นสีดำ
   
ในตอนนี้พื้นที่โดยรอบนั้นเหลืออสูรไม่กี่ตัวเท่านั้นที่ยังคงส่งเสียงคำรามในลำคอเพราะในบางส่วนได้ถูกทั้งลุกซ์ เกททิน มารัส กษัตริย์เมืองมนุษย์ช่วยกันกำจัดกันไปเกือบหมดแล้ว โดยส่วนใหญ่ที่กำจัดก็คือลุกซ์
   
เอลล์พูดสั้นๆ “ มันกำลังคลุ้มคลั่ง ”
   
มารัสอ้าปากค้างชี้มือสั่นๆ ไปที่อสูรยักษ์ “ อย่าบอกนะถ้าข้าโดนไอ้หมอกดำๆ นั่นข้าจะเละ ”
   
เอลล์พยักหน้ารับ
   
“ ข้าต้องทำอะไรเอลล์ ” ลุกซ์ถามออกมาเพราะรู้ดีว่าเอลล์กำลังวางแผนอะไรบางอย่างอยู่ ใบหน้าสุขุมหายใจเข้าออกช้าเป็นสัญญาณบอกลุกซ์อยู่กลายๆ ลุกซ์อยู่กับเอลล์มานานจนสามารถอ่านความรู้สึกบนใบหน้าหรือเดาความคิดบางอย่างของเอลล์ออก แต่ก็แค่บางครั้งเท่านั้น
   
“ พวกเจ้ากำจัดที่เหลือไปแล้วกัน ข้าจะรับมือมันเอง ” เอลล์แย่งดาบในมือมารัสคืนและปล่อยตัวมารัสลงอย่างอ่อนโยน
   
ลุกซ์ส่ายหน้าไม่เห็นด้วย “ เอลล์ เจ้าเพิ่งบอกกับข้าไปหยกๆ ว่ามันอันตราย แล้วนี่เจ้ายังจะรับมือกับมันคนเดียวอีกงั้นเหรอ ”
   
เอลล์หลุบตาลงมองไปที่ท้องของลุกซ์และยิ้มจาง “ อย่าลืมสิว่าข้าเคยเป็นอะไรมาก่อน ”
   
เลือดสีดำสนิทของลุกซ์ทำให้ใจของเอลล์ปวดหนึบ
   
เพราะฉะนั้นข้าจะไม่มีทางให้ลุกซ์ต้องบาดเจ็บไปมากกว่านี้
   
ลุกซ์ขมวดคิ้วงงๆ เหลือบมองหน้าท้องของตัวเองบ้าง “ เฮ้ย ! ทำไมเลือดข้าดำล่ะ ” ลุกซ์อุทานออกมาและเงยหน้าขึ้นมาหมายจะถามเอลล์ถึงสาเหตุ
   
แต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า
   
เพราะเอลล์ได้พุ่งเข้าไปหาอสูรยักษ์แล้ว !
   
ลุกซ์กัดฟันกรอดสบถกับตัวเอง
   
ข้ากลัวจริงๆ ว่าเอลล์จะพลาดทำร้ายตัวเอง
   
แต่ลำพังข้าตอนนี้คงมีแต่จะเป็นตัวถ่วง
   
ข้าเกลียดความอ่อนแอนี่ชะมัด
   
ทันทีที่เข้าใกล้ตัวอสูรได้เอลล์ก็เปลี่ยนจากดาบกลายเป็นหอกขว้างใส่อสูร อสูรยักษ์แสยะยิ้มทั้งๆ ที่ดวงตาข้างนึงถูกทำลายไปแล้ว มันใช้มือยักษ์ปัดป้องหอกของเอลล์
   
เอลล์ยิ้มเมื่อเป็นไปตามที่คิด หอกที่ถูกปัดออกแปรเปลี่ยนเสือตัวย่อมเมื่อเท้าของมันแตะพื้นก็กระโจนเข้าไปหาอสูรยักษ์ทันที หมอกสีดำสนิทรอบตัวอสูรยักษ์ค่อยเคลื่อนตัวของมันอย่างช้าๆ และหมุนริ้วพุ่งเข้าไปหาเสือเช่นกัน สัตว์ตระกูลแมวขนาดยักษ์คำรามออกมาดังลั่นเมื่อกระแทกตัวของกับหมอกของอสูร เอลล์ผุดยิ้มเมื่อเสือของตัวเองสลัดหมอกดำออกจากตัวได้อย่างสบายๆ อีกทั้งยังกัดเข้าที่หลังคอของอสูรได้แม่นยำ
   
อสูรยักษ์ใช้มือปัดป่ายไปทั่วอากาศรอบตัวเริ่มร้อนขึ้นทุกที
   
เอลล์ตะโกน “ ลุกซ์ ข้าฝากเจ้าดูแลด้วย อสูรมันกำลังเรียกเวทไฟออกมา ”
   
ลุกซ์ยิ้มรับคำขอสั่งดีดนิ้วเบาๆ เรียกให้เพลิงของตัวเองล้อมกรอบเป็นวงกลมปกป้องทุกสิ่งที่อยู่ภายในและมอดไหม้ศัตรูหรืออะไรที่ไม่เกี่ยวข้องที่กล้ำกลายเข้ามา
   
อสูรที่เหลือจำนวนไม่มากที่ถูกไฟอันร้อนแรงของลุกซ์กรีดร้องออกมาและวิ่งพล่านอย่างลนลานพยายามสลัดเพลิงที่ติดตามตัวออกอย่างบ้าคลั่ง
   
“ งั้นข้าขอออกไปตบพวกมันก่อนนะ จะได้หมดๆ สักที ” มารัสหันมาบอกลุกซ์ในมือถือดาบคู่ใจของตัวเองที่เพิ่งถูกโยนทิ้งอย่างน่าอนาถใจ “ อย่าเผาข้าล่ะ ” มารัสไม่ลืมบอกสิ่งสำคัญ
   
“ เออน่า ” ลุกซ์พยักหน้าส่งๆ
   
มารัสเมื่อได้รับคำอนุญาติของเจ้าของกำแพงเพลิงก็ฝ่าออกไปทันทีอย่างไม่เกรงกลัว และไล่ตามเก็บอสูรที่เหลืออย่างสนุกสนานราวกับว่ากำลังเล่นอยู่
   
เมื่อสิ่งที่ทำให้ห่วงหมดไปแล้ว เอลล์ก็ถอนหายใจออกมาเพื่อโยนความเมตตาของตัวเองทิ้ง “ ถึงเวลาที่จะกำจัดเจ้าแล้ว หัวหน้ากบฎ ! ” เอลล์สะบัดมือครั้งนึงเรียกให้ดาบของตัวเองปรากฎเพิ่มขึ้นมา
   
ฉับพลันพื้นที่โดยรอบก็ถูกลูกเพลิงยักษ์จากท้องฟ้าพุ่งเข้าชนทันที
   
ตูม !
   
เอลล์เบิกตากว้างเอามือป้องตาของตัวเองไว้ไม่ให้ตาพร่า เวทย์ป้องกันตัวปรากฎขึ้นป้องกันตัวเองโดยอัตโนมัติ เอลล์สะดุ้งเมื่อพื้นที่โดยรอบถูกเพลิงโลมเลียอย่างตะกละต้นไม้กลายเป็นสีดำทันควันพื้นดินแห้งกรอบแตกระแหง เอลล์ขบเคี้ยวฟันด้วยความโมโห วาดอักขระเยียวยาแผ่นดินออกมาพร้อมกัดนิ้วของตัวเองสลัดใส่อากาศ คล้ายกับเป็นการตอบรับของอักขระเวท มันส่งเสียงดังไพเราะออกมาครั้งนึงและประทับลงบนแผ่นดิน พื้นที่โดยรอบกลับมาเขียวขจีอีกครั้งและดุเหมือนจะอุดมสมบูรณ์มากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว เอลล์ไม่หยุดเพียงเท่านี้ร่ายเวทเรียกให้ฝนตกพรำไปทั่วบริเวณเพื่อดับไฟที่ยังหลงเหลือ
   
อสูรยักษ์กู่ร้องคำรามออกมาเมื่อเสือของเอลล์ไม่ได้ถูกไฟคลอกตายไปด้วยมันยังสามารถกัดเข้าที่ท้ายทอยจนจมเขี้ยว มันกระวนกระวายจนสามารถคว้าหมับเข้าที่เสือของเอลล์ได้แต่นั้นก็ดูเหมือนจะไม่มีผลอะไรเพราะเสือของเอลล์ได้เปลี่ยนรูปอีกครั้งพุ่งเข้ามาที่ดาบของเอลล์
   
ดาบของเอลล์กำลังประทุพลังออกมาจนมีเสียงแปลบปลาบในอากาศ
   
แววตาของเอลล์ฉายแววความเด็ดเดี่ยวก่อนที่จะฟันเข้าที่หัวของอสูรจนขาดอย่างง่ายดายแม้ว่ามันจะมีขนาดเป็นสองเท่าของเอลล์ก็ตาม
   
ตุบ..
   
หัวของอสูรตกลงตรงหน้าของลุกซ์พอดี
   
“ น่าเกลียดชะมัด ” ลุกซ์มุ่ยหน้าเตะหัวอสูรออกไปจนกลิ้งไถลเข้าไปหากษัตริย์เมืองมนุษย์
   
“ เฮ้ยยย จะเตะมาที่ข้าทำไมเล่า ข้าไม่เอา ! ” กษัตริย์ชาวมนุษย์ลนลานวิ่งหนีไปอีกทางทันที
   
“ ใจเสาะ ” ลุกซ์ถอนหายใจเบื่อๆ และมองหาราชาภูตของตัวเอง แต่ยังไม่เรียกก็รู้สึกแรงกอดเข้าที่ข้างหลังพอดี หัวอุ่นๆ กำลังถูไถลุกซ์คล้ายกับกำลังอ้อนแต่ถ้าไม่ติดความรู้สึกเปียกๆ บนหลัง
   
“ ลุกซ์... ทำไมเลือดของเจ้ากลายเป็นสีดำล่ะ ” เอลล์ที่เด็ดเดี่ยวหายไปแล้วเหลือเพียงความอ่อนแออยู่เจือจาง
   
ลุกซ์ยิ้มดึงมือของเอลล์ออกเบาๆ “ หันมาคุยกันดีๆ เอลล์ ”
   
เอลล์ยอมปล่อยออกมาอย่างง่ายดาย
   
ลุกซ์ดีดนิ้วเพื่อคลายเวทกำแพงเพลิงของตัวเองออก “ เอาล่ะ เอลล์ เจ้าใจเย็นๆ ก่อนที่มันรักษาไม่ได้เพราะใจของเจ้ายังไม่สงบพอไงล่ะ ”
   
เอลล์พยักหน้าหงึกหงัก
   
“ เอาล่ะ สูดหายใจเข้าลึกๆ เอลล์ ” ลุกซ์ลูบหัวเอลล์พูดอย่างอ่อนโยน
   
เอลล์ทำตามที่ลุกซ์ว่าจนสงบลง
   
“ ร่ายเวทเลยเอลล์ ”
   
เอลล์ค่อยๆ ร่ายเวท แสงสีทองทักถอบนหน้าท้องของลุกซ์อย่างเชื่องช้าเลือดสีดำค่อยๆ ระเหยออกไปในอากาศ รอยยิ้มปรากฎบนหน้าเอลล์เมื่อหน้าท้องของลุกซ์กลับมาราบเรียบอีกครั้ง
   
“ เห็นไหม แค่ใจเย็นๆ เดี๋ยวมันก็ผ่านไปด้วยดีนั่นแหละ เอลล์ ”
   
เอลล์ไม่ตอบรับอะไรเพียงแค่ยิ้ม
   
“ เดี๋ยวก่อนพวกท่าน ” มารัสเอ่ยขัดสีหน้าส่อแววความหงุดหงิด “ ทำไมเสื้อผ้าของข้าตอนนี้มันไหม้ล่ะ !! ”
   
“ ก็เจ้าโดนเพลิงลูกนั่นของอสูรนี่ ไม่ตายก็ดีแล้ว ” เอลล์เป็นคนตอบ
   
มารัสหน้ามุ่ยชูอะไรบางอย่างในมือให้เอลล์เห็น “ มันปลิวมาโดนหัวข้าพอดีตอนเจ้าตัดหัวอสูร ”
   
เอลล์สะดุ้งลนลานเข้าไปหามารัส “ ขอข้าดูหน่อย ”
   
มารัสยื่นมันให้เอลล์ง่ายๆ
   
เอลล์รับมาดูด้วยสีหน้าเคร่งเครียดรอยยิ้มบนใบหน้าหายไปอีกครั้ง

สิ่งที่อยู่ในมือเป็นตุ๊กตาไม้มีดวงตาและปากเป็นรอยกรีดลึกตรงกลางตัวมีสิ่งที่คล้ายเขาอสูรทะลุอยู่ “ ลุกซ์... ” เอลล์เรียกลุกซ์ด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน “ สิ่งที่ข้าเพิ่งฆ่าไปเมื่อกี้เป็นเพียงหุ่นเชิดเท่านั้น ”
   
ซึ่งนั่นก็หมายความสิ่งที่ข้าคิดนั่นผิดไป
   
อสูรยักษ์ที่ตอนแรกข้าคิดว่าเป็นหัวหน้ากบฎนั้นเป็นเพียงหุ่นฟาง
   
แปลว่าหัวหน้ากบฎนั้นยังมีชีวิตอยู่
   
ลุกซ์ถอนหายใจเซ็งๆ หยิบตุ๊กตาไม้จากมือเอลล์ไปพิจารณา “ งี่เง่าชะมัด ”
   
มารัสกระโดดโหยงเหยงโบกไม้โบกมือเรียกความสนใจมาที่ตน “ เห็นไหมๆ ข้าบอกแล้ว ว่าชาวภูตนั่นแหละ เป็นหัวหน้ากบฎชัวร์ ”
   
“ ข้าจะรับฟังไว้แล้วกัน ” เอลล์ถอนหายใจบ้างเหลือบมองชาวภูตที่รวมกลุ่มกันเป็นวงล้อมขนาดใหญ่ “ งั้นข้าจะส่งพวกเจ้าไปที่ปราสาทส่วนในแล้วกัน ในนั้นน่าจะปลอดภัยกว่าที่นี้ ”
   
ชาวภูตที่นั่งกอดเข่าเผลออุทานกันออกมาอย่างตกใจเพราะในพื้นที่ปราสาทส่วนในนั้นมีเชื้อพระวงศ์เท่านั้นที่จะเข้าไปอยู่ในบริเวณนั้นได้ แต่ก็ไม่ได้มีใครก็ถามออกมาเพราะกลัวจะถูกเปลี่ยนใจ
   
เอลล์หลับตาลงใช้เวลาครุ่นคิดสั้นๆ แล้วเสกนกพิราบสีขาวออกมาในปากของมันคาบซองจดหมายที่ถูกเขียนด้วยอักขระเวท “ มารัส เจ้าจะไปปราสาทส่วนในด้วยไหม ”
   
มารัสพยักหน้าโดยไม่ต้องคิด “ ไปสิ ไป ” เพราะนั้นคือเป้าหมายหลักของมารัสและเกททิน เกททินเหลือบมองมารัสและถอนหายใจเซ็งๆ เดินเข้าไปรวมกลุ่มกับภูต
   
“ งั้นเจ้าเอานกพิราบนี้ไปด้วยแล้วกัน ” เอลล์ลูบหัวมันเบาๆ และปล่อยให้มันบินพึ่บพี่บไปเกาะที่ไหล่ของมารัส “ เดี๋ยวเจ้านกพิราบนี้จะเป็นใบเบิกทางให้พวกเจ้าเอง ”
   
“ งั้นก็ลาล่ะ ถ้ามีโอกาสไว้มาจิบเหล้าด้วยกันล่ะ เอลล์ ลุกซ์ ” มารัสหัวเราะร่าอย่างอารมณ์ดี
   
เอลล์ยิ้มรับวาดเวทเดินทางใต้เท้าของตัวเองด้วยอักขระขนาดใหญ่ก่อนที่จะกระทืบเท้าบนมันเบาๆ จนกลายเป็นวงเวทขนาดยักษ์เคลื่อนไปตรงกลางที่ชาวภูตยืนออกันอยู่
   
“ ลาล่ะ ” ลุกซ์บอกสั้นๆ
   
ส่วนชาวภูตคนอื่นๆ ที่อยู่ในวงเวทต่างยิ้มกว้างกันอยู่ดีใจบางคนถึงกับร้องไห้ออกมาเมื่อรู้ว่าตัวเองจะได้ไปอยู่ที่ปลอดภัยที่มีเพียงเชื้อพระวงศ์เข้าได้ แม้จะรู้สึกข้องใจในตัวของผู้ช่วยเหลือแต่ความดีใจก็กลบคำถามที่มีอยู่ในใจจนมิดแทนที่ด้วยรอยยิ้มที่ยิ้มให้เอลล์
   
เอลล์ยิ้มบางโบกมือลาและเวทที่อยู่บนพื้นก็ทำงาน
   
แสงเหลืองนวลโฉบไล้ไปทั่วก่อนที่ทุกคนที่อยู่ในวงเวทหายไป
   
โดยที่ไม่มีใครสังเกตว่ามีชาวภูตผู้นึงสวมชุดคลุมปกปิดใบหน้าแสยะยิ้มอย่างพอใจ

-------------------

TBC.  :katai5:

ตอนนี้กินพลังชีวิตมาก 55555 ฉากสู้ก็เยอะเขียนย้ากยาก ปมที่มีอยู่ก็พันกันมากกว่าเดิมอีก

ไม่ได้เขียนฉากต่อสู้จริงๆจังๆ นานแล้ว ไม่แน่ใจว่าจะสนุกไหม  :hao4:

  :L1: ขอบคุณทุกคอมเมนต์ค่ะ

* ตอบเม้น

คุณ บลูเชอร์รี่ : ลุกซ์มีหมอส่วนตัวไม่ต้องหาใครหรอกค่ะ  :hao7:

คุณ •♀NoM!_KunG♀• : เอ ตอบยังไงดี 5555 งั้นโง้ววววกลับแล้วค่ะ

คุณ lizzii : สถานการณ์ขึ้นๆ ลงๆ เป็นเรื่องปกติของเรื่องนี้เลยค่ะ 5555

# ไร้สาระ เป็ดเด็กช่างแล้วกรี้ด
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
      
   

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
 :mew1:

มาแล้วววววว ตอนยาวด้วย ดีใจ  :hao5:

เนื้อเรื่องเริ่มเครียดขึ้นเรื่อยๆ ยังไม่มีตัวร้ายออกมาซักกะคน

 :z3:

ถามคุณ Foggy Time นิดนะค้า ในเรื่องนี่ใครพลังเวทย์แกร่งที่สุด?

 :laugh:


ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
:mew1:

มาแล้วววววว ตอนยาวด้วย ดีใจ  :hao5:

เนื้อเรื่องเริ่มเครียดขึ้นเรื่อยๆ ยังไม่มีตัวร้ายออกมาซักกะคน

 :z3:

ถามคุณ Foggy Time นิดนะค้า ในเรื่องนี่ใครพลังเวทย์แกร่งที่สุด?

 :laugh:

แน่นอนว่าท่านคาร์บิลัสค่ะ 555555555555  :hao7:

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
...........

"พอง

พอง"


ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
...........

"พอง

พอง"



เอ้ะ คืออะไรเหรอ 555555

 :katai5: # คลานหนี

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด